Welcome to Q4wahabi.com (Question for Wahabi). Please login or sign up.

ธันวาคม 22, 2024, 07:08:11 หลังเที่ยง

Login with username, password and session length
สมาชิก
  • สมาชิกทั้งหมด: 1,718
  • Latest: Haroldsmolo
Stats
  • กระทู้ทั้งหมด: 3,701
  • หัวข้อทั้งหมด: 778
  • Online today: 102
  • Online ever: 200
  • (กันยายน 14, 2024, 01:02:03 ก่อนเที่ยง)
ผู้ใช้ออนไลน์
Users: 1
Guests: 65
Total: 66

ค่ำที่ 6 สิงหาคม = 15 ชะอ์บาน

เริ่มโดย L-umar, สิงหาคม 04, 2009, 08:58:34 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

L-umar



رِوَايَةُ زَيْدِ بْنِ أَرْقَمَ :
ثُمَّ قَالَ قَامَ رَسُولُ اللَّهِ -صلى الله عليه وسلم- يَوْمًا فِينَا خَطِيبًا بِمَاءٍ يُدْعَى خُمًّا بَيْنَ مَكَّةَ وَالْمَدِينَةِ فَحَمِدَ اللَّهَ وَأَثْنَى عَلَيْهِ وَوَعَظَ وَذَكَّرَ ثُمَّ قَالَ « أَمَّا بَعْدُ أَلاَ أَيُّهَا النَّاسُ فَإِنَّمَا أَنَا بَشَرٌ يُوشِكُ أَنْ يَأْتِىَ رَسُولُ رَبِّى فَأُجِيبَ وَأَنَا تَارِكٌ فِيكُمْ ثَقَلَيْنِ أَوَّلُهُمَا كِتَابُ اللَّهِ فِيهِ الْهُدَى وَالنُّورُ فَخُذُوا بِكِتَابِ اللَّهِ وَاسْتَمْسِكُوا بِهِ ». فَحَثَّ عَلَى كِتَابِ اللَّهِ وَرَغَّبَ فِيهِ ثُمَّ قَالَ « وَأَهْلُ بَيْتِى أُذَكِّرُكُمُ اللَّهَ فِى أَهْلِ بَيْتِى أُذَكِّرُكُمُ اللَّهَ فِى أَهْلِ بَيْتِى أُذَكِّرُكُمُ اللَّهَ فِى أَهْلِ بَيْتِى »

เซด บิน อัรกอมรายงาน :

ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ็อลฯ)ได้ยืนปราศรัยในหมู่พวกเราวันหนึ่งที่แหล่งน้ำชื่อว่า (เฆาะดีร) คุม อยู่ระหว่างเมืองมักกะฮ์กับเมืองมะดีนะฮ์ ท่านได้สรรเสริญอัลลอฮ์ สดุดีพระองค์ และได้ตักเตือน ย้ำให้ระลึก จากนั้นท่านกล่าวว่า : อัมมาบะอ์ดุ  

พึงทราบเถิดท่านทั้งหลาย  อันที่จริงฉันเป็นมนุษย์คนหนึ่ง รอซูลแห่งพระผู้อภิบาลของฉัน(คือมลาอิกัลมูต)นั้นใกล้จะมา(รับชีวิตฉันไป)แล้ว และฉันก็ตอบรับแล้ว  และ

ฉันได้มอบสิ่งหนักสองสิ่งไว้ในหมู่พวกท่าน  สิ่งแรกคือกิตาบุลเลาะฮ์(อัลกุรอาน)
ในนั้นคือทางนำและแสงสว่าง  ดังนั้นพวกท่านจงจับคัมภีร์ของอัลลอฮ์ไว้ และจงยึดมันให้มั่น   แล้วท่านได้แนะนำให้ปฏิบัติตามคัมภีร์   ถัด

จากนั้นท่านกล่าวว่า  และ(สอง)อะฮ์ลุลบัยต์ของฉัน  

ฉันขอเตือนพวกท่านให้รำลึกถึงอัลลอฮ์ในอะฮ์ลุลบัยต์ของฉัน
ฉันขอเตือนพวกท่านให้รำลึกถึงอัลลอฮ์ในอะฮ์ลุลบัยต์ของฉัน  
ฉันขอเตือนพวกท่านให้รำลึกถึงอัลลอฮ์ในอะฮ์ลุลบัยต์ของฉัน  



อ้างอิงจาก

ซอฮี๊ฮฺมุสลิม กิตาบฟะฎออิลุซ-ซอฮาบะฮ์   บาบมิน ฟะฎออิลิอะลี ฮะดีษที่ 4425
  •  

L-umar




عَنْ جَعْفَرِ بْنِ مُحَمَّدٍ عَنْ أَبِيهِ عَنْ جَابِرِ بْنِ عَبْدِ اللَّهِ قَالَ :
رَأَيْتُ رَسُولَ اللَّهِ -صلى الله عليه وسلم- فِى حَجَّتِهِ يَوْمَ عَرَفَةَ وَهُوَ عَلَى نَاقَتِهِ الْقَصْوَاءِ يَخْطُبُ فَسَمِعْتُهُ يَقُولُ « يَا أَيُّهَا النَّاسُ إِنِّى قَدْ تَرَكْتُ فِيكُمْ مَا إِنْ أَخَذْتُمْ بِهِ لَنْ تَضِلُّوا كِتَابَ اللَّهِ وَعِتْرَتِى أَهْلَ بَيْتِى ».


ญะอ์ฟัร บินมุฮัมมัด จากบิดาเขา(มุฮัมมัดบินอะลี)จากญาบิร บินอับดุลลอฮฺ รายงาน :

ฉันได้เห็นท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ็อลฯ)ในการประกอบพิธีฮัจญ์ของท่านในวันอะเราะฟะฮ์ ซึ่งท่านอยู่บนหลังอูฐกำลังปราศรัย

แล้วฉันได้ยินท่านกล่าวว่า

โอ้ประชาชนทั้งหลาย แท้จริงฉัน ทิ้งไว้ให้แก่พวกท่านถึงสิ่งซึ่งหากพวกท่านยึดมั่นต่อสิ่งนั้น  พวกท่านจะไม่หลงทางโดยเด็ดขาด สิ่งนั้นคือ

1.   คัมภีร์ของอัลลอฮฺ(อัลกุรอาน) และ

2.   อิตเราะตี คืออะฮ์ลุลบัยต์ของฉัน


สถานะหะดีษ  :   เศาะหิ๊หฺ  

ดูซอฮีฮุต-ติรมีซี  หะดีษที่ 2978    ตรวจทานโดยเชคอัลบานี
  •  

L-umar


عَنْ أَبِي سَعِيدٍ الْخُدْرِيِّ قَالَ :
قَالَ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ إِنِّي قَدْ تَرَكْتُ فِيكُمْ الثَّقَلَيْنِ أَحَدُهُمَا أَكْبَرُ مِنْ الْآخَرِ كِتَابُ اللَّهِ عَزَّ وَجَلَّ حَبْلٌ مَمْدُودٌ مِنْ السَّمَاءِ إِلَى الْأَرْضِ وَعِتْرَتِي أَهْلُ بَيْتِي أَلَا إِنَّهُمَا لَنْ يَفْتَرِقَا حَتَّى يَرِدَا عَلَيَّ الْحَوْضَ

อบูสะอีด อัลคุดรีรายงาน :

ท่านรอซูลุลลอฮฮ์ (ศ็อลฯ)กล่าวว่า : แท้จริงฉัน ได้ทิ้งสิ่งหนักสองสิ่งไว้ให้กับพวกท่าน สิ่งแรกใหญ่กว่าอีกสิ่งหนึ่งคือ

1.   กิตาบุลเลาะฮ์(อัลกุรอาน)อัซซะวะญัลคือเชือกที่ทอดจากชั้นฟ้ามายังโลกและ

2.   อิตเราะตี คืออะฮ์ลุลบัยต์ของฉัน  


พึงรู้เถิดว่า แท้จริงทั้งสองสิ่งจะไม่แยกจากกัน จนกว่าจะกลับมาหาฉันที่อัลเฮาฎ์(สระเกาษัร)  


สถานะฮะดีษ  : ซอฮี๊ฮฺ  

ดูมุสนัดอะหฺมัด   ฮะดีษที่ 11227 ตรวจทานโดยเชคชุเอบ อัลอัรนะอูฏ
  •  

L-umar



عَنْ أَبِي سَعِيدٍ الْخُدْرِيِّ قَالَ :
قَالَ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ إِنِّي قَدْ تَرَكْتُ فِيكُمْ مَا إِنْ أَخَذْتُمْ بِهِ لَنْ تَضِلُّوا بَعْدِي الثَّقَلَيْنِ أَحَدُهُمَا أَكْبَرُ مِنْ الْآخَرِ كِتَابُ اللَّهِ حَبْلٌ مَمْدُودٌ مِنْ السَّمَاءِ إِلَى الْأَرْضِ وَعِتْرَتِي أَهْلُ بَيْتِي أَلَا وَإِنَّهُمَا لَنْ يَفْتَرِقَا حَتَّى يَرِدَا عَلَيَّ الْحَوْضَ

อบูสะอีด อัลคุดรีรายงาน :

ท่านรอซูลุลลอฮฮ์ (ศ็อลฯ)กล่าวว่า : แท้จริง แน่นอนยิ่งฉัน ทิ้งไว้ให้แก่พวกท่านถึงสิ่งซึ่งหากพวกท่านยึดมั่นต่อสิ่งนั้น  พวกท่านจะไม่หลงทางหลังจากฉันโดยเด็ดขาด สิ่งแรกใหญ่กว่าอีกสิ่งหนึ่งคือ

1.   กิตาบุลเลาะฮ์(อัลกุรอาน)คือเชือกที่ทอดจากชั้นฟ้ามายังโลกและ

2.   อิตเราะตี คืออะฮ์ลุลบัยต์ของฉัน  


พึงรู้เถิดว่า แท้จริงทั้งสองสิ่งจะไม่แยกจากกัน จนกว่าจะกลับมาหาฉันที่อัลเฮาฎ์(สระเกาษัร)  



สถานะฮะดีษ  : ซอฮี๊ฮฺ  

ดูมุสนัดอะหฺมัด   ฮะดีษที่ 11578 ตรวจทานโดยเชคชุเอบ อัลอัรนะอูฏ
  •  

L-umar



عَنْ زَيْدِ بْنِ ثَابِتٍ قَالَ :
قَالَ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ إِنِّي تَارِكٌ فِيكُمْ خَلِيفَتَيْنِ كِتَابُ اللَّهِ حَبْلٌ مَمْدُودٌ مَا بَيْنَ السَّمَاءِ وَالْأَرْضِ أَوْ مَا بَيْنَ السَّمَاءِ إِلَى الْأَرْضِ وَعِتْرَتِي أَهْلُ بَيْتِي وَإِنَّهُمَا لَنْ يَتَفَرَّقَا حَتَّى يَرِدَا عَلَيَّ الْحَوْضَ

เซด บินษาบิตรายงาน :

ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ็อลฯ)กล่าวว่า : แท้จริงฉันได้มอบสองคอลีฟะฮ์ไว้ในหมู่พวกท่าน

1.   คัมภีร์ของอัลลอฮ์(อัลกุรอาน)คือเชือกที่ทอดอยู่ระหว่างชั้นฟ้าและแผ่นดิน และ

2.   อิตเราะตี คืออะฮ์ลุลบัยต์ของฉัน



และแท้จริงทั้งสองสิ่งจะไม่แยกจากกัน จนกว่าจะกลับมาพบฉันที่อัลเฮาฎ์(สระเกาษัร)


สถานะหะดีษ  :   เศาะหิ๊หฺ  

ดูมุสนัดอิหม่ามอะหฺมัด   หะดีษที่ 21618 ตรวจทานโดยเชคชุเอบ อัลอัรนะอูฏ
  •  

L-umar



ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ็อลฯ)กล่าวว่า :


إِنِّي تَرَكْتُ فِيكُمُ الْخَلِيفَتَيْنِ كَامِلَتَيْنِ : كِتَابَ اللَّهِ ، وَعِتْرَتِي ، وَإِنَّهُمَا لَنْ يَتَفَرَّقَا حَتَّى يَرِدَا عَلَيَّ الْحَوْضَ


แท้จริงฉันได้มอบ 2 คอลีฟะฮ์ ที่สมบูรณ์แบบ ไว้ในหมู่พวกท่าน


1.   คัมภีร์ของอัลลอฮ์(อัลกุรอ่าน) และ

2.   อิตเราะฮ์ (วงศ์วาน) ของฉัน


และแท้จริงทั้งสองสิ่ง จะไม่แยกจากกันอย่างเด็ดขาด จนกระทั่งทั้งสองจะกลับมาพบฉันที่อัลเฮาฎ์(สระเกาษัร)


สถานะหะดีษ  เศาะหิ๊หฺ  

ดูมุสนัด อิบนิอบีชัยบะฮ์ (ฮ.ศ. 159- 235) หะดีษที่ 135
อัลมุอ์ญัม กะบีร  โดยอัฏฏ็อบรอนี (ฮ.ศ. 260- 360) หะดีษที่ 4922
ดูซิลลาลุลญันนะฮ์ โดยเชคอัลบานี (เกิดฮ.ศ. 1333 ) หะดีษที่ 754,1548
  •  

L-umar



อธิบาย :


คำว่า  " หากยึด จะไม่หลง"  คือหากทำปฏิบัติตาม จะถือว่าอยู่บนหนทางที่เที่ยงตรง


คำว่า " ทั้งสองสิ่งจะไม่แยกจากกัน จนกว่าจะกลับมาหาฉันที่อัลเฮาฎ์ " คืออัลกุรอานกับอะฮ์ลุลบัยต์นบี จะต้องอยู่คู่กันนับจากวันที่ท่านนบี(ศ)กล่าวไว้จนถึงวันกิยามะฮ์



ฮะดีษนี้แสดงว่า อะฮ์ลุลบัยต์จะต้องมีตัวตนจริงๆและต้องมีชีวิตอยู่คู่กับคัมภีร์อัลกุรอานเสมอ ซึ่งภาษาอาหรับเรียกว่า   อิสติมร็อร (إستمرار) หมายถึง ต้องดำเนินต่อไปเรื่อยๆ


เราไม่อาจตีความฮะดีษบทนี้เป็นอื่นได้ นอกจากต้องยอมรับว่า อิม่ามมะฮ์ดีเกิดมานานแล้ว เพียงแต่ท่านไม่ยอมปรากฏตัวให้ใครเห็นเท่านั้น
เพราะถ้าเชื่อว่า ท่านยังไม่เกิด  แต่จะไปเกิดในอนาคต ก็เท่ากับคัมภีร์กุรอ่านกับอะฮ์ลุลบัยต์ไม่ได้อยู่คู่กัน  
ถ้ามุสลิมคนใดมีความเชื่อแบบนี้ก็เท่ากับเขาได้กล่าวหาว่า ท่านนบีมุฮัมมัด(ศ)พูดเท็จเพราะท่านนบีกล่าวว่า ( สองสิ่งนี้จะไม่แยกจากกัน...)  
ถ้าจะพิสูจน์ว่าฮะดีษนี้ไม่โกหก เราก็จำเป็นต้องยอมรับว่า ปัจจุบันนี้มีอะฮ์ลุลบัยต์นบี ที่มีชีวิตอยู่คู่กับคัมภีร์กุรอ่านมาโดยตลอดจนถึงวันกิยามัต


จึงทำให้ต้องยอมรับว่า อิม่ามมะฮ์ดีได้เกิดมาบนโลกแล้ว มิเช่นนั้นฮะดีษษะก่อลัยน์ก็จะขัดกับความเป็นจริงในยุคปัจจุบันนี้  ทั้งๆที่ฮะดีษนี้เป็นฮะดีษซอเฮี๊ยะห์ของทั้งสองฝ่าย
  •  

L-umar


ฮะดีษที่ 2 – ฮะดีษ 12  ผู้นำ  (حديث الاثني عشرخليفة)  



เป็นฮะดีษซอเฮี๊ยะห์ของซุนนี่ทั้งบุคอรีย์และมุสลิมและอาลิมคนอื่นๆต่างบันทึกไว้ในตำราฮะดีษ และจากฝ่ายชีอะฮ์มีทั้งท่านเชคศอดูกและเชคตูซี่ได้บันทึกไว้ รายงานโดยท่านญาบิร บิน สะมุเราะฮ์และซอฮาบะฮ์คนอื่นๆ

«إنّ هذا لا ينقضي حتى يمضي فيهم اثنا عشر خليفة»، ثم تكلّم بكلام خفي عليّ، فقلت لابي ما قال؟ قال: كلّهم من قريش.

ท่านนบี(ศ)กล่าวว่า :
แท้จริงกิจการ(อิสลาม)นี้ จะยังไม่สิ้นสุด จนกว่า 12 ค่อลีฟะฮ์จะดำเนินมาถึงพวกเขา   แล้วท่านนบีพูดด้วยถ้อยคำแผ่วเบาแก่ฉัน    ฉัน(ญาบิร)ได้ถามบิดาของฉันว่า : ท่านพูดอะไร ? บิดาบอกว่า : ท่านกล่าวว่า : พวกเขาทั้งหมดมาจากเผ่ากุเรช

อ้างอิงจากหนังสือชีอะฮ์

กะมาลุดดีน เชคศอดูก หน้า 272  และอัลฆ็อยบะฮ์ เชคตูซี หน้า 128  



عَنْ عَبْدِ الْمَلِكِ سَمِعْتُ جَابِرَ بْنَ سَمُرَةَ قَالَ سَمِعْتُ النَّبِىَّ - صلى الله عليه وسلم - يَقُولُ « يَكُونُ اثْنَا عَشَرَ أَمِيرًا - فَقَالَ كَلِمَةً لَمْ أَسْمَعْهَا فَقَالَ أَبِى إِنَّهُ قَالَ - كُلُّهُمْ مِنْ قُرَيْشٍ »

ท่านนบี (ศ) กล่าวว่า :

จะมี 12 ผู้นำเกิดขึ้น แล้วท่านกล่าวคำหนึ่งซึ่งฉันได้ยินไม่ถนัด  บิดาของฉันจึงบอกว่า : แท้จริงท่านกล่าวว่า : พวกเขาทั้งหมดมาจากเผ่ากุเรช

ซอฮีฮุลบุคอรี  หะดีษที่ 7222



عَنْ جَابِرِ بْنِ سَمُرَةَ قَالَ دَخَلْتُ مَعَ أَبِى عَلَى النَّبِىِّ -صلى الله عليه وسلم- فَسَمِعْتُهُ يَقُولُ « إِنَّ هَذَا الأَمْرَ لاَ يَنْقَضِى حَتَّى يَمْضِىَ فِيهِمُ اثْنَا عَشَرَ خَلِيفَةً ». قَالَ ثُمَّ تَكَلَّمَ بِكَلاَمٍ خَفِىَ عَلَىَّ - قَالَ - فَقُلْتُ لأَبِى مَا قَالَ قَالَ « كُلُّهُمْ مِنْ قُرَيْشٍ ».

ท่านนบี ศ็อลฯกล่าวว่า :

แท้จริงกิจการ(อิสลาม)นี้ จะยังไม่สิ้นสุด จนกว่า 12 ค่อลีฟะฮ์(ผู้ปกครอง)จะดำเนินมาถึงพวกเขา      ญาบิรเล่าว่า : แล้วท่านนบีพูดด้วยถ้อยคำแผ่วเบาแก่ฉัน    ญาบิรเล่าว่า : ฉันได้ถามบิดาของฉันว่า : ท่านพูดอะไร ? บิดาบอกว่า : ท่านกล่าวว่า : พวกเขาทั้งหมดมาจากเผ่ากุเรช


ซอฮี๊ฮฺมุสลิม  หะดีษที่ 4809  
  •  

L-umar



อธิบาย :

ฮะดีษ 12 ผู้นำบทนี้เป็นฮะดีษมุสัลละม๊าต แต่คุณสมบัติของผู้นำมุสลิมตามหลักศาสนาอิสลามในฮะดีษบทนี้ไม่ตรงกับผู้ใดเลย นอกจากบรรดาอิม่ามทั้ง 12 คนที่มาจากอะฮ์ลุลบัยต์นบี

บุคลิก12 คอลีฟะฮ์ในฮะดีษบทนี้เป็นเรื่องฆ็อยบียะฮ์(เร้นลับ)ที่ท่านนบี(ศ)บอกข่าวถึงคอลีฟะฮ์ที่จะดำรงชีวิตอยู่ไปจนถึงวันกิยามัต  เขาผู้นั้นจึงเป็นใครอื่นไปไม่ได้นอกจาก อิม่ามมะฮ์ดี (อ)

ฮะดีษ 12 คอลีฟะฮ์จึงแสดงว่า อิม่ามฮาซันอัสการีย์ได้ให้กำเนิดอิม่ามมะฮ์ดีย์ไว้แล้ว ก่อนที่ท่านจะสิ้นชีพ ถ้ามิเช่นนั้นอิม่ามมะฮ์ดีย์จะเกิดจากบิดาได้อย่างไรอีก เมื่อบิดาของท่านได้สิ้นชีพไปพันกว่าปีแล้ว
  •  

L-umar


ฮะดีษที่ 3 –  สะนัดฮะดีษก็เป็นมุสัลละม๊าตของทั้งซุนนี่ / ชีอะฮ์อีกเช่นกัน  
   

ฮะดีษฝ่ายซุนนี่    

مَنْ مَاتَ وَلَيْسَ فِى عُنُقِهِ بَيْعَةٌ مَاتَ مِيتَةً جَاهِلِيَّةً

ท่านรอซูลุลลอฮ์ ศ็อลฯ กล่าวว่า :

บุคคลใดตายไปและเขาไม่ได้ให้สัตยาบันไว้กับผู้นำของเขา บุคคลนั้นได้ตายในสภาพพวกงมงาย(ยุคก่อนอิสลามประกาศ)  

ซอฮี๊ฮฺมุสลิม หะดีษที่ 4899  


مَنْ مَاتَ بِغَيْرِ إِمَامٍ مَاتَ مِيتَةً جَاهِلِيَّةً

ท่านรอซูลุลลอฮ์ ศ็อลฯ กล่าวว่า :

บุคคลใดตายไปโดยที่เขาไม่มีอิหม่าม(ในยุคของเขา)  บุคคลนั้นได้ตายในสภาพพวกงมงาย(ยุคก่อนอิสลามประกาศ)  



สถานะหะดีษ  :  ซอฮีฮุ  

ดูมุสนัดอิม่ามอะหมัด หะดีษที่ 16922 ตรวจทานโดยเชคชุเอบ อัลอัรนะอูฏ




ฮะดีษฝ่ายชีอะฮ์  

 ท่านนบีมุฮัมมัด(ศ)กล่าวว่า :

مَنْ مَاتَ وَلَمْ يَعْرِفْ إِمَامَ زَمَانِهِ مَاتَ مِيتَةً جَاهِلِيَّةً

บุคคลใดตายไปโดยที่เขาไม่ได้รู้จักอิหม่ามในยุคของเขา  บุคคลนั้นได้ตายในสภาพพวกงมงาย(ยุคก่อนอิสลามประกาศ)  


อัลกาฟี โดยเชคกุลัยนี   เล่ม 1 หน้า 377 ฮะดีษเลขที่ 3
  •  

L-umar


อธิบาย :


ถ้ามุสลิมคนใดไม่ยอมรับว่า อิม่ามมะฮ์ดีเกิดแล้วในตอนนี้ ก็หมายความว่า บุคคลนั้นยังไม่รู้จักอิหม่ามผู้นำในสมัยของเขาว่าเป็นใคร ดังนั้นก็จะตายในสภาพญาฮิลียะฮ์  


หากว่าตอนนี้อิม่ามมะฮ์ดียังไม่เกิด แล้วเราจะทำความรู้จักกับอิม่ามผู้นำในยุคของเราได้อย่างไร



จากฮะดีษสามเรื่องดังกล่าวแม้ว่า จะไม่บอกตรงๆถึงการมีอยู่ของอิม่ามมะฮ์ดี(อ) แต่ก็แสดงให้เห็นว่า อิม่ามมะฮ์ดีต้องเกิดมาแล้วอย่างแน่นอน
  •  

L-umar

  •  

L-umar



เหตุผลที่ 2 –


มีฮะดีษ(วจนะ)ที่ท่านนบี(ศ)และบรรดาอิม่าม(อ)แจ้งไว้ล่วงหน้าว่า : ในอนาคตอิม่ามฮาซันอัสการีย์จะมีบุตรชาย ซึ่งบุตรคนนี้คือผู้ที่จะทำให้โลกเต็มเปี่ยมไปด้วยความยุติธรรมและเขาจะหายตัวไปจากสังคม  มุสลิมทุกคนจำเป็นต้องเชื่อสิ่งนี้ ฮะดีษลักษณะเช่นนี้มีมากมาย  เช่น  เชคศอดูกได้บันทึกไว้ในหนังสือกะมาลุดดีน เขาได้ตั้งชื่อเรื่องนี้ไว้ในหลายบท(บาบ)ด้วยกันคือ :

باب ما روي عن النبي في الامام المهدي، ذكر فيه خمسة وأربعين حديثاً.
باب ما روي عن أمير المؤمنين (عليه السلام) في الامام المهدي.
باب عن الزهراء سلام الله عليها وما ورد عنها في الامام المهدي (عليه السلام)، ذكر فيه أربعة أحاديث.
ثم عن الامام الحسن (عليه السلام)، ذكر فيه حديثين.
ثم عن الامام الحسين (عليه السلام)، ذكر فيه خمسة أحاديث.
ثم عن الامام السجاد (عليه السلام)، ذكر فيه تسعة أحاديث.
ثم عن الامام الباقر (عليه السلام)، ذكر فيه سبعة عشر حديثاً.
ثم عن الامام الصادق (عليه السلام)، ذكر فيه سبعة وخمسين حديثاً.  

แปลไทย

ฮะดีษเรื่องอิม่ามมะฮ์ดี(อ)ที่รายงานจากท่านนบี(ศ)มี 45 ฮะดีษ,
จากท่านอิมามอาลี(อ) 1 ฮะดีษ,
จากท่านหญิงฟาติมะฮ์ 4 ฮะดีษ,
จากอิมามฮาซัน(อ) 2 ฮะดีษ,
จากอิมามฮุเซน(อ) 5 ฮะดีษ,
จากอิมามซัยนุลอาบิดีน 9 ฮะดีษ,
จากอิมามบาเก็ร 17 ฮะดีษ,
จากอิมามศอดิก(อ) 57 ฮะดีษ  

รวมได้ 100 กว่าฮะดีษจากหนังสือกะมาลุดดีนของเชคศอดูกเพียงเล่มเดียวยังไม่รวมฮะดีษที่บันทึกอยู่ในหนังสืออัลกาฟีย์ของเชคกุลัยนี,หนังสืออัลฆ็อยบะฮ์ของเชคตูซีย์และหนังสือบิฮารุลอันวารของอัลลามะฮ์มัจญ์ลิซีย์และหนังสือของนักปราชญ์คนอื่นๆ ซึ่งหากนำฮะดีษเรื่องอิม่ามมะฮ์ดีในหนังสือเหล่านี้มารวมกัน คาดว่าคงมีจำนวนมากกว่า 1000 ฮะดีษ จะยกมาเป็นบะร่อกัตเพียงหนึ่งบทที่รายงานจากนบีมุฮัมมัด(ศ)และสองฮะดีษจากท่านอิม่ามศอดิก(อ) :

ما رواه ابن عباس قال: سمعت النبي (صلى الله عليه وآله وسلم) يقول :
«... ألا وإنّ الله تبارك وتعالى جعلني وإيّاهم حججاً على عباده، وجعل من صلب الحسين أئمة يقومون بأمري، ويحفظون وصيّتي، التاسع منهم قائم أهل بيتي ومهدي أمتي، أشبه الناس بي في شمائله وأقواله وأفعاله، يظهر بعد غيبة طويلة...» إلى آخر الحديث.

อิบนุ อับบาสรายงานว่า : ฉันได้ยินท่านนบี(ศ) กล่าวว่า :

พึงรู้ไว้เถิดว่า แท้จริงอัลลอฮ์ ตะบาร่อกะ วะตะอาลา ทรงแต่งตั้งฉันและพวกเขาให้เป็นฮุจญัตต่อปวงบ่าวของพระองค์เท่านั้น, และทรงแต่งตั้งจากเชื้อสายของฮุเซนให้เป็นบรรดาอิม่าม มาดำรงหน้าที่ตามคำสั่งของฉัน, พวกเขาจะทำหน้าที่พิทักษ์วะซียัตของฉัน, คนที่ 9 จากพวกเขาคือ กออิม(นามแฝงของอิม่ามมะฮ์ดี) เป็นอะฮ์ลุลบัยต์ของฉันและคือมะฮ์ดีแห่งประชาชาติของฉัน,เขาเหมือนฉันมากที่สุดในบุคลิก,คำพูดและกริยาท่าทางของเขา , เขาจะปรากฏตัวหลังจากที่เขาได้เร้นหายตัวไปเป็นระยะเวลาอันยาวนาน...

กะมาลุดดีน เชคศอดูก หน้า  257 ฮะดีษเลขที่ 2 และกิฟายะตุล อะษัร หน้า 10


عِدَّةٌ مِنْ أَصْحَابِنَا عَنْ أَحْمَدَ بْنِ مُحَمَّدٍ عَنْ عَلِيِّ بْنِ الْحَكَمِ عَنْ أَبِي أَيُّوبَ الْخَرَّازِ عَنْ مُحَمَّدِ بْنِ مُسْلِمٍ قَالَ سَمِعْتُ أَبَا عَبْدِ اللَّهِ ع يَقُولُ إِنْ بَلَغَكُمْ عَنْ صَاحِبِكُمْ غَيْبَةٌ فَلَا تُنْكِرُوهَا

ท่านมุฮัมมัด บินมุสลิมเล่าว่า : ฉันได้ยินท่านอบู อับดิลละฮ์ (อิม่ามศอดิก)อะลัยฮิสสลามกล่าวว่า :  หากมาถึงพวกเจ้าเกี่ยวกับซอฮิบของพวกเจ้า(นามแฝงของอิมามมะฮ์ดี)ได้เร้นหายตัวไป จงอย่าได้ปฏิเสธสิ่งนั้น


สถานะหะดีษ ซอฮี๊ฮฺ ดูอัลกาฟี เชคกุลัยนี เล่ม 1 หน้า 340 หะดีษที่ 15
ตรวจทานโดยมัรกะซุล บุฮูซ คอมพิวเตอร์ ลิลอุลูมิลอิสลามียะฮ์ เมืองกุม อิหร่าน


عن زرارة يقول: سمعت أبا عبد الله (عليه السلام) يقول  :  « إنّ للقائم غيبة قبل أن يقوم، يا زرارة وهو المنتظر، وهو الذي يشك في ولادته »    

จากซุรอเราะฮ์เล่าว่า : ฉันได้ยินท่านอบู อับดิลละฮ์(อ)กล่าวว่า : แท้จริงสำหรับอัลกออิม(นามแฝงของอิม่ามมะฮ์ดี)มีการเร้นหายตัวไปก่อนที่มาออกมาทำการกิยาม  โอ้ซุรอเราะฮ์ เขาคือผู้ถูกรอคอย(อัลมุนตะซ็อร) และเขาเป็นบุคคลที่จะถูกสงสัยในการถือกำเนิดของเขา            

กะมาลุดดีน เชคศอดูก หน้า 342 ฮะดีษเลขที่ 24
  •  

L-umar



ข้อสงสัยเรื่องการเกิดของอิมามมะฮ์ดี(อ) ครั้งแรกเกิดขึ้นจากใครเพราะอะไร ?


อิม่ามศอดิก(อ)ได้บอกไว้ล่วงหน้าว่า คนแรกที่จะสร้าง(ฟิตนะฮ์)สร้างความสงสัยเรื่องการเกิดของอิม่ามมะฮ์ดี(อ) คือญะอ์ฟัร อัลกัซซาบ เป็นอาของอิม่ามมะฮ์ดีเอง  สาเหตุเพราะเขาไม่ได้รับข้อมูลเรื่องการเกิดของหลานชายคนนี้ เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองในเวลานั้นไม่เอื้ออำนวยให้เขาได้รับรู้ความจริง เพราะแม้เพียงอิม่ามฮาซันอัสการีย์(อ)จะเอ่ยชื่อบุตรชายออกมาอย่างโจ่งแจ้งว่า อัลมะฮ์ดี ก็ทำไม่ได้ และท่านก็ไม่อนุญาตให้ใครเรียกชื่อนี้ด้วย
นี้คือที่มาของความสงสัย  อุละมาอ์ฝ่ายซุนนี่จึงหยิบยกเอาฟิตนะฮ์นี้มายึดถือเป็นเกณฑ์อย่างเช่น อิบนุ ฮัซมิน กล่าวว่า :  ในปีฮ.ศ.ที่260 เป็นปีที่อิม่ามฮาซันอัสการีย์สิ้นชีพ ก็ยังไม่มีวี่แววข่าวการเกิดของอิม่ามมะฮ์ดี(อ)เลย  ดูหนังสืออัลฟัศลุ ฟิลมิลัล วัลอะฮ์วาอ์ วันนิฮัล เล่ม 3 หน้า 114 ของเขาเป็นต้น

ท่านอิม่ามศอดิก(อ)ได้สอนดุอาอ์บทหนึ่งกับซุรอเราะฮ์(รฎ.)ว่า :

« يا زرارة إذا أدركت ذلك الزمان فادعوا بهذا الدعاء:
 «اللّهم عرّفني نفسك فانّك إن لم تعرفني نفسك لم أعرف نبيّك، اللّهم عرّفني رسولك فانّك إن لم تعرّفني رسولك لم أعرف جحتك، اللّهم عرّفني حجتك فانّك إن لم تعرّفني حجتك ضللت عن ديني»
كمال الدين: 342 ح 24.

โอ้ซุรอเราะฮ์  เมื่อเจ้าอยู่ทันยุคนั้น(ยุคฆ็อยบะฮ์) พวกเจ้าจงอ่านดุอาอ์บทนี้ :
โอ้อัลลอฮ์ โปรดทำให้ฉันรู้จักพระองค์  เพราะหากพระองค์ไม่ทำให้ฉันรู้จักพระองค์  ฉันจะไม่มีวันรู้จักนบีของพระองค์
โอ้อัลลอฮ์ โปรดทำให้ฉันรู้จักรอซูลของพระองค์  เพราะหากพระองค์ไม่ทำให้ฉันรู้จักรอ ซูลของพระองค์  ฉันจะไม่มีวันรู้จักฮุจญัตของพระองค์
โอ้อัลลอฮ์ โปรดทำให้ฉันรู้จักฮุจญัต ( ชื่อของอิม่ามมะฮ์ดี ) ของพระองค์  เพราะหากพระองค์ไม่ทำให้ฉันรู้จักฮุจญัตพระองค์  ฉันคงหลงออกจากศาสนาของฉันแน่


กะมาลุดดีน เชคศอดูก หน้า 342 ฮะดีษเลขที่ 24

ดุอาอ์บทนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งเพื่อให้เรามีชีวิตอยู่โดยปฏิบัติตามอัลกุรอานและอะฮ์ลุลบัยต์
อิบาดัตที่เราไม่ควรมองข้ามอีกอย่างหนึ่งคือ การอ่านดุอาอ์ที่รายงานจากอะฮ์ลุลบัยต์เช่น ดุอาฟะร่อญะฮ์ :
มีรายงานว่า ในยุคที่ต้องปิดบังชื่อจริงของอิม่ามมะฮ์ดี(อ) ดุอาอ์บทนี้ บรรดาชีอะฮ์ถึงกับต้องอ่านดุอาอ์ฟะร่อญะฮฮ์กันแบบนี้คือ :
(  اللّهم كن لوليك فلان ابن فلان) อัลลอฮุมมะ กุนลิ วะลียิกะ ฟุลาน บิน ฟุลาน

 اللَّهُمَّ كُنْ لِوَلِيِّكَ فُلَانِ بْنِ فُلَانٍ فِي هَذِهِ السَّاعَةِ وَ فِي كُلِّ سَاعَةٍ وَلِيّاً وَ حَافِظاً وَ نَاصِراً وَ دَلِيلًا وَ قَاعِداً وَ عَوْناً وَ عَيْناً حَتَّى تُسْكِنَهُ أَرْضَكَ طَوْعاً وَ تُمَتِّعَهُ فِيهَا طَوِيلًا و

อัลลอฮุมมะ กุน ลิวะลียิกะ (อัลฮุจญะติบนิลฮาซัน) ซ่อละวาตุกะ อะลัยฮิ วะอะลา อาบาอิฮ์ ฟี ฮาซิฮิสซาอะฮ์ วะฟี กุลลิ ซาอะฮ์ วะลีเยา วะฮาซิซอ วะ กออิดเดา วะนาซิรอ วะดะลีเลา วะอัยนา  ฮัตตา ตุสกินะฮู อัรด่อกะ เตาอา วะตุมัต ติอะฮู ฟีฮา ต่อวีลา


โอ้อัลลอฮ์ ขอพระองค์ทรงเป็นผู้คุ้มครองวะลีของพระองค์คือ อัลฮุจญัต บุตรของฮาซัน (อัสการี) ขอการสรรเสริญจากพระองค์ จงมีแด่เขาและบรรพบุรุษของเขาทั้งในเวลานี้และทุกเวลา ขอพระองค์ทรงเป็นผู้คุ้มครอง ผู้ปกป้อง ผู้นำ  ผู้ช่วยเหลือ ผู้ชี้นำทางเขา และขอพระองค์ทรงสถิตอยู่ในสายตาของเขา  จนกระทั่งเขาได้บรรลุถึงอำนาจการปกครองบนหน้าแผ่นดินของพระองค์ และ(ผู้อยู่บนหน้าแผ่นดิน)ยอมจำนนสวามิภักดิ์ต่อเขาโดยดุษฎี และได้โปรดทำให้เขาได้รับประโยชน์จากทุกสรรพสิ่งในแผ่นดินนี้โดยทั่วถึงยาวนาน

อัลกาฟี  เชคกุลัยนี  เล่ม 4  หน้า 162 หะดีษที่ 4  
  •  

L-umar

  •  

65 ผู้มาเยือน, 1 ผู้ใช้