Welcome to Q4wahabi.com (Question for Wahabi). Please login or sign up.

ธันวาคม 22, 2024, 08:35:51 ก่อนเที่ยง

Login with username, password and session length
สมาชิก
  • สมาชิกทั้งหมด: 1,718
  • Latest: Haroldsmolo
Stats
  • กระทู้ทั้งหมด: 3,698
  • หัวข้อทั้งหมด: 778
  • Online today: 13
  • Online ever: 200
  • (กันยายน 14, 2024, 01:02:03 ก่อนเที่ยง)
ผู้ใช้ออนไลน์
Users: 0
Guests: 60
Total: 60

การสนทนาเรื่อง อัลกาฟี กับซอฮิ๊ฮ์บุคอรี

เริ่มโดย L-umar, กรกฎาคม 08, 2010, 01:23:19 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 2 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

faruq

พระองค์อัลลอฮฺบ่อยครั้งมักจะพูดโกหกและมักจะทำอะไรที่ผิดพลาด (หนังสือ อูศูลกาฟี หน้า 328 โดย มุฮัมมัดยะI๊บ อัลกุลัยนี)

นี่คือฮะดิษหนึ่งที่ผมเจอ แต่ด้วยความสัจจริงผมไม่รู้หรอกว่าคุณ L-umar  จะอธิบายฮะดิษนี้ยังไง แต่สิ่งที่น่าคิดคือว่าผู้ที่ตามอะลุลบัยต์ ผู้ที่อยู่ในทางตรงบันทึกสิ่งเหล่านี้ไปได้ยังไง ไม่ต้องไปหาหลักฐานที่ไหน ไม่ต้องอาศัยผู้รู้คนใดเลยก็สามารถจัดการกับฮะดิษนี้ได้ว่ามันควรอยู่ในสถานะไหน ผมจะไม่แปลกใจหากมันมีฮะดิษอ่อนแออยู่บ้างแม้ว่าจะไม่ควรมีเลยเพราะพวกท่านประกาศว่าอยู่ในทางตรงที่สุด แต่หนังสือที่ดีที่สุดของพวกท่านมีฮะดิษอ่อนแอมากมายอย่างที่ว่ามา เมื่อตำราที่ดีที่สุดในสี่เล่มเป็นเช่นนี้ ก็ไม่จำเป็นต้องพูดถึง 3 เล่มที่เหลือ แล้วท่านจะมอบความั่นใจให้กับผู้ที่สนใจชีอะฮฺโดยเชื่อว่ามันมาจากทางตรงและมาจากลูกหลานนบีแท้ๆไม่ผิดเพี้ยนได้ยังไง
  •  

L-umar

อ้างอิงจากคุณฟารูก

คุณฟารูกกล่าวว่า   แน่นอนครับอัลกุรอานย่อมเป็นอันดับหนึ่ง(ไร้ข้อผิดพลาด) ตำราฮะดิษที่เชื่อถือได้ของท่านมี 4 เล่ม เล่มที่ถูกต้องที่สุดคืออัลกาฟีย์ เท่ากับว่าบรรดาหนังสือทั้งหมดที่ท่านมี อัลกาฟีย์ อยู่บนสุด แต่บนสุดของมันก็อยู่ใต้อัลกรุอาน แล้วความหมายมันจะต่างกันตรงไหนกับซอแฮที่สุดรองจากอัลกุรอาน




อธิบาย

ต่างสิคับท่าน   เพราะ


1.   หากอัลกาฟี สมบูรณ์ที่สุด  ซอแฮะฮ์ที่สุด ในสายตาของอุละมาอ์ชีอะฮ์   ทำไมลูกศิษย์ของเชคกุลัยนีชื่อเชคศอดูก ยังต้องทำตำราหะดีษขึ้นมาอีกสองเล่มคือ  มันลา ยะห์ฎุรุฮุลฟะกีฮ์ กับอัสอิศติบศ็อร  และต่อมาเชคตูซี่ก็แต่งตำราขึ้นมาอีกเล่มชื่ออัตตะฮ์ซีบ    แสดงว่าอุละมาชีอะฮ์ในอดีตได้ชี้ให้เห็นแล้วว่า  อัลกาฟี ยังไม่เพียงพอใช่ไหม

2.   ขอให้คุณฟารูกย้อนไปอ่านตำราอุซูลุดดีน  ตำราฟิกฮ์ และตำราเรื่องอื่นๆของชีอะฮ์  คุณจะพบว่าอุละมาอ์ไม่ได้ยกหนังสืออัลกาฟีมาเป็นหลักฐานเพียงเล่มเดียว  แต่พวกเขาได้ยกตำราอื่นจากอัลกาฟีมาอ้างอิงด้วย    ก็เหมือนที่อุละมาอ์ซุนนี่ไม่ได้ยกแค่ซอฮี๊ฮ์บุคอรีและมุสลิมมาอ้าง แต่พวกเขาได้อ้างอิงหลักฐานจากตำราอื่นๆประกอบด้วย


3.   ชีอะฮ์ในสมัยก่อนๆ หมายถึงชีอะฮ์ที่มีชีวิตอยู่ในสมัยของอิม่ามแต่ละยุค   พวกเขาสามารถเดินทางไปพบอะฮ์ลุลบัยต์ได้ด้วยตัวเอง หรือไม่ก็ส่งตัวแทนไปพบอิม่ามของพวกเขา  เพื่อสอบถามถึงความถูกต้องของหะดีษที่พวกเขาได้ยินได้ฟังมา     แต่หลังจากฮิจเราะฮ์ศักราชที่  260  ชาวชีอะฮ์ไม่สามารถทำเช่นนั้นได้   ยิ่งสมัยของเรากับอะฮ์ลุลบัยต์ห่างกันออกไปนานๆ จนมาถึงปัจุบัน    คนบอกเล่าหะดีษของอะฮ์ลุลบัยต์ก็มีทุกยุค  ดังนั้นทางออกของเราก็ต้องย้อนกลับไปทำตามคำแนะของอะฮ์ลุลบัยต์เกี่ยวกับยึดถือเรื่องหะดีษ   ดังนี้


หนึ่ง -   ท่านอิม่ามญะอ์ฟัร อัซซอดิก กล่าวว่า

ما لم يوافق من الحديث القرآن فهو زخرف    الكافي الكليني ج 1 ص 92

สิ่งที่มาจากหะดีษ(ของอะฮ์ลุลบัยต์)  หากมันไม่สอดคล้องตรงกับคัมภีร์กุรอ่าน   หะดีษนั้นถือว่า  บาเตล   ใช้ไม่ได้   อัลกาฟี  เล่ม  1 : 92

แม้แต่อิม่ามซอดิกเองยังบอกว่า  หะดีษของอะฮ์ลุลบัยต์บทใดหากไปขัดแย้งกับอัลกุรอ่าน ให้ถือว่าหะดีษบทนั้นบาเต้ลใช้ไม่ได้

ดังนั้นไม่ใช่เรื่องแปลก  หากเราจะบอกกับท่านว่า  หะดีษในอัลกาฟี มีหะดีษทั้งซอแฮะฮ์และดออีฟ  ขึ้นอยู่กับความแข็งแรงของอิสนาดและความหมายที่ต้องอาศัยกุรอ่านเป็นเมนหลักในการวัดหะดีษเหล่านั้น    

สอง  -   ท่านอุมัรบินฮันเซาะละฮ์เล่าว่า   ฉันได้ถามท่านอิม่ามซอดิก(อ)ถึงชายสองคนเกิดพิพาทขัดแย้งกันในเรื่องศาสนาและเรื่องแบ่งมรดก(คือเรื่องอะกีดะฮ์และเรื่องฟิกฮ์) แล้วชายสองคนนั้นได้นำเรื่องไปให้ผู้ปกครองและผู้พิพากษาตัดสินความ  จะอนุญาตให้ทำแบบนั้นได้หรือไม่.

อิม่ามซอดิก(อ)ได้ตอบเขาว่า

يَنْظُرَانِ إِلَى مَنْ كَانَ مِنْكُمْ مِمَّنْ قَدْ رَوَى حَدِيثَنَا وَ نَظَرَ فِي حَلَالِنَا وَ حَرَامِنَا وَ عَرَفَ أَحْكَامَنَا فَلْيَرْضَوْا بِهِ حَكَماً فَإِنِّي قَدْ جَعَلْتُهُ عَلَيْكُمْ حَاكِماً

ให้ชายสองคนนั้นไปดูผู้คนที่อยู่ในหมู่พวกท่าน  จากคนที่เขาได้รายงานหะดีษของเรา และเขาดูในเรื่องข้ออนุญาติและข้อห้ามของเรา  และเขาคนนั้นมีความเข้าใจในฮุก่มต่างๆของเรา

ดังนั้นให้พวกเขา(ทั้งสอง)จงพอใจต่อเขาการตัดสินความของเขา  เพราะฉันได้แต่งตั้งเขาคนนั้นให้เป็นผู้ตัดสินความเหนือพวกท่าน  
ดูอัลกาฟี โดยเชคกุลัยนี  เล่ม 1 : 67 หะดีษที่  10

อะฮ์ลุลบัยต์ได้สอนให้เราเชื่อ   นักรายงานหะดีษของอะฮ์ลุลบัยต์ที่เชี่ยวชาญเรื่องราวของอะฮ์ลุลบัยต์โดยเฉพาะเรื่องฮะล้าลและฮะร่ามที่อะฮ์ลุลบัยต์บอกกล่าวเอาไว้    ฉะนั้นการที่ปราชญืชีอะฮ์ออกมาบอกเราว่า  หะดีษในอัลกาฟีบทนั้นบทนี้ ดออีฟ  มันได้ออกมาจากความชำนาญในศาสตร์นี้ของนักปราชญ์ชีอะฮ์  และเราก็ทำตามคำชี้แนะของอิม่ามซอดิกที่กล่าวว่า  " ฉันได้แต่งตั้งผู้เชี่ยวชาญหะดีษของอะฮ์ลุลบัยต์ให้เป็นผู้ตัดสินเรื่องราวต่างๆเหนือพวกท่าน  

สาม -      อิม่ามฮาซันอัสการี(อ)ได้กำหนดคุณสมบัติของนักปราชญ์ชีอะฮ์เอาไว้ว่า

فَأَمَّا مَنْ كَانَ مِنَ الْفُقَهَاءِ صَائِناً لِنَفْسِهِ حَافِظاً لِدِينِهِ مُخَالِفاً عَلَى هَوَاهُ مُطِيعاً لِأَمْرِ مَوْلَاهُ فَلِلْعَوَامِّ أَنْ يُقَلِّدُوهُ

ส่วนหนึ่งจากบรรดานักปราชญ์ (นั้นจะต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้คือ)
1.   รักษาตัวเขาเองมิให้มลทิน  
2.   ปกป้องดูแลศาสนาของเขา
3.   ไม่คล้อยตามอารมณ์ใฝ่ต่ำของเขา
4.   เชื่อฟังคำสั่งของอิม่าม(แห่งอะฮ์ลุลบัยต์)ของเขา
ดังนั้นสำหรับประชาชนจะต้องตักลีด(ปฏิบัติ)ตามเขา
ดูวะซาอิลุชชีอะฮ์  โดยฮุรรุลอามิลี  เล่ม 27 : 131 หะดีษที่  33401

ฉะนั้นฟะกีฮ์หรือมุจญ์ตะฮิด จึงถือว่าเป็นตำแหน่งที่ได้รับการแต่งตั้งมาจากอะฮ์ลุลบัยต์ให้ทำหน้าที่ดูแลปกป้องแนวทางมัซฮับชีอะฮ์  มิใช่หรือคับ ไม่ใช้พวกเรามายึดถือกันเองตามอำเภอใจของเรา

สี่ -  อิม่ามมะฮ์ดี  บินฮาซันอัสการี(อ) ได้กล่าวว่า

وَ أَمَّا الْحَوَادِثُ الْوَاقِعَةُ فَارْجِعُوا فِيهَا إِلَى رُوَاةِ حَدِيثِنَا فَإِنَّهُمْ حُجَّتِي عَلَيْكُمْ وَ أَنَا حُجَّةُ اللَّهِ

ส่วนเหตุการณ์ต่างๆที่จะเกิดขึ้น(หลังจากฉันไม่อยู่)   ดงันั้นพวกท่านจงย้อนกลับไปในมัน(ในปัญหาต่างๆ)ยังนักรายงานหะดีษทั้งหลายของเรา เพราะเนื่องจากบรรดานักรายงานหะดีษคือ หลักฐานของฉันที่มีต่อพวกท่าน และฉันคือหลักฐานของอัลเลาะฮ์
ดูวะซาอิลุชชีอะฮ์  โดยฮุรรุลอามิลี (1033 – 1104 ฮ.ศ.)  เล่ม 27 : 140 หะดีษที่  33424

จดังนั้นหากชีอะฮ์พบเจอเผชิญกับปัญหาต่างๆทางอุซูลุดดีน ฟุรูอุดดีน ทางการเมือง สังคมและเรื่องอื่นๆ  

อะฮ์ลุลบัยต์ให้คำแนะนำว่า
1.   ไปค้นหาที่อัลกุรอ่าน หากมีระบุไว้ก็เพียงพอ  แต่หากไม่เจอ
2.   ให้ชีอะฮ์กลับที่ดูที่หะดีษอะฮ์ลุลบัยต์  โดยต้องพึ่งตามคำวินิจฉัยของนักปราชญ์ที่เชี่ยวชาญรอบรู้หะดีษของอะฮ์ลุลบัยต์    

การที่นักปราชญ์ชีอะฮ์ออกมาชี้แจงว่า หะดีษในอัลกาฟีบทใดที่ยึดได้ หรือยึดถือไม่ได้  ย่อมถือว่าเป็นการชี้นำผู้คนให้ยึดถือต่อหะดีษที่ถูกตรวจสอบกลั่นกรองออกมาแล้วว่า มันคือคำพูดของอะฮ์ลุลบัยต์จริงๆใช่หรือคับ


ส่วนคำยกย่องชมเชยของนักปราชญ์เกี่ยวกับกิตาบอัลกาฟี เช่น ดีที่สุดกว่าเล่มอื่น  หรือถูกต้องที่สุดกว่าเล่มอื่น   มันก็เป็นเพียงทัศนะรสนิยมของนักปราชญ์ตามปกติ มิใช่หรือคับ

คุณควรแยกว่า  คำชมก็อย่างหนึ่ง   และคำวิจารณ์ตามความเป็นจริงก็อย่างหนึ่ง

สำหรับคำถามที่ว่า  แล้วอุละมาอ์ชีอะฮ์ในอดีตที่เชื่อถือว่าหะดีษในอัลกาฟีซอแฮะฮ์ทั้งหมดจะเป็นอย่างไร  

ตอบง่ายๆคับว่า     อาเล่มซุนนี่ตั้งมากมายที่ได้เชื่อปฏิบัติตามหะดีษดออีฟและเมาฎู๊อ์จากตำราหะดีษต่างๆของซุนนี่เอง  ก่อนที่ชาวซุนนี่จะมีซอแฮะฮ์บุคอรีและมุสลิมจะเป็นอย่างไรเล่า

ท่านเอาหะดีษของอัลบุคอรีไปไว้ไหนล่ะ ที่นะบี(ศ)กล่าวว่า

إِذَا حَكَمَ الْحَاكِمُ فَاجْتَهَدَ ثُمَّ أَصَابَ فَلَهُ أَجْرَانِ

เมื่อผู้ตัดสินคนหนึ่งได้ตัดสิน แล้วได้วินิจฉัย  จากนั้นเขาถูก  แน่นอน เขาจะได้รับสองผลบุญ
 
وَإِذَا حَكَمَ فَاجْتَهَدَ ثُمَّ أَخْطَأَ فَلَهُ أَجْرٌ

และเมื่อฮากิมได้ทำการตัดสินและทำการวินิจฉัย  แล้วผิดพลาด  แน่นอน เขาย่อมได้รับผลบุญเดียว

ผู้ศรัทธาคนใดขนขวายในศาสนาด้วยเหนียตของเขาเอาไว้อย่างไร  อัลเลาะฮ์ตะอาลาย่อมตอบแทนไปตามเจตนาและการกระทำของเขามิใช่หรือ
  •  

L-umar

อ้างอิงจากคุณฟารูก

หนังสือ คุณค่าอะมัล ของพี่น้องญามาอะตับลีฆ มีหะดิษปลอมหะดิษอ่อนแอไม่กี่บทยังทะเลาะกันแล้วทะเลาะกันอีกว่าจะนำมาใช้ได้หรือไม่
แต่หนังสืออัลกาฟีย์ซึ่งมีหะดิษที่นำมาเป็นหลักฐานไม่ได้ประมาณ 60 % เรียกได้ว่าหากหนังสือเป็นคนและนำไปชั่งน้ำหนักบุญกับบาปหนังสืออัลกาฟีย์ตกนรกอย่างไม่ต้องสงสัย กลับได้รับการยกย่องเป็นหนังสือที่มีคุณค่าที่สุดในโลกมุสลิม ทั้งเป็นหนังสือที่ดีที่สุดของมัซฮับอิสลามที่ได้รับการถ่ายทอดความรู้จักอะลุลบัยต์ของนบีมูฮัมหมัด น่าแปลกใจมั้ยครับ


 

อธิบาย

นั่นก็ยังเป็นปัญหาของพวกคุณอยู่จนถึงทุกวันนี้  กล่าวคือ


พี่น้องญะมาอะฮ์ตับลีฆในอดีตจนมาถึงปัจจุบันส่วนหนึ่งได้เชื่อถือและปฏิบัติตามตำราดังกล่าวไปแล้ว และเชื่อว่าถูกต้อง

ในขณะที่พี่น้องซุนนี่อีกส่วนหนึ่งออกมาแย้งว่า  ในตำราดังกล่าวมีหะดีษดออีฟและเมาดู๊อ์ปะปนอยู่   ทีนี้ท่านจะว่าอย่างไรล่ะ  กับคนที่ปักใจเชื่อว่าหะดีษในตำราคุณค่าอามั้ลทั้งที่ล่วงลับไปก็มากแล้ว  คุณจะบอกว่าพวกเขาทำผิดต้องถูกลงโทษกระนั้นหรือ


ส่วนชาวญะมาอะฮ์ตับลีฆที่ยังอยู่ส่วนหนึ่งก็ยังไม่ยอมฟังยอมเชื่อต่อคำแย้งคำวิจราณ์จากซุนนี่อีกส่วนหนึ่งที่บอกว่า มีหะดีษใช้ไม่ได้ในตำราดังกล่าว  พวกเขายังเชื่อและทำตามคำบอกในตำรานั้นๆ     ตรงนี้คุณจะคิดเห็นเช่นไร
  •  

L-umar

อ้างอิงจากคุณฟารูก

ทั้งฮะดิษของบุคคอรีและมุสลิม หากมันจะมีฮะดิษฎออีฟก็ไม่แปลก



วิจารณ์

แปลกสิคับ  มันจะไม่แปลกได้ย่างไร   ในเมื่อท่านอิหม่ามนะวาวีกล่าวว่า


اتفق العلماء رحمهم الله على أن أصح الكتب بعد القرآن العزيز الصحيحان البخاري ومسلم وتلقتهما الامة بالقبول

บรรดาอุละมาอ์ได้มีมติเป็นเอกฉันท์ว่า   ตำราซอแฮะฮ์ทั้งสองคือบุคอรีและมุสลิมนั้นเป็นหนังสือที่ซอแฮะฮ์(ถูกต้อง)ที่สุด รองจากคัมภีร์อัลกุรอ่าน
และบรรดาอุมมะฮ์ทั้งหมดก็ให้การยอมรับต่อตำราทั้งสอง(ตามนั้น)
อ้างอิงจาก หนังสือชัรฮุนนะวาวีย์ เล่ม 1 หน้า 14

ในเมื่อเรื่องนี้เป็นมติของปวงปราชญ์ซุนนี่ไปแล้ว  มันจึงกลายเป็นความเชื่อของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์

แต่กลับมีนักปราชญ์ซุนนี่ออกมาแสดงหลักฐานพิสูจน์ว่า   ตำราหะดีษของท่านบุคอรีและมุสลิม ไม่ซอแฮะฮ์ไปเสียทั้งหมด  

สิ่งสำคัญคืออัลบานีได้คัดค้านด้วยหลักฐานจากตำราริญาลที่เขาค้นคว้า  ไม่ใช่ด้วยความคิดเห็นของตังเอง

ดังนั้น  ชาวซุนนี่โดยส่วนมากทำไม ไม่ยอมรับฟังเหตุผลของเชคอัลบานี
  •  

faruq

ขอบคุณครับ คุณ l-umar

ครับ เรื่องของหนังสือคุณค่าอะมัลก็ว่ากันไปตามเรื่องตามราว แต่ที่ผมแปลกใจและตั้งข้อสงสัย ทำไมผู้ที่รับการสืบทอดจากอะลุลบัยต์โดยตรงถึงได้บันทึกฮะดิษผิดพลาดขนาดนั้น ดังตัวอย่างที่ได้ยกไปก่อนหน้านี้ ท่านไม่ควรมีมาตรฐานเดียวกับชาวซุนนะฮฺไม่ใช่เหรอ เอาล่ะชาวซุนนะฮฺอาจมีถูกบ้างผิดบ้างเราก็รู้เรื่องนี้กันดีอยู่แล้วเพราะเราเชื่อว่าไม่มีใครเป็นมะซูมนอกจากบรรดานบี แต่กับพวกท่านซึ่งอยู่ด้วยกับบรรดาอิหม่ามที่มะซูมทำไมถึงมีเรื่องผิดพลาดมากมายนัก

ขอบคุณครับ
  •  

L-umar

อ้างอิงจากคุณฟารูก

และผมก็เชื่อว่ามันมี เพราะคำว่ารองจากอัลกรุอานมันแปลว่าต้องมีข้อผิดพลาดไปในตัวอยู่แล้ว




วิจารณ์

ความเชื่อของคุณฟารูกตรงนี้ถือว่า   ท่านเชื่อค้านกับมติของปวงปราชญ์ซุนนี่
  •  

faruq

ผมจะยกฮะดิษนี้อีกครั้งครับ

พระองค์อัลลอฮฺบ่อยครั้งมักจะพูดโกหกและมักจะทำอะไรที่ผิดพลาด หนังสือ อูศูลกาฟี หน้า 328

คำถามคือว่ามีผู้รู้ระดับอิหม่ามของท่านยกย่องหนังสือเล่มนี้ โดยที่ไม่ได้อ่านฮะดิษทั้งหมดหรือครับ แล้วผ่านฮะดิษบทนี้ไปได้ยังไง พวกเขายกย่องหนังสือที่มีฮธดิษฎออืฟกว่าครึ่งได้ยังไง เมื่อท่านบอกว่ามันดีที่สุดแต่ดีที่สุดของท่านได้ไม่ถึงครึ่งแบบนี้มันน่าน้อยใจมั้ยครับ กับการประกาศว่ามาจากอะลุลบัยต์โดยตรง
  •  

L-umar

อ้างอิงจากคุณฟารูก

ท่านไม่ควรมีมาตรฐานเดียวกับชาวซุนนะฮฺไม่ใช่เหรอ เอาล่ะชาวซุนนะฮฺอาจมีถูกบ้างผิดบ้างเราก็รู้เรื่องนี้กันดีอยู่แล้ว

เพราะเราเชื่อว่า " ไม่มีใครเป็นมะซูมนอกจากบรรดานบี  " แต่กับพวกท่านซึ่งอยู่ด้วยกับบรรดาอิหม่ามที่มะซูมทำไมถึงมีเรื่องผิดพลาดมากมายนัก

ขอบคุณครับ



ชี้แจง

1.ความผิดพลาดไม่ใช่มาจากอิม่ามแห่งอะฮ์ลุลบัยต์นะคุณฟารูก    แต่เกิดจากคนที่ถ่ายทอดคำพูดของอะฮ์ลุลบัยต์คับ    

เพราะนักรายงานชีอะฮ์เป็นคนธรรมดาไม่ใช่มะซูมคับ  พวกเขาจึงย่อมผิดพลาดได้ในการรายงาน



2. คุณฟารูกเชื่อว่า  " ไม่มีใครเป็น มะซูม นอกจากบรรดานะบี "

อันนี้เป็นความเชื่อที่ถูกต้องเพราะ   ท่านอิบนุตัยมียะฮ์กล่าวว่า

والأنبياء أفضل الخلق باتفاق المسلمين  منهاج السنة النبوية ج 2 ص 417
 
(( บรรดานะบี  คือบุคคลประเสริฐที่สุด  ซึ่งมันเป็นมติของมวลมุสลิม ))

ขอถามคุณฟารูกให้คิดว่า

ทั้งๆที่นะบีมุฮัมมัด(ศ)ประเสริฐ กว่า อะฮ์ลุลบัยต์ของท่าน

ทำไมหะดีษนะบีในตำราซุนนี่จึงมีหะดีษดออีฟมากมายล่ะคับ ???
  •  

L-umar

อ้างอิงจากคุณฟารูก


ผมจะยกฮะดิษนี้อีกครั้งครับ

พระองค์อัลลอฮฺบ่อยครั้งมักจะพูดโกหกและมักจะทำอะไรที่ผิดพลาด หนังสือ อูศูลกาฟี หน้า 328





ถ้าท่านยกมาแบบนี้   เราคงช่วยค้นหาคำตอบให้ท่านยาก   เพราะ   ท่านไม่ได้ยกตัวบทอาหรับมาแสดงสักนิดหนึ่ง


และท่านไม่ได้บอกว่า  อยู่ในเล่มที่เท่าไหร่   ท่านบอกเพียงว่า อยู่หน้าที่  328    ต้องอย่าลืมว่า อัลกาฟีมีแปดเล่ม

อันนี้ขอมาอัฟที่ช้แจงไม่ได้  เพราะสิ่งที่ท่านอ้างมาไม่ชัดเจน
  •  

faruq

อัลฟัยฎุลกะชานี เจ้าของตัฟซีรอัศศอฟี อันโด่งดังกล่าวว่า
الكافي أشرفها وأوثقها وأتمها وأجمعها , لاشتماله على الأصول من بينها وخلوه من الفضول وشينها
อัลกาฟีย์คือตำราที่ประเสริฐและสูงส่ง ซึ่งไม่มีข้อบกพร่องและสิ่งไร้สาระในมัน

คำว่าไม่มีข้อบกพร่องและไร้สาระมันหมายความเป็นอย่างอื่นได้มั้ยครับ ผู้รู้คนนี้เป็นผู้รู้ระดับไหนของชีอะฮฺครับ และนี่เป็นส่วนหนึ่งของทัศนะรสนิยมส่วนตัวหรือเปล่า และทํศนะรสนิยมนี้ได้กล่าวไว้ก่อนหรือหลังการแยกแยะฮะดิษในอัลกาฟีย์ครับ  หากกล่าวก่อนเขาก็ไม่ใช่ผู้รู้ หากกล่าวหลังคือเขาไม่เชื่อว่ามีฮะดิษฎออีฟถูกหรือเปล่าครับ



ขอบคุณ คุณ l-umar ที่ให้เกียรติสนทนาและตอบคำถามของผม ขอตัวทำงานก่อนครับ วันนี้ง่วนอยู่กับหน้าบอร์ดของท่านทั้งวันแล้ว
  •  

L-umar

ทั้งๆที่คุณฟารูก   ยืนยันเองว่า  นะบี(ศ)เท่านั้นที่เป้นมะซูม  


เราจึงให้ข้อคิดกับท่านว่า    นะบี(ศ) นั้นประเสริฐกว่า  อะฮ์ลุลเบต  แล้วทำไม  จึงมีหะดีษนะบีที่ ดออีฟตั้งมากมาย



เราสามารถกล่าวได้ว่า   นักปราชญ์ซุนนี่  ได้ทำการ ตัฎอี๊ฟหะดีษนะบี(คือตัดสินว่าเป็นหะดีษดออีฟ)  มากยิ่งกว่า  


นักปราชญ์ชีอะฮ์ที่ ตัฎอีฟ  หะดีษของอะฮ์ลุลบัยต์  เสียอีก


คุณฟารูก   ลองคิดดูว่า  



เชคอัลบานี   รวบรวม  หะดีษนะบีที่  ดออีฟ เอาไว้ในหนังสือของเขา  ชื่อ  ซิลซิละ ตุฎ  ด่ออีฟะฮ์

الكتاب : السلسلة الضعيفة
المؤلف : محمد ناصر الدين الألباني
مصدر الكتاب : برنامج منظومة التحقيقات الحديثية - المجاني - من إنتاج مركز نور الإسلام لأبحاث القرآن والسنة بالإسكندرية
http://www.ahlalhdeeth.com
www.alalbany.net
(الأحاديث من 1 : 5500)


เอาแค่เล่มที่หนึ่ง   ปรากฏว่า   มีหะดีษนะบี(ศ)  ดออีฟ (อ่อนแอ)  ถึง   5,000  หะดีษ


แล้วยังมีอีก เจ็ดเล่ม    ที่เหลือ
  •  

L-umar



เชคอัลบานี  กล่าวว่าในสุนัน อะบีดาวูด   มีหะดีษ   ดออีฟ   เมาดู๊อ์   มุงกัร  ถึง  1127   หะดีษ
  •  

L-umar

นอกจากนี้เชคอัลบานียังทำการตัฎอีฟหะดีษในตำราสุนันติรมิซี  สุนันนะซาอี  และสุนันอิบนิมาญะฮ์ ตลอดจนตำราหะดีษอื่นๆอีก

ทั้งๆที่นักปราชญืซุนนี่ได้กล่าวว่า

หนังสือที่ซอแฮะฮ์ที่สุดรองจากอัลกุรอ่านคือ

บุคอรี ถัดมาคือ มุสลิม  คืออัลมุวัฏฏอฺ และหนังทั้งหกที่เหลือคือ สุนันอะบี ดาวูด ติรมีซี นะซาอี อิบนุมาญะฮ์  อัดดาร่ออัลกุฏนี.

อ้างอิงจากหนังสือ กัชฟุซ  -  ซุนูน เล่ม  1  หน้า 153


หากคุณฟารูกนำเอาจำนวนหะดีษนะบี(ศ)คนที่ประเสริฐกว่าอะฮ์ลุลบัยต์  ที่ถูกนักปราชญ์อะฮ์ลุสซุนนะฮ์  ฮุก่มว่า  ดออีฟ  มารวมกัน  


เราคิดว่า  มันคงมีจำนวนมากมายหลายเท่ากว่า   หะดีษดออีฟที่มาจากอะฮ์ลุลบัยต์เสียอีก   จริงไหมคับ
  •  

L-umar

ทางเราก็ต้องขอบคุณสำหรับการสนทนาแบบมีไมตรีจิตของคุณฟารูกเช่นกัน


และเราหวังว่า   ซุนนี่  ชีอะฮ์   ควรสนทนาแลกเปลี่ยนทัศนะความเชื่อเฉกเช่นนี้    เพราะศาสนาคือสิ่งที่สอนให้เราเป็นคนดีมีมารยาท  มิใช่การสนทนาศาสนาจะนำพาเราไปสู่ความกักขฬะ ไร้ศีลธรรมจรรยา


วัสสลาม
  •  

faruq

ติดใจนิดนึงครับ

หากคุณ l-mar มีอัลกาฟีย์ครบ 8 เล่ม ช่วยเปิดหน้า 328 ทุกเล่มหน่อยได้มั้ยครับ ผมเองก็อยากรู้ว่ามีการใส่ความกันหรือเปล่าด้วยความบริสุทธิ์ใจครับ

คุณบอกว่าให้ผมตั้งข้อสังเกตุว่าขนาดนบีที่เป็นมะซูมแล้วทำไมชาวซุนนะฮฺถึงมีฮะดิษฎออิฟมากมมาย  ตรงนี้น่าจะเป็นการตั้งข้อสังเกตุที่ผิดพลาดนิดหน่อยครับ เพราะปัญหามันเกิดหลังจากที่นบีวะฟาตแล้ว ซึ่งพวกท่านเองบอกว่าตามอะลุลบัยต์โดยตรงส่วนพวกเราตามบรรดาซอฮาบะฮฺซึ่งพวกท่านบอกว่าไม่ถูกต้องเพราะเขาเหล่านั้นตกมุรตัดเกือบหมดหลังจากนบีจากไป ประเด็นของเรื่องนี้คือเราคุยกันเรื่องอัลกาฟีย์และซอเฮี๊ยทั้งสองของซุนนะฮฺ ไม่น่าแปลกใจหรอกครับที่ท่านบอกว่าฮะดิษฎออิฟของชาวซุนนะฮฺมีเยอะมากมายซึ่งแน่นอนอยู่แล้วว่ามันต้องมีเยอะกว่าหะดิษที่ใช้เป็นหลักฐานได้ทั้งหมด แต่ที่ได้รับการยอมรับและถือว่าดีที่สุดแล้วคือของบุคคอรีและมุสลิมซึ่งผู้รู้ซุนนะฮฺบางคนก็ได้ออกมาบอกว่ามันไม่ซอเฮี๊ยทั้งหมดอย่างที่ท่านบอก แต่เมื่อเทียบเป็นเปอร์เซ็นแล้วมันยังน้อยกว่าในอัลกาฟีย์อยู่มากมายหลายช่วงตัวไม่ใช่เหรอคับ อีกอย่างที่ผมถามมาตลอด บรรดาอิหม่ามผู้รู้ของพวกท่านได้กล่าวรับรองมันไว้ ซึ่งมันเกินกว่าที่ท่านจะบอกว่ามันเป็นทัศนะรสนิยมส่วนตัว ผมไม่เข้าใจครับ เพราะมันเหมือนความรู้ของท่านขาดตอน ทำไมหนังสืออัลกาฟีย์ที่โด่งดังถึงได้บรรจุฮะดิษอ่อนแอไว้มากมาย ผู้บันทึกฮะดิษอาจผิดพลาดได้ แต่ระดับผู้รู้ตั้งหลายคนกลับรับรองมันว่าไร้ข้อบกพร่อง ตรงนี้ผมทำความเข้าใจยากมากครับ

แล้วจะมาอ่านใหม่ค่ำๆครับคุณ l-umar มีสิ่งใดจะแนะนำเชิญโพสต์เอาไว้ได้ครับ ผมจะเข้ามาอ่าน
  •  

60 ผู้มาเยือน, 0 ผู้ใช้