Welcome to Q4wahabi.com (Question for Wahabi). Please login or sign up.

ธันวาคม 22, 2024, 08:26:27 ก่อนเที่ยง

Login with username, password and session length
สมาชิก
  • สมาชิกทั้งหมด: 1,718
  • Latest: Haroldsmolo
Stats
  • กระทู้ทั้งหมด: 3,698
  • หัวข้อทั้งหมด: 778
  • Online today: 13
  • Online ever: 200
  • (กันยายน 14, 2024, 01:02:03 ก่อนเที่ยง)
ผู้ใช้ออนไลน์
Users: 0
Guests: 64
Total: 64

ฟารีดโง่ เรื่อง ความเชื่อชีอะฮ์เกี่ยวกับหะดีษ

เริ่มโดย L-umar, มิถุนายน 10, 2010, 01:56:02 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

L-umar

ฟารีดโง่ เรื่อง ความเชื่อชีอะฮ์เกี่ยวกับหะดีษ

อ้างอิงจากนายฟารีดเฟ็นดี้

กระทู้ชื่อ ► อัลกุรอานและฮะดีษตามความเชื่อของชีอะฮ์

www.fareedfendy.com/modules.php?name=Con...showpage&pid=112




ความเชื่อของชีอะฮ์ในเรื่องฮะดีษ ที่นายฟารีดเฟ็นดี้เข้าใจ

นายฟารีดกล่าวว่า

ชีอะฮ์อิหม่ามสิบสองมีความเชื่อในเรื่องฮะดีษที่แตกต่างไปจากมุสลิมทั้งโลก พวกเขามิได้เอารายงานฮะดีษจากตำราฮะดีษของชาวซุนนะห์ ไม่ว่าจะเป็นศอเฮียะห์บุคคอรี,ศอเฮียะห์มุสลิม,สุนันอบีดาวูด,สุนันนะซาอีย์,สุนันอิบนิมาญะห์,มุสนัดิหม่ามอะห์หมัด หรือตำราบันทึกฮะดีษอื่นๆ ที่ชาวซุนนะห์ใช้กัน




วิจารณ์

วาฮาบีก็มีความเชื่อในเรื่องฮะดีษที่แตกต่างไปจากมุสลิมทั้งโลก และพวกเขามิได้เอารายงานฮะดีษจากตำราฮะดีษของชีอะฮ์เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นอัลกาฟี,มันลายะห์ฎุรุฮุลฟะกีฮ์,อิสติบศ็อร,อัตตะฮ์ซีบ,วะซาอิลุชชีอะฮ์,อัลมะฮาซิน หรือตำราบันทึกฮะดีษอื่นๆ ที่ชาวชีอะฮ์ใช้กัน

กล่าวง่ายๆคือพวกวาฮาบีไม่ยอมรับหะดีษของอะฮ์ลุลบัยต์นะบี(อ) แล้วพวกเขายังจะมาตำหนิผู้อื่นว่าไม่ยอมรับตำราหะดีษของพวกเขา  ฟังดูแล้วค่อนข้างเป็นชนเห็นแก่ตัวจริงๆ
  •  

L-umar

อ้างอิงจากนายฟารีด

               ที่จริงแล้วชาวชีอะอ์จะมีฮะดีษและสายรายงานฮะดีษของพวกเขาเป็นการเฉพาะ ซึ่งก่อนที่เราจะพูดถึงความเชื่อของชีอะฮ์ในเรื่องฮะดีษนี้ คงต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่า ชาวชีอะฮ์มีความเชื่อว่า บรรดาอิหมามของพวกเขานั้น ปราศจากความผิด เป็นผู้ไร้มลทิน (มะอ์ซูม)

               ด้วยเหตุนี้คำรายงาน หรือสายรายงานที่อ้างถึงอิหม่ามคนใดของพวกเขาก็ตาม ถือว่าเป็นรายงานงานที่ถูกต้อง และใช้เป็นมาตรฐานทางศาสนา ฉะนั้นสายรายงานฮะดีษของชีอะอ์จะสิ้นสุดที่อิหม่าม




วิจารณ์

1.หากฟารีดไม่เชื่อว่า  อิม่ามแห่งอะฮ์ลุลบัยต์นะบีบริสุทธิ์จริง  ก็จงแสดงหลักฐานออกมาว่า  พวกเขาเคยทำผิดอะไรลงไป และเคยทำบาปอะไรบ้าง  เราจะรอฟัง  หากนายฟารีดหามาแสดงไม่ได้แสดงว่า  เขาคือผู้ปรักปรำอะฮ์ลุลบัยต์นะบี และนั่นหมายความว่า ฟารีดคือ พวกนาซิบเช่นเดียวกับพวกเคาะวาริจญ์

2.เราต่างทราบดีว่า อัลกุรอ่านคือหลักฐานที่เชื่อได้แน่นอน เรียกว่า ก็อฏอี( قَطْعِيٌّ) ส่วนหะดีษคือหลักฐานชนิดซ็อนนี ( ظَـنِّيٌّ )  ดังนั้นหลักฐานซ็อนนีจึงต้องมีการตรวจสอบสถานะความถูกต้องอย่างละเอียดถี้ถ้วน  

หะดีษทุกบท จะต้องทำการตรวจสอบสะนัด หรือ อิสนาด แปลว่า สายรายงาน ซึ่งประกอบไปด้วยรายชื่อรอวีย์(ผู้เล่า)และผู้รับหะดีษกันมาเป็นช่วงๆว่า มีสถานะอย่างไร
หากประวัติรอวีย์ในสะนัดหะดีษหนึ่ง เชื่อถือได้  ก็ส่งผลให้ตัวบทหะดีษนั้นสามารถนำมาเป็นหลักฐานอ้างอิงได้

ยกเว้นตัวบทของหะดีษนั้นไปขัดต่อ

หนึ่ง  -   อัลกุรอ่าน

สอง -  หะดีษซอฮิ๊ฮ์ชนิดมัชฮูร หรือ

สาม -  หะดีษชนิดมุตะวาติร  
 

เราจึงถือว่าเป็นความปัญญาอ่อนของนายฟารีดที่กล่าวว่า  (( ชีอะฮ์มีความเชื่อว่า บรรดาอิหมามของพวกเขานั้น ปราศจากความผิด เป็นผู้ไร้มลทิน (มะอ์ซูม) ด้วยเหตุนี้คำรายงาน หรือสายรายงานที่อ้างถึงอิหม่ามคนใดของพวกเขาก็ตาม ถือว่าเป็นรายงานงานที่ถูกต้อง และใช้เป็นมาตรฐานทางศาสนา ฉะนั้นสายรายงานฮะดีษของชีอะอ์จะสิ้นสุดที่อิหม่าม ))

หากนายฟารีดไม่ปัญญาอ่อน ก็คงจะเจตนาใส่ร้ายชีอะฮ์ว่า ยึดหะดีษแบบไร้กฏเกณฑ์ ซึ่งเราจะอธิบายให้ชัดเจนต่อไป
  •  

L-umar

ชีอะฮ์ในอดีต  มีตำราริญาลไว้ตรวจสอบสะนัดหะดีษหลักๆอยู่  5 เล่ม

นักปราชญ์ชีอะฮ์เรียกกันว่า "  อัลอุซูลุล ริญาลียะฮ์  คอมสะฮ์ "  





ชื่อตำราริญาลห้าเล่มดังกล่าวคือ  



1.   ริญาล    บัรกี


رجال البرقي : أحمد بن محمد بن خالد البرقي

ผู้แต่ง  อะหมัด บินมุฮัมมัด บินคอลิด อัลบัรกี   มรณะฮ.ศ. 274   เชคบัรกีได้รวบรวมรายชื่อซอฮาบะฮ์ของท่านนะบี(ศ)และรายชื่อสานุศิษย์ของบรรดาอิม่ามทั้งสิบสองเอาไว้  เพื่อให้คนได้รู้จักนักรายงานหะดีษในแต่ละยุค แต่หนังสือเล่มนี้ไม่มีคำวิจารณ์สถานะของบรรดารอวีย์หะดีษ
  •  

L-umar


2.   ริญาล   กัชชี


رجال الكشي: محمد بن عمر بن عبد العزيز المعروف بالكشّي

ผู้แต่ง  มุฮัมมัด บินอุมัร บินอับดุลอะซีซ รู้จักกันในชื่อ อัลกัชชี่  มรณะฮ.ศ. 350  

อัลกัชช์คือเมืองหนึ่งตั้งอยู่ทางสะมัรก็อนด์  เชคกัชชี่เป็นรอวีย์หะดีษที่มีความน่าเชื่อถือในหมู่นักปราชญ์ชีอะฮ์  แถมยังเชี่ยวชาญด้านหะดีษและชีวประวัติรอวีย์อีกด้วย เขาเป็นลูกศิษย์ของเชคอัลอะยาชี่  หนังสือเล่มนี้เรียบเรียงชีวประวัติรอวีย์เริ่มจากซอฮาบะฮ์ท่านนะบี(ศ)เป็นลำดับไปจนถึงสาวกของอิม่ามที่10และอิม่ามที่ 11 จุดเด่นคือนำเสนอหะดีษพร้อมกับรายชื่อผู้เล่าหะดีษบทนั้นๆ   ต่อมาเชคตูซี่ได้สรุปหนังสือนี้แล้วตั้งชื่อว่า อิคติยารุ มะอ์ริฟะติลริญาล
  •  

L-umar


3.   ริญาล  นะญาชี


الشيخ أحمد بن علي، المعروف بالنجاشي

ผู้แต่ง  เชคอะหมัด บินอาลี  อันนะญาชี   เกิด 372 มรณะ 450 ฮ.ศ.  

เขาเป็นลูกศิษย์เชคมุฟีด ต่อมาก็สัยยิดมุรตะฎอ   เชคนะญาชีมีความเชี่ยวชาญชีวประวัติรอวีย์หะดีษ  เขายังเป็นนักปราชญ์ชีอะฮ์ผู้ทรงคุณวุฒิระดับสูงคนหนึ่ง

จุดเด่นของหนังสือริญาลเล่มนี้คือ  ระบุว่า  รอวีย์คนใดได้รับคำยกย่อง(มันดู๊ห์)และรอวีย์คนใดถูกตำหนิ(มัซมูม) และระบุสถานะของรอวีย์ รวมทั้งมัซฮับของรอวีย์โดยส่วนมากอีกด้วย
  •  

L-umar


4.   ริญาล  ตูซี่


رجال الشيخ : الشيخ محمد بن الحسن الطوسي

ฃผู้แต่ง  เชคมุฮัมมัด  บินฮาซัน  อัตตูซี่   เกิด  460 มรณะ 385 ฮ.ศ.

เชคตูซี่เรียบเรียงรายชื่อรอวีย์หะดีษอย่างเป็นชั้นๆ(ฏ็อบบะเกาะฮ์) และยังจำแนกออกเป็นบาบ(หมวดๆ) เริ่มจากซอฮาบะฮ์ท่านนะบี(ศ)   ถัดมาคือสานุศิษย์ของบรรดาอิม่าม  

จุดเด่นหนังสือเล่มนี้คือ   ระบุถึงรายชื่อรอวีย์ที่มิได้รายงานหะดีษโดยตรงจากท่านนะบี(ศ)หรือบรรดา(อ)
ซึ่งทำให้เรารู้ถึงสถานะหะดีษบางส่วนว่าเป็น  หะดีษมุรซัล(ขาดตอน) ระหว่างท่านะบี(ศ) หรือระหว่างรอวีย์กับอิม่าม(ในยุคต่างๆที่เขาอ้างถึง)
  •  

L-umar


5.   ฟะฮ์ร็อส  เชคตูซี่

فهرست الشيخ: وهو من مؤلّفات الشيخ الطوسي

ผู้แต่งคือ  เชคตูซี่ (ฉายา ชัยคุต – ตออิฟะฮ์)  เกิด  460 มรณะ 385 ฮ.ศ.

จุดเด่นของหนังสือเล่มนี้คือ เชคตูซี่ได้รวบรวมรายชื่อรอวีย์ที่พวกเขามีสำเนาหะดีษเป็นของตนเอง ที่เรียกว่า  " อัศล์  -  أصل "  หรือตำราหะดีษที่เรียก  " ตัศนีฟ – تصنيف  " ไว้ประมาณ 900 คน

ซึ่งทำให้เรารู้ว่า  รอวีย์คนใดบ้างที่เขามีสำเนาหะดีษ ซึ่งเป็นการบันทึกไว้เป็นเอกสารด้วยตัวเขาเอง
  •  

L-umar


6.   ริญาล อิบนิเฆาะฎออิรี

رجال ابن الغضائري : أحمد بن الحسين الغضائري

ผู้แต่ง  อะหมัด บินฮูเซน   อัลเฆาะฎออิรี    

เชคอิบนุเฆาะฎออิรีเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกับเชคตูซี่และเชคนะญาชี และทั้งสามยังได้เรียนกับอาจารย์คนเดียวกันอีกด้วย  
كان عارفاً بالرجال، بصيراً بأحوالهم وطبقاتهم
อิบนุ เฆาะฎออิรีเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสาขาริญาลุลหะดีษ  และเขารู้จักชีวประวัติของรอวีย์หะดีษอย่างดี รวมทั้งระดับของรอวีย์
หนังสือเล่มนี้ระบุสถานะของรอวีย์ว่า ผู้ใดมีความษิเกาะฮ์(เชื่อได้)  และผู้ใดดออีฟ(อ่อนแอ)
  •  

L-umar

۩   จะเห็นได้ว่า    ชีอะฮ์ในยุคก่อน(มุตะก็อดดิมีน)  จะสามารถตรวจสอบหะดีษได้เพียงสองประเภทใหญ่ๆคือ
 

หนึ่ง -  หะดีษที่มีสะนัดษิเกาะฮ์  ( เชื่อได้)

คือหากนำชื่อรอวีย์( นักรายงาน)ของหะดีษบทหนึ่งไปตรวจสอบจากตำราริญาลข้างต้น แล้วปรากฏว่า รอวีย์ถูกวิจารณ์ว่า   ษิเกาะฮ์(คือเชื่อได้) หรือ  มัมดู๊ห์ (คือได้รับคำยกย่องชมเชย)  

สอง -  หะดีษที่มีสะนัดไม่ษิเกาะฮ์ ( เชื่อไม่ได้)

คือหากนำชื่อรอวีย์( นักรายงาน)ของหะดีษบทหนึ่งไปตรวจสอบจากตำราริญาลข้างต้น แล้วปรากฏว่า รอวีย์ถูกวิจารณ์ว่า   ไม่ษิเกาะฮ์(คือเชื่อไม่ได้) หรือ  มัซมูม (คือถูกตำหนิติเตียน)  
  •  

L-umar

หลังจากศตวรรษที่ห้าแห่งฮิจเราะฮ์ศักราช   ท่านสัยยิด อะหมัด อิบนิตอวูส (มรณะ 673ฮ.ศ.)


ได้สร้างคำนิยาม(อิศติลาฮี)ให้กับหะดีษใหม่  กล่าวคือสัยยิดอิบนิตอวูสได้จำแนกหะดีษชีอะฮ์ออกเป็น 4 ชนิดคือ

1.   ซอฮิ๊ฮ์   -   ถูกต้อง
2.   ฮาซัน  -   ดี
3.   มุวัษษัก  - เชื่อได้
4.   ดออีฟ -  อ่อน (เชื่อไม่ได้)



สัยยิดอิบนิตอวูสยังได้ถ่ายทอดการจำแนกหะดีษออกเป็นสี่ชนิดดังกล่าวนี้ให้กับลูกศิษย์ของเขาสองคนคือ

หนึ่ง -  เชคอิบนิดาวูด  

สอง -  อัลลามะฮ์ฮิลลี่
  •  

L-umar

ตำราริญาลในยุคหลังฮิจเราะฮ์ศักราชที่ 500  (มุตะอัคคิรีน)


7.ริญาล อิบนิดาวูด

رجال ابن داود: وهو تأليف تقي الدين الحسن بن علي بن داود الحلي
ผู้แต่ง   ตะกียุดดีน  ฮาซัน บินอาลี บินดาวูด  อัลฮิลลี   เกิด  647 มรณะ 707 ฮ.ศ.  
เชคอิบนิดาวูดเป็นลูกศิษย์ของสัยยิดอิบนิ ตอวูส (มรณะ 673ฮ.ศ.)


8.คุลาเศาะตุลอักวาล  ฟีอิลมิลริญาล

خلاصة الاقوال في علم الرجال : العلامة الحلي  هو الشيخ الحسن بن يوسف بن المطهّر
ผู้แต่ง  อัลลามะฮ์ ฮิลลี   เขาคือเชคฮาซัน บินยูสุฟ บินมุเฏาะฮัร  เกิด 648 มรณะ 726 ฮ.ศ.

หนังสือเล่มนี้แบ่งออกเป็นสองส่วน  
ส่วนที่หนึ่ง   กล่าวถึงรอวีย์ที่เชื่อถือได้ในการรายงาน มี 17หมวด
ส่วนที่สอง   เจาะจงกล่าวถึงรอวีย์หะดีษ ประเภทดออีฟ (อ่อนแอ)เท่านั้น  รวมทั้งนำคำวิจารณ์ต่างๆที่ยอมรับหรือปฏิเสธ หรือไม่แสดงความคิดมากล่าวไว้อีกด้วย    มี 17หมวดเช่นกัน
ในบทส่งท้ายของส่วนที่สอง ยังได้กล่าวถึงสิบเรื่องสำคัญเกี่ยวกับนักรายงานหะดีษ  หนังสือเล่มนี้นำมาข้อมูลมาจากฟะฮ์ร็อสของเชคตูซี่และริญาลของเชคนะญาชี  และอัลลามะฮ์ได้เพิ่มเติมรายละเอียดของเขาลงไปอีกมากมาย
  •  

L-umar

นักปราชญ์ชีอะฮ์ในยุคก่อนและหลังจนมาถึงปัจจุบันล้วนอาศัยตำราริญาลเหล่านี้  เป็นเครื่องมือตรวจสอบหะดีษต่างๆมาโดยตลอดว่า  สะนัดหะดีษใด ซอฮิ๊ฮ์  หรือ  ดออีฟ  

 
ดังนั้นจะเป็นได้อย่างไร   หากมีบุคคลหนึ่งได้อ้างแบบลอยๆว่า  นี่คือหะดีษของอิม่ามซอดิก(อ) แล้วนักวิชาการชีอะฮ์ก็ปักใจเชื่อโดยไม่มีการตรวจสอบสะนัดหะดีษนั้น

เพราะฉะนั้นชีอะฮ์ก็ต้องอาศัยตำราริญาลดังกล่าวเป็นหลักในการตรวจสอบหะดีษที่ยกมา  หากพบว่าบรรดารอวีย์หะดีษบทนั้นถูกวิจารณ์ว่าเชื่อถือได้  และมันไม่ขัดแย้งกับอัลกุรอ่าน หรือขัดกับหะดีษมุตะวาติร นั่นแสดงว่าหะดีษนั้นซอฮิ๊ฮ์และสามารถนำมาอ้างอิงได้  และโดยเฉพาะมันเป็นหะดีษที่ถูกถ่ายทอดมาจากอะฮ์ลุลบัยต์นะบี(ศ)ยิ่งทำให้ชีอะฮ์จำเป็นจะต้องยึดมั่นเอาไว้ตามที่ท่านนะบี(ศ)ได้สั่งเสียให้ปฏิบัติตามอะฮ์ลุลบัยต์ของท่าน

มันจึงเป็นคำพูดของคนปัญญาอ่อนอย่างนายฟารีดเฟ็นดี้ที่มาใส่ความชีอะฮ์ว่า พวกชีอะฮ์ยึดหะดีษเพียงแค่เอ่ยอ้างว่าเป็นหะดีษที่มาจากอิม่ามสิบสองของพวกเขา

โอ้นายฟารีดเอ๋ย ท่านได้รับทราบแล้วว่า หนังสือตรวจสอบหะดีษของชีอะฮ์มีชื่ออะไรบ้าง ฉะนั้นคราวต่อไปเราหวังว่าถ้าท่านและพวกพ้องจะยกหะดีษชีอะฮ์ใดมาอ้างอิงเป็นหลักฐานเอาความกับชีอะฮ์  ก็ขอให้ท่านจงนำหะดีษบทนั้นไปตรวจสอบกับตำราริญาลดังกล่าวเสียก่อน  มิเช่นนั้นเราจะถือว่า  ท่านไร้น้ำยา เก่งแค่ยกหะดีษชีอะฮ์ที่ไร้มาตรฐานมากล่าวโจมตี
ซึ่งท่านคงทราบดีว่า นั่นไม่ใช่จรรยาบรรณของนักวิชาการที่แท้จริง และเราจะถือว่าท่านไร้น้ำยาทางวิชาการ
  •  

L-umar

อ้างอิงจาก

นายฟารีดเฟ็นดี้ได้ยกหะดีษบทหนึ่งมาโจมตีชีอะฮ์คือ


حَنَانٌ عَنْ أَبِيهِ عَنْ أَبِي جَعْفَرٍ (ع) قَالَ كَانَ النَّاسُ أَهْلَ رِدَّةٍ بَعْدَ النَّبِيِّ (ص) إِلَّا ثَلَاثَةً فَقُلْتُ وَ مَنِ الثَّلَاثَةُ فَقَالَ الْمِقْدَادُ بْنُ الْأَسْوَدِ وَ أَبُو ذَرٍّ الْغِفَارِيُّ وَ سَلْمَانُ الْفَارِسِيُّ

หะนาน รายงานจากบิดาเขา  จากท่านอะบีญะฟัร(อ)กล่าวว่า
ปรากฏว่าผู้คนได้ตกมุรตัด (สิ้นสภาพการเป็นมุสลิมทั้งหมด) นอกจากสามคนเท่านั้น ฉันจึงได้ถามว่า สามคนนั้นคือใคร เขาตอบว่า คือมิกด๊าด บินอัสวัด, อบูซัรริน อัลฆิฟารีและซัลมาน อัลฟารีซี

ดูฟุรูอุลกาฟี โดยเชคกุลัยนี เล่ม 8 : 246 หะดีษที่ 341





วิจารณ์ความโง่ของนายฟารีด


สายรายงานของหะดีษบทนี้  เป็นสะนัดที่ดออีฟ(อ่อนแอ) เนื่องจากเป็นหะดีษชนิดมุรซัล(คือขาดตอน)  

หากถามว่า ระหว่างเชคกุลัยนี(เจ้าของหนังสืออัลกาฟี)กับหะนาน บินสะดีร อยู่ห่างกันแค่ไหน ?

ตอบ

เชคกุลัยนีอยู่ในยุคหลังจากอิม่ามมะฮ์ดี(อ)หายตัวไปจากผู้คน ส่วนหะนานอยู่ในยุคอิม่ามศอดิกและอิม่ามมูซากาซิม(อ)


แค่นี้ก็แสดงให้เห็นว่า  นายฟารีดยกหะดีษมุรซัลของชีอะฮ์มาอ้างอิง อย่างนี้จะไม่เรียกว่า โง่ได้อย่างไร
  •  

L-umar

เชคกุลัยนี  เกิด 259  มรณะ 329 ฮ.ศ.รวมอายุ 70 ปี

เชคนะญาชีกล่าวว่า

حنان بن سدير الصيرفي : كوفي، روى عن أبي عبد الله وأبي الحسن

หะนาน บินสะดีร ชาวกูฟะฮ์ เขารายงานหะดีษจากอิม่ามศอดิกและอิม่ามมูซากาซิม(อ)

ดูริญาลนะญาชี  อันดับที่  378

ท่านหะนานมีชีวิตอยู่ในช่วงฮ.ศ. 183 หรืออยู่ในสมัยของอิม่ามญะอ์ฟัร อัศ-ศอดิก (เกิด 83 มรณะ 148 ฮ.ศ.)  

หมายความว่า ระหว่างเชคกุลัยนี กับ ท่านหะนาน อยู่ห่างกันราวร้อยกว่าปีและทั้งสองไม่ได้พบเจอกัน  ดังนั้นหะดีษที่นายฟารีดยกมาจึงเป็นหะดีษมุรซัล(ขาดตอน) แล้วจะเอาหะดีษดออีฟแบบนี้นะหรือมาอ้างอิงในทางวิชาการ ?


ส่วนผู้ที่รายงานหะดีษจากท่านหะนานมีดังต่อไปนี้ →

อัลฮาซัน  บินมะห์บูบ,
ญะอ์ฟัร บินบะชีร อัลบะญะลี, ◄
สัยฟ์ บินอะมีเราะฮ์อันนะค่ออี,
ศ็อฟวาน บินยะห์ยา,
มุฮัมมัด บินอิสมาอีล บินบะซี๊อ์,
ยูนุส บินอับดุลเราะห์มาน,
อะหมัด บินมุฮัมมัด บินอะบีนัศร อัสุกูนี,
มุฮัมมัด บินอาลี อัลฮัมดานี,
อาลี บินริอาบ อัสสะอ์ดี  และคนอื่นๆ


ขอให้ท่านพิจารณาสะนัดหะดีษนี้
                         
عَلِيُّ بْنُ إِبْرَاهِيمَ عَنْ صَالِحِ بْنِ السِّنْدِيِّ عَنْ جَعْفَرِ بْنِ بَشِيرٍ عَنْ حَنَانٍ (بْنِ سَدِيْرٍ) عَنْ أَبِيهِ عَنْ أَبِي جَعْفَرٍ (ع) قَالَ...

1,เชคกุลัยนีจาก→2,อาลีบินอิบรอฮีมจาก→3,ซอและห์บินสินดีจาก→4,ญะอ์ฟัรบินบะชีรจาก
5,หะนาน
จาก→6,บิดาของเขา(สะดีร)จาก →อิม่ามอะบีญะอ์ฟัร(คืออิม่ามมุฮัมมัดบาเก็ร) เล่าว่า...


ดูอัลกาฟี เล่ม 1 : 408 หะดีษที่ 8

ท่านจะเห็นได้ว่า  จากเชคกุลัยนี  ไปถึงหะนาน ต้องมีรอวีย์ต่อช่วงอย่างน้อยสามคน

เพราะฉะนั้นหะดีษที่นายฟารีดยกมา  จึงเป็นหะดีษ ดออีฟ  ยึดเป็นหลักฐานไม่ได้

ฉะนั้นหากนายฟารีดจะปรักปรำชีอะฮ์ว่า ไปฮุก่มซอฮาบะฮ์ตกมุรตัดกันหมดยกเว้นเพียงสองสามคน  เขาก็ต้องพิสูจน์ตัวเองด้วยการแสวงหาหะดีษชีอะฮ์ที่ถูกต้องในเรื่องนี้มาแสดง

และเราจะรอ  แต่ถ้าเขาหามาแสดงไม่ได้นอกจากหะดีษสะนัดดออีฟแบบนี้  คำพูดของเขาก็คือประจักษ์พยานว่า  คนโกหกใส่ร้ายชีอะฮ์คือนายฟารีดเฟ็นดี้
  •  

L-umar



คำถามสำหรับวาฮาบี


ทำไมท่านจึงชอบยกหะดีษชีอะฮ์   ที่มีสายรายงาน ไม่ถูกต้องมาอ้างอิง  
  •  

64 ผู้มาเยือน, 0 ผู้ใช้