Welcome to Q4wahabi.com (Question for Wahabi). Please login or sign up.

ธันวาคม 22, 2024, 02:19:19 หลังเที่ยง

Login with username, password and session length
สมาชิก
  • สมาชิกทั้งหมด: 1,718
  • Latest: Haroldsmolo
Stats
  • กระทู้ทั้งหมด: 3,699
  • หัวข้อทั้งหมด: 778
  • Online today: 102
  • Online ever: 200
  • (กันยายน 14, 2024, 01:02:03 ก่อนเที่ยง)
ผู้ใช้ออนไลน์
Users: 0
Guests: 86
Total: 86

เวบวาฮาบี ระบายความในใจเรื่อง4รุมหนึ่งที่แสนแสบ

เริ่มโดย L-umar, มีนาคม 26, 2010, 01:12:21 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

L-umar

หลังจากนักวิชาการฝ่ายวาฮาบีสี่คน  ได้ขึ้นปราศัยทางวิชาการกับนักวิชาการฝ่ายชีอะฮ์หนึ่ง  ที่แสนแสบ


มีพี่น้องมุสลิมมากกมายได้รับความเข้าใจมากขึ้นถึงแนวทางชีอะฮ์  อะฮ์ลุลบัยต์ อะลัยฮิมุสสลามและมีพี่น้องซุนนี่ส่วนหนึ่งถึงกับ

ยอมเปลี่ยนมาเป็นชีอะฮ์เพราะรู้ซึ้งถึงสัจธรรมความจริงในแนวทางชีอะฮ์อาลี     เป็นเหตุทำให้ลัทธิวาฮาบีเสียมวลชนไปอย่างที่ทำอะไรไม่ได้  ได้แต่มองดูด้วยความเสียดาย    และต่อไปนี้คือบทความฝ่ายวาฮาบีที่ได้ระบายความในใจออกมาว่า   การถกกันครั้งนั้นนับเป็นความปราชัยอย่างที่ไม่น่าให้อภัยแก่อาจารย์วาฮาบีทั้งสี่ท่านที่พลาดท่าไม่สามารถโค่นล้มฝ่ายชีอะฮ์ได้อย่างราบคาบ  แต่สุดท้ายพวกวาฮาบีก็ได้ยอมรับความพ่ายแพ้ พร้อมทั้งกล่าวประณามแนวทางชีอะฮ์ต่อไป



ความในใจจากวาฮาบี


ถ้อยแถลงของเรา : ไม่มีประโยชน์ที่จะขึ้นเวทีอภิปรายกับนักเผยแพร่ชีอะฮฺ

ส่งมาโดย mudafia เมื่อ 21/5/2007 23:09:54 (609 ครั้งที่อ่าน)  
 
ความจริงการอภิปราย หรือการโต้เวทีบทเวทีต่อหน้าสาธารณชนโดยทั่วๆไปนั้น หากมีความมุ่งหมายและดำเนินการเพื่อให้เกิดความงอกงามทางวิชาการอย่างแท้จริงแล้ว เป็นสิ่งที่ดีและน่าสนับสนุนเป็นอย่างยิ่ง

หากแต่การอภิปรายนั้นเป็นไปเพื่อการเอาชนะคะคานกันด้วยสำนวนโวหาร หรือเกิดจากการยั่วยุ ท้าทายเพื่อผลแห่งการแพ้ชนะทางจิตวิทยาแต่เพียงอย่างเดียว การอภิปรายนั้นเป็นสิ่งที่พึงหลีกเลี่ยงเป็นอย่างยิ่ง

เหตุการณ์ที่พี่น้องมุสลิมในกรุงเทพมหานครเรียกกันว่า 4 รุม 1 นับเป็นบทเรียนสอนใจชาวอะหฺลุซซุนนะฮฺได้เป็นอย่างดี เมื่ออาจารย์ฝ่ายสุนนีย์สี่ท่านขึ้นเวทีอภิปรายปะทะคารมกับเชคฝ่ายชีอะฮฺที่ขึ้นเวทีเพียงคนเดียว นับเป็นความหาญกล้าของ \\\" ฝ่ายที่มีเพียงหนึ่ง \\\" เป็นอย่างยิ่ง แต่เป็นความผิดพลาดทางยุทธศาสตร์ของ \\\" ฝ่ายที่มีถึงสี่ \\\" อย่างไม่น่าให้อภัย และนับเป็นเล่ห์เหลี่ยมชั้นเชิงของ \\\" ฝ่ายที่มีเพียงหนึ่ง \\\" ชนิดที่ฝ่ายที่มีมากกว่าไม่มีวันจับได้ไล่ทัน

ไม่น่าให้อภัยเพราะอะไร ?

เพราะพวกเรามีมากกว่า ทำไมจึง \\\"รุมเล่นงาน\\\" คนจำนวนน้อยกว่าหากพิจารณาในแง่ความยุติธรรมและจริยธรรมแล้ว ไม่ต้องเปิดฉากอภิปรายในคำแรก พวกเราก็แพ้ตั้งแต่กรรมการเคาะระฆังให้เริ่มชกแล้ว ถ้ารุมเล่นงานเขาจนต้องหยอดน้ำข้าวต้มแล้ว พวกเราจะภาคภูมิใจได้แล้วหรือ ?

เป็นเล่ห์เหลี่ยมชั้นเชิงเพราะอะไร ?

เพราะถ้าฝ่ายที่มีเพียงหนึ่งพ่ายแพ้ ก็จะอ้างว่า \\\" ก็มัน 4 รุม 1 นี่นา \\\"แพ้ไปก็ไม่เห็นเสียหายตรงไหน จริงไหมครับ? ถ้าเสมอ หรือเกิดชนะขึ้นมาฝ่ายที่มีเพียงหนึ่งก็จะตีปีกด้วยความลิงโลดใจ และนำไปใช้เป็นจุดในการโฆษณาชวนเชื่อได้อย่างดีเยี่ยม

เพราะฝ่ายที่มีเพียงหนึ่งฝึกฝนวิชา \\\"ฝ่ามือปราบสุนนีย์ 18 ท่าอรหันต์\\\" ของสำนักเส้าหลินสาขาเมืองกุมมาเป็นพิเศษ จนเกิดความเชี่ยวชาญในการใช้ตรรกโต้เถียงอภิปรายเอาชนะชาวสุนนีย์ โดยเฉพาะลีลาการตั้งคำถามหลอกล่อที่เต็มไปด้วยกับดักพลิกแพลงนั้นพวกเขา \\\"อาเหล่ม\\\" ขนาดหนัก และใช้ได้อย่างพลิกแพลงทีเดียว

เพราะฝ่ายที่มีเพียงหนึ่งเชี่ยวชาญการโฆษณาชวนเชื่อและงานมวลชนพวกเขาชอบท้าทายให้ผู้รู้สุนนีย์ขึ้นเวทีอภิปรายต่อหน้าสาธารณชน ในฐานะที่เชี่ยวชาญความรู้เฉพาะด้านนี้มากกว่า พวกเขาต้องการโค่นผู้รู้สุนนีย์ให้สาธารณชนเห็นต่อหน้าต่อตา จะได้อัดเทปและถ่ายวีดิโอไปเผยแพร่ต่อไปซึ่งในแง่นี้ พวกเขาทำได้ผลเป็นอย่างมาก และเคยทำมาในหลายๆ ประเทศแล้ว

เพราะฝ่ายที่มีเพียงหนึ่งเข้าใจจิตวิทยามวลชนเป็นอย่างดี พวกเขารู้ว่าชาวบ้านนั้นเป็นเพียงคนธรรมดา ไม่สามารถตัดสินเนื้อหาการถกเถียงทางวิชาการที่ถูกนำเสนอได้ด้วยเหตุผล นอกจากการมีใจโอนเอียงตามอารมณ์ชอบหรือไม่ชอบของตนเอง ฝ่ายที่มีเพียงหนึ่งช่ำชองการใช้สำนวนโวหาร คารมคมคาย มีไหวพริบดีและสามารถควบคุมความรู้สึกของตนเอง ไม่ให้แสดงอาการโกรธและก้าวร้าวได้ในทุกๆ สถานการณ์ ปรากฏกายด้วยชุดของผู้คงแก่เรียน มีภาพลักษณ์ของความสุภาพถ่อมตน นอบน้อมสิ่งเหล่านี้สามารถเข้าถึงมวลชนได้มากกว่าหลักฐานและข้อโต้แย้งทางวิชาการที่แสนจะเข้าใจยาก

ถ้าผู้รู้สุนนีย์ของเราไม่รู้จักพัฒนาไหวพริบปฏิภาณ หลักการพูดและการโต้วาทีที่ดี ไม่รู้จักควบคุมอารมณ์และความรู้สึกของตนเองในสถานการณ์ที่ถูกยั่วยุและท้าทาย ให้สงบเยือกเย็น ยิ้มและมีอารมณ์ดีได้ตลอดเวลาตลอดจนการมีบุคลิกภาพที่นอมน้อมถ่อมตน ปรากฏกายด้วยกิริยามารยาทที่งดงาม สวมเสื้อผ้าให้สมกับฐานะของ \\\" ผู้รู้ที่น่าเคารพ \\\" นอกเหนือจากการมีความรอบรู้เฉพาะด้านแล้ว รับรองได้เลยว่า แพ้เขาร้อยเปอร์เซ็นต์ในสายตาของสาธารณชน

ท่านผู้รู้ทั้งหลาย!

การขึ้นเวทีอภิปรายโต้เถียงกับนักเผยแพร่ชีอะฮฺในปัจจุบันควรจะหยุดได้แล้ว เพราะแทนที่จะเป็นประโยชน์ต่อฝ่ายอะหฺลุซซุนนะฮฺ มันกลับทำให้เรา เสียมวลชนมากกว่า ไทยอะหฺลุซซุนนะฮฺไซเบอร์ขอเรียกร้องให้บรรดาผู้รู้สุนนนีย์ทั้งหลายยุติการขึ้นเวทีอภิปรายโต้เถียงกับนักเผยแพร่ชีอะฮฺไม่ว่าจะในสถานการณ์ใดๆ หรือไม่ว่าจะถูกยั่วยุและท้าทายเพียงใดก็ตาม

     ไม่ต้องหวั่นและอับอาย ถ้าจะถูกก่นด่าว่า \\\"ไอ้ขี้แพ้\\\"
     ไม่ต้องหวั่นและอับอาย ถ้าจะถูกขนานนามว่า \\\"คนตาขาว\\\"
     ปล่อยพวกเขาให้เต้นแร้งเต้นกาไปเถอะ มีแรงเต้นก็เต้นไป

ในทางตรงกันข้าม สิ่งที่ท่านผู้รู้สายอะหฺลุซซุนนะฮฺควรกระทำก็คือ :

ศึกษาค้นคว้าตำรับตำราของชาวชีอะฮฺ ในทุกๆ ภาษาที่ท่านมีความสามารถ เพื่อดูว่าพวกเขานำเสนอข้อถกเถียงในประเด็นใดบ้าง และใช้หลักฐานอะไรมาสนับสนุน ทั้งนี้เพื่อท่านจะได้เชี่ยวชาญเรื่องของพวกเขาจาก \\\"แหล่ง\\\" ของพวกเขาเอง

ค้นคว้าตำรับตำราในอดีตอย่างเจาะลึกเพื่อหาข้อหักล้างประเด็นที่ชาวชีอะฮฺนำเสนอ ท่านควรจะตีพิมพ์และเผยแพร่ \\\" ข้อหักล้าง \\\" เหล่านั้นออกสู่สังคมอย่างเป็นวิชาการ ท่านต้องทุ่มหนังสือในแนวนี้เข้าสู่สังคมให้มากขึ้นและลดจำนวนของหนังสือในแนวอื่นๆ ให้น้อยลง

แต่! ไม่ใช่มัวเขียนด่าประณามชาวชีอะฮฺว่าผิดอย่างโน้นอย่างนี้ถ่ายเดียว เพราะมันไม่มีประโยชน์ และไม่ช่วยให้ความกระจ่างแก่ผู้เริ่มมีใจโอนเอียงไปทางชีอะฮฺ(แต่ยังไม่ปลักใจเชื่อ) หรือผู้ที่เพิ่งถูกนักเผยแพร่ชีอะฮฺชักชวนเพียงครั้งสองครั้ง บุคคลเหล่านี้มองหนังสือ \\\"ด่าประณาม\\\" เหล่านั้นในลักษณะลบมากกว่า และยิ่งจะพลักดันให้พวกเขาใกล้ชิด เห็นใจและโอนเอียงไปทางนักเผยแพร่ชีอะฮฺมากยิ่งขึ้น

เผยแพร่และชี้แจงความจริงของเรื่องนี้ให้คนรุ่นใหม่ในสังคมได้รับรู้ ในรูปของการอบรมและการจัดกลุ่มศึกษา โดยเฉพาะเยาวชนและนักศึกษามุสลิม ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายของขบวนการเผยแพร่ของชีอะฮฺในประเทศไทยปัจจุบัน

ควรเร่งเสริมสร้างความสมัครสมานสามัคคีในหมู่ชาวอะหฺลุซซุนนะฮฺด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นผู้ยึดมั่นในมัซฮับใดก็ตาม หรือแนวทางใดก็ตาม พวกเราจะต้องยุติท่าทีก้าวร้าวและการเป็นปฏิปักษ์ที่มีต่อกัน เพราะไม่ว่าคณะเก่า หรือคณะใหม่มันก็อะหฺลุซซุนนะฮฺเหมือนกัน เราต้องสร้างจิตสำนึกร่วมตัวนี้ให้ได้ และทำให้ทุกฝ่ายเห็นพ้องต้องกันว่า เรากำลังมีศัตรูร่วมตัวเดียวกันที่อันตรายที่สุดในปัจจุบัน

เราจะต้องไม่หลงกลการตอกลิ่มของชาวชีอะฮฺที่พยายามแยกคณะชาวอะหฺลุซซุนนะฮฺ พวกเขาต้องการแยกผู้ยึดมั่นในแนวทางสุนนะฮฺอย่างเคร่งครัด(ไม่ว่าจะเรียกหาด้วยนามใด อาทิ คณะใหม่ วะฮาบีย์ หรือสะลาฟีย์)ออกจากผู้ยึดมั่นในแนวทางมัซฮับ และยุแหย่ให้ทั้งสองฝ่ายแตกแยกกันมากยิ่งขึ้น

อาทิ พวกเขาบอกว่า พี่น้องที่มีมัซฮับนั้นเป็นมุสลิมเหมือนกัน แต่พวกวะฮาบีย์ไม่ใช่ พวกนี้ไม่ใช่มุสลิม เป็นพวกอเมริกาและยิว ทำให้พวกที่มีมัซฮับเกลียดชังวะฮาบีย์มากยิ่งขึ้น

ผู้รู้สายอะหฺลุซซุนนะฮฺต้องรู้จักประมาณตน อย่าคิดว่าเราเก่ง เรารู้มากเกี่ยวกับเรื่องชีอะฮฺ พยายามควบคุมอารมณ์ความรู้สึกของตนเอง ต้องรู้ว่า \\\"เหนือฟ้ายังมีฟ้า\\\" และ \\\"เหนือคนเก่งยังมีคนเก่ง\\\"

พยายามอย่าไปโต้เถียงและปะทะคารมกับชาวชีอะฮฺอย่างเด็ดขาด อย่าเอาชนะคะคานกันในลักษณะนี้เลย ยิ่งท่านชอบปะทะคารมด้วยแล้ว วันหนึ่งเขาจะยั่วยุให้ท่านขึ้นเวที เมื่อนั้นท่านจะ \\\"ถูกเชือดต่อหน้าต่อตาคนดู\\\" เพราะท่านเองอาจจะไม่เก่งจริงๆ อย่างที่คิดก็ได้ เพราะในเหตุการณ์ \\\"สี่รุมหนึ่ง\\\" นั้น \\\"หนึ่ง\\\" ของเขาคนนั้นยังเป็นเพียงแค่ \\\"มือรอง\\\" หรือมวยแทนเท่านั้น พวกเขายังมี \\\"เชค\\\" ที่เชี่ยวชาญและเก่งกว่าคนนั้นอีกนะครับ

ควรรู้ว่าการโต้คารมกับชาวชีอะฮฺไม่มีประโยชน์ เพราะพวกเขาไม่ได้ใช้หลักฐานใน \\\"มาตรฐาน\\\" เดียวกันกับเรา และแม้จะใช้ตำรับตำราของพวกเรา พวกเขาก็ใช้อย่างมีชั้นเชิง คิดว่าตามพวกเขาทันแล้วหรือ ?

ในตำราเล่มเดียวกันที่ชาวชีอะฮฺยกมาอ้าง หรือแม้กระทั่งในหนังสือหะดีษเล่มเดียวกันที่พวกเขานำมาสนับสนุน พวกเขาจะรับเฉพาะ \\\"ส่วน\\\" ที่เป็นประโยชน์และเป็นคุณเอื้อต่อการโฆษณาชวนเชื่อของพวกเขา อาทิ หะดีษที่รายงานถึงความผิดพลาดและความบกพร่องของเศาะหาบะฮฺบางท่านพวกเขาจะไม่คำนึงถึงการตรวจสอบความถูกต้องน่าเชื่อถือของสายรายงาน ซึ่งต้องกระทำตามหลักวิชาหะดีษเป็นลำดับแรกเสียก่อน แต่ขณะเดียวกันพวกเขาจะไม่ยอมรับหะดีษที่รายงานเกี่ยวกับความประเสริฐและคุณความดีของบรรดาเศาะหาบะฮฺ สำหรับรายงานเหตุการณ์จากหนังสือประวัติศาสตร์ พวกเขาก็จะปฏิบัติในลักษณะเดียวกัน

แม้กระทั่งหลักฐานจากลูกหลานของท่านอะลี รอฎิฯ ที่พวกเขานับถือ และจินตนาการว่าเป็นอิมามผู้ปราศจากความผิดบาป หรือรายงานจากสมาชิกในครัวเรือนของท่านนบี ศ็อลฯ ที่คัดมาจากตำรับตำราของชาวชีอะฮฺเอง ถ้าเป็นรายงานที่พาดพิงถึงความผิดพลาดและความไม่ดีของชาวชีอะฮฺ หรือรายงานที่สวนทางกับความเชื่อของพวกเขา หรือคัดค้านความเชื่อของพวกเขา พวกเขาจะไม่ยอมรับและอ้างว่า ท่านเหล่านั้นกล่าวคำพูดเหล่านั้นไปเพราะต้องการที่จะทำตะกียะฮฺ(อำพรางความจริง)

ด้วยเหตุฉะนี้ เราจึงหวังว่าผู้รู้ของเราจะได้มีบทบาทในการปกป้องความเชื่อ หลักยึดมั่น และความจริงตามแนวอะหฺลุซซุนนะฮฺได้อย่างมีผล และมีประสิทธิภาพมากขึ้น เราอยากเห็นท่านเป็นนักเขียน นักแปลและนักค้นคว้าวิจัยมากขึ้นกว่าการเป็นนักพูด สังคมของเรามีนักพูดมากอยู่แล้วเราน่าจะสนับสนุนและพัฒนาบุคลากรทางด้านการเขียนและการแปลให้มากขึ้น และดำเนินการกันอย่างจริงจัง

ดูสิว่าถ้าเราทุ่มเททำกันอย่างจริงจัง เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันและมุ่งมันแล้ว นักเผยแพร่ชีอะฮฺจะรุกคืบในสังคมของเราได้อย่างไร

Thai Ahlus Sunnah Cyber
18 เมษายน 2543/ 13 มุฮัรรอม 1421
 

อ้างอิงจากเวบ  

http://www.sunnahcyber.com/truepath/modules/news/article.php?storyid=15


คำถามสำหรับวาฮาบี


ท่านคิดว่า    ประชาชนที่มาฟัง   พวกเขาโง่เขลา แยกแยะสิ่งถูกสิ่งผิดไม่ออกในการถกกันระหว่างวาฮาบีกับชีอะฮ์ที่แสนแสบกระนั้นหรือ    หรือว่า พวกท่านยอมรับความจริงไม่ได้เอง
  •  

shiah_yl

ไม่มีใครเเพ้ใครชนะ มีเเต่ใครผิดใครถูกเเละ ณ ที่เเห่งนั้นก็ได้พิสูจน์เเล้วว่าใครผิดใครถูก วะฮาบีเอ่ย ยอมรับความจริงเสียเถอะครับ
  •  

86 ผู้มาเยือน, 0 ผู้ใช้