Welcome to Q4wahabi.com (Question for Wahabi). Please login or sign up.

ธันวาคม 22, 2024, 01:51:00 หลังเที่ยง

Login with username, password and session length
สมาชิก
  • สมาชิกทั้งหมด: 1,718
  • Latest: Haroldsmolo
Stats
  • กระทู้ทั้งหมด: 3,699
  • หัวข้อทั้งหมด: 778
  • Online today: 54
  • Online ever: 200
  • (กันยายน 14, 2024, 01:02:03 ก่อนเที่ยง)
ผู้ใช้ออนไลน์
Users: 0
Guests: 87
Total: 87

ประวัติศาสตร์ ซุนนี่ กับ ผู้ปกครองรัฐ

เริ่มโดย L-umar, มิถุนายน 11, 2009, 11:57:21 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

L-umar


ตอนที่ 31
 

ในขณะที่อะฮ์ลุสสุนนะฮ์ยึดถือหะดีษดังกล่าว และหยิบยกนำมาเป็นประเด็นฮุก่มมุสลิมที่มีแนวคิดอื่นจากพวกเขาว่าผิด เฉไฉบิดเบือน หรือหลงทาง


ปัญหาหลักคือ อะฮ์ลุสสุนนะฮ์ ยึดถือหะดีษเหล่านั้น และบอกว่า มันถูกต้อง ตามหลักการและแนวทางของพวกเขาเอง  แต่มันไม่ใช่ความถูกต้องของคนกลุ่มอื่นหรือคนที่มีแนวคิดอื่น กล่าวคือคนกลุ่มอื่นไม่ได้ยอมรับหะดีษเหล่านั้นว่าถูกต้อง และไม่มีสิทธิได้ชี้แจง

แต่สภาพของฝ่ายอะฮ์ลุสสุนนะฮ์นั้นได้เปรียบ เพราะพวกเขาอยู่ในความคุ้มครองของผู้ปกครอง พวกเขาสามารถเผยแผ่หะดีษของตนและชักนำประชาชนให้คล้อยตามสิ่งที่พวกเขาเชื่อถือได้อย่างมีเสถียรภาพ  ดังนั้นมันจึงเป็นการสะดวกสำหรับพวกเขาที่กักศาสนาอิสลามเอาไว้ตามอะกีดะฮ์ของพวกเขาเองเท่านั้น


ถ้าจะเปรียบสถานะภาพของอะฮ์ลุสสุนนะฮ์ในอดีตกับยุคปัจจุบันก็คือ อะฮ์ลุสสุนนะฮ์ได้รับอำนาจครอบครองการจัดรายการทีวีและรายการวิทยุทั้งหมดเอาไว้แต่เพียงมัซฮับเดียว   พวกเขาทำการถ่ายทอดสิ่งที่พวกเขาเชื่อให้กับประชาชน  
แล้วปิดกั้นความคิดของประชาชนด้วยการโฆษณาว่า  นี่คือความเชื่อที่ถูกต้องตามกฎหมาย   ส่วนความเชื่อของคนกลุ่มอื่นนั้นผิดกฎหมาย  มันจึงเป็นการปิดโลกทัศน์ของประชาชนในการรับฟังแนวคิดหรือความเชื่อของคนกลุ่มอื่นไปโดยปริยาย


ที่ยิ่งกว่านั้นก็คือ เมื่อประชาชนซึมซับนานวันเข้า  พวกเขาจึงเชื่อเช่นนั้นและหันมาต่อต้านแนวคิดของคนกลุ่มอื่น เหตุเพราะเข้าใจเป็นแนวทางผิดกฎหมาย ที่ต้องต่อต้าน

ท่านลองมองภาพบรรดามุสลิมที่มีความคิดเห็นหรือความเชื่อที่ไม่ตรงกับอะฮ์ลุสสุนนะฮ์ในอดีตที่ผ่านมาพันกว่าปี  พวกเขาได้กลายเป็น อะฮ์ลุลบิดอะฮ์  พวกเฎาะลาละฮ์  พวกทำตามอารมณ์  พวกซินดีก  พวกเขาโดนกีดกันออกไปจากสังคม และถูกตราหน้าว่าเป็นพวกทำบิดอะฮ์มาโดยตลอด  พวกเขาไม่สามารถปกป้องเลือดเนื้อและทรัพย์สินของพวกเขาได้เลย
กล่าวคือชีวิตและทรัพย์สินของพวกเขามันกลายเป็นที่ฮะล้าลในทัศนะของอะฮ์ลุสสุนนะฮ์และผู้ปกครอง ซึ่งเหตุการณ์นี้ได้เกิดขึ้นมาแล้วในอดีตจนถึงวันนี้


ท่านคงได้เห็นและรับฟังมาบ้างว่า   พวกโต๊ะครูวาฮาบี ในบ้านเรา ก็ติดนิสัยสันดานประเภท  กูถูกคนอื่นผิด แบบไร้เหตุผลมาใช้ในในเวทีบรรยายของพวกเขา

ส่วนประชาชนก็ฟังเอามันเอาสนุก   ทุกครั้งที่โต๊ะคูวาฮาบีขึ้นปราศัย  ท่านมักจะได้ยิน พวกเขาประณามโจมตีมุสลิมกลุ่มอื่นๆ เช่น

พวกอะชาอิเราะฮ์  (คณะเก่า)

พวกตอรีกัต    

พวกกลุ่ม ญะมาอัต ตับล๊ฆ

พวกวาฮาบี จะฮุก่มว่า ซุนนี่ทัง้สามกลุ่มนี้ เป็นพวก บิดอะฮ์


และพวกเขาจะโจมตีชีอะฮ์ หนักกว่ากลุ่มใดๆ ทั้งสิ้น  เพราะ พวกเขารู้ดีว่า  แนวทางอะฮ์ลุลบัยต์เท่านั้นที่ สามารถลบล้างอะกีดะฮ์จอมปลอมของพวกเขาได้

เราจะสังเกตุได้ว่า  พวกวาฮาบีจะพยายายป่าวประกาศโฆษณาต่อประชาชนของพวกเขาว่า  อย่า เรียนชีอะฮืกับชีอะฮ์ หรืออย่าฟังคำอธิบายของชีอะฮ์    ซึ่งดูแล้วเหมือนอะฮ์ลุสสุนนะฮ์ในอดีตที่อาศัยอำนาจจากผู้ปกครอง

แต่บังเอิญปัจจุบันเป้นยุคของ วิชาการ  เป็นยุคแห่งความเสรีทางความคิด ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อาจครอบงำประชาชนมุสลิมได้หมด ยกเว้นพวกที่ตะอัซซุบเท่านั้น
  •  

L-umar


ตอน 32


ต่อไปนี้คืออะกีดะฮ์ความเชื่อที่อะฮ์ลุสสุนนะฮ์ สร้างขึ้นสำหรับมัซฮับของพวกเขาเอง   มีดังนี้


1.   วายิบต้องยึดมั่นต่อรายงานหะดีษ
2.   วายิบต้องเชื่อ(มีอีหม่าน)ต่อเรื่องการมองเห็นอัลเลาะฮ์ในวันกิยามัต และต้องเชื่อต่อเรื่องซิฟัตต่างๆของพระองค์ดังที่ได้มีรายงานกล่าวไว้ ว่าเป็นเช่นนั้นจริงๆ(ฮะกีกี) ไม่เป็นการอุปมาอุปมัย( ลามะญาซี) เช่น ถ้ามีรายงานว่าอัลเลาะฮ์หัวเราะ ก็ต้องเชื่อว่าอัลเลาะฮ์หัวเราจริงๆ
3.   ต้องเชื่อว่า เศาะหาบะฮ์ทุกคนเป็นคนดีมีคุณธรรมทั้งหมด และต้องไม่เข้าไปวิพากษ์สภาพความเป็นอยู่หรือเรื่องราวของพวกเขา
4.   ต้องเชื่อเรื่องการถุกอะซาบในกุโบร์
5.   การตออัตเชื่อฟังต่อผู้ปกครองนั้นเป็นวายิบ  และไม่อนุญาตให้แยกตัวออกจากเขา(คือต่อต้านหรือคิดโค่นล้มผู้ปกครอง) เพราะถือว่าเป้นการแยกตัวออกจาก ญะมาอะฮ์ มุสลิมีน
6.   ต้องนมาซตามหลังทั้งคนดีและคนชั่ว  และต้องทำญิฮ๊าด ต้องนมาซวันศุกร์ ต้องไปทำหัจญ์ และนามาซอีดทั้งสองพร้อมกับผู้ปกครองทั้งดีหรือชั่ว
7.   ต้องตัดขาดไม่ข้องเกี่ยวกับบุคคลที่มีอะกีดะฮ์ไม่ตรงกับอะฮ์ลุสสุนนะฮ์
8.   ต้องยึดมั่นแนวทางของสะลัฟที่มาจากมัซฮับอะฮ์ลุสสุนะฮ์เป็นหลัก
9.   คนทำบาปใหญ่และการฝ่าฝืนคำสั่งอัลเลาะฮ์ ยังถือว่าเป็นมุสลิม
10.   ผู้นำหรือผู้ปกครอง อยู่ในคนเผ่ากุเรช
11.   วายิบต้องส่งมอบซะกาตและทรัพย์สินให้ผู้ปกครองทั้งดีและชั่ว
12.   อัลเลาะฮ์ อยู่บนฟ้าจริงๆ
13.   ต้องอีหม่านต่อเรื่องชะฟาอัต
14.   ความศรัทธานั้น มีเพิ่มมีลดลง
15.   คนเราจะหลงทาง หรือได้รับการชี้นำทาง มันขึ้นอยู่ที่ประสงค์ของอัลเลาะฮ์
16.   การงานหรือการกระทำของมนุษย์ อยู่ภายใต้การเกาะฎอแลพการเกาะดัรของอัลเลาะฮ์
17.   คัมภีร์กุรอ่าน นั้นไม่ใช่ มัคโล๊ก(สิ่งใหม่)
18.   ประชาชาติที่ประเสริฐที่สุดหลังจากศาสดามุฮัมมัดคือ  อบูบักร /  อุมัร / อุษมาน / อะลี  



อะกีดะฮ์ความเชื่อของอะฮ์ลุสสุนนะฮ์เหล่านี้ ถ้าสังเกตให้ดีจะพบว่า   ไม่มีตัวบทกุรอ่านกำกับเอาไว้แบบนั้น

แต่เป็นอะกีดะฮ์ที่ตั้งอยู่บนการรายงานหะดีษจากตำราของอะฮ์ลุสสุนนะฮ์เองทั้งสิ้น   ซึ่งมันไม่ได้เป็นที่ยอมรับของคนกลุ่มอื่น  แต่ฝ่ายอะฮ์ลุสสุนนะฮ์กลับนำมันมาใช้ตัดสินคนกลุ่มอื่น




อะฮ์ลุสสุนนะฮ์จะหยิบยกหะดีษที่ฝ่ายเขารายงานมาตำหนิฝ่ายตรงกันข้ามกับพวกเขา

และขนานนามตัวของพวกเขาเองด้วยชื่อ  อะฮ์ลุสสุนนะฮ์    เพราะพวกเขายึดถือต่อหะดีษเหล่านั้นเป็นสโลแกนกลุ่มของพวกเขา


แท้จริงกลุ่มต่างๆมากมายในหมู่ของอะฮ์ลุสสุนนะฮ์เอง ซึ่งอันที่จริงกลุ่มเหล่านั้นก็ยึดมั่นถือมั่นต่อรายงานหะดีษเหล่านั้น  แต่พวกเขาก็ยังแตกเป็นมัซฮับทางอะกีดะฮ์และฟิกฮ์มากมายหลายแขนงดังจะได้กล่าวชี้แจงต่อไป
[/color][/b][/size]
  •  

L-umar


ตอน 33


ปัจจุบัน ประเทศซาอุดิอารเบีย    ได้ให้การสนับสนุนพวกอุละมาอ์วาฮาบีแต่งตำรับตำราอะกีดะฮ์ขึ้นมาใหม่ๆหลายร้อยเล่ม    และเช่นเดิม กล่าวคือ   แม้กระทั่งกลุ่มอะชาอิเราะฮ์ที่เป็นอะฮ์ลุสสุนนะฮ์พวกเดียวกัน ก็หนีไม่พ้นฟัตวาของอุละมาอ์วาฮาบี     เรามาฟังพวกวาฮาบีออกฟัตวาฮุก่มพวกอะชาอิเราะฮ์ดังต่อไปนี้  



เชคอับดุลอะซีซ  อิบนุอับดุลลอฮฺ  อิบนุ บาซ  มุฟตีแห่งประเทศซาอุดิอารเบีย  กล่าวว่า :

ومن العقائد المضاده للعقيدة الصحيحة في باب الأسماء والصفات عقائد أهل البدع من الجهمية والمعتزلة ومن سلك سبيلهم في نفي صفات الله عز وجل وتعطيله سبحانه من صفات الكمال ووصفه عز وجل بصفة المعدومات والجمادات والمستحيلات ، تعالى الله عن قولهم علواً كبيراً
ويدخل في ذلك من نفي بعض الصفات وأثبت بعضها كالأشاعرة

العقيدة الصحيحة وما يضادها   ج 1  ص 16
مؤلف : عبدالعزيز بن عبدالله بن باز    عالم وفقيه سعودي، والرئيس العام لإدارات البحوث العلمية والإفتاء والدعوة والإرشاد منذ عام 1395هـ، 1975م. ثم أصبح مفتيًا عامًا للبلاد.

และส่วนหนึ่งของการเชื่อมั่นที่ตรงกันข้ามกับหลักการเชื่อมั่นที่ถูกต้อง  ในเรื่องบรรดาพระนามและคุณลักษณะของอัลเลาะฮ์นั้น  ก็ได้แก่หลักการเชื่อมั่นของอะฮ์ลุลบิดอะฮ์ เช่น    พวกญะฮ์มียะฮ์    พวกมุอ์ตะซิละฮ์  และผู้ที่ดำเนินตามแนวทางของพวกเขาเหล่านั้น  ในการปฏิเสธคุณลักษณะของพระองค์และลบล้างคุณษณะที่สมบูรณืของพระองค์ และได้ให้คุณลักษณะแก่พระองค์ด้วยคุณลักษณะของสิ่งที่ไม่มี  หรือสิ่งที่เป็นวัตถุ  หรือสิ่งที่เป็นไปไม่ได้  มหาบริสุทธิ์อัลลอฮฺและทรงสูงส่งเหนือคำกล่าวหาใดๆทั้งสิ้น  รวมถึงบางคนที่ติดเข้าไปอยู่ในกลุ่มบุคคลดังกล่าว  ซึ่งได้แก่ผู้ที่ปฏิเสธบางคุณลักษณะ และยืนยันในบางคุณลักษณะเช่น  พวกอะชาอิเราะฮ์   เป็นต้น.


อ้างอิงจากหนังสือ
หลักการศรัทธาที่ถูกต้อง และที่ตรงกันข้าม  หน้า 49 – 50  
โดยเชคอับดุลอะซีซ  อิบนุอับดุลลอฮฺ  อิบนุ บาซ

ท่านสามารถโลดหนังสือเล่มนี้ ฉบับแปลไทยโดย อิมรอน  มะกูดี  ได้ที่เวป

http://www.islamhouse.com/p/47447


เพียงสาเหตุที่พวกอะชาอิเราะฮ์มีอะกีดะฮ์เรื่อง "  ซิฟัตของอัลเลาะฮ์ "  ที่แตกต่างไปจากพวกวาฮาบี  

อุละมาอ์วาฮาบีก็อาศัยอำนาจที่รัฐบาลซาอุดิอารเบียให้การสนับสนุนมัซฮับของพวกเขา ประกาศว่า มัซฮับอะชาอิเราะฮ์เป็นมัซฮับของพวกบิดอะฮ์    ไม่ใช่พวกอะฮ์ลุสสุนนะฮ์
พวกอะชาอิเราะฮ์นั้นมีอะกีดะฮ์ตรงกันข้ามกับอะฮ์ลุสสุนนะฮ์  


นั่นหมายความว่านับแต่นี้ต่อไป  อะชาอิเราะฮ์ก็ไม่ใช่ อะฮ์ลุสสุนนะฮ์ วัลญะมาอะฮ์ในสายตาวาฮาบีอีกต่อไป  มหาวิทยาลัยอัลอัซฮัร ที่เมืองไคโร ประเทศอียิปต์   ที่ท่านเศาะลาฮุดดีน อัลอัยยูบี อุตส่าห์สู้รบโค่นล้มราชวงศ์ฟาติมียะฮ์ยึดเอามาให้พวกซุนนี่ และเปลี่ยนแปลงการสอนที่มหาลัยอัซฮัรให้เป็นการเรียนการสอนตามแนวทางมัซฮับอะฮ์ลุสสุนนะฮ์    มาบัดนี้รัฐบาลซาอุดิอารเบียกลับให้อุละมาอ์วาฮาบีออกฟัตวาว่า  การเรียนการสอนที่มหาลัยอัซฮัรเป็นการเรียนการสอนของพวกบิดอะฮ์  ไม่ใช่เป็นการศึกษาของแนวทางอะฮ์ลุสสุนนะฮ์อีกต่อไป
   

แน่นอนคำฟัตวาของชายตาบอดผู้นี้ รวมทั้งอุละมาอ์วาฮาบีคนอื่นๆที่ฟัตวาในทำนองนี้ย่อมสร้างความโกรธเคืองให้กับพวกซุนนี่อะชาอิเราะฮ์   ดังนั้นอุละมาอ์อะชาอิเราะฮ์จึงออกมาตอบโต้พวกวาฮาบีว่า

อะกีดะฮ์พวกวาฮาบี คืออะกีดะฮ์ของพวกยะฮูดี (พวกยิว)  ท่านสามารถอ่านบทความตอบโต้ต่างๆของฝ่ายอะชาอิเราะฮ์ได้ที่เวปนี้


http://www.sunna.info/books/exposed.php


หากซุนนี่ฝ่ายอะชาอิเราะฮ์ได้วิพากษ์วิจารณ์อะกีดะฮ์พวกวาฮาบีว่า เป็นอะกีดะฮ์ยิว  ไม่ใช่เป็นอะกีดะฮ์อิสลามที่แท้จริง  


ในสายตาของพี่น้องมุสลิมก็คงต้องพิจารณากันเอาเองแล้วว่า  

ท่านจะเลือกเป็น               พวกบิดอะฮ์ หรือ   พวกยิว  
[/color]
  •  

L-umar



ตอน 34


กลุ่มอะฮ์ลุสสุนนะฮ์มีทัศนะต่อมุสลิมกลุ่มอื่นๆแค่เพียงว่า  เป็นพวกดื้อดึง ตะอัซซุบ  ไม่ยอมเชื่อตามอะกีดะฮ์ของอะฮ์ลุสสุนนะฮ์เท่านั้น


พวกซุนนี่ได้ยึดทัศนะโลกแคบนี้ มาเป็นบรรทัดฐานวัดมุสลิมทั้งโลก   ซึ่งตอนต่อๆไปเราจะลองเอาบรรทัดฐานนี้มาใช้กับพวกอะฮ์ลุสสุนนะฮ์บ้าง


ท่านจะสังเกตได้ว่า  หนังสือเกี่ยวกับ ฟิร็อก(กลุ่มต่างๆใน)อิสลาม ที่เขียนขึ้นมาใหม่ๆในยุคหลังนี้  มักจะหลีกเลี่ยงหรือไม่ค่อยกล่าวถึงอะฮ์ลุสสุนนะฮ์ที่แตกออกเป็นกลุ่มต่างๆ สาเหตุเพราะ ผู้แต่งตำราเหล่านั้นเป็นอะฮ์ลุสสุนนะฮ์นั่นเอง


นักการศาสนาฝ่ายซุนนี่มักใช้ภาษาเดียวกัน มาจัดการกับมุสลิมกลุ่มอื่นที่มีอะกีดะฮ์ไม่ตรงกับพวกเขาเช่น   พวกตามอารมณ์ใฝ่ต่ำ  พวกบิดอะฮ์  พวกเฎาะลาละฮ์  และท้ายสุดคือฮุก่มว่า ตกเป็นกาเฟ็รเสียแล้ว


นักการศาสนาซุนนี่ติดเชื้อโรคร้ายนี้มาตั้งแต่อดีตจนปัจจุบันเช่น  อัลบัฆดาดี   ชะฮ์ร็อสตานี  อิบนุหัซมิน  อิบนุตัยมียะฮ์  มุฮัมมัด บินอับดุลวาฮาบ   บินบาซ  อุษัยมีน  อัลบานี    

ซึ่งมูลเหตุการฮุก่มนี้มีที่มาจากหะดีษที่พวกเขาพูดเอง เออเองทั้งสิ้นอาทิเช่น   หะดีษ 73 จำพวก


พวกซุนนี่มักชอบยกหะดีษบทนี้มาอ้างว่า  ท่านนบีกล่าวว่า อุมมัตของฉันจะแตกออกเป็น 73  กลุ่ม   และทุกกลุ่มจะลงนรกหมด  ยกเว้นหนึ่งกลุ่ม ซึ่งในหะดีษใช้ค่า( ฟิรเกาะฮ์ - فرقة )


จากนั้นพวกอะฮ์ลุสสุนนะฮ์ วัลญะมาอะฮ์ก็จะอ้างว่า  ข้านี่แหล่ะคือกลุ่มที่รอด  ทั้งๆที่ท่านนบีไม่เคยเอ่ยชื่อคนกลุ่มนี้เลย แม้แต่หะดีษสักบทหนึ่ง  



เมื่อซุนนี่ชอบอ้างหะดีษ 73 จำพวกมาอ้างอิง  ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมาศึกษาหะดีษบทนี้กันให้ถึงแก่น  

ซึ่งเราจะขอวิจัยหะดีษประเภทนี้ด้วยกัน  2  ประเด็นคือ


1.   หะดีษนี้อยู่ระดับใดเช่น  เศาะหิ๊หฺ  ฮาซัน  ดออีฟ  หรือเมาฎู๊อฺ


2.   ศึกษาความหมายของหะดีษบทนี้ว่า เป็นอย่างไร  
  •  

L-umar


ตอน 35



                                                                                 หะดีษ  73 กลุ่ม

รายงานที่ 1


อบูฮุร็อยเราะฮ์รายงาน


4598 - حَدَّثَنَا وَهْبُ بْنُ بَقِيَّةَ عَنْ خَالِدٍ عَنْ مُحَمَّدِ بْنِ عَمْرٍو عَنْ أَبِى سَلَمَةَ
عَنْ أَبِى هُرَيْرَةَ قَالَ :  قَالَ رَسُولُ اللَّهِ -صلى الله عليه وسلم- « افْتَرَقَتِ الْيَهُودُ عَلَى إِحْدَى أَوْ ثِنْتَيْنِ وَسَبْعِينَ فِرْقَةً وَتَفَرَّقَتِ النَّصَارَى عَلَى إِحْدَى أَوْ ثِنْتَيْنِ وَسَبْعِينَ فِرْقَةً وَتَفْتَرِقُ أُمَّتِى عَلَى ثَلاَثٍ وَسَبْعِينَ فِرْقَةً ».


ท่านรอซูลุลเลาะฮ์กล่าวว่า    :  ยะฮูดได้แตกออก 71หรือ72 กลุ่ม  และนะศอรอได้แตกออก 71หรือ72 กลุ่ม และอุมมะฮ์ของฉันได้แตกออก 73 กลุ่ม


สุนันอบูดาวูด หะดีษเลขที่ 4598



มุหัดดิษที่รายงานหะดีษนี้คือ  อบูดาวูด,อัตติรมิซีย์,อิบนุมาญะฮ์,อิบนุหิบบานในเศาะหี๊หฺของเขา,อัลอาญุรรีย์ในอัชชะรีอะฮ์,อัลหากิม,อะหมัด,อบูยะอ์ลาในมุสนัดของเขา  จากสายรายงานของมุหัมมัดบินอัมรูว์จากอบีสะละมะฮ์จากอบีฮุร็อยเราะฮ์ เป็นหะดีษมัรฟู๊อฺ.


ศึกษา สถานะของผู้รายงานหะดีษ (รอวี)

อบูสะละมะฮ์ บินอับดุลเราะหฺมาน บินอับดุเอาฟ์ซึ่งเป็นทั้งชื่อและฉายา
มุหัมมัด บินอัมรูว์  คือใคร ?
เขาเป็นบุตรชายของอัมรูว์ คือบุตรของสะอีด / สะอีดคือบุตรของอาศ / อาศเป็นบุตรของอุมัยยะฮ์
872 - عمرو بن سعيد بن العاص بن أمية
الكتاب : الثقات  المؤلف : إبن حبان

อัษษิกอต  โดยอิบนุหิบบาน  อันดับที่  872

แน่นอน ผู้ปกครองรัฐและนักปราชญ์อะฮ์ลุสสุนนะฮ์ย่อมถือว่าบุคคลผู้นี้เป็นนักรายงานที่เชื่อถือได้อยู่แล้ว เพราะเขานามสกุลอุมัยยะฮ์ ซึ่งเวลานั้นราชวงศ์อุมัยยะฮ์ปกครอง


มุหัมมัด บินอัมรูว์

3248 - محمد بن عمرو : وكان يحيى بن سعيد يُضَعِّفُهُ جِدًّا
العلل ومعرفة الرجال  لأحمد بن حنبل  ج 2 ص 49

อะหมัด บินหัมบัลกล่าวว่า  :  ยะห์ยาบินสะอีด อัลก็อฏฏอนได้ตัฏอี๊ฟมุหัมมัดบินอัมรูว์อย่างมาก (คือถือว่าการรายงานหะดีษของเขาอ่อนแอมากๆ)

อัลอิละลุ วะมะอ์ริฟะตุลริญาล โดยอะหมัดบินหัมบัล  อันดับที่ 3248
 

เชคมุหัมมัด นาศิรุดดีน อัลบานีย์กล่าวว่า  รายงานของมุหัมมัด บินอัมรูว์ต้องพิจารณาให้ดี

قُلْتُ : وَ فِيْهِ نَظَر فَإِنَّ مُحمد بن عمرو ، فِيْهِ كَلاَم و لذلك لَم يَحْتَجّ بِهِ مُسلم ، و إنما
روى له متابعة ، و هو حسن الحديث ،

ผม(อัลบานีย์)ขอกล่าวว่า  : ในหะดีษนี้ต้องพิจารณา เพราะว่ามุหัมมัดบินอัมรูว์นั้นมีคำพูดวิจารณ์ ด้วยเหตุนี้มุสลิม(เจ้าของฌศาะห๊หฺมุสลิม)จึงไม่ยึดรายงานของเขาเป็นหลักฐาน  อันที่จริงมุสลิมได้รับรายงานของเขามาในลักษณะมุตาบะอะฮ์  (แต่สุดท้ายอัลบานีย์ก็สรุปว่า ) หะดีษของเขาดี

หนังสืออัส-สิลสิละตุศ-เศาะฮีหะฮ์ เล่ม 1 หน้า 356 หะดีษเลขที่  203


อัลเกาษะรีย์วิจารณ์มุหัมมัดบินอัมรูว์ว่า เป็นนักมุฆอละเฏาะฮ์ (นักตบตา )
قال الكوثري في مقدمة \\\" التبصير في الدين \\\" ص 5  أنه لا يحتج به إذا لم يتابع ، فمن مغالطاته ، أو مخالفاته المعروفة ،
อัลเกาษะรีย์กล่าวในคำนำอัตตับศีร ฟิดดีนว่า  จะเอารายงานของมุหัมมัดบินอัมรูว์มาเป็นหลักฐานไม่ได้หากไม่มีมุตาบะอะฮ์   เพราะการมุฆอละเฏาะฮ์และมุคอละฟะฮ์ต่างๆของเขาเป็นที่รู้กันดี

หนังสืออัตตับศีร ฟิดดีน โดยอัลเกาษะรีย์  หน้า  5  



สรุป


สะนัดหะดีษบทนี้มีนักรายงานที่ดออีฟรวมอยู่ด้วย  จึงมีสถานะหะดีษ  : ดออีฟ (อ่อน)

 
  •  

L-umar


ตอน  36



รายงานที่  2



มุอาวียะฮ์ บินอบีสุฟยานรายงาน :



مسند أحمد : 16329 -  حَدَّثَنَا أَبُو الْمُغِيرَةِ قَالَ حَدَّثَنَا صَفْوَانُ قَالَ حَدَّثَنِي أَزْهَرُ بْنُ عَبْدِ اللَّهِ الْهَوْزَنِيُّ قَالَ أَبُو الْمُغِيرَةِ فِي مَوْضِعٍ آخَرَ الْحَرَازِيُّ عَنْ أَبِي عَامِرٍ عَبْدِ اللَّهِ بْنِ لُحَيٍّ قَالَ
حَجَجْنَا مَعَ مُعَاوِيَةَ بْنِ أَبِي سُفْيَانَ  
فَلَمَّا قَدِمْنَا مَكَّةَ قَامَ حِينَ صَلَّى صَلَاةَ الظُّهْرِ فَقَالَ إِنَّ رَسُولَ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ قَالَ إِنَّ أَهْلَ الْكِتَابَيْنِ افْتَرَقُوا فِي دِينِهِمْ عَلَى ثِنْتَيْنِ وَسَبْعِينَ مِلَّةً وَإِنَّ هَذِهِ الْأُمَّةَ سَتَفْتَرِقُ عَلَى ثَلَاثٍ وَسَبْعِينَ مِلَّةً يَعْنِي الْأَهْوَاءَ كُلُّهَا فِي النَّارِ إِلَّا وَاحِدَةً وَهِيَ الْجَمَاعَةُ

อบุลมุฆีเราะฮ์เล่าให้เราฟัง เขากล่าวว่า ศ็อฟวานเล่าให้เราฟัง เขากล่าวว่า อัซฮัรบินอับดุลเลาะฮ์ อัลเฮาซะนีย์เล่าให้ฉันฟัง อีกที่หนึ่งคืออัลหะรอซีย์ จากอบีอามิร อับดุลเลาะฮ์ บินลุหัยย์เล่าว่า พวกเราได้ทำหัจญ์พร้อมกับท่านมุอาวียะฮ์ บินอบีสุฟยาน  เมื่อพวกเราเข้าเมืองมักกะฮ์  เขา(มุอาวียะฮ์)ได้ยืนขึ้นขณะละหมาดซุฮ์ริแล้วเขากล่าวว่า  :   แท้จริงท่านรอซูลุลเลาะฮ์กล่าวว่า  แท้จริงชาวคัมภีร์ทั้งสอง(คือยะฮูดและนอศอรอ)ได้แตกแยกในศาสนาของพวกเขาเป็น 72 มิลละฮ์
และแท้จริงในประชาชาตินี้จะแตกออกเป็น 73 มิลละฮ์ หมายถึงบรรดาผู้ตามอารมณ์ ทั้งหมดจะอยู่ในไฟนรก  ยกเว้นหนึ่งมิลละฮ์ และนั่นคือ อัลญะมาอะฮ์



มุสนัดอิหม่ามอะหมัด หะดีษที่ 16329




ศึกษา สถานะของผู้รายงานหะดีษ (รอวี)

อบุลมุฆีเราะฮ์ อัลเคาลานีย์

ชื่อจริงคืออับดุลกุดดูส บินอัลหัจญ๊าจญ์ ชาวหิมศ์เป็นจังหวัดหนึ่งของเมืองช่าม มรณะที่หิมศ์ ฮ.ศ. 212
708 - عبد القدوس بن الحجاج الخولاني أبو المغيرة الحمصي.
روى عن صفوان بن عمرو...وغيرهم.   وعنه البخاري وأحمد
تهذيب التهذيب لابن حجر  ج 6  ص 329
รายงานหะดีษจากศ็อฟวาน บินอัมรูว์และคนอื่นๆ  อัลบุคอรีย์และอะหมัดรายงานหะดีษจากเขา

ตะฮ์ซีบุตตะฮ์ซีบ  โดยอิบนุหะญัร อันดับที่ 708


ศ็อฟวาน
764 - صفوان بن عمرو السكسكي شامي ثقة
الثقات للعجلي ج 1 ص 467

อัลอิจญ์ลีย์กล่าวว่า ศ็อฟวาน ชาวเมืองช่าม เชื่อถือได้
อัษษิกอต  โดยอัลอิจญ์ลีย์ อันดับที่ 764


อัซฮัรบินอับดุลเลาะฮ์ อัลหะรอซีย์
3395 - ( عَنْ أَزْهَرَ بْنِ عَبْدِ اللَّهِ )
الْحِرَازِيِّ الْحِمْصِيِّ يُقَالُ هُوَ أَزْهَرُ بْنُ سَعِيدٍ تَابِعِيٌّ حَسَنُ الْحَدِيثِ لَكِنَّهُ نَاصِبِيٌّ يَنَالُ مِنْ عَلِيٍّ رَضِيَ اللَّهُ عَنْهُ
الكتاب : تحفة الأحوذي بشرح جامع الترمذي  ج 8 ص 372  رقم الحديث : 3395
المؤلف : محمد عبد الرحمن بن عبد الرحيم المباركفوري أبو العلا

มุหัมมัด อับดุลเราะหฺมาน บินอับดุลเราะฮีม อัลมุบาร็อก เฟารีย์ อบุลอะลา เจ้าของหนังสือตุห์ฟะตุลอะห์วะซีย์ บิชัรหิ ญามิอิตติรมิซีย์กล่าวว่า
อัซฮัร บินอับดุลเลาะฮ์ อัลหิรอซีย์ อัลหิมศีย์ เรียกกันว่า อัซฮัร บินสะอีด ตาบิอีย์  หะดีษดี
แต่ว่าเขาเป็นนาศิบีย์(คือชิงชังท่านอะลี)  เขาได้ตำหนิด่าว่าท่านอะลี  เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ

หนังสือตุห์ฟะตุลอะห์วะซีย์ บิชัรหิ ญามิอิตติรมิซีย์  โดยอัลมุบาร็อก เฟารีย์ เล่ม 8 หน้า 372 หะดีษที่ 3395


เราไม่แปลกใจหรอกว่า   ทำไมอะฮ์ลุสสุนนะฮ์จึงเชื่อถือการรายงานของอัซฮัรเพราะ

1.   อัซฮัรคือคนเมืองช่ามย่อมอยู่ฝ่ายราชวงศ์อุมัยยะฮ์

2.   อัซฮัรยังประณามด่าทอท่านอะลี ในฐานะศัตรูของตระกูลอุมัยยะฮ์ ดังนั้นผู้ปกครองจึงให้การนับน่าถือตาเขาและยกย่องว่าเขาเชื่อถือได้


แต่ที่แปลกใจคือ อะฮ์ลุสสุนนะฮ์อ้างว่า พวกตนนั้นรักเศาะหาบะฮ์มาก ดังนั้นใครด่าเศาะหาบะฮ์ คนนั้นเชื่อถือไม่ได้   แล้วทำไมอัซฮัรด่าท่านอะลีกลับเชื่อถือได้  

สงสัยกฎข้อนี้คงถูกยกเว้นไว้หนึ่งเศาะหาบะฮ์คือ ถ้าด่าท่านอะลีนั้นการรายงานของรอวีย์คนนั้นยังคงเชื่อถือได้      

ท่านเห็นแล้วใช่ไหมว่า อิทธิพลของตระกูลอุมัยยะฮ์กับอุละมาอ์อะฮ์ลุสสุนนะฮ์นั้นเข้ากันได้ดีขนาดไหน


อบีอามิร อับดุลเลาะฮ์ บินลุหัยย์
681 - عبد الله بن لحى أبو عامر الهوزنى شامى
روى عن معاوية  روى عنه ازهر بن عبد الله الحرازى
الجرح والتعديل لابن أبي حاتم   ج 5 ص 145
อิบนุอบีหาติมกล่าวว่า :  อับดุลเลาะฮ์ บินลุหัยย์ อบุลอามิร ชาวเมืองช่าม
รายงานหะดีษจากมุอาวียะฮ์
อัซฮัรบินอับดุลเลาะฮ์ อัลหะรอซีย์รายงานหะดีษจากเขา

หนังสืออัลญะเราะหฺ วัตตะอ์ดีล โดยอิบนุอบีหาติม  อันดับที่ 681  


สรุป –

หากสังเกตสายรายงานหะดีษบทนี้ให้ดี  จะพบว่า นักรายงานทุกคนเป็นชาวช่าม(ซีเรีย)
ซึ่งที่นั่นราชวงศ์อุมัยยะฮ์มีอิทธิพล  

แน่นอนรอวีย์ทุกคนต้องได้รับความไว้วางใจจากผู้ปกครองและอุละมาอ์อะฮ์ลุสสุนนะฮ์
ส่วนผู้บันทึกหะดีษบทนี้คือท่านอิหม่ามอะหมัด ก็มีความตะอัศศุบอย่างรุนแรงอยู่แล้วต่อแนวทางอะฮ์ลุสสุนนะฮ์ คงให้การสนับสนุนอยู่แล้วต่อหะดีษทำนองนี้

ด้วยเหตุนี้ อุละมาอ์อะฮ์ลุสสุนนะฮ์จึงให้เครดิตหะดีษบทนี้ว่ามีสถานะ "  ฮาซัน "

قال شعيب الأرنؤوط : إسناده حسن
الكتاب : مسند الإمام أحمد بن حنبل  رقم الحديث : 16979
الناشر : مؤسسة قرطبة - القاهرة
الأحاديث مذيلة بأحكام شعيب الأرنؤوط عليها

เชคชุเอบอัลอัรนะอูฏกล่าวว่า   อิสนาดของหะดีษนี้  :  หะสัน

ดูมุสนัดอิหม่ามอะหมัด ฉบับตรวจทานโดยเชคชุเอบอัลอัรนะอูฏ หะดีษที่ 16979



อะฮ์ลุสสุนนะฮ์เลือกยกย่องรอวีย์อย่างอัซฮัรบินอับดุลเลาะฮ์อัลหะรอซีย์ว่าเชื่อถือได้

และทำเมินเฉยต่อหะดีษที่ท่านรอซูลุลเลาะฮ์กล่าวว่า

1299 - \\\" من أحب عليا فقد أحبني و من أحبني فقد أحب الله عز وجل و من أبغض عليا فقد
أبغضني و من أبغضني فقد أبغض الله عز وجل \\\" .
قال الألباني في \\\" السلسلة الصحيحة \\\" 3 / 288 :

ผู้ใดมีความรักต่ออะลี เท่ากับเขามีความรักต่อฉัน และผู้ใดมีความรักต่อฉัน เท่ากับเขามีความรักต่ออัลเลาะฮ์ อัซซะวะญัล

ส่วนผู้ชิงชังอะลี เท่ากับชิงชังต่อฉัน และผู้ใดชิงชังฉัน เท่ากับเขาชิงชังอัลเลาะฮ์ อัซซะวะญัล

เชคอัลบานีย์กล่าวไว้ในหนังสืออัสสิลสิละตุศเศาะฮีหะฮ์ เล่ม 3 หน้า  288 หะดีษที่ 1299


เมื่อท่านอ่านแล้วคงเข้าใจสินะว่า    อะฮ์ลุสสุนนะฮ์ไม่ได้รักอัลเลาะฮ์และรอซูลจริงหรอก
พวกเขารักดุนยามากกว่า  หากพวกเขารักอิสลามจริง  อย่างน้อยพวกเขาจะต้องกล่าวว่า    

อัซฮัรบินอับดุลเลาะฮ์อัลหะรอซีย์ เชื่อถือไม่ได้  เพราะด่าทอเศาะหาบะฮ์  
แต่กฎข้อนี้มีการยกเว้น กล่าวคือถ้าด่าท่านอะลี ไม่เป็นไร




สรุป


สะนัดหะดีษบทนี้มีนักรายงานที่ดออีฟรวมอยู่ด้วย  จึงมีสถานะหะดีษ  : ดออีฟ (อ่อน)
  •  

L-umar


ตอน  37


รายงานที่ 3

เอาฟ์ บินมาลิกรายงาน

อิบนุมาญะฮ์  หะดีษเลขที่ 4127

سنن إبن ماجة :  4127 - حَدَّثَنَا عَمْرُو بْنُ عُثْمَانَ بْنِ سَعِيدِ بْنِ كَثِيرِ بْنِ دِينَارٍ الْحِمْصِىُّ حَدَّثَنَا عَبَّادُ بْنُ يُوسُفَ حَدَّثَنَا صَفْوَانُ بْنُ عَمْرٍو عَنْ رَاشِدِ بْنِ سَعْدٍ عَنْ عَوْفِ بْنِ مَالِكٍ قَالَ قَالَ رَسُولُ اللَّهِ -صلى الله عليه وسلم- « افْتَرَقَتِ الْيَهُودُ عَلَى إِحْدَى وَسَبْعِينَ فِرْقَةً فَوَاحِدَةٌ فِى الْجَنَّةِ وَسَبْعُونَ فِى النَّارِ وَافْتَرَقَتِ النَّصَارَى عَلَى ثِنْتَيْنِ وَسَبْعِينَ فِرْقَةً فَإِحْدَى وَسَبْعُونَ فِى النَّارِ وَوَاحِدَةٌ فِى الْجَنَّةِ وَالَّذِى نَفْسُ مُحَمَّدٍ بِيَدِهِ لَتَفْتَرِقَنَّ أُمَّتِى عَلَى ثَلاَثٍ وَسَبْعِينَ فِرْقَةً فَوَاحِدَةٌ فِى الْجَنَّةِ وَثِنْتَانِ وَسَبْعُونَ فِى النَّارِ ». قِيلَ يَا رَسُولَ اللَّهِ مَنْ هُمْ قَالَ « الْجَمَاعَةُ ».

อัมรูว์ บินอุษมานเล่า บินสะอีด บินกะษีร บินดีนาร อัลหิมศีย์เล่าให้เราฟัง   อับบ๊าดบินยูสุฟเล่าให้เราฟัง  ศ็อฟวานบินอัมรูว์เล่าให้เราฟัง  จากรอชิดบินสะอัด จากเอาฟ์บินมาลิกเล่าว่า :
ท่านรอซูลุลเลาะฮ์กล่าวว่า  : พวกยะฮูดได้แตกออกเป็น 71 ฟิรเกาะฮ์ มีหนึ่งฟิรเกาะฮ์จะอยู่ในสวรรค์อีกเจ็ดสิบจะอยู่ในไฟนรก
และพวกนะศอรอได้แตกออกเป็น 72 ฟิรเกาะฮ์  มีหนึ่งฟิรเกาะฮ์จะอยู่ในสวรรค์อีกเจ็ดสิบเอ็ดจะอยู่ในไฟนรก
และขอสาบานต่อผู้ที่ชีวิตของมุหัมมัดอยู่ในอำนาจของพระองค์ว่า  แน่นอนอุมมะฮ์ของฉันจะแตกออกเป็น 73 ฟิรเกาะฮ์   มีหนึ่งฟิรเกาะฮ์จะอยู่ในสวรรค์อีกเจ็ดสิบสองจะอยู่ในไฟนรก
มีคนถามว่า โอ้ท่านรอซูลุลเลาะฮ์ พวกเขาคือใคร ?  ท่านกล่าวว่า คือ " อัลญะมาอะฮ์ "


ศึกษา สถานะของผู้รายงานหะดีษ (รอวี)

อัมรูว์ บินอุษมาน บินสะอีด บินกะษีร บินดีนาร อัลหิมศีย์
ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นชาวหิมศ์ เมืองหนึ่งของประเทศซีเรีย ตายฮ.ศ.250

อับบ๊าด บินยูสุฟ ชาวหิมศ์
4150 - عباد بن يوسف الحمصى، صاحب الكرابيس.
عن صفوان ابن عمرو [ بن عثمان ] (1) وغيره.
ذكره ابن عدى فقال: روى أحاديث ينفرد بها.
روى عنه عمرو بن عثمان، وغيره.
وقد وثقه ابن ماجة، وابن أبى عاصم، قالا: حدثنا عمرو بن عثمان، حدثنا عباد بن يوسف، حدثنى صفوان بن عمرو، عن راشد بن سعد، عن عوف بن مالك - مرفوعا: افترقت اليهود على إحدى وسبعين فرقة..الحديث.
وفي آخره: قيل: من هم يا رسول الله ؟ قال: الجماعة.
لم يخرج له ابن ماجة سواه.

มีซานุลอิ๊อฺติดาล  โดยอัซซะฮะบีย์  อันดับที่ 4150  

ศ็อฟวาน บินอัมรูว์  ชาวเมืองช่าม ตายฮ.ศ.255
8625 - صفوان بن عمرو بن هرم السكسكي من أهل الشام كنيته أبو عمرو
يروى عن راشد بن سعيد مات سنة خمس وخمسين ومائة
อัษษิกอต โดยอิบนุหิบบาน อันดับที่ 8625

รอชิด บินสะอัด ตาบิอีย์ ชาวหิมศ์ ตายฮ.ศ.108
2706 - راشد بن سعد الحمصى.
قيل: مات سنة ثمان ومائة.
มีซานุลอิ๊อฺติดาล  โดยอัซซะฮะบีย์  อันดับที่ 2706  
เอาฟ์ บินมาลิก เศาะหาบะฮ์ อาศัยอยู่ที่เมืองช่าม มรณะฮ.ศ. 73 ในตอนต้นสมัยการปกครองของกษัตริย์อับดุลมะลิก
1040 - عوف بن مالك الأشجعي كنيته أبو عبد الرحمن ويقال أبو حماد سكن الشام مات سنة ثلاث وسبعين في أول ولاية عبد الملك

อัษษิกอต โดยอิบนุหิบบาน อันดับที่ 1040

อะฮ์ลุสสุนนะฮ์ก็บอกว่า หะดีษบทนี้อยู่ในระดับ ฮาซัน ( ดี )  

ก็สายรายงานหะดีษทุกคนล้วนเป็นชาวเมืองช่าม(ซีเรีย) แน่นอนผู้ปกครองตระกูลอุมัยยะฮ์และอุละมาอ์อะฮ์ลุสสุนนะฮ์ต้องให้เครดิตว่า เป็นอิสนาดที่ษิเกาะฮ์ เชื่อถือได้
ซึ่งเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว อีกทั้งยังมีรอวีย์คนหนึ่งชื่อรอชิดบินสะอัดอยู่ฝ่ายมุอาวียะฮ์ออกไปรบในสงครามซิฟฟีนต่อต้านท่านเคาะลีฟะฮ์อะลีด้วยชาวช่ามยิ่งรักชอบคนที่ชิงชังท่านอะลีเป็นพิเศษอยู่แล้ว


สรุป

สะนัดหะดีษบทนี้มีนักรายงานที่ดออีฟรวมอยู่ด้วย  จึงมีสถานะหะดีษ  : ดออีฟ (อ่อน)
  •  

L-umar



ตอน  38


รายงานที่ 4อะนัส บินมาลิกรายงาน

อิบนุมาญะฮ์  หะดีษเลขที่ 4128

سنن إبن ماجة : 4128 –  حَدَّثَنَا هِشَامُ بْنُ عَمَّارٍ حَدَّثَنَا الْوَلِيدُ بْنُ مُسْلِمٍ حَدَّثَنَا أَبُو عَمْرٍو حَدَّثَنَا قَتَادَةُ عَنْ أَنَسِ بْنِ مَالِكٍ قَالَ قَالَ رَسُولُ اللَّهِ -صلى الله عليه وسلم- « إِنَّ بَنِى إِسْرَائِيلَ افْتَرَقَتْ عَلَى إِحْدَى وَسَبْعِينَ فِرْقَةً وَإِنَّ أُمَّتِى سَتَفْتَرِقُ عَلَى ثِنْتَيْنِ وَسَبْعِينَ فِرْقَةً كُلُّهَا فِى النَّارِ إِلاَّ وَاحِدَةً وَهِىَ الْجَمَاعَةُ ».

ฮิชาม บินอัมมารเล่าให้เราฟัง  อัลวะลีด บินมุสลิมเล่าให้เราฟัง  อบูอัมรูว์เล่าให้เราฟัง  เกาะตาดะฮ์เล่าให้เราฟัง จากอะนัส บินมาลิกเล่าว่า

ท่านรอซูลุลเลาะฮ์กล่าวว่า   แท้จริงบนีอิสรออีลได้แตกออกเป็น 71 ฟิรเกาะฮ์ และแท้จริงอุมมะฮืของฉันจะแตกออกเป็น 72 ฟิรเกาะฮ์ ทุกฟิรเกาะฮ์จะอยู่ในไฟนรก ยกเว้นหนึ่งฟิรเกาะฮ์ และฟิรเกาะฮ์นั้นคือ อัลญะมาอะฮ์

ศึกษา สถานะของผู้รายงานหะดีษ (รอวี)

ฮิชาม บินอัมมาร ชาวดามัสกัส
255 - هشام بن عمار السلمي الدمشقي
روى عن الوليد بن مسلم
روى عنه أبو عبيد القاسم بن سلام سمعت أبى يقول ذلك قال أبو محمد
อัลญะเราะหฺ วัตตะอ์ดีล โดยอิบนุอบีหาติม อันดับที่ 255

อัลวะลีด บินมุสลิม
9405 - [ صح ] الوليد بن مسلم [ ع ]، أبو العباس الدمشقي، مولى بنى أمية.
أحد الاعلام، وعالم أهل الشام.
ميزان الاعتدال  للذهبي ج 4 / ص 347


อบุลอับบาส  ชาวดามัสกัส  คนรับใช้ของบนูอุมัยยะฮ์   อาเล่มของชาวเมืองช่าม(ซีเรีย)
มีซานุลอิ๊อฺติดาล โดยอัซซะฮะบี  เล่ม  4 : 347




หมายเหตุ -


สะนัดหะดีษบทนี้มีนักรายงานที่เป็นข้ารับใช้ของพวกราชวงศ์อุมัยยะฮ์ และยังเป็นอาเล่มของชาวช่าม


สรุป

สะนัดหะดีษบทนี้มีนักรายงานที่ดออีฟรวมอยู่ด้วย  จึงมีสถานะหะดีษ  : ดออีฟ (อ่อน)



  •  

sandee



ตอน  39


รายงานที่ 5



อิบนุมัสอูดรายงาน


معجم الكبير : 10357 –  حَدَّثَنَا إِسْحَاقُ بْنُ إِبْرَاهِيمَ بْنِ أَبِي حَسَّانَ الْأَنْمَاطِيُّ ثَنَا هِشَامُ بْنُ عَمَّارٍ (الدِّمَشْقِىُّ) ثَنَا الْوَلِيدُ بْنُ مُسْلِمٍ حَدَّثَنِي بُكَيْرُ بْنُ مَعْرُوفٍ عَنْ مُقَاتِلِ بْنِ حَيَّانَ عَنِ الْقَاسِمِ بْنِ عَبْدِ الرَّحْمَنِ عَنْ أَبِيهِ عَنْ عَبْدِ اللَّهِ (بن مسعود) قَالَ : قَالَ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ: يَا ابْنَ مَسْعُودٍ هَلْ عَلِمْتَ أَنَّ بَنِي إِسْرَائِيلَ افْتَرَقُوا عَلَى اثْنَتَيْنِ وَسَبْعِينَ فِرْقَةً لَمْ يَنْجُ مِنْهاَ إِلَّا ثَلَاثَ فِرَقٌ

อิสฮ๊าก  บินอิบรอฮีม   บินอบีหัสซาน อัลอันมาฏี  จาก
ฮิช่าม  บินอัมมาร อัด-ดิมัชกี จาก
อัลวะลีด บินมุสลิม  จาก
บุกัยรฺ บินมะอ์รูฟ  จาก
มุกอติล บินหัยยาน จาก
อัลกอซิม บินอับดุลเราะห์มาน   จากบิดาเขา  จาก
อิบนุมัสอูดเล่าว่า
ท่นรอซูลุลเลาะฮ์(ศ)กล่าวว่า     โอ้อิบนิมัสอูด  ท่านรู้ไหมว่า  แท้จริง  บนีอิสรออีลได้แตกออกเป็น 72 กลุ่ม  ไม่มีกลุ่มใดรอด  ยกเว้นสามกลุ่มเท่านั้น

อัลมุอ์ญะมุลกะบีร   หะดีษที่  10357


ศึกษา สถานะของผู้รายงานหะดีษ (รอวี)


เชคอัลบานี  วิจารณ์ว่า สถานะหะดีษ  ดออีฟ  ที่ฮิช่าม บินอัมมารกับอัลวะลีดบินมุสลิม

ดูหนังสือซิลาลุลญันนะฮ์  โดยเชคอัลบานี  เล่ม 1 :29 หะดีษที่ 71    


71 - ( ضعيف )
 حدثنا هشام بن عمار ثنا الوليد بن مسلم أخبرني بكير بن معروف عن مقاتل بن حيان عن القاسم بن عبد الرحمن عن أبيه عن جده عبدالله بن مسعود أن رسول الله صلى الله عليه وسلم قال إن بني إسرائيل افترقت على اثنتين وسبعين فرقة لم ينج منها إلا ثلاث
 إسناده ضعيف رجاله ثقات على ضعف في هشام بن عمار والوليد بن مسلم يدلس تدليس التسوية ولم يصرح بالتحديث في غير شيخه بكير
 والحديث أخرجه الطبراني في الكبير حدثنا إسحاق بن إبراهيم بن أبي حسان الأنماطي نا هشام بن عمار به

ظلال الجنة   ج 1  ص 29

 
الكتاب : ظلال الجنة في تخريج السنة لابن أبي عاصم
المؤلف : محمد ناصر الدين الألباني
الناشر : المكتب الإسلامي - بيروت
الطبعة : الثالثة - 1413-1993
عدد الأجزاء : 2



สรุป

สะนัดหะดีษบทนี้มีนักรายงานที่ดออีฟรวมอยู่ด้วย  จึงมีสถานะหะดีษ  : ดออีฟ (อ่อน)
  •  

L-umar



ตอน   40



รายงานที่ 6



อับดุลเลาะฮ์ บินอัมรูว์บินอาศรายงาน



سن الترمذي : 2853 –  حَدَّثَنَا مَحْمُودُ بْنُ غَيْلاَنَ حَدَّثَنَا أَبُو دَاوُدَ الْحَفَرِىُّ عَنْ سُفْيَانَ الثَّوْرِىِّ عَنْ عَبْدِ الرَّحْمَنِ بْنِ زِيَادِ بْنِ أَنْعُمَ الإِفْرِيقِىِّ عَنْ عَبْدِ اللَّهِ بْنِ يَزِيدَ عَنْ عَبْدِ اللَّهِ بْنِ عَمْرٍو قَالَ قَالَ رَسُولُ اللَّهِ –صلى الله عليه وسلم-
« وَإِنَّ بَنِى إِسْرَائِيلَ تَفَرَّقَتْ عَلَى ثِنْتَيْنِ وَسَبْعِينَ مِلَّةً وَتَفْتَرِقُ أُمَّتِى عَلَى ثَلاَثٍ وَسَبْعِينَ مِلَّةً كُلُّهُمْ فِى النَّارِ إِلاَّ مِلَّةً وَاحِدَةً قَالُوا وَمَنْ هِىَ يَا رَسُولَ اللَّهِ قَالَ مَا أَنَا عَلَيْهِ وَأَصْحَابِى ».

قَالَ أَبُو عِيسَى هَذَا حَدِيثٌ مُفَسَّرٌ حَسَنٌ غَرِيبٌ لاَ نَعْرِفُهُ مِثْلَ هَذَا إِلاَّ مِنْ هَذَا الْوَجْهِ.


ท่านรอซูลุลเลาะฮ์กล่าวว่า  :  แท้จริงบนีอิสรออีลได้แตกออกเป็น 72 มิลละฮ์ และอุมมะฮ์ของฉํนจะแตกออกเป็น73 มิลละฮ์  พวกเขาทั้งหมดจะอยู่ในไฟนรก ยกเว้นหนึ่งมิลละฮ์  พวกเขากล่าวว่า และมิลละฮ์ที่ว่านั้นคือใคร โอ้ท่านรอซูลุลเลาะฮ์ ?   ท่านกล่าวว่า สิ่งที่ฉันและเศาะหาบะฮ์ของฉันดำรงอยู่

สุนัน อัต ติรมิซีย์  หะดีษที่ 2853


ศึกษา สถานะของผู้รายงานหะดีษ (รอวี)

จากอับดุลเราะห์มาน บินซิยาด บินอัมอัม อัลอิฟรีกีย์ จากอับดุลเลาะฮ์ บินซัยดฺ จากอับดุลเลาะฮ์ บินอัมรูว์

อับดุลเราะห์มาน บินซิยาด บินอันอัม อัลอิฟรีกีย์

1111 - عبد الرحمن بن زياد بن انعم الإفريقي
إبن المديني قال سمعتُ يحيى يعنى القطان ضَعَّفَ الإفريقي

ยะห์ยา บินกอฏฏอน  ได้ตัฏอีฟอัลอิฟรีกี

كان يحيى بن سعيد وعبد الرحمن بن مهدى لا يحدثان عن عبد الرحمن بن زياد بن انعم

ยะห์ยา บินสะอีดกับอับดุลเราะห์มาน บินมะฮ์ดี จะไม่รายงานหะดีษจากอับดุลเราะห์มาน บินซิยาด บินอันอัม

قال احمد بن حنبل عبد الرحمن بن زياد بن انعم الإفريقي ليس بشيء
 
อิหม่ามอะหมัดกล่าวว่า  อับดุลเราะห์มาน บินซิยาด บินอันอัม อัลอิฟรีกี ไม่มีสิ่งใดเลย

سئل يحيى بن معين عن الإفريقي فقال ضعيف
نا عبد الرحمن نا محمد بن إبراهيم قال سمعت
عبد الرحمن قال سألت أبى عن عبد الرحمن بن زياد بن انعم فقال يكتب حديثه ولا يحتج به
عبد الرحمن قال سألت أبى وأبا زرعة عن الإفريقي وابن لهيعة أيهما أحب اليكما قالا جميعا ضعيفين
الجرح والتعديل - أبو حاتم الرازي

อ้างอิงจากอัลญัรฮุ วัตตะอ์ดีล  โดยอบูฮาติมอัลรอซี   อันดับที่ 1111


207 - عبد الرحمن بن زياد حدثنا محمد قال ثنا المقري عن عبد الرحمن بن زياد في حديثه بعض المناكير
الضعفاء الصغير – البخاري

มุฮัมมัดเล่าจากอัลมุก รีย์ ได้เล่าถึงอับดุลเราะห์มาน บินซิยาด บินอันอัมเกี่ยวกับหะดีษของเขาว่า มีบางส่วนมุงกัร

อ้างอิงจาก อัฎ-ฎุอะฟาอุซ- ซอฆีร โดยอัลบุคอรี  อันดับที่ 207

3862 - عبد الرحمن بن زياد بن أنعم الإفريقي قاضيها ضعيف في حفظه
تقريب التهذيب - ابن حجر
43 - د ت ق عبد الرحمن بن زياد بن أنعم الأفريقي قال بن حبان كان يدلس.
الكتاب : التبيين لأسماء المدلسين
المؤلف : أبو الوفا إبراهيم بن محمد بن خليل سَبْط ابن العجمي الشافعي
37 ـ د ت ق: عبد الرحمن بن زياد بن أنعم الإفريقي قال ابن حبان كان يدلس
الكتاب : المدلسين
المؤلف : أبو زرعة أحمد بن عبد الرحيم العرقي

361 - عبد الرحمن بن زياد بن أنعم الإفريقي ضعيف
الضعفاء والمتروكين – النسائي


قال الألباني في سلسلة الأحاديث الضعيفة  ج 1 ص 108 رقم الحديث :35  :
و هذا سند ضعيف من أجل الإفريقى هذا ، قال الحافظ في \\\" التقريب \\\" : ضعيف في
حفظه ، و ضعفه الترمذي فقال عقب الحديث : إنما نعرفه من حديث الإفريقى ، و هو
ضعيف عند أهل الحديث
وقال مرة اخري
عبد الرحمن بن زياد الإفريقي، وأكثر أهل العلم لا يحتج بحديثه،

อัลบานีกล่าวไว้ในหนังสือซิลซิละตุล อะฮาดีษ  อัด-เดาะอีฟะฮ์  เล่ม 1 : 108 หะดีษที่ 35
สะนัดหะดีษนี้ ดออีฟ(อ่อน) เนื่องจากมีอัลอิฟรีกีคนนี้   อัลฮาฟิซ(อิบนุหะญัร)กล่าวไว้ในหนังสือตักรีบุต-ตะฮ์ซีบว่า   ดออีฟในความจำของเขา  
อัตติรมิซี ถือว่าเขาดออีฟ  และยังกล่าวในท้ายหะดีษว่า  เรารู้จักมันจากหะดีษของอัลอิฟรีกี  และเขาผู้นี้มีสถานะ ดออีฟ ในทัศนะของอะฮ์ลุลหะดีษ  
และกล่าวอีกครั้งหนึ่งว่า อับดุลเราะห์มาน บินซิยาด อัลอิฟรีกี ส่วนมากนักวิชาการจะไม่นำหะดีษของเขามาอ้างอิงเป็นหลักฐาน

อัลบานียังกล่าวว่าหะดีษนี้ ดออีฟ
171 - [ 32 ] ( ضعيف )
 وعن عبد الله بن عمرو قال قال رسول الله صلى الله عليه وسلم : \\\" ليأتين على أمتي ما أتى على بني إسرائيل حذو النعل بالنعل حتى إن كان منهم من أتى أمه علانية لكان في أمتي من يصنع ذلك وإن بني إسرائيل تفرقت على ثنتين وسبعين ملة وتفترق أمتي على ثلاث وسبعين ملة كلهم في النار إلا ملة واحدة قالوا ومن هي يا رسول الله قال ما أنا عليه وأصحابي \\\" . رواه الترمذي

الكتاب : مشكاة المصابيح  ج 1  ص 37
المؤلف : محمد بن عبد الله الخطيب التبريزي
الناشر : المكتب الإسلامي - بيروت
الطبعة : الثالثة - 1405 - 1985
تحقيق : تحقيق محمد ناصر الدين الألباني
عدد الأجزاء : 3


มิชกาตุล มะซอบี๊หฺ   เล่ม  1 : 37 หะดีษที่ 171 ฉบับตรวจทานโดยเชคอัลบานี



สรุป

สะนัดหะดีษบทนี้มีนักรายงานที่ดออีฟรวมอยู่ด้วย  จึงมีสถานะหะดีษ  : ดออีฟ (อ่อน)
  •  

L-umar



ตอน   41


รายงานที่  7


สะอัด บินอบีวักก็อศรายงาน



حَدَّثَنَا يُوسُفُ بْنُ مُوسَى ، قَالَ : حَدَّثَنَا أَحْمَدُ بْنُ عَبْدِ اللهِ بْنِ يُونُسَ ، قَالَ : حَدَّثَنَا أَبُو بَكْرِ بْنُ عَيَّاشٍ ، عَنْ مُوسَى بْنِ عُبَيْدَةَ ، عَنْ أَخِيهِ عَبْدِ اللهِ بْنِ عُبَيْدَةَ ، عَنْ عَائِشَةَ ابْنَةِ سَعْدٍ ، عَنْ أَبِيهَا(سَعْدِ بْنِ أَبِي وَقَّاصٍ) ، قَالَ :
قَالَ رَسُولُ اللهِ صلى الله عليه وسلم : افْتَرَقَتْ بَنُو إِسْرَائِيلَ عَلَى إِحْدَى وَسَبْعِينَ مِلَّةً ، وَلَنْ تَذْهَبَ اللَّيَالِي وَالأَيَّامُ حَتَّى تَفْتَرِقَ أُمَّتِي عَلَى مِثْلَهَا.
وَهَذَا الْحَدِيثُ لاَ نَعْلَمُهُ يُرْوَى عَنْ سَعْدٍ إِلاَّ مِنْ هَذَا الْوَجْهِ ، وَلاَ نَعْلَمُ رَوَى عَبْدُ اللهِ بْنُ عُبَيْدَةَ ، عَنْ عَائِشَةَ ، عَنْ أَبِيهَا إِلاَّ هَذَا الْحَدِيثَ.

مسند البزار : 1199ـ

ท่านรอซูลุลเลาะฮ์(ศ)กล่าวว่า   บนูอิสรออีล(ยิว)ได้แตกออกเป็น  71 มิลละฮ์  และกลางคืนกับกลางวันทั้งหลายจะไม่มีวันผ่านไป  จนกว่าอุมมะฮ์ของฉัน  จะแตกออกเหมือนเช่นมัน

มุสนัด อัลบัซซ้าร   หะดีษที่   1199    







ศึกษา สถานะของผู้รายงานหะดีษ (รอวี)


มูซา  บินอุบัยดะฮ์  ถูกนักวิชาการวิจารณ์ว่า  

مُوسَى بْنِ عُبَيْدَةَ  توفي 253هـ. ، عَنْ أَخِيهِ(عَبْدِ اللهِ بْنِ عُبَيْدَةَ)
345 - موسى بن عبيدة أبو عبد العزيز الربذي فال أحمد بن حنبل منكر الحديث
الضعفاء الصغير – البخاري

อิหม่ามอะหมัดกล่าวว่า   มูซา บินอุบัยดะฮ์     มุงกัร หะดีษ

อ้างอิงจาก  
อัด-ดุอะฟาอุซ- ซอฆีร  โดยอัลบุคอรี  อันดับที่  345      


เชคอัลบานี ได้วิจารณ์  มูซา บินอุบัยดะฮ์ไว้ดังนี้

\\\"إسناده ضعيف ؛ لضعف موسى بن عبيدة الربذي ، وقد تركه كثير من أهل العلم ، وشيخه وشيخ شيخه لم أعرفهما\\\" !
السلسلة الضعيفة - (ج 211 / ص 2
อิสนาดของมัน  ดออีฟ  เพราะความดออีฟของมูซา บินอุบัยดะฮ์ อัลร็อบซี  ส่วนมากจากนักวิชาการนั้นทิ้ง(การรายงานของ)เขา   เชคของเขา และเชคของเชคของเขา  ฉันไม่เคยรู้จักทั้งสอง

อ้างอิงจาก
ซิลซิละฮ์ อัด-เดาะอีฟะฮ์   หะดีษที่  5204

สรุป

สะนัดหะดีษบทนี้มีนักรายงานที่ดออีฟรวมอยู่ด้วย  จึงมีสถานะหะดีษ  : ดออีฟ (อ่อน)
  •  

L-umar


ตอน   42  



รายงานที่ 8



อบีอุมามะฮ์รายงาน



(أخبرنا) أبو الحسن على بن احمد بن عبدان أنبأ احمد بن عبيد الصفار ثنا اسمعيل بن اسحاق القاضى ثنا محمد بن أبى بكر ثنا حماد هو ابن زيد
عَنْ أَبِي غَالِبٍ عَنْ أَبِي أُمَامَةَ قَالَ سَمِعْتُهُ مِنْ رَسُولِ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ قَالَ
ان بنى اسرائيل تفرقوا على احدى وسبعين فرقة وان هذه الامة تزيد عليهم فرقة كلها في النار الا السواد الاعظم
السنن الكبرى للبيهقي  ج 8  ص 188

จากอบีฆอลิบ จากอบีอุมามะฮ์เล่าว่า  ฉันได้ยินมันจากท่านรอซูลุลเลาะฮ์(ศ)กล่าวว่า  
แท้จริงบนีอิสรออีลได้แตกออกเป็น  71 ฟิรเกาะฮ์ และแท้จริงอุมมะฮ์นี้ จะมีฟิรเกาะฮ์เพิ่มขึ้นมากกว่าพวกเขา(ยิว)   ทั้งหมดนั้นอยู่ในไฟนรก   ยกเว้น  อัส-สะวาดุล อะอ์ซ็อม

สุนัน  กุบรอ โดยอัลบัยฮะกี   เล่ม  8  หน้า 188



ศึกษา สถานะของผู้รายงานหะดีษ (รอวี)

5048 - أبو غالب يروى عن أبى أمامة روى عنه عبد الرحمن بن المبارك العيشي ربما أخطأ
الثقات - ابن حبان

อิบนิฮิบบานกล่าวว่า    อบูฆอลิบ รายงานจากอบีอุมามาฮ์ และอับดุลเราะห์มาน บินมุบารอกรายงานจากเขา บางทีผิดพลาด

อัษ – ษิกอต  อิบนิฮิบบาน   อันดับที่  5048  

665 - أبو غالب يروي عن أبي أمامة ضعيف
الضعفاء والمتروكين – النسائي

อัน-นะซาอีกล่าวว่า    อบูฆอลิบ สหายของอบีอุมามะฮ์    (เขา) ดออีฟ

อัด –ดุอะฟาอุ วัลมัตรูก  โดยอันนะซาอี  อันดับที่  665

8298 - أبو غالب صاحب أبي أمامة بصري نزل أصبهان قيل اسمه حزور وقيل سعيد بن الحزور وقيل نافع صدوق يخطىء
تقريب التهذيب - ابن حجر
อิบนิหะญัรกล่าวว่า    อบูฆอลิบ สหายของอบีอุมามะฮ์ ชาวบัศเราะฮ์   บ้างว่าชื่อ หะรูซ หรือ สะอีดบินหะรูซ หรือ นาฟิ๊อฺ     เชื่อได้ มีผิดพลาด

ตักรีบุต ตะฮ์ซีบ  อันดับที่  8298  

7561 - أبو غالب البصري
ذكره محمد بن سعد من أهل البصرة وقال منكر الحديث
มุฮัมมัด บินสะอัดกล่าวว่า    เขา(อบูฆอลิบ) เป็นชาวบัศเราะฮ์  และกล่าวว่า  มุงกัรหะดีษ  

وقال أبو حاتم ليس بالقوي
อบูหาติมกล่าวว่า   เขาไม่แข็งแรง(ในการรายงาน)

ตะฮ์ซีบุลกะมาล  โดยอัลมมิซซี  อันดับที่  7561



สรุป

สะนัดหะดีษบทนี้มีนักรายงานที่ดออีฟรวมอยู่ด้วย  จึงมีสถานะหะดีษ  : ดออีฟ (อ่อน)
  •  

L-umar




ตอน  43


รายงานที่ 9


ญาบิร บินอับดุลเลาะฮ์รายงาน


وعن جابر بن عبد الله قال: قال رسول الله(صلى الله عليه وآله وسلم) تفرقت اليهود على واحد وسبعين فرقة كلها في النار، وتفرقت النصارى على ثنتين وسبعين فرقة كلها في النار، وإن امتي ستفترق على ثلاث وسبعين فرقة كلها في النار إلاّ واحدة فقال عمر بن الخطاب: يا رسول الله أخبرنا من هم ؟ قال: السواد الأعظم
السَّوادِ الأعْظَم : أي جُمْلة النَّاس
 ท่านรอซูลุลเลาะฮ์ (ศ)กล่าวว่า   พวกยะฮูดีได้แตกออกเป็น 71 ฟิรเกาะฮ์  ทุกกลุ่มนั้นอยู่ในไฟนรก
พวกนะซอรอได้แตกออกเป็น  72 ฟิรเกาะฮ์ ทุกกลุ่มนั้นอยู่ในไฟนรก
และแท้จริงอุมมะฮ์ของฉันจะแตกออกเป็น   73  ฟิรเกาะฮ์  ทุกกลุ่มนั้นอยู่ในไฟนรก  ยกเว้น หนึ่งกลุ่ม  
ท่านอุมัรบินคอตตอบกล่าวว่า  โอ้ท่านรอซูลุลเลาะฮ์  โปรดแจ้งเราด้วยเถิดว่า พวกเขาเป็นใคร ?
ท่านตอบว่า   อัส-สะวาดุล อะอ์ซ็อม

หมายเหตุ  -  คำ  (  อัส-สะวาดุล อะอ์ซ็อม ) แปลว่า  คนส่วนหนึ่ง

ศึกษา สถานะของผู้รายงานหะดีษ (รอวี)

หะดีษไม่ได้รายงานไว้ในกุตุบสุนนัน  แต่ถูกบันทึกไว้ในหนังสือดังต่อไปนี้

1.   ตารีค แบกแดด  เล่ม 9 : 247

2.   ตะฮ์ซีบุต ตะฮ์ซีบ โดยอิบนุหะญัร  เล่ม 9 : 498

3.   ตักรีบุต ตะฮ์ซีบ โอยอิบนุหะญัร เล่ม 2 : 215


หะดีษนี้มีสายรายงานมาจาก มุหัมมัด บินอัลฮัยษัม ( محمد بن الهيثم )

กลุ่มหนึ่งกล่าวว่า เขาษิเกาะฮ์     ในขณะที่   อิบนุหะญัรถือว่าเขาดออีฟ



انظر المجروحين لابن حبان ج2/225


อ้างอิงจาก
อัลมัจญ์รูฮีน   โดยอิบนฮิบบาน  เล่ม 2  :  225
  •  

L-umar



ตอน  44


รายงานที่ 10


อบูดัรดาอ์,อบูอุมามะฮ์,วาษิละฮ์และอะนัสรายงาน



المعجم الكبير : 7659 - عن عبد الله بن يزيد بن آدم الدمشقي قال حدثني أبو الدراء و أبو أمامة و واثلة بن الأسقع و أنس بن مالك قالوا : خرج علينا رسول الله صلى الله عليه و سلم يوما ونحن نتمارى في شيء من أمر الدين فغضب غضبا شديدا لم يغضب مثله ثم انتهرنا فقال : مهلا يا أمة محمد إنما هلك من كان قبلكم بهذا أخذوا المراء لقلة خيره
ذروا المراء فإن بني إسرائيل افترقوا على إحدى وسبعين فرقة والنصارى على ثنتين وسبعين كلهم على الضلالة إلا السَّوَادُ الْأَعْظَمُ قالوا : يا رسول الله ومَن السَّوَادُ الْأَعْظَمُ ؟ قال : من كان على ما أنا عليه وأصحابي من لم يمار في دين الله ومن لم يكفر أحدا من أهل التوحيد بذنب غفر له


อับดุลเลาะฮ์ บินยะซีด บินอาดัม อัด ดิมัชกีย์กล่าวว่า  อบู ดัรดาอ์, อบูอุมามะฮ์, วาษิละฮ์ บินอัสเกาะอ์และอะนัสบินมาลิกพวกเขาได้เล่าให้ฉันฟังว่า

วันหนึ่ง ท่านรอซูลุลเลาะฮ์ออกมายังพวกเรา และเรากำลังโต้เถียงกันในเรื่องหนึ่งเกี่ยวกับเรื่องศาสนา  ท่านโกรธจัดท่านไม่เคยโกรธเช่นนี้มาก่อน จากนั้นพวกเราจึงห้ามปรามกันให้ยุติ  ท่านกล่าวว่า ช้าก่อนโอ้อุมมะฮ์ของมุหัมมัดเอ๋ย !  อันที่จริงได้ประสบความหายนะมาแล้วคนในยุคก่อนพวกท่านด้วยการที่พวกเขายึดเอาการทะเลาะวิวาทนี้(เป็นที่ตั้ง) เนื่องจากความดีงามของมันมีเพียงน้อยนิด
พวกเจ้าจงทิ้งการทะเลาะวิวาทนี้เสียเถิด เพราะพวกบนีอิสรออีลได้แตกออกเป็น 71 ฟิรเกาะฮ์  และพวกนะศอรอก็แตกออกเป็น 72 ฟิรเกาะฮ์ พวกเขาอยู่บนความหลงผิด(เฎาะลาละฮ์)ทั้งหมด
ยกเว้น อัส สะวาดุลอะอ์ซ็อม  พวกเขากล่าวว่า โอ้ท่านรอซูลุลเลาะฮ์ และใครล่ะคือ อัส สะวาดุลอะอ์ซ็อม ?   ท่านกล่าวว่า   คือสิ่งที่ฉันและเศาะหาบะฮ์ของฉันดำรงอยู่  ผู้ที่ไม่เคยวิวาทโต้เถียงในศาสนาของอัลเลาะฮ์ และผู้ที่ไม่เคยหุกุ่มอะฮ์ลุตเตาฮีดด้วยความผิดหนึ่งที่เขาจะได้รับการอภัยว่า เป็นกาฟิร


อ้างอิงจาก

อัลมุอ์ญะมุลกะบีร โดยอัฏ ฏ็อบรอนีย์ อันดับที่ 7659




ศึกษา สถานะของผู้รายงานหะดีษ (รอวี)

4698 - عبدالله بن يزيد بن آدم الدمشقي.
عن واثلة، وأبى أمامة.
وعنه كثير بن مروان ، و أَبُو الْعَطُوفِ وَاسْمُهُ الْجَرَّاحُ بْنُ الْمِنْهَالٍ ، وأهل الرقة.
قال أحمد: أحاديثه موضوعة.
وقال الجوزجانى: أحاديثه منكرة.
الكتاب : ميزان الاعتدال للذهبي


อับดุลเลาะฮ์ บินยะซีด บินอาดัม อัด ดิมัชกีย์
รายงานหะดีษจาก วาษิละฮ์และอบีอุมามะฮ์
กะษีร บินมัรวาน,อบุลอะฏู๊ฟและชาวเมืองริกเกาะฮ์รายงานหะดีษจากเขา
อะหมัด บินหัมบัลกล่าวว่า   : หะดีษต่างๆของเขาเป็น หะดีษเมาฎู๊อฺ (กุ,เก๊)
อัลเญาซะญานีย์กล่าวว่า  : หะดีษต่างๆของเขานั้นมุงกัร (ถูกปฏิเสธ ไม่เป็นที่ยอมรับ)


อ้างอิงจาก

มีซานุลอิ๊อฺติดาล โดยอัซซะฮะบีย์ อันดับที่  4698



สรุป


สะนัดหะดีษบทนี้มีนักรายงานที่ดออีฟรวมอยู่ด้วย  จึงมีสถานะหะดีษ  : ดออีฟ (อ่อน)
  •  

L-umar


ตอน  45



รายงานที่ 11




12435 - حدثنا يحيى بن عبد الباقي ثنا يوسف بن عبد الرحمن المروروذي ثنا أبو تقي عبد الحميد بن إبراهيم الحمصي ثنا معدان بن سليم الحضرمي عن عبد الرحمن بن نجيح عن أبي الزاهرية عن جبير بن نفير عَنْ عَوْفِ بْنِ مَالِكٍ الْأَشْجَعِيِّ قال : قَالَ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ : كَيْفَ أَنْتَ يَا عَوْفُ إِذَا افْتَرَقَتْ هَذِهِ الْأُمَّةُ عَلَى ثَلاَثَ وَسَبْعِيْنَ فِرْقَةٌ وَاحِدَةٌ فِي الْجَنَّةِ وَسَائِرُهُنَّ فِي النَّارِ
رواه الطبراني وفيه عَبْدُ الْحَمِيدِ بن إبراهيم وثقه ابن حبان وهو ضعيف وفيه جماعة لم أعرفهم
الكتاب : مجمع الزوائد ومنبع الفوائد  الهثمي   ج 7 ص 626  ح : 12435
المؤلف : نور الدين علي بن أبي بكر الهيثمي   الناشر : دار الفكر، بيروت - 1412 هـ


เอาฟ์ บินมาลิก อัลอัชญะอีย์รายงานว่า :

ท่านรอซูลุลเลาะฮ์กล่าวว่า : ท่านจะเป็นอย่างไร โอ้เอาฟ์ เมื่ออุมมะฮ์นี้ได้แตกออกเป็น 73 ฟิรเกาะฮ์  มีพวกหนึ่งจะอยู่ในสวรรค์ ส่วนพวกทั้งหลายจะอยู่ในไฟนรก


มัจญ์มะอุซ ซะวาอิด  โดยอัลฮัยษะมี   หะดีษที่ 12435


อัลฮัยษะมีย์กล่าวว่า :

อัฏ ฏ็อบรอนีย์รายงานหะดีษนี้  ซึ่งในหะดีษบทนี้มีอับดุลหะมีด บินอิบรอฮีม    อิบนุหิบบานถือว่า ษิเกาะฮ์ และเขานั้นดออีฟ และในหะดีษบทนี้ยังมีสายรายงานกลุ่มหนึ่งที่ฉันไม่รู้จักพวกเขา




ศึกษา สถานะของผู้รายงานหะดีษ (รอวี)

41 - عبد الحميد بن إبراهيم الحضرمي الحمصي
نا عبد الرحمن قال سألتُ محمد بن عوف الحمصي عنه فقال كان شيخا ضريرا لا يحفظ
الجرح والتعديل - أبو حاتم الرازي

อบูหาติม อัลรอซีย์กล่าวว่า  อับดุลเราะห์มานเล่าว่า  ฉันถามมุหัมมัด บินเอาฟ์อัลหิมศ์ถึงอับดุลหะมีด เขากล่าวว่า  คือเชคตาบอด ไม่จดจำ(หะดีษ)

อัลญะเราะหฺ วัต ตะอ์ดีล โดยอบูหาติม อันดับที่ 41

3704 - عبد الحميد بن إبراهيم الحضرمي أبو تقي الحمصي
وقال النسائي ليس بشيء وقال في موضع آخر ليس بثقة
تهذيب الكمال – الْمِزِّيّ

อัลมิซซีย์กล่าวว่า  อัน นะสาอีย์กล่าวว่า  (อับดุลหะมีด) ไม่มีสิ่งใดเลย และเขากล่าวในอีกที่หนึ่งว่า เขาไม่ษิเกาะฮ์ (คือเชื่อถือไม่ได้)

ตะฮ์ซีบุลกะมาล  โดยอัมมิซซีย์ อันดับที่  3704

3751 - عبد الحميد بن إبراهيم الحمصي  : صدوق إلا أنه ذهبت كتبه فساء حفظه
تقريب التهذيب - ابن حجر

อิบนุหะญัรกล่าวว่า  อับดุลหะมีด  คำพูดเชื่อได้ เว้นแต่ว่าตำราเขาสูญหายไป แล้วความจำเขาก็ไม่ดี

ตักรีบุต ตะฮ์ซีบ  โดยอิบนุหะญัร  อันดับที่  3751
 

สรุป

สะนัดหะดีษบทนี้มีนักรายงานที่ดออีฟรวมอยู่ด้วย  จึงมีสถานะหะดีษ  : ดออีฟ (อ่อน)
  •  

87 ผู้มาเยือน, 0 ผู้ใช้