Welcome to Q4wahabi.com (Question for Wahabi). Please login or sign up.

ธันวาคม 31, 2024, 12:04:23 ก่อนเที่ยง

Login with username, password and session length
สมาชิก
  • สมาชิกทั้งหมด: 1,718
  • Latest: Haroldsmolo
Stats
  • กระทู้ทั้งหมด: 3,735
  • หัวข้อทั้งหมด: 780
  • Online today: 16
  • Online ever: 200
  • (กันยายน 14, 2024, 01:02:03 ก่อนเที่ยง)
ผู้ใช้ออนไลน์
Users: 0
Guests: 18
Total: 18

หลักศรัทธาอิสลาม ตามแนวทางมัซฮับชีอะฮ์

เริ่มโดย L-umar, กรกฎาคม 07, 2009, 12:13:59 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

L-umar



หะดีษที่ 2



ท่านอะลี ฟาติมะฮ์ ฮาซันและฮูเซนคือ อะฮ์ลุลบัยต์ คอศ



عَنْ أُمِّ سَلَمَةَ أَنَّ النَّبِىَّ -صلى الله عليه وسلم- جَلَّلَ عَلَى الْحَسَنِ وَالْحُسَيْنِ وَعَلِىٍّ وَفَاطِمَةَ كِسَاءً ثُمَّ قَالَ « اللَّهُمَّ هَؤُلاَءِ أَهْلُ بَيْتِى   وَخَاصَّتِى   أَذْهِبْ عَنْهُمُ الرِّجْسَ وَطَهِّرْهُمْ تَطْهِيرًا ».
فَقَالَتْ أُمُّ سَلَمَةَ وَأَنَا مَعَهُمْ يَا رَسُولَ اللَّهِ قَالَ « إِنَّكِ إِلَى خَيْرٍ ».
صحيح الترمذي  ح : 3038 نوع الحديث : صحيح

ท่านหญิงอุมมุ สะละมะฮ์ เราะฎิยัลลอฮุ อันฮาเล่าว่า :


แท้จริงท่านนบีฯได้เอาผ้ากีซาอ์คลุมบนตัวอัลฮาซัน ,อัลฮูเซน,อะลีและฟาติมะฮ์ จากนั้นท่านกล่าวว่า  :



โอ้อัลลอฮ์บุคคลเหล่านี้คืออะฮ์ลุลบัยต์ของฉันและเป็น(อะฮ์ลุลบัยต์)พิเศษของฉัน

โปรดขจัดความโสมมออกจากพวกเขา และโปรดชำระพวกเขาให้สะอาดบริสุทธิ์ด้วยเถิด


ท่านหญิงอุมมุ สะละมะฮ์กล่าวว่า :

ขอให้ข้าพเจ้าได้อยู่พร้อมกับพวกเขาด้วยเถิด  โอ้ท่านรอซูลุลลอฮ์     ท่านตอบว่า :  เธอไปยังความดี


สถานะของหะดีษ : ซอฮี๊ฮฺ  

ดูหนังสือซอฮีฮุต-ติรมิซี  

ตรวจทานโดยเชคมุฮัมมัด นาศิรุดดีน อัลบานี  หะดีษที่ 3038
  •  

L-umar



หะดีษที่ 3



ท่านหญิงอาอิชะฮ์ เราะฎิยัลลอฮุ อันฮาได้รายงานหะดีษกิซาไว้สั้นๆว่า


عَنْ عَائِشَة قَالَتْ : \\\" خَرَجَ النَّبِيُّ صلَّى الله عليه وسلم غَدَاةً وَ عَلَيْهِ مِرْطٌ  مُرَحِّلٌ  مِنْ شَعْرٍ أَسْوَد فَجَاءَ الْحَسَنُ بْنُ عَلِيٍّ فَأَدْخَلَهُ ، ثُمَّ جَاءَ الْحُسَيْنُ فَدَخَلَ مَعَهُ ، ثُمَّ جَاءَتْ فَاطِمَةُ فَأَدْخَلَهَا ، ثُمَّ جَاءَ عَلِيٌّ فَأَدْخَلَهُ ، ثُمَّ قَالَ :{ ... إِنَّمَا يُرِيدُ اللَّهُ لِيُذْهِبَ عَنكُمُ الرِّجْسَ أَهْلَ الْبَيْتِ وَيُطَهِّرَكُمْ تَطْهِيرًا }.


ท่านหญิงอาอิชะฮ์เล่าว่า :  

ท่านนบี (ศ)ได้ออกมาในตอนเช้าวันหนึ่ง ที่ท่านมีผ้าห่ม(กีซาอ์)สีดำปักลายรูปการเดินทางของอูฐ

เมื่อฮาซันบุตรของอะลีมาถึงท่านก็ให้เข้าไปอยู่ในผ้าห่ม หลังจากนั้นฮูเซนมาถึงก็เข้าไปอยู่ด้วย จากนั้นฟาติมะฮ์ได้มาถึง ท่านก็ได้ให้เข้าไปอยู่ด้วย เมื่ออาลีมาถึงท่านก็ให้เข้าไปอยู่ในผ้าห่มกับท่านด้วย


แล้วท่านนบี(ศ)ได้กล่าวว่า :

( อันที่จริง อัลเลาะฮ์ทรงประสงค์ที่จะขจัดความโสมมออกจากพวกเจ้า โอ้อะฮ์ลุลบัยต์ของนบี  และ(ทรงประสงค์ที่จะ)ชำระพวกเจ้าให้สะอาดบริสุทธิ์ )              



ซอฮีฮุ มุสลิม   หะดีษที่ 4450



สรุป


1.   โองการนี้มีชื่อว่า อายะตุฏ-ตัฏฮีร – โองการแห่งความบริสุทธิ์

2.   บทที่ 33 : 33 ถูกประทานลงมาที่บ้านของท่านหญิงอุมมุ สะละมะฮ์

3.   หะดีษนี้มีชื่อว่า หะดีษ กีซาอ์ – ผ้าคลุมกีซา

4.   ท่านนบีฯเรียก อะลี ฟาติมะฮ์ ฮาซันและฮูเซนว่า อะฮ์ลุลบัยต์คอศ  ดังที่ตัวบทหะดีษระบุว่า ( هؤُلاَءِ أَهْلُ بَيْتِيْ وَخَاصَّتِيْ ) พวกเขาเหล่านี้คืออะฮ์ลุลบัยต์พิเศษของฉัน

5.   หะดีษกีซาอ์ได้กำหนดว่า " อะฮ์ลุลบัยต์คอศ "  คือ


1.   อะลี บุตร อบู ตอลิบ อะลัยฮิสสลาม
2.   ฟาติมะฮ์ บุตรีรอซูลุลเลาะฮ์ อะลัยฮัสสลาม
3.   ฮาซัน บุตรอะลี อะลัยฮิสสลาม
4.   ฮูเซน บุตรอะลี อะลัยฮิสสลาม

 

ส่วนภรรยาคือ อะฮ์ลุลบัยต์ อาม
  •  

L-umar


ความจริงเกี่ยวกับอายะฮ์ตัฏฮีร



ในช่วงบั้นปลายชีวิตของท่านนบีมุฮัมมัด(ศ) มีวันหนึ่งท่านอยู่ที่บ้านภรรยาของท่านชื่อท่านหญิงอุมมุ สะละมะฮ์ (ร.ฎ.)    

มีโองการหนึ่งได้ประทานลงมา   ท่านจึงให้ไปเรียกท่านอะลี,ฟาติมะฮ์,ฮาซันและฮุเซน(อ)มาพบ  

แล้วท่านได้เอาผ้ากีซาอ์คลุมพวกเขาทั้งสี่คน  จากนั้นท่านกล่าวว่า :


( اللهم هؤلاء أهل بيتي )  อัลลอฮุมมะ ฮาอุลาอิ อะฮ์ลุ บัยตี


แปล โอ้อัลเลาะฮ์ พวกเขาเหล่านี้คือ อะฮ์ลุลบัยต์ของข้าพเจ้า  



บรรดาบุคคลที่ยืนยันว่า อะฮ์ลุลบัยต์พิเศษคือท่านอะลี,ฟาติมะฮ์,ฮาซันและฮุเซนคือ :


ท่านนบีมุฮัมมัด (ศ)


ท่านหญิงฟาติมะฮ์ บินติ มุฮัมมัด


ภรรยานบี(ร.ฎ.) มีสองคน

1, ท่านหญิงอาอิชะฮ์  

2,ท่านหญิงอุมมุ สะละมะฮ์



ซอฮาบะฮ์นบี(ร.ฎ.) มี 17 คน


1.อบู สะอีด อัลคุดรีย์

2.อบู บะร่อซะฮ์

3.อบุล ฮัมรอห์

4.อบู ลัยลา อัลอันซอรีย์

5.อะนัส บิน มาลิก

6.อัลบัรรออ์ บิน อาซิบ

7.เษาบาน

8.ญาบิร บิน อับดุลลอฮ์ อัลอันศอรีย์

9.เซด บิน อัรก็อม

10.ซัยนับ บินติ อบี สะละมะฮ์

11.สะอัด บิน อบี วักก็อศ

12.ซอเบี๊ยะห์ คนรับใช้อุมมุ สะละมะฮ์

13.อับดุลลอฮ์ บิน ญะอ์ฟัร

14.อัลดุลลอฮ์ บิน อับบาส

15.อุมัร บิน อบี สะมะมะฮ์

16.อุมัร บิน ค็อฏฏ็อบ

17.วาษิละฮ์  บิน อัลอัสเกาะอ์
  •  

L-umar


ที่กล่าวมาแต่ต้นเป็นเพียงหลักฐานจากตำราของมัซฮับอะฮ์ลุสสุนนะฮ์    ทีนี้เราลองมาพิจารณา


หลักฐานจากตำราชีอะฮ์


บรรดาอิม่ามที่มาจากอะฮ์ลุลบัยต์นบี



1,อิม่ามอะลี บิน อบีตอลิบ

2,อิม่ามฮาซัน บิน อะลี

3,อิม่ามฮุเซน บิน อะลี

4,อิม่ามอะลี บิน ฮุเซน

5,อิม่ามมุฮัมมัด บิน อะลี

6,อิม่ามญะอ์ฟัร บิน มุฮัมมัด

7,อิม่ามมูซา บิน ญะอ์ฟัร

8,อิม่ามอะลี บิน มูซา

9,อิม่ามมุฮัมมัด บิน อะลี

10,อิม่ามอะลี บิน มุฮัมมัด

11,อิม่ามฮาซัน บิน อะลี

12,อิม่ามมุฮัมมัดมะฮ์ดี บิน ฮาซัน อัสการี




ทุกคนมักจะกล่าวกับประชาชนเสมอว่า   –  نحن أهل بيت النبي  -   พวกเราคืออะฮ์ลุลบัยต์นบี
  •  

L-umar



รายชื่อ 40    นักตัฟสีรกุรอ่านชีอะฮ์   ที่กล่าวว่า   :



อะอ์ลุลบัยต์ในอายัตตัฏฮีรนั้นหมายถึง :


ท่านนบีมุฮัมมัด,อะลี,ฟาติมะฮ์,ฮาซันและฮุเซน (อ) :




1.   ตัฟสีรฟุรอต กูฟีย์ เล่ม1หน้า331 โดยฟุรอต บินอิบรอฮีมอัลกูฟีย์ (ฮศ.255-300)

2.   ตัฟสีรอัลฮิบรีย์ เล่ม1หน้า297 โดยอบู อัลดุลลอฮ์ อัลกูฟี อัลฮุเซนบินอัลฮะกัม(ฮศ.286)
3.   ตัฟสีรอัลกุมมีย์ เล่ม2หน้า189โดยอบุลฮาซัน อาลี บินอิบรอฮีม บินฮาชิม อัลกุมมีย์(มรณะฮศ.307)
4.   ตัฟสีรอัลอะยาชีย์ เล่ม1หน้า215โดยอัลอะยาชีย์(มรณะฮศ.320)
5.   ตัฟสีรอัต-ติบยาน เล่ม8หน้า338 โดยอบู ญะอ์ฟัร มุฮัมมัดบินฮเซนบินอาลีอัฏ-ฏูซีย์(เกิดฮศ.460)
6.   ตัฟสีรญะวามิอุล ญามิ๊อ์ เล่ม3หน้า313 โดยอะมีนุดดีน อบูอาลี อัลฟัฎล์ บินฮาซัน อัฏ-ฏ็อบรอซีย์ (เกิดฮศ.549)
7.   ตัฟสีรเราฎุล ญินาน วะรูฮุล ญินาน เล่ม 15หน้า414  โดยฮุเซน บินอะลี มุฮัมมัดบินอะหมัด อัลคุซาอี อันนัยซาบูรีย์(เกิดฮศ.552)
8.   ตัฟสีรมุตะชาบิฮุลกุรอาน เล่ม2หน้า52  โดยอิบนุ ชะฮัร ออชูบ มาซินดะรอนีย์(ฮศ.489-588)
9.   ตัฟสีรกาซัร  เล่ม 8หน้า 5    โดยอบุล มะฮาซิน อัลฮุเซนบินฮาซัน อัลญุรญานีย์(เกิดปลายศตวรรษฮศ.ที่900)
10.   ตัฟสีรตะอ์วีลุลอาย๊าต ซอฮิรอต หน้า439 โดยสัยยิดชะรอฟุดดีน ฮุซัยนี อิสติร ออบอดีย์ (มรณะฮศ.940)
11.   ตัฟสีรมะวาฮิบ อะลัยฮิ  เล่ม 3หน้า477 โดยกะมาลุดดีน ฮุเซน วาอิซ กาชีฟีย์ (เกิดฮศ.910)
12.   ตัฟสีรมันฮะญุซ-ซอดิกีน  เล่ม 7หน้า315 โดยมุลลา ฟัตฮุลลอฮ์ อัลกาชานีย์ (เกิดฮศ.977-988)

13.   ตัฟสีรชะรีฟ ลาฮีญีย์ เล่ม 3หน้า 63 โดยเชคอาลี ชะรีฟ อัลลาฮีญีย์ (เกิดฮศ.1088)
14.   ตัฟสีรอิษนา อะชัร เล่ม 10หน้า439 โดยฮุเซน บินอะหมัด อัลฮุซัยนี ชาฮ์ อัลดุลอะซีมีย์ (เกิดฮศ.1384)
15.   ตัฟสีรอันวารุ ดิรัคชอน เล่ม13หน้า103 โดยสัยยิดมุฮัมมัด อัลฮุซัยนีอัลฮะมะดานีย์
16.   ตัฟสีรญามิ๊อ์  เล่ม5หน้า351 โดยสัยยิด อิบรอฮีม อัลบุรูญัรดีย์
17.   ตัฟสีรฮุจญะตุต-ตะฟาสีร เล่ม5หน้า217  โดยอัลดุลฮุจญะฮ์ อัลบะลาฆีย์
18.   ตัฟสีรกัชฟุล ฮะกออิก เล่ม2หน้า885 โดยมุฮัมมัดกะรีม อัลอะละวี อัลฮุซัยนีย์
19.   ตัฟสีรคุส รูว์ เล่ม7หน้า29 โดยชาฮ์ซอเดะฮ์ อาลี เรซ่า มีรซาคุสรูวานีย์(เกิดฮศ.1386)
20.   ตัฟสีรอามิลีย์ เล่ม7หน้า179 โดยอิบรอฮีม อัลอามิลีย์
21.   ตัฟสีรอะห์สะนุลฮะดีษ เล่ม8 หน้า352 โดยสัยยิดอาลี อักบัร กุเรชีย์
22.   ตัฟสีรอัซ-ซอฟีย์ เล่ม4หน้า186 โดยเมาลามุห์ซิน เฟซกาชานีย์(เกิดฮศ.1091)
23.   ตัฟสีรอัลบุรฮาน เล่ม4หน้า307โดยสัยยิดฮาชิม อัลบะห์รอนีย์(เกิดฮศ.1107)
24.   ตัฟสีรนูรุษ-ษะก่อลัยน์ เล่ม4หน้า268 โดยเชคอับดุ อาลี บินญุมอะฮ์ อัลอะรูซี อัลฮุวัยซีย์ (เกิดฮศ.1112)
25.   ตัฟสีรอัลมุอีน เล่ม2หน้า111 โดยเมาลานูรุดดีน มุฮัมมัด บินมุรตะฎอ อัลกาชานีย์(มรณะหลังฮศ.ที่1115)
26.   ตัฟสีรกันซุล ดะกออิก เล่ม10หน้า371 โดยเชคมุฮัมมัดบินมุฮัมมัด ริฎอ อัลกุมมี อัลมัชฮะดีย์ (อาลิมในยุคศตวรรษที่12ฮศ.)
27.   ตัฟสีรอัลเญาฮะรุษ-ษะมีน เล่ม5หน้า145 โดยสัยยิดอับดุลลอฮ์ ชุบบัร(เกิดฮศ.1242)
28.   ตัฟสีรบะยานุสสะอาดะฮ์ เล่ม3หน้า245 โดยฮัจญีซุลตอน มุฮัมมัด อัลญะนาบิซีย์(เกิดฮศ.1327)
29.   ตัฟสีรมุกตะนียาตุด-ดุร็อร เล่ม7หน้า300โดยมีรสัยยิด อาลี อัลฮาอิรี อัฏเตฮฺรอนีย์(เกิดฮศ.1340)
30.   ตัฟสีรตักรีบุลกุรอาน เล่ม22หน้า12 โดยสัยยิดมุฮัมมัด อัลฮุเซน อัช-ชีรอซีย์  
31.   ตัฟสีรอัลมุนีร เล่ม6หน้า293 โดยมุฮัมมัด อัลกัรมีย์
32.   ตัฟสีรอัลกาชิฟ เล่ม6หน้า215 โดยมุฮัมมัด ญะวาด มุฆนียะฮ์(เกิดฮศ.1400)
33.   ตัฟสีรอัลมีซาน เล่ม16หน้า327 โดยสัยยิดอัลลามะฮ์ตะบาตะบาอีย์(เกิดฮศ.1402)
34.   ตัฟสีรมัคซะนุล อิรฟาน เล่ม8หน้า223 โดยบอนูเย่ อิศฟะฮานีย์(เกิดฮศ.1404)
35.   ตัฟสีรอัลญะดีด เล่ม5หน้า435 โดยเชคมุฮัมมัด ซับซะวอรีย์ อัน-นะญะฟีย์(เกิดฮศ.1410)
36.   ตัฟสีรอัฏยะบุลบะยาน เล่ม10หน้า500โดยสัยยิดอับดุลฮุเซน ต็อยยิบ(เกิดฮศ.1411)
37.   ตัฟสีรมิน ฮุดา อัลกุรอาน เล่ม10หน้า322 โดยอยาตุลลอฮ์สัยยิดมุฮัมมัด ตะกี อัลมุดัรริซีย์
38.   ตัฟสีรอัลบะซออิร เล่ม32หน้า25โดยยะอ์ซูบุด-ดีน รัตเตะก็อร ญูเยบอรีย์
39.   ตัฟสีรมิน วะห์ยิล กุรอาน เล่ม18หน้า315โดยอยาตุลลอฮ์สัยยิดมุฮัมมัด ฮุเซนฟัฎลุลลอฮ์
40.   ตัฟสีรอัลอัมษัล เล่ม13หน้า221 โดยอยาตุลลอฮ์ นาศิร มะการิม อัช-ชีรอซีย์




เมื่อท่านเปิดดูซูเราะฮ์ที่ 33 อายะฮ์ที่ 33 ทุกตัฟสีรจะกล่าวตรงกันว่า :

อะอ์ลุลบัยต์ในอายัตตัฏฮีรนั้นคือ : ท่านนบีมุฮัมมัด,อะลี,ฟาติมะฮ์,ฮาซันและฮุเซน (อ)
  •  

L-umar



รายชื่อ 10    นักตัฟสีรอะฮ์ลุสสุนนะฮ์  ที่กล่าวว่า :



อะอ์ลุลบัยต์ในอายัตตัฏฮีรนั้นหมายถึง :

ท่านนบีมุฮัมมัด,อะลี,ฟาติมะฮ์,ฮาซันและฮุเซน (อ) :


1- ตัฟสีรอัฏ-ฏ็อบรีย์ โดยอิบนุ ญะรีร อัฏ-ฏ็อบรีย์(มรณะฮศ.310)

2 - ตัฟสีรอิบนุ อะตียะฮ์  โดยอิบนุ อะตียะฮ์  ( มรณะฮศ.542 )

3 - ตัฟสีรอันนุกัต วัลอุยูน โดยอัลมาวัรดีย์(ฮศ.450)

4 – ตัฟสีรมะอาลิมุต-ตันซีล โดยอัลบะฆ่อวีย์ (มรณะฮศ.510)

5 - ตัฟสีรุลกุรอาน โดยอิบนุ อับดุสลาม(มรณะฮศ.660)

6 – ตัฟสีร ลุบาบุต-ตันซีล ฟีมะอานิต-ตันซีล โดยอัลคอซิน (มรณะฮศ.741)

7- ตัฟสีรบะห์รุลมุฮีฏ โดยอบู ฮัยยาน(มรณะฮศ.745)

8 - ตัฟสีรอัลญะวาฮิรุล ฮิซาน โดยอัษ-ษะอาละบีย์(มรณะฮศ.875)

9 - ตัฟสีรอัดดุรรุล มันษูร  โดยสิยูตีย์(ฮศ.911)

10 - ตัฟสีรฟัตฮุลกอดีร  โดยอัช-เชากานีย์(มรณะฮศ.1250)





บทสรุป


เมื่อชีอะฮ์เข้าใจเหมือนที่ท่านนบี(ศ),บุตรสาวนบี,ภรรยานบี,ซอฮาบะฮ์,และบรรดาอิม่ามที่มาจากอะฮ์ลุลบัยต์นบีรวมทั้งนักตัฟสีรฝ่ายชีอะฮ์และซุนนี่เข้าใจคือ


อะฮ์ลุลบัยต์ในอายัตตัฏฮีร  คือ


ท่านนบีมุฮัมมัด,อะลีฟาติมะฮ์,ฮาซันและฮุเซน อะลัยฮิมุสสลาม


ชีอะฮ์จึงเข้าใจว่าอะฮ์ลุลบัยต์ในฮะดีษษะก่อลัยน์ที่นบีมุฮัมมัด(ศ)สั่งให้ปฏิบัติตามหมายถึง


ท่านอะลี บินอบีตอลิบ ในฐานหัวหน้าของอะฮ์ลุลบัยต์


เมื่อหลักฐานจากตำราชีอะฮ์กำกับไว้แบบนี้    แล้วจะมาตำหนิชีอะฮ์ได้อย่างไร



ขอให้ท่านผู้มีใจเที่ยงธรรมโปรดพิจารณา ด้วยดุลยพินิจว่า   ชีอะฮ์เชื่อแบบนี้ผิดด้วยหรือ ?


หรือว่า ชีอะฮ์เชื่ออย่างไร้เหตุผลไร้หลักฐาน
  •  

L-umar



ชีอะฮ์กับความศรัทธาเรื่องสิบสองอิหม่าม




อะกีดะฮ์เรื่องสิบสองผู้นำไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะท่านรอซูลุลเลาะฮ์ได้ประกาศว่า ผู้นำภายหลังจากท่านนั้นมีสิบสองคน มีรายงานไว้มากมาย


หะดีษ 12 ผู้นำที่อะฮ์ลุสสุนนะฮ์รายงาน


ท่านนบีมุฮัมมัด(ศ็อลฯ)กล่าวว่า :

يَكُونُ اثْنَا عَشَرَ أَمِيرًا ...قَالَ كُلُّهُمْ مِنْ قُرَيْشٍ

จะมี 12 ผู้นำ(อะมีร)เกิดขึ้น...

แล้วท่านกล่าวว่า : พวกเขาทั้งหมดมาจากเผ่ากุเรช  

ซอฮีฮุลบุคอรี  หะดีษที่ 7222  


ท่านนบีมุฮัมมัด(ศ็อลฯ)กล่าวว่า :

إِنَّ هَذَا الأَمْرَ لاَ يَنْقَضِى حَتَّى يَمْضِىَ فِيهِمُ اثْنَا عَشَرَ خَلِيفَةً ... قَالَ : كُلُّهُمْ مِنْ قُرَيْشٍ


แท้จริงกิจการ(ของประชาชาติอิสลาม)นี้ จะยังไม่สิ้นสุด จนกว่า 12 คอลีฟะฮ์

จะมาดำเนิน(การปกครอง)ในหมู่พวกเขา    

ท่านกล่าวว่า : พวกเขาทั้งหมดมาจากเผ่ากุเรช

ซอฮี๊ฮฺมุสลิม  ฮะดีษที่ 4809


ท่านนบีมุฮัมมัด(ศ็อลฯ)กล่าวว่า :

لَا يَزَالُ هَذَا الْأَمْرُ عَزِيزًا مَنِيعًا يُنْصَرُونَ عَلَى مَنْ نَاوَأَهُمْ عَلَيْهِ إِلَى اثْنَيْ عَشَرَ خَلِيفَةً  ... قَالَ كُلُّهُمْ مِنْ قُرَيْشٍ



กิจการของประชาชาติอิสลามยังคงมีเกียรติและมีสภาพมั่นคงอยู่ในสมัย 12 คอลีฟะฮ์


บุคคลเหล่านั้นจะได้รับชัยชนะเหนือผู้ที่แย่งอำนาจไปจากพวกเขา

และท่านเหล่านั้นล้วนมาจากเผ่ากุเรช

สถานะฮะดีษ  : ซอฮี๊ฮฺ  

ดูมุสนัดอิม่ามอะหมัด ฮะดีษที่ 20964

ตรวจทานโดยเชคชุเอบอัลอัรนะอูฏ





12 ผู้นำที่ท่านนบีมุฮัมมัดกล่าวถึงคือใคร  ?



ท่านนบีมุฮัมมัดได้ระบุไว้อย่างชัดเจนว่าผู้นำทั้งสิบสองเป็นใครและชื่ออะไร



อะฮ์ลุสสุนนะฮ์รายงาน



عَنِ ابْنِ عَبَّاسٍ قَالَ : قَدَمَ يَهُودِيٌّ يُقَالُ لَهُ نَعْثَل فَقَالَ : يَا مُحَمَّدُ أَسْأَلُكَ عَنْ أَشْيَاءَ ... فَأَخْبِرْنِيْ عَنْ وَصِيِّكَ مَنْ هُوَ ؟ فَمَا مِنْ نَبِيٍّ اِلاَّوَلَهُ وَصِيٌّ ' فَإِنَّ نَبِيَّنَا مُوسَى بْنَ عِمْرَانَ أَوْصَى يُوشَعَ بْنِ نُونَ. فَقَالَ : إِنَّ وَصِيِّيْ عَلِيُّ بْنُ أَبِي طَالِبٍ ' وَبَعْدَهُ سِبْطَايَ الْحَسَنُ وَالْحُسَيْنُ ' تَتْلُوْهُ تِسْعَةُ أَئِمَّةٍ مِنْ صُلْبِ الْحُسَيْنِ .
قَالَ : يَا مُحَمَّدُ فَسَمِّهِمْ لِيْ. قَالَ : إِذَا مَضَى الْحُسَيْنُ فَإِبْنُهُ عَلِيٌّ 'فَإِذَا مَضَى عَلِيٌّ فَإِبْنُهُ مُحَمَّدٌ 'فَإِذَا مَضَى مُحَمَّدٌ فَإِبْنُهُ جَعْفَرٌ 'فَإِذَا مَضَى جَعْفَرٌ فَإِبْنُهُ مُوْسَى 'فَإِذَا مَضَى مُوْسَى فَإِبْنُهُ عَلِيٌّ 'فَإِذَا مَضَى عَلِيٌّ فَإِبْنُهُ عَلِيٌّ مُحَمَّدٌ 'فَإِذَا مَضَى مُحَمَّدٌ فَإِبْنُهُ عَلِيٌّ 'فَإِذَا مَضَى  عَلِيٌّ فَإِبْنُهُ الْحَسَنُ 'فَإِذَا مَضَى الْحَسَنُ فَإِبْنُهُ الْحُـجَّةُ مُحَمَّدٌ الْمَهْدِيُّ 'فَهَؤُلاَءِ اِثْنَا عَشَرَ



อิบนุอับบาสรายงานว่า :


มีชาวยิวคนหนึ่งชื่อนะษัลได้เข้ามาพบท่านนบีมุฮัมมัด (ศ็อลฯ) เขากล่าวว่า : โอ้มุฮัมมัด ! ฉันขอถามคำถามต่าง.... (ฮะดีษยาวมากขอตัดมาตรงประเด็น12อิม่ามดังนี้ ) ดังนั้นโปรดบอกฉันซิว่า วะซี (ผู้สืบทอดต่อจากท่าน) เป็นใคร ? เพราะท่านนบีมูซา บิน อิมรอนของเรายังแต่งตั้งยูชะอ์ บินนูนเป็นผู้นำแทนท่านไว้เลย

ท่านนบีตอบว่า :

แท้จริงวะซีของฉันคือ 1,อะลี บินอบีตอลิบ และหลังจากเขาคือ

2,ฮาซันและ

3,ฮุเซนหลานชายทั้งสองของฉัน  ต่อจากนั้นก็เป็นอิม่ามอีก 9 คนที่สืบเชื้อสายมาจากฮุเซน

ชาวยิวกล่าวว่า :

โอ้มุฮัมมัด จงแจ้งชื่อพวกเขาแก่ฉันด้วย

ท่านนบีกล่าวว่า : เมื่อฮุเซนผ่านไปก็คือ
 
4,อะลี (ซัยนุลอาบิดีน) บุตรชายของเขา, เมื่ออะลีผ่านไปก็คือ

5,มุฮัมมัด(อัลบาเก็ร)บุตรชายของเขา,เมื่อมุฮัมมัดผ่านไปก็คือ

6,ญะอ์ฟัร (อัศศอดิก) บุตรชายของเขา, เมื่อญะอ์ฟัรผ่านไปก็คือ

7,มูซา (อัลกาซิม) บุตรชายของเขา, เมื่อมูซาผ่านไปก็คือ

8,อะลี (อัลริฎอ) บุตรชายของเขา, เมื่ออะลีผ่านไปก็คือ

9,มุฮัมมัด (อัลญะวาด) บุตรชายของเขา,เมื่อมุฮัมมัดผ่านไปก็คือ

10,อะลี (อัลฮาดี) บุตรชายของเขา, เมื่ออะลีผ่านไปคือ

11,ฮาซัน (อัลอัสการี)บุตรชายของเขา,เมื่อฮาซันผ่านไปก็คือ

12,อัลฮุจญะฮ์ มุฮัมมัด อัลมะฮ์ดีบุตรชายของเขา พวกเขาเหล่านี้คือ 12 ผู้นำ


อ้างอิงจากหนังสือ

ยะนาบีอุลมะวัดดะฮ์  โดยเชคก็อนดูซี อัลฮานาฟี หน้า 499






หะดีษ 12 อิม่ามที่ชีอะฮ์รายงาน



رَوَي أَبُوْ جَعْفَرٍ مُحَمَّدُ بْنُ عَلِيِّ بْنِ الْحُسَيْنِ بْنِ بَابَوَيْهِ الْقُمِّيّ 305-381هـ. هو الشَّيْخُ الصَّدُوْق  :
حَدَّثَنَا ْ أَحْمَدُ بْنُ زِيَادِ بْنِ جَعْفَرٍ الْهَمَذَانِي‏ قَالَ : حَدَّثَنَا عَلِىُّ بْنُ اِبْرَاهِيْمَ بْنِ هَاشِمٍ عَنْ أَبِيْهِ عَنْ مُحَمَّدِ بْنِ أَبِي عُمَيْر عَنْ غِيَاثِ بْنِ إِبْرَاهِيْمَ عَنِ الصَّادِقِ جَعْفَرِ بْنِ مُحَمَّدٍ عَنْ أَبِيْهِ مُحَمَّدِ بْنِ عَلِىٍ عَنْ أَبِيْهِ عَلِىِّ بْنِ الْحُسَيْنِ عَنْ أَبِيْهِ الْحُسَيْنِ بْنِ عَلِىٍّ عَلَيْهِ السَّلاَمِ قَالَ: سُئِلَ أَمِيْرُ الْمُؤْمِنِيْنَ عَلَيْهِ السَّلاَمِ عَنْ مَعْنَى قَوْلِ رَسُوْلِ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَآلِهِ إِنِّىْ مُخَلِّفٌ فِيْكُمُ الثَّقَلَيْنِ كِتَابُ اللهِ وَعِتْرَتِيْ مَنِ الْعِتْرَةُ ؟ فَقَالَ : أَنَا وَالْحَسَنُ وَالْحُسَيْنُ وَالْأَئِمَّةُ التِّسْعَةُ مِنْ وُلْدِ الْحُسَيْنِ تَاسِعُهُمْ مَهْدِيُّهُمْ وَقَائِمُهُمْ لاَ يُفَارِقُوْنَ كِتَابَ اللهِ وَلاَ يُفَارِقُهُمْ حَتَّى يَرِدوا عَلَى رَسُوْلِ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَآلِهِ حَوْضَـهُ.



เชคศอดูกรายงาน :  


อะหมัด บินซิยาด บินญะอ์ฟัร อัลฮะมะดานี(รฎ.)เล่าให้เราฟัง จากอะลี บินอิบรอฮีม บินฮาชิมจากบิดาเขา จากมุฮัมมัด บินอบีอุมัยรฺ จากฆิยาษ บินอิบรอฮีม(เล่าว่า ) :  จากอัศ-ศอดิก ญะอ์ฟัร บินมุฮัมมัด จากบิดาเขาคือมุฮัมมัด บินอะลี จากบิดาเขาคืออะลี บินฮูเซน จากบิดาเขาคือฮูเซน บินอะลีเล่าว่า :  



ท่านอมีรุลมุอ์มินีน (อิม่ามอะลี) ถูกถามถึงความหมายวจนะของท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ็อลฯ)ที่กล่าวว่า :  

แท้จริงข้าพเจ้าได้มอบสิ่งหนักสองสิ่งไว้ในหมู่พวกท่าน  สิ่งแรกคือคัมภีร์ของอัลลอฮ์และอิตเราะฮ์ของข้าพเจ้า, (ว่า) ใครคืออิตเราะฮ์ ?



ท่านอิม่ามอะลีตอบว่า :

คือฉัน,ฮาซัน,ฮูเซน  และบรรดาอิม่ามผู้นำอีก 9 คน

ที่สืบเชื้อสายจากลูกหลานของฮูเซน

คนที่ 9 คือมะฮ์ดีและคือกออิมของพวกเขา  



พวกเขาจะไม่แยกจากคัมภีร์ของอัลลอฮ์ และคัมภีร์ของอัลลอฮฺจะไม่แยกจากพวกเขา
จนทั้งสองจะกลับคืนมายังท่านรอซูลุลลอฮ์ที่สระอัลเฮาฎ์ของท่าน.


สถานะฮะดีษ : ซอฮี๊ฮฺ  

ดูหนังสืออุยูนุล อัคบาร อัลริฎอ โดยเชคศอดูก เล่ม 1 : 57 ฮะดีษที่ 25



วิเคราะห์ผู้รายงานฮะดีษสิบสองอิม่าม (تَخْرِيْجُ حَدِيْث)



1,มุฮัมมัด บินอะลี : คืออบูญะอ์ฟัร มุฮัมมัด บินอะลี บินฮุเซน บินบาบะวัยฮฺ อัลกุมมี รู้จักกันในนามเชคศอดูก อยู่ในยุคตัวแทนพิเศษ(นาอิบค็อศ)คนสุดท้ายของอิม่ามมะฮ์ดี การรายงานเชื่อถือได้    
เชคศอดูกรายงานฮะดีษจากบิดาเขาชื่ออะลี บินอัลฮุเซน บินบาบะวัยฮฺ อัลกุมมี บิดาเชคศอดูกเคยเข้าพบอิม่ามท่านที่ 11 และอยู่จนถึงยุคฆ็อยบะฮ์ของอิม่ามท่านที่12  การรายงานเชื่อถือได้


2,อะหมัด บินซิยาด บินญะอ์ฟัร อัลฮะมะดานี  : ซอฮาบะฮ์ของอิม่ามท่านที่ 10 อัลฮาดี การรายงานเชื่อถือได้


3,อะลี บินอิบรอฮีม บินฮาชิม รายงานจากบิดาเขา  : ซอฮาบะฮ์ของอิม่ามท่านที่ 9 อัลญะวาด   อะลีรายงานฮะดีษนี้จากบิดาเขาคืออิบรอฮีม อยู่ในยุคของอิม่ามท่านที่ 8 อัลริฎอ การรายงานของทั้งสองเชื่อถือได้


4,มุฮัมมัด อิบนิอบีอุมัยรฺ  : ซอฮาบะฮ์ของอิม่ามท่านที่ 7 อัลกาซิม  การรายงานเชื่อถือได้


5,ฆิยาษ บินอิบรอฮีม : ซอฮาบะฮ์ของอิม่ามท่านที่ 6 อัศศอดิก  การรายงานเชื่อถือได้


6,อัศ-ศอดิก ญะอ์ฟัร บินมุฮัมมัด  อิม่ามท่านที่ 6  เป็นตาบิอุต - ตาบิอีน


7,มุฮัมมัด บินอะลี  อิม่ามท่านที่ 5  เป็นตาบิอีน


8,อะลี บินฮุเซน  อิม่ามท่านที่ 4   เป็นตาบิอีน


9,ฮุเซน บินอะลี  อิม่ามท่านที่ 3  น้องชายอิม่ามท่านที่ 2 ฮาซัน  ท่านฮุเซนรายงานฮะดีษจากบิดา  ทั้งสองเป็นซอฮาบะฮ์


10,อมีรุลมุอ์มินีน  อะลี บินอบีตอลิบ อิม่ามท่านที่ 1  เป็นซอฮาบะฮ์



สรุป   :


นักรายงานฮะดีษทุกคนษิเกาะฮ์ คือเชื่อถือได้ ฮะดีษนี้จึงเป็นฮะดีษซอฮี๊ฮฺ



อ้างอิงจากหนังสือ  


มุอ์ญัม อัษ-ษิกอต โดยเชคอบูตอลิบ อัตตัจญ์ลีล อัต-ตับรีซี  

สนพ. มุอัสสะซะฮ์ อัน-นัชรุลอิสลามี  เมืองกุม อิหร่าน  ปีพิมพ์เดือนญุมาดิษ-ษานี ฮศ. 1404


 

رَوَى مُحَمَّدُ بْنُ أَبِي عَبْدِ اللَّهِ الْكُوفِيُّ عَنْ مُوسَى بْنِ عِمْرَانَ النَّخَعِيِّ عَنْ عَمِّهِ الْحُسَيْنِ بْنِ يَزِيدَ عَنِ الْحَسَنِ بْنِ عَلِيِّ بْنِ أَبِي حَمْزَةَ عَنْ أَبِيهِ عَنْ يَحْيَى بْنِ أَبِي الْقَاسِمِ عَنِ الصَّادِقِ جَعْفَرِ بْنِ مُحَمَّدٍ عَنْ أَبِيهِ عَنْ جَدِّهِ ع قَالَ قَالَ رَسُولُ اللَّهِ ص الْأَئِمَّةُ بَعْدِي اثْنَا عَشَرَ أَوَّلُهُمْ عَلِيُّ بْنُ أَبِي طَالِبٍ وَ آخِرُهُمُ الْقَائِمُ فَهُمْ خُلَفَائِي وَ أَوْصِيَائِي وَ أَوْلِيَائِي وَ حُجَجُ اللَّهِ عَلَى أُمَّتِي بَعْدِي...


ท่านอิม่ามญะอ์ฟัรรายงานจากบิดาเขาจากปู่เขาเล่าว่า :  


ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ็อลฯ)กล่าวว่า  :

อิม่ามภายหลังจากฉันนั้นมี 12 คน คนแรกของพวกเขาคืออะลีบินอบีตอลิบและคนสุดท้ายของพวกเขาคืออัลกออิม

พวกเขาคือคอลีฟะฮ์ของฉัน คือวะซีของฉัน คือวะลีของฉันและคือหลักฐานของอัลลอฮ์บนอุมมะฮ์ของฉัน ภายหลังจากฉัน...



สถานะฮะดีษ : มุตะวาติร  


ดูมันลา ยะหฺฎุรฮุล ฟะกีฮฺ โดยเชคศอดูก  ฮะดีษที่ 5460



عَلِيُّ بْنُ مُحَمَّدٍ الْخَزَّازُ فِي الْكِفَايَةِ عَنْ مُحَمَّدِ بْنِ عَلِيِّ بْنِ الْحُسَيْنِ بْنِ بَابَوَيْهِ عَنْ عَلِيِّ بْنِ أَحْمَدَ بْنِ عِمْرَانَ عَنْ مُحَمَّدِ بْنِ أَبِي عَبْدِ اللَّهِ عَنْ مُوسَى بْنِ عِمْرَانَ عَنِ الْحُسَيْنِ بْنِ يَزِيدَ عَنِ الْحَسَنِ بْنِ عَلِيِّ بْنِ أَبِي حَمْزَةَ عَنْ أَبِيهِ عَنْ يَحْيَى بْنِ الْقَاسِمِ عَنْ جَعْفَرِ بْنِ مُحَمَّدٍ عَنْ آبَائِهِ عَنِ النَّبِيِّ ص قَالَ الْأَئِمَّةُ بَعْدِي اثْنَا عَشَرَ أَوَّلُهُمْ عَلِيُّ بْنُ أَبِي طَالِبٍ وَ آخِرُهُمُ الْقَائِمُ  


ท่านอิม่ามญะอ์ฟัรจากบิดาและปู่ทวดของท่านเล่าว่า :


ท่านนบีมุฮัมมัด(ศ็อลฯ)กล่าวว่า :

อิม่ามภายหลังจากฉันนั้นมี 12 คน

คนแรกของพวกเขาคืออะลีบินอบีตอลิบ และคนสุดท้ายของพวกเขาคืออัลกออิม(นามแฝงของอิม่ามมะฮ์ดี)



สถานะฮะดีษ : มุตะวาติร  

ดูวะซาอิลุชชีอะฮ์  โดยอัลฮุรรุลอามิลี ฮะดีษที่ 34930



ชีอะฮ์จึงเป็นเพียงมัซฮับเดียวในโลกอิสลามที่มีอะกีดะฮ์ยึดมั่นต่ออิม่ามสิบสองอย่างชัดเจน

ส่วนกรณีที่มีชีอะฮ์บางกลุ่ม(เช่นชีอะฮ์ซัยดียะฮ์,ชีอะฮ์อิสมาอีลียะฮ์)แตกออกไปจากมัซฮับชีอะฮ์สิบสองอิม่าม

สาเหตุเพราะพวกเขาละทิ้งฮะดีษของนบีมุฮัมมัดที่กล่าวถึงเรื่องสิบสองผู้นำ
  •  

L-umar




ชีอะฮ์  กับความเชื่อเรื่อง   อิมามะฮ์



ต่อไปนี้เราจะนำเสนอหลักฐานและเหตุผลว่า   ทำไม  ชีอะฮ์จึงยอมรับเฉพาะท่านอะลีและบุตรหลานของเขาอีก  11 เป็นผู้นำที่แท้จริงเท่านั้น
  •  

L-umar



ท่านรอซูลุลเลาะฮ์(ศ)กล่าวว่า


قَالَ رَسُولُ اللَّهِ (صلى الله عليه وآله) :  الْأَئِمَّةُ مِنْ قُرَيْش‏


บรรดาอิม่ามผู้นำ ต้องมาจากเผ่ากุเรช

 
สถานะหะดีษ  เศาะหิ๊หฺ

ดูอัลกาฟี  โดยเชคกุลัยนี เล่ม  8 : 344   หะดีษที่  541

ตรวจทานโดยมัรกะซุล บุฮูซ คอมพิวเตอร์ ลิลอุลูมิลอิสลามียะฮ์ เมืองกุม อิหร่าน
  •  

L-umar



ทัศนะอะฮ์ลุสสุนนะฮ์

กับหะดีษที่ท่านรอซูลุลเลาะฮ์(ศ)กล่าวว่า




قَالَ رَسُولُ اللَّهِ (صلى الله عليه وآله) :  الْأَئِمَّةُ مِنْ قُرَيْش‏

บรรดาอิม่ามผู้นำ ต้องมาจากเผ่ากุเรช


เชคอัลบานีกล่าวว่า( حديث : ( الأئمة من قريش ) ) . صحيح .

หะดีษ  ((บรรดาอิม่ามผู้นำ ต้องมาจากเผ่ากุเรช ))  นั้นเศาะหิ๊หฺ

ورد من حديث جماعة من الصحابة منهم أنس بن مالك وعلي ابن أبي طالب وأبو برزة الأسلمي


เป็นรายงานจากหะดีษของบรรดาเศาะหาบะฮ์เช่น ท่านอะนัส บินมาลิก ,ท่านอะลี บินอบีตอลิบ และท่านอบูบะเราะซะฮ์

قلت : وإسناد صحيح على شرط الستة

ฉัน(เชคอัลบานี)กล่าวว่า  และอิสนาด  เศาะหิ๊หฺ บนเงื่อนไขของทั้งหก

(คือบุคอรี,มุสลิม,อบูดาวูด,ติรมิซี,นะซาอีและอิบนิมาญะฮ์ ผู้แปล.)


อ้างอิงจาก  อิรวาอุลเฆาะลีล  โดยเชคอัลบานี  หะดีษที่  520


الكتاب : إرواء الغليل في تخريج أحاديث منار السبيل   ج 2  ص 298  ح 520
المؤلف : محمد ناصر الدين الألباني
الناشر : المكتب الإسلامي - بيروت
الطبعة : الثانية - 1405 - 1985
 

เชคอัลบานียังให้น้ำหนักหะดีษบทนี้ถึงขั้น  มุตะวาติร

و قوله : \\\" الأئمة من قريش \\\" و هو حديث متواتر ، كما قال الحافظ ابن حجر


และคำหะดีษที่ว่า (( บรรดาอิม่ามผู้นำ ต้องมาจากเผ่ากุเรช ) มันเป็นหะดีษมุตะวาติร  ตามที่ฮาฟิซอิบนุหะญัรกล่าวไว้...


الكتاب : السلسلة الضعيفة  ج 2  ص  283  ح 784
المؤلف : محمد ناصر الدين الألباني

อ้างอิงจาก

ซิลซิลตุฎ - ฎ่ออีฟะฮ์   เล่ม  2 : 283  หะดีษที่  784



เพราะฉะนั้น  ทั้งชีอะฮ์ กับอะฮ์ลุสสุนนะฮ์  จึงรายงานไว้ตรงกันและเป็นหะดีษที่ มีสถานะ ถูกต้องทั้งสองฝ่าย



ตกลงอะกีดะฮ์เรื่องที่ว่า   ผู้นำต้องมาจาก   เผ่ากุเรช  นั้น  ชีอะฮ์ กับ สุหนี่  เหมือนกัน


หะดีษดังกล่าวท่านรอซูล(ศ)ได้กล่าวถึงเรื่อง  อิมามะฮ์  คือเรื่องผู้นำ



อะกีดะฮ์ชีอะฮ์เรื่องผู้นำคือ

อิมามะฮ์ ( ผู้นำ ) คือเรื่องที่อัลเลาะฮ์เลือกสรร  บรรดาอะอิมมะฮ์นั้นต้องถูกแต่งตั้งโดยตรงจากอัลเลาะฮ์ ผ่านการประกาศโดยท่านรอซูลุลเลาะฮ์

เพราะฉะนั้นบรรทัดฐานเรื่องผู้นำตามทัศนะชีอะฮ์คือ อัลเลาะฮ์ต้องเป็นผู้แต่งตั้งไม่ใช่มนุษย์มาเลือกหาผู้นำกันเองตามใจชอบ

และไม่ใช่เป็นการสืบทอดแบบทายาทสืบสันติวงศ์

หากผู้นำเป็นระบบสืบทางทายาท  ผู้นำของชีอะฮ์ก็จะต้องสืบมาจากทางเชื้อสายของท่านอิม่ามฮาซัน

เหตุที่ชีอะฮ์ยึดเชื้อสายของอิม่ามฮูเซนเป็นผู้นำต่อมาจนครบอิม่ามทีสิบสองเพราะมีหะดีษในตำราชีอะฮ์เองและหะดีษจากฝ่ายอะฮ์ลุสสุนนะฮ์

กำกับเอาไว้




เราจะกล่าวในรายละเอียดคราวต่อไป
  •  

L-umar



ตัฟสีรหะดีษ  :    الاَْئِمَّةَ مِنْ قُرَيْش



ท่านอิม่ามอะมีรุลมุอ์มินีน อะลี   อะลัยฮิสสลาม   ได้อธิบายหะดีษ


(( ผู้นำต้องมาจากเผ่ากุเรช ))   ว่า :


إِنَّ الاَْئِمَّةَ مِنْ قُرَيْش غُرِسُوا فِي هذَا الْبَطْنِ مِنْ هَاشِم; لاَ تَصْلُحُ عَلَى سِوَاهُمْ، وَلاَ تَصْلُحُ الْوُلاَةُ مِنْ غَيْرِهُمْ.

كتاب  نهج البلاغة  من الخطبة  142


แท้จริงบรรดาอิม่ามผู้นำนั้นจะต้องมาจากเผ่ากุเรช  พวกเขาถูกปลูกไว้ในครรภ์นี้จากตระกูลฮาชิม  


(ตำแหน่งผู้นำนี้) จะไม่คู่ควรต่อบุคคลอื่นจากพวกเขา

และการเป็นผู้ปกครองไม่คู่ควร อื่นจากพวกเขา



อ้างอิงจากหนังสือ

นะฮ์ญุลบะลาเฆาะฮ์   คุฏบะฮ์ที่  142



คุฏบะฮ์ของท่านอิม่ามอะลี  ได้ขยาย ความหมายของหะดีษที่ว่า    ผู้นำต้องมาจากเผ่ากุเรชในที่นี้ว่าต้องมาจากตระกูล  \\\" ฮาชิม \\\"  



ฉะนั้น   อื่นจากตระกูลฮาชิม  อาจสามารถไต่เต้าขึ้นไปนั่งบนตำแหน่งผู้นำนี้ได้ จะด้วยวิธีใดก็ตาม  


แต่บรรดาผู้นำเหล่านั้นไม่มีความคู่ควรและเหมาะสมกับตำแหน่งผู้นำนั้นอย่างแท้จริง  ยกเว้น  ท่านอะลี  


ดังนั้นชีอะฮ์อะลี  จึงต้องเชื่อตามที่ท่านอิม่ามอะลีของพวกเขาบอกกล่าวเอาไว้
  •  

L-umar



สมมุติว่า  ถ้าพวกเรามีชีวิตอยู่ในช่วงเหตุการณ์ตอนที่ท่านนบีมุฮัมมัด(ศ)พึ่งเสียชีวิตไปหมาดๆ  และตอนนั้นบรรดามุสลิมกำลังจัดให้มีการเลือก

ตั้งหาใครสักคนหนึ่งขึ้นมาดำรงตำแหน่งคอลีฟะฮ์  โดยให้ท่านเลือกหย่อนบัตรเลือกคนใดคนหนึ่งจากบุคคลทั้งสองนี้คือ



1.   ท่านอบูบักร บุตรอบีกุฮาฟะฮ์


2.   ท่านอะลี บุตรอบูตอลิบ บุตรอับดุลมุฏลิบ



หลักเกณฑ์ในการเลือกตั้งครั้งนี้คือ  คอลีฟะฮ์ ต้องมาจากตระกูลที่ดีที่สุดในยุคนั้น  



ตระกูลใด คือ ตระกูลดีที่สุด  ตามทัศนะของอัลเลาะฮ์และรอซูล    ?



อัลลอฮ์ ตะอาลาตรัสว่า :

إِنَّ اللَّهَ اصْطَفَى آَدَمَ وَنُوحًا وَآَلَ إِبْرَاهِيمَ وَآَلَ عِمْرَانَ عَلَى الْعَالَمِينَ

แท้จริง ( เพื่อการเป็นนบี ) อัลลอฮ์ได้เลือกอาดัมและนู๊หฺ และวงศ์วาน(บางคน)ของอิบรอฮีม และวงศ์วาน(บางคน)ของอิมรอน (ให้เด่น)

เหนือประชาชาติทั้งหลาย



อาลิ อิมรอน : 32



สรุป
 

อัลเลาะฮืตรัสว่า  อาลิอิสมาอีล(วงศ์วานของนบีอิสมาอีล) คือตระกูลดีที่สุด
  •  

L-umar



ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)กล่าวว่า


إِنَّ اللَّهَ اصْطَفَى كِنَانَةَ مِنْ وَلَدِ إِسْمَاعِيلَ وَاصْطَفَى قُرَيْشًا مِنْ كِنَانَةَ وَاصْطَفَى مِنْ قُرَيْشٍ بَنِى هَاشِمٍ وَاصْطَفَانِى مِنْ بَنِى هَاشِمٍ



แท้จริง (เพื่อการเป็นนบี) อัลลอฮ์ทรงเลือกเผ่ากินานะฮ์มาจากลูกหลานของอิสมาอีล

และทรงเลือกเผ่ากุเรชมาจากลูกหลานของกินานะฮ์   และทรงเลือกตระกูลบนี ฮาชิมมาจากเผ่ากุเรช

และทรงเลือกฉันจากตระกูลบนีฮาชิม(มาเป็นนบี)



เศาะหิ๊หฺมุสลิม  หะดีษที่ 6077



สรุป  


บนี ฮาชิม   คือตระกูลที่ดีที่สุด  จากบรรดาตระกูล  กุเรช
  •  

L-umar



หะดีษอื่นๆที่ระบุว่า  บนีฮาชิม คือตระกูลที่ประเสริฐกว่ากุเรช



إن الله اصطفى من ولد آدم إبراهيم واتخذه خليلا واصطفى من ولد إبراهيم إسماعيل ثم اصطفى من ولد إسماعيل نزارا ثم اصطفى من نزار مضر ثم اصطفى من مضر كنانة ثم اصطفى من كنانة قريشا ثم اصطفى من قريش بني هاشم ثم اصطفى من بني هاشم بني عبد المطلب ثم اصطفاني من بني عبد المطلب

الصواعق المحرقة لابن حجر الهيثمي   ج 2 / ص 551


ท่ารอซูล(ศ)กล่าวว่า :

แท้จริงอัลลอฮ์เลือกอิบรอฮีมมาจากบุตรของอาดัม และทรงยึดเขาเป็นสหาย

และทรงเลือกอิสมาอีลมาจากบุตรของอิบรอฮีม  จากนั้นทรงเลือกนิซ้ารมาจากบุตรอิสมาอีล  จากนั้นทรงเลือกมุฎ็อรมาจากนิซ้าร  จากนั้นทรง

เลือกกินานะฮ์มาจากมุฎ็อร  จากนั้นทรงเลือกกุเรชมาจากกินานะฮ์  จากนั้นทรงเลือกบนีฮาชิมมาจากกุเรช  

จากนั้น(อัลลอฮ์)ทรงเลือกตระกูลบนีอับดุลมุฏลิบมาจากตระกูลบนี ฮาชิม

และทรงเลือกฉันจากลูกหลานของอับดุล มุฏฏ่อลิบ(มาเป็นนบีคนสุดท้าย)



อ้างอิงจาก

เศาะวาอิกุลมุหฺริเกาะฮ์  โดยอิบนิหะญัร อัลฮัยษะมี เล่ม 2 : 551




عَنِ الْمُطَّلِبِ بْنِ أَبِى وَدَاعَةَ قَالَ جَاءَ الْعَبَّاسُ إِلَى رَسُولِ اللَّهِ -صلى الله عليه وسلم- فَكَأَنَّهُ سَمِعَ شَيْئًا فَقَامَ النَّبِىُّ -صلى الله عليه وسلم- عَلَى الْمِنْبَرِ فَقَالَ « مَنْ أَنَا ». قَالُوا أَنْتَ رَسُولُ اللَّهِ عَلَيْكَ السَّلاَمُ.
قَالَ « أَنَا مُحَمَّدُ بْنُ عَبْدِ اللَّهِ بْنِ عَبْدِ الْمُطَّلِبِ إِنَّ اللَّهَ خَلَقَ الْخَلْقَ فَجَعَلَنِى فِى خَيْرِهِمْ ثُمَّ جَعَلَهُمْ فِرْقَتَيْنِ فَجَعَلَنِى فِى خَيْرِهِمْ فِرْقَةً ثُمَّ جَعَلَهُمْ قَبَائِلَ فَجَعَلَنِى فِى خَيْرِهِمْ قَبِيلَةً ثُمَّ جَعَلَهُمْ بُيُوتًا فَجَعَلَنِى فِى خَيْرِهِمْ بَيْتًا وَخَيْرِهِمْ نَفْسًا ».
قَالَ أَبُو عِيسَى هَذَا حَدِيثٌ حَسَنٌ


อัลมุฏลิบ บินอบีวะดาอะฮ์เล่าว่า    อัลอับบาสได้มาหาท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ) อย่างกับว่าเขาได้ยินสิ่งหนึ่งมา  

ดังนั้นท่านนบี(ศ)จึงได้ยืนบนมิมบัร แล้วท่านกล่าวว่า  :  

ฉันคือใคร ?


พวกเขากล่าวว่า  :

ท่านคือ รอซูลุลเลาะฮ์  ขอสันติจงมีแด่ท่าน  

ท่าน(ศ)กล่าวว่า  :  

ฉันคือมุฮัมมัด บุตรอับดุลลอฮ์  บุตรอับดุลมุฏลิบ
 

แท้จริงอัลลอฮ์ได้สร้างมัคลู๊กมา แล้วทำให้ฉันอยู่ในคนดี(ที่สุด)ของพวกเขา  ต่อจากนั้นทรงทำให้พวกเขาแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม  แล้วทรงทำ

ให้ฉันอยู่ในฟิรเกาะฮ์ดี(ที่สุด)ของพวกเขา   จากนั้นทรงทำให้พวกเขา(แตกออกเป็น) เกาะบีละฮ์(เผ่า)ต่างๆ  แล้วทรงทำให้ฉันยู่ในเกาะบีละฮ์ดี

(ที่สุด)ของพวกเขา   ต่อจากนั้นทรงทำให้พวกเขา(แยกออกเป็น) บ้าน(ครอบครัว)ต่างๆ  แล้วทรงทำให้ฉันอยู่ในบัยตฺ(บ้านหรือครอบครัวที่)ดี

(ที่สุด)และเป็นคนดีที่สุดของพวกเขา.   อบูอีซา(ติรมิซี)กล่าวว่า หะดีษนี้เป็นหะดีษ ฮาซัน
 

สุนันติรมิซี  หะดีษที่ 3967


عن أبي سلمة عن عائشة عن النبي صلى الله عليه و سلم عن جبريل عليه السلام قال قلبت مشارق الأرض ومغاربها فلم أر رجل أفضل من محمد صلى الله عليه و سلم ولم أر بني أب أفضل من بني هاشم
اعتقاد أهل السنة   المؤلف :  اللالكائي  ج 4 / ص 752  ح 1402


อบูสะละมะฮ์เล่าจาก  ท่านหญิงอาอิชะฮ์  จากท่านนบี(ศ)เล่าว่า :

ท่านญิบรออีล(อ)กล่าวว่า :

ฉันได้พลิกแผ่นดินหาทั่วทั้งทิศตะวันออกและตะวันตกแล้ว แต่ฉันเคยเห็นบุรุษคนใดที่ประเสริฐมากไปกว่ามุฮัมมัด(ศ)


และฉัน(ญิบรออีล) ไม่เคยพบตระกูลฝ่ายบิดา ตระกูลใดจะประเสริฐมากไปกว่า   " บนีฮาชิม "


อ้างอิงจาก

อิ๊อฺติกอด  อะฮ์ลิสสุนนะฮ์   โดยอัลลาลิกาอี เล่ม  4 : 752 หะดีษที่  1402


หากพิจารณาแบบรวมๆ(อุมูม) หะดีษเหล่านี้ได้ระบุว่า " กุเรช "  คือ อาหรับที่ประเสริฐสุด   แต่ถ้าจะระบุแบบเจาะจง(คุศูศ) " บนีฮาชิม "  คือครอบครัวที่ประเสริฐที่สุดในบรรดาตระกูลกุเรชทั้งหมด.


  •  

L-umar



ทีนี้เรากลับมาดูสิว่า  ระหว่างท่าน อบูบักร   กับ   ท่านอะลี  ใครคือบนีฮาชิม



แน่นอนท่านทั้งสองมาจากเผ่ากุเรชด้วยกันทั้งคู่  


แต่บุคคลท่านใดละที่สืบเชื่อสายมาจาก   บนีฮาชิม  ?
  •  

18 ผู้มาเยือน, 0 ผู้ใช้