Welcome to Q4wahabi.com (Question for Wahabi). Please login or sign up.

ธันวาคม 22, 2024, 12:55:08 ก่อนเที่ยง

Login with username, password and session length
สมาชิก
  • สมาชิกทั้งหมด: 1,718
  • Latest: Haroldsmolo
Stats
  • กระทู้ทั้งหมด: 3,698
  • หัวข้อทั้งหมด: 778
  • Online today: 22
  • Online ever: 200
  • (กันยายน 14, 2024, 01:02:03 ก่อนเที่ยง)
ผู้ใช้ออนไลน์
Users: 0
Guests: 16
Total: 16

หนังสือ อัลอิ๊อฺติกอด๊าต โดยเชคศอดูก

เริ่มโดย L-umar, สิงหาคม 13, 2009, 09:38:41 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

L-umar



หนังสือ :  อัล อิ๊อฺ ติ กอ ด๊าต    เรียบเรียงโดย  เชคศอดูก  



คำนำจากเว็บมาสเตอร์


หลังจากท่านศาสดามุฮัมมัด(ศ)วะฟาต   ชีอะฮ์ได้ยึดถือคัมภีร์กุรอ่านและวจนะของบรรดาอิม่ามเป็นหลักฐานด้านศาสนามาโดยตลอด
นับจากอิม่ามที่ 1 คือท่านอะลี  2,ฮาซัน  3,ฮูเซน 4,ซัยนุลอาบิดีน 5,มุฮัมมัดบาเก็ร 6,ญะอ์ฟัรศอดิก 7,มูซากาซิม 8,อะลีริฎอ 9,มุฮัมมัดญะวาด 10,อะลีฮาดี   เป็นเช่นนี้เรื่อยมาจนถึงสมัยอิม่ามฮาซันอัสการี

เมื่ออิม่ามคนที่ 11 นี้สิ้นชีพในปีฮิจเราะฮ์ศักราชที่ 260 บุตรชายคนเดียวของเขาชื่อ อัลมะฮ์ดี ตอนนั้นมีอายุ 5 ปีได้ปรากฏตัวอย่างกระทันหันแล้วนมาซญะนาซะฮ์ให้แก่ร่างของบิดาเพื่อยืนยันต่อหน้าสาธารณชนว่า บิดาท่านมีบุตรชายสืบทอดตำแหน่งอิม่ามผู้นำคนที่ 12

หลังจากนั้นอิม่ามมะฮ์ดีได้ " ฆ็อยบะตุซ-ซุฆรอ "  เก็บซ่อนตัวเองจากสายตาผู้คนเป็นระยะเวลา 70 ปี  

ช่วงเวลาดังกล่าวปรากฏว่าอิม่ามมะฮ์ดีได้แต่งตั้งตัวแทนพิเศษ (นาอิบุล ค็อศ) ไว้ 4 คนคือ :

1, อุษมาน บินสะอีด อัลอัมรี  มรณะฮ.ศ. 265

2, อบูญะอ์ฟัร มุฮัมมัด บินอุษมาน มรณะฮ.ศ. 304-305

3, อบุลกอสิม ฮูเซน บินรู๊ห์ อันเนาบัคตี มรณะฮ.ศ. 326  

4, อบุลฮาซัน อะลี บินมุฮัมมัด อัสสะมะรี  มรณะฮ.ศ. 329    

ตัวแทนทั้งสี่มีหน้าที่ติดต่อสื่อสารระหว่างอิม่ามมะฮ์ดีกับประชาชนทั่วไป
 
บรรดาชีอะฮ์สามารถติดต่อสอบถามเรื่องอะกีดะฮ์,ฟิกฮ์และปัญหาต่างๆได้โดยผ่านตัวแทนทั้งสี่นี้  



ปีฮ.ศ.ที่ 329

อะลี บินมุฮัมมัด ตัวแทนคนที่ 4 สิ้นชีพลง ซึ่งถือว่าเป็นการสิ้นสุดการติดต่อสื่อสารระหว่างอิม่ามมะฮ์ดีกับประชาชน

เข้าสู่ช่วง "ฆ็อยบะตุลกุบรอ "  การหายตัวครั้งใหญ่ เป็นระยะยาวไม่มีที่สิ้นสุด จนกว่าอัลลอฮ์จะทรงอนุมัติให้อิม่ามมะฮ์ดีปรากฏ  

เข้าสู่ยุคนาอิบุลอาม คือตัวแทนอิม่ามมะฮ์ดี ที่มีคุณสมบัติตามที่กำหนดไว้  ซึ่งตัวแทนชุดที่สองนี้เป็นที่รู้จักกันนาม

ฟะกีฮฺ   (ฟุเกาะฮาอ์)  หรือ   มัรญิ๊อฺ  (มะรอญิ๊อฺ )


อิม่ามแห่งอะฮ์ลุลบัยต์นบีได้มอบอำนาจให้ฟะกีฮฺหรือมัรญิ๊อฺทำหน้าที่ชี้แจงเรื่องอะกีดะฮ์ ,ฟิกฮ์และปัญหาต่างๆได้  ด้วยหลักฐานดังต่อไปนี้

ท่านอิม่ามศอดิก(อ)กล่าวกับฮิช่าม บินซาลิมว่า :  

إِنَّمَا عَلَيْنَا أَنْ نُلْقِيَ إِلَيْكُمُ الْأُصُولَ   وَ عَلَيْكُمْ أَنْ تُفَرِّعُوا

หน้าที่ของพวกเราคือ ถ่ายทอดอุศูล (เรื่องหลักของศาสนา)แก่พวกท่าน

ส่วนพวกท่านมีหน้าที่ทำการจำแนกเป็นหัวย่อยๆเอาเอง


สถานะฮะดีษ  :  ซอฮี๊ฮฺ

ดูวะซาอิลุชชีอะฮ์  โดยอัลฮุรรุลอามีลี เล่ม 27 : 62 ฮะดีษที่ 33201,33202


عَنْ مُحَمَّدِ بْنِ يَعْقُوبَ عَنْ إِسْحَاقَ بْنِ يَعْقُوبَ قَالَ سَأَلْتُ مُحَمَّدَ بْنَ عُثْمَانَ الْعَمْرِيَّ أَنْ يُوصِلَ لِي كِتَاباً قَدْ سَأَلْتُ فِيهِ عَنْ مَسَائِلَ أَشْكَلَتْ عَلَيَّ فَوَرَدَ التَّوْقِيعُ بِخَطِّ مَوْلَانَا صَاحِبِ الزَّمَانِ ع أَمَّا مَا سَأَلْتَ عَنْهُ أَرْشَدَكَ اللَّهُ وَ ثَبَّتَكَ إِلَى أَنْ قَالَ وَ أَمَّا الْحَوَادِثُ الْوَاقِعَةُ فَارْجِعُوا فِيهَا إِلَى رُوَاةِ حَدِيثِنَا فَإِنَّهُمْ حُجَّتِي عَلَيْكُمْ وَ أَنَا حُجَّةُ اللَّهِ
 
มุฮัมมัด บินยะอ์กูบ รายงานจากอิสฮ๊าก บินยะอ์กูบเล่าว่า  :

ฉันได้ขอร้องท่านมุฮัมมัด บินอุษมาน(นาอิบุลคอศ คนที่ 2  ) ให้นำจดหมายไปส่ง(ให้อิม่ามมะฮ์ดี)แทนฉัน  ในจดหมายฉันได้ถามถึงปัญหาต่างๆที่คลุมเครือแก่ฉัน
แล้วได้มีจดหมายเป็นลายเซ็นด้วยลายมือของผู้ปกครองของพวกเรา คือท่านศอฮิบุซซะมาน(อิม่ามมะฮ์ดีได้)ตอบมาว่า :  

ส่วนสิ่งที่เจ้าได้ถามถึงนั้น ขออัลลอฮ์ชี้นำเจ้าและทำให้เจ้ามั่นคง จนท่านกล่าวว่า :

ส่วนกรณีเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น ( ในยุคที่ฉันยังไม่ปรากฏตัว )  พวกเจ้าจงย้อนกลับไปยังบรรดานักรายงานฮะดีษของเรา เกี่ยวปัญหาเหล่านั้น

เพราะพวกเขาคือหลักฐานของฉันที่มีต่อพวกเจ้า

และฉันคือหลักฐานของอัลลอฮ์



อ้างอิงจากหนังสือ

วะซาอิลุชชีอะฮ์  โดยอัลฮุรรุลอามีลี  เล่ม 27 : 140 ฮะดีษที่ 33424


ท่านอิม่ามฮาซันอัสการี(อ)กล่าวว่า :  

فَأَمَّا مَنْ كَانَ مِنَ الْفُقَهَاءِ صَائِناً لِنَفْسِهِ حَافِظاً لِدِينِهِ مُخَالِفاً عَلَى هَوَاهُ مُطِيعاً لِأَمْرِ مَوْلَاهُ فَلِلْعَوَامِّ أَنْ يُقَلِّدُوهُ

ส่วนหนึ่งจากบรรดาฟะกีฮ์ ( ที่มีคุณสมบัติดังนี้ )
 
1,เป็นผู้รักษาตัวเอง(มิให้มีมลทิน)

2,ปกป้องรักษาศาสนาของเขา

3,ไม่คล้อยตามอารมณ์ต่ำของตัวเอง  

4,ปฏิบัติตามคำสั่งอิม่ามผู้นำของเขา(อย่างเคร่งครัด)

ดังนั้นจำเป็นสำหรับประชาชนจะต้องปฏิบัติตามเขา (เรียกว่า การตักลีด)



สถานะฮะดีษ  : ซอฮี๊ฮฺ

ดูวะซาอิลุช-ชีอะฮ์ โดยอัลฮุรรุล อามิลี
เล่ม 27 : 131 ฮะดีษที่ 33401
ตรวจทานโดยมัรกะซุล บุฮูซ คอมพิวเตอร์ ลิลอุลูมิลอิสลามียะฮ์ เมืองกุม อิหร่าน




หลังจากนาอิบุลคอศเสียชีวิตหมด   ฟุเกาะฮาอ์ชีอะฮ์จึงได้แต่งตำราอะกีดะฮ์ไว้หลายรูปแบบเช่น


1.   หนังสืออะกีดะฮ์แนวที่อ้างอิงนัศ คือมีอายะฮ์กุรอ่านและหะดีษกำกับ

2.   หนังสืออะกีดะฮ์แนวอิลมุลกะลาม คือนำหลักการทางตรรกะและปรัชญามาใช้อธิบาย



หนังสือ :  อัล อิ๊อฺ ติ กอ ด๊าต (  الاعتقادات )  
เรียบเรียงโดย  :

الشيخ محمد بن علي بن بابويه القمي ( الصدوق )

เชคมุฮัมมัด บินอะลี บินบาบะวัยฮฺ อัลกุมมี  

รู้จักกันนาม  :  เชคศอดูก เกิดฮ.ศ. 305 มรณะ 381  รวมอายุ  76  ปี

อิบนุ บาบะวัยฮฺ ( บุตรชายของบาบะวัยฮฺ ) หรือที่รู้จักกันในนาม  เชคศอดูก
เกิดที่เมืองกุม อิหร่าน ปีฮ.ศ.308 ด้วยดุอาอ์ของท่านอิม่ามมะฮ์ดี อะลัยฮิสสลาม จึงเป็นบุคคลที่ได้รับความประเสริฐและมีความภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง   เริ่มศึกษาวิชาการศาสนาที่เมืองกุมกับบิดาและบรรดาเชค จากนั้นเดินทางไปแสวงหาความรู้จากแหล่งวิชาการต่างๆมากมายเช่น เมืองนัยซาบูรี  แบกแดด  กูฟะฮ์  คูรอซาน และเมืองบุคอรอ จนบรรลุถึงขั้นมัรญิอฺสูงสุดของชีอะฮฺ
เขาเขียนตำราไว้ราวสามร้อยกว่าเล่ม และตำราเหล่านั้นยังคงอยู่มาถึงปัจจุบัน   มีความเชี่ยวชาญเรื่องหะดีษและอิลมุลริญาล เป็นอาจารย์ของเชคมุฟีด (มุฮัมมัด บินมุฮัมมัด อัน-นุอฺมาน) และอะละมุลฮุดาชะรีฟริฎอ  
ในยุคนั้นไม่มีอุละมาอ์ในเมืองกุมคนใดมีความจำและความรู้เทียบเท่าเชคศอดูกได้เลย  เสียชีวิตในปีฮ.ศ.381 ที่เมืองเรย์ ประเทศอิหร่าน  ร่างของเขาถูกฝังอยู่ใกล้กับสุสานของสัยยิดอับดุลอะซีม อัลฮาซานี  ปัจจุบันคือเมืองตะหฺราน อิหร่าน.




หนังสืออะกีดะฮ์ของเชคศอดูกเล่มนี้ นับเป็นมรดกอันเก่าแก่ทางวิชาการเล่มหนึ่งสำหรับชีอะฮ์  ซึ่งได้แต่งขึ้นในยุคศตวรรษที่สามร้อยปีแห่งฮิจเราะฮ์ศักราช    
โดยท่านเชคศอดูกได้แบ่งเรื่องหัวข้ออะกีดะฮ์อิสลามออกเป็น  45  หัวข้อ พร้อมทั้งอ้างอิงหลักฐานจากอัลกุรอ่านและหะดีษบรรดาอิม่าม

ในเวลาต่อมาเชคมุฟีด  ลูกศิษษ์ของเชคศอดูกได้นำหนังสือเล่มนี้มาตรวจทานใหม่ พร้อมทั้งให้คำอธิบายมากขึ้นกว่าเก่า โดยเขาได้ให้ชื่อหนังสือเล่มนี้ใหม่ว่า  

تصحيح إعتقادات الإمامية
تأليف
الإمام الشيخ المفيد
محمد بن محمد بن النعمان ابن المعلم
أبي عبد الله، العكبري، البغدادي

ตัศฮีฮุ  อิ๊อฺติกอดาติล อิมามียะฮ์

เรียบเรียงโดย  เชคมุฟีด

  ชื่อจริงคือ มุฮัมมัด บินมุฮัมมัด บินอัน-นุอ์มาน ชาวเมืองแบกแดด ประเทศอิรัค เกิดวันที่ 11 ซุลกิอ์ดะฮ์ ฮ.ศ.336 มรณะคืนวันศุกร์ที่ 3 รอมฎอน ฮ.ศ. 413 รวมอายุ 95 ปี  สัยยิดมุรตะฏอเป็นอิม่ามนำ นมาซญะนาซะฮ์ให้ มีทั้งซุนนี่และชีอะฮ์มาร่วมนมาซญะนาซะฮ์ให้เขาอย่างเนืองแน่น เดิมร่างถูกฝังไว้ที่บ้านสองปี ต่อมาได้ย้ายไปฝังไว้ที่เมืองกาซิมัยน์ เคียงข้างกับอาจารย์ของเขาคือเชคศอดูก ตรงบิรเวณด้านล่างสุสานของท่านอิม่ามญะวาด อะลัยฮิสสลาม
เชคมุฟีดนับได้ว่าเป็นนักวิชาการที่มีความรู้สูงสุดในยุคที่เขามีชีวิตอยู่ มีความฉลาดหลักแหลมในการตอบคำถามและเชี่ยวชาญวิชาฟิกฮ์  ,ริวายะฮ์และอิลมุลกะลาม  เขาแต่งตำราไว้สองร้อยกว่าเล่ม ซึ่งคนรุ่นหลังล้วนได้รับประโยชน์จากเขาอย่างมากมาย  

  •  

L-umar


บทที่หนึ่ง


باب في صفة اعتقاد الإمامية في التوحيد

อะกีดะฮ์ของชีอะฮ์เรื่อง  อัต – เตาฮีด

เชคศอดูก เจ้าของหนังสือเล่มนี้ได้กล่าวว่า :

إعلم أن اعتقادنا في التوحيد

ท่านจงรู้เถิดว่า   แท้จริงอะกีดะฮ์ของเราในเรื่องเตาฮีดคือ  

أن الله تعالى واحد أحد،

แท้จริงอัลลอฮฺ ตะอาลา  ผู้ทรงหนึ่งเดียว  ผู้ทรงเอกะ

ليس كمثله شي

ไม่มีสิ่งใดเหมือนกับพระองค์  

قديم

ผู้ทรงเก่าดั้งเดิม

لم يزال سميع بصير

ผู้ทรงดำรงอยู่  ผู้ทรงได้ยิน  ผู้ทรงเห็น  

عليم حكيم

ผู้ทรงรอบรู้  ผู้ทรงปรีชาญาณ

حي قيوم عزيز

ผู้ทรงชีวิน ผู้ทรงดำรงอยู่ด้วยพระองค์เอง ผู้ทรงอำนาจ

قدوس قادر غني.

ผู้ทรงบริสุทธิ์ ผู้ทรงอานุภาพ ผู้ทรงเพียงพอ  
  •  

L-umar




لا يوصف بجوهر ولا جسم

(อัลลอฮฺ)จะไม่ถูกชี้แจงลักษณะด้วย เญาฮัร ( วัตถุสำคัญของสิ่งหนึ่งมีมิติและเวลา)  หรือญิสมฺ (เรือนร่าง)

ولا صورة ولا عرض

(อัลลอฮฺจะไม่ถูกชี้แจงลักษณะด้วย ) รูปลักษณ์  หรืออะร็อฎ(สิ่งที่ต้องพึ่งสิ่งอื่นในการดำรงอยู่)

ولا خط ولا سطح  

(อัลลอฮฺจะไม่ถูกชี้แจงลักษณะด้วย ) เส้น หรือแบนราบ

ولا ثقل  ولا خفة

(อัลลอฮฺจะไม่ถูกชี้แจงลักษณะด้วย ) ความหนัก หรือเบา

ولا سكون ولا حركة

(อัลลอฮฺจะไม่ถูกชี้แจงลักษณะด้วย ) การหยุดนิ่ง หรือเคลื่อนไหว

ولا مكان ولا زمان.

(อัลลอฮฺจะไม่ถูกชี้แจงลักษณะด้วย )  สถานที่ หรือเวลา

وأنه تعالى متعال عن جميع صفات خلقه

แท้จริงอัลลอฮฺตะอาลา  ทรงสูงส่งจากลักษณะทั้งหลายของมัคลู๊กของพระองค์

خارج من الحدين حد الإبطال وحد التشبيه.

(อัลลอฮฺคือ)ผู้ทรงอยู่นอกกรอบทั้งสอง คือ  ขอบเขตอิบฏอล และขอบเขตตัชบี๊หฺ (การเปรียบเทียบ)
  •  

L-umar




وأنه تعالى شي لا كالأشياء

แท้จริงอัลลอฮฺ ตะอาลา คือ สิ่งหนึ่ง (ชัยอุน) ที่ไม่เหมือนดั่งบรรดาสิ่งต่างๆ

أَحَدٌ  صمَدٌ

ผู้ทรงเอกะ  ผู้ทรงเป็นที่พึ่งของสรรพสิ่งทั้งมวล

 لَمْ يَلِدْ فيورث

(อัลลอฮ์)ไม่ประสูต  แล้วจะต้องมีผู้สืบทอด  

وَلَمْ يُولَدْ فيشارك

และอัลลอฮฺไม่ถูกประสูต  แล้วจะต้องมีส่วนร่วม

وَلَمْ يَكُنْ لَهُ كُفُوًا أَحَدٌ

และไม่มีผู้ใด(หรือสิ่งใด)เสมอเหมือนพระองค์ (หรือเทียบเท่ากับพระองค์ ไม่ว่าในรูปร่างหรือคุณลักษณะหรือการกระทำของพระองค์ )  
  •  

L-umar



 وَلاَ نِدّ  وَلاَ ضِدّ

(อัลลอฮฺ)ไม่คล้าย และไม่ตรงกันข้าม(กับสิ่งใด)

وَلاَ شِبْه وَلاَ صَاحِبَة

(อัลลอฮฺ) ไม่เหมือน และไม่มีภรรยา

وَلاَ مِثْل وَلاَ نَظِيْر وَلاَ شَرِيْك

(อัลลอฮฺ) ไม่เลียนแบบ ไม่เทียบเคียง และไม่มีภาคี(คู่เคียงกับสิ่งใด)

لاَّ تُدْرِكُهُ الأَبْصَارُ والأوهامُ وَهُوَ يُدْرِكُهَا

สายตาและจินตนาการทั้งหลายย่อมหยั่งไม่ถึงพระองค์ (อัลอันอาม : 103 )
แต่พระองค์ทรงหยั่งถึงสายตาและมโนภาพเหล่านั้น

لَا تَأْخُذُهُ سِنَةٌ وَلَا نَوْمٌ وَهُوَ اللَّطِيفُ الْخَبِيرُ

การง่วงนอนและการหลับนอนจะไม่เอาพระองค์ (คือแตะต้องอัลลอฮฺไม่ได้) และพระองค์คือ ผู้ทรงอ่อนโยน ผู้ทรงรอบรู้อย่างถี่ถ้วน (อันอาม : 103 )

خَالِقُ كُلِّ شَيْءٍ

(อัลลอฮฺ คือ) ผู้สร้างทุกสรรพสิ่ง  ( อัซซุมัร : 62)

لا إله إلا هو

ไม่มีพระเจ้าอื่นใด นอกจาก อัลลอฮฺ  

لَهُ الْخَلْقُ وَالأَمْرُ تَبَارَكَ اللّهُ رَبُّ الْعَالَمِينَ

การสร้างและกิจการทั้งหลายนั้นเป็นสิทธิของพระองค์เท่านั้น  มหาบริสุทธิ์ อัลลอฮฺคือ พระผู้อภิบาลแห่งสากลโลก (อัลอะอฺรอฟ : 54 )

وَمَنْ قَالَ بِالتَّشْبِيْهِ فَهُوَ مُشْرِكٌ

ผู้ใดได้กล่าว(ถึงอัลลอฮฺ) ด้วยการตัชบิ๊หฺ(เปรียบเทียบกับมัคลูก) เขาผู้นั้นคือ มุชริก (ผู้ตังภาคีต่ออัลลอฮฺ)

ومَنْ نَسِبَ إِلَى الِإمَامِيَّةِ غَيْرُ مَا وَصَفَ فِي التَّوْحِيْدِ فَهُوض كاذِبٌ.

ผู้ใดอ้างอิงไปยังชีอะฮ์อิมามียะฮ์  นอกเหนือจากสิ่งที่ชีอะฮ์ได้ชี้แจงคุณลักษณะ(ของอัลลอฮฺ)ไว้ในเรื่องเตาฮีด  เขาผู้นั้นคือ คนโกหก.
  •  

L-umar




وكُلُّ خَبَرٍ يُخالف ما ذكرتُ في التوحيد فَهُوَ مَوْضُوْعٌ مُخْتَرِع

ทุกๆเคาะบัร(รายงานหะดีษ)ที่(รายงาน)ขัดแย้งกับสิ่งที่ข้าพเจ้าได้กล่าวเอาไว้ใน(หนังสือ)เตาฮีดเล่มนี้  ถือว่าเป็นเรื่องที่เมาฎู๊อฺ(เก๊) ถูกกุและอุปโลกน์ขึ้นมา

وكُلُّ حَدِيْثٍ لاَ يُوَافِقُ كِتَابَ اللهِ فَهُوَ بَاطِلٌ

ทุกๆหะดีษที่(รายงาน)ไม่สอดคล้องตรงกับคัมภีร์ของอัลลอฮฺ  มันคือสิ่งบาติล(โมฆะ ใช้อ้างอิงไม่ได้)

وإنْ وُجِدَ فِيْ كِتابِ عُلمائِنَا فَهُوَ مُدَلَّسٌ.

แม้ว่าพบอยู่ในหนังสือของบรรดาอุละมาอ์ของพวกเรา(ชีอะฮ์ให้ถือว่า) มันคือหะดีษมุดัลลัส ( หะดีษที่มีสายสืบบกพร่อง)
  •  

L-umar




والأخبار التي يتوهمها الجهال تشبيها لله تعالى بخلقه فمعانيها محمولة على ما في القرآن من نظائرها.

หะดีษต่างๆที่คนญาเฮ้ลทั้งหลายคาดเดาถึงมัน  โดยทำการเปรียบเทียบอัลลอฮฺตะอาลากับมัคลู๊กของพระองค์  

ความหมายของมัน(หะดีษเหล่านั้น)จะต้องเอามาให้ความหมายบนสิ่งที่อยู่ในคัมภีร์กุรอ่าน จากนัยยะของมัน  

لأن في القرآن:


เพราะในคัมภีร์กุรอ่าน ( มีโองการบางส่วนที่กล่าวถึงซิฟัตของอัลลอฮ์ด้วยคำศํพท์ดังนี้  ) :

หมายเหตุ :  ขออนุญาตแปลอัลกุรอ่านด้วยคำศัพท์ธรรมดา และหลีกเลี่ยงการใช้คำราชาศัพท์ เพื่อผู้อ่านจะสะดวกกับการทำความเข้าใจเนื้อหาได้ชัดเจน  เว็บมาสเตอร์.


كُلُّ شَيْءٍ هَالِكٌ إِلَّا وَجْهَهُ

ทุกสิ่งต้องพินาศ ยกเว้น  ใบหน้า  ของพระองค์     (  อัลเกาะศ็อศ : 88  )


ومعنى الوجه: الدين والدين هو الوجه الذي يؤتى الله منه ويتوجه به إليه.

ใบหน้า  ในที่นี้หมายถึง  " ดีน "  
  •  

L-umar




يَوْمَ يُكْشَفُ عَن سَاقٍ وَيُدْعَوْنَ إِلَى السُّجُودِ

วัน (กิยามะฮ์ ) ที่ หน้าแข้ง จะถูกเลิกขึ้น และพวกเขาจะถูกเรียกให้มาสุญูด  (  อัลเกาะลัม : 42)


والساق: وجه الأمر وشدته.

หน้าแข้ง ในที่นี้หมายถึง  แง่มุม หรือ ด้านของกิจการ  และ  ความรุนแรงของมัน
  •  

L-umar



أَن تَقُولَ نَفْسٌ يَا حَسْرَتَى علَى مَا فَرَّطتُ فِي جَنبِ اللَّهِ


ชีวิตหนึ่งจะกล่าวว่า   โอ้ความหายนะจงประสบแก่ข้าพระองค์  ที่ข้าพระองค์ได้ทอดทิ้งใน สีข้างของอัลลอฮ์ ( ญัมบิลละฮฺ )  

 และข้าพระองค์เคยอยู่ในหมู่ผู้เยาะเย้ยอีกด้วย
 ( อัซซุมัร : 56 )


والجنب: الطاعة.

สีข้าง  ในที่นี้หมายถึง  ฏออะฮ์  คือความจงรักภักดี
  •  

L-umar




وَنَفَخْتُ فِيهِ مِن رُّوحِي

และได้เป่า  วิญญาณจากข้า   เข้าไปในตัวเขา (อาดัม)  

(อัลหิจญ์รุ : 29 )

والروح هي روح مخلوقة جعل الله منها في آدم وعيسى - عليها السلام –

وإنما قال روحي كما قال بيتي وعبدي وجنتي وناري وسمائي وأرضي.


รู๊หฺ (วิญญาณ)  คือ วิญญาณที่ถูกสร้าง  อัลลอฮ์ทรงดลบันดาลจากมันนั้นเข้าไปในอาดัม และอีซา (อ)  

ที่อัลลอฮฺตรัสว่า  รู๊หฺของข้า  นั้นก็เปรียบเหมือนที่ตรัสว่า  บัยตี  - บ้านของข้า,  อับดี – บ่าวของข้า,  ญันนะตี – สวรรค์ของข้า,  

นารี – ไฟนรกของข้า, สะมาอี – ชั้นฟ้าของข้า , อัรฎี -  แผ่นดีนของข้า.
  •  

L-umar



بَلْ يَدَاهُ مَبْسُوطَتَانِ

มือทั้งสอง  ของพระองค์ ถูกแบออก ต่างหาก


(อัลมาอิดะฮ์  : 64 )


يعني نعمة الدنيا ونعمة الآخرة.


ในที่นี้หมายถึง   นิ๊อฺมะฮ์ (ความโปรดปราน)ในโลกดุนยา  และนิ๊อฺมะฮ์ในโลกอาคิเราะฮ์
  •  

L-umar


وَالسَّمَاءَ بَنَيْنَاهَا بِأَيْدٍ

และชั้นฟ้า  เราได้สร้างมันด้วยมือ (ของเรา)  


(อัซ ซารียาต : 47 )

والأيد: القوة


อัยดิน ในที่นี้หมายถึง  กูวะฮ์  คือพลัง อำนาจ
  •  

L-umar


وَاذْكُرْ عَبْدَنَا دَاوُودَ ذَا الْأَيْدِ

และจงรำลึกถึงบ่าวของเรา ดาวู๊ด ผู้มีหลายมือ

( ศอด : 17 )

يعني ذا القوة.

หมายถึง  ผู้ทรงพลัง
  •  

L-umar



يَا إِبْلِيسُ مَا مَنَعَكَ أَنْ تَسْجُدَ لِمَا خَلَقْتُ بِيَدَيَّ

พระองค์ตรัสว่า โอ้อิบลีสเอ๋ย  อะไรเล่าที่ขัดขวางเจ้ามิให้เจ้าสุญูดต่อสิ่งที่ข้าได้สร้างด้วยมือทั้งสองของข้า

( ศอด : 75 )
 
يعني  بقدرتي وقوتي.

หมายถึง   อำนาจของฉัน  และ  พลังของฉัน
  •  

L-umar



وَالْأَرْضُ جَمِيعًا قَبْضَتُهُ يَوْمَ الْقِيَامَةِ

และแผ่นดินนี้ทั้งหมดเป็นเพียงกำมือหนึ่งของพระองค์ในวันกิยามะฮ์

( อัซซุมัร : 67 )

يعني ملكه لا يملكها معه أحد.

หมายถึง อำนาจการครอบครองของพระองค์ ที่ไม่มีใครมีกรรมสิทธิร่วมอยู่กับพระองค์
  •  

16 ผู้มาเยือน, 0 ผู้ใช้