Welcome to Q4wahabi.com (Question for Wahabi). Please login or sign up.

ธันวาคม 22, 2024, 02:10:46 หลังเที่ยง

Login with username, password and session length
สมาชิก
  • สมาชิกทั้งหมด: 1,718
  • Latest: Haroldsmolo
Stats
  • กระทู้ทั้งหมด: 3,699
  • หัวข้อทั้งหมด: 778
  • Online today: 102
  • Online ever: 200
  • (กันยายน 14, 2024, 01:02:03 ก่อนเที่ยง)
ผู้ใช้ออนไลน์
Users: 0
Guests: 78
Total: 78

ความประเสริฐของท่าน อาลี ผู้เป็นอะฮ์ลุลบัยต์นะบี

เริ่มโดย L-umar, กุมภาพันธ์ 19, 2010, 02:56:13 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

L-umar

16

อาลี  ผู้เป็นสามี  สัยยิดะอ์ของสตรีแห่งญันนะฮ์



อัลเลาะฮ์ ตะอาลาตรัสว่า

وَأَنْكِحُوا الْأَيَامَى مِنْكُمْ وَالصَّالِحِينَ مِنْ عِبَادِكُمْ وَإِمَائِكُمْ إِنْ يَكُونُوا فُقَرَاءَ يُغْنِهِمُ اللَّهُ مِنْ فَضْلِهِ وَاللَّهُ وَاسِعٌ عَلِيمٌ

และจงให้พวกเจ้าแต่งงานกับผู้เป็นโสดในหมู่พวกเจ้า  และกับคนดี ๆ จากปวงบ่าวผู้ชายของพวกเจ้า และบ่าวผู้หญิงของพวกเจ้า หากพวกเขายากจน อัลลอฮ์จะทรงให้ความเพียงพอกับพวกเขาจากความโปรดปรานของพระองค์ และอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงไพบูลย์ ผู้ทรงรอบรู้

บทที่ 24 : 32




Θ  ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)กล่าวว่า

فَاطِمَةُ سَيِّدَةُ نِسَاءِ أَهْلِ الْجَنَّةِ

► ฟาติมะฮ์  คือ  หัวหน้าบรรดาสตรีแห่งชาวสวรรค์ ◄



อ้างอิงจากหนังสือ

ซอฮิ๊ฮ์บุคอรี    หะดีษที่  12,29,3624,6286
ซอฮิ๊ฮ์มุสลิม   หะดีษที่  6467,6468


ซอฮิ๊ฮ์ติรมิซี   หะดีษที่  3056  ฉบับตรวจทานโดยเชคอัลบานี
ซอฮิ๊ฮ์อิบนิมาญะฮ์   หะดีษที่  1314  ฉบับตรวจทานโดยเชคอัลบานี
สุนันกุบรอ ของนะซาอี   หะดีษที่  8298
มุสนัดอิม่ามอะหมัด   หะดีษที่  11773 ฉบับตรวจทานโดยเชคอัรนะอูฏี
มุสตัดร็อกฮากิม   หะดีษที่  4722 ฉบับตรวจทานโดยซะฮะบี


เป็นที่ทราบกันดีว่า   สามีของท่านหญิงฟาติมะฮ์บุตรีของท่านศาสดามุฮัมมัดคือ   อาลี  บินอะลีตอลิบ  อะลัยฮิสสลาม
  •  

L-umar

17

อาลี  ผู้เป็นบิดา  สัยยิดของบรรดาชายหนุ่มแห่งญันนะฮ์



Θ  ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)กล่าวว่า

الحَسَـنُ ‏ ‏وَالْحُسَـيْنُ ‏ ‏سَـيِّدَا شَـبَابِ أهْلِ الْجَـنَّةِ

► ฮาซันและฮูเซนคือหัวหน้าบรรดาชายหนุ่มแห่งสรวงสวรรค์ ◄

อ้างอิงจากหนังสือ

ซอฮิ๊ฮ์ติรมิซี   หะดีษที่  2965  ฉบับตรวจทานโดยเชคอัลบานี

ซอฮิ๊ฮ์อิบนิมาญะฮ์   หะดีษที่  115  ฉบับตรวจทานโดยเชคอัลบานี


สุนันกุบรอ ของนะซาอี   หะดีษที่  8526
มุสนัดอิม่ามอะหมัด   หะดีษที่  11794 ฉบับตรวจทานโดยเชคอัรนะอูฏี
มุสตัดร็อกฮากิม   หะดีษที่  5630 ฉบับตรวจทานโดยซะฮะบี
ซิลซิละตุซ-ซอฮีฮะฮ์  โดยเชคอัลบานี เล่ม 2 : 438 หะดีษที่ 796


เป็นที่ทราบกันดีว่า   บิดาของท่านฮาซันกับท่านฮูเซนคือ  อาลี  บินอะลีตอลิบ  อะลัยฮิสสลาม
  •  

L-umar

18

อาลี บินอะบีตอลิบ  ในสงครามบะดัร (ที่ 1)



ประมาณ 5 ปีแรกหลังจากการฮิจญ์เราะฮ์  ชาวกุเรชได้นำกองทหารเข้าสู่นครมะดีนะฮ์ โดยมีความมุ่งหวังจะทำลายรัฐอิสลามให้ราบคาบลง ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้สู้รบกันหลายครั้งด้วยกัน ซึ่งจะนำเสนอโดยสรุปที่สำคัญๆ ได้แก่  สงครามบะดัร  สงครามอุฮุด  และสงครามอัลอะห์ซ๊าบ ฯลฯ

สงครามบะดัรเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 17 รอมฎอน  ปีฮ.ศ. ที่ 2 (17 มีนาคม ค.ศ. 624) ที่ ทุ่งบะดัร นอกนครมะดีนะฮ์

สงครามบะดัร เป็นสงครามแรกที่จำแนกระหว่างบรรดามุสลิมกับบรรดามุชริก  ซึ่งจากสาเหตุของสงคราม ตลอดจนขั้นตอน ทำให้ทราบได้ว่า แท้จริงอัลลอฮ์ตะอาลา ทรงมีพระประสงค์ที่จะขจัดความอ่อนแอของบรรดามุสลิมที่ดำเนินวิถีชีวิตตามรูปแบบในมักกะฮ์ และพวกมุชริกได้กระทำต่อชาวมุสลิมอย่างทารุณโหดเหี้ยม เช่นเดียวกันกับที่พระองค์ทรงมีพระประสงค์ให้เป็นบทเรียนอันเจ็บปวดแก่บรรดาชาวกุเรช ตลอดจนการสลายอำนาจของพวกเขา และให้เป็นบทเรียนแก่คนทั่วไปว่า พลังที่แท้จริงนั้น คือพลังแห่งศรัทธา  แท้จริงแล้วอัลลอฮ์ตะอาลา ทรงช่วยเหลือคุ้มครองท่านนะบี(ศ) รวมถึงศาสนาของพระองค์ให้เป็นที่ประจักษ์ชัดเจน
          หลังจากที่ท่านรอซูล(ศ)ได้จัดระบบภายในของเมืองมะดีนะฮ์เรียบร้อยแล้ว จึงหันมาเพื่อทำการตอบโต้พวกกุเรชบ้าง และทวงสิ่งที่ถูกยึดจากบรรดาผู้อพยพกลับคืน ซึ่งมีทั้งทรัพย์สินและที่พักอาศัย

          โอกาสได้มาถึง ในขณะที่ท่านทราบว่ากองคาราวานสินค้าของชาวกุเรชได้ออกมุ่งหน้าไปยังเมืองช่าม ท่านจึงรอคอยกองคาราวานที่บรรทุกสินค้าต่างๆที่กำลังเดินทางกลับมา ครั้นเมื่อกองคาราวานมาถึงท่านจึงออกไปพร้อมกับบรรดาซอฮาบะฮ์ที่มีความสามารถ เพื่อกั้นขวางกองคาราวานนั้นอย่างรวดเร็ว

ท่านนะบี(ศ)ได้กล่าวว่า :

فَمَنْ كَانَ ظَهْرُهُ حَاضِرًا فَلْيَرْكَبْ مَعَنَا

ใครที่มีพาหนะพร้อม ก็ให้รีบออกไปกับเราทันที   ดูซอฮิ๊ฮ์มุสลิม หะดีษที่  5024

ท่านรอซูล(ศ)ได้ออกไปพร้อมกับซอฮาบะฮ์เพื่อสกัดกองคาราวานนั้น   แต่อัลลอฮ์ตะอาลา ทรงมีพระประสงค์อื่น กองคาราวานจึงได้หลุดรอดไป  ผู้นำกองคารวานคือ อะบูสุฟยาน ได้ส่งคนมาตรวจเส้นทางและรู้ว่าบรรดามุสลิมได้ออกมาสกัดกั้นเส้นทางนั้น เขาจึงหลบเลี่ยงเปลี่ยนไปยังเส้นทางอื่นด้านชายฝั่งทะเลแดงแทน พร้อมทั้งส่งคนไปบอกพวกกุเรช ให้ออกมาอารักขากองคาราวานสินค้าของพวกเขา

จึงได้มีชาวกุเรชพากันออกมาเป็นจำนวนมากมีประมาณ 1300 นาย และหลังจากที่ได้ทราบข่าวการรอดพ้นของกองคาราวาน บางกลุ่มจึงเห็นว่าสมควรกลับสู่มักกะฮ์

แต่อะบูญะฮัล ได้หลงตนเองจึงคิดแผนการออกอุบาย แล้วเขาจึงพูดว่า :

" เรายังจะไม่กลับเข้ามักกะฮ์ จนกว่าเราจะได้ไปที่บะดัรเสียก่อน ไปอยู่สักสามวัน เราจะเชือดอูฐหนุ่มและกินดื่มสุราเลี้ยงฉลอง  มีทั้งนักร้องนักเต้นให้เราได้ชม เพื่อว่าชาวอาหรับจะได้กล่าวขวัญถึงชื่อเสียงและความเป็นอยู่ของพวกเราอย่างยิ่งใหญ่ และพวกเขาจะได้มีความเกรงกลัวพวกเราตลอดไป "
มีคนจำนวนมากหลงเชื่อ  ส่วนที่กลับมักกะฮ์มีประมาณ 300 นาย  อะบูญะฮัลได้พาพรรคพวกเดินทางไปจนไปถึงแหล่งน้ำที่บะดัร   กองคาราวานของกุเรชได้ผ่านพ้นไปแล้ว   และมีคนกุเรชจำนวนมากได้มุ่งหน้าสู่บะดัรเพื่อเป็นการแสดงพลังของพวกตนเพื่อข่มขู่บรรดามุสลิม


บรรดามุสลิมได้ออกไปประจัญหน้ากับพวกมุชริกีนที่แหล่งน้ำบะดัร และเพื่อว่าอัลลอฮ์ตะอาลา จะทรงให้มีการสู้รบเกิดขึ้น พระองค์ทรงทำให้บรรดามุสลิมมองเห็นจำนวนของมุชริกีนมีจำนวนเพียงเล็กน้อย และทำให้ในสายตาพวกมุชริกีนมองเห็นบรรดามุสลิมีนมีจำนวนมาก

อัลลอฮ์ตะอาลตรัสไว้ว่า :

وَإِذْ يُرِيكُمُوهُمْ إِذِ الْتَقَيْتُمْ فِي أَعْيُنِكُمْ قَلِيلًا وَيُقَلِّلُكُمْ فِي أَعْيُنِهِمْ لِيَقْضِيَ اللَّهُ أَمْرًا كَانَ مَفْعُولًا وَإِلَى اللَّهِ تُرْجَعُ الْأُمُورُ

และจงรำลึกขณะที่พระองค์ให้พวกเจ้าเห็นพวกเขามีจำนวนน้อยในสายตาของพวกเจ้าขณะที่พวกเจ้าเผชิญหน้ากัน และทรงให้พวกเจ้ามีจำนวนมากในสายตาของพวกเขา เพื่อที่อัลลอฮ์ จะทรงให้งานหนึ่งเสร็จสิ้นไป ซึ่งงานนั้นได้ถูกกระทำไว้แล้ว และยังอัลลอฮ์นั้น กิจการทั้งหลายจะถูกนำกลับไป

บทที่  8 : 44


۞ การสู้รบได้เริ่มขึ้นโดยการดวลดาบกันแบบตัวต่อของแต่ละฝ่าย  

ฝ่ายมุชริกสามคนเป็นครอบครัวเดียวกันคือ
1.   อุตบะฮ์   กับน้องชายเขาชื่อ
عُتْبَةُ بْنِ رَبِيعَةَ بْنِ عَبْدِ شَمْسٍ
2.   ชัยบะฮ์(ทั้งสองคือบุตรของร่อบีอะฮ์)  และ
شَيْبَةُ بْنُ رَبِيعَةَ بْنِ عَبْدِ شَمْسٍ
3.   อัลวะลีด บินอุตบะฮ์เดินออกมาข้างแถวแล้วท้าให้ฝ่ายมุสลิมออกมาดวลดาบ
الْوَلِيدُ بْنِ عُتْبَةَ بْنِ رَبِيعَةَ

หนุ่มชาวอันศ็อรสามคนคือ
1.   เอาฟ์
2.   มุเอาวัซ (ทั้งสองคือบุตรของอัลฮาริษ)และ
3.   อับดุลลอฮ์ บินร่อวาหะฮ์
ได้ออกมาประจัญหน้ากับนักดาบกุเรช  เมื่อฝ่ายกุเรชถามทั้งสามว่าเป็นใคร และทั้งสามตอบว่าเป็นชาวอันศ็อร พวกกุเรชก็ตอบว่า  เราไม่ต้องการปะดาบกับพวกท่าน เรราต้องการปะดาบกับคนตระกูลเดียวกับลุงของพวกเรา  พวกเขาทั้งสามได้ตะโกนว่า   โอ้มุฮัมมัด จงส่งผู้ที่มีฐานะทัดเทียมกับเราออกสู้เถิด


ท่านอาลี บินอะบีตอลิบได้เล่าว่า


فَقَالَ رَسُولُ اللَّهِ -صلى الله عليه وسلم- « قُمْ يَا حَمْزَةُ قُمْ يَا عَلِىُّ قُمْ يَا عُبَيْدَةُ بْنَ الْحَارِثِ ». فَأَقْبَلَ حَمْزَةُ إِلَى عُتْبَةَ وَأَقْبَلْتُ إِلَى شَيْبَةَ وَاخْتُلِفَ بَيْنَ عُبَيْدَةَ وَالْوَلِيدِ ضَرْبَتَانِ فَأَثْخَنَ كُلُّ وَاحِدٍ مِنْهُمَا صَاحِبَهُ ثُمَّ مِلْنَا عَلَى الْوَلِيدِ فَقَتَلْنَاهُ وَاحْتَمَلْنَا عُبَيْدَةَ    صحيح أبي داود  ح 2321

ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)ได้กล่าวว่า
   
1.   โอ้ฮัมซะฮ์จงลุกขึ้น
   حَمْزَةُ بْنُ عَبْدِ الْمُطَّلِبِ
2.   โอ้อาลีจงลุกขึ้น
عَلِيُّ بْنُ أَبِي طَالِبٍ
3.   โอ้อุบัยดะฮ์ บินอัลฮาริษ(บินอับดุลมุตต่อลิบ)จงลุกขึ้น (ไปสู้กับพวกเขาทั้งสามเถิด)
عُبَيْدَةُ بْنَ الْحَارِثِ بْنِ عَبْدِ الْمُطَّلِبِ

ท่านฮัมซะฮ์  เดินออกไป(สู้)กับอุตบะฮ์ (และสังหารเขาตาย)
ฉัน(อาลี) เดินออกไป(สู้)กับชัยบะฮ์ (และฉันสังหารเขาตาย)
ระหว่างอุบัยดะฮ์กับอัลวะลีดได้ฟันแลกกันไปคนและที  ทั้งสองฝ่ายต่างได้รับบาดเจ็บด้วยกันทั้งคู่   ต่อจากนั้นเราจึงเบนเข้าใส่อัลวะลีด  แล้วเราได้สังหารอัลวะลีดตาย และเราได้แบกท่านอุบัยดะฮ์กลับมา

สถานะหะดีษ  : ซอฮีฮ์ ดูซอฮิ๊ฮ์อะบีดาวูด  หะดีษที่   2321  ฉบับตรวจทานโดยเชคอัลบานี


แล้วได้จบสิ้นลงด้วยชัยชนะของฝ่ายมุสลิม
ต่อมาการสู้รบอันรุนแรงได้ปะทุขึ้นอย่างหนักหน่วง ส่งผลให้พวกมุชริกีนได้รับความเจ็บปวดอย่างมาก พวกเขาถูกสังหารไปถึง 70 ศพ ในจำนวนนั้นมีระดับหัวหน้ารวมอยู่ด้วย ได้แก่ อะบูญะฮัล และถูกจับเป็นเชลยอีก 70 คน ส่วนบรรดามุสลิมีนได้เสียชีวิตในสงคราม (ชะฮีด) จำนวน 14 ท่านเท่านั้น


► อธิบาย :

การที่ตระกูลบะนูฮาชิมสังหารพวกกุเรชทั้งสามในการประลองดาบก่อนเปิดศึกนั้น ได้สร้างความชิงชังอาฆาตให้กับพวกลูกหลานอุมัยยะฮ์มาโดยตลอด

ซึ่งเวลาต่อมา  นางฮินด์ บุตรสาวของอุตบะฮ์ บินร่อบีอะฮ์
هِنْدُ بِنْتُ عُتْبَةَ بْنِ رَبِيعَةَ

คือบงการสังหารท่านฮัมซะฮ์และขวักตับสดๆของท่านออกมากิน
  •  

78 ผู้มาเยือน, 0 ผู้ใช้