Welcome to Q4wahabi.com (Question for Wahabi). Please login or sign up.

ธันวาคม 22, 2024, 07:14:47 หลังเที่ยง

Login with username, password and session length
สมาชิก
  • สมาชิกทั้งหมด: 1,718
  • Latest: Haroldsmolo
Stats
  • กระทู้ทั้งหมด: 3,701
  • หัวข้อทั้งหมด: 778
  • Online today: 102
  • Online ever: 200
  • (กันยายน 14, 2024, 01:02:03 ก่อนเที่ยง)
ผู้ใช้ออนไลน์
Users: 0
Guests: 73
Total: 73

ค่ำที่ 6 สิงหาคม = 15 ชะอ์บาน

เริ่มโดย L-umar, สิงหาคม 04, 2009, 08:58:34 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 2 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

L-umar


เหตุผลที่ 3 –



ผู้ปกครอง(มาลิกและกาหลิบ)ผู้ฉ้อฉลในยุคของบรรดาอิม่ามทั้งหลายต่างรู้ดีว่า อิม่ามคนที่ 12 เป็นลูกใคร ? สืบเชื้อสายมาจากใคร ?  ข้อมูลเหล่านี้ไม่ใช่ความลับ เพราะนบีมุฮัมมัดและบรรดาอิม่ามได้บอกไว้แล้ว  และเรื่องนี้ได้ถูกบันทึกเป็นฮะดีษ  ฉะนั้นในสมัยราชวงศ์อับบาซียะฮ์ปกครองอาณาจักรอิสลาม กาหลิบมุอ์ตะมิดอับบาซีหวั่นเกรงว่า บุตรที่จะเกิดจากอิม่ามฮาซัน อัสการีย์ จะมาโค่นล้มบัลลังค์ของพระองค์ พระองค์จึงสั่งให้ทหารเฝ้าดูการใช้ชีวิตของอิม่ามฮาซัน อัสการีย์อย่างไม่ให้คาดสายตา  

เมื่อกาหลิบอัลมุอ์ตะมิด อับบาซีทรงทราบข่าวว่า อิม่ามฮาซันอัสการีย์ (อ)คือผู้ให้กำเนิดอิม่ามคนที่ 12 พระองค์ได้ส่งทหารไปบ้านของอิม่ามฮาซัน อัสการีย์(อ) ควบคุมภรรยาและบรรดาสตรีของอิม่ามไว้อย่างใกล้ชิด คอยสังเกตว่า ทารกผู้นั้นจะคลอดจากสตรีนางใด ? การกระทำของอัลมุอ์ตะมิดถือว่า เป็นหลักฐานชัดเจนว่า การเกิดของอิม่ามมะฮ์ดีเป็นเรื่องที่ต้องเกิดขึ้นจริง มิเช่นนั้นกาหลิบมุอ์ตะมิดคงไม่มีเหตุผลอันใดต้องทำกับท่านอิม่ามฮาซันอัสการีย์(อ)เช่นนั้น  
นับได้ว่าการใช้ชีวิตของอิม่ามฮาซัน อัสการีย์และชีอะฮ์ในยุคนั้นต้องพบกับความลำบากและความเดือดร้อนเป็นอย่างยิ่ง เพราะฉะนั้นเรื่องการเกิดของอิม่ามมะฮ์ดีจึงต้องถูกปิดเป็นความลับให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อความปลอดภัยของอิม่ามคนที่ 12    เราลองมาฟังฮะดีษของท่านอิม่ามฮาดีย์ อิม่ามที่ 10 (อ)บทนี้กัน :

عَلِيُّ بْنُ مُحَمَّدٍ عَمَّنْ ذَكَرَهُ عَنْ مُحَمَّدِ بْنِ أَحْمَدَ الْعَلَوِيِّ عَنْ دَاوُدَ بْنِ الْقَاسِمِ قَالَ سَمِعْتُ أَبَا الْحَسَنِ ع يَقُولُ الْخَلَفُ مِنْ بَعْدِيَ الْحَسَنُ فَكَيْفَ لَكُمْ بِالْخَلَفِ مِنْ بَعْدِ الْخَلَفِ فَقُلْتُ وَ لِمَ جَعَلَنِيَ اللَّهُ فِدَاكَ فَقَالَ إِنَّكُمْ لَا تَرَوْنَ شَخْصَهُ وَ لَا يَحِلُّ لَكُمْ ذِكْرُهُ بِاسْمِهِ فَقُلْتُ فَكَيْفَ نَذْكُرُهُ فَقَالَ قُولُوا الْحُجَّةُ مِنْ آلِ مُحَمَّدٍ عَلَيْهِمُ السَّلَامُ

อบุล กอซิม อัลญะอ์ฟะรีย์ ดาวูด บิน อัลกอซิมเล่าว่า :

ฉันได้ยิน  ท่านอิม่ามฮาดี ( อิม่ามที่ 10 ) กล่าวว่า : อัลคอลัฟ ( ผู้สืบทอดตำแหน่งอิม่าม ) ต่อจากฉันคือฮาซัน อัสการี บุตรชายของฉัน แล้วจะเป็นอย่างไรเล่าสำหรับพวกเจ้า กรณีเกี่ยวกับผู้สืบทอดต่อจากอัลค่อลัฟ   ( คือฮาซัน ) ผู้นี้ ?  
 
ฉัน(ผู้รายงาน)กล่าวว่า : ทำไมอัลลอฮ์ไม่ทรงให้ฉันได้มีโอกาสเสียสละเพื่อท่าน ?

ท่านอิม่ามฮาดี(อ)กล่าวว่า :  แท้จริงพวกเจ้าจะไม่ได้พบเห็นตัวจริงของเขา(อัลมะฮ์ดี) และไม่อนุญาติให้พวกเจ้าเรียกเขาด้วยชื่อจริง  ดังนั้นฉันจึงถามว่า : แล้วเวลาที่เราจะเอ่ยถึงเขาจะให้เราเรียกเขาว่าอย่างไร ?
ท่าน(อ)ตอบว่า : จงกล่าวว่า อัลฮุจญะฮ์ มิน อาลิ มุฮัมมัด

อัลกาฟี เชคกุลัยนี เล่ม 1 หน้า 328 ฮะดีษที่ 13


วิเคราะห์สะนัด

ดาวูด บินอัลกอสิม
(داود) * بن القاسم الجعفري (2) يكنى أبا هاشم من ولد جعفر بن أبي طالب عليه السلام، ثقة جليل القدر
رجال الطوسي - (ج 225 / ص 1
83 - داود بن القاسم الجعفري أبو هاشم، ثقة
مشايخ الثقات- غلام رضا عرفانيان - (ج 1 / ص 60

มีนักรายงานฮะดีษชีอะฮ์ที่น่าเชื่อถือคนหนึ่งได้เล่าถึงบุคคลที่เคยเห็นท่านอิม่ามมะฮ์ดี (อ)บุตรชายของท่านอิม่ามฮาซันอัสการี (อ)

بَابٌ فِي تَسْمِيَةِ مَنْ رَآهُ ع
مُحَمَّدُ بْنُ عَبْدِ اللَّهِ وَ مُحَمَّدُ بْنُ يَحْيَى جَمِيعاً عَنْ عَبْدِ اللَّهِ بْنِ جَعْفَرٍ الْحِمْيَرِيِّ قَالَ...

รายงานโดยท่านอับดุลลอฮ์ บินญะอ์ฟัร อัลฮะมีรี (เขาได้ถามท่านอุษมาน บินสะอีด อบูอัมรฺ ตัวแทนคนที่ 1 ของอิม่ามมะฮ์ดี ) ว่า :

فَقُلْتُ لَهُ أَنْتَ رَأَيْتَ الْخَلَفَ مِنْ بَعْدِ أَبِي مُحَمَّدٍ ع فَقَالَ إِي وَ اللَّهِ وَ رَقَبَتُهُ مِثْلُ ذَا وَ أَوْمَأَ بِيَدِهِ فَقُلْتُ لَهُ فَبَقِيَتْ وَاحِدَةٌ فَقَالَ لِي هَاتِ قُلْتُ فَالاسْمُ قَالَ مُحَرَّمٌ عَلَيْكُمْ أَنْ تَسْأَلُوا عَنْ ذَلِكَ وَ لَا أَقُولُ هَذَا مِنْ عِنْدِي فَلَيْسَ لِي أَنْ أُحَلِّلَ وَ لَا أُحَرِّمَ وَ لَكِنْ عَنْهُ ع فَإِنَّ الْأَمْرَ عِنْدَ السُّلْطَانِ أَنَّ أَبَا مُحَمَّدٍ مَضَى وَ لَمْ يُخَلِّفْ وَلَداً وَ قَسَّمَ مِيرَاثَهُ وَ أَخَذَهُ مَنْ لَا حَقَّ لَهُ فِيهِ وَ هُوَ ذَا عِيَالُهُ يَجُولُونَ لَيْسَ أَحَدٌ يَجْسُرُ أَنْ يَتَعَرَّفَ إِلَيْهِمْ أَوْ يُنِيلَهُمْ شَيْئاً وَ إِذَا وَقَعَ الِاسْمُ وَقَعَ الطَّلَبُ فَاتَّقُوا اللَّهَ وَ أَمْسِكُوا عَنْ ذَلِكَ

ท่านเคยเห็นอัลคอลัฟ ( คืออิม่ามมะฮ์ดี ) หลังจากอบู มุฮัมมัด( คืออิม่ามฮาซันอัสการีย์) สิ้นชีพแล้วหรือไม่ ?
อบู อัมรฺตอบว่า : ใช่ฉันเคยเห็น ขอสาบานด้วยนามของอัลลอฮ์... ฉันกล่าวกับเขาว่า : เหลือเพียงคนเดียว
เขากล่าวกับฉันว่า : จงเอามา   ฉันถามว่า : เขาชื่ออะไร ?  เขาตอบว่า : ฮะร่ามสำหรับพวกท่านที่จะถามถึงสิ่งนั้น และฉันเองก็จะไม่พูดเรื่องนี้ด้วย   ฉันไม่มีสิทธิฟัตวาว่านี่ฮะล้าลและนั่นฮะร่าม แต่ว่า(ฟัตวานั้น)ต้องมาจากเขา ( คือมาจากคำสั่งของอิม่ามมะฮ์ดี )
เพราะท่านกาหลิบมุอ์ตะมิด สั่งไว้ว่า  ท่านอิม่ามฮาซันอัสการีย์ ได้จากไปโดยไม่มีทายาทสืบสกุล และทรัพย์สินมรดกของท่านได้ถูกแบ่งปัน ( แก่เครือญาติหมดแล้ว )  ดังนั้นขอให้พวกท่านจงยำเกรงอัลลอฮ์ และจงอย่าได้พูดเรื่องนั้น ( คือเรื่องที่ว่าอิม่ามฮาซันอัสการีย์มีบุตรชายสืบทอด )

สถานะหะดีษ ซอฮี๊ฮฺ ดูอัลกาฟี เชคกุลัยนี เล่ม 1 หน้า 329 หะดีษที่ 1
ตรวจทานโดยมัรกะซุล บุฮูซ คอมพิวเตอร์ ลิลอุลูมิลอิสลามียะฮ์ เมืองกุม อิหร่าน


ยังมีฮะดีษมัชฮูร(โด่งดังแพร่หลาย)เกี่ยวกับเรื่องการเกิดที่รายงานจากท่านหญิงฮะกีมะฮ์บุตรสาวของท่านอิม่ามญะวาด(อ)  ในคืนที่นางได้อยู่ในเหตุการณ์ตอนที่อิม่ามมะฮ์ดี(อ)ประสูติในปีฮ.ศ.ที่ 255 วันที่ 15 เดือนชะอ์บาน  ซึ่งบันทึกอยู่ในหนังสืออัลฆ็อยบะฮ์ ของเชคตูซี  หน้า 234 ฮะดีษที่ 319

ونقل الشيخ الطوسي أيضاً في الغيبة حديثاً ظريفاً فقال:  جاء أربعون رجلاً من وجهاء الشيعة اجتمعوا في دار الامام العسكري ليسألوه عن الحجة من بعده، وقام عثمان بن سعيد العمري
فقال: يابن رسول الله أريد أن أسالك عن أمر أنت أعلم به منّي، فقال له: إجلس يا عثمان، فقام مغضباً ليخرج، فقال: لا يخرجنّ أحد، فلم يخرج منّا أحد، إلى أن كان بعد ساعة فصاح (عليه السلام) بعثمان فقام على قدميه فقال: أخبركم بما جئتم؟ قالوا: نعم يا بن رسول الله، قال: جئتم تسألوني عن الحجة من بعدي؟ قالوا: نعم، فاذا غلام كأنّه قطعة قمر أشبه الناس بأبي محمد، فقال: هذا إمامكم من بعدي، وخليفتي عليكم، أطيعوه ولا تتفرقوا من بعدي فتهلكوا في أديانكم، ألا وانّكم لا ترونه من بعد يومكم هذا حتى يتمّ له عمر، فاقبلوا من عثمان ما يقوله، وانتهوا الى أمره، واقبلوا قوله، فهو خليفة إمامكم والامر إليه»    الغيبة للطوسي: 357 ح 319.

เชคตูซีย์ได้รายงานว่า :
มีระดับแกนนำชีอะฮ์เป็นชายจำนวน 40 คนเข้ามารวมตัวกันในบ้านของท่านอิม่ามฮาซัน อัสการีย์(อ) เพื่อไตร่ถามถึงอัลฮุจญะฮ์ผู้สืบทอดตำแหน่งต่อจากท่าน
อุษมาน บิน สะอีด อัลอุมรีย์ยืนขึ้นถามว่า : โอ้บุตรของท่านรอซูลุลลอฮ์ !  ผมอยากถามท่านเรื่องหนึ่ง  ซึ่งท่านรู้เรื่องนี้ดีกว่าผม,  ท่านอิม่ามบอกเขาว่า : โอ้อุษมาน จงนั่งลงเถิด    แล้วท่านลุกออกมาด้วยความโกรธ ท่านกล่าวว่า : อย่าให้ผู้ใดออกไปข้างนอก,  ไม่มีพวกเราสักคนออกไปข้างนอก จนเวลาผ่านไปสักพักหนึ่ง ท่านพูดเสียงดังกับอุษมาน  แล้วลุกยืนด้วยเท้าทั้งสองของท่าน พลางกล่าวว่า : ฉันจะบอกกับพวกท่านเอาไหมว่าพวกท่านมาหาฉันด้วยเหตุอันใด
พวกเขา( แกนนำ 40 คน) กล่าวว่า : เอาครับ โอ้บุตรของท่านรอซูลุลลอฮ์
ท่านกล่าวว่า :  พวกท่านจะมาถามฉันถึงอัลฮุจญะฮ์( ผู้นำ)ที่จะสืบต่อจากฉันใช่ไหม ?
พวกเขาตอบว่า : ใช่แล้วครับ ทันใดนั้นมีเด็กผู้ชายคนหนึ่งปรากฏตัว เขาผ่องใสดุจดวงจันทร์ เขาเหมือนกับท่านอบู มุฮัมมัด(อิม่ามที่11) มาก  
ท่าน(อิม่ามฮาซัน อัสการีย์) กล่าวว่า :  เด็กคนนี้คืออิม่ามผู้นำของพวกท่านภายหลังจากฉัน  และเป็นค่อลีฟะฮ์ของฉัน ที่มีอำนาจปกครองพวกท่าน   ขอให้พวกท่านจงตออัต(เชื่อฟัง)เขา  และจงอย่าแตกแยกกันภายหลังจากฉัน  เพราะจะทำให้พวกท่านพบกับความหายนะในศาสนาของพวกท่าน    จงรู้ไว้เถิดว่า พวกท่านจะไม่ได้เห็นเขาอีกหลังจากวันนี้ของพวกท่าน จนกว่าอายุจะครบสมบูรณ์สำหรับเขา  พวกท่านจงยอมรับอุษมานในสิ่งที่เขากล่าวว่า มันคือคำพูดของเขา(คือของอัลมะฮ์ดี)  พวกท่านจงยุติเรื่องที่คำสั่งของเขา  จงยอมรับคำพูดของเขา  เพราะอุษมานคือตัวแทน(นาอิบ)ของอิม่ามของพวกท่าน  ดังนั้นภารกิจจะสิ้นสุดที่เขา      

อัลฆ็อยบะฮ์  เชคตูซี  หน้า 357 ฮะดีษเลขที่ 319
   

ฮะดีษในลักษณะเช่นนี้มีมากมาย ถ้าเอามารวมกันก็จะกลายเป็นฮะดีษมุตะวาติร เพียงแต่หยิบยกแบบรวบลัดมาเพื่อให้แน่ใจว่าท่านอิม่ามมะฮ์ดี(อ)ได้เกิดแล้ว และมีคนเคยพบเห็นท่าน
[/color]
  •  

L-umar



เหตุผลที่ 4 –


ถ้าได้อ่านประวัติศาสตร์อิสลามและฮะดีษชีอะฮ์ จะเข้าใจว่า ชีอะฮ์สามัญชนตั้งแต่ยุคแรกล้วนถ่ายทอดความเชื่อนี้มาโดยตลอด ความเชื่อเช่นนี้จึงมีความชัดเจนดีในหมู่ชีอะฮ์
จะเห็นได้ว่ามีชีอะฮ์นาวูซียะฮ์ได้อ้างว่า อิม่ามที่หายตัวไปคืออิม่ามศอดิก(อ)เมื่อท่านอิม่ามศอดิก สิ้นชีพลงความเชื่อของพวกเขาก็เป็นโมฆะไปด้วย    


ส่วนชีอะฮ์วากีฟียะฮ์ก็อ้างว่า อิม่ามมะฮ์ดีของพวกเขาคืออิม่ามมูซา กาซิม (อ)

ถ้าพิจารณาให้ดีๆ เรื่องเหล่านี้ไม่ได้เป็นเหตุทำให้ความเชื่อในเรื่องการมีอยู่ของอิม่ามมะฮ์ดีอ่อนแอลงไปเลย ในทางตรงกันข้ามมันกลับทำให้ความเชื่อนี้มีน้ำหนักและแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น เพราะได้แสดงให้รู้ว่า ความเชื่อเช่นนี้เป็นความเชื่อที่แพร่หลายชัดเจนดีในหมู่ชีอะฮ์ จนมีมุสลิมหลายกลุ่มฉกฉวยโอกาสแอบอ้างชื่ออิม่ามบางคน ที่พวกเขาตะอัศศุบ(คลั่งใคล้)ว่า เป็นอิม่ามมะฮ์ดี  แล้วอ้างว่าตนคือตัวแทน(สะฟีร,นาอิบหรือวะกีล)ของอิม่ามคนนั้น  

หากเรื่องการเกิดและการหายตัว(ฆ็อยบะฮ์)ของอิม่ามมะฮ์ดีเป็นเรื่องนิยาย  คงไม่มีพวกนักหลอกลวง(กัซซาบ)ทั้งหลายโกหกกับประชาชนมาทุกยุคทุกสมัยหรอกว่า เขาคืออิม่ามมะฮ์ดีบ้าง เขาเป็นตัวแทนของอิม่ามมะฮ์ดีบ้าง      ฉะนั้นจึงทำให้เราแน่ใจว่าท่านอิม่ามมะฮ์ดีประสูติแล้วจริง
  •  

L-umar



เหตุผลที่ 5 –


ตัวแทนของอิม่ามมะฮ์ดี 4 คนที่ได้รับการแต่งตั้งจากท่านอิม่ามมะฮ์ดี(อ)เป็นเรื่องชัดเจนในประวัติศาสตร์ชีอะฮ์ ไม่มีชีอะฮ์คนใดสงสัยคลางแคลงนับจากยุคเชคกุลัยนีย์ซึ่งเป็นยุคที่ท่านใช้ชีวิตในสมัยเดียวกันกับตัวแทนของอิม่ามมะฮ์ดี(อ)ในช่วงฆ็อยบะฮ์ ศุฆรอ และท่านอะลี บิน ฮุเซนบิดาของเชคศอดูกอีกคนหนึ่ง จนมาถึงยุคปัจจุบันนี้  ไม่เคยมีชีอะฮ์คนใดสงสัยในเรื่องตัวแทนทั้งสี่คนนี้เลย ซึ่งพวกเขาคือ :

1, อุษมาน บิน สะอีด อบู อัมรฺ  

2, มุฮัมมัด บิน อุษมานบิน สะอีด

3, อัลฮุเซน บิน รูห์  

4, อาลี บิน มุฮัมมัด อัสสะมะรีย์



นี่เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้แน่ใจว่า ท่านอิม่ามมะฮ์ดีเกิดแล้ว และท่านได้แต่งตั้งตัวแทนของท่านสี่คนนี้ไว้ก่อนที่ท่านจะหายตัวไปจากสังคมในยุคนั้น
  •  

L-umar


เหตุผลที่ 6 –



จากปากคำของนักประวัติศาสตร์อิสลามและนัซซาบ(ผู้เชี่ยวชาญด้านสืบสายสกุล)ฝ่ายซุนนี่ ได้สร้างความชัดเจนในเรื่องการเกิดของอิม่ามมะฮ์ดี เช่น :


อิบนุ ค็อลกาน
กล่าวว่า : อบุล กอซิม มุฮัมมัด บิน ฮาซัน อัสการีย์ คืออิม่ามคนที่ 12 ตามความเชื่อของชีอะฮ์ ซึ่งรู้จักกันในนาม อัลฮุจญะฮ์  เขาเกิดวันศุกร์ที่ 15 เดือนชะอ์บาน ฮ.ศ.ที่ 255  ( หนังสือ วัฟยาตุล อะอ์ยาน  เล่ม 4 หน้า 176 เล่มที่ 562 )

อัซ-ซะฮะบีย์
กล่าวว่า : ส่วนบุตรชายของอิมามที่ 11 ที่ชื่อมุฮัมมัด บิน อัลฮาซันที่พวกชีอะฮ์เรียกกันว่า อัลกออิมุล ค่อละฟุล ฮุจญะฮ์  เขาเกิดในปีฮ.ศ.ที่ 258 บางคนว่าปีฮ.ศ.ที่ 256         ( หนังสือตารีคุลอิสลาม เล่ม 11 หน้า 113 เลขที่ 159)

อิบนุ ฮะญัรอัลฮัยซะมีย์
กล่าวว่า : อิม่ามฮาซัน อัสการีย์ไม่มีบุตรสืบทอดเลยสักคน ยกเว้นบุตรชายของเขาที่ชื่อ อบุล กอซิม มุฮัมมัด อัลฮุจญะฮ์เท่านั้น ตอนที่บิดาเขาเสียชีวิตเขามีอายุได้ 5 ปี (หนังสืออัศ-ศ่อวาอิก อัลมุห์ริเกาะฮ์ หน้า 255 และหน้า 314 )

ค็อยรุดดีน อัซ-ซัรกุลีย์

กล่าวว่า : อัลมะฮ์ดีเกิดที่เมืองซามาร่า(ซะมัรรอ) ประเทศอิรัก เมื่อบิดาเขาเสียชีวิต ตอนนั้นเขามีอายุ 5 ปี (อัศ-ศ่อวาอิกอัลมุห์ริเกาะฮ์ หน้า 255 และ 314 )


ยังมีคำพูดของนักตารีคอิสลามอีกหลายคน   ที่กล่าวถึงเรื่องการเกิดของอิมามมะฮ์ดี(อ)ไว้ คำพูดเหล่านี้เป็นอีกพยานหนึ่งที่ทำให้เราเชื่อว่า อิม่ามมะฮ์ดี(อ)เกิดแล้วจริง


ส่วนนักวิชาการเหล่านั้นจะเชื่อหรือไม่เชื่อ นั่นคือสิทธิของพวกเขา
  •  

L-umar



เหตุผลที่ 7 –


บรรดานักวิชาการที่เป็นนักรายงานฮะดีษฝ่ายชีอะฮ์มีความเชื่อเหมือนกันมาโดยตลอดนับตั้งแต่

สมัยเชคกุลัยนี ( เกิดฮ.ศ.ที่ 260 มรณะฮ.ศ. 329 ) รอวีย์ผู้โด่งดังเจ้าของหนังสืออัลกาฟีซึ่งมีชีวิตอยู่ในสมัยตัวแทนพิเศษของอิม่ามมะฮ์ดี(อ)ตอนช่วงฆ็อยบะตุซ-ซุฆรอ และเขาได้พบปะกับบรรดาตัวแทนอิม่ามมะฮ์ดีตอนอยู่ที่กรุงแบกแดด  เชคกุลัยนีก็ได้อาศัยอยู่ที่นั่น เชคกุลัยนีสิ้นชีพในปีที่ตัวแทนคนสุดท้ายของอิมามมะฮ์ดีชื่อ อาลี บิน มุฮัมมัด อัสสะมะรีย์สิ้นชีพพอดี   ,


สมัยของอะลี บิน ฮุเซน บิน บาบะวัยฮฺ อัลกุมมี (บิดาของเชคศอดูก),


สมัยเชคศอดูก ( มรณะฮศ.381 ) เจ้าของหนังสือมันลายะห์ฎุรุฮุลฟะกีฮ์


สมัยเชคตูซี่ ( มรณะฮศ.460 ) เจ้าของหนังสือตะห์ซีบุลอะห์กาม,อัลอิสติบศ็อร,อัต-ติบยาน,อัลฆ็อยบะฮ์ตูซี,อะมาลีตูซี,อัลฟะฮ์ร็อสและริญานตูซี


จนมาถึงยุคปัจจุบันนี้ว่า อุละมาอ์ชีอะฮ์และชีอะฮ์สามัญชนต่างรู้ว่า อิม่ามมะฮ์ดี(อ)ประสูติแล้วแต่ท่านหายตัวไปและยังไปปรากฏตัว   ชีอะฮ์ทุกชนชั้นทุกระดับไม่เคยสงสัยในเรื่องนี้ ซึ่งนี่คือรากฐานความเชื่อ(อะกีดะฮ์)ของชีอะฮ์และมัซฮับชีอะฮ์


เมื่อได้พิจารณาเหตุผลดังที่กล่าวมา จึงสร้างความแน่ใจให้เชื่อได้ว่า ชายที่ชื่ออัลมะฮ์ดี บุตรชายของฮาซัน อัลอัสการีย์ได้เกิดแล้วจริงและยังมีชีวิตอยู่




คำถามสำหรับพวกตะอัซซุบ


หลักฐานจากคัมภีร์กุรอ่าน  /  หะดีษของทั้งสองฝ่าย   รวมทั้งเหตุผลเหล่านี้  ได้พิสูจน์ว่า


ท่านอิม่ามมะฮ์ดี   บุตรท่านอิม่ามฮาซัน อัสการี (อ)  ได้กำเนิดขึ้นมาแล้วอย่างแน่นอนในยุคศตวรรษที่สามแห่งฮิจเราะฮ์ศักราช

ทำไมท่านจึงกล่าวอย่างไร้เหตุผล ว่า ท่านอิม่ามมะฮ์ดียังไม่เกิด   ?

ท่านจะปฏิเสธหลักฐานหะดีษษะเกาะลัยน์กระนั้นหรือ  ที่กล่าวว่า กุรอ่านกับอะฮ์ลุลบัยต์ต้องอยู่คู่กันเสมอ

ท่านจะปฏิเสธหะดีษสิบสองผู้นำกระนั้นหรือ

ท่านไม่ต้องการทำความรู้จักอิม่ามผู้นำที่แท้จริงในยุคที่ท่านดำรงชีวิตอยู่กระนั้นหรือ

ท่านต้องการเสียชีวิตในสภาพ  ญาฮิลียะฮื กระนั้นหรือ  ???


สมจริงแล้วดังที่อัลลอฮ์ ตะอาลาตรัสว่า

صُمٌّ بُكْمٌ عُمْيٌ فَهُمْ لَا يَعْقِلُونَ

وَالَّذِينَ كَذَّبُوا بِآَيَاتِنَا صُمٌّ وَبُكْمٌ فِي الظُّلُمَاتِ مَنْ يَشَأِ اللَّهُ يُضْلِلْهُ وَمَنْ يَشَأْ يَجْعَلْهُ عَلَى صِرَاطٍ مُسْتَقِيمٍ



  •  

73 ผู้มาเยือน, 0 ผู้ใช้