Welcome to Q4wahabi.com (Question for Wahabi). Please login or sign up.

เมษายน 28, 2024, 05:01:03 หลังเที่ยง

Login with username, password and session length
สมาชิก
Stats
  • กระทู้ทั้งหมด: 2,627
  • หัวข้อทั้งหมด: 650
  • Online today: 67
  • Online ever: 153
  • (เมษายน 26, 2024, 05:40:09 ก่อนเที่ยง)
ผู้ใช้ออนไลน์
Users: 0
Guests: 55
Total: 55

การสนทนาเรื่อง อัลกาฟี กับซอฮิ๊ฮ์บุคอรี

เริ่มโดย L-umar, กรกฎาคม 08, 2010, 01:23:19 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

L-umar

เช่นกัน   เราก็มีภาระกิจอื่นๆต้องทำ  ดังนั้นถ้าเราพอจะมีเวลาว่าง ก้จะเข้าสนทนาด้วย


วันนี้เราจะพยายามชี้แจงเรื่องข้อกังขา  ว่า



อะฮ์ลุลบัยต์นะบียังมีชีวิตอยู่ คู่กับ  คัมภีร์กุรอ่าน  นับจากปีฮิจเราะฮ์ศักราชที่   260  อย่างไร  



ให้คุณฟารูกทำความเข้าใจเสียก่อน  



คุณจะเคลียร์หรือไม่นั้น   สุดท้ายเราขอมอบหมายงานนี้ต่ออัลลอฮ์เป้นผู้ประทานเตาฟีกให้แก่คุณ  

ส่วนความผิดพลาดในการชี้แจงนั้น เราขอน้อมรับไว้เอง  และขออัลลอฮ์ทรงอภัยให้เราด้วยที่ไม่สามารถทำให้คุณเข้าใจได้


 
  •  

L-umar

อัลมะฮ์ดี  บุตรฮาซัน อัสการี  


ทายาทแห่งอะฮ์ลุลบัยต์นะบียังมีชีวิตอยู่คู่กับคัมภีร์อัลกุรอ่าน  จนถึงปัจจุบันจริงหรือ  ?





ขออนุญาติเท้าความสักนิดนะคุณฟารูก

อิม่ามที่ 11 (ฮาซันอัสการี) และบิดาคืออาลีอัลฮาดี(อิม่ามที่10) จำต้องออกเดินทางจากนครมะดีนะฮ์มาอยู่ที่เมืองซามาร่า(ซะมัร รอฮ์) ตามคำสั่งของกาหลิบอับบาซี่ชื่อ อัลมุตะวักกิล

ท่านฮาซันอัสการีใช้ชีวิตอยู่กับบิดาที่เมืองซามัรรอ ราวยี่สิบ

ฮิจเราะฮ์ศักราชที่ 254  ประมาณ  4 เดือนก่อนที่อิม่ามอาลีอัลฮาดีจะถูกวางยาพิษจนเสียชีวิต    อิม่ามฮาดีได้มีการสั่งเสียให้บุตรชายชื่อ ฮาซันอัสการี  เป็นผุ้ดำรงตำแหน่งอิม่ามคนที่ 11 ต่อไป  ซึ่งตอนนั้นท่านฮาซันอัสการีมีอายุ 22 ปี

เรื่องนี้ถูกบันทึกอยู่ในตำราอัลกาฟีดังนี้

رواه الشيخ الكاليني : عَلِيُّ بْنُ مُحَمَّدٍ عَنْ مُحَمَّدِ بْنِ أَحْمَدَ النَّهْدِيِّ عَنْ يَحْيَى بْنِ يَسَارٍ الْقَنْبَرِيِّ قَالَ :

أَوْصَى أَبُو الْحَسَنِ (ع) إِلَى ابْنِهِ الْحَسَنِ قَبْلَ مُضِيِّهِ بِأَرْبَعَةِ أَشْهُرٍ وَ أَشْهَدَنِي عَلَى ذَلِكَ وَ جَمَاعَةً مِنَ الْمَوَالِي

เชคกุลัยนีรายงานว่า อาลีบินมุฮัมมัด จากมุฮัมมัดบินอะหมัดอันนะฮ์ดี จากยะห์ยา บินยะซ้าร อัลก็อมบะรีย์เล่าว่า :

อิม่ามอะบุลฮาซัน ( คืออาลีอัลฮาดี บิดาของอิม่ามฮาซันอัสการี) ได้สั่งเสียฮาซัน(อัสการี) บุตรชายของเขา ( ให้เป็นอิม่ามคนที่ 11 ) สืบแทนเขา ก่อนที่เขาจะจากไป ราวสี่เดือน และอิม่ามอะบุลฮาซันอาลีฮาดียังได้ให้ฉัน(คือยะห์ยาบินยะซ้าร)กับบรรดาบริวาลคนใช้ของเขากลุ่มหนึ่งได้ร่วมเป็นสักขีพยานรับรู้ด้วย
     

อัลกาฟี เชคกุลัยนี  เล่ม 1 หน้า 325 หะดีษที่ 1  

بَابُ الْإِشَارَةِ وَ النَّصِّ عَلَى أَبِي مُحَمَّدٍ ع

อะยาตุลเลาะฮ์ ญะวาด อัตตับรีซี รับรองว่า  หะดีษบทนี้ซอฮี๊ฮ์

พิเคราะห์สถานะของยะห์ยา บินยะซ้าร

يحيى بن يسار : محدث حسن الحال، ممدوح. انظر معجم رجال الحديث 20: 96. جامع الرواة 2: 340. تنقيح المقال 3: قسم الياء: 323. معجم الثقات 371.



อิม่ามฮาซันอัสการี  บุตรอิม่ามอาลีอัลฮาดี  ทำหน้าที่เป็นอิม่ามแห่งอะฮ์ลุลบัยต์ได้แค่หกปีก็ถูกวางยาพิษจนเสียชีวิต ในปีฮิจเราะฮ์ศักราชที่  260  ตรงกับ  ค.ศ. 847  รวมอายุทั้งสิ้นได้ 28 ปี
  •  

faruq

หากคุณ l-umar ว่างจากภารกิจช่วยนำเสนอเรื่องอะลุลบัยต์ที่ผมถามไปต่อด้วยครับ
  •  

L-umar

สลามคุณฟารูก  


เรามาสนทนากันต่อ  อีกสักนิด  ก่อนมัฆริบ  
  •  

L-umar

ฮะดีษที่ท่านอิม่ามฮาซัน อัสการีย์(อ)กล่าวว่า อัลมะฮ์ดี(อ)คือผู้นำคนสุดท้าย


 رَوَاهُ الشَّيْخُ الصَّدُوْقُ :   حدثنا أحمد بن محمد بن يحيى العطار رضي الله عنه قال : حدثنا سعد بن عبدالله قال : حدثنا موسى بن جعفر بن وهب البغدادي قاَلَ :

เชคศอดูกได้เล่าว่า  อะหมัด บินมุฮัมมัดบินยะห์ยาอัลอัฏฏ็อรเล่าให้เราฟัง เขาเล่าว่า สะอัด บินอับดุลลอฮ์เล่าให้เราฟังเขากล่าวว่า

มูซา  บินญะอ์ฟัร บินวะฮับอัลบัฆดาดีเล่าว่า :

سَمِعْتُ أباَ مُحَمَّدٍ الْحَسَنَ بْنَ عَلِيٍّ عليهما السلام يَقُوْلُ :

ฉันได้ยินอิม่ามอะบูมุฮัมมัด อัลฮาซัน บินอาลีอัลอัสการี(อ)กล่าวว่า :
كَأَنِّيْ بِكُمْ وَقَدِ اخْتَلَفْتُمْ بَعْدِيْ فِي الْخَلَفِ مِنِّيْ،
อย่างกับว่าฉันอยู่กับพวกท่าน  แล้วพวกท่านได้ขัดแย้งกันหลังจากฉันจากไปเกี่ยวกับอัลคอลัฟ (ทายาทผู้สืบทอดตำแหน่งอิมาม)ต่อจากฉัน  

أَماَّ إِنَّ الْمُقِرَّ بِالْاَئِمَّةِ بَعْدَ رَسُولِ الله (صلى الله عليه وآله) الْمُنْكِرُ لِوَلَدِيْ
كَمَنْ أَقَرَّ بِجَمِيْعِ أَنْبِياَءِ اللهِ وَرُسُلِهِ ثُمَّ أَنْكَرَ نُبُوَّةَ رَسُولِ الله (صلى الله عليه وآله)

แท้จริงผู้ที่รับรองต่อบรรดาอิม่ามหลังจากท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)จากไป (แต่กลับเป็น)ผู้ปฏิเสธต่อบุตรชายของฉัน  ก็เปรียบเหมือนคนที่ยืนยันการเป็นศาสดาของบรรดานะบีและรอซูลทั้งหมด แต่แล้วเขาก็ได้ปฏิเสธตำแหน่งศาสดาของท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)

وَالْمُنْكِرُ لِرَسُولِ الله (صلى الله عليه وآله) كَمَنْ أَنْكَرَ جَمِيْعَ أَنْبِياَءِ اللهِ

และผู้ที่ปฏิเสธต่อท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)ก็เปรียบเหมือนคนที่ปฏิเสธต่อบรรดาศาสดาของอัลลอฮ์ทั้งหมด

لِاَنَّ طاَعَةَ آخِرِناَ كَطاَعَةِ أَوَّلِناَ، وَالْمُنْكِرُ لِآخِرِناَ كَالْمُنْكِرِ لِاَوَّلِناَ    

เพราะว่า การตออัตต่อ(อิม่าม)คนสุดท้ายของพวกเรา ก็เปรียบเหมือนการตออัตต่อ(อิม่าม)คนแรกของพวกเรา  และผู้ที่ปฏิเสธต่อคนสุดท้ายของพวกเราก็เปรียบเหมือนกับผู้ที่ปฏิเสธ(อิม่าม)คนแรกของพวกเรา  
 
أَماَّ إِنَّ لِوَلَدِيْ غَـيْبَةً يَرْتاَبُ فِيْهاَ الناَّسُ إِلاَّ مَنْ عَصَمَهُ اللهُ عَزَّوَجَلَّ

ส่วนกรณีบุตรชายของฉัน แท้จริงจะมีการหายตัวไป(จากสังคม)  ผู้คนจะเกิดสงสัยคลางแคลงในการมีอยู่ของเขา
  ยกเว้นผู้ที่อัลลอฮ์อัซซะวะญัลทรงปกป้อง(ความศรัทธา)เขาเอาไว้  

อ้างอิงจากหนังสือกะมาลุด-ดีน  โดยเชคศอดูก หน้า 409  หะดีษที่  8
  •  

L-umar

อิม่ามมะฮ์ดีย์(อ)เป็นบุคคลที่เหมือนกับท่านศาสดามุฮัมมัด(ศ)



ฝ่ายซุนนี่รายงานว่า ท่านอับดุลลอฮ์ บินมัสอูดเล่าว่า ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ) กล่าวว่า :

لَوْ لَمْ يَبْقَ مِنَ الدُّنْيَا إِلاَّ يَوْمٌ لَطَوَّلَ اللَّهُ ذَلِكَ الْيَوْمَ حَتَّى يَبْعَثَ فِيهِ رَجُلاً مِنِّى  أَوْ  مِنْ أَهْلِ بَيْتِى يُوَاطِئُ اسْمُهُ اسْمِى وَاسْمُ أَبِيهِ اسْمَ أَبِى  يَمْلأُ الأَرْضَ قِسْطًا وَعَدْلاً كَمَا مُلِئَتْ ظُلْمًا وَجَوْرًا

หากว่า จะไม่เหลืออยู่จากชีวิตของโลกดุนยานี้  นอกจากวันเดียวอัลลอฮ์ก็จะทรงให้วันนั้นยืนยาวเพื่ออัลลอฮ์จะทรงส่งบุรุษหนึ่งที่มาจากเชื้อสายของฉันหรือจากอะฮ์ลุลบัยต์ของฉันมาในวันนั้น  

ชื่อของเขาจะตรงกับชื่อของฉัน  ชื่อบิดาเขาจะตรงกับชื่อบิดาของฉัน  

เขาจะมาทำให้โลกนี้เต็มเปี่ยมด้วยความเที่ยงธรรมและความยุติธรรมจากที่เคยเต็มเปี่ยมด้วยความอยุติธรรมและความอธรรมกดขี่

ดูซอฮีฮุลญามิอิซ-ซอฆีร วะซิยาดะฮ์  หะดีษที่ 5304  เชคอัลบานีกล่าวว่า ซอฮิ๊ฮ์



ฝ่ายชีอะฮ์   เชคศอดูกรายงานว่า

حدثنا أبوعلي الحسن ابن محبوب السراد، عن داود بن الحصين، عن أبي بصير، عن الصادق جعفربن محمد عن آبائه عليهم السلام قال:

قال رسول الله صلى الله عليه وآله: المهدي من ولدي، اسمه اسمي، وكنيته كنيتي، أشبه الناس بي خلقا وخلقا، تكون له غيبة وحيرة حتى تضل الخلق عن أديانهم، فعند ذلك يقبل كالشهاب الثاقب فيملاها قسطا وعدلا كماملئت ظلما وجورا

อะบูบะศีรรายงานจากอิม่ามญะอ์ฟัรอัซซอดิก(อ)จากบิดาและปู่ทวดของท่านเล่าว่า :

ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ) กล่าวว่า : อัลมะฮ์ดีนั้นสืบมาจากบุตรชายของฉัน ชื่อของเขาจะตรงกับชื่อของฉัน  กุนยะฮ์(นามแฝง)ของเขาตรงกับกุนยะฮ์ของฉัน   เขาเหมือนฉันมากที่สุดทั้งลักษณะท่าทางและจรรยามารยาท  

เขาจะมีการหายตัวไปและสร้างความงุนงง จนเป็นเหตุทำให้ผู้คนหลงออกจากศาสนาของพวกเขา  เมื่อเกิดเหตุเช่นนั้นเขาจะถูกยอมรับดั่งดาวที่จรัสแสงแวววาว  เขาจะมาทำให้โลกนี้เต็มเปี่ยมด้วยความเที่ยงธรรมและความยุติธรรมจากที่เคยเต็มเปี่ยมด้วยความอยุติธรรมและความอธรรมกดขี่


อ้างอิงจากกะมาลุดดีน  โดยเชคศอดูก  หน้า 287  หะดีษที่ 4
  •  

L-umar

และหะดีษสุดท้ายที่ระบุว่า  อิม่ามคนสุดท้าย หรืออิม่ามคนทีสิบสองคือ อัลกออิม ซึ่งเป็นชื่อหนึ่งของอิม่ามมะฮ์ดี



(رَوَي الشَّيْخُ الصَّدُوْقُ ) حَدَّثَناَ عَلِىُّ بْنُ أَحْمَدَ (بْنِ مُحَمَّدِ بْنِ عِمْرَانَ الدَّقاَّقِ) رَضِيَ اللهُ عَنْهُ قاَلَ : حَدَّثَناَ مُحَمَّدُ بْنُ أَبِيْ عَبْدِ اللهِ الْكُوْفِيُّ عَنْ مُوْسَى بْنِ عِمْرَانَ (النَّخَعِيُّ) ، عَنْ عَمِّهِ الْحُسَيْنِ بْنِ يَزِيْدَ (النَّوْفَلِيِّ )، عَنِ الْحَسَنِ بْنِ عَلِيِّ بْنِ أَبِيْ حَمْزَةَ، عَنْ أَبِيْهِ، عَنْ يَحْيَى بْنِ أَبِي الْقَاسِم ِ( هُوَأَبِيْ بَصِيْرٍ الْأَسَدِيّ) عَنِ الصَّادِقِ جَعْفَرِ بْنِ مُحَمَّدٍ عَنْ أَبِيهِ عَنْ جَدِّهِ (ع) قَالَ :

قَالَ رَسُولُ اللَّهِ (ص) :

الْأَئِمَّةُ بَعْدِي اثْنَا عَشَرَ أَوَّلُهُمْ عَلِيُّ بْنُ أَبِي طَالِبٍ وَ آخِرُهُمُ الْقَائِمُ فَهُمْ خُلَفَائِي وَ أَوْصِيَائِي وَ أَوْلِيَائِي وَ حُجَجُ اللَّهِ عَلَى أُمَّتِي بَعْدِي الْمُقِرُّبِهِمْ مُؤْمِنٌ، وَالْمُنْكِرُ لَهُمْ جاَحِدٌ

المصادر :
كمال الدين وتمام النعمة للشيخ الصدوق (305-381 هـ) ص 260 ح 4
عيون أخبار الرضا (ع)  للشيخ الصدوق  ج  2 ص 59  ح 28
مَنْ ‏لاَيَحْضُرُهُ‏ الْفَقِيْهُ لِلشَيْخِ الصَّدُوْقِ  ج 4 ص 180 ح 5406  
وسائل الشيعة  ج 28  ص 347  ح  34930
بِحار الأنوار للعلامة المجلسي  ج  36  ص 245  ح 57



เชคศอดูกเล่าว่า – อาลี บินอะหมัด(บินมุฮัมมัด บินอิมรอน อัดดักกอก)เล่าให้เราฟัง เขาเล่าว่า มุฮัมมัด บินอะบีอับดิลละฮ์อัลกูฟี เล่าให้เราฟังจากมูซา บินอิมรอน(อันนะเคาะอี)  จากลุงของเขาคือ อัลฮูเซน บินยาซีด(อันเนาะฟะลี)จาก อัลฮาซัน บินอาลี บินอะบีฮัมซะฮ์จากบิดาของเขา  จากยะห์ยา บินอะบิลกอซิม(คืออะบูบะศีร)จาก อิม่ามศอดิก ญะอ์ฟัร บินมุฮัมมัด จากบิดาของเขาจากปู่ของเขาเล่าว่า

ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)กล่าวว่า  :  ผู้นำหลังจากฉันนั้นมี 12 คน


คนแรกคือ  อาลี บินอะบีตอลิบ และคนสุดท้ายคืออัลกออิม
 
พวกเขาคือผู้สืบทอดตำแหน่งผู้ปกครองต่อจากฉัน  คือทายาทของฉัน  คือคนที่ฉันรัก และคือหลักฐานของอัลลอฮ์บนประชาชาติของฉันภายหลังจากฉัน
  •  

L-umar


۩   คุณฟารูกจะเห็นได้ว่า    ชีอะฮ์ไม่ได้เชื่อ  การมีชีวิตอยู่ของอิม่ามคนที่สิบสองอย่างไร้หลักฐานเลื่อนลอย แต่ความเชื่อดังกล่าวมีรายงานหะดีษกำกับเอาไว้  


ทีนี้มาที่คำถามที่คุณฟารูกและเรา ท่านทั้งหลายต่างสงสัย ก็คือ  

อะฮ์ลุลบัยต์นะบีคนนี้  เข้ารับตำแหน่งอิม่ามคนที่สิบ 12 ในปี ฮ.ศ. ที่  260   ปัจจุบัน ฮ.ศ.ที่ 1431

1431  ลบออก 260  = 1171    ปี  



ข้อสงสัยก็คือ    คนเราอายุอย่างมากสุดก็ไม่น่าเกิน  100  -150  ปี  แล้วทำไมชีอะฮ์จึงยังเชื่อว่า  มีคนอายุอยู่ถึง 1171 ปี ?


เราคิดว่า  ตรงนี้  อย่าว่า  แต่ท่านเลย   แม้แต่ชีอะฮ์บางคนก็สงสัยเช่นกัน แต่เขาไม่กล้าแสดงออกก็เท่านั้น

เพราะหะดีษบอกเอาไว้แล้วว่า   กันหายตัวของอิม่ามมะฮ์ดี  จะสร้างความสงสัยและความมืนงงให้กับผู้คน

ดังนั้นหากคุณฟารูก  และเราทุกคน  ต้องการแสวงหาคำตอบที่จะสร้างความอิ่มเอมให้กับความสงสัย

เราก็ต้องศึกษา แสวงหาคำตอบ พร้อมวอนขอฮิดายัตจากอัลเลาะฮ์ตะอาลาในเรื่องนี้ไปพร้อมๆกันด้วย

อินชาอัลลอฮ์............
  •  

L-umar

เราถือว่า  ยุคที่อิม่ามมะฮ์ดียังไม่ออกมาปรากฏตัวนั้น นับได้ว่าเป็นช่วงเวลาแห่งการทดสอบอีหม่านของมุสลิมทุกคน


เพราะบางคนเกิดความสงสัยว่า ท่านเกิดแล้วหรือยัง ?

 ดังนั้นหัวที่เรากำลังสนทนากันนี้  จึงเป็นแก่นสำคัญที่สุดเพื่อพิสูจน์ว่า อัลมะฮ์ดี ผู้เป็นอิม่ามคนที่ 12 นี้

ได้เกิดมาแล้ว และเขายังมีชีวิตอยู่คู่กับอัลกุรอ่านมาจนถึงปัจจุบัน
และเขาก็จะดำรงชีวิตต่อไปจนกว่าอัลลอฮ์ตะอาลาจะทรงอนุมัติให้เขาปรากฏตัว
  •  

L-umar

ข้อสงสัยเกี่ยวกับอิม่ามคนที่ 12   คืออิม่ามมะฮ์ดีมี 2 ประเด็นคือ :


1, สงสัยว่า อัลมะฮ์ดีไม่มีตัวตนจริงในโลกเป็นเพียงความเชื่ออันเลื่อนลอย

2, เชื่อว่า อัลมะฮ์ดีมีจริง แต่สงสัยว่า เกิดแล้วหรือยัง ?
  •  

L-umar

ประเด็นที่ 1

เราคงตัดออกไปได้เลย  เพราะนักปราชญ์ทั้งซุนนี่ / ชีอะฮ์และนักการศาสนาอื่นๆมีมติตรงกันว่า

ต้องมีจริงแน่นอน  โดยมีหลักฐานจากอัลกุรอานและฮะดีษมากมาย



หลักฐานจากคัมภีร์อัลกุรอานที่ระบุว่า   บุรุษชื่ออัลมะฮ์ดีต้องมีจริง



อายะฮ์ที่ 1 –


يُرِيدُونَ لِيُطْفِئُوا نُورَ اللهِ بأَفْواهِهِمْ وَاللهُ مُتِمُّ نُورِهِ وَلَوْ كَرِهَ الكَافِرُونَ

พวกเขาต้องการดับรัศมี(ศาสนา)ของอัลลอฮ์ด้วยปากของพวกเขา และอัลลอฮ์จะทรงทำให้รัศมีของพระองค์สมบูรณ์ และแม้นว่าบรรดาผู้ปฏิเสธจะรังเกียจก็ตาม    

อัศ-ศ็อฟ  : 8  


นูรุลเลาะฮ์  

ในที่นี้หมายถึงศาสนาอิสลาม ( والله متم نوره )    อัลลอฮ์ตรัสว่า พระองค์จะเป็นผู้ทำให้ศาสนาของพระองค์สมบูรณ์ นี่เป็นการแจ้งข่าวจากอัลลอฮ์ว่า อัลอิสลามจะต้องเจิดจรัสแสงไปทั่วโลกในอนาคต เพราะปัจจุบันประชากรโลก มีห้าพันห้าร้อยกว่าล้านคน ซึ่งยังมิได้เข้ารับอิสลามทั้งหมด ดังนั้นอายะฮ์นี้จึงยังไม่เป็นจริง เพราะประชากรมุสลิมมีประมาณ 1,500 ล้านคน  แต่อัลลอฮ์นั้นทรงตรัสจริงเสมอ จึงจำเป็นจะต้องมีบุรุษผู้หนึ่ง มาทำให้อายัตนี้สมบูรณ์ ซึ่งต้องเกิดขึ้นแน่นอนสักวันหนึ่งในอนาคต ความหมายของอายะฮ์นี้ชัดเจนดี ไม่จำเป็นต้องอาศัยฮะดีษใดมาอธิบายขยายความอีก
  •  

L-umar

อายะฮ์ที่ 2  -  

 
وَلَقَدْ كَتَبْنَا فِي الزَّبُورِ مِنْ بَعْدِ الذّكْرِ أنَّ الارْضَ يَرِثُهَا عِبَادِي الصَّالِحُون

และโดยแน่นอนเราได้บันทึกไว้ในคัมภีร์อัซซะบูร หลังจากที่เราได้บันทึกไว้ในเลาฮุลมะห์ฟูซว่า แท้จริงโลกนี้จะมีปวงบ่าวของเราที่ดีมีคุณธรรมจะเป็นผู้สืบมรดกมัน


อัลอันบิยาอ์ : 105



แผ่นดิน (الارض) ในอายัตนี้คือ โลก  

จนบัดนี้ยังไม่ปรากฏว่ามีบ่าวของอัลเลาะฮ์คนใดออกมาสถาปนารัฐแห่งความยุติธรรมเลย ดังนั้นในอนาคตจะต้องมีบุรุษหนึ่งมาทำให้อายัตนี้เป็นจริง   สองอายัตนี้ถือว่าเพียงพอแล้วที่พิสูจน์ว่า บุรุษที่ชื่ออัลมะฮ์ดีต้องมีจริง และข้อสงสัยในบุรุษผู้นี้ต้องโมฆะไป
อัลกุรอานสองอายัตดังกล่าวแค่บ่งชี้ว่า อัลมะฮ์ดีต้องมี แต่ไม่ได้บอกรายละเอียดว่า เขาเกิดแล้วหรือยัง  เราจึงต้องไปดูที่ฮะดีษว่า มีรายงานไว้อย่างไร ?
  •  

L-umar

คุณฟารูก   คิดเห็นอย่างไรคับ   ต่อ สองอายัตการีมดังกล่าวว่า ???
  •  

L-umar

หะดีษที่ระบุว่า บุรุษชื่ออัลมะฮ์ดีมีจริง


حَدَّثَنَا يَحْيَى بْنُ سَعِيدٍ عَنْ سُفْيَانَ حَدَّثَنِي عَاصِمٌ عَنْ زِرٍّ عَنْ عَبْدِ اللَّهِ
عَنْ النَّبِيِّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ قَالَ لَا تَذْهَبُ الدُّنْيَا أَوْ قَالَ لَا تَنْقَضِي الدُّنْيَا حَتَّى يَمْلِكَ الْعَرَبَ رَجُلٌ مِنْ أَهْلِ بَيْتِي وَيُوَاطِئُ اسْمُهُ اسْمِي
تعليق شعيب الأرنؤوط : إسناده حسن

ท่านนะบี(ศ)กล่าวว่า :  ดุนยาจะยังไม่สูญสลาย จนกว่าจะมีชายอาหรับมาปกครอง เขาสืบเชื้อสายมา จากอะฮ์ลุลบัยต์ของฉัน  ชื่อของเขาจะตรงกับชื่อของฉัน



สถานะหะดีษ ฮาซัน ดูมุสนัดอะหมัด หะดีษที่ 3573 ตรวจทานโดยเชคชุเอบอัลอัรนะอูฏ

حدثنا الشيخ أبو بكر بن إسحاق و علي بن حمشاد العدل و أبو بكر محمد بن أحمد بن بالويه قالوا : ثنا بشر بن موسى الأسدي ثنا هوذة بن خليفة ثنا عوف بن أبي جميلة
 و حدثني الحسين بن علي الدارمي ثنا محمد بن إسحاق الإمام ثنا محمد بن بشار ثنا ابن أبي عدي عن عوف ثنا أبو الصديق الناجي عن أبي سعيد الخدري رضي الله عنه قال : قال رسول الله صلى الله عليه و سلم : لا تقوم الساعة حتى تملأ الأرض ظلما و جورا و عدوانا ثم يخرج من أهل بيتي من يملأها قسطا و عدلا كما ملئت ظلما و عدوانا
 هذا حديث صحيح على شرط الشيخين ولم يخرجاه و الحديث المفسر بذلك الطريق و طريق حديث عاصم عن زر عن عبد الله كلها صحيحة على ما أصلته في هذا الكتاب بالاحتجاج بأخبار عاصم بن أبي النجود إذ هو إمام من أئمة المسلمين
تعليق الذهبي قي التلخيص : على شرط البخاري ومسلم

ท่านนะบี(ศ)กล่าวว่า :


วันสิ้นโลกจะยังไม่อุบัติจนกว่าโลกจะเต็มเปี่ยมไปด้วยความอยุติธรรม , ความอธรรมกดขี่และความเป็นศัตรูกัน แล้วเมื่อนั้นจะมีบุรุษจากอะฮ์ลุลบัยต์ของฉันออกมา เป็นผู้ที่จะทำให้โลกนี้เต็มเปี่ยมด้วยความเที่ยงธรรมและความยุติธรรมดั่งที่เคยเต็มเปี่ยมด้วยความอยุติธรรมและความอธรรมกดขี่


สถานะหะดีษ ซอฮี๊ฮฺ ดูอัลมุสตัดร็อกอัลฮากิม หะดีษที่ 8669 ตรวจทานโดยอัซ-ซะฮะบี


สรุปประเด็นที่ 1  

ความเชื่อเรื่องอัลมะฮ์ดีว่า มีจริงนั้นเป็นความเชื่อที่ถูกต้อง มีอัลกุรอานและฮะดีษซอเฮี๊ยะฮ์รายงานไว้มากมายจนไม่สามารถปฏิเสธได้
  •  

L-umar

ประเด็นที่ 2

คือ    สงสัยว่า เกิดแล้วหรือยัง ?    เรื่องนี้มุสลิมแบ่งออกเป็น 2  ความเชื่อคือ

1.   ซุนนี่เชื่อว่า   อัลมะฮ์ดียังไม่เกิด  เขาจะเกิดในอนาคต

2.   ชีอะฮ์เชื่อว่า อัลมะฮ์ดีเกิดแล้ว ในปีฮ.ศ.255 และตอนนี้เขายังดำรงชีวิตอยู่
  •  

55 ผู้มาเยือน, 0 ผู้ใช้