Welcome to Q4wahabi.com (Question for Wahabi). Please login or sign up.

ธันวาคม 22, 2024, 08:35:28 ก่อนเที่ยง

Login with username, password and session length
สมาชิก
  • สมาชิกทั้งหมด: 1,718
  • Latest: Haroldsmolo
Stats
  • กระทู้ทั้งหมด: 3,698
  • หัวข้อทั้งหมด: 778
  • Online today: 13
  • Online ever: 200
  • (กันยายน 14, 2024, 01:02:03 ก่อนเที่ยง)
ผู้ใช้ออนไลน์
Users: 0
Guests: 61
Total: 61

Q4 วาฮาบี 1 อัลลอฮมองเห็นด้วยตาเปล่า ?

เริ่มโดย L-umar, กุมภาพันธ์ 24, 2010, 05:38:38 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

L-umar

Q4 วาฮาบี  1

วาฮาบีเชื่อว่า   อัลเลาะฮ์ตะอาลา สามารถมองเห็นด้วยตาเนื้อ



Θ อะฮ์ลุลบัยต์นะบี(อะลัยฮิมุสสลาม)กล่าวว่า :

อัลเลาะฮ์(พระเจ้า) สามารถรู้จักได้ด้วยสติปัญญา(ด้วยเหตุผล) และสามารถมองเห็นอัลเลาะฮ์ได้ด้วยตาใจ(ก็อลบ์ -ด้วยจิต)

เป็นไปไม่ได้ที่ดวงตามนุษย์จะสามารถมองเห็นอัลเลาะฮ์  เพราะดวงตาย่อมมองไม่เห็นสิ่งใดได้ ยกเว้นสิ่งนั้นต้องเป็นวัตถุที่อยู่ภายใต้กฎของเวลาและสถานที่(space and time)เท่านั้น

สายตาและการนึกมโนภาพไม่สามารถมองหรือนึกถึงอัลเลาะฮ์ตาอาลาได้   เพราะ

Θ อัลเลาะฮ์ทรงตรัสว่า

لَيْسَ كَمِثْلِهِ شَيٌْ وَهُوَ السَّمِيعُ الْبَصِيرُ

ไม่มีสิ่งใดเสมอเหมือนอัลเลาะฮ์  และพระองค์เป็นผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงเห็น
บทที่  42 : 11


( อธิบาย  อัลเลาะฮ์เป็นผู้สร้างชั้นฟ้าและแผ่นดินโดยไม่มีแบบอย่างมาก่อนเลย และทรงทำให้พวกเจ้ามีคู่ครองคือเพศชายและเพศหญิง และปศุสัตว์ก็เช่นเดียวกัน อัลเลาะฮ์ทรงให้พวกเจ้ามีจำนวนมากมาย เพราะการสืบพันธุ์ หากพระองค์มิได้ทรงสร้างเพศชายและเพศหญิงแล้ว ก็จะไม่มีการแพร่พันธุ์และการเพิ่มจำนวนพลเมือง ไม่มีสิ่งใดเหมือนอัลเลาะฮ์  เพราะอัลเลาะฮ์เป็นผู้สร้างทุกสิ่งทุกอย่าง ดังนั้นสิ่งที่ถูกสร้างก็จะไม่เหมือนอัลเลาะฮ์ในทุกรูปแบบ )


Θ ท่านอิม่ามอาลี บินมูซา อัลริฎอ (บินญะอ์ฟัร บินมุฮัมมัด บินอาลี บินฮูเซน บินอาลี บินอะบีตอลิบ ) กล่าวว่า :

يا أباالصلت إن الله تبارك وتعالى لايوصف بمكان، ولايدرك بالأبصار والأوهام

โอ้อะบู ศ็อลติ  แท้จริงอัลเลาะฮ์  ตะอาลา จะไม่ถูกอธิบายได้ด้วยสถานที่  และจะไม่ถูกรับรู้ได้ด้วยสายตาและการนึกมโนภาพ
ดูอัลอิ๊ห์ติญ๊าจญ์ ต็อบรอซี่  เล่ม 2 : 190


และมีหะดีษของท่านอิม่ามญะอ์ฟัรศอดิกที่บันทึกไว้ในอัลกาฟี โดยเชคกุลัยนี  เล่ม 1 : 143 เช่นเดียวกัน


۞ ส่วนแนวทางอื่นเช่น
อัลบุคอรีได้รายงานว่า►    สามารถมองเห็นอัลเลาะฮ์ด้วยตาเปล่าได้ในโลกอาคิเราะฮ์

และพวกฮะนาบะละฮ์บางส่วนยังกล่าวอีกว่า►  สามารถมองเห็นอัลเลาะฮ์ด้วยตาเปล่าได้ในโลกดุนยานี้อีกด้วย



หะดีษเรื่องเห็นอัลเลาะฮ์ด้วยตาเนื้อและเปรียบอัลเลาะฮ์เหมือนกับมัคลู๊กนั้นได้ปรากฏขึ้นเป็นครั้งแรกจากปากของกะอับอัลอะห์บารในสมัยที่ท่านอุมัรเป็นคอลีฟะฮ์  

ซึ่งความเชื่อนี้ได้ถูกท่านอิม่ามอาลีปฏิเสธเขาต่อหน้าท่านอุมัร

อะฮ์ลุลบัยต์ได้ปฏิเสธความเชื่อของกะอับ
 
ท่านหญิงอาอิชะฮ์ก็ได้ปฏิเสธหะดีษของพวกเขาเช่นกันตามที่อ้างกันว่าท่านนะบี(ศ)เคยเห็นอัลเลาะฮ์


ท่านบุคอรีบันทึกไว้ในหะดีษที่ 3234,4855 และหะดีษที่  7380

มัสรู๊กจากท่านหญิงอาอิชะฮ์ โดยนางกล่าวว่า :

مَنْ حَدَّثَكَ أَنَّ مُحَمَّدًا (ص) رَأَى رَبَّهُ فَقَدْ كَذَبَ وَهْوَ يَقُولُ ( لاَ تُدْرِكُهُ الأَبْصَارُ )

ผู้ใดเล่าให้ท่านฟังว่า แท้จริงท่านนะบี(ศ)เคยเห็นพระเจ้าของท่าน แน่นอนเขาคือคนโกหก และอัลลอฮ์ได้ตรัสว่า : สายตาทั้งหลายไม่อาจหยั่งถึง(มองเห็น)พระองค์ได้  บทที่ 6 : 103


ท่านอิบนุอับบาส และท่านอิบนุมัสอูดตลอดจนญุมฮูรซอฮาบะฮ์ก็ได้ปฏิเสธความเชื่อของกะอับ



Θ อัลลามะฮ์มัจญ์ลิซีบันทึกหะดีษไว้ในหนังสือบิฮารุลอันวาร  เล่ม  36 : 194   ดังนี้

عن ابن عباس أنه حضر مجلس عمر بن الخطاب يوماً وعنده كعب الحبر، إذ قال (عمر): يا كعب أحافظ أنت للتوراة؟

ท่านอิบนุอับบาสเล่าว่า  :  

วันหนึ่งเขาได้อยู่ในที่ประชุมของท่านอุมัร บินคอตตอบและมีท่านกะอับอัลอะห์บ้ารอยู่กับเขาด้วย  ทันใดนั้นท่านอุมัรได้กล่าวว่า  โอ้กะอับ ท่านเป็นนักท่องจำคัมภีร์เตารอตหรือ ?

قال كعب: إني لأحفظ منها كثيراً. فقال رجل من جنبة المجلس: يا أمير المؤمنين سله أين كان الله جل ثناؤه قبل أن يخلق عرشه، ومِمَّ خلق الماء الذي جعل عليه عرشه؟

กะอับตอบว่า  ฉันท่องจำคัมภีร์เตารอตได้มากมาย  มีชายคนหนึ่งอยู่ข้างที่ประชุมกล่าวว่า  โอ้ท่านอะมีรุลมุอ์มินีน โปรดถามกะอับเถิดว่า  อัลเลาะฮ์อยู่ที่ไหน  ? ก่อนที่พระองค์จะสร้างอารัช และน้ำที่ทรงให้อารัชอยู่บนมันนั้นถูกสร้างมาจากอะไร ?

فقال عمر:يا كعب هل عندك من هذا علم؟

ท่านอุมัรกล่าวว่า   โอ้กะอับ  ท่านมีความรู้ในเรื่องนี้หรือไม่ ?

فقال كعب: نعم يا أمير المؤمنين، نجد في الأصل الحكيم أن الله تبارك وتعالى كان قديماً قبل خلق العرش وكان على صخرة بيت المقدس في الهواء، فلما أراد أن يخلق عرشه تفل تفلة كانت منها البحار الغامرة واللجج الدائرة، فهناك خلق عرشه من بعض الصخرة التي كانت تحته، وآخر ما بقي منها لمسجد قدسه!

กะอับตอบว่า  รู้ครับ ท่านอะมีรุลมุอ์มินีน  เราพบในฐานข้อมูลเดิมของผู้ทรงฮิกมะฮ์ว่า แท้จริงอัลเลาะฮ์ตาอาลาพระองค์ทรงมีมาแต่เดิมก่อนที่จะสร้างอารัชนั้นพระองค์ทรงอยู่บนโขดหินที่บัยตุลมักดิส(ที่ลอยอยู่)ในอากาศ  ต่อมาเมื่อพระองค์ทรงต้องการจะสร้างอารัชของพระองค์ ก็ทรงถ่มน้ำลายไปหนึ่งครั้ง จากน้ำลายนั้นได้กลายเป็นทะเลอันอุดมณ์และคลื่นมหึมาที่วนเวียน ณ.ที่นั้นทรงสร้างอารัชของพระองค์จากส่วนหนึ่งของโขดหินที่อยู่ด้านใต้ของมัน และสุดท้ายสิ่งที่เหลืออยู่จากมันก็(มีไว้)เพื่อมัสญิดกุดส์อันบริสุทธิ์ของพระองค์  

قال ابن عباس: وكان علي بن أبي طالب (عليه السلام) حاضراً، فَعَظَّمَ عَلِيٌّ رَبَّهُ وقام على قدميه ونفض ثيابه! فأقسم عليه عمر لمََّا عاد إلى مجلسه، ففعله. قال عمر: غُصْ عليها يا غواص ما تقول يا أبا الحسن، فما علمتك إلا مفرجاً للغم. فالتفت علي (عليه السلام) إلى كعب فقال: (غلط أصحابك وحرفوا كتب الله وفتحوا الفرية عليه!)

ท่านอิบนุอับบาสเล่าว่า  ปรากฏว่า(ในที่ประชุมนั้น)มีท่านอิม่ามอาลี บินอะลีตอลิบอยู่ด้วย ท่านอาลีจึงได้ทำการสุดดีต่อความยิ่งใหญ่ให้กับพระเจ้าของท่าน  ท่านลุกขึ้นยืนด้วยเท้าทั้งสองของท่านแล้วท่านได้ปัดเสื้อผ้าของท่าน ดังนั้นท่านอุมัรจึงได้สาบานต่อเขาเมื่อเขาได้ย้อนกลับมายังที่ประชุมของเขา แล้วเขาได้กระทำมัน  ท่านอุมัรกล่าวว่า จงดำดิ่งลงไปบนมัน โอ้นักดำน้ำ   โอ้อะบูฮาซัน(อิม่ามอาลี) ท่านจะว่าอย่างไร ฉันไม่เคยรู้จักท่าน นอกจากคือผู้คลี่คลายความทุกข์  

► ท่านอิม่ามอาลีได้หันไปที่กะอับพลางกล่าวว่า  :

อัศฮาบของท่าน(คือของท่านอุมัร)ได้ผิดเสียแล้ว และพวกเขาได้บิดเบือนบรรดาคัมภีร์ของอัลเลาะฮ์ และพวกเขายังได้เปิด(ประตูแห่ง)การเสกสรรปั้นแต่งเรื่องมุสาให้กับพระองค์


يا كعب ويحك! إن الصخرة التي زعمتَ لا تحوي جلاله ولا تسع عظمته،

โอ้กะอับเอ๋ย วิบัตจงมีแก่เจ้า  แท้จริงโขดหินที่เจ้าได้อ้างถึงนั้นมันไม่อาจบรรทุกความสูงส่งของอัลเลาะฮ์ได้หรอก และมันไม่กว้างพอที่จะรองรับความยิ่งใหญ่ของพระองค์ได้หรอก

والهواء الذي ذكرتَ لا يحوز أقطاره، ولو كانت الصخرة والهواء قديمين معه لكان لهما قدمته،

และอากาศที่เจ้ากล่าวถึงนั้นมันก็ไม่อาจจับยึดหยดน้ำทั้งหลายของพระองค์ได้  ถ้าหากโขดหินและอากาศคือสิ่งที่มีมาแต่ดั้งเดิม(ก่อดีม)พร้อมกับพระองค์  มันทั้งสอง(โขดหินและอากาศที่ว่า)คงมีมาก่อนอัลเลาะฮ์อย่างแน่นอน

وعزّ الله وجل أن يقال له مكان يومى إليه، والله ليس كما يقول الملحدون ولا كما يظن الجاهلون،

แต่อัลเลาะฮ์ทรงสูงส่งเกินกว่าสิ่งที่เขาจะกล่าวถึงพระองค์ว่า มีสถานที่หนึ่งที่จะบ่งชี้ไปหาพระองค์ได้  และอัลเลาะฮ์มิได้เป็นเหมือนที่พวกมุลฮิ๊ด(พวกหันเหออกนอกศาสนา)กล่าวถึง และมิได้เป็นเช่นที่พวกโง่เขลาทั้งหลายคาดคิดกัน

ولكن كان ولا مكان بحيث لا تبلغه الأذهان،

แต่อัลเลาะฮ์ทรงเป็นอยู่ โดยไม่ต้องมีสถานที่(มารองรับ) ซึ่งความคิดทั้งหลายมิอาจบรรลุถึงพระองค์ได้

وقولي (كان) عجز عن كونه وهو مما عَلَّمَ من البيان

และคำพูดของฉันที่กล่าวว่า   กาน่า (ทรงเป็นอยู่) มันไร้ความสามารถที่จะพรรณนาถึงความเป็นตัวตนของพระองค์(ที่แท้จริงได้) และมันคือสิ่งที่ได้มาจากการสอนเขาให้เปล่งเสียงพูด อัลเลาะฮ์ทรงตรัสว่า

يقول الله عز وجل (خَلَقَ الأِنْسَانَ عَلَّمَهُ الْبَيَانَ)

พระองค์ได้สร้างมนุษย์   พระองค์ทรงสอนบะยาน(คำพูดที่ชัดเจน)ให้เขา  บทที่  55 : 3 - 4

فقولي له (كان) مما علمني من البيان لأنطق بحججه وعظمته،

การที่ฉันใช้คำว่า  กาน่า(ทรงเป็นอยู่)  กับอัลเลาะฮ์นั้นได้มาจากสิ่งที่พระองค์ได้สอนฉันจากบะยาน เพื่อให้ฉันได้พูดด้วยหลักฐานต่างๆของพระองค์และด้วยความยิ่งใหญ่ของพระองค์

وكان ولم يزل ربنا مقتدراً على ما يشاء محيطاً بكل الأشياء،

อัลเลาะฮ์ทรงเป็นอยู่ และพระเจ้าของเรายังคงทรงมีอานุภาพต่อสิ่งที่พระองค์ประสงค์  ทรงเป็นผู้ห้อมล้อมต่อทุกสรรพสิ่ง

ثم كَوَّنَ ما أراد بلا فكرة حادثة له أصاب،

ต่อจากนั้นอัลเลาะฮ์ทรงเนรมิตสิ่ง(ทั้งหลาย)ตามที่พระองค์ต้องการโดยมิต้องคิดขึ้นใหม่สำหรับพระองค์ที่ได้มาประสบ

ولا شبهة دخلت عليه فيما أراد، وإنه عز وجل خلق نوراً ابتدعه من غير شئ،

และไม่มีความคลุมเครือใดๆเข้ามายังพระองค์ในสิ่งที่ทรงเจตนา และแท้จริงอัลเลาะฮ์อัซซะวะญัลทรงสร้างแสงรัศมีทรงรังสรรมันขึ้นมาโดยไม่มีสิ่งใดเลย

ثم خلق منه ظلمة، وكان قديراً أن يخلق الظلمة لا من شئ كما خلق النور من غير شئ،

จากนั้นทรงสร้างจากแสงสว่างคือความมืด และทรงเป็นผู้ปรีชาสามารถในการสร้างความมืดโดยไม่มีจากสิ่งใดเลย   เหมือนที่ได้สร้างแสงสว่างโดยไม่มีสิ่งใด

ثم خلق من الظلمة نوراً

จากนั้นทรงสร้างจากความมืด คือแสงสว่าง

 وخلق من النور ياقوتة غلظها كغلظ سبع سماوات وسبعٍ أرضين،

และทรงสร้างจากแสงสว่างคือ ยากูต(รูบี้-พลอยสีทับทิม)ความหนาของมันเช่นความหนาของเจ็ดชั้นฟ้าและเจ็ดชั้นแผ่นดิน

 ثم زجر الياقوتة فماعت لهيبته فصارت ماءً مرتعداً، ولا يزال مرتعداً إلى يوم القيامة،

จากนั้นทรงสำทับยากูตนั้น แล้วเปลวเพลิงของมันได้แผ่ขยายออกไปจนกลายเป็นน้ำที่สั่นสะท้านตราบจนวันกิยามะฮ์

ثم خلق عرشه من نوره وجعله على الماء،

จากนั้นทรงสร้างอารัชของพระองค์จากแสงสว่างนั้น และดลบันดาลให้อารัชตั้งอยู่บนน้ำนั้น

وللعرش عشرة آلاف لسان يسبح الله كل لسان منها بعشرة آلاف لغة ليس فيها لغة تشبه الأخرى،

และสำหรับอารัชนั้นมีหนึ่งหมื่นลิซาน(ลิ้น)ที่ทำการแซ่ซ้องสดุดีอัลเลาะฮ์ ทุกๆลิ้นจากมัน มีหนึ่งหมื่นภาษาซึ่งแต่ละลิ้นเป็นภาษาที่ไม่เหมือนกับลื้นอื่น

وكان العرش على الماء من دونه حجب الضباب وذلك قوله: (وَكَانَ عَرْشُهُ عَلَى الْمَاءِ لِيَبْلُوَكُمْ).

และปรากฏว่าอารัชนั้นตั้งอยู่บนน้ำเหนือขึ้นไปมีฮิญาบ(ม่าน)เป็นเมฆหมอกบางๆ และนั่นคือพระดำรัสของพระองค์ที่ตรัสว่า   :
และอารัช(บัลลังค์)ของพระองค์อยู่เหนือน้ำ เพื่อพระองค์จะทรงทดสอบพวกเจ้า  บทที่  11 : 7

يا كعب ويحك! إن من كانت البحار تفلته على قولك، كان أعظم من أن تحويه صخرة بيت المقدس أو يحويه الهواء الذي أشرت إليه أنه حل فيه!

โอ้กะอับเอ๋ย วิบัติจงมีแก่เจ้า  หากว่าทะเลคือน้ำลายของอัลเลาะฮ์ตามคำพูดของท่าน มันคงใหญ่โตเกินกว่าที่โขดหินแห่งบัยตุลมักดิสจะบรรทุกอัลเลาะฮ์เอาไว้ได้  หรือกว้างเกินกว่าอากาศจะรองรับพระองค์เอาไว้ตามที่เจ้าได้อธิบายถึงพระองค์ว่าทรงสถิตอยู่ในมัน

فضحك عمر بن الخطاب وقال:هذا هو الأمر، وهكذا يكون العلم، لا كعلمك يا كعب. لاعشت إلى زمان لا أرى فيه أبا حسن). انتهى.

ท่านอุมัร บินคอตตอบจึงได้หัวเราะและกล่าวว่า  นี่แหล่ะคือเรื่องจริง และความรู้ที่แท้จริงต้องอย่างนี้สิ   ไม่ใช่เหมือนกับความรู้ของเจ้าโอ้กะอับเอ๋ย  เจ้าคงไม่ได้มีชีวิตอยู่ไปจนถึงช่วงเวลาหนึ่ง ที่ข้าจะไม่เห็นอะบูฮาซันในช่วงนั้น จบ.




۩  คำถามสำหรับวาฮาบี

1. ท่านจะกล่าวอย่างไร กับท่านอุมัรที่ยึดมั่นอยู่กับคำพูดของกะอับในเรื่องมนุษย์สามารถมองเห็นอัลเลาะฮ์ด้วยตาเนื้อได้ ทั้งๆที่มีหลักฐานชัดเจนจากกุรอ่านที่อัลเลาะฮ์ตรัสว่า

لَيْسَ كَمِثْلِهِ شَيٌْ وَهُوَ السَّمِيعُ الْبَصِيرُ

ไม่มีสิ่งใดเสมอเหมือนอัลเลาะฮ์  และพระองค์เป็นผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงเห็น บทที่  42 : 11
อีกทั้งอะฮ์ลุลบัยต์นะบีกับบรรดาซอฮาบะฮ์ก็ไม่ยอมรับสิ่งที่กะอับเล่า ?

2. ท่านไม่เห็นหรือว่า  หะดีษที่รายงานเกี่ยวกับเรื่องอัลเลาะฮ์ทรงมีเรือนร่างสังขารนั้นไม่ได้เป็นที่รู้จักกันในสมัยท่านนะบี(ศ)หรือแม้แต่ในสมัยท่านอะบูบักรเป็นคอลีฟะฮ์และไม่เคยมีใครรายงานหะดีษเรื่องอัลเลาะฮ์มีเรือนร่างเลย    ยกเว้นหะดีษเหล่านี้ได้มาปรากฏขึ้นในสมัยที่ท่านอุมัรเป็นคอลีฟะฮ์  ซึ่งได้มาจากกะอับอัลอะห์บ้ารและพวกพ้องของเขาที่เป็นคนพูด  
จากนั้นพวกนักรายงานหะดีษแห่งตระกูลอุมัยยะฮ์ก็ได้ยึดถือเรื่องนี้แล้วนำมันไปเผยแพร่กับประชาชน แล้วพวกเขาได้นำหะดีษเรื่องอัลเลาะฮ์มีเรือนร่างไปบันทึกใส่ไว้ในตำราซอฮี๊ฮ์ของพวกเขา ใช่หรือไม่ ?

3. ทำไมพวกท่านจึงทำให้ซ๊าต(อาตมัน)ของอัลเลาะฮ์ตะอาลาตกอยู่ภายใต้กฏเกณฑ์ของกาลเวลาและสถานที่ ( time and space)  ?  ในขณะที่อัลเลาะฮ์ทรงมีมาก่อนสถานที่และกาลเวลา(space and time) ต่อจากนั้นพระองค์คือผู้ทรงสร้างมันทั้งสองขึ้นมา

4.อะไรคือความสำคัญที่ต้องนำเอาโองการกุรอ่านชนิดมุตะชาบิ๊ฮ์(ไม่ชัดเจน)กลับไปยังโองการกุรอ่านชนิดที่มุห์กัม(ชัดเจน)  ทำไมพวกท่านจึงไม่นำโองการกุรอ่านต่างๆเกี่ยวกับซิฟัตของอัลเลาะฮ์ที่คลุมเครือ(มุตะชาบิฮ๊าต)กลับไปสู่โองการที่ชัดเจน (มุห์กะม๊าต) ?
  •  



61 ผู้มาเยือน, 0 ผู้ใช้