Welcome to Q4wahabi.com (Question for Wahabi). Please login or sign up.

ธันวาคม 23, 2024, 12:47:09 ก่อนเที่ยง

Login with username, password and session length
สมาชิก
  • สมาชิกทั้งหมด: 1,718
  • Latest: Haroldsmolo
Stats
  • กระทู้ทั้งหมด: 3,703
  • หัวข้อทั้งหมด: 778
  • Online today: 102
  • Online ever: 200
  • (กันยายน 14, 2024, 01:02:03 ก่อนเที่ยง)
ผู้ใช้ออนไลน์
Users: 0
Guests: 65
Total: 65

หนึ่งวัน หนึ่งอายัต 8

เริ่มโดย L-umar, กันยายน 01, 2009, 10:34:09 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 2 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

L-umar


หนึ่งวัน  หนึ่งอายัต 8


อัลเลาะฮ์ ญัลละ ญะลาล๊ะฮฺ ทรงตรัสว่า

يَا أَيُّهَا الرَّسُولُ بَلِّغْ مَا أُنْزِلَ إِلَيْكَ مِنْ رَبِّكَ وَإِنْ لَمْ تَفْعَلْ فَمَا بَلَّغْتَ رِسَالَتَهُ وَاللَّهُ يَعْصِمُكَ مِنَ النَّاسِ إِنَّ اللَّهَ لَا يَهْدِي الْقَوْمَ الْكَافِرِينَ

โอ้รอซูลเอ๋ย จงเผยแพร่ สิ่งที่ถูกประทานลงมายังเจ้า จากพระผู้อภิบาลของเจ้า

และหากเจ้าไม่ทำ เจ้าก็ไม่ได้เผยแพร่สาส์นของพระองค์เลย

และอัลลอฮฺจะทรงปกป้องเจ้าให้พ้นจากมนุษย์

แท้จริงอัลลอฮฺ จะไม่นำทางกลุ่มชนที่ปฏิเสธศรัทธา



อัลมาอิดะห์ บทที่  5 : 67



ชีอะฮ์เชื่อว่า  อัลลอฮฺตะอาลาได้ประทานโองการนี้ลงแก่ท่านนบีมุฮัมมัด(ศ)ให้ทำการแต่งตั้งท่านอิม่ามอะลี(อ)เป็นคอลีฟะฮ์สืบต่อจากท่าน  เพราะมีหลักฐานดังนี้



عَنْ أَبِي جَعْفَرٍ (عليه السلام)  قَالَ :
أَمَرَ اللَّهُ عَزَّ وَ جَلَّ رَسُولَهُ بِوَلَايَةِ عَلِيٍّ  وَ أَنْزَلَ عَلَيْهِ
إِنَّما وَلِيُّكُمُ اللَّهُ وَ رَسُولُهُ وَ الَّذِينَ آمَنُوا الَّذِينَ يُقِيمُونَ الصَّلاةَ وَ يُؤْتُونَ الزَّكاةَ (المائدة -: 55 -)
وَ فَرَضَ وَلَايَةَ أُولِي الْأَمْرِ فَلَمْ يَدْرُوا مَا هِيَ فَأَمَرَ اللَّهُ مُحَمَّداً (ص) أَنْ يُفَسِّرَ لَهُمُ الْوَلَايَةَ كَمَا فَسَّرَ لَهُمُ الصَّلَاةَ وَ الزَّكَاةَ وَ الصَّوْمَ وَ الْحَجَّ


ท่านอบูญะอ์ฟัร ( อิม่ามบาเก็ร อะลัยฮิสสลาม ) กล่าวว่า :
อัลลอฮฺ อัซซะวะญัล ได้รับสั่งให้ท่านรอซูลของพระองค์ด้วยเรื่องการเป็นผู้ปกครองของท่านอะลี(สืบต่อจากท่าน)  และพระองค์ทรงประทานลงมาแก่รอซูลของพระองค์ว่า

แท้จริงผู้ปกครองของพวกเจ้ามีเพียง อัลลอฮฺ และรอซูลของพระองค์ และบรรดาผู้ศรัทธา ขณะที่พวกเขากำลังนมาซและจ่ายทานซะกาต  
( อัลมาอิดะฮฺ : 5 )  


พระองค์ได้กำหนดฟัรฎูเรื่องอำนาจการปกครองของอูลุลอัมริ(ลงมาแก่ประชาชน)  แต่แล้วพวกเขาไม่รู้ว่ามันคืออะไร   ดังนั้นอัลลอฮ์ได้รับสั่งให้ท่านนบีมุฮัมมัด(ศ) ทำการอธิบายเรื่องอัลวิลายะฮ์(อำนาจการปกครอง)แก่พวกเขา เหมือนที่ท่านเคยอธิบายแก่พวกเขามาแล้วเรื่องการทำนมาซ การจ่ายซะกาต การถือศีลอด และการประกอบพิธีหัจญ์
 
فَلَمَّا أَتَاهُ ذَلِكَ مِنَ اللَّهِ ضَاقَ بِذَلِكَ صَدْرُ رَسُولِ اللَّهِ (ص) وَ تَخَوَّفَ أَنْ يَرْتَدُّوا عَنْ دِينِهِمْ وَ أَنْ يُكَذِّبُوهُ

เมื่อเรื่องนั้นได้มาถึงท่าน จากอัลลอฮฺ   ท่านรอซูลุลลอฮฺ(ศ)รู้สึกคับอกคับใจต่อสิ่งนั้น และท่านหวั่นเกรงว่า พวกเขาจะหันหลังกลับออกจากศาสนาของพวกเขา และจะปฏิเสธมัน  

فَضَاقَ صَدْرُهُ وَ رَاجَعَ رَبَّهُ عَزَّ وَ جَلَّ فَأَوْحَى اللَّهُ عَزَّ وَ جَلَّ إِلَيْهِ

อกของท่านรู้สึกอึดอัด และท่านได้วิงวอนต่อพระผู้อภิบาลของท่านให้ทรงทบทวน(ในเรื่องนี้)  ดังนั้นอัลลอฮฺ อัลซซะวะญัล จึงทรงมีวะฮีมายังท่านว่า

يا أَيُّهَا الرَّسُولُ بَلِّغْ ما أُنْزِلَ إِلَيْكَ مِنْ رَبِّكَ وَ إِنْ لَمْ تَفْعَلْ فَما بَلَّغْتَ رِسالَتَهُ وَ اللَّهُ يَعْصِمُكَ مِنَ النَّاسِ (المائدة -: 67 -)

โอ้รอซูลเอ๋ย จงเผยแพร่สิ่ง ที่ถูกประทานลงมายังเจ้า จากพระผู้อภิบาลของเจ้า  และหากเจ้าไม่ทำ เจ้าก็ไม่ได้เผยแพร่สาส์นของพระองค์เลย และอัลลอฮฺจะทรงปกป้องเจ้าให้พ้นจากมนุษย์  

( อัลมาอิดะห์ บทที่ 5 : 67 )


فَصَدَعَ بِأَمْرِ اللَّهِ تَعَالَى ذِكْرُهُ فَقَامَ بِوَلَايَةِ عَلِيٍّ (ع) يَوْمَ غَدِيرِ خُمٍّ
 
ดังนั้นท่านจึงได้ทำการประกาศคำสั่งของอัลลอฮฺ ตะอาลา  ท่านได้ลูกขึ้น(ประกาศ)ถึงการเป็นผู้ปกครองของท่านอะลี(สืบต่อจากท่าน) ในวันที่เฆาะดีรคุม

فَنَادَى الصَّلَاةَ جَامِعَةً وَ أَمَرَ النَّاسَ أَنْ يُبَلِّغَ الشَّاهِدُ الْغَائِبَ
 
แล้วมีการประกาศให้ทำการนมาซรวมกัน แล้วท่านได้สั่งประชาชนให้ผู้ที่อยู่(จงนำข่าวนี้ไปบอก)แก่ผู้ที่ไม่มา

قَالَ أَبُو جَعْفَرٍ ع وَ كَانَتِ الْفَرِيضَةُ تَنْزِلُ بَعْدَ الْفَرِيضَةِ الْأُخْرَى وَ كَانَتِ الْوَلَايَةُ آخِرَ الْفَرَائِضِ فَأَنْزَلَ اللَّهُ عَزَّ وَ جَلَّ الْيَوْمَ أَكْمَلْتُ لَكُمْ دِينَكُمْ وَ أَتْمَمْتُ عَلَيْكُمْ نِعْمَتِي (المائدة -: 3 -)

ท่านอิม่ามบาเก็ร(อ)กล่าวว่า  ปรากฏว่า เรื่องวิลายะฮ์นั้นเป็นฟัรฎูที่ถูกประทานลงหลังฟัรฎุครั้งสุดท้าย และเรื่องวิลายะฮ์(การเป็นผู้ปกครองของท่านอะลีนั้น)คือ ฟัรฎุสุดท้าย  แล้วอัลลออฺ อัซซะวะญัลจึงทรงประทานโองการลงมาว่า  

วันนี้ข้า ได้ทำให้ศาสนาของพวกเจ้าสมบูรณ์แล้ว และข้าได้ทำให้นิ๊อฺมะฮ์ของข้าครบถ้วนแล้วสำหรับพวกเจ้า (อัลมาอิดะฮฺ : 3)

قَالَ أَبُو جَعْفَرٍ ع يَقُولُ اللَّهُ عَزَّ وَ جَلَّ لَا أُنْزِلُ عَلَيْكُمْ بَعْدَ هَذِهِ فَرِيضَةً قَدْ أَكْمَلْتُ لَكُمُ الْفَرَائِضَ
الكافي ج : 1  ص :  290  ح 4  
مركز البحوث الكومبيوترية للعلوم الإسلامية قم ايران : صحيح  

ท่านอิม่ามบาเก็ร(อ)เล่าว่า  อัลลอฮฺ อัซซะวะญัล ทรงตรัสว่า  หลังจากฟัรฎูนี้ ข้าจะไม่ประทาน(ฟัรฎูใด)ลงแก่พวกเจ้าอีกแล้ว  แท้จริงข้าได้ทำให้ฟัรฎูต่างๆนั้นสมบูรณ์หมดแล้ว


สถานะหะดีษ  :  เศาะหิ๊หฺ   ดูอัลกาฟี โดยเชคกุลัยนี  เล่ม 1 : 290 หะดีษที่ 4  

ตรวจทานโดยมัรกะซุล บุฮูซ คอมพิวเตอร์ ลิลอุลูมิลอิสลามียะฮ์ เมืองกุม อิหร่าน
  •  

L-umar


ทีนี้ขอเชิญท่านกลับมาดูความปลิ้นปล้อนโกหกของอาจารย์ฟารีดกันบ้าง   ท่านสามารถเข้าไปอ่านบทความได้ที่

http://www.fareedfendy.com/modules.php?name=Content&pa=showpage&pid=137


อ้างอิงจากอาจารย์ฟารีด

อายะห์อัตตับลีฆ ซูเราะห์อัลมาอิดะห์ อายะห์ที่ 67
นี่เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของการบิดเบือนอัลอิสลามที่กลุ่มชีอะฮ์อิหม่ามสิบสองได้นำเอาอายะห์อัลกุรอานจากซูเราะห์อัลมาอิดะห์ อายะห์ที่ 67 ไปอ้างว่าเป็นคำสั่งของพระองค์อัลลอฮ์ที่ใช้ให้ท่านนบีประกาศแต่งตั้งท่านอาลี ณ.ที่ฆ่อดีรคุม ให้เป็นผู้สืบการปกครองจากท่านโดยพลัน



ชีอะฮ์ตอบ :

ท่านคงได้อ่านหะดีษเศาะหิ๊หฺของท่านเชคกุลัยนี เรื่องอัสบาบุลนุซูลของบทที่ 5 : 67 ว่าถูกประทานลงมาเรื่องการแต่งตั้งท่านอะลีเป็นคอลีฟะฮ์สืบต่อจากท่านนบีมุฮัมมัด (ศ)  เพราะฉะนั้นวาฮาบีจึงไม่มีสิทธิมาตำหนิความเชื่อชีอะฮ์ในเรื่องนี้ เนื่องจากชีอะฮ์มีหลักฐานถูกต้องระบุเอาไว้แล้ว
 
  •  

L-umar


อ้างอิงจากอาจารย์ฟารีด
เราไปติดตามดูข้อเท็จจริงกันดังนี้    พระองค์อัลลอฮ์ได้ทรงกล่าวว่า

يَا أَيُّهَا الرَّسُولُ بَلِّغْ مَا أُنْزِلَ إِلَيْكَ مِنْ رَبِّكَ وَإِنْ لَمْ تَفْعَلْ فَمَا بَلَّغْتَ رِسَالَتَهُ وَاللَّهُ يَعْصِمُكَ مِنَ النَّاسِ إِنَّ اللَّهَ لَا يَهْدِي الْقَوْمَ الْكَافِرِينَ

"โอ้รอซูลเอ๋ย จงเผยแพร่สิ่งที่ถูกประทานลงมายังเจ้าจากองค์อภิบาลของเจ้า และหากเจ้าไม่ทำ เจ้าก็ไม่ได้เผยแพร่สาสน์ของพระองค์

และแท้จริงพระองค์ จะปกป้องเจ้าให้พ้นจากมนุษย์ แท้จริงอัลลอฮ์นั้นจะไม่นำทางกลุ่มชนที่ปฏิเสธการศรัทธา" ซูเราะห์อัลมาอิดะห์ อายะห์ที่ 67


วิจารณ์

ขอให้ท่านสังเกตุความักง่ายของอาจารย์ฟารีดนะครับว่า  ชุ่ยต่อกะลามุลเลาะฮ์ขนาดไหน


อาจารย์ฟารีดแปลวรรคนี้ว่า ((และแท้จริงพระองค์จะปกป้องเจ้าให้พ้นจากมนุษย์ ))


ซึ่งที่ถูกต้องแปลว่า  และแท้จริง " อัลลอฮฺ " จะปกป้องเจ้าให้พ้นจากมนุษย์

อาจารย์ฟารีด ได้ตัดคำว่า " อัลลอฮฺ "  ซึ่งเป็นลัฟซุลญะลาละฮฺออกไปจากอายะฮ์กุรอ่านเฉยเลย  อย่างนี้ถ้าไม่เรียกว่ามักง่ายจะเรียกว่าอะไรดี
  •  

L-umar



อ้างอิงจากอาจารย์ฟารีด


ประการที่หนึ่ง  


คำพูดที่ว่า "บรรดาญุมฮูร ทั้งนักตัฟซีร,ฮะดีษ,และนักประวัติศาสตร์ รานงานว่าอายะห์นี้ถูกประทานมาเกี่ยวกับท่านอาลี" คำว่า ญุมฮูร หมายถึงบรรดาปวงปราชญ์โดยส่วนใหญ่ในแวดวงของนักวิชาการ ซึ่งหากเป็นการอ้างว่าบรรดาปวงปราชญ์ของชาวซุนนะห์เข้าใจเช่นนั้นก็เป็นการใส่ไคล้อย่างหาที่เปรียบมิได้ เพราะไม่ได้เป็นไปตามที่พวกเขาได้กล่าวอ้างเลยเช่น
ท่านอิบนุญะรีร อัตตอบารีย์ ได้กล่าวว่า "นี่คือคำสั่งที่พระองค์อัลลอฮ์ได้กล่าวแก่นบีของพระองค์ มูฮัมหมัดศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม ให้เผยแพร่แก่บรรดาชาวยะฮูดและนะศอรอจากชาวคัมภีร์ทั้งสอง ซี่งพระองค์อัลลอฮ์ได้ทรงเล่าเรื่องราวของพวกเขาไว้ในอายะห์นี้........." ตัฟซีรอัตตอบารี เล่มที่ 6 หน้าที่ 307  
                ส่วนในตัฟซีรอิบนิกะษีร ได้กล่าวว่า "พระองค์อัลลอฮ์ได้ทรงใช้ให้ท่านนบีเผยแพร่เรื่องราวทั้งหมดที่ถูกประทานลงมายังท่าน" ตัฟซีรอิบนิกะษีร เล่มที่ 3 หน้าที่ 141
                และในตัฟซีรอัลกุรตุบีย์ ได้กล่าวว่า "หมายถึงให้เผยแพร่โดยเปิดเผย เพราะในช่วงแรกของอิสลามนั้น ต้องหลซ่อนเนื่องจากกลัวการคุกคามของบรรดามุชรีกีน ต่อมาได้ใช้ให้เปิดเผยตามที่ระบุในอายะห์นี้ และอัลลอฮ์ได้บอกแก่ท่านนบีว่า พระองค์อัลลอฮ์ปกป้องท่านจากอันตรายของมุนุษย์" ตัฟซีรอัลกุรตุบีย์ เล่มที่ 6 หน้าที่ 342


วิจารณ์

ชีอะฮ์กล่าวว่า  อุละมาอ์ซุนนี่มากมายได้กล่าวว่า อายะฮ์ ยาอัยยุฮัล เราะซูล บัลลิฆ...นี้ถูกประทานลงมาเรื่องการแต่งตั้งท่านอะลีเป็นคอลีฟะฮฺสืบต่อจากท่านรอซุลุลลอฮฺ(ศ)

แต่อาจารย์ฟารีดปฏิเสธ และกล่าวหาชีอะฮ์ว่า โกหก   เพื่อพิสูจน์ว่าชีอะฮ์ไม่ได้โกหก แค่คนที่โกหกคืออาจารย์ฟารีดที่หมกเม็ดในเรื่องนี้  เราจะมาพิสูจน์ความจริงไปพร้อมๆกันดังนี้  
  •  

L-umar


รายชื่ออุละมาอ์อะฮ์ลุสสุนนะฮฺ

ที่กล่าวว่า อายะฮ์นี้ถูกประทานลงมาที่ฆ่อดีรคุมเรื่องแต่งตั้งท่านอะลีเป็นคอลีฟะฮ์  
  •  

L-umar


รายชื่ออุละมาอ์อะฮ์ลุสสุนนะฮฺ
ที่กล่าวว่า อายะฮ์นี้ถูกประทานลงมาที่ฆ่อดีรคุมเรื่องแต่งตั้งท่านอะลีเป็นคอลีฟะฮ์



หนึ่ง -  อัลวาฮิดี อันนัยซาบูรี   มรณะ ฮ.ศ. 468



أَخْبَرَنَا أَبُو سَعِيدٍ مُحَمَّدُ بْنُ عَلِيٍّ الصَّفَّارُ قَالَ : أخبرنا الْحَسَنُ بْنُ أحمد المخلدي قَالَ : أخبرنا مُحَمَّدُ بْنُ حمدون بْنُ خَالِدٍ قَالَ : حَدَّثَنَا مُحَمَّدُ بْنُ إبراهيم الخلوتي قَالَ : حَدَّثَنَا الْحَسَنُ بْنُ حماد سجادة قَالَ : حَدَّثَنَا عَلِيُّ بْنُ عَابِسٍ ، عَنِ الْأَعْمَشِ وَأَبِي حِجَابٍ،
عَنْ عَطِيَّةَ (الْعَوْفِيِّ) عَنْ أَبِي سَعِيدٍ الْخُدْرِيِّ قَالَ : نَزَلَتْ هَذِهِ الْآيَةُ (يا أَيُّها الرَسولُ بَلِّغ ما أُنزِلَ إِلَيكَ مِن رَّبِّكَ) يَوْمَ غَدِيرِ خُمٍّ فِيْ عَلِيِّ بْنِ أَبِي طَالِبٍ رَضِيَ اللَّهُ عَنْهُ

أسباب نزول القرآن ج 1 / ص 71  انظر سورة المائدة : 67
الشيخ الإمام أبو الحسن علي بن أحمد الواحدي النيسابوري


อะฏียะฮ์ (อัลเอาฟี) รายงานจากท่านอบูสะอีด อัลคุดรี กล่าวว่า โองการนี้ได้ประทานลงมา

( โอ้รอซูลเอ๋ย จงเผยแพร่สิ่ง สิ่งที่ถูกประทานลงมายังเจ้า จากพระผู้อภิบาลของเจ้า )  ในวันเฆาะดีรคุม เกี่ยวกับท่านอะลี บินอบีตอลิบ



อ้างอิงจากหนังสือ

อัสบาบุลนุซูล  ของอัลวาฮิดี อันนัยซาบูรี  เล่ม 1 หน้า 71 ดูซูเราะฮ์อัลมาอิดะฮฺ  อายะฮ์ที่ 67


http://www.al-eman.com/islamlib/viewchp.asp?BID=153&CID=5#s1


ชัยคุลอิม่าม อบุลฮาซัน อะลี บินอะหมัด อัลวาฮิดี อันนัยซาบูรี อุละมาอ์แห่งมัซฮับชาฟิอี
مفسر، نحوي، لغوي، فقيه شاعر، اخباري.
บุคคลผู้นี้เป็นทั้ง นักตัฟสีร, นักไวยากรณ์อรับ, นักภาษาศาสตร์, ฟะกีฮฺ, นักกวี และอัคบารี เป็นคนเมืองสาเวะฮฺ ลูกพ่อค้า เสียชีวิตที่เมืองนัยซาบูรีเดือนญุมาดิลอาคิเราะฮฺ  เจ้าของตัฟสีรชื่ออัสบาบุลนุซูลอัลวาฮิดี  ในยุคของเขานั้นเป็นอาจารย์สอนวิชาตัฟสีรกุรอ่านและวิชานะฮู  เขียนตำราไว้หลายชนิดหลายเล่มด้วยกัน  ประชาชนมีมติว่าเขาเป็นคนดี บรรดานักวิชาการกล่าวขานถึงเขาไว้ในบทเรียนของพวกเขาทั้งยาว ปานกลางและสั้นๆ  ท่านอิหม่ามเฆาะซาลี กล่าวว่า สำหรับอัลวาฮิดีมีตำราดังๆเช่น อัสบาบุลนุซูล  
ท่านษะอ์ละบี มรณะ ฮ.ศ. 427 เจ้าของตัฟสีรอัลกัชฟุวัลบะยานคืออาจารย์ที่ถ่ายทอดวิชาตัฟสีรกุรอ่านให้กับอัลวาฮิดี

ดูวิเคราะห์ผู้รายงานหะดีษที่ชื่อ  อะตียะฮ์ อัลเอาฟีได้ที่เว็บ
 
http://www.yahosein.org/vb/showthread.php?t=87033




คำถามสำหรับอาจารย์ฟารีด

ไหนบอกว่า  ไม่มีอุละมาอ์ซุนนี่คนใดกล่าวว่า  บทที่ 5 : 67 ลงที่ฆอดีรคุมเกี่ยวกับท่านอะลี แล้วนี่อะไร ?

อย่างนี้เรียกว่าโกหกหรือไม่  
  •  

L-umar



สอง – อัษ-ษะอ์ละบี มรณะ ฮ.ศ. 427


{يا أيها الرَّسُولُ بَلِّغْ مَآ أُنزِلَ إِلَيْكَ} . إختلفوا في تنزيل هذه الآية وتأويلها...

โอ้รอซูลเอ๋ย จงเผยแพร่สิ่ง สิ่งที่ถูกประทานลงมายังเจ้า จากพระผู้อภิบาลของเจ้า  ( อัลมาอิดะห์ บทที่  5 : 67 )
(อิหม่ามษะอ์ละบีกล่าวว่า บรรดามุฟัสสิร ) มีความเห็นขัดแย้งกันในเรื่องการประทานของโองการนี้และการตะอ์วีลของมัน...


وقال أبو جعفر محمد بن علي : معناه : بلّغ ما أنزل إليك في فضل علي بن أبي طالب،
 فلما نزلت الآية أخذ (عليه السلام) بيد علي،
 فقال : «من كنت مولاه فعلي مولاه».

อบูญะอ์ฟัร มุฮัมมัด บินอะลีกล่าวว่า ความหมายของอายะฮ์นี้หมายถึง จงเผยแพร่สิ่ง สิ่งที่ถูกประทานลงมายังเจ้า เกี่ยวกับอะลี บินอบีตอลิบ  ดังนั้นเมื่ออายะฮืนี้ได้ประทานลงมา ท่าน(รอซูล ศ.)ได้จับมือท่านอะลี(ชูขึ้น) แล้วกล่าวว่า  บุคคลใดที่ฉันเป็นผู้ปกครองของเขา ดังนั้นอะลีก็คือผู้ปกครองของเขา

(หมายเหตุ อบูญะอ์ฟัร มุฮัมมัด บินอะลีในที่นี้คือ ท่านอิม่ามมุฮัมมัดบาเก็ร อิม่ามที่ห้าของชีอะฮ์นั่นเอง ผู้แปล.)
   
أبو القاسم يعقوب بن أحمد السري، أبو بكر بن محمد بن عبد اللّه بن محمد، أبو مسلم إبراهيم ابن عبد اللّه الكعبي،
 الحجاج بن منهال، حماد عن عَلِيِّ بْنِ زَيْدٍ عَنْ عَدِيِّ بْنِ ثَابِتٍ عَنِ الْبَرَاءِ (بْنِ عَازِبٍ) قَالَ:
لما نزلنا مع رسول اللّه {صلى الله عليه وسلم} في حجة الوداع كنّا بغدير خم فنادى إن الصلاة جامعة وكسح رسول اللّه عليه الصلاة والسلام تحت شجرتين وأخذ بيد علي،
 فقال : «ألست أولى بالمؤمنين من أنفسهم»؟
 قالوا : بلى يا رسول اللّه،
 قال : «ألست أولى بكل مؤمن من نفسه»؟
 قالوا : بلى يا رسول اللّه،
 قال : «هذا مولى من أنا مولاه اللهم والِ من والاه وعاد من عاداه».
قال : فلقيه عمر فقال : هنيئاً لك يا ابن أبي طالب أصبحت وأمسيت مولى كل مؤمن ومؤمنة.

อะดี บินษาบิตรายงานจาก ท่านอัลบัรรออ์ กล่าวว่า เมื่อพวกเรากับท่านรอซูลุลลอฮฺ(ศ)ได้แวะพัก ในการประกอบพิธีหัจญ์ครั้งสุดท้าย พวกเราอยู่ที่เฆาะดีรคุม แล้วได้มีการประกาศ(อะซาน) แท้จริงการนมาซนั้นคือการรวมกัน และถูกกวาด(ลาน)ให้ท่านรอซูลุลลอฮฺ(ศ)อยู่ใต้ต้นไม้สองต้น  และท่านได้จับมือท่านอะลี(ชูขึ้น) พลางกล่าวว่า  : ฉันมีสิทธิต่อบรรดามุอ์มินทั้งหลายมากยิ่งกว่าตัวของพวกเขาเองใช่ไหม ?  
พวกเขากล่าวว่า  : หามิได้ ใช่แล้วครับ โอ้ท่านรอซูลุลลอฮฺ  
ท่าน(ศ)กล่าวว่า : ฉันมีสิทธิต่อบมุอ์มินทุกคนมากยิ่งกว่าตัวของเขาเองใช่ไหม ?
พวกเขากล่าวว่า  : หามิได้ ใช่แล้วครับ โอ้ท่านรอซูลุลลอฮฺ
ท่าน(ศ)กล่าวว่า :  ชายคนนี้(อะลี) คือผู้ปกครองของผู้ที่ฉันเป็นผู้ปกครองของเขา  โอ้อัลลอฮฺโปรดรักผู้ที่เป็นมิตรต่อเขา และโปรดเป็นศัตรูต่อผู้ที่เป็นปรปักษ์กับเขาด้วยเถิด
อัลบัรรออ์เล่าว่า  ท่านอุมัรได้เข้ามาหาเขา(อะลี) แล้วกล่าวว่า  ขอแสดงความยินดีด้วยนะ โอ้บุตรของอบูตอลิบ ทั้งยามเช้ายามเย็นท่านได้กลายเป็นเมาลา(ผู้ปกครอง)ของมุอ์มินทั้งชายหญิงแล้ว  
   
روى أبو محمد عبداللّه بن محمد القايني نا أبو الحسن محمد بن عثمان النصيبي نا : أبو بكر محمد ابن الحسن السبيعي نا علي بن محمد الدّهان، والحسين بن إبراهيم الجصاص قالانا الحسن بن الحكم نا الحسن بن الحسين بن حيان عن الكلبي
عَنْ أَبِي صَالِحٍ عَنِ ابْنِ عَبَّاسٍ في قوله {الرَّسُولُ بَلِّغْ} قال : نزلت في علي (رضي الله عنه) أمر النبي {صلى الله عليه وسلم} أن يبلغ فيه فأخذ (عليه السلام) بيد علي،
 وقال : «من كنت مولاه فعلي مولاه اللهم والِ من والاه وعادِ من عاداه».
تفسير الكشف والبيان  للثعلبى  ج 5 / ص 131

อบูศอและห์รายงานจาก ท่านอิบนุอับบาส ในพระดำรัสของพระองค์ ( โอ้รอซูล จงเผยแพร่ )  เขากล่าวว่า อายะฮ์นี้ได้ถูกประทานลงมาเกี่ยวกับท่านอะลี ท่านนบี(ศ)ถูกสั่งให้ทำการประกาศเรื่องเกี่ยวกับเขา(อะลี) ดังนั้นท่านจึงจับมือท่านอะลี(ชูขึ้น) และกล่าวว่า  บุคคลใดที่ฉันเป็นผู้ปกครองของเขา ดังนั้นอะลีก็คือผู้ปกครองของเขา โอ้อัลลอฮฺโปรดรักผู้ที่เป็นมิตรต่อเขา และโปรดเป็นศัตรูต่อผู้ที่เป็นปรปักษ์กับเขาด้วยเถิด


อ้างอิงจาก ตัฟสีรอัลกัชฟุวัลบะยาน โดยอัษษะอ์ละบี เล่ม 5 : 131



อัซ-ซะฮะบีได้กล่าวยกย่องบุคคลผู้นี้ไว้ว่า

الثعلبي * الامام الحافظ العلامة، شيخ التفسير، أبو إسحاق، أحمد بن محمد
سير أعلام النبلاء  للذهبي ج 17 / ص 435  رقم 291

อัษษะอ์ละบี คือ อิหม่าม, ฮาฟิซกุรอ่าน, อัลลามะฮ์, ชัยคุต-ตัฟสีร  ชื่ออบูอิสฮ๊าก อะหมัด บินมุฮัมมัด
ดูสิยัร อะอ์ลามุน-นุบุลาอ์  อันดับที่ 291
 
مفسّر كبير، فقيه شافعي، لغوي نحوي،

ท่านอิหม่ามษะอ์ละบี ผู้นี้เป็นทั้ง นักตัฟสีรผู้ยิ่งใหญ่, ฟะกีฮฺ  สังกัดมัซฮับชาฟิอี,  เป็นนักภาษาศาสตร์และนักไวยากรณ์อรับ


คำถามสำหรับอาจารย์ฟารีด

ไหนบอกว่า  ไม่มีอุละมาอ์ซุนนี่คนใดกล่าวว่า  บทที่ 5 : 67 ลงที่ฆอดีรคุมเกี่ยวกับท่านอะลี แล้วนี่อะไร ?

อย่างนี้เรียกว่าโกหกหรือไม่    
  •  

L-umar


สาม- ท่านอิบนุญะรีร อัฏ-ฏ็อบรี เกิดฮ.ศ. 224- 310


ต้องขอเกริ่นให้ท่านผู้อ่านเข้าใจก่อนว่า มีอุละมาอ์ชีอะฮ์ที่ใช้ชื่อนี้เหมือนกันเช่น  อัฏ-ฏ็อบรีเจ้าของหนังสืออัลมุสตัรชิด และอัฏ-ฏ็อบรีอัลรัสตัมเจ้าของหนังสือดะลาอิลุลอิมามะฮ์ ทั้งสองเป็นชีอะฮ์

ส่วนเจ้าของตัฟสีรฏ็อบรีและหนังสือตารีคฏ็อบรีที่ชื่อท่านอิบนุญะรีร อัฏ-ฏ็อบรีนั้นเป็นอะฮ์ลุสสุนนะฮ์ ซึ่งท่านญะลาลุดดีนอัสสิยูตีกล่าวถึงเขาว่า

مُحَمَّدُ بْنُ جَرِيرٍ بْنُ يَزِيدَ بْنُ كَثِيرٍ بْنُ غَالِبٍ الطَّبَرِيُّ الإِمام أبو جعفر، رأس المفسرين على الإطلاق، أحد الأئمة،جمع من العلوم ما لم يشاركه فيه أحد من أهل عصره، فكان حافظاً لكتاب الله، بصيراً بالمعاني، فقيهاً في أحكام القرآن، عالماً بالسنن وطرقها، صحيحها وسقيمها، ناسخها ومنسوخها،عالماً بأحوال الصحابة والتابعين، بصيراً بأيام الناس وأخبارهم. أصله من آمل طبرستان،
طبقات المفسرين  لليسوطي  ج 1 / ص 16 رقم 93

มุฮัมมัด บินญะรีร บินยะซีด บินกะษีร บินฆอลิบ อัฏ-ฏ็อบรี อัลอิหม่ามอบูญะอ์ฟัร  หัวหน้าแห่งบรรดามุฟัสสิรทั้งหลาย หนึ่งในอิหม่าม  ผู้รวบรวมไว้ซึ่งอิลมูต่างๆซึ่งไม่มีใครจากสมัยของเขามีส่วนร่วมกับเขาเลย  เป็นนักท่องจำคัมภีร์กุรอ่าน มีความแตกฉานต่อความหมาย  เป็นฟะกีฮฺ(ผู้รู้ทางฟิกฮฺ)ในอะหฺกามต่างๆของอัลกุรอ่าน  เป็นผู้รอบรู้ต่อซุนนะฮ์(หะดีษ)ต่างๆและสายรายงานต่างๆของมัน ทั้งที่เศาะหิ๊หฺและดออีฟ   นาซิคและมันซูค  ผู้มีความรู้ต่อสภาพของบรรดาซอฮาบะฮฺ  ตาบิอีนและเป็นผู้หยั่งรู้ถึงวันเวลาของมนุษย์และเรื่องราวของพวกเขา เดิมเป็นคนเมืองอามุล ฏ็อบริสตาน


อ้างอิงจากหนังสือฏ็อบกอตุลมุฟัสสิรีน  โดยสิยูตี เล่ม 1 : 16 อันดับที่ 93


ช่วงที่อุละมาอ์ซุนนี่ผู้ยิ่งใหญ่นามอิบนุญะรีรอัฏฏ็อบรีคนนี้ อยู่ที่เมืองแบกแดด เขาได้เผชิญหน้ากับพวกฮะนาบะละฮฺที่มีความตะอัซซุบค่อนข้างรุนแรง ชาวมัซฮับฮัมบะลีกลุ่มนี้ได้สืบทอดมรดกความชิงชังของพวกราชวงศ์อุมัยยะฮ์ที่มีต่อท่านอิม่ามอะลีเป็นพิเศษ จนถึงขั้นกล้าปฏิเสธหะดีษที่รายงานเกี่ยวกับฟะฎออิล(ความประเสริฐของ)ท่านอะลีอย่างเปิดเผย  
เราไม่ทราบว่า ด้วยสาเหตุนี้หรือไม่ ที่เป็นแรงบันดาลใจผลักดันให้ท่านอิบนุ อัฏฏ็อบรี จำต้องเขียนหนังสือชื่อว่า " อัลวิลายะฮฺ "    เพราะมันเป็นหนังสือรวบรวมหะดีษทุกสายรายงานที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์แต่งตั้งท่านอะลีที่เฆาะดีรคุมเอาไว้โดยเฉพาะ เหมือนกับเป็นการท้าทายต่ออุละมาอ์ใหญ่แห่งมัซฮับฮัมบะลีในเวลานั้นชื่อ อบูบักร บินอบีดาวูด อัสสิญิสตานี  มรณะฮ.ศ. 316 ที่กล่าวว่า หะดีษเฆาะดีรคุมนั้นเป็นเรื่องโกหก


ท่านอิบนุญะรีรอัฏฏ็อบรีจึงได้รายงานหะดีษเฆาะดีรด้วยสายรายงานของตัวเองไว้ในหนังสืออัลวิลายะฮฺว่า

أَخْرَجَ اِبْنُ جَرِيرٍ الطَّبَرِيُّ عَنْ زَيْدِ بْنِ أَرْقَمَ قَالَ لَمَّا نَزَلَ النَّبِيُّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ بِغَدِيرِ خُمٍّ فِي رُجُوعه مِنْ حَجَّةِ اَلْوَدَاعِ وَكَانَ فِي وَقْتِ الضُّحَى وَ حَرٍّ شَدِيدٍ أمر بالدوحات فقمت و نَادَى الصَّلَاةَ جَامِعَةً فَاجْتَمَعْنَا فَخَطَبَ خُطْبَةً بالغة ثُمَّ قَالَ: إِنَّ اللَّهَ تَعَالَى اَنْزَلَ إِلَيَّ :
بَلِّغْ مَا أُنْزِلَ إِلَيْكَ مِنْ رَبِّكَ وَإِنْ لَمْ تَفْعَلْ فَمَا بَلَّغْتَ رِسَالَتَهُ وَاللَّهُ يَعْصِمُكَ مِنَ النَّاسِ ، وَقَدْ أَمَرَنِي جَبْرَئِيلُ عَنْ رَبِّيْ أَنْ أَقُوْمَ فِي هَذَا الْمَشْهَد وَاعْلَمْ كُلَّ أَبْيَضَ وَأَسْوَدَ : أَنَّ عَلِيَّ بْنَ أَبِي طَالِبٍ أَخِي وَوَصِيِّي وَخَلِيْفَتِي وَالْاِمَامُ بَعْدِي

จากเซด บิน อัรก็อมเล่าว่า :  

 ตอนที่ท่านนบี(ศ)แวะพักที่เฆาะดีรคุม  ในการกลับจากการทำฮัจญะตุลวิดาอ์ ปรากฏว่าตอนนั้นเป็นเวลาสายและอากาศร้อนจัด  ท่าน(ศ)ได้สั่งให้เคลียพื้นที่  และประกาศให้ทำนมาซญะมาอะฮ์  เมื่อพวกเรามารวมตัวกัน ท่านได้กล่าวคุฏบะฮ์ด้วยวาทะอันลึกซึ้ง จากนั้นท่านกล่าวว่า :   แท้จริงอัลลอฮ์ตะอาลาได้ประทาน(โองการลง)มายังฉันว่า  :
(( จงประกาศ สิ่งที่ถูกประทานลงมายังเจ้า จากพระผู้อภิบาลของเจ้า และหากเจ้าไม่ทำ เจ้าก็ไม่ได้เผยแพร่สาส์นของพระองค์เลย และอัลลอฮฺจะทรงปกป้องเจ้าให้พ้นจากมนุษย์ )) และแท้จริงท่านญิบรออีลได้นำคำสั่งจากพระผู้อภิบาลของฉันมายังฉัน โดยให้ฉันปฏิบัติ(ภารกิจนั้น)ในสถานที่แห่งนี้ และคนขาวกับคนดำทุกคนจงรับรู้ไว้ด้วยว่า  แท้จริงอะลี บินอบีตอลิบคือ พี่น้องของฉัน  คือวะซีของฉัน  คือคอลีฟะฮ์(สืบต่อจาก)ฉัน และเป็นอิหม่ามผู้นำภายหลังจากฉัน

 

อ้างอิงจากหนังสือ อัลวิลายะฮ์  โดยมุฮัมมัด อิบนิ ญะรีร อัฏ-ฏ็อบรีย์
  •  

L-umar


เพราะหนังสืออัลวิลายะฮ์เล่มนี้จึงเป็นเหตุทำให้พวกวาฮาบีกล่าวหาว่า ท่านอิบนุญะรีรอัฏ-ฏ็อบรีเป็นตะชัยยุ๊อฺ ( تَشَـيُّعٌ ) คือมีความนิยมฝักใฝ่ในมัซฮับชีอะฮ์  เพราะหนังสือเล่มนี้ได้กลายเป็นหลักฐานสำคัญอันหนึ่งสำหรับพวกชีอะฮฺที่จะเอามาอ้างงอิงกับพวกวาฮาบีเรื่องการแต่งตั้งท่านอะลีเป็นคอลีฟะฮ์



ดังนั้นอุละมาอ์อะฮ์ลุสสุนนะฮ์โดยส่วนมากจึงไม่นิยมเขียนหนังสือที่รวบรวมหะดีษและสายรายงานหะดีษเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เฆาะดีรคุม เนื่องจากพวกเขาไม่มีอะกีดะฮ์ว่า อะลีคือคอลีฟะฮฺที่สืบต่อจากท่านรอซูล(ศ)  อย่างไรก็ตาม  ช้างตายทั้งตัวใบบัวย่อมปิดไม่มิด หรือสัจธรรมย่อมเป็นสัจธรรมอยู่เสมอ  เราพบว่าเชคมุฮัมมัด นาศิรุดดีน อัลบานี อุละมาอ์วาฮาบีผู้นี้ได้ให้การรับรองหะดีษเฆาะดีรไว้หลายบทด้วยกันในหนังสือชื่อซิลซิละตุซ – ซ่อฮีฮะฮฺ  เช่นหะดีษ

عَنْ أَبِي الطُّفَيْلِ رَضِيَ اللهُ عَنْهُ قَالَ :
لَمَّا دَفَعَ النَّبِيُّ صَلَّي اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّم مِنْ حَجَّةِ الْوِدَاعِ وَنَزَلَ غَدِيْرَ خُمٍّ أَمَرَ بِدَوْحَاتٍ فَقُمِمْنَ ثُمَّ قَالَ : كَأَنِّيْ دُعِيْتُ فَأَجِبْتُ وَإِنِّيْ تَارِكٌ فِيْكُمُ الثَّقَلَيْنِ أَحَدَهُمَا أَكْبَرُ مِنَ الْآخَرِ : كِتَابُ اللهِ وَعِتْرَتِيْ أَهْلُ بَيْتِيْ فَانْظُرُوْا كَيْفَ تُخْلِفُوْنِيْ فِيْهِمَا  فَإِنَّهُمَا لَنْ يَتَفَرَقَا حَتَّي يَرِدَا عَلَيَّ الْحَوْضَ     ثُمَّ قَالَ : إِنَّ اللهَ مَوْلاَيَ وَأَنَا وَلِيُّ كُلِّ مُؤْمِنٍ  ثُمَّ إِنَّهُ أَخَذَ بِيَدِ عَلِيٍّ رَضِيَ اللهُ عَنْهُ فَقَالَ : مَنْ كُنْتُ وَلِيَّهُ فَهَذَا وَلِيَّهُ  اللّهُمَّ وَالِ مَنْ وَالاَهُ وَعَادِ مَنْ عَادَاهُ

سِلْسِلَةُ الْأَحَادِيْثِ الصَّحِيْحَةِ  ج : 4 ص: 330  ح : 1750  مُحَمَّد نَاصِرُ الدِّيْنِ الأَلْبَانِيّ نَوْعُ الْحَدِيْثِ : صَحِيْح

อบู ตุเฟลรายงาน :  

เมื่อท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)กลับจากการทำฮัจญ์ครั้งสุดท้าย ท่านได้แวะพักที่เฆาะดีรคุม ท่านสั่งให้(พักตรง)ต้นไม้ใหญ่ แล้วสั่งให้กวาด(ลานให้สะอาด)  แล้วท่านได้ปราศัยว่า : ดูเหมือนว่าฉันถูกเรียก(กลับแล้ว) และฉันได้ตอบรับแล้ว แท้จริงฉันได้มอบไว้แก่พวกท่านสิ่งหนักสองสิ่ง สิ่งแรกใหญ่กว่าอีกสิ่งหนึ่งคือ

1.   คัมภีร์ของอัลลอฮ์ (อัลกุรอาน)และ

2.   อิตเราะตี คืออะฮ์ลุลบัยต์ของฉัน  


ดังนั้นพวกท่านจงดูเถิดว่า พวกท่านจะขัดแย้งกับฉันในสองสิ่งนี้อย่างไร เพราะแท้จริงสองสิ่งนี้จะไม่แยกจากกัน จนกว่าทั้งสองจะกลับมาหาฉันที่อัลเฮาฎ์(สระเกาษัร)

จากนั้นท่าน(ศ็อลฯ)ได้กล่าวว่า :
แท้จริงอัลลอฮ์ทรงเป็นผู้คุ้มครองของฉัน  และฉันเป็นผู้ปกครองของผู้ศรัทธาทุกคน  จากนั้นท่านนบีได้จับมือท่านอะลี(ชูขึ้นเหนือศรีษะ) แล้วกล่าวว่า :

บุคคลใดก็ตามที่ฉันเป็นผู้ปกครองของเขา  ดังนั้นอะลีก็เป็นผู้ปกครองของเขา  

โอ้อัลลอฮ์โปรดรักผู้ที่เป็นมิตรต่อเขา และโปรดชิงชังผู้ที่เป็นศัตรูต่อเขา  



สถานะหะดีษ : เศาะหิ๊หฺ    
ดูซิลซิละตุลอะฮาดีษิซ-ซอฮีฮะฮ์ เล่ม 4 : 330   หะดีษที่ 1750   ตรวจทานโดยเชคอัลบานี



ท่านทราบไหมว่า อุละมาอ์ซุนนี่ในอดีตโดยส่วนมากทั้งในไทยและต่างประเทศปฏิเสธเสียงแข็งว่า หะดีษเฆาะดีรคุมนั้นเป็นเรื่องเมาฎู๊อฺโกหกพกลมทั้งเพ  

อิบนุตัยมียะฮฺชัยคุลอิสลามของวาฮาบีฟันธงว่าหะดีษ " มันกุนตุเมาลาฮุ ฟะอะลียุนเมาลา  " ที่ท่านนบี(ศ)กล่าวกับท่านอะลีต่อหน้าซอฮาบะฮ์ที่เฆาะดีรคุมนั้นเป็นหะดีษเก๊(เมาฎู๊อฺ ) เป็นเรื่องโกหกทั้งนั้น  

แต่พอมายุคปัจจุบันเชคอัลบานีได้ออกมาวิจารณ์ท่านอิบนิตัยมียะฮ์ในเรื่องนี้ว่าفقد كان الدافع لتحرير الكلام على الحديث و بيان صحته أنني رأيت شيخ الإسلام بن تيمية ، قد ضعف الشطر الأول من الحديث ، و أما الشطر الآخر ، فزعم أنه كذب  ! و هذا من مبالغته الناتجة في تقديري من تسرعه
في تضعيف الأحاديث قبل أن يجمع طرقها و يدقق النظر فيها . و الله المستعان .

แท้จริงสิ่งที่ผลักดันให้ทำการวิจัยคำพูดต่อหะดีษ(เฆาะดีรคุม)และชี้แจงถึงความเศาะหิ๊หฺของมันนั้น เป็นเพราะว่าผมได้เห็นท่านเชคอิบนิตัยมียะฮฺได้ทำการตัฏอี๊ฟ(ฮุก่มว่า ดออีฟ)ในวรรคแรกของหะดีษ(เฆาะดีร) ส่วนวรรคอื่นๆท่านก็ได้กล่าวว่ามันโกหก  ผลลัพท์นี้มีผลมาจากความเลยเถิดของท่าน ในตักดีรของผมเนื่องจากท่าน(อิบนิตัยมียะฮฺ)มีนิสัยรวดเร็วเกินไปในการตัฏอี๊ฟหะดีษต่างๆ ก่อนที่ท่านจะรวบรวมสายรายงานต่างๆของมันและพิจารณาในมันให้ถี่ถ้วนเสียก่อน

อ้างอิงจากหนังสือ ซิลซิละตุลอะฮาดีษิซ-ซอฮีฮะฮ์ โดยเชคอัลบานี เล่ม 4 : 249   หะดีษที่ 1750


เราจึงอยากขอยืมถ้อยคำของเชคอัลบานีนี้มาใช้กับคนอย่างอาจารย์ฟารีดเฟ็นดี้เช่นกัน  
  •  

L-umar


เชคกอนดูซี อุละมาอ์ฮะนาฟี เกิดฮ.ศ.1220-1294   บันทึกไว้ว่า


عَنِ الْبَرَاءِ بْنِ عَازِبٍ رضى الله عنه فِي قَوْلِهِ تَعَالَى: (يَا أَيُّهَا الرَّسُولُ بَلِّغْ مَا أُنْزِلَ إِلَيْكَ مِنْ رَبِّكَ): أي بَلِّغْ مِنْ فَضَائِلِ عَلِيٍّ، نُزِلَتْ فِي غَدِيرِ خُمٍّ ، فَخَطَبَ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ قَالَ : مَنْ كُنْتُ مَوْلَاهُ فَهذا عَلِيٌّ مَوْلَاهُ.

ينابيع المودة لذوي القربى  ج 2 ص 243  ح 56
للشيخ سليمان بن ابراهيم القندوزي الحنفي
.
รายงานจากท่านอัลบัรรออฺ บินอาซิบ ในพระดำรัสของพระองค์

يَا أَيُّهَا الرَّسُولُ بَلِّغْ مَا أُنْزِلَ إِلَيْكَ مِنْ رَبِّكَ

เขากล่าวว่า  หมายถึง  จงประกาศเกี่ยวกับฟะฎออิลของอะลี โองการนี้ถูกประทานลงมาที่เฆาะดีรคุม  ท่านรอซูลุลลอฮฺ(ศ)ได้ทำการคุฏบะฮ์  ท่านได้กล่าวว่า  บุคคลใดที่ฉันคือผู้ปกครองของเขา ดังนั้นอะลีคนนี้คือผู้ปกครองของเขา


อ้างอิงจากหนังสือ ยะนาบีอุลมะวัดดะฮฺ  เล่ม 2 : 243 หะดีษที่ 56
  •  

L-umar


ท่านชะฮ์รอสตานี เกิดฮ.ศ. 479 – 548 เล่าว่า


حين نزل قوله تعالى : (يَا أَيُّهَا الرَّسُولُ بَلِّغْ مَا أُنْزِلَ إِلَيْكَ مِنْ رَبِّكَ وَإِنْ لَمْ تَفْعَلْ فَمَا بَلَّغْتَ رِسَالَتَهُ) فلما وصل غدير خم أمر بالدرجات فقمن ونادوا الصلاة جامعة ثم قال عليه الصلاة و السلام وهو على الرحال : من كنت مولاه فعلي مولاه اللهم وال من والاه وعاد من عاداه وانصر من نصره واخذل من خذله وأدر الحق معه حيث دار ألا هل بلغت ثلاثا
الكتاب : الملل والنحل  ج 1 ص 161
المؤلف : محمد بن عبد الكريم بن أبي بكر أحمد الشهرستاني


ตอนที่โองการ

يَا أَيُّهَا الرَّسُولُ بَلِّغْ مَا أُنْزِلَ إِلَيْكَ مِنْ رَبِّكَ وَإِنْ لَمْ تَفْعَلْ فَمَا بَلَّغْتَ رِسَالَتَهُ

ประทานลงมานั้น เมื่อท่าน(รอซูล ศ.)ได้มาถึงที่เฆาะดีรคุม ท่านสั่งให้ปัดกวาดเคลียพื้นที่ และพวกเขาได้ประกาศการนมาซญะมาอะฮฺ  ต่อจากนั้นท่านได้กล่าวปราศรัยโดยท่านอยู่บนอานพาหนะว่า   บุคคลใดที่ฉันคือผู้ปกครองของเขา ดังนั้นอะลีคือผู้ปกครองของเขา

อ้างอิงจาก หนังสืออัลมิลัล วันนิฮัล เล่ม 1 : 161

 
ท่านชะฮฺรอสตานีนั้นเป็นอุละมาอ์ซุนนี่ที่มีความเชี่ยวด้านสาขาอิลมุลกะลาม  ศาสนาต่างๆ และสำนักคิดของพวกนักปรัชญา  เขาเกิดที่เมืองชะฮ์ริสตาน ตั้งอยู่ระหว่างเมืองนัยซาบูรกับค่อวาริซม์ ต่อมาได้ย้ายไปอยู่ที่เมืองแบกแดดในปีฮ.ศ.510 สามปีแล้วหวลกลับมาอยู่บ้านเกิดและเสียชีวิตที่นั่น.
  •  

L-umar


ท่านมุบาร็อก เฟารีรายงานว่า


أَخْرَجَهُ أَبُو نُعَيْمٍ فِي مَعْرِفَةِ الصَّحَابَةِ مِنْ رِوَايَةِ إِسْمَاعِيلَ بْنِ عَيَّاشٍ عَنْ عَبْدِ اللَّهِ بْنِ بِشْرٍ عَنْ عَبْدِ الرَّحْمَنِ بْنِ عَدِيٍّ الْبَهْرَانِيِّ عَنْ أَخِيهِ عَبْدِ الْأَعْلَى بْنِ عَدِيٍّ : أَنَّ رَسُولَ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ دَعَا عَلِيَّ بْنَ أَبِي طَالِبٍ يَوْمَ غَدِيرِ خُمٍّ فَعَمَّمَهُ

الكتاب : تحفة الأحوذي بشرح جامع الترمذي  ج 4 ص 429
المؤلف : محمد عبد الرحمن بن عبد الرحيم المباركفوري أبو العلا

อบูนุอัยมฺนำออกรายงานไว้ในหนังสือมะอฺริฟะตุซ-ซอฮาบะฮฺ จากรายงานของอิสมาอีลบินอัยย๊าช จากอับดุลลอฮฺบินอับดุลเราะหฺมานบินอะดีอัลบะฮ์รอนี จากพี่ชายเขาคืออับดุลอะอ์ลา บินอะดี เล่าว่า
แท้จริงท่านรอซูลุลลอฮฺ(ศ)ได้เรียกท่านอะลี บินอบีตอลิบมาหาในวันที่เฆาะดีรคุม แล้วท่าน(ศ)ได้โพกอะมาม่า(ผ้าสะระบั่น)ให้เขา..

อ้างอิงจากหนังสือ ตุหฺฟะตุลอะหฺวะซี  เล่ม 4 :429


สรุป

ความจริงเรายังมีหลักฐานอีกมาก แต่คิดว่า เท่านี้คงพอทำให้ท่านได้ทราบว่า คำพูดที่อาจารย์ฟารีดกล่าวว่า อุละมาอ์อะฮ์ลุสสุนนะฮ์ไม่เคยกล่าวว่า บทที่ 5 :67 ถูกประทานลงมาที่เฆาะดีรคุมเกี่ยวกับท่านอะลีนั้น
แท้จริงอาจารย์ฟารีดได้โกหกอย่างเห็นได้ชัด.
  •  

L-umar



อ้างอิงบทความจากอาจารย์ฟารีด

ประการที่สอง  



                 นอกจากชีอะฮ์จะโกหกว่าอายะห์นี้ถูกประทานมาเกี่ยวกับท่านอาลีแล้ว ชีอะฮ์ยังโกหกต่อไปอีกว่า เรื่องนี้รายงานมาในลักษณะ มุตะวาเต็ร หมายถึงมหาชนรายงาน ซึ่งคำว่า มุตะวาเต็รในแวดวงของนักวิชาการฮะดีษนั้นหมายถึงบรรดาผู้รายงานในทุกระดับมีจำนวนมาก โดยเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะรวมหัวกันโกหก แต่เราก็ไม่พบรายงานสักบทเดียวที่ศอเฮียะห์จะยืนยันว่า อายะห์นี้ถูกประทานมาเกี่ยวกับท่านอาลี แต่เหล่าชีอะฮ์ใช้วิธีอ้างมั่วว่าอายะห์นี้ถูกประทานทีฆ่อดีรคุม แล้วนำไปประกบกับฮะดีษที่รายงานเหตุการณ์คุตบะห์ของท่านนบีที่ฆ่อดีรคุม แล้วก็หลอกผู้คนว่า นี่แหละหลักฐานทั้งจากอัลกุรอานและฮะดีษเรื่องการแต่งตั้งท่านอาลี




วิจารณ์

ในบางครั้งการนำเสนอหลักฐานซ้ำแล้วซ้ำเล่ากับคนประเภทนี้ ถือว่าไม่ส่งผลอันใด

แต่ถ้าเพื่อพิสูจน์ให้สาธารณชนได้ประจักษ์อันนี้ถือว่า จำเป็น

ต่อไปนี้คือรายชื่อของอุละมาอ์อะฮ์ลุสสุนนะฮ์ และรายชื่อหนังสือที่บันทึกว่า บทที่ 5 โองการที่ 67 ได้ถูกประทานลงมาที่เฆาะดีรคุมเกี่ยวกับท่านอะลี   มีดังนี้



الحافظ ابو بكر الشيرازي في كتابه ما نزل من القرآن في أمير المؤمنين،
ฮาฟิซ อบูบักร อัชชีรอซี
وابن مردويه كما في الدر المنثور 2 / 298،
อิบนุมุรดะวัยฮฺ
والثعلبي في الكشف والبيان،
อัษษะอ์ละบี
وابو نعيم الاصفهاني في ما نزل من القرآن في علي كما في الخصائص: 29،
อบูนุอัยมฺ อัลอิศฟะฮานี
والواحدي النيسابوري في اسباب النزول: 150،
อัลวาฮิดี อันนัยซาบูรี
وابو سعيد السجستاني فى كتاب الولاية،
อบูสะอีด อัสสิญิสตานี
والحاكم الحسكاني في شواهد التنزيل كما في مجمع البيان 2 / 223،
อัลฮากิม อัลหัสกานี
وابن عساكر كما في الدر المنثور 2 / 298،
อิบนุอะซากิร
وابو الفتح الطنزي في الخصائص العلوية،
อบุลฟัตฮฺ
والفخر الرازي في التفسير الكبير 3 / 636،
อัลฟัครุล รอซี
والنصيبي فى مطالب السؤول: 16،
อันนะศี
والرسعني في تفسيره كما فى شرح المواهب 7 / 14،
อัลรอสอะนี
وشيخ الاسلام الحمويني في فرائد السمطين،
ชัยคุลอิสลาม อัลหะมูวัยนี
وعلي الهمداني في مودة القربى،
อะลี อัลฮะมะดานี
وابن العيني في عمدة القاري في شرح البخاري 8 / 584،
อิบนุ อัยนี
وابن الصباغ المالكي في الفصول المهمة: 27،
อิบนุศ-ศ็อบ บ๊าฆ อัลมาลิกี
ونظام الدين النيسابوري في تفسيره السائر الدائر 6 / 170،
นิซอมุดดีน อันนัยซาบูรี
وكمال الدين الميبذي في شرح ديوان امير المؤمنين: 415،
กะมาลุดดีน
وجلال الدين السيوطي في الدر المنثور 2 / 298،
ญะลาลุดดีน อัสสิยูตี
والشوكاني في فتح القدير 3 / 57،
อัช-เชากานี
والالوسي في روح المعاني 2 / 348،
อัลอะลูซี
والقندوزي في ينابيع المودة: 120،
อัลกอนดูซี
ومحمد عبده في المنار 6 / 463.
มุฮัมมัด  อับดุฮฺ


อุละมาอ์เหล่านี้ได้บันทึกอัสบาบุลนุซูลนี้ไว้ในตำราของพวกเขา   แต่ว่าพวกเขาไม่ยอมรับว่าเป็นเรื่องที่ท่านรอซูล(ศ)ทำการแต่งตั้งท่านอะลีเป็นคอลีฟะฮฺ  พวกเขาได้อธิบายว่า มันเป็นหะดีษที่กล่าวถึงฟะดีลัตของท่านอะลีบ้าง เมาลาหรือวะลีแปลว่า คนรักบ้าง ผู้ช่วยเหลือบ้าง แน่นอนถ้าพวกเขายอมรับพวกเขาก็คงเป้นชีอะฮ์ไปหมดแล้ว และคงถูกพวกวาฮาบีประนามเหมือนที่ประณามท่านอิบนุญะรีรที่เขียนหนังสืออัลวิลายะฮ์.
  •  

L-umar


อ้างอิงจากบทความอาจารย์ฟารีด


ประการที่สาม  


พระองค์อัลลอฮ์ได้ทรงประทานอัลกุรอานลงมาว่า

الْيَوْمَ أَكْمَلْتُ لَكُمْ دِينَكُمْ وَأَتْمَمْتُ عَلَيْكُمْ نِعْمَتِي وَرَضِيتُ لَكُمُ الْإِسْلَامَ دِينًا


"วันนี้ข้าได้ให้ศาสนาของพวกเจ้าครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว และความเมตตาของข้าที่มีต่อพวกเจ้าเปี่ยมล้น และข้าพอใจที่ให้อิสลามเป็นศาสนาแก่พวกเจ้า"


ซูเราะห์อัลมาอิดะห์ อายะห์ที่ 3


               บรรดานักวิชาการต่างยืนยันตรงว่าอายะห์ที่ 3 นี้ถูกประทานลงมาในวันศุกร์ที่ 9 เดือนซุลฮิจญะห์ ปีที่ 10 ฮิจเราะห์ศักราช  ขณะที่ท่านนบีกำลังวุกูฟอยู่ที่ทุ่งอะรอฟะห์ในการทำฮัจญะห์ครั้งอำลาของท่าน และเป็นอายะห์สุดท้ายของอัลกุรอานที่ถูกประทานลง  

แต่เหตุการณ์ที่ฆ่อดีรคุมนั้น เกิดขึ้นในวันที่ 18 เดือนซุลฮิจญะห์ หลังจากทำฮัจญ์เรียบร้อยแล้ว จึงเป็นข้อพิสูจน์ความโกหกของชีอะฮ์อีกประการหนึ่งคือ ในเมื่ออัลลอฮ์ได้ลงอัลกุรอานอายะห์สุดท้ายมายืนยันว่าอิสลามครบถ้วนสมบูรณ์ไปแล้ว และเช่นไรเล่าที่ชีอะฮ์ได้อ้างว่าคำสั่งแต่งตั้งอายะห์ที่ 67 ถูกประทานลงมาที่ฆ่อดีรคุมหลังจากนั้น หมายถึงหลังจากอิสลามครบถ้วนไปแล้วกระนั้นหรือ
ซูเราะห์อัลมาอิดะห์ อายะห์ที่ 67 นี้ถูกประทานลงมาที่ฆ่อดีรคุม จึงเป็นเรื่องมดเท็จอย่างไม่ต้องสงสัย
  •  

L-umar


วิจารณ์ความโกหกของอาจารย์ฟารีด



สรุป  อาจารย์ฟารีดได้ปฏิเสธว่า โองการนี้

الْيَوْمَ أَكْمَلْتُ لَكُمْ دِينَكُمْ وَأَتْمَمْتُ عَلَيْكُمْ نِعْمَتِي وَرَضِيتُ لَكُمُ الْإِسْلَامَ دِينًا

วันนี้ข้าได้ทำให้ศาสนาของพวกเจ้าสมบูรณ์แล้ว และข้าได้ทำให้นิอฺมะฮ์ของข้าครบถ้วนแก่พวกเจ้าแล้ว  และข้าพึงพอใจที่ให้อิสลามเป็นศาสนาแก่พวกเจ้า

ซูเราะฮ์อัลมาอิดะฮฺ  โองการที่ 3

ไม่มีอุละมาอ์ซุนนี่คนใดได้รายงานหะดีษหรือกล่าวว่า มันถูกประทานลงมาทีเฆาะดีรคุมเกี่ยวกับท่านอะลี




เชิญท่านอ่านหะดีษที่อุละมาอ์ซุนนี่รายงานเรื่องนี้เองเถิด...


ท่านอัลเคาะฏีบ อัลบัฆดาดี เกิดฮ.ศ.392 – 463 บันทึกหะดีษไว้บทหนึ่งว่า



حَبْشون بْنُ مُوسَى بْنُ أَيُّوبَ أَبُو نَصْرٍ الخلاَلُ سَمِعَ عَلِيَّ بْنَ سَعِيدِ بْنِ قُتَيْبَةَ الرَّمْلِيُّ وَالْحَسَنُ بْنُ عَرَفَةَ الْعَبْدِيُّ وَ عَلِيُّ بْنُ عَمْرٍو الْأَنْصَارِيُّ وَ عَلِيُّ بْنُ الْحُسَيْنِ بْنِ إِشْكَابٍ وَ عَبْدُ اللَّه بْن أَيُّوب الْمُخَرِّمِيُّ وَ سُلَيْمَانُ بْنُ تَوْبَةَ النَّهْرَوَانِيّ وَ حَنْبَلُ بْن إِسْحَاق الشَّيْبَانِيُّ
رَوى عَنْهُ أَبُو بَكْر بْن شَاذَان وَ أَبُو الْحَسَن الدَّارَقُطْنِيُّ وَ أَبُو حَفْصٍ بْن شَاهِين وَ أَحْمَدُ بْنُ الْفَرَجِ بْنُ الْحَجَّاجِ وَ أَبُو الْقَاسِمِ بْنُ الثَّلاَّج وَغَيْرُهُمْ وَكاَنَ ثِقَةً يَسْكُنُ باَبَ الْبَصْرَة أَنْبَأَنَا عَبْدُ اللَّهِ بن علي بن محمد بْن بَشْرَانِ أَنْبَأَنَا عَلِيّ بْن عُمَر الْحَافِظُ حَدَّثَنَا أَبُوْ نَصْرٍ حَبْشوْن بْنُ مُوْسَى بْنُ أَيُّوْبَ الْخلاَلُ حَدَّثَنَا عَلِيُّ بْنَ سَعِيْدِ الرَّمْلِيّ حَدَّثَنَا ضَمْرَةُ بْنُ رَبِيعَةَ القرشي عَنِ بْنِ شَوْذَبٍ عَنْ مَطَرٍ الْوَرَّاقِ عَنْ شَهْرِ بْنِ حَوْشَبٍ عَنْ أَبِي هُرَيْرَةَ قَالَ :
مَنْ صَامَ يَوْمَ ثَمَانِ عَشْرَةَ مِنْ ذِي الْحِجَّةِ كُتِبَ لَهُ صِيَامُ سِتِّيْنَ شَهْرًا وَهُوَ يَوْمَ غَدِيرِ خُمٍّ لَمَّا أَخَذَ النَّبِيُّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ بِيَدِ عَلِيِّ بْنِ أَبِي طَالِبٍ فَقَالَ أَلَسْتُ وَلِيُّ الْمُؤْمِنِينَ قَالُوْا بَلَى يَا رَسُوْلَ اللهِ قاَلَ مَنْ كُنْتُ مَوْلَاهُ فَعَلِيٌّ مَوْلَاهُ فَقَالَ عُمَرُ بْنُ الْخَطَّابِ بَخٍ بَخٍ لَكَ ياَ بْنَ أَبِي طَالِبٍ أَصْبَحْتَ مَوْلاَيَ وَمَوْلَى كُلِّ مُسْلِمٍ فَأَنْزَلَ اللَّهُ الْيَوْمَ أَكْمَلْتُ لَكُمْ دِينَكُمْ

الكتاب : تاريخ بغداد   ج 8 / ص 289  رقم الحديث : 4392
المؤلف : أحمد بن علي أبو بكر الخطيب البغدادي
الناشر : دار الكتب العلمية - بيروت
عدد الأجزاء : 14

อ้างอิงจากหนังสือ

ตารีคบัฆด๊าด โดยอัลเคาะฏีบอัลบัฆดาดี เล่ม 8 : 289 หะดีษที่ 4392
  •  

65 ผู้มาเยือน, 0 ผู้ใช้