Welcome to Q4wahabi.com (Question for Wahabi). Please login or sign up.

เมษายน 27, 2024, 01:31:16 หลังเที่ยง

Login with username, password and session length
สมาชิก
Stats
  • กระทู้ทั้งหมด: 2,625
  • หัวข้อทั้งหมด: 650
  • Online today: 103
  • Online ever: 153
  • (เมษายน 26, 2024, 05:40:09 ก่อนเที่ยง)
ผู้ใช้ออนไลน์
Users: 0
Guests: 60
Total: 60

จุดอ่อน (( ชีอะฮ์ )) คืออะไร ? ตอน 2

เริ่มโดย L-umar, กรกฎาคม 01, 2009, 09:44:20 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

L-umar


จุดอ่อน (( ชีอะฮ์ )) คืออะไร ?  ตอน  2


ในอดีตจนปัจจุบัน  การศึกษาวิชาการศาสนาในแนวทางชีอะฮ์ สิบสองอิหม่าม โดยเฉพาะวิชาอุศูลุดดีน  ตำราส่วนมากในแนวทางนี้มักจะแบ่งหัวข้อเรื่องหลักศรัทธา ( อัลอีหม่านหรืออะกีดะฮ์ )  ออกเป็น  5  หัวข้อหลักๆ คือ

1.   อัต – เตาฮีด
2.   อัล อัดลุ
3.   อัน – นุบูวะฮ์
4.   อัล อิมามะฮ์
5.   อัล มะอ๊าด หรือกิยามะฮ์



แต่หนังสืออะกีดะฮ์เหล่านี้  เจ้าของตำราไม่เคยบอกกล่าวให้ผู้อ่านได้ทราบที่มาที่ไปว่า  อะกีดะฮ์ห้าประการดังกล่าวมีที่มาอย่างไร   ใครคือคนกำหนดเอาไว้


ฝ่ายซุนนี่ที่มีใจอคติโดยเฉพาะอุสต๊าดวาฮาบี  เล็งเห็นว่านี่คือจุดอ่อนอีกประการหนึ่งของชีอะฮ์  พวกเขาจึงหยิบเอามาประเด็นโจมตีชีอะฮ์ทั่วไป  

เพราะฉะนั้นทุกครั้งที่พวกเขาสบโอกาสในการสนทนากับชีอะฮ์   พวกเขาจะเริ่มตั้งกระทู้ว่า


                                      ใครกำหนด  อะกีดะฮ์  ห้าข้อ  ?    


ส่วนชีอะฮ์สามัญจนถึงไม่สามัญ  ก็ตอบแบบเลี่ยงไปเลี่ยงมา เช่น

1.   ชีอะฮ์กับซุนนี่ มีอะกีดะฮ์ตรงกันสามข้อคือเรื่องเตาฮีด /  นุบูวะฮ์  /  กิยามะฮ์  หรือ

2.   กลับไปย้อนถามซุนนี่ว่า  อะกีดะฮ์ข้อที่หกของซุนนี่ไม่มีในกุรอ่าน ซึ่งเป็นการตอบแบบข้างๆคูๆ  หรือ

3.   ยกอายัตกุรอ่าน มาทีละอายัตให้ตรงกับหัวข้อทั้งห้า  ซึ่งซุนนี่ก็ถามต่ออีกว่า  ไม่เห็นมีกุรอ่านอายัตไหนกล่าวเรียงไว้ห้าข้อแบบนั้นเลย



ความจริงการตอบเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรจน ทำให้ท่านเชคริฎอ ท่านอาจารย์ฟารีด ท่านอาจารย์มุรีดหรืออาจารย์ผู้ทรงเกียรติท่านอื่นๆได้หยิบยก มาโจมตีกันสนุกปาก    
เราจะอธิบายวิธีแก่จุดอ่อนนี้แบบง่ายๆให้ท่านฟังดังต่อไปนี้



ประการแรก  ท่านต้องประกาศจุดยืนต่อซุนนี่ก่อนว่า  ชีอะฮ์ปฏิบัติตามกุรอ่านและอะฮ์ลุลบัยต์   เพราะท่านนบีมุฮัมมัดกล่าวว่า :  

يَا أَيُّهَا النَّاسُ إِنِّى قَدْ تَرَكْتُ فِيكُمْ مَا إِنْ أَخَذْتُمْ بِهِ لَنْ تَضِلُّوا كِتَابَ اللَّهِ وَعِتْرَتِى أَهْلَ بَيْتِى

โอ้ประชาชนทั้งหลาย ! แท้จริงฉันได้ทิ้งไว้ให้แก่พวกท่านถึงสิ่งซึ่งหากพวกท่านยึดมั่นต่อสิ่งนั้นแล้ว  พวกท่านจะไม่หลงทางโดยเด็ดขาด สิ่งนั้นคือ
1.   คัมภีร์ของอัลลอฮฺและ
2.   อิตเราะตี(คือ)อะฮ์ลุลบัยต์ของฉัน


อ้างอิงจาก

อัลกาฟี  โดยเชคกุลัยนี เล่ม 2 : 415 ฮะดีษที่ 1  ตรงกับ- ซอฮีฮุต-ติรมิซี   หะดีษที่ 2978 ตรวจทานโดยเชคอัลบานี
สถานะฮะดีษ : เศาะหิ๊หฺ   ดูหนังสือซิลซิละตุซ ซอฮีฮะฮ์ โดยเชคอัลบานี  หะดีษที่ 1761


เมื่อท่านยกหะดีษจบ  ท่านจะถูกซุนนี่ ย้อนถามทันทีว่า


เมื่อชีอะฮ์อ้างว่า    ปฏิบัติตามกุรอ่านและอะฮ์ลุลบัยต์ จึงขอถามว่า

อะกีดะฮ์ 5 ข้อคือ 1,เตาฮีด 2,อดิล 3,นุบูวะฮ์ 4,อิมามะฮ์ 5,มะอ๊าด  อะฮ์ลุลบัยต์กำหนดไว้ใช่มั้ย ?



คำตอบคือ  :    

อิหม่ามแห่งอะฮ์ลุลุบัยต์ไม่ได้กำหนดว่าอีหม่านมีกี่ข้อ    แต่พวกท่านได้อธิบายเรื่องอีหม่านไว้ในหะดีษต่างๆมากมาย    ซึ่งสิ่งที่สำคัญคือ ต้องเป็นหะดีษที่เชื่อถือได้และถูกต้องเท่านั้น   และจากหะดีษเหล่านั้น อุละมาอ์ชีอะฮ์จึงสรุปออกมาเป็นอีหม่านหลักๆไว้ห้าข้อตามที่กล่าวไว้ในหนังสืออะกีดะฮ์ทั่วไป  

อนึ่งท่านโปรดทราบว่า  ไม่ได้มีเงื่อนอันใดที่มากำหนดว่า อะกีดะฮ์ทั้งห้านั้นต้องถูกรวมไว้ในหะดีษเพียงบทเดียว   เหมือนเรื่องอีหม่านอันมากมายที่มีกล่าวอยู่ในคัมภีร์กุรอ่าน ซึ่งก็ไม่ได้ถูกรวมไว้ในหนึ่งอายะฮ์.




เมื่ออิหม่ามแห่งอะฮ์ลุลบัยต์ถูกถามถึงเรื่องอีหม่าน(ความศรัทธา)  พวกเขาก็จะให้ตอบเป็นประเด็นๆไป     เช่น  หากถูกถามถึงเรื่องเตาฮีด  อะฮ์ลุลบัยต์ก็จะตอบว่า


عَنْ مُحَمَّدِ بْنِ مُسْلِمٍ عَنْ أَبِي عَبْدِ اللَّهِ ع قَالَ :  إِنَّ الْيَهُودَ سَأَلُوا رَسُولَ اللَّهِ ص فَقَالُوا انْسِبْ لَنَا رَبَّكَ فَلَبِثَ ثَلَاثاً لَا يُجِيبُهُمْ ثُمَّ نَزَلَتْ قُلْ هُوَ اللَّهُ أَحَدٌ إِلَى آخِرِهَا

ท่านอิม่ามอบูอับดุลลอฮ์ ญะอ์ฟัรอัศศอดิก(อ)กล่าวว่า : แท้จริงพวกยะฮูดีได้ถามท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ็อลฯ)ว่า จงบอกเชื้อสายของพระเจ้าของท่านให้เราฟัง  ท่านนบีนิ่งเฉย สามครั้งโดยไม่ได้ให้คำตอบแก่พวกเขา ต่อมาอัลกุรอานได้ประทานลงมาว่า  จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) ว่า อัลลอฮ์นั้นคือผู้ทรงเอกะ จนถึงโองการสุดท้ายของซูเราะฮ์นี้

สถานะฮะดีษ  : ซอฮี๊ฮ์   ดูอัลกาฟี  โดยเชคกุลัยนี  เล่ม 1 : 91 ฮะดีษที่ 1
ตรวจทานโดยมัรกะซุล บุฮูซ คอมพิวเตอร์ ลิลอุลูมิลอิสลามียะฮ์ เมืองกุม อิหร่าน



                                แต่ถ้าซุนนี่ต้องการรู้ว่า     คนแรกที่กำหนดอะกีดะฮ์ห้าข้อนี้คือใคร  ?


ก็ขอตอบว่าคือ   :       เชคมุฟีด
 
ชื่อจริงคือ มุฮัมมัด บินมุฮัมมัด บินอัน-นุอ์มาน ชาวเมืองแบกแดด ประเทศอิรัค เกิด 11 ซุลกิอ์ดะฮ์ ฮ.ศ.336 มรณะคืนวันศุกร์ที่ 3 รอมฎอน ฮ.ศ. 413 รวมอายุ 95 ปี  ร่างถูกฝังไว้ที่เมืองกาซิมัยน์ เคียงข้างกับอาจารย์คือเชคศอดูก ตรงบริเวณด้านล่างสุสานของท่านอิม่ามญะวาด อะลัยฮิสสลาม เชคมุฟีดนับได้ว่าเป็นนักวิชาการที่มีความรู้สูงสุดในยุคที่เขามีชีวิตอยู่ เขาแต่งตำราไว้สองร้อยกว่าเล่ม ซึ่งคนรุ่นหลังล้วนได้รับประโยชน์จากเขาอย่างมากมาย
คือบุคคลแรกที่ได้ประมวลอะกีดะฮ์ชีอะฮ์จากกุรอ่านและหะดีษไว้ในหนังสือชื่อ


                                          อัน-นุกัต อัลเอี๊ยะอ์ติกอดียะฮ์  -   النكت  الإعتقادية  للمفيد


หนังสือเล่มนี้เชคมุฟีดได้แบ่งอะกีดะฮ์ออกเป็น 5 บทตามหัวข้อดังที่กล่าวมาแล้ว
อุละมาอ์ชีอะฮ์ยุคต่อๆมาจึงได้เรียบเรียงหนังสืออะกีดะฮ์โดยแบ่งเรื่อง หลักศรัทธาออกเป็นห้าหัวข้อเหมือนที่เชคมุฟีดได้นำเสนอไว้จนกลายเป็นเรื่อง มุตะวาติรในหมู่ชีอะฮ์ที่ถ่ายทอดกันมาจนถึงปัจจุบัน  

วัลลอฮุอะอ์ลัม.  
 
 
ถ้าซุนนี่ถามว่า -     แล้วอะกีดะฮ์ทั้งห้านี้มีกุรอ่านหรือหะดีษกล่าวไว้หรือไม่


ตอบ –

อะกีดะฮ์ทั้งห้านี้ได้ประมวลมาจากกุรอ่านและหะดีษ เพียงแต่ไม่ได้กล่าวเรียงกันเท่านั้น และถ้าท่านคิดว่าอีหม่านทั้งห้านี้ข้อใดขัดกับกุรอ่านหะดีษก็กรุณาท้วงติงมาด้วย


หากซุนนี่ถามว่า : อะกีดะฮ์ห้าข้อที่เชคมุฟีดกำหนดนี้  บรรดาอิม่ามแห่งอะฮ์ลุลบัยต์ไม่ได้เป็นคนกำหนด     นั่นแสดงว่ามันเป็นเรื่อง " บิดอะฮ์ " ใช่ไหม ?  


อันนี้เราต้องขอตอบพวกท่านว่า

ท่านเชคมุฮัมมัด บินอับดุลวะฮาบ ได้แบ่งเตาฮีดออกเป็น 3 ข้อคือ   1,เตาฮีดอุลูฮียะฮ์ 2, เตาฮีดรุบูบียะฮ์ 3, เตาฮีดอัสมาอ์วะซิฟาต  
ซึ่งการแบ่งนี้ไม่มีระบุไว้ในกุรอ่าน หะดีษนบี  และบรรดาเศาะหาบะฮ์  ตาบิอีน  และตาบิอิตตาบิอีนก็ไม่ได้กล่าวไว้เลย เป็นที่ทราบดีว่าการแบ่งเตาฮีดออกเป็น 3 ข้อเช่นนี้ไม่เคยมีในยุคศตวรรษที่ 3  จนถึงศตวรรษที่ 6 เมื่อถึงศตวรรษที่ 7 การแบ่งเตาฮีดเป็นอุลูฮียะฮฺและรุบูบียะฮฺพึ่งเกิดขึ้น


ถามว่า : การแบ่งเตาฮีดออกเป็น 3 ประเภทนี้  เป็นบิดอะฮ์ใช่ไหม ?


ท่านอบูฮาซัน อัลอัชอะรีผู้ก่อตั้งแนวทางอะชาอิเราะฮ์  พวกคณะเก่ากลุ่มนี้ได้แบ่งเรื่องการศึกษาซิฟัตอัลลอฮ์ออกเป็น 20 เรียกว่า ซิฟัตวายิบ 20 ข้อ

การแบ่งซิฟัตอัลลอฮ์ออกเป็น 20 ซิฟัตเรียงกันแบบนี้ก็ไม่มีระบุไว้ในกุรอ่าน หะดีษนบีและบรรดาเศาะหาบะฮ์เช่นกัน

ถามอะชาอิเราะฮ์ว่า : การแบ่งซิฟัตออกเป็น 20 ข้อนี้  เป็นบิดอะฮ์ใช่ไหม ?


แน่นอนซุนนี่ทั้งสองกลุ่มจะตอบว่า แม้อัลเลาะฮ์และรอซูลไม่ได้กำหนดไว้เช่นนี้  แต่อุละมาอ์ได้เอามาจากกุรอ่านและฮะดีษ  
แสดงว่าพวกเขาตอบเหมือนที่อุละมาอ์ชีอะฮ์ตอบที่ว่า อะกีดะฮ์ชีอะฮ์ทั้งห้านั้นประมวลมาจากกุรอ่านและฮะดีษเช่นกัน



สรุป  -
กุรอ่านและหะดีษได้กล่าวถึงเรื่องอีหม่านไว้มากมาย   เพียงแต่อุละมาอ์ชีอะฮ์ได้สรุปประเด็นหลักๆและแบ่งไว้เป็นห้าข้อเพื่อสะดวกสำหรับผู้ศึกษาวิชาอุศูลุดดีน



แต่ถ้าท่านอยากรู้ว่า  อีหม่านมากมายของชีอะฮ์นั้นมีอะไรบ้าง ขอแนะนำว่าให้ลองไปอ่านหนังสือของท่านเชคศอดูกอาจารย์ของเชคมุฟีด ชื่อ
 

                                                     อัลอิ๊อฺติกอด๊าต    –   الإعتقادات للصدوق


หนังสือเล่มนี้ได้กล่าวถึงเรื่องอีหม่านไว้มากมายหลายเรื่อง



หวังว่าท่านชีอะฮ์และซุนนี่ทั้งหลายคงได้รับคำตอบแล้ว  และโปรดนำไปชี้แจงให้ทราบกันถ้วนหน้าด้วยว่า  

อะฮ์ลุลบัยต์ไม่ได้กำหนดว่าอีหม่านมีกี่ข้อ  เหมือนที่ซุนนี่มีหะดีษรายงานว่า ท่านอุมัรรายงานว่า อีหม่านนั้นมีหกข้อ  ดังนั้นอีหม่านของอะฮ์ลุสสุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์จึงมีหกข้อ  และหลงประเด็นว่า  ถ้าคนอื่นมีอีหม่านไม่ตรงกับตัวเองคนนั้นเป็นกาเฟร   แต่พอเอาเข้าจริงๆ ก็ปรากฏว่าตำราหะดีษของพวกเขา ยังมีหะดีษระดับเศาะหิ๊หฺอื่นๆที่ระบุว่า อีหม่านมี 5 ข้อบ้าง 7 บ้าง 8 บ้าง 9บ้างและสุดท้ายรายงานว่ามี 12 ข้อ   แต่อุละมาอ์ของพวกเขาไม่เคยนำหะดีษเหล่านี้ออกมาบอกเล่าให้ซุนนี่เอาวามรับรู้    




คำถามสำหรับซุนนี่

1.   ท่านคิดว่า  อะกีดะฮ์ของอะฮ์ลุสสุนนะฮ์มีแค่หกข้อเท่านั้นจริงหรือ


2.   ท่านรอซูลุลเลาะฮ์เคยกล่าวไหมว่า  ใครไม่มีอะกีดะฮ์หกข้อ คนนั้นเป้นกาเฟร
  •  

60 ผู้มาเยือน, 0 ผู้ใช้