Welcome to Q4wahabi.com (Question for Wahabi). Please login or sign up.

ธันวาคม 21, 2024, 11:08:55 หลังเที่ยง

Login with username, password and session length
สมาชิก
  • สมาชิกทั้งหมด: 1,718
  • Latest: Haroldsmolo
Stats
  • กระทู้ทั้งหมด: 3,698
  • หัวข้อทั้งหมด: 778
  • Online today: 22
  • Online ever: 200
  • (กันยายน 14, 2024, 01:02:03 ก่อนเที่ยง)
ผู้ใช้ออนไลน์
Users: 0
Guests: 21
Total: 21

Q4 วาฮาบี 2 เตาฮีดวาฮาบีได้มาจากยิว

เริ่มโดย L-umar, กุมภาพันธ์ 25, 2010, 03:18:49 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

L-umar

Q4 วาฮาบี  2

ความเชื่อเรื่องพระเจ้าของวาฮาบีเอามาจากยิว



หัวหน้าวาฮาบีได้รับสารภาพว่า   ความเชื่อเรื่องเตาฮีดของพวกเขาได้รับเอามาจากพวกยิว


Θ ชัยคุลอิสลาม อิบนุตัยมียะฮ์ ได้กล่าวว่า  :


قاَلَ ابْنُ تَيْمِيَّة : وَمِنَ الْمَعْلُوْمِ لِمَنْ لَهُ عِناَيَة باِلْقُرْآنِ أَنَّ جُمهُورَ الْيَهُود لاَ تَقُوْلُ إِنَّ عُزَيْرَ اِبْنُ اللهِ

เป็นที่รู้กันดีสำหรับผู้ที่เขาให้ความสนใจต่อคัมภีร์อัลกุรอ่านว่า  ชาวยิวส่วนใหญ่ไม่ได้กล่าว(คือเชื่อ)ว่า   นะบีอุซัยร์คือ บุตรชายของอัลเลาะฮ์

وإنما قاَلَهُ طائِفَةٌ مِنهُم، كَما قد نَقَلَ أنه قاَلَ فَنحاَصُ بن عازُوْرَا، أَو هُو وغَيْرُهُ

แต่ที่จริงมียิวกลุ่มหนึ่งจากพวกยิวเท่านั้นที่กล่าวเช่นนั้น  ตามที่มีรายงานว่า นายฟานฮาส บุตรอาซูรา (fanhas ibni azura ) หรือผู้อื่นที่กล่าวเช่นนั้น

وَبِالْجُملَة، إِنَّ قاَئِلِي ذَلِكَ مِنَ الْيَهُود قَلِيْلٌ، وَلَكِنَّ الْخَبَرَ عَنِ الْجِنْسِ كَمَا قاَلَ :
الَّذِينَ قَالَ لَهُمُ النَّاسُ إِنَّ النَّاسَ قَدْ جَمَعُوْا لَكُمْ

สรุปคือ   บรรดาผู้ที่กล่าวเช่นนั้นจากพวกยิวมีเพียงน้อยนิด แต่ข่าวนั้นมาจากชาวยิว เหมือนที่อัลเลาะฮ์ตรัสว่า :

บรรดาที่ผู้คนได้กล่าวแก่พวกเขาว่า  แท้จริงมีผู้คนได้ชุมนุมสำหรับพวกท่าน
( ทั้งๆที่คำว่า " ผู้คน " ในอายัตนี้มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่พูด ผู้แปล.)

فَاللهُ سبحانه بَيَّنَ هَذاَ الْكُفْرَ الَّذِي قَالَهُ بَعْضُهُمْ وعابه به.

ดังนั้นอัลเลาะฮ์ทรงชี้แจงถึงความกุฟร์(การปฏิเสธศรัทธา)นี้ที่มีบางคนได้กล่าวมันและทรงตำหนิเขาต่อสิ่งนั้น

فلو كان ما في التوراة من الصفات التي تقول النفاة إنها تشبيه وتجسيم فإن فيها من ذلك ما تنكره النفاة وتسميه تشبيهاً وتجسيماً بل فيها إثبات الجهة،
وتكلم الله بالصوت، وخلق آدم على صورته وأمثال هذه الأمور،

หากว่าสิ่งที่(บันทึก)อยู่ในคัมภีร์เตารอตเกี่ยวเรื่องซิฟัตต่างๆ(ของอัลเลาะฮ์) ที่พวกปฏิเสธ(ซิฟัต)กล่าวว่า มันเป็นการตัชบี๊ห์(เอาพระเจ้าไปเปรียบเทียบกับสิ่งถูกสร้าง)และตัจญ์ซีม(ให้คุณลักษณะกับพระเจ้าว่ามีเรือนร่าง) ที่ยิ่งกว่านั้นคือในเตารอตยังยืนยันถึงทิศทาง(ของพระเจ้า)อีกด้วย และอัลเลาะฮ์ได้ตรัสด้วยเสียง และทรงสร้างอาดัมมาบนรูปลักษณ์ของพระองค์เอง หรือลักษณะทำนองคล้ายๆกับเรื่องเหล่านี้

فإن كان هذا مما كذبته اليهود وبدلته، كان إنكار النبي (ص) لذلك،

ถ้าหากว่าเรื่องเหล่านี้คือส่วนหนึ่งที่พวกยิวปั้นแต่งมันขึ้นมาหรือแก้ไขบิดเบือนมัน แน่นอนท่านนะบี(ศ)จะต้องปฏิเสธเรื่องนั้นด้วยเช่นกัน

وبيان ذلك أولى من ذكر ما هو دون ذلك! فكيف والمنصوص عنه موافقٌ للمنصوص في التوراة! فإنك تجد عامة ماجاء به الكتاب والأحاديث في الصفات موافقاً مطابقاً لما ذكر في التوراة!!

การชี้แจงถึงสิ่งนั้น(เรื่องซิฟัตอัลเลาะฮ์)ย่อมสำคัญกว่าการกล่าวถึงเรื่องอื่นๆ  ดังนั้นจะเป็นอย่างไรเล่า ในเมื่อมีหลักฐานระบุเอาไว้เกี่ยวกับมัน ซึ่งไปตรงกับหลักฐานที่กล่าวเอาไว้ในคัมภีร์เตารอต  ท่านจะพบว่า โดยทั่วไปนั้น สิ่งที่คัมภีร์กุรอ่านและหะดีษต่างๆได้นำมันมา(คือกล่าวถึง)เกี่ยวกับเรื่องซิฟัตต่างๆ(ของอัลเลาะฮ์) มันสอดคล้องตรงกับสิ่งที่กล่าวไว้ในคัมภีร์เตารอต

وَقَدْ قُلْناَ قَبْلَ ذَلِكَ إِنَّ هَذاَ كُلَّهُ مِماَّ يَمتنع فِي العادة توافق الْمُخْبِرَيْنِ بِهِ مِنْ غَيْرِ مُوَاطأة وموسى لَمْ يُواطئ محمداً، ومحمد لم يتعلم من أهل الكتاب، فدل ذلك على صدق الرسولين العظيمين وصدق الكتابين الكريمين)
كتاب : العقل في فهم القرآن  لابن تيمية  ص 88    و درء تعارض العقل والنقل   ج 3 ص 329

แน่นอนเราได้กล่าวไปแล้วก่อนหน้านี้ว่า  แท้จริงเรื่องทั้งหมดนี้มันขัดกับความปกติวิสัยธรรมดา ที่ผู้ประกาศข่าวเรื่องนั้นถึงสองคน โดยที่ทั้งสองคนไม่เคยพบเจอกันเลย ระหว่างนะบีมูซากับนะบีมุฮัมมัด และนะบีมุฮัมมัดก็ไม่เคยได้ไปศึกษาเล่าเรียนความรู้มาจากอะฮ์ลุลกิตาบ(ชาวคัมภีร์เตารอตและอินญีล)  เพราะฉะนั้นสิ่งนั้นมันจึงบ่งบอกถึงความสัจจริงของท่านศาสนฑูตทั้งสองผู้ยิ่งใหญ่ และความสัจจริงของคัมภีร์อันมีเกียรติยิ่งทั้งสองเล่ม


อ้างอิงจากหนังสือ

อัลอักลุ ฟี ฟะฮ์มิลกุรอาน โดยอิบนุตัยมียะฮ์  หน้า และ

ดัรอุ ตะอารุดิลอักลิ วันนักลิ โดยอิบนิตัยมียะฮ์  เล่ม 3 : 329




Θ เชค มุฮัมมัด บินอับดุลวะฮาบ


ได้กล่าวในหนังสือของเขาชื่อ อัตเตาฮีด เกี่ยวกับคำพูดของรับไบ(นักปราชญ์ของพวกยิว)  ซึ่งในนั้นมีเรื่องราวดังต่อไปนี้  :

وقال ابن عبد الوهاب في كتاب المسمى (التوحيد) عن حديث الحاخام: فيه مسائل:

الأولى: تفسير قوله: والأرض جميعاً قبضته يوم القيامة.

หนึ่ง – คำอธิบายโองการ   (( และแผ่นดินนี้ทั้งหมดเป็นเพียงกำพระหัตถ์หนึ่งของพระองค์ในวันกิยามะฮฺ ))  บทที่ 39 : 67

الثانية: أن هذه العلوم وأمثالها باقية عند اليهود الذين في زمنه (ص) لم ينكروها ولم يتأولوها.

สอง – ความรู้เหล่านี้และคล้ายๆกับมันนี้  ยังคงหลงเหลืออยู่กับพวกยิวที่อยู่ในสมัยของท่านนะบี(ศ) พวกยิวไม่เคยปฏิเสธและไม่เคยตีความมันเลย

الثالثة: أن الحبر لما ذكر ذلك للنبي (ص) صدقه، ونزل القرآن بتقرير ذلك!

สาม-รับไบยิวเมื่อเขาได้เล่าเรื่องเตาฮีดของยิวให้ท่านนะบี(ศ)ฟัง ท่านก็เชื่อเขา(ยิว)และอัลกุรอ่านยังลงมารับรองสิ่งนั้นอีกด้วย

الرابعة: وقوع الضحك الكثير من رسول الله (ص) عنده، لما ذكر الحبر هذا العلم العظيم.

สี่ -  มีการหัวเราะมากมายจากท่านรอซูล(ศ)ตอนที่อยู่กับรับไบยิว เมื่อรับไบยิวได้เล่าความรู้เรื่องเตาฮีดยิวให้ท่านนะบีฟัง

الخامسة: التصريح بذكر اليدين، وأن السموات في اليد اليمنى والأرضين في الأخرى.

ห้า – มีการกล่าวอย่างชัดเจน  โดยกล่าวถึงพระหัตถ์ทั้งสอง(ของพระเจ้า) และแท้จริงบรรดาชั้นฟ้านั้นอยู่ในพระหัตถ์ขวาและบรรดาชั้นแผ่นดินนั้นอยู่ในพระหัตถ์ซ้าย(ของพระเจ้า)

السادسة: التصريح بتسميتها الشمال.

หก – มีการกล่าวอย่างชัดเจน โดยได้เรียกมันว่า ข้างซ้าย  

السابعة: ذكر الجبارين والمتكبرين عند ذلك.

เจ็ด – เขาได้เล่าถึงพวกอันธพาลและพวกทนงตน ณ.ตรงนั้น

الثامنة: قوله كخردلة في كف أحدهم.

แปด- คำพูดของเขาเช่นเมล็ดพืชเล็กๆอยู่ในมือของพวกเขาคนใดคนหนึ่ง

التاسعة: عظمة الكرسي بنسبته إلى السماوات.

เก้า – ความยิ่งใหญ่ของกุรซี เมื่อกล่าวพาดพิงถึงมันไปยังบรรดาชั้นฟ้า

العاشرة: عظمة العرش بنسبته إلى الكرسي.

สิบ - ความยิ่งใหญ่ของอารัช เมื่อกล่าวพาดพิงถึงมันไปยังกุรซี

الحادية عشرة: أن العرش غير الكرسي والماء.

สิบเอ็ด- อารัชนั้นไม่ใช่กุรซีและไม่ใช่น้ำ

الثانية عشرة: كم بين كل سماء إلى سماء.

สิบสอง – ระยะทางระหว่างทุกๆชั้นฟ้าไปยังอีกชั้นฟ้าหนึ่ง ห่างกันเท่าไหร่

الثالثة عشرة: كم بين السماء السابعة والكرسي.

สิบสาม- ระยะทางระหว่างชั้นฟ้าทั้งเจ็ดกับกุรซี  อยู่ห่างกันเท่าไหร่

الرابعة عشرة: كم بين الكرسي والماء.

สิบสี่- ระยะทางระหว่างกุรซีกับน้ำ  อยู่ห่างกันเท่าไหร่

الخامسة عشرة: أن العرش فوق الماء.

สิบห้า-  อารัชนั้นตั้งอยู่เหนือน้ำ

السادسة عشرة: أن الله فوق العرش.

สิบหก- อัลเลาะฮ์ทรงประทับอยู่เหนืออารัช

السابعة عشرة: كم بين السماء والأرض.

สิบเจ็ด - ระหว่างชั้นฟ้ากับแผ่นดิน อยู่ห่างกันเท่าไหร่

الثامنة عشرة: كثف كل سماء خمسمائة سنة.

สิบแปด-  ความหนาของทุกๆชั้นฟ้านั้นคือ 500 ปี

التاسعة عشرة: أن البحر الذي فوق السماوات بين أسفله وأعلاه مسيرة خمسمائة سنة

สิบเก้า-  น้ำทะเลที่อยู่เหนือบรรดาชั้นฟ้า ระหว่างที่ๆต่ำสุดของมันกับที่ๆสูงสุดของมัน คือระยะทาง 500 ปี

كتاب التوحيد الإمام محمد بن عبدالوهاب ج 1 ص 65-66


อ้างอิงจาก กิตาบุต เตาฮีด โดยอิม่ามมุฮัมมัด บินอับดุลวะฮาบ หน้า 65-66



۩  คำถามสำหรับวาฮาบี

หนึ่ง –
ท่านยอมรับคำพูดของอิบนุตัยมียะฮ์ได้อย่างไร  ? ที่กล่าวว่าเรื่องเตาฮีดทั้งหมดที่อยู่ในคัมภีร์เตารอตที่บอกเล่าเกี่ยวกับซิฟัตของอัลเลาะฮ์นั้นถูกต้องทั้งหมด ยกเว้นเรื่องเดียวคือ เรื่องที่ยิว กล่าวว่า   นะบีอุซัยร์เป็นบุตรชายของอัลเลาะฮ์นั้นไม่ถูกต้อง

คำพูดของอิบนุตัยมียะฮ์นี้ถือว่า ขัดแย้งกับคัมภีร์กุรอ่านและซุนนะฮ์และมติของปวงมุสลิมที่ว่า   พวกยิวได้ตะห์รีฟบิดเบือนคัมภีร์เตารอตและพวกคริสต์ก็ได้ตะห์รีฟบิดเบือนคัมภีร์อินญีล และในคัมภีร์ของพวกเขาเชื่อถือไม่ได้เลย ยกเว้นสิ่งที่อัลเลาะฮ์และรอซูลของพระองค์ได้แจ้งมันเอาไว้เท่านั้น

อัลเลาะฮ์ตะอาลาตรัสว่า

فَبِمَا نَقْضِهِمْ مِيثَاقَهُمْ لَعَنَّاهُمْ وَجَعَلْنَا قُلُوبَهُمْ قَاسِيَةً يُحَرِّفُونَ الْكَلِمَ عَنْ مَوَاضِعِهِ وَنَسُوا حَظًّا مِمَّا ذُكِّرُوا بِهِ وَلا تَزَالُ تَطَّلِعُ عَلَى خَائِنَةٍ مِنْهُمْ إِلا قَلِيلاً مِنْهُمْ فَاعْفُ عَنْهُمْ وَاصْفَحْ إِنَّ اللهَ يُحِبُّ الْمُحْسِنِينَ

แต่เนื่องจากการที่พวกเขาทำลายสัญญาของพวกเขา เราจึงได้ละอ์นัตพวกเขาและทำให้หัวใจของพวกเขาแข็งกระด้าง พวกเขาทำการตะห์รีฟบิดเบือนถ้อยคำต่างๆให้เฉออกจากตำแหน่งของมันและลืมส่วนหนึ่งจากสิ่งที่พวกเขาถูกเตือนไว้ และเจ้าก็ยังคงได้รับรู้ต่อการคดโกงจากพวกเขา นอกจากเพียงเล็กน้อยในหมู่พวกเขาเท่านั้น จงอภัยให้แก่พวกเขาเถิด และเมินหน้าเสีย แท้จริงอัลลอฮ์นั้นทรงรักผู้ทำดีทั้งหลาย  บทที่ 5 :13

อัลเลาะฮ์ตะอาลาตรัสว่า

ذَلِكَ بِأَنَّهُمْ كَانُوا يَكْفُرُونَ بِآيَاتِ اللهِ وَيَقْتُلُونَ النَّبِيِّيْنَ بِغَيْرِ الْحَقِّ ذَلِكَ بِمَا عَصَوا وَكَانُوا يَعْتَدُونَ

นั่นก็เพราะว่า พวกเขาเคยปฏิเสธสัญญาณต่างๆของอัลลอฮ์ และยังฆ่าบรรดานะบีโดยปราศจากความเป็นธรรม นั่นก็เนื่องจากความดื้อดันของพวกเขา และพวกเขาจึงได้กลายเป็นผู้ละเมิดขอบเขต  บทที่ 2 :61

พวกที่ปฏิเสธสัญญาณต่างๆของอัลลอฮ์และได้ฆ่าบรรดานะบี สำหรับพวกเขาย่อมไม่ห่างเท่าไหร่นักในการที่พวกเขาจะตะห์รีฟบิดเบือนสิ่งที่อัลเลาะฮ์ตะอาลาประทานลงมา  แล้วเราจะไปเชื่อถือสิ่งที่อยู่ในมือของพวกเขาได้อย่างไร ?  
และที่นักยิ่งกว่านั้นก็คือพวกยิวพยามยามที่จะตะห์รีฟโองการกุรอ่านและทำให้มุสลิมพอใจต่อการตะห์รีฟกุรอ่านั้นอีกด้วย

อัลเลาะฮ์ตะอาลาตรัสว่า

وَإِنَّ مِنْهُمْ لَفَرِيقًا يَلْوُونَ أَلْسِنَتَهُمْ بِالْكِتَابِ لِتَحْسَبُوهُ مِنَ الْكِتَابِ وَمَا هُوَ مِنَ الْكِتَابِ وَيَقُولُونَ هُوَ مِنْ عِنْدِ اللهِ وَمَا هُوَ مِنْ عِنْدِ اللهِ وَيَقُولُونَ عَلَى اللهِ الْكَذِبَ وَهُمْ يَعْلَمُونَ

และแท้จริงจากหมู่พวกเขานั้น  มีคนกลุ่มหนึ่งบิดลิ้นของพวกเขาในการอ่านคัมภีร์เพื่อทำให้พวกเจ้าคิดว่ามันคือส่วนหนึ่งของคัมภีร์  ทั้งๆที่มันมิได้มาจากคัมภีร์  และพวกเขากล่าวว่า มันมาจากที่อัลลอฮ์ ทั้งๆ ที่มันมิได้มาจากอัลลอฮ์ และพวกเขากล่าวความเท็จให้แก่อัลลอฮ์ ทั้งๆ ที่พวกเขาก็รู้ดี  บทที่ 3 :78

อัลเลาะฮ์ตะอาลาตรัสว่า

أَفَتَطْمَعُونَ أَنْ يُؤْمِنُوا لَكُمْ وَقَدْ كَانَ فَرِيقٌ مِنْهُمْ يَسْمَعُونَ كَلامَ اللهِ ثُمَّ يُحَرِّفُونَهُ مِنْ بَعْدِ مَا عَقَلُوهُ وَهُمْ يَعْلَمُونَ

พวกเจ้ายังอยากที่จะให้พวกเขาศรัทธาต่อพวกเจ้าอีกกระนั้นหรือ ? ทั้ง ๆ ที่คนกลุ่มหนึ่งในหมู่พวกเขาเคยสดับฟังพระดำรัสของอัลเลาะฮ์  แล้วพวกเขาก็ตะห์รีฟบิดเบือนมันเสีย หลังจากที่พวกเขาเข้าใจมันดีแล้ว  ทั้ง ๆ ที่พวกเขาก็รู้ดีอยู่  บทที่ 2 :75

จากนั้นพวกยะฮูดีและนะซอรอตัวของพวกเขาเองได้สารภาพว่า คัมภีร์ต้นฉบับเดิมของเตารอตและอินญีลนั้นได้สูญหายไปแล้ว  และแท้จริงเกิดการแก้ไขเปลี่ยนแปลงในฉบับที่คัดลอกและฉบับคำแปล  แล้วอิบนุตัยมียะฮ์ไปให้การเชื่อมั่นต่อคัมภีร์เหล่านั้นมากยิ่งกว่าตัวพวกยิวและพวกคริสต์เองได้อย่างไร ???


สอง –
ตามนัยแห่งคำพูดของมุฮัมมัด บินอับดุลวาฮาบในมัสอะละฮ์ที่ 2 และ 3 ที่กล่าวว่า
 (هَذِهِ الْعُلُوْمُ وَأَمْثاَلُهاَ) - ความรู้เหล่านี้และคล้ายๆกับมันนี้   หมายถึงความรู้เรื่องตัจญ์ซีม(พระเจ้ามีเรือนร่าง)มันถูกรักษาอยู่กับพวกยิว และรับไบของชาวยิวได้ถ่ายทอดมันให้กับท่านนะบี(ศ)และอัลกุรอ่านได้ลงมารับรองมัน  
คำถามคือ โองการที่ลงมาที่นครมักกะฮ์นั้นไม่เคยกล่าวถึงเรื่องเตาฮีดเลยกระนั้นหรือ ? จนท่านนะบี(ศ)ต้องไปรับเอาความรู้เรื่องเตาฮีดจากพวกยะฮูดที่อยู่ในนครมะดีนะฮ์ ?  


สาม –
ท่านยอมรับระยะทางเหล่านี้ที่มุฮัมมัด บินอับดุลวาฮาบกล่าวว่า ระหว่างโลกกับสถานที่ๆมีอัลเลาะฮ์อยู่  กระนั้นหรือ ???
  •  



21 ผู้มาเยือน, 0 ผู้ใช้