Welcome to Q4wahabi.com (Question for Wahabi). Please login or sign up.

ธันวาคม 22, 2024, 01:51:14 หลังเที่ยง

Login with username, password and session length
สมาชิก
  • สมาชิกทั้งหมด: 1,718
  • Latest: Haroldsmolo
Stats
  • กระทู้ทั้งหมด: 3,699
  • หัวข้อทั้งหมด: 778
  • Online today: 54
  • Online ever: 200
  • (กันยายน 14, 2024, 01:02:03 ก่อนเที่ยง)
ผู้ใช้ออนไลน์
Users: 0
Guests: 87
Total: 87

บิดาอิม่ามมะฮ์ดีชื่อ อับดุลลอฮ์ หรือ ฮาซันอัสการี

เริ่มโดย L-umar, กรกฎาคม 13, 2010, 09:19:43 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

L-umar

การสนทนาเรื่อง    -   บิดาของอิม่ามมะฮ์ดีชื่อ    อับดุลลอฮ์  หรือ  ฮาซันอัสการี   ???



ประการแรก


เพื่อประโยชน์ในการสนทนาแลกเปลี่ยนความรู้  เราอยากให้คุณฟารูกช่วยนำเสนอหลักฐานที่ระบุว่า    บิดาของอิม่ามมะฮ์ดีมีชื่อว่า    อับดุลเลาะฮ์    ด้วยหลักฐานที่ซอแฮะฮ์



ประการที่สอง


เราอยากให้คุณฟารูกช่วยกรุรากล่าวถึงรายละเอียดสักนิด  เกี่ยวกับ  อะฮ์ลุลบัยต์นะบีที่ชื่อ  อับดุลลอฮ์ ที่คุณเชื่อว่า  เขาคือ บิดาของอัลมะฮ์ดี เช่น   เขาคนเมืองอะไร   เป็นต้น...          


 
  •  

faruq

ขอเวลานิดนึงครับ ผมติดงานอยู่ (ทำงานบริษัทครับ) วันไหนงานว่างก็โพตส์ได้คล่อง วันไหนงานมากหรือมีเจ้านายมานั่งข้างหลังลำบากหน่อย
  •  

faruq

ผม[color=]ขอยกหะดิษที่ได้ยกไปแล้วนะครับ

จากท่านอับดุลลอฮฺ บินมัสอูด ร.ฎ. ซึ่งกล่าวว่า ......

ِانَّ النَّبِيَّ صَلَّي اللَّـهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ قَالَ : لَوْلَمْ يَبْقَ مِنَ الدُّنْيَا اِلاَّيَوْمٌ لَطَوَّلَ اللَّـهُ ذَلِكَ الْيَوْمَ حَتََّي يَبْعَثَ رَجُلاً مِنِّيْ، يُوَاطِيءُاسْمُـُه اسْمِيْ، وَاسْـمُ اَبِيْهِ اسْـمَ اَبِيْ يَمْلأُ الاَرْضَ قِسْـطًاوَعَدْلاً كَمَامُلِئَتْ ظُلْمًا وَجَوْرًا ........

ท่านนบีย์ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า "สมมุติถ้าหากโลกนี้ไม่มีเวลาเหลืออยู่นอกจากแค่วันเดียว พระองค์อัลลอฮฺ ซ.บ. ก็จะทรงยืดเวลาของวันนั้นออกไป เพื่อพระองค์จะได้แต่งตั้งบุรุษหนึ่งซึ่งมาจาก(เชื้อสายของ)ฉัน, นามของเขาตรงกับนามของฉัน และนามบิดาของเขาก็ตรงกับนามบิดาของฉัน, เขาจะทำให้แผ่นดินนี้เต็มไปด้วยความยุติธรรมและความเที่ยงธรรม เหมือนอย่างที่มันเคยเต็มไปด้วยความอธรรมและความชั่วร้ายมาก่อน" (บันทึกโดย ท่านอบูดาวูด หะดีษที่ 4282, ท่านอัล-หากิม ในหนังสือ "อัล-มุสตัดร็อก" หะดีษที่ 8434 หรือเล่มที่ 4 หน้า 511, ท่านอัล-ฮัยษะมีย์ในหนังสือ "มะวาริด อัศ-ศ็อมอาน" หะดีษที่ 1878, ท่านอิบนุ อบีย์ชัยบะฮฺในหนังสือ "อัล-มุศ็อนนัฟ" เล่มที่ 8 หน้า 678, (หมายเลข 193) และท่านอบูนุอัยม์ ในหนังสือ "อัคบารฺ อัล-มะฮฺดี" ดังการอ้างอิงของท่านอัส-สะยูฏีย์ในหนังสือ "อัล-หาวีย์ ลิ้ลฟะตาวีย์" เล่มที่ 2 หน้า 133)

ชื่ออับดุลลอฮฺคือชื่อบิดาของท่านบีใช่มั้ยครับ

ส่วนที่ท่านถามรายละเอียดบิดาของอิหม่ามมะดีย์นั้น ผมคงบอกไม่ได้ครับเพราะอย่าลืมว่าเราเชื่อว่าท่านยังไม่เกิด การที่อิหม่ามมะดีย์ยังไม่เกิด
ก็อาจเพราะท่านอับดุลลอฮฺบิดาของท่านยังไม่เกิดเช่นเดียวกัน

แต่หากท่านเกิดมาแล้วเราจะรู้ได้อย่างไร ก็ด้วยกับฮะดิษที่กล่าวไว้ในเรื่องนี้

ท่านอบูอิสหาก อัส-สะบีอีย์ ได้กล่าวว่า
قَالَ عَلِيُّ رَضِيَ اللَّـهُ عَنْهُ وَنَظَرَاِلَي ابْنِهِ الْحَسَـِن ، فَقَالَ : اِنَّ ابْنِيْ هَـذَا سَيِّدٌ كَمَاسَـمَّاهُ النَّبِيُّ صَلَّي اللَّـهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ، وَسَيَخْرُجُ مِنْ صُلْبِهِ رَجُلٌ يُسَمَّي بِاسْمِ نَبِيِّكُمْ، يُشْبِهُهُ فِي الْخُلُقِ وَلاَيُشْبِهُهُ فِي الْخَلْقِ، ثُمَّ ذَكَرَاْلِقصَّـةَ، : يَمْلأُ الاََرْضَ عَدْلاً ......

ท่านอลีย์ บิน อบีย์ฏอลิบ ร.ฎ. ได้กล่าวในขณะที่ท่านมองดูบุตรชายของท่าน คือท่านอัล-หะซัน ว่า "บุตรของข้าคนนี้ คือประมุข ดังที่ท่านศาสดา ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัม ได้เคยกล่าวไว้, ในอนาคต ผู้สืบสายเลือดเขาคนหนึ่งจะเป็นบุรุษซึ่งนามของเขา ก็คือนามของท่านนบีย์ของพวกท่าน, เขาจะเหมือนกับท่านศาสดาในด้านบุคคลิกภาพ แต่จะไม่เหมือนในด้านรูปลักษณ์, .... แล้วท่านอลีย์ก็ได้เล่าถึงเรื่องอิมามมะฮฺดี, (โดยกล่าวทิ้งท้ายว่า) เขาจะทำให้แผ่นดินนี้ เต็มไปด้วยความยุติธรรม" .. บันทึกโดย ท่านอบูดาวูด, หะดีษที่ 4290

นี่เป็นส่วนหนึงครับ เราเชื่อว่า อิหม่ามมะดีย์มาจากเชื้อสายท่านฮะซัน  ฉะนั้น ท่านอับดุลลอฮฺที่จะเป็นบิดาของอิหม่ามมะดีย์จะต้องมีเชื้อสายสืบไปถึงท่านฮะซัน
  •  

L-umar

คุณฟารูกว่า    อาจจะเป็นไปได้ไหม  ที่หะดีษวรรคนี้

وَاسْمُ أَبِيْهِ اسْمُ أَبِيْ

(( และชื่อบิดาของเขา  จะตรงกับชื่อบิดาของฉัน )) ถูกเพิ่มเติมเข้ามา




ซึ่งเราคงต้องไปดูว่าใครรายงานมัน ?  และ อิสนาดของมันเป็นอย่างไร ?

ขอให้คุณฟารูกลองพิจารณาหะดีษดังต่อไปนี้...
  •  

L-umar

เนื่องจากเราพบหะดีษที่อิหม่ามอะหมัดรายงานว่า

อุมัรบินอุบัยดิน  - จากอาศิม – จากซิรริน - จากท่านอับดุลลอฮ์  บินมัสอูดเล่าว่า

حَدَّثَنَا عُمَرُ بْنُ عُبَيْدٍ عَنْ عَاصِمِ بْنِ أَبِي النَّجُودِ عَنْ زِرِّ بْنِ حُبَيْشٍ عَنْ عَبْدِ اللَّهِ قَالَ :

قَالَ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ لَا تَنْقَضِي الْأَيَّامُ وَلَا يَذْهَبُ الدَّهْرُ حَتَّى يَمْلِكَ الْعَرَبَ رَجُلٌ مِنْ أَهْلِ بَيْتِي اسْمُهُ يُوَاطِئُ اسْمِي
تعليق شعيب الأرنؤوط : إسناده حسن

ท่านรอซูล(ศ)กล่าวว่า ....จะมีชายคนหนึ่งมาจากอะฮ์ลุลบัยต์ของฉัน ชื่อของเขาตรงกับชื่อของฉัน

ดูมุสนัดอิหม่ามอะหมัด  หะดีษที่   3572  เป็นหะดีษฮาซัน


และ

ยะห์ยาบินสะอีด – จากสุฟยาน – จากอาศิม – จากซิรริน – จากท่านอับดุลลอฮ์บินมัสอูด ท่านนะบี(ศ)กล่าวว่า...

حَدَّثَنَا يَحْيَى بْنُ سَعِيدٍ عَنْ سُفْيَانَ حَدَّثَنِي عَاصِمٌ عَنْ زِرٍّ عَنْ عَبْدِ اللَّهِ عَنْ النَّبِيِّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ قَالَ لَا تَذْهَبُ الدُّنْيَا أَوْ قَالَ لَا تَنْقَضِي الدُّنْيَا حَتَّى يَمْلِكَ الْعَرَبَ رَجُلٌ مِنْ أَهْلِ بَيْتِي وَيُوَاطِئُ اسْمُهُ اسْمِي
تعليق شعيب الأرنؤوط : إسناده حسن

จะมีชายคนหนึ่งมาจากอะฮ์ลุลบัยต์ของฉัน ชื่อของเขาตรงกับชื่อของฉัน

ดูมุสนัดอิหม่ามอะหมัด  หะดีษที่   3573  เป็นหะดีษฮาซัน


และ

อุมัรบินอุบัยดิน อัตต่อนาฟิซี – จากอาศิม – จากซิรริน – จากท่านอับดุลลอฮ์บินมัสอูด – ท่านรอซูล(ศ)กล่าวว่า ...

حَدَّثَنَا عُمَرُ بْنُ عُبَيْدٍ الطَّنَافِسِيُّ عَنْ عَاصِمِ بْنِ أَبِي النَّجُودِ عَنْ زِرِّ بْنِ حُبَيْشٍ عَنْ عَبْدِ اللَّهِ قَالَ
قَالَ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ لَا تَنْقَضِي الْأَيَّامُ وَلَا يَذْهَبُ الدَّهْرُ حَتَّى يَمْلِكَ الْعَرَبَ رَجُلٌ مِنْ أَهْلِ بَيْتِي يُوَاطِئُ اسْمُهُ اسْمِي
تعليق شعيب الأرنؤوط : إسناده حسن

จะมีชายคนหนึ่งมาจากอะฮ์ลุลบัยต์ของฉัน ชื่อของเขาตรงกับชื่อของฉัน

ดูมุสนัดอิหม่ามอะหมัด  หะดีษที่   4279  เป็นหะดีษฮาซัน



ส่วนท่านติรมิซีเล่าว่า


حَدَّثَنَا عُبَيْدُ بْنُ أَسْبَاطِ بْنِ مُحَمَّدٍ الْقُرَشِىُّ الْكُوفِىُّ قَالَ حَدَّثَنِى أَبِى حَدَّثَنَا سُفْيَانُ الثَّوْرِىُّ عَنْ عَاصِمِ بْنِ بَهْدَلَةَ عَنْ زِرٍّ عَنْ عَبْدِ اللَّهِ قَالَ قَالَ رَسُولُ اللَّهِ -صلى الله عليه وسلم- « لاَ تَذْهَبُ الدُّنْيَا حَتَّى يَمْلِكَ الْعَرَبَ رَجُلٌ مِنْ أَهْلِ بَيْتِى يُوَاطِئُ اسْمُهُ اسْمِى »
قَالَ أَبُو عِيسَى وَفِى الْبَابِ عَنْ عَلِىٍّ وَأَبِى سَعِيدٍ وَأُمِّ سَلَمَةَ وَأَبِى هُرَيْرَةَ. وَهَذَا حَدِيثٌ حَسَنٌ صَحِيحٌ
صحيح وضعيف سنن الترمذي  ح : 2230  تحقيق الألباني :حسن صحيح

จะมีชายคนหนึ่งมาจากอะฮ์ลุลบัยต์ของฉัน ชื่อของเขาตรงกับชื่อของฉัน

สุนันติรมิซี  หะดีษที่  2230  


และ

حَدَّثَنَا عَبْدُ الْجَبَّارِ بْنُ الْعَلاَءِ بْنِ عَبْدِ الْجَبَّارِ الْعَطَّارُ حَدَّثَنَا سُفْيَانُ بْنُ عُيَيْنَةَ عَنْ عَاصِمٍ عَنْ زِرٍّ عَنْ عَبْدِ اللَّهِ عَنِ النَّبِىِّ -صلى الله عليه وسلم- قَالَ « يَلِى رَجُلٌ مِنْ أَهْلِ بَيْتِى يُوَاطِئُ اسْمُهُ اسْمِى
صحيح وضعيف سنن الترمذي  ح : 2231  تحقيق الألباني :حسن صحيح
 
จะมีชายคนหนึ่งมาจากอะฮ์ลุลบัยต์ของฉัน ชื่อของเขาตรงกับชื่อของฉัน

สุนันติรมิซี  หะดีษที่  2231




۩  วิจารณ์

มุสนัดอิหม่ามอะหมัดและสุนันติรมิซี  รวมหะดีษทั้งหมด ห้าบท ได้รายงานไว้เพียงว่า

(( จะมีชายคนหนึ่งมาจากอะฮ์ลุลบัยต์ของฉัน ชื่อของเขาตรงกับชื่อของฉัน ))  เท่านั้น

เราขอคำชี้แจงจากคุณด้วย
  •  

L-umar

  •  

L-umar

ขอคั่นกลางนิดหนึ่งนะคุณฟารูก



เราลืมแสดงหลักฐานจากตำราชีอะฮ์ที่ระบุว่า



อิม่ามอัลมะฮ์ดี  นั้นสืบเชื้อสายมาจากอิม่ามฮุเซน บินอาลี(อ)



เพราะฉะนั้นขอยกหลักฐานให้คุณฟารูกศึกษา ด้วยหะดีษที่มีสายรายงานเชื่อถือได้หนึ่งบทดังนี้
  •  

L-umar

เหตุที่ชีอะฮ์เชื่อว่า   อิม่ามมะฮ์ดีสืบเชื้อสายมาจากอิมามฮูเซน  ด้วยหลักฐานหะดีษดังต่อไปนี้



رَوَاهُ الشَّيْخُ عَلِيُّ بْنُ الْحُسَيْنِ بْنِ باَبَوَيْه الْقُمِّيُّ (المتوفي 329 هـ) وَالِدُ الشَّيْخِ الصَّدُوْقِ :

سَعْدُ بْنُ عَبْدِ اللهِ قاَلَ : حَدَّثَناَ يَعْقُوبُ بْنُ يَزِيْدَ، عَنْ حَمَّادِ بْنِ عِيسَى عَنْ عَبْدِ اللَّهِ بْنِ مُسْكاَنَ، عَنْ أَبَانَ بْنِ تَغْلِبَ ، عَنْ سُلَيْمِ بْنِ قَيْسٍ الْهِلاَلِيِّ، عَنْ سَلْمَانَ الْفَارِسِىِّ رَضِىَ اللَّهُ عَنْهُ قَالَ : دَخَلْتُ عَلَى النَّبِيِّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَآلِهِ ، فَإِذا الْحُسَيْنُ بْنُ عَلِيٍّ عَلَى فَخِذِهِ، وَهُوَ يُقَبِّلُ عَيْنَيْهِ وَيَلْثِمُ فاَهُ، وَيَقُوْلُ : أَنْتَ سَيِّدٌ اِبْنُ سَيِّدٍ، أَنْتَ إِماَمٌ اِبْنُ إِماَمٍ أَبُوْأَئِمَّةٍ، أَنْتَ حُجَّةُ اللهِ اِبْنُ حُجَّتِهِ، وَأَبُوْحُجَجٍ تِسْعَةُ مِنْ صُلْبِكَ، تاَسِعُهُمْ قاَئِمُهُمْ

كِتاَب : الْإِماَمَةُ وَالتَّبْصِرَةُ مِنَ الْحَيْرَةِ   ص 111  ح 96
باَبُ : 29  أنَّ الْمَهْدِيَّ مِنْ وَلَدِ الْحُسَيْنِ عَلَيْهِ السَّلاَمٌ
لِواَلِدِ الصَّدُوْقِ الشيخُ عَلِيُّ بْنُ الحسين بن باَبَوَيْه القمي (المتوفي 329 هـ)

เชคอาลี บินอัลฮูเซน บินบาบะวัยฮฺ  อัลกุมมี (มรณะฮ.ศ. 329) คือบิดาเชคศอดูก รายงานว่า

สะอัด บินอับดุลลอฮ์กล่าวว่า  : ยะอ์กูบ บินยาซีด เล่าให้เราฟัง  จากฮัมมาด บินอีซา จากอับดุลลอฮ์ บินมุสกาน  จากอะบาน บินตัฆลิบ  จากสุลัยม์ บินก็อยส์  จาก

ท่านซัลมานอัลฟาริซี (รฎ.)เล่าว่า : ฉันได้เข้ามาหาท่านนะบี(ศ) แล้วมีท่านฮูเซน บินอาลีอยู่บนตักของท่าน  ขณะนั้นท่านกำลังจูบดวงตาทั้งสองของเขาและจูบปากของเขาและท่านกล่าว(กับหลาน)ว่า  :

เจ้าคือสัยยิด บุตรของสัยยิด

เจ้าคืออิม่ามผู้นำ  บุตรของอิม่ามผู้นำ  คือบิดาของบรรดาอิม่าม

เจ้าคือฮุจญะฮ์(หลักฐาน)ของอัลลอฮ์  คือบุตรของฮุจญะฮ์ของพระองค์
และคือบิดาของบรรดาฮุจญะฮ์ทั้งเก้าคนที่สืบเชื้อสายมาจากเจ้า  

คนที่เก้าของพวกเขาคือ กออิม(ฉายาของอัลมะฮ์ดี)ของพวกเขา



อ้างอิงจากหนังสือ

อัลอิมามะฮ์ วัตตับศิเราะฮ์  หน้า  1111 หะดีษที่  96
บาบที่  29  เรื่องอัลมะฮ์ดีนั้นมาจากบุตรของอิม่ามฮูเซน (อ)
โดยเชคอาลี บินอัลฮูเซน บินบาบะวัยฮฺ  อัลกุมมี (มรณะฮ.ศ. 329) บิดาของเชคศอดูก




۩  พิเคราะห์สะนัด


เชคอาลี บินอัลฮูเซน บินบาบะวัยฮฺ  อัลกุมมี (มรณะฮ.ศ. 329) เขาคือบิดาเชคศอดูก

الشيخ علي بن الحسين بن بابويه القمي(ت329) والد الشيخ الصدوق
علي بن الحسين بن موسى بن بابويه القمي شيخ القميين في عصره، ومتقدمهم، وفقيههم، وثقتهم
رجال النجاشي  رقم : 684
علي بن الحسين بن موسى بن بابويه القمي، يكنى أبا الحسن، ثقة،
رجال الشيخ الطوسي  رقم 6191
สะอัด บินอับดุลลอฮ์


سعد بن عبد اللّه القمّي (المتوفى 299 أو 301هـ)
سعد بن عبد الله القمي جليل القدر، واسع الأخبار، كثير التصانيف، ثقة،
الفهرست للطوسي  رقم : 306
سعد بن عبد الله بن أبي خلف الأشعري القمي أبو القاسم شيخ هذه الطائفة وفقيهها ووجهها. كان سمع من حديث العامة شيئا كثيرا
رجال النجاشي  رقم : 467
سعد بن عبد الله بن ابي خلف الاشعري القمي، يكنى ابا القاسم. جليل القدر، واسع الاخبار، كثير التصانيف، ثقة،
خلاصة الاقوال للعلامة الحلي  ج 1 ص 145  رقم 3

ยะอ์กูบ บินยาซีด
يعقوب بن يزيد
يعقوب بن يزيد الكاتب  يزيد أبوه ثقتان.
رجال الشيخ الطوسي رقم : 5488
يعقوب بن يزيد بن حماد الأنباري السلمي روى عن أبي جعفر الثاني عليه السلام، وانتقل إلى بغداد، وكان ثقة صدوقا
رجال النجاشي  رقم : 1215
يعقوب بن يزيد بن حماد الانباري السلمي ثقة صدوقا
رجال ابن داود  رقم : 1735
ฮัมมาด บินอีซา
حماد بن عيسى (قبل 119 ـ 209 هـ )
حماد بن عيسى الجهني بصري، له كتب، ثقة.
رجال الشيخ الطوسي رقم : 4970

حماد بن عيسى أبو محمد الجهني
روى عن أبي عبد الله عليه السلام عشرين حديثا وأبي الحسن والرضا عليهما السلام، ومات في حياة أبي جعفر الثاني عليه السلام،  ثقة في حديثه صدوقا
رجال النجاشي  رقم : 370

อับดุลลอฮ์  บินมุสกาน  
عبدالله بن مسكان (ت قبل 183 هـ)
عبد الله بن مسكان ثقة، عين، روى عن أبي الحسن موسى عليه السلام
رجال النجاشي  رقم : 559
عبد الله بن مسكان - بالميم المضمومة، والسين الساكنة المهملة، والنون بعد الالف - أبو محمد، مولى عنزة، ثقة عين،
خلاصة الاقوال  للعلامة الحلي  ج 1 ص 181 رقم 22
عبدالله بن مسكان أبو محمد فقيه عين معظم من الستة الذين أجمعت العصابة على تصديقهم وثقتهم
رجال ابن داود رقم : 907

อะบาน บินตัฆลิบ  
أبانُ بنُ تَغْلِب (المتوفي  141 هـ)
أبان بن تغلب بن رباح
أبو سعيد البكري الجريري مولى بني جرير بن عباد بن ضبيعة بن قيس بن ثعلبة بن عكاشة بن صعب بن علي بن بكر بن وائل، ثقة جليل القدر عظيم المنزلة في أصحابنا لقي أبا محمد علي بن الحسين و أبا جعفر و أبا عبد الله عليهم السلام و روى عنهم،
الفهرست للطوسي  رقم : 51

أبان بن تغلب : ثقة جليل القدر سيد عصره وفقيهه
رجال ابن داود  رقم : 4
أبان بن تغلب بن رباح : عظيم المنزلة في أصحابنا، لقي علي بن الحسين وأبا جعفر وأبا عبد الله عليهم السلام، روى عنهم،
رجال النجاشي  رقم : 7
ابان بن تغلب ثقة جليل القدر عظيم الشأن في اصحابنا،
خلاصة الاقوال للعلامة الحلي  ج 5 ص 16 رقم 1

สุลัยม์ บินก็อยส์  
سُلَيْمُ بنُ قَيْسٍ الْهِلاَلِيُّ (وَلِدَ سنة  2 قبل الهجرة ـ المتوفي 76 هـ )

قال أحمد بن محمد بن خالد البرقي (المتوفّى274هـ) :
و من أصحاب أمير المؤمنين عليه السلام : سليم بن قيس الهلالي
رجال البرقي  ج 1  ص 2

قال العلامة الحلي  :  والوجه عندي: الحكم بتعديل المشار اليه( اي سليم بن قيس الهلالي)
خلاصة الاقوال للعلامة الحلي  ج 16 ص 5 رقم 1

قال العلامة السيد الخوانساري في روضات الجنات: (قد كان من قدماء علماء أهل البيت عليهم السلام وكبراء أصحابهم
روضات الجنات: ج 4 ص 65، 73

قال السيد محسن الأمين العاملي في أعيان الشيعة: (إن المترجم (أي سليم)...
أعيان الشيعة: ج 35 ص 293
يكفي فيه عد البرقي إياه من أولياء أمير المؤمنين عليه السلام،

قال العلامة المامقاني في تنقيح المقال: (هو من الأولياء المتنسكين والعلماء المشهورين بين العامة والخاصة، وظاهر أهل الرجال أنه ثقة معتمد عليه، وقد يطمئن بوثاقة الرجل من عد الشيخ في باب أصحاب السجاد عليه السلام إياه صاحب أمير المؤمنين عليه السلام وجعله إياه من أوليائه وغير ذلك مما لا يخفى على أهل الفن)  
تنقيح المقال: ج 2 ص 54

قال المحقق الخبير السيد حسن الصدر في كتابه (تأسيس الشيعة لعلوم الإسلام): سليم ابن قيس الهلالي التابعي صاحب علي عليه السلام والملازم له وللحسنين عليهما السلام المنقطع إليهم. أول من كتب الحوادث الكائنة بعد وفاة رسول الله صلى الله عليه وآله، ثقة صدوق متكلم فقيه كثير السماع)
تأسيس الشيعة لعلوم الإسلام: ص 282، 357

قال السيد الخوئي : الاولى أن سليم بن قيس في نفسه ثقة جليل القدر عظيم الشأن
ويكفى في ذلك شهادة البرقي بانه من الاولياء من أصحاب أميرالمؤمنين عليه
معجم رجال الحديث  للسيد الخوئي  ج 9  ص 156  رقم  : 5401

สุลัยม์บินก็อยส์รายงานหะดีษบทนี้ จากท่านซัลมานอัลฟาริซี (รฎ.) คือซอฮาบะฮ์ของท่านรอซูลุลเลาะฮ์(ศ)
  •  

faruq

อัสลามมูอาลัยกุมคุณ l-umar

นี่คือสื่งที่ผมได้จากการหาความรู้ในแนวทางชีอะฮฺ
มันเป็นเหมือนการสรุปเพื่อตัดบท แต่ไม่ใช่ครับ ผมรู้สึกอย่างนี้จริงๆ การคุยเรื่องละเอียดปลีกย่อยต้องใช้เวลาและหาทางจบได้ยากมากเพราะต่างคนต่างมีหลักฐาน
   จากการที่ผมได้ศึกษาแนวทางชีอะฮฺจากคุณในบางส่วน ซึ่งได้นำผมไปสู่การหาความรู้จากแหล่งอื่นด้วยเช่นเวบไซต์ต่างๆของชีอะฮฺ บอกตามตรงว่ามันทำให้ผมเกิดความหนักอึ้งในหัวใจอย่างบอกไม่ถูก ก่อนหน้านี้ผมคิดว่า ท่านและผมต่างก็เป็นมุสลิมซึ่งสามารถเดินร่วมทางกันได้ แต่ปรากฏว่ามันเป็นสิ่งที่ยากเย็นและยากลำบากกว่านั้น เพราะจากการศึกษาฮะดิษหลักๆเกี่ยวกับชีอะฮฺเรียกได้ว่า หากไม่เพื่อการประนีประนอมและเพื่อความสันติในฐานะศาสนาเดียวกันแล้ว ชาวซุนนะฮฺคือกาเฟรตามหลักการของท่านโดยแท้ เช่นเรื่องฮะดิษซะเกาะลัยน์ หรือการตามอิหม่ามทั้งสิบสองท่าน แม้ชีอะฮฺหลายท่านจะบอกว่าเราคือมุสลิมเหมือนกัน แต่จากการศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว พบว่า ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากตามชีอะฮฺหรือไม่ก็กลายเป็นกาเฟร และเช่นเดียวกับที่หลายครั้งชาวชีอะฮฺได้ประณามเราเป็นกาเฟรตามเวบบอร์ดต่างๆ
  การที่จะออกจากชีอะฮฺไปเป็นซุนนะฮฺหรือซุนนะฮฺไปเป็นชีอะฮฺจึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก ไม่เหมือนกับการที่ใครจะเปลี่ยนจาก ชาฟีอี ไปเป็น ฮานาฟี หรือ มาลีกี หากชีอะฮฺถูก แน่นอนว่า ภรรยาที่รักยิ่งของนบีก็ต้องเป็นกาเฟร ท่านอบูบักร อุมัร ตลอดจน ผู้ที่ถือตามท่านตลอดประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน ก็เช่นเดียวกัน และหากชีอะฮฺผิด หากอับดุลลอฮฺอิบนิสะบาฮฺเป็นผู้ที่ทำให้เกิดแนวทางนี้จริง หากท่านอาลีไม่ได้ถูกแต่งตั้งจากนบีจริงๆ ดังที่ท่านไม่เคยนำฮะดิษซะเกาะลัยน์มาประกาศในสิทธิ์ของท่านอย่างตรงไปตรงมา และในเรื่องประวัติศาสตร์ที่ท่านได้ทำการเกี่ยวดองกับท่าน อุมัร และบรรดาซอฮาบะฮฺในทางที่ดี แล้วสิ่งที่ชีอะฮฺบอกว่าเหล่านี้เป็นกาเฟร จะต้องเจอกับอะไรบ้าง

  ผมทำความเข้าใจได้ยากเย็น และดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้เลย ที่จะยอมรับว่านบีผู้ซึ่งเป็นมะซูม เลือกภรรยาที่ชั่วร้ายและอยู่เคียงข้างกับเพื่อนทรยศมาตลอด ทำความเข้าใจยากกับการที่ชีอะฮฺบอกว่าซอฮาบะฮฺเป็นกาเฟร แต่มะซูมและกาเฟรเป็นพ่อตากับลูกเขยกัน ซ้ำยังตั้งชื่อลูกๆด้วยบรรดาชื่อของเหล่ากาเฟร และปวดหัวอย่างยิ่งเกี่ยวกับฮะดิษซะเกาะลัยน์ ซึ่งผมคิดง่ายๆว่าหากผู้ที่ท่านนบีชูมือประกาศต่อหน้าผู้คนเป็นท่านอบูบักร เราก็ต้องเอาฮะดิษดังกล่าวมาอ้างในความชอบธรรมของท่านด้วยเช่นกัน และมันชัดเจนอยู่ทีเดียว

  ผมเหนื่อย ขอรวบรวมสมาธิและเวลาในการหาความรู้และทำความเข้าใจเรื่องต่างๆสักนิด ผมขอดุอาฮฺหากซุนนะฮฺถูกขอให้ผมอย่าหลงไปไหน หากผิดก็ขออัลลอฮฺพาผมไปในหนทางที่ถูก....อามีน

แล้วจะแวะเข้ามาอีกครับ
  •  

L-umar

อะลัยกุมสลาม   คุณฟารูก



เราแปลกใจอยู่อย่างหนึ่งคือ  



เวลาท่านตั้งข้อสงสัย  หรือคำถามหนึ่งๆ  เพื่อหาความเข้าใจ   แต่ท่านไม่เคยอดทนที่จะสนทนาในเรื่องที่ท่านสงสัยหรือถาม ให้จบสักเรื่อง


ทุกครั้งที่เราให้เกียรติชี้แจงแก่ท่าน   ท่านมักมีคำถามอื่นแทรกเข้ามา ซ้อนเสมอ    พอเรายังชี้แจงเรื่องเดิมไม่จบ  เราก็ต้องแตกปลายออกไปยังเรื่องที่ท่านซักถาม ต่อไป  และเป็นเช่นนี้


ดังนั้น   ผลออกมาคือ   เราเดินไปไม่ถึงฝั่ง    แต่ท่านด่วนสรุปหรือลงเอยทุกคราไป


อย่างกรณีเรื่อง  อิม่ามมะฮ์ดี   เรากำลังชี้แจงกับท่านให้จบว่า


ความจริงไม่ว่า  ชาวซุนนี่มีรายงานหะดีษว่า  


บิดาของอัลมะฮ์ดี  ชื่อ  อับดุลลอฮ์    ส่วนรายงานชีอะฮ์กล่าวว่าชื่อ  ฮาซัน


ซึ่งเรากำลังจะชี้แจงต่อกับท่านให้เข้าใจว่า  เราสองฝ่ายเข้าใจเหมือนกัน  แต่ท่านก็ไม่อดทนที่จะฟังการชี้แจงของเราให้จบเสียก่อน  ดังนั้นการสนทนาจึงสูญเปล่า


ส่วนกรณีที่ท่านอ้างว่า  เราใช้คำว่า  (( อ้างว่า  ))


หนึ่ง  -  ชีอะฮ์  ฮุก่มชาวซุนนะฮ์เป็นกาเฟร     ความจริงเราว่า  ท่านคงเข้าใจผิดแน่   ขอให้ท่านกลับไปตรวจสอบตำราเก่าที่สุดของท่านให้ดีว่า    นับจากวันที่ท่านรอซูล(ศ)วะฟาต     ชีอะฮ์ในสายตาของซุนนี่คือ พวกนอกรีต  พวกกาเฟร  พวกคนเถื่อนมาโดยตลอดทุกยุคทุกสมัย   ดังนั้นซุนนี่คือฝ่ายแรกที่มองว่าชีอะฮ์คือ  กาเฟ็ร


สอง  -   เรื่องที่คุณกล่าวหาว่า  ชีอะฮ์ฮุก่มซอฮาบะฮ์ทั้งหมดและภรรยานะบีบางคน เป็นกาเฟ็ร  อันนี้ก็คือ การใส่ร้าย  ซึ่งมีเหตุมาจากการอ่านหะดีษหรือตัฟซีรชีอะฮืที่พวกคุณไม่เข้าใจอย่างแท้จริง


ฉะนั้นเราขอเสนอต่อคุณฟารูกว่า   หากเรื่องใดคุณรู้ไม่จริง  หรือมีหลักฐานไม่ชัดเจนมาแสดง  เราถือว่า  คุณหมิ่นประมาทเรา


ส่วนถ้าคุณนำหลักฐานใดมาแสดง   เราก็พร้อมชี้แจงเพื่อสร้างความกระจ่างแก่คุณ   ส่วนคุณจะรับไม่รับ อันนั้นสิทธิของคุณ    
  •  

faruq

ผมขออภัยต่อคุณ l-umar หากมีสิ่งใดที่ทำให้คุณขุ่นข้องหมองใจ
แต่นี่คือสิ่งที่ผมขุ่นข้องหมองใจยิ่งกว่า
อธิบายสิ่งเหล่านี้แก่ผมด้วยครับ

เชื่ออย่างชีอะฮฺ กับตายอย่างญาฮิลียะฮฺ http://www.yomyai.com/index.php?mo=3&art=429659

ผมจะอธิบายคำว่าตายอย่างญาฮิลียะฮฺว่ายังไงดี
แล้วฮะดิษเหล่านี้

ท่านอัล-บากิรฺ อัล-มัจญลิสีย์ ได้อ้างรายงานมาจากท่านอิมามมุหัมมัด อัล-บากิรฺ (อิมามท่านที่ 5 ของชีอะฮฺ) ว่า ........

[ عِنْدَمَا يَظْهَرُاْلإمَامُ الْمَهْدِيُّ فَاِنَّـهُ يَقُوْمُ بِالْقَضَاءِ عَلَى أَهْلِ السُّنَّةِ قَبْلَ الْكُفَّارِ، وَيَبْدَأُ عَمَلَـهُ بِقَتْلِ عُلَمَاءِ أَهْلِ السُّنَّةِ ] ........

"ตอนที่อิมามมะฮฺดีปรากฏตัวขึ้นมา ท่านจะทำการตัดสิน(ลงโทษ) ชาวอะฮฺลิซ ซุนนะฮฺก่อนพวกกาฟิรฺ, และท่านจะเริ่มต้นภารกิจของท่านด้วยการสังหารนักวิชาการอะฮฺลิซ ซุนนะฮฺ" ...(จากหนังสือ "หักกุ้ล ยะกีน" ของท่านอัล-มัจญลิสีย์, เป็นภาษาเปอร์เชียร์ หน้า 139 ... คัดมาจากหนังสือ "อัล-ชีอะฮฺ ฟี อัล-มีซาน" หน้า 82)




ท่านอับดุรฺเราะห์มาน อัล-เกาะศีรฺ ได้อ้างการรายงานมาจากท่านอิมามญะอฺฟัรฺ อัศ-ศอดิก ซึ่งกล่าวว่า .......
[ أَمَالَوْ قدْقَامَ قَائِمُنَا لَقَدْرُدَّتْ اِلَيْهِ الْحُمَيْرَاءُ حَتَّى يَجْلِدَهَاالْحَـدَّ، وَحَتَّى يَنْتَقِمَ ِلأُمِّهِ فَاطِمَةَ، قُلْتُ : جَعَلْتُ فِدَاكَ! وَلِمَ يَجْلِدُهَاالْحَـدَّ؟ .. قَالَ : لِفِرْيَتِهَا عَلَى أُمِّ اِبْرَاهِيْمَ، قُلْتُ : فَكَيْفَ أَخَّرَاللَّـهُ ذَلِكَ أِلَى اْلقَائِمِ؟ ...قَالَ : أِنَّ اللَّـهَ بَعَثَ مُحَمَّدًا رَحْمَـةً، وَبَعَثَ الْقَائِمَ نَقْمَـةً ]...

"แน่นอน! เมื่อใดก็ตามที่อัล-กออิมของพวกเราปรากฏตัวขึ้น นังแดงน้อย (หมายถึงท่านหญิงอาอิชะฮฺ ร.ฎ.) ก็จะต้องถูกให้ฟื้นขึ้นมาเพื่อให้ท่านโบยตีมันเป็นการลงโทษ, และเพื่อเป็นการแก้แค้นแทนให้แก่มารดาของท่าน คือท่านหญิงฟาฏิมะฮฺ ร.ฎ. ด้วย," ... ฉัน (อับดุรฺเราะห์มาน) กล่าวว่า .. ขอให้ฉันเป็นพลีแก่ท่านด้วย นางจะถูกลงโทษด้วยเรื่องอะไร? .. ท่านตอบว่า .. "เพราะมันปองร้ายต่อมารดาของอิบรอฮีม (หมายถึงท่านหญิงคอดีญะฮฺ)" .. ฉันจึงถามต่อไปว่า .. ก็แล้วทำไมพระองค์อัลลอฮฺ ซ.บ.จึงประวิงเรื่องนี้มาให้ท่านอัล-กออิมล่ะ? (หมายความว่า ทำไมไม่ให้ท่านนบีย์มุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัม ลงโทษด้วยตัวของท่านเอง?) .... ท่านก็ตอบว่า .. "ก็เพราะพระองค์อัลลอฮฺทรงแต่งตั้งท่านมุหัมมัดมา เพื่อความเมตตา, และแต่งตั้งท่านอัล-กออิมมา เพื่อการลงโทษ"... (จากหนังสือ "อัล-อีย์ก็อศ มินัล ฮัจญอะฮฺฯ" ของท่านอัล-หัรรุ้ล อามิลีย์ หน้า 244, และหนังสือ "บิหารุ้ล อันวารฺ" เล่มที่ 52 หน้า 314)


ท่านอัล-มัจญลิสีย์ ได้อ้างบันทึกการรายงานมาจากท่านอิมามญะอฺฟัรฺ อัศ-ศอดิก ซึ่งกล่าวว่า..

[ هَلْ تَدْرِيْ أَوَّلَ مَا يَبْدَأُبِـهِ الْقَائِمُ عَلَيْهِ السَّلاَمُ، قُلْتُ : لاَ!.. قَالَ : يُخْرِجُ هَـذَيْنِ رَطْبَيْنِ غَضَّيْن فيُحْرِقُـهُمَا وَيَذْرِيْهِمَا فِى الرِّيْحِ، وَيُكَسِّرُالْمَسْجِدَ ] .....

"ท่านรู้ไหมว่า สิ่งแรกสุดที่ท่านอัล-กออิม (อ) จะทำคืออะไร ? .. ฉัน (หมายถึงท่านบะชีรฺ อัน-นับบาล ผู้รายงานหะดีษนี้จากท่านอิมามญะอฺฟัรฺ) กล่าวว่า : ไม่ทราบครับ, ท่านญะอฺฟัรฺจึงเฉลยว่า .. คือการให้เจ้าสองคนนี้ (หมายถึงท่านอบูบักรฺและท่านอุมัรฺ) ฟื้นขึ้นมาในสภาพสดชื่นตามปกติ, แล้วท่านก็จะเผามันทั้งสอง แล้วเอา(ขี้เถ้าของ)มันทั้งสองโปรยไปในอากาศ, และท่านจะทำลายมัสญิด" (จากหนังสือ "บิหารุ้ล อันวารฺ" ของท่านอัล-มัจญลิสีย์, เล่มที่ 52 หน้า 386)

ด้วยจิตบริสุทธิ์ผมหวังว่าฮะดิษเหล่านี้จะเป็นฮะดิษเมาฎู
  •  

faruq

จากที่คุณกล่าวมา ผมเริ่มมีความหวังว่า ชีอะฮฺไม่ได้ฮูก่มว่า ท่านอบูบักร อุมัร อุษมาน ท่านคอลิดบินวาลิด ฯลฯ และท่านหญิงอาอิชะฮฺเป็นกาเฟร และหากเป็นเช่นนั้นจริงๆจะเป็นความรู้ใหม่ที่ผมยินดีเป็นที่สุด
  •  

L-umar

เห็นไหม   คุณเริ่มไปสนทนาเรื่องอื่น  ต่ออีกแล้ว


ทั้งๆที่เรื่อง ชื่อบิดาของอิหม่ามะฮ์ดี  ยังสนทนากันไม่จบเลย    ไม่เอาล่ะ   เราจะไมตามใจท่านอีกแล้ว


เราคุยเป้นเรื่องๆให้จบเสียก่อน     เมื่อคุณเคลียเรื่องนี้ดีแล้ว   เราค่อยเขยิบไปสนทนาเรื่องอื่นๆ



คุณฟารูกไม่ต้องห่วง หรือกังวล     ทุกปัญหาที่คุณสงสัยเรามีคำตอบให้  อินชาอัลเลาะฮ์



กลับมาที่เรื่อง   ชื่อบิดาอิหม่ามมะฮ์ดี   ให้จบดีกว่า.................    
  •  

faruq

หนึ่ง - ชีอะฮ์ ฮุก่มชาวซุนนะฮ์เป็นกาเฟร ความจริงเราว่า ท่านคงเข้าใจผิดแน่ ขอให้ท่านกลับไปตรวจสอบตำราเก่าที่สุดของท่านให้ดีว่า นับจากวันที่ท่านรอซูล(ศ)วะฟาต ชีอะฮ์ในสายตาของซุนนี่คือ พวกนอกรีต พวกกาเฟร พวกคนเถื่อนมาโดยตลอดทุกยุคทุกสมัย ดังนั้นซุนนี่คือฝ่ายแรกที่มองว่าชีอะฮ์คือ กาเฟ็ร


สอง - เรื่องที่คุณกล่าวหาว่า ชีอะฮ์ฮุก่มซอฮาบะฮ์ทั้งหมดและภรรยานะบีบางคน เป็นกาเฟ็ร อันนี้ก็คือ การใส่ร้าย ซึ่งมีเหตุมาจากการอ่านหะดีษหรือตัฟซีรชีอะฮืที่พวกคุณไม่เข้าใจอย่างแท้จริง


ฉะนั้นเราขอเสนอต่อคุณฟารูกว่า หากเรื่องใดคุณรู้ไม่จริง หรือมีหลักฐานไม่ชัดเจนมาแสดง เราถือว่า คุณหมิ่นประมาทเรา


ส่วนถ้าคุณนำหลักฐานใดมาแสดง เราก็พร้อมชี้แจงเพื่อสร้างความกระจ่างแก่คุณ ส่วนคุณจะรับไม่รับ อันนั้นสิทธิของคุณ


ผมหามาตามที่คุณบอกครับ เพราะคุณบอกว่าหมิ่นประมาท แต่คุณบอกว่ามีคำตอบสำหรับทุกอย่างผมขอบคุณมากครับและจะรอคำตอบของคุณ
ผมขอโทษในสิ่งที่ผมพลาดในเรื่องมารยาทในการสนทนา เชิญคุณว่าต่อเรื่องบิดาของอิหม่ามมะดิย์ครับ
  •  

L-umar

เราจะอธิบายเรื่องชื่อบิดาของอิม่ามมะฮ์ดีให้จบ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อท่านผู้อ่านต่อไป.........


ขอให้ท่านอ่านสะนัดและมะตั่นหะดีษชื่อบิดาของอิม่ามมะฮ์อีกครั้งคือ


حَدَّثَنَا مُسَدَّدٌ أَنَّ عُمَرَ بْنَ عُبَيْدٍ حَدَّثَهُمْ ح وَحَدَّثَنَا مُحَمَّدُ بْنُ الْعَلاَءِ حَدَّثَنَا أَبُو بَكْرٍ - يَعْنِى ابْنَ عَيَّاشٍ ح وَحَدَّثَنَا مُسَدَّدٌ حَدَّثَنَا يَحْيَى عَنْ سُفْيَانَ ح وَحَدَّثَنَا أَحْمَدُ بْنُ إِبْرَاهِيمَ حَدَّثَنَا عُبَيْدُ اللَّهِ بْنُ مُوسَى أَخْبَرَنَا زَائِدَةُ ح وَحَدَّثَنَا أَحْمَدُ بْنُ إِبْرَاهِيمَ حَدَّثَنِى عُبَيْدُ اللَّهِ بْنُ مُوسَى عَنْ فِطْرٍ - الْمَعْنَى وَاحِدٌ - كُلُّهُمْ عَنْ عَاصِمٍ عَنْ زِرٍّ عَنْ عَبْدِ اللَّهِ

عَنِ النَّبِىِّ -صلى الله عليه وسلم- قَالَ « لَوْ لَمْ يَبْقَ مِنَ الدُّنْيَا إِلاَّ يَوْمٌ ». قَالَ زَائِدَةُ فِى حَدِيثِهِ « لَطَوَّلَ اللَّهُ ذَلِكَ الْيَوْمَ ». ثُمَّ اتَّفَقُوا « حَتَّى يَبْعَثَ فِيهِ رَجُلاً مِنِّى ». أَوْ « مِنْ أَهْلِ بَيْتِى يُوَاطِئُ اسْمُهُ اسْمِى وَاسْمُ أَبِيهِ اسْمَ أَبِى ». زَادَ فِى حَدِيثِ فِطْرٍ « يَمْلأُ الأَرْضَ قِسْطًا وَعَدْلاً كَمَا مُلِئَتْ ظُلْمًا وَجَوْرًا ».

وَقَالَ فِى حَدِيثِ سُفْيَانَ « لاَ تَذْهَبُ أَوْ لاَ تَنْقَضِى الدُّنْيَا حَتَّى يَمْلِكَ الْعَرَبَ رَجُلٌ مِنْ أَهْلِ بَيْتِى يُوَاطِئُ اسْمُهُ اسْمِى ».

قَالَ أَبُو دَاوُدَ لَفْظُ عُمَرَ وَأَبِى بَكْرٍ بِمَعْنَى سُفْيَانَ

ท่านนะบี(ศ) กล่าวว่า  :  ถ้าหากโลกนี้ไม่มีเวลาเหลืออยู่นอกจากแค่วันเดียว (ซาอิดะฮ์ได้รายงานในหะดีษของเขาว่า) อัลลอฮ์(ซ.บ.)ก็จะทรงยืดเวลาของวันนั้นให้ยาวออกไปอีก (จากนั้นบรรดารอวีย์ได้รายงานตรงกันว่า) เพื่อพระองค์จะได้แต่งตั้งบุรุษหนึ่งซึ่งมาจาก(เชื้อสาย)ฉัน  (หรือ) มาจากอะฮ์ลุลบัยต์ของฉัน  

ชื่อของเขาตรงกับชื่อของฉัน และชื่อบิดา(อะบู)ของเขาก็ตรงกับชื่อบิดา(อะบู)ของฉัน,

เขาจะทำให้แผ่นดินนี้เต็มไปด้วยความยุติธรรมและความเที่ยงธรรม เหมือนอย่างที่มันเคยเต็มไปด้วยความอธรรมและความชั่วร้ายมาก่อน

อ้างอิงจากสุนันอะบีดาวูด  หะดีษที่  4282




จะเห็นว่า ในสะนัดหะดีษของท่านอะบีดาวูดมีรอวีย์ชื่อ (( ซาอิดะฮ์ ))  เพิ่มเข้ามาพร้อมกับเพิ่มคำว่า  

يُوَاطِئُ اسْمُهُ اسْمِى وَاسْمُ أَبِيهِ اسْمَ أَبِى

และชื่อบิดา(อะบู)ของเขาก็ตรงกับชื่อบิดา(อะบู)ของฉัน,







ΘΘΘ  เรายังสามารถอธิบายหะดีษข้างต้นได้สองประเด็นดังนี้คือ  ΘΘΘ


หนึ่ง –



ท่านต้องทราบว่า สิ่งหนึ่งที่ใช้กันอยู่อย่างแพร่หลายในภาษาอาหรับก็คือการใช้คำว่า

(( อะบุน – บิดา ))   ที่สื่อหมายถึง  ((ญัดดุน - ปู่ทวด หรือบรรพบุรุษ ))  



หลักฐานกำกับในเรื่องนี้คืออัลกุรอ่านและหะดีษ

อัลลอฮ์ตะอาลาตรัสว่า

مِلَّةَ أَبِيكُمْ إِبْرَاهِيمَ

ศาสนาของอะบู(บิดา)ของพวกเจ้าคือ (ดีน)อิบรอฮีม


ซูเราะฮ์อัลฮัจญ์  : 78


จะเห็นได้ว่าคำ " อะบีกุม -  บิดาของพวกเจ้า "  ตรงนี้หมายถึง " บรรพบุรุษของพวกเจ้า "  



อีกอายัตหนึ่งอัลลอฮ์ได้ตรัสเล่าถึงนะบียูสุฟว่า

وَاتَّبَعْتُ مِلَّةَ آَبَائِي إِبْرَاهِيمَ وَإِسْحَاقَ وَيَعْقُوبَ

และฉันได้ดำเนินตามแนวทางของบรรดาบิดาของฉันคือ อิบรอฮีมและอิสฮากและยะอ์กูบ

ซูเราะฮ์ยูสุฟ  : 38


คำ  " อาบาอี  - บรรดาบิดาของฉัน  "  ในที่นี้หมายถึง  " บรรพบุรุษของฉัน "




หะดีษ


ตอนที่ท่านญิบรีลพานะบีมุฮัมมัด(ศ)ขึ้นไปยังฟ้าชั้นที่เจ็ด  ท่านนะบี(ศ)เล่าว่า

قُلْتُ مَنْ هَذَا قَالَ جِبْرِيلُ هَذَا أَبُوكَ إِبْرَاهِيمُ

مسند أحمد  ح : 17868  تعليق شعيب الأرنؤوط : إسناده صحيح على شرط الشيخين

ฉันได้ถามว่า  : ชายคนนี้เป็นใคร ?  ญิบรีลตอบว่า  : ชายคนนี้คือ " บิดาของท่าน "  (ชื่อ) อิบรอฮีม
 

ดูมุสนัดอิหม่ามอะหมัด  หะดีษที่  17868  เป็นหะดีษซอฮิ๊ฮ์

หลักฐานดังกล่าวทำให้เราเข้าใจว่าคำ  (( อะบุน -  บิดา )) ถูกนำมาใช้แทนคำ  (( ญัดดุน – ปู่ทวดหรือบรรพบุรุษ ))   ในทำนองนี้





สอง -


คำ  (( اِسْمٌ อิสมุน  -  ชื่อ,นาม   سَمَّي يُسَمِّي เขาเรียกชื่อ...))

ชาวอาหรับมักนำมาใช้เรียกแทน
 
((กุนยะฮ์ -  ฉายาของบุคคลหนึ่ง كَنَّي يُكَنِّي เขาได้ตั้งฉายาให้ว่า...))  

หรือใช้เรียกถึง  ซิฟะฮ์ – คุณลักษณะของบุคคลหนึ่งๆ




หลักฐาน

ท่านสะฮัล บินสะอ์ดฺเล่าว่า  ท่านนะบี(ศ)ได้ตั้งฉายาให้ท่านอาลีว่า อะบูตุรอบ

وَمَا سَمَّاهُ أَبُو تُرَابٍ إِلاَّ النَّبِىُّ

ไม่มีใครเรียกชื่อ(ตั้งฉายา)เขาว่า " อะบู ตุรอบ "  นอกจากท่านนะบี  

ซอฮีฮุลบุคอรี  หะดีษที่  6204

จะเห็นว่า  หะดีษใช้คำ

( ซัมมาฮุ  سَمَّاهُ ตั้งชื่อเขาว่า..) ไม่ใช่ ( กันนาฮุ  كَناَّهُ ตั้งฉายาเขาว่า..)

ดังนั้นการใช้แบบนี้ เป็นสิ่งที่ใช้กันแพร่หลายในภาษาอาหรับ



บรรดาซอฮาบะฮ์ในสมัยนั้นก็ใช้สำนวนแบบนั้นเช่น

ท่านอะบีสะอีด อัลคุดรีเล่าว่า



أَقْبَلْنَا فِي جَيْشٍ مِنْ الْمَدِينَةِ قِبَلَ هَذَا الْمَشْرِقِ قَالَ فَكَانَ فِي الْجَيْشِ عَبْدُ اللَّهِ بْنُ صَيَّادٍ وَكَانَ لَا يُسَايِرُهُ أَحَدٌ وَلَا يُرَافِقُهُ وَلَا يُؤَاكِلُهُ وَلَا يُشَارِبُهُ

พวกเรามุ่งกลับเข้ามาในกองทัพหนึ่งยังนครมะดีนะฮ์จากทางทิศตะวันออกนี้ ปรากฏว่าในกองทัพมี(ชายคนหนึ่งชื่อ) อับดุลลอฮ์ บินศ็อยย๊าด  ไม่มีใครเดินกับเขา ไม่มีใครคบเขา ไม่มีใครกินดื่มกับเขา  


وَيُسَمُّونَهُ الدَّجَّالَ  

และพวกเขาตั้งชื่อ(ฉายา)ให้เขา(อับดุลลอฮ์บินศ็อยย๊าด )ว่า  " ดัจญาล "


َبَيْنَا أَنَا ذَاتَ يَوْمٍ نَازِلٌ فِي مَنْزِلٍ لِي إِذْ رَآنِي عَبْدُ اللَّهِ بْنُ صَيَّادٍ جَالِسًا فَجَاءَ حَتَّى جَلَسَ إِلَيَّ فَقَالَ يَا أَبَا سَعِيدٍ أَلَا تَرَى إِلَى مَا يَصْنَعُ النَّاسُ لَا يُسَايِرُنِي أَحَدٌ وَلَا يُرَافِقُنِي أَحَدٌ وَلَا يُشَارِبُنِي أَحَدٌ وَلَا يُؤَاكِلُنِي أَحَدٌ وَيَدْعُونِي الدَّجَّالَ وَقَدْ عَلِمْتَ أَنْتَ يَا أَبَا سَعِيدٍ أَنَّ رَسُولَ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ قَالَ إِنَّ الدَّجَّالَ لَا يَدْخُلُ الْمَدِينَةَ وَإِنِّي وُلِدْتُ بِالْمَدِينَةِ وَقَدْ سَمِعْتُ رَسُولَ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ يَقُولُ إِنَّ الدَّجَّالَ لَا يُولَدُ لَهُ وَقَدْ وُلِدَ لِي فَوَاللَّهِ لَقَدْ هَمَمْتُ مِمَّا يَصْنَعُ بِي هَؤُلَاءِ النَّاسُ أَنْ آخُذَ حَبْلًا فَأَخْلُوَ فَأَجْعَلَهُ فِي عُنُقِي فَأَخْتَنِقَ فَأَسْتَرِيحَ مِنْ هَؤُلَاءِ النَّاسِ وَاللَّهِ مَا أَنَا بِالدَّجَّالِ

มีวันหนึ่งขณะที่ฉัน(อะบูสะอีด)อยู่ที่บ้านของฉัน  แล้วทันใดนั้นอับดุลลอฮ์บินศ็อยยาดได้แลเห็นฉันนั่งอยู่  เขาจึงตรงเข้ามานั่งยังฉันแล้วกล่าวว่า :  โอ้อะบูสะอีด  ท่านเห็นใช่ไหมว่าผู้คนเขาปฏิบัติ(กับฉันอย่างไร) ไม่มีใครเดินกับฉัน ไม่มีใครคบฉัน  ไม่มีใครกินดื่มกับฉัน  และพวกเขาเรียกฉันว่า   " ดัจญาล "  

โอ้อะบูสะอีด ท่านรู้ดีใช่ไหมว่า  ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)กล่าวว่า   แท้จริงดัจญาลจะเข้ามาที่นครมะดีนะฮ์ไม่ได้  แต่ฉันเกิดที่มะดีนะฮ์

และฉันยังได้ยินท่านรอซูล(ศ)กล่าวอีกว่า  แท้จริงดัจญาลนั้นจะไม่มีบุตร แต่ฉันมีบุตร  
ฉันขอสาบานต่ออัลลอฮ์ว่า  ฉันเสียใจมากจากสิ่งที่ผู้คนเหล่านี้ทำกับฉัน  ฉันจะเอาเชือกไปตามลำพังแล้วเอามันผูกคอฉันให้ตาย  ฉันจะได้สบายไปจากพวกคนเหล่านี้   ขอสาบานต่ออัลลอฮ์ว่า  ฉันไม่ใช่ดัจญาล  

وَلَكِنْ وَاللَّهِ لَوْ شِئْتَ لَأَخْبَرْتُكَ بِاسْمِهِ وَاسْمِ أَبِيهِ وَاسْمِ أُمِّهِ وَاسْمِ الْقَرْيَةِ الَّتِي يَخْرُجُ مِنْهَا

แต่ฉันขอสาบานต่ออัลลอฮ์ว่า  หากท่านต้องการ  ฉันจะเล่าให้ท่านฟังถึงชื่อของมัน(ดัจญาล) รวมทั้งชื่อพ่อแม่ของมันและเมืองที่มันจะปรากฏตัวออกมา

ดูมุสนัดอะหมัด  หะดีษที่  11766  เป็นหะดีษซอฮี๊ฮ์ ฉบับตรวจทานโดยเชคอัรนะอูฏี


ท่านลองสังเกตสำนวนของหะดีษบทนี้

وَيُسَمُّونَهُ الدَّجَّالَ  

ถ้าแปลตามตัวคือ  พวกเขาเรียกชื่อเขาว่า ดัจญาล  
 
คำว่าเรียกชื่อตรงนี้หมายถึง  บรรดาซอฮาบะฮ์ได้ตั้งฉายาให้เขาว่า ดัจญาล

ซึ่งดัจญาลไม่ใช่ชื่อจริงของท่านอับดุลลอฮ์ บินศ็อยยาด แต่เป็นฉายา




สรุป

สิ่งที่ใช้กันแพร่หลายในหมู่ชาวอาหรับคือ

ใช้คำ (อะบุน – บิดา ) แทนคำว่า  ( ญัดดุน – ปู่ ปู่ทวดหรือบรรพบุรุษ )  

ใช้คำ (อิสมุน – ชื่อ ) แทนคำว่า  ( กุนยะฮ์ – ฉายา )  


เมื่อเราทำความเข้าใจแล้วทีนี้  มาเข้าเรื่องกันต่อ

เราทราบดีว่า ศาสดามุฮัมมัด(ศ)มีหลานชายสองคนชื่อ  ฮาซันและฮูเซน

ท่านฮาซัน มีฉายาว่า  อะบู มุฮัมมัด
 
ท่านของฮูเซน  มีฉายาว่า  อะบู อับดุลลอฮ์    

ขอให้ท่านพิจารณาหะดีษของท่านอะบีดาวูดอีกครั้ง ที่ท่านนะบี(ศ)กล่าวว่า

يُوَاطِئُ اسْمُهُ اسْمِى وَاسْمُ أَبِيهِ اسْمَ أَبِى

ชื่อเขาตรงกับชื่อฉัน  และชื่อของอะบูของเขาจะตรงกับชื่ออะบูของฉัน

ฮูเซน มีฉายาว่า  อะบู อับดุลลอฮ์

เราคิดว่า ความจริงแล้ว ท่านนะบี(ศ)ได้สื่อความหมายแบบนี้คือ

  يُوَاطِئُ اسْمُهُ اسْمِيْ، فَهُوَ مُحَمَّدٌ وَأناَ مُحَمَّدٌ وَكُنْيَةُ جَدِّهِ اسْمُ أَبِي، إذْ هُوَ أَبُوْ عَبْدِ اللّهِ

ชื่อของเขาจะตรงกับชื่อของฉัน นั่นคือมุฮัมมัดและฉันคือมุฮัมมัด
และฉายาของบรรพบุรุษของเขาจะตรงกับชื่อบิดาของฉันคืออะบู อับดุลลอฮ์.
เพราะบิดาท่านนะบีชื่อ อับดุลลอฮ์   ส่วนฮูเซนมีฉายาว่าอะบูอับดุลลอฮ์

ดังนั้นซิฟัตของอัลมะฮ์ดีจึงเหมือนอะบูอับดุลลอฮ์อัลฮูเซนปู่ทวดของเขาและมีชื่อเหมือนท่านนะบีคือมุฮัมมัด นั่นเอง.

วัลลอฮุ อะอ์ลัม บิซ-ซ่อวาบ


อัลลอฮ์เท่านั้นที่รู้ซึ้งถึงความจริง.

จบ  วัสสลาม
  •  

87 ผู้มาเยือน, 0 ผู้ใช้