Welcome to Q4wahabi.com (Question for Wahabi). Please login or sign up.

พฤศจิกายน 11, 2024, 04:43:49 ก่อนเที่ยง

Login with username, password and session length
สมาชิก
  • สมาชิกทั้งหมด: 1,718
  • Latest: Haroldsmolo
Stats
  • กระทู้ทั้งหมด: 3,485
  • หัวข้อทั้งหมด: 751
  • Online today: 10
  • Online ever: 200
  • (กันยายน 14, 2024, 01:02:03 ก่อนเที่ยง)
ผู้ใช้ออนไลน์
Users: 0
Guests: 17
Total: 17

หะดีษเก๊ ท่านนะบี ห้ามด่าทอซอฮาบะฮ์

เริ่มโดย L-umar, กุมภาพันธ์ 09, 2010, 12:00:37 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

L-umar


۞ ขออัลลอฮ์ละอ์นัตผู้ที่ด่าทออัศฮาบของฉัน ( หะดีษโกหก )


لعن الله من سـب أصحابي  ( حديث مكذوب )


คุณวาฮาบี(ถามคุณชีอะฮ์) ว่า :
ทำไมพวกคุณชอบวิจารณ์ซอฮาบะฮ์ ทั้งๆที่ท่านนะบี(ศ)กล่าวถึงสิทธิของพวกเขาว่า  

مَنْ سَـبَّ أَصْحاَبِيْ فَعَلَيْهِ لَـعْنَةُ اللهِ

ผู้ใดก็ตามที่ด่าทอซอฮาบะฮ์ของฉัน การสาบแช่งของอัลลอฮ์จะตกอยู่กับผู้นั้น

ชีอะฮ์ตอบ :
คุณวาฮาบีครับ   ประการแรก  หะดีษนี้  เป็นหะดีษโกหกนะครับ

 
วาฮาบี(พูดด้วยอาการโมโห)ว่า :
ขออัลลอฮ์สาปแช่งคุณด้วย  ทำไมคุณจึงกล้าปฏิเสธคำพูดท่านนะบี(ศ) ?
 
ชีอะฮ์ตอบ :
ก็เพราะ  หะดีษนี้มีสถานะ ดออีฟ(อ่อนแอ) และไม่ถูกต้องนะสิครับ  ทำไมคุณวาฮาบีกล้าพูดว่า มันเป็นคำพูดของท่านนะบี(ศ)หรือครับ  ทั้งๆที่ท่านนะบีไม่ได้กล่าวเช่นนั้น  ระวังนะครับ คุณกำลังโกหกใส่ท่านนะบีอยู่ จงเตรียมตัวลงนรก หากยังไม่รีบเตาบัตตัวเสีย


วาฮาบี :
ไหนคุณชีอะฮ์ลองชี้แจงกับผมมาให้ชัดเจนสิว่า  หะดีษนี้มันดออีฟอย่างไร ผมจะรอฟัง ?


ชีอะฮ์ :
ได้ครับ  และขอให้คุณวาฮาบีรับคำชี้แจงของผมไปใช้ด้วย หวังว่าอัลลอฮ์จะทรงชี้นำคุณวาฮาบีไปสู่สัจธรรมสักวันหนึ่ง ดังนี้


►ข้อชี้แจงประการที่ 1 :  
หะดีษที่ซอฮิ๊ฮ์นั้นคือที่ท่านบุคอรีบันทึกไว้ในหะดีษที่ 3673

حَدَّثَنَا آدَمُ بْنُ أَبِى إِيَاسٍ حَدَّثَنَا شُعْبَةُ عَنِ الأَعْمَشِ قَالَ سَمِعْتُ ذَكْوَانَ يُحَدِّثُ عَنْ أَبِى سَعِيدٍ الْخُدْرِىِّ - رضى الله عنه - قَالَ
อาดัม บินอบีอิยาสเล่าให้เราฟัง  ชุอ์บะฮ์เล่าให้เราฟัง จากอัลอะอ์มัชเล่าว่า ฉันได้ยินซักวานเล่ามาจากท่านอะบีสะอีด อัลคุดรี (ร.ฎ.) เขากล่าวว่า :  

قَالَ النَّبِىُّ - صلى الله عليه وسلم - « لاَ تَسُبُّوا أَصْحَابِى ، فَلَوْ أَنَّ أَحَدَكُمْ أَنْفَقَ مِثْلَ أُحُدٍ ذَهَبًا مَا بَلَغَ مُدَّ أَحَدِهِمْ وَلاَ نَصِيفَهُ » .
تَابَعَهُ جَرِيرٌ وَعَبْدُ اللَّهِ بْنُ دَاوُدَ وَأَبُو مُعَاوِيَةَ وَمُحَاضِرٌ عَنِ الأَعْمَشِ .

ท่านนะบี(ศ)กล่าวว่า  :  พวกเจ้าจงอย่าด่าทอซอฮาบะฮ์ของฉัน เพราะหากพวกท่านบริจาคทองประหนึ่งดังภูเขาอุฮุด ก็จะไม่เท่ากับพวกเขาบริจาคหนึ่งมุดหรือเพียงครึ่งมุด
ดูเวบ
http://hadith.al-islam.com/Display/Display.asp?hnum=3397&doc=0


۩ วิจัยเนื้อหาหะดีษ :

مَنْ سَـبَّ أَصْحاَبِيْ فَعَلَيْهِ لَعْنَةُ اللهِ

Θ ผู้ใดก็ตามที่ด่าทอซอฮาบะฮ์ของฉัน การสาปแช่งของอัลลอฮ์จะตกอยู่กับผู้นั้น Θ

หากว่า หะดีษนี้ถูกต้องจริงๆตามที่คุณวาฮาบียกมาอ้าง  ทำไมท่านบุคอรีและท่านมุสลิมถึงไม่บันทึกมันไว้ในตำราซอฮิ๊ฮ์ของทั้งสองล่ะ ?
เช่นเดียวกันคุณจะไม่พบหะดีษนี้ในกุตุบติสอะฮ์(ตำราหะดีษทั้งเก้า)อันเป็นที่เชื่อถือของพวกคุณอีกด้วย  ทำไม ?
 
►ข้อชี้แจงประการที่ 2 :  
หะดีษที่คุณยกมาอ้างนี้  มิได้รายงานมาจากทางอื่นๆ เว้นแต่สายรายงานชนิดอาฮ๊าด ส่วนนักรายงานหะดีษบทนี้ก็ถูกตำหนิ  
ผมขออนุญาตินำเสนอหลักฐานความดออีฟในสายรายงานให้คุณพิจารณาดังนี้ครับ


→สายรายงานที่ หนึ่ง -  
ในหนังสือมัจญ์มะอุซ ซะวาอิดโดยอัลฮัยษะมี  หะดีษที่ 16424
وعن ابن عمر أن النبي صلى الله عليه و سلم قال :  من سب أصحابي فعليه لعنة الله
 رواه البزار والطبراني في الكبير والأوسط ولفظه : \\\" لعن الله من سب أصحابي \\\" .
وفي إسناد البزار سيف بن عمر وهو متروك وفي إسنادي الطبراني عبد الله بن سيف الخوارزمي وهو ضعيف

จากอิบนุอุมัร  ท่านนะบี(ศ) – ผู้ใดด่าทอซอฮาบะฮ์ของฉัน การสาปแช่งของอัลลอฮ์จะตกอยู่กับผู้นั้น  อัลบัซซ้ารรายงาน และอัตต็อบรอนีรายงานไว้ในอัลกะบีรและอัลเอาซัฏว่า ขออัลลอฮ์สาปแช่งผู้ที่ด่าทอซอฮาบะฮ์ของฉัน

อัลฮัยษะมีวิจารณ์ว่า : ในอิสนาดของอัลบัซซ้าร มีนักรายงานชื่อ สัยฟ์ บินอุมัร เขามัตรู๊ก(ถูกทิ้ง) และในอิสนาดของอัตต็อบรอนี มีนักรายงานชื่อ อับดุลลอฮ์ บินสัยฟ์ อัลค่อวาริซมี เขาดออีฟ(อ่อนแอ)

→สายรายงานที่  สอง –
ในหนังสือมัจญ์มะอุซ ซะวาอิดโดยอัลฮัยษะมี  หะดีษที่ 16426

وعن ابن عباس قال : قال رسول الله صلى الله عليه و سلم :
 من سب أصحابي لعنه الله والملائكة والناس أجمعون
 رواه الطبراني وفيه عبد الله بن خراش وهو ضعيف
ผู้ใดด่าทอซอฮาบะฮ์ของฉัน  ขอให้อัลลอฮ์ มลาอิกะฮ์และมนุษย์ทั้งมวลสาปแช่งเขา

อัลฮัยษะมีวิจารณ์ว่า : อัตต็อบรอนีได้รายงาน ในสายรายงานนี้มีนักรายงานชื่อ อับดุลลอฮ์ บินคิรอช  เขาดออีฟ(อ่อนแอ)

→สายรายงานที่ สาม –
ในหนังสือมัจญ์มะอุซ ซะวาอิดโดยอัลฮัยษะมี  หะดีษที่ 16430
وعن أبي سعيد - يعني الخدري - قال : قال رسول الله صلى الله عليه و سلم :
 من سب أحدا من أصحابي فعليه لعنة الله
 قلت : له حديث في الصحيح غير هذا  رواه الطبراني في الأوسط وفيه ضعفاء وقد وثقوا
อบูสะอีด อัลคุดรีดเล่าว่า  ท่านรอซูล(ศ)  ผู้ใดด่าคนใดคนหนึ่งจากซอฮาบะฮ์ของฉัน การสาปแช่งของอัลลลอฮ์จะตกแก่เขาผู้นั้น
อัลฮัยษะมีวิจารณ์ว่า : สำหรับหะดีษนี้ยังมีหะดีษถูกต้องอื่นจากนี้อีก  อัตต็อบรอนีรายงานไว้ในอัลเอาซัฏ ในสายรายงานมีนักรายงานระดับดออีฟและที่เชื่อถือได้

→สายรายงานที่ สี่ –
ในหนังสือฟัยดุลเกาะดีร ชัรฮุลญามิอิซ ซ่อฆีร หะดีษที่ 7278
( لعن الله من سب أصحابي ) لما لهم من نصرة الدين فسبهم من أكبر الكبائر وأفجر الفجور بل ذهب بعضهم إلى أن ساب الشيخين يقتل
 ( طب عن ابن عمر ) بن الخطاب رمز المصنف لصحته وهو زلل كيف وفيه عبد الله بن سيف أورده الذهبي في الضعفاء وقال : لا يعرف وحديثه منكر وفي الميزان عن ابن عدي : رأيت له غير حديث منكر وعن العقيلي : حديثه غير محفوظ

ขออัลลอฮ์สาปแช่งผู้ที่ด่าทอซอฮาบะฮ์ของฉัน
ในหะดีษนี้มีนักรายงานชื่อ อับดุลลอฮ์ บินสัยฟ์ ซึ่งท่านซะฮะบีได้กล่าวถึงเขาไว้ในหมู่นักรายงานที่ดออีฟ โดยเขากล่าวว่า  ไม่รู้จัก และหะดีษของเขานั้นมุงกัร

→สายรายงานที่ ห้า –
ในหนังสือดุอะฟาอุล อะกีลี โดยอัลอะกีลี  อันดับที่ 818
عبد الله بن سيف عن مالك بن مغول حديثه غير محفوظ وهو مجهول بالنقل حدثنا على بن الحسن بن أبى العنبر قال حدثنا عبد الله بن أيوب المخرمي قال حدثنا عبد الله بن سيف الأزدي قال حدثنا مالك بن مغول عن عطاء عن بن عمر قال قال رسول الله صلى الله عليه و سلم لعن الله من سب أصحابى وفى النهى عن سب أصحاب رسول الله صلى الله عليه و سلم أحاديث ثابتة الأسانيد من غير هذا الوجه وأما اللعن فالرواية فيه لينة وهذا يروى عن عطاء مرسل
 
อับดุลลอฮ์ บินสัยฟ์ จากมาลิกบินมิฆวัล หะดีษของเขาไม่ได้ถูกจดจำ และเขามัจญ์ฮูลด้วยการรายงาน   อะลีบินอัลฮาซันบินอบิลอัมบัรเล่าให้เราฟัง เขากล่าวว่า  อับดุลลอฮ์บินอัยยูบอัลมัคร่อมีเล่าให้เราฟังเขากล่าวว่า อับดุลลอฮ์บินสัยฟ์อัลอะซะดีเล่าให้เราฟังเขากล่าวว่า มาลิกบินมิฆวัลเล่าให้เราฟังจากอะตออ์จากท่านอิบนุอุมัรเล่าว่า  ท่านรอซูล(ศ)กล่าวว่า  ขออัลลอฮ์สาปแช่งผู้ที่ด่าทอซอฮาบะฮ์ของฉัน  
และในเรื่องห้ามด่าทอซอฮาบะฮ์ของท่านรอซูล(ศ)นั้นมีหะดีษอื่นๆที่มีสายรายงานมั่นคงอื่นจากด้านนี้อีก  ส่วนกรณีสาปแช่ง ดังนั้นรายงานี้อ่อนแอ และนี่คือรายงานที่มาจากอะตอฮ์ ซึ่งเป็นหะดีษมุรซัล(ขาดตอน)

→สายรายงานที่ หก –
ในหนังสือลิซานุลมีซาน โดยอิบนุหะญัร อันดับที่ 1244
عبد الله بن سيف الخوارزمي عن مالك بن مغول وغيره قال بن عدي رأيت له غير حديث منكر
وقال العقيلي حديثه غير محفوظ عبد الله بن أيوب المخرمي عنه حدثنا مالك بن مغول عن عطاء عن بن عمر رضي الله عنهما مرفوعا لعن الله من سب أصحابي صوابه مرسل
 
อัลดุลลอฮ์บินสัยฟ์อัลค่อวาริซมี จากมาลิกบินมิฆวัลและคนอื่น...
ท่านอะกีลีกล่าวว่า  หะดีษของเขานั้นไม่ถูกจดจำ   อับดุลลอฮ์บินอัยยูบอัลมัคร่อมีจากเขา มาลิกบินมิฆวัลเล่าให้เราฟังจากอะตออ์จากท่านอิบนุอุมัรเป้นหะดีษมัรฟู๊อ์ เล่าว่า  (ท่านรอซูล ศ.)กล่าวว่า  ขออัลลอฮ์สาปแช่งผู้ที่ด่าทอซอฮาบะฮ์ของฉัน  แต่ที่ถูกต้องของมันคือเป้นหะดีษมุรซัล(ขาดตอน)  


→สายรายงานที่ เจ็ด –
ในหนังสือมุอ์ญัมเอาซัฏ โดยอัตต็อบรอนี  เล่ม 5 : 94 หะดีษที่ 4927

حَدَّثَنَا عَبْدُ الرَّحْمَنِ بْنُ الْحُسَيْنِ الصَّابُونِيُّ قال : نا علي بن سهل المدائني قال : نا أبو عاصم الضحاك بن مخلد ، عن ابن جريج ، عن عطاء ، عن عائشة ، قالت : قال رسول الله صلى الله عليه وسلم : « لا تسبوا أصحابي ، لعن الله من سب أصحابي » « لم يرو هذا الحديث عن ابن جريج إلا أبو عاصم ، تفرد به : علي بن سهل »
 
อับดุลเราะห์มาน บินอัลฮูเซน อัศศอบูนีเล่าให้เราฟังเขากล่าวว่า   อะลีบินสะฮัลอัลมะดาอินีเล่าให้เราฟังเขากล่าวว่า  อบูอาศิมอัฎเฎาะฮ๊าก บินมัคลัดเล่าให้เราฟัง จากอิบนุญุเรจญ์  จากอะตออ์ จากท่านหญิงอาอิชะฮ์เล่าว่า  ท่านรอซูล(ศ)กล่าวว่า  พวกท่านอย่าด่าทอซอฮาบะฮ์ของฉัน  ขออัลลอฮ์สาปแช่งผู้ที่ด่าทอซอฮาบะฮืของฉัน
หะดีษนี้ไม่ได้รายงานมาจากอิบนุญุเรจญ์เลย ยกเว้นอบูอาศิมเท่านั้น อะลีบินสะฮัลได้รายงายมันไว้เพียงคนเดียว
วิจารณ์  นักรายงานที่ชื่อ  อับดุลเราะห์มาน บินอัลฮูเซน อัศศอบูนี คนนี้มัจญ์ฮูล คือไม่มีตัวตน และไม่พบตำราริญาลเล่มใดกล่าวถึงชีวประวัติของเขาเอาไว้เลย  หากท่านต้องการเชิญคนดูเถิด

 
☻สรุป   →
หะดีษ  มัน สับบะ อัศฮาบี ฟะอะลัยฮิ ละอ์นะตุลเลาะฮ์ - ผู้ใดด่าทอซอฮาบะฮ์ของฉัน การสาปแช่งของอัลลอฮ์จะตกกับเขาผู้นั้น  ←



ตามที่คุณวาฮาบีได้อ่านผ่านมาแล้ว  สะนัด(สายรายงานหะดีษ)ทั้งหมด ถ้าไม่เป็นสะนัดอาฮ๊าด  ก็มีปัญหาที่ตัวผู้รายงานคือพวกเขาบางคนถูกตำหนิว่าดออีฟในการรายงาน   คุณจะไม่พบสักหนึ่งสะนัดเลยที่อยู่ในสถานะที่เชื่อถือได้
  •  

L-umar

☻ฝ่ายวาฮาบีได้โต้แย้งว่า  :

คุณชีอะฮ์ไปยกหะดีษดออีฟในเรื่องนี้มาแสดงให้ดูทำไม   ขอให้เราทิ้งหะดีษดออีฟเหล่านั้นไปให้หมด  แล้วเรามายึดหะดีษซอฮิ๊ฮ์ของท่านบุคอรีกันเถิด  ทีนี้คุณชีอะฮ์ยังกล้าที่จะตำหนิสายรายงานหะดีษในตำราซอฮิ๊ฮ์ของท่านบุคอรีอีกไหม ?


☺คุณชีอะฮ์กล่าวว่า  :

อย่าพึ่งดีใจไปครับคุณวาฮาบี      ท่านบุคอรีนั้นมีนิสัยชอบตัดลีสหะดีษ คือหมกเม็ดในรายละเอียดเนื้อหาของหะดีษและชอบตัดใจความของหะดีษออกไป      

ทำไมผมจึงกล่าวเช่นนี้ เหตุเพราะว่า ความจริงท่านบุคอรีไม่ยอมกล่าวถึงสาเหตุที่ว่า   ทำไมท่านนะบีมุฮัมมัด(ศ)จึงกล่าวว่า

لاَ تَسُبُّوا أَصْحَابِى ، فَلَوْ أَنَّ أَحَدَكُمْ أَنْفَقَ مِثْلَ أُحُدٍ ذَهَبًا مَا بَلَغَ مُدَّ أَحَدِهِمْ وَلاَ نَصِيفَهُ

พวกท่าน  จงอย่าด่าทอซอฮาบะฮ์ของฉัน

ดูซอฮีฮุลบุคอรี  หะดีษที่  3673



คำถามคือ              ท่านะบี(ศ)กล่าวหะดีษนี้กับใคร และเพราะอะไร ???


Φ ในตำราซอฮิ๊ฮ์มุสลิมได้บันทึกหะดีษนี้เอาไว้อย่างสมบูรณ์ ซึ่งเป็นการประจานท่านบุคอรีด้วยหะดีษบทเดียวกันนี้ดังนี้คือ :  
ท่านอบูสะอีด อัลคุดรีเล่าว่า :


كَانَ بَيْنَ خَالِدِ بْنِ الْوَلِيدِ وَبَيْنَ عَبْدِ الرَّحْمَنِ بْنِ عَوْفٍ شَىْءٌ فَسَبَّهُ خَالِدٌ

ปรากฏว่าระหว่างท่านคอลิด บินวาลีดกับท่านอับดุลเราะห์มาน บินเอาฟ์มีสิ่งหนึ่ง
แล้วคอลิดได้ด่าทอเขา(คือด่าอับดุลเราะห์มานบินเอาฟ์)


فَقَالَ رَسُولُ اللَّهِ -صلى الله عليه وسلم- « لاَ تَسُبُّوا أَحَدًا مِنْ أَصْحَابِى فَإِنَّ أَحَدَكُمْ لَوْ أَنْفَقَ مِثْلَ أُحُدٍ ذَهَبًا مَا أَدْرَكَ مُدَّ أَحَدِهِمْ وَلاَ نَصِيفَهُ »

ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)จึงได้กล่าวว่า  :
พวกเจ้าจงอย่าด่าทอคนหนึ่งคนใดจากซอฮาบะฮ์ของฉัน
เพราะหากคนหนึ่งคนใดของพวกท่านได้บริจาคทองประหนึ่งดังภูเขาอุฮุด ก็จะไม่เท่ากับพวกเขาบริจาคหนึ่งมุดหรือเพียงครึ่งมุด


* ดูซอฮิ๊ฮ์มุสลิม  หะดีษที่ 6652, 6653
ดูเวบhttp://hadith.al-islam.com/Display/Display.asp?hnum=4611&doc=1




คำถามสำหรับคุณวาฮาบี :

ขอถามคุณนะครับว่า   ซอฮาบะฮ์ที่ชื่อท่านคอลิด บินวาลีดจะต้องถูกอัลลอฮ์สาปแช่งด้วยใช่ไหม ?

เนื่องจากท่านคอลิดได้ด่าทอท่านอับดุลเราะห์มานตามที่ท่านมุสลิมบันทึกไว้

หากคุณตอบผมว่า  " ใช่ "  เชิญคุณละอ์นัตท่านคอลิดเถิด  เพื่อเราจะได้พิสูจน์ว่า พวกคุณมีความยุติธรรมจริงๆ
  •  

L-umar

หากถามว่า  
เหตุใดท่านนะบี(ศ)จึงกล่าวว่า (( ลาตะซุบบู อัศฮาบี...พวกท่านจงอย่าด่าซอฮาบะฮ์ของฉัน))  ?



อิบนุหะญัรอธิบายว่า

سَبَب لِهَذَا الْحَدِيث ، وَهُوَ مَا وَقَعَ فِي أَوَّله قَالَ : \\\" كَانَ بَيْن خَالِد بْن الْوَلِيد وَعَبْد الرَّحْمَن بْن عَوْف شَيْء ، فَسَبَّهُ خَالِد \\\"

สาเหตุของหะดีษนี้ มันคือสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนแรก  เขาเล่าว่า  ปรากฏว่าระหว่างท่านคอลิด บินวาลีดกับท่านอับดุลเราะห์มาน บินเอาฟ์มีสิ่งหนึ่ง
แล้วท่านคอลิดจึงได้ด่าทอท่านอับดุลเราะห์มานบินเอาฟ์


ดูหนังสือฟัตฮุลบารี เล่ม 10 : 468  หะดีษที่ 3397
 
วรรคท้ายๆท่านอิบนุหะญัรได้อธิบายว่า

وُقُوع التَّصْرِيح فِي نَفْس الْخَبَر بِأَنَّ الْمُخَاطَب بِذَلِكَ خَالِد بْن الْوَلِيد وَهُوَ مِنْ الصَّحَابَة الْمَوْجُودِينَ إِذْ ذَاكَ بِالِاتِّفَاقِ .

เกิดความชัดเจนในหะดีษเดียวกันนี้คือว่า แท้จริงบุรุษที่สอง(ที่ท่านนะบีกล่าวกับเขา)ตามนั้น (ว่าจงอย่าด่าซอฮาบะฮ์ของฉัน)คือ  ท่านคอลิด บินวาลีด และเขาคือซอฮาบะฮ์คนหนึ่ง..

ดูหนังสือฟัตฮุลบารี เล่ม 10 : 468  หะดีษที่ 3397



คำถามสำหรับวาฮาบี

ท่านคอลิด บินวาลีด จะถูกฮุก่มว่า ต้องถูกอัลลอฮ์ละอ์นัตด้วยหรือไม่ ?


เพราะพวกคุณอ้างว่าท่านนะบี(ศ)กล่าวว่า

مَنْ سَـبَّ أَصْحاَبِيْ فَعَلَيْهِ لَعْنَةُ اللهِ

ผู้ใดก็ตามที่ด่าทอซอฮาบะฮ์ของฉัน การสาปแช่งของอัลลอฮ์จะตกอยู่กับผู้นั้น
ดูมุอ์ญัมกะบีร โดยต็อบรอนี  หะดีษที่  12709
  •  

L-umar



۞ หากเราจะยึดฮุก่ม(กฎ)ที่ว่า  

ผู้ใดด่าทอซอฮาบะฮ์   ผู้นั้นต้องถูกอัลลอฮ์สาปแช่งมาเป็นบรรทัดฐาน และเอามาใช้กันแบบจริงๆ โดยไม่มีข้อยกเว้นกับใครหน้าไหนทั้งสิ้น  




มุอาวียะฮ์และพวกอุมัยยะฮ์ได้ด่าทอสาปแช่งท่านอาลีเป็นเวลาถึง 80 ปี ดูหลักฐานที่
http://www.q4sunni.com/believe/index.php?option=com_kunena&Itemid=71&func=latest&page=19&sel=8760


หลังจากท่านอ่านหะดีษที่พวกท่านรายงานเองว่ามุอาวียะฮ์และพวกอุมัยยะฮ์ด่าทอสาปแช่งท่านอาลี

คำถามสำหรับวาฮาบีคือ


 
1,ทำไมท่านปกป้องมุอาวียะฮ์แต่ท่านกลับเมินเฉยสิทธิของท่านอะลี  

2,ทำไมท่านนิ่งเงียบกับการที่มุอาวียะฮ์และพวกด่าทอคอลีฟะฮ์อาลี

3,ทำไมเวลามีคนวิจารณ์มุอาวียะฮ์ท่านโกรธ   แล้วตำหนิว่าเขาคนนั้นประนามซอฮาบะฮ์

4,หากหะดีษ ลา ตะซุบบู อัศฮาบีย์ – พวกท่านจงอย่าด่าทอซอฮาบะฮ์ของฉัน ถูกต้องจริง ไฉนท่านจึงไม่ประณามมุอาวียะฮ์และพวกอุมัยยะฮ์ที่สาปแช่งด่าทอท่านอะลี

5,หรือว่าศาสนาของท่านขัดแย้งกันในตัว  คือทั้งรักมุอาวียะฮ์ผู้ด่าและรักท่านอะลีผู้ถูกด่า

6,หรือว่าศาสนาของท่านปกป้องมุอาวียะฮ์และพวกอุมัยยะฮ์ที่ล่วงเกินท่านอาลี

7,หรือว่าศาสนาของท่านปกป้องคนชั่ว
  •  

L-umar

โอ้ชาววาฮาบีทั้งหลาย !!!

พวกท่านอ้างว่า   ท่านนะบีห้ามด่าทอซอฮาบะฮ์    



สิ่งที่น่าแปลกใจคือ  พวกอุมัยยะฮ์ไม่เคยได้ยินท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)กล่าวดอกหรือว่า


مَنْ سَبَّ عَلِيًّا فَقَدْ سَبَّنِي


ผู้ใดด่าทออาลี  เท่ากับผู้นั้นด่าทอฉัน

สถานะหะดีษ  : ซอฮิ๊ฮ์  ดูมุสนัดอะหมัด หะดีษที่  26791 ฉบับตรวจทานโดยเชคอัรนะอูฏี



ท่านฮากิม บันทึกว่า ท่านรอซูล(ศ)กล่าวว่า

من سب عليا فقد سبني ، ومن سبني فقد سب الله تعالى

ผู้ใดด่าทออาลี  เท่ากับผู้นั้นด่าทอฉัน  และผู้ใดด่าทอฉัน เท่ากับผู้นั้นด่าทออัลลอฮ์ตะอาลา

ดูอัลมุสตัดร็อก  หะดีษที่  4594



ท่านอัลมุนาวี อธิบายหะดีษที่ท่านนะบีกล่าวว่า

( من سب عليا ) بن أبي طالب ( فقد سبني فقد سب الله )

ผู้ใดด่าทออาลี  เท่ากับผู้นั้นด่าทอฉัน  และผู้ใดด่าทอฉัน เท่ากับผู้นั้นด่าทออัลลอฮ์

ومن سب الله فهو أعظم الأشقياء وفيه إشارة إلى كمال الاتحاد بين المصطفى والمرتضى بحيث أن محبة الواحد توجب محبة الآخر وبغضه يوجب بغضه

และผู้ใดด่าทออัลลอฮ์ เขาคือคนชั่วช้าที่สุด และหะดีษนี้ได้ชี้ถึงการรวมตัวกันอย่างสมบูรณ์ระหว่างท่านนะบีกับท่านอะลี  กล่าวคืออันความรักที่มีต่อบุคคลหนึ่งนั้นส่งผลให้ต้องรักต่ออีกบุคคลหนึ่ง  และการเกลียดชังที่มีต่อบุคคลหนึ่งนั้นส่งผลให้ต้องชิงชังต่อบุคคลหนึ่งไปด้วย


ดูฟัยดุลเกาะดีร  โดยอัลมุนาวี เล่ม  6 : 147 หะดีษที่ 8736



และท่านอัลมุนาวียังกล่าวว่า  หะดีษข้างต้นนี้ มีสถานะซอฮิ๊ฮ์ดังนี้

( من سب عليا ) أي ابن أبي طالب ( فقد سبني ) أي فكأنه سبني ( ومن سبني فقد سب الله ) ومن سب الله فهو أعظم الاشقياء ( حم ك عن أم سلمة ) واسناده صحيح
كتاب : التيسير بشرح الجامع الصغير  للمناوى  ج 2 ص 817

ผู้
ใดด่าทออาลี  เท่ากับผู้นั้นด่าทอฉัน  และผู้ใดด่าทอฉัน เท่ากับผู้นั้นด่าทออัลลอฮ์
และผู้ใดด่าทออัลลอฮ์ เขาคือคนชั่วช้าที่สุด  และอิสนาดของหะดีษนี้   ซอฮิ๊ฮ์ (ถูกต้อง)

ดูหนังสืออัตตัยซีร บิชัรฮิลญามิอิซ ซ่อฆีร  โดยอัลมุนาวี เล่ม 2 : 817


ท่านมุลลาอาลีอัลกอรีได้อธิบายหะดีษที่ท่านรอซูล(ศ)กล่าวว่า

من سب عليا أي من جهة النسب فقد سبني أي من شتم عليا فكأنه شتمني فمقتضاه أن يكون سب علي كفرا أو هو محمول على التهديد والوعيد أو مبني على الاستحلال والله أعلم
كتاب : مرقاة المفاتيح شرح مشكاة المصابيح  الملا على القاري  ج 17  ص 447

ผู้ใดด่าทออาลี  หมายถึงในแง่ของเชื้อสาย เท่ากับผู้นั้นด่าทอฉัน  คือหมายถึงผู้ใดด่าว่าต่ออาลี อย่างกับว่าเขาได้ด่าว่าฉัน   ดังนั้นตามสภาพของเขา การด่าว่าอาลีนั้นถือเป็นการกุฟร์(ตกอยู่ในสภาพไร้ศรัทธา) หรือไม่ก็ให้ความหมายว่าเป็นการขู่สำทับ  การเตือนให้ระวังหรือตั้งอยู่บนอิสติ๊ห์ล้าล(อนุมัติให้สังหารได้) วัลลอฮุ อะอ์ลัม


ดูหนังสือมิรกอตุลมะฟาติ๊ห์ ชัรฮุมิชกาตุลมะซอบิ๊ห์ โดยมุลลาอาลีอัลกอรี เล่ม 17 : 447


คำถามสำหรับวาฮาบี

ท่านกล้าฮุก่มมุอาวียะฮ์และพวกอุมัยยะฮ์ไหมว่า พวกเขาได้ด่าทออัลเลาะฮ์และรอซูล ???
  •  

L-umar


จะเห็นได้ว่า    พวกวาฮาบีและพวกอะชาอิเราะฮ์    พยายามสรรหาคำฟัตวาต่างๆจากอุละมาอ์ของพวกเขามาฮุก่มชีอะฮ์ด้วยสาเหตุที่ว่า พวกชีอะฮ์ได้เข้าไปวิพากษ์วิจารณ์เรื่องราวของซอฮาบะฮ์   ซึ่งการวิจารณ์ไม่ใช่เป็นการด่าทอว่าร้ายซอฮาบะฮ์


ในขณะเดียวกันพวกเขากลับนิ่งเฉยมาตลอดกับเรื่องที่มุอาวียะฮ์และพวกอุมัยยะฮ์ด่าทอสาปแช่งท่านอาลีมาช้านนาน  

หรือแม้แต่นักปราชญ์ซุนนี่บางส่วนที่ได้ทำการด่าทอว่าร้ายท่านอาลี บินอบีตอลิบซึ่งเป็นทั้งอะฮ์ลุลบัยต์ เป็นซอฮาบะฮ์และเป็นคอลีฟะฮ์   อาทิเช่น  

☼ คอลิด บินอับดุลลอฮ์ อัลก็อสรี ☼

ชาวดามัสกัส   นักรายงานหะดีษผู้นี้ ได้ด่าทอว่าร้ายท่านอาลี  แต่โลกซุนนี่ทำนิ่งเฉย ซ้ำยิ่งกว่านั้นยังสรรเสริญยกย่องเขาอีกด้วย
 

→ท่านซะฮะบีกล่าวว่า

خالد بن عبدالله القسرى الدمشقي
صدوق لكنه ناصبى بغيض، ظلوم   قال ابن معين: رجل سوء يقع في على

คอลิด บินอับดุลลอฮ์ อัลก็อสรี   เชื่อได้ แต่เขาเป็นนาศิบ ชิงชังท่านอาลี

อิบนุมะอีนกล่าวว่า  เขาคือคนชั่ว  ด่าทอว่าร้ายท่านอาลี  

ดูมีซานุลอิ๊อ์ติดาล  อันดับที่ 2436


→ท่านอิบนุหะญัรกล่าวว่า

คอลิด บินอับดุลลอฮ์ บินยาซีดบินอะซัด อัลก็อสรี  เป็นผู้ปกครอง ฉายาอบุลกอสิม
ในปีฮ.ศ.  106 คอลิดบินอับดุลลอฮ์ได้ปกครองอิรัก โดยฮิชามบินอับดุลมะลิกเป็นคนแต่งตั้งเขา ต่อมาก็ปลดเขาในปีฮ.ศ. 125 และเขาถูกสังหารในปีฮ.ศ.136  ตอนนั้นเขาอายุ60ปี  
قال عبدالله بن أحمد بن حنبل سمعت يحيى بن معين قال خالد بن عبدالله القسري كان واليا لبني أمية وكان رجل سوء وكان يقع في علي بن أبي طالب رضي الله عنه

ท่านอับดุลลอฮ์ บุตรอิม่ามอะหมัดเล่าว่า :
ฉันได้ยินท่านยะห์ยาบินมะอีนกล่าวว่า  คอลิดบินอับดุลลอฮ์ อัลก็อสรี เป็นข้าหลวงรับใช้ของพวกอุมัยยะฮ์ และเขาเป็นคนชั่วและเคยด่าว่าร้ายท่านอะลีบินอบีตอลิบ


ดูตะฮ์ซีบุต ตะฮ์ซีบ  อันดับที่ 189



→เชคสะฟัร ฮะวาลี นักปราชญ์วาฮาบีให้การยกย่องผู้ด่าทอท่านอาลีคนนี้ว่า


خالد بن عبد الله بن يزيد بن أسد القسري الدمشقي، أمير العراقيين، توفي -رحمه الله- سنة (126) هـ .

คอลิด บินอับดุลลอฮ์ อัลก็อสรี หัวหน้าของชาวอิรัก ท่านมรณะในปีฮ.ศ. 126 ขออัลลอฮ์ทรงเมตตาเขาด้วย

ดูเวบอัลฮะวาลี
http://www.alhawali.com/index.cfm?method=home.showFahras&id=1000021&ftp=Alam


โอ้ชาววาฮาบีเอ๋ย   พวกท่านสร้างสโลแกนลวงโลกว่า  เชิดชูซอฮาบะฮ์บ้าง ปกป้องลูกหลานนะบีบ้าง สารพัดสรรหาคำหวานมาโฆษณา  



คำถามสำหรับวาฮาบี

1.   ท่านใช้ดับเบิ้ลสแตนดาร์ดในเรื่องการด่าว่าซอฮาบะฮ์กระนั้นหรือ ?  

2.   ทำไมท่านนิ่งเฉยต่อคนที่ด่าทอท่านอาลี

3.   ทำไมท่านให้การยกย่องคนที่ด่าทอท่านอาลี

4.   หรือว่า กฎห้ามด่าทอซอฮาบะฮ์นี้ท่านสร้างขึ้นมาเพื่อ ปกป้องซอฮาบะฮ์ที่ท่านรักเท่านั้น
  •  

L-umar


โอ้วาฮาบีมาตรว่า ความรักที่มีต่อซอฮาบะฮ์คือดีนอิสลามและการวิจารณ์ซอฮาบะฮ์คือการกุโฟ้รจริง  

ทำไมไม่มีกุรอ่านสักอายัตหนึ่งกล่าวไว้อย่างชัดเจนเหมือนที่อัลลอฮ์ตะอาลาทรงตรัสถึงการมอบความรักให้กับอะฮ์ลุลบัยต์นะบี


อาทิเช่น อัลลอฮ์ตะอาลาตรัสว่า

قُلْ لَا أَسْأَلُكُمْ عَلَيْهِ أَجْرًا إِلَّا الْمَوَدَّةَ فِي الْقُرْبَى

จงกล่าวเถิด(มุฮัมมัด)  ฉันมิได้ขอร้องค่าตอบแทนใด ๆ เพื่อการนี้ เว้นแต่เพื่อความรักใคร่ในญาติสนิท      

ซูเราะฮ์อัช-ชูรอ  : 23



☻หากถามว่า  กะรอบะฮ์(ญาติสนิท)ของท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)ในที่นี่คือใคร ???


☺เชิญท่านรับฟังจากปากอุละมาอ์ของพวกท่านเองเถิด

حدثنا برهان بن علي الصوفي، حدثنا محمّد بن عبد الله بن سليمان الحضرمي، حدثنا حرب بن الحسن الطحان، حدثنا حسين الأشقر، عن قيس، عن الأعمش، عن سعيد بن جبير، عن ابن عباس،
 قال : لما نزلت {قُل أَسْ َلُكُمْ عَلَيْهِ أَجْرًا إِلا الْمَوَدَّةَ فِى الْقُرْبَى} قالوا : يارسول الله من قرابتك هؤلاء الّذين وجبت علينا مودّتهم ؟  قال : «علي وفاطمة وأبناءهما»،


ท่านอิบนุอับบาสเล่าว่า  :    เมื่ออายัตมะวัดดะฮ์ถูกประทานลงมา  พวกเขา(ซอฮาบะฮ์)กล่าวว่า  โอ้ท่านรอซูลุลลอฮ์ ใครคือกะรอบะฮ์ของท่านที่เป็นวายิบต้องแสดงความรักต่อพวกเขา ?  
ท่านตอบว่า  คืออาลี  ฟาติมะฮ์และบุตรชายทั้งสองของเขา




۞หะดีษดังกล่าวถูกรายงานโดยมุฟัสสิรอะฮ์ลุสซุนนะฮ์ดังต่อไปนี้

ท่านษะละบีกล่าวไว้ในตัฟสีรอัลกัชฟุวัลบะยาน  เล่ม 12 : 52
ท่านอิบนุอะตียะฮ์กล่าวไว้ในตัฟสีรมุหัรริรุลวะญีซ  เล่ม 6 : 50
ท่านสิยูตีกล่าวไว้ในตัฟสีรดุรรุลมันษูร  เล่ม 9 : 66
ท่านอิบนิอบีอาติมกล่าวไว้ในตัฟสีรอิบนิอบีฮาติม  เล่ม 12 : 195
ท่านอบุสสะอู๊ดกล่าวไว้ในตัฟสีรอบุลสสะอู๊ด  เล่ม 6 : 80
ท่านอะลูซี่กล่าวไว้ในตัฟสีรอัลอะลูซี  เล่ม 18 : 263
ท่านอบูฮัยยานกล่าวไว้ในตัฟสีรบะห์รุลมุฮีฏ  เล่ม 9 : 476
ท่านบัยฎอวีกล่าวไว้ในตัฟสีรอัลบัยฎอวี  เล่ม 5 : 152
ท่านฟัครุลรอซีกล่าวไว้ในตัฟสีรอัลกะบีร(รอซี)  เล่ม 13 : 432
ท่านนะสะฟีกล่าวไว้ในตัฟสีรอันนะสะฟี  เล่ม 3 : 280
ท่านเชากานีกล่าวไว้ในตัฟสีรฟัตฮุลเกาะดีร  เล่ม 6 : 381


สิบเอ็ดมุฟัสสิรซุนนี่ระบุว่า  หนึ่งในญาติสนิทของท่านนะบี(ศ)คือ ท่านอะลี บินอบีตอลิบ ที่มุสลิมจำเป็นต้องแสดงความรักต่อเขา



คำถามสำหรับวาฮาบี

มุอาวียะฮ์และพวกอุมัยยะฮ์ได้แสดงความรักต่อท่านอาลีในฐานะกะรอบะตุลรอซูล(ศ)ด้วยการด่าทอสาปแช่งกระนั้นหรือ ?

ทำไมกฎที่ท่านสร้างขึ้นมาว่า ห้ามด่าทอซอฮาบะฮ์ จึงไม่ถูกนำมาใช้กับพวกเขาเหล่านี้ ?
  •  

L-umar

۞   มุหัดดิษอะฮ์ลุสซุนนะฮ์กับอายะฮ์มะวัดดะฮ์ฟิลกุรบา


Θ อัลฮากิม อันนัยซาบูรี บันทึกว่า

حدثنا أبو محمد الحسن بن محمد بن يحيى ابن أخي طاهر العقيقي الحسني ، ثنا إسماعيل بن محمد بن إسحاق بن جعفر بن محمد بن علي بن الحسين ، حدثني عمي علي بن جعفر بن محمد ، حدثني الحسين بن زيد ، عن عمر بن علي ، عن أبيه علي بن الحسين قال :
خطب الحسن بن علي الناس حين قتل علي

ท่านฮาซัน บินอาลีได้ปราศัยกับประชาชนในวันที่ท่านอาลีเสียชีวิตว่า : ...

أَيُّهَا النَّاسِ مَنْ عَرَفَنِيْ فَقَدْ عَرَفَنِيْ وَمَنْ لَمْ يَعْرِفْنَيْ فَأَنَا الْحَسَنُ بْنُ عَلِيٍّ وَأَنَا بْنُ النَّبِيِّ وَأَنَا بْنُ الْوَصِيِّ  وَأَنَا بْنُ الْبَشِيْرِ وَأَنَا بْنُ الَّنذِيْرِ وَأَنَا بْنُ الدَّاعِيِّ إِلَى اللهِ بِإِذْنِهِ وَأَنَا بْنُ السِّرَاجِ الْمُنِيْرِ وَأَنَا مِنْ أَهْلِ الْبَيْتِ الَّذِيْ كَانَ جَبْرِيْلُ يَنْزِلُ إِلَيْنَا وَيَصْعَدُ مِنْ عِنْدِنَا وَأَنَا مِنْ أَهْلِ الْبَيْتِ الَّذِيْ أَذْهَبَ اللهُ عَنْهُمُ الرِّجْسَ وَطَهَّرَهُمْ تَطْهِيْرًا وَأَنَا مِنْ أَهْلِ الْبَيْتِ الَّذِيْ اِفْتَرَضَ اللهُ مَوَدَّتَهُمْ عَلَى كُلِّ مُسْلِمٍ فَقَالَ تَبَارَكَ وَتَعَالَى لِنَبِيِّهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلّم قُل لَّا أَسْأَلُكُمْ عَلَيْهِ أَجْرًا إِلَّا الْمَوَدَّةَ فِي الْقُرْبَى وَمَن يَقْتَرِفْ حَسَنَةً نَّزِدْ لَهُ فِيهَا حُسْنًا  {الشورى/23}  فَإِقْتِرَافُ الْحَسَنَةِ مَوَدَّتُـنَا أَهْلُ الْبَيْتِ.

โอ้ประชาชนทั้งหลาย  ผู้ใดรู้จักฉันเท่ากับเขาได้รู้จักฉันดีแล้ว แต่ถ้าผู้ใดยังไม่เคยรู้จักฉัน  ดังนั้น(ขอแนะนำตัวว่า) ฉันคืออัลฮาซันบุตรของอะลี, ฉันคือบุตรหลานของท่านนะบี, ฉันคือบุตรของวะซี, ฉันคือบุตรของผู้บอกข่าวดี, ฉันคือบุตรของผู้แจ้งข่าวร้าย, ฉันคือบุตรของผู้เชิญชวนสู่อัลลอฮ์ด้วยอนุมัติของพระองค์, ฉันคือบุตรของประทีปแห่งแสงสว่าง, ฉันคือหนึ่งจากอะฮ์ลุลบัยต์ที่ท่านญิบรีลลงมาหาพวกเราและขึ้นไปจากพวกเรา,
ฉันคืออะฮ์ลุลบัยต์คนหนึ่งที่อัลลอฮ์ขจัดความโสมมออกไปจากพวกเขาและชำระพวกเขาจนบริสุทธิ์ไร้มลทิน, ฉันคืออะฮ์ลุลบัยต์คนหนึ่งที่อัลลอฮ์ทรงกำหนดว่าความรักที่มีต่อพวกเขาคือฟัรฎูของมุสลิมทุกคน ดังที่อัลลอฮ์ทรงตรัสว่า

จงกล่าว ( ต่อมุสลิมทั้งหลายเถิดมุฮัมมัด )  ว่า ฉันไม่ขอค่าตอบแทนใด ๆ เพื่อการประกาศอิสลามนี้ ยกเว้น ให้แสดงความรักต่อญาติสนิท  

แล้วผู้ใดได้ทำดี เราจะเพิ่มพูลให้เขาในการนั้นซึ่งความดี) เพราะฉะนั้นการทำความดีในที่นี้หมายถึง การแสดงความรักต่อเรา อะฮ์ลุลบัยต์      

ดูหนังสือ อัลมุสตัดร็อก อัลฮากิม เล่ม 11 : 114 หะดีษที่ 4785
มุอ์ญัมเอาซัฏ เล่ม 5 : 199 หะดีษที่  2244




Θ อัต ต็อบรอนีบันทึกว่า

حدثنا محمد بن عبد الله ثنا حرب بن الحسن الطحان ثنا حسين الأشقر عن قيس بن الربيع عن الأعمش عن سعيد بن جبير : عن ابن عباس رضي الله عنهما قال : لما نزلت { قل لا أسألكم عليه أجرا إلا المودة في القربى } قالوا : يا رسول الله ومن قرابتك هؤلاء الذين وجبت علينا مودتهم ؟ قال : علي و فاطمة وابناهما

ท่านอิบนุอับบาสเล่าว่า  :    

เมื่ออายัตมะวัดดะฮ์ฟิลกุรบาถูกประทานลงมา  พวกเขา(ซอฮาบะฮ์)กล่าวว่า  โอ้ท่านรอซูลุลลอฮ์ ใครคือกะรอบะฮ์ของท่านที่เป็นวายิบต้องแสดงความรักต่อพวกเขา ?
 
ท่านตอบว่า  คืออาลี  ฟาติมะฮ์และบุตรชายทั้งสองของเขา

มุอ์ญัมเอาซัฏ เล่ม 3 : 47 หะดีษที่ 2641  และเล่ม 11 : 444 หะดีษที่ 12259


   
Θอิบนุญะรีรบันทึกว่า

ท่านอะลี บินฮูเซน (ซัยนุลอาบิดีน)กล่าวว่า ฉันคือกุรบา ญาติสนิทของท่านศาสดา
 
عن السديّ، عن أبي الديلم قال : لَمَّا جِيْءَ بِعَلِيِّ بْنِ الْحُسَيْنِ رَضِيَ اللهُ عَنْهُ أَسِيْراً، فَأُقِيْمَ عَلَى دَرَجِ دِمَشْق، قَامَ رَجُلٌ مِنْ أَهْلِ الشَّامِ فَقَالَ : اَلْحَمْدُ لِلَّهِ الَّذِيْ قَتَلَكُمْ وَاسْتَأْصَلَكُمْ، وَقَطَعَ قَرْنَ الْفِتْنَةِ، فَقَالَ لَهُ عَلِيُّ بْنُ الْحُسَيْنِ رَضِيَ اللهُ عَنْهُ : أَقَرَأْتَ الْقُرْآنَ ؟  قَالَ: نَعَمْ، قَالَ: أَقَرَأْتَ آلَ حم ؟  قَالَ : قَرَأْتُ الْقُرْآنَ وَلَمْ أَقْرَأْ آلَ حم ؟   قَالَ : مَا قَرَأْتَ : { قُل لاَّ أَسْـئَلُكُمْ عَلَيْهِ أَجْراً إِلاَّ ٱلْمَوَدَّةَ فِى ٱلْقُرْبَىٰ }  قَالَ : وَإِنَّكُمْ لَأَنْتُمْ هُمْ ؟   قَالَ : نَعَمْ .

อัซ-ซุดดีรายงานจากท่านอบี อัด-ดัยลัมเล่าว่า :  

ตอนที่ท่านอะลี บุตรชายของท่านฮูเซนถูกคุมตัวเป็นเชลยมายืนอยู่ที่ถนนเมืองดามัสกัส  มีชายชาวเมืองซีเรียคนหนึ่งด่าท่านว่า : ขอบคุณอัลลอฮ์ที่ทรงสังหารพวกเจ้าและตัดเขาแห่งความวุ่นวาย

ท่านอะลี บุตรฮูเซนได้ถามชายชาวเมืองซีเรียคนนั้นว่า   : ท่านอ่านอัลกุรอ่านบ้างไหม ?  

ชายชาวเมืองซีเรีย :  เคยอ่านสิ    

ท่านอะลีบุตรฮูเซน : แล้วท่านเคยอ่านซูเราะฮ์อัชชูรอ(บทที่43)บ้างไหม

ชายชาวเมืองซีเรีย   :  ฉันเคยอ่านอัลกุรอ่าน แต่ไม่เคยอ่านซูเราะฮ์อัชชูรอ

ท่านอะลี บุตรฮูเซน  : ท่านคงไม่เคยอ่านโองการที่อัลลอฮฺทรงตรัสว่า  

จงกล่าวเถิด(มุฮัมมัดต่อมุสลิมทั้งหลายว่า) ฉันไม่ขอค่าตอบแทนใด ๆ เพื่อการประกาศอิสลามนี้ ยกเว้น ให้แสดงความรักต่อญาติสนิท ) นี้ใช่ไหม ?  

ชายชาวเมืองซีเรียถามว่า   :  พวกท่านคืออัลกุรบา(ญาติสนิท)ของท่านศาสดามุฮัมมัดกระนั้นหรือ ?

ท่านอะลี บุตรฮูเซน ตอบว่า  :  ใช่แล้ว          

ดูตัฟสีรอัต-ต็อบรี   อิบนุ ญะรีร เล่ม 21 หน้า 528  ดูบทอัช-ชูรอ : 23


หะดีษเหล่านี้ได้บอกเล่าว่า   ใครคือญาติสนิทที่สุดของท่านนะบี(ศ)ที่มุสลิมจำเป็นต้องมอบความรักให้กับพวกเขา
  •  

L-umar


อย่างไรก็ตามการตัฟสีรและหะดีษของอุละมาอ์ซุนนี่เหล่านี้ยังไม่อาจทำให้วาฮาบีที่ใจมืดบอดเปิดตาใจยอมรับว่า  

ท่านอาลี  ฟาติมะฮ์และฮาซันกับฮูเซนคือญาติสนิทที่สุดของท่านศาสดามุฮัมมัด(ศ)ได้หรอกเราทราบดี  

เพราะคำถามที่วาฮาบีจะนำมาอ้างกับชีอะฮ์แบบทุเรศคือ


หะดีษที่ยกมานั้นมันไม่ซอฮิ๊ฮ์  คือไม่อยู่ในระดับที่จะเชื่อได้ว่า บุคคลทั้งสี่คือญาติสนิทของท่านนะบี(ศ)


ความเป็นจริงเราไม่จำเป็นต้องยกหลักฐานใดมายืนยันหรอกว่า บุคคลทั้งสี่คือญาติสนิทที่สุดของท่านนะบี(ศ)

เพราะบุคคลทั้งสี่คือญาติสนิทที่สุดของท่านนะบี(ศ)อันเป็นที่รู้กันอยู่แล้วในหมู่ซอฮาบะฮ์



แต่ที่วาฮาบีถามหาหลักฐานซอฮิ๊ฮ์ในเรื่องนี้ เพราะพวกเขาต้องการปกป้องมุอาวียะฮ์และพวกอุมัยยะฮ์รวมทั้งนักปราชญ์บางส่วนของพวกเขาที่ด่าทอว่าร้ายญาติสนิทของท่านรอซูล(ศ) ก็เท่านั้นเองเนื่องจากนัยยะของอายะฮ์มะวัดดะฮ์ฟิลกุรบาเป็นโองการที่ชีอะฮ์สามารถนำมาถามพวกวาฮาบีว่า


เมื่ออัลกุรอ่านสั่งให้รักญาติสนิทของท่านรอซูล(ศ)  ทำไมยังมีชาวสะลัฟและค่อลัฟบางส่วนด่าว่าท่านอาลี ???

คำถามนี้จะย้อนศรกลับไปยังพวกวาฮาบีว่า  หากมีรายงานว่าท่านนะบี(ศ)สั่งห้ามด่าว่าซอฮาบะฮ์จริงๆ   ทำไมคนกลุ่มแรกที่ทำบิดอะฮ์โดยริเริ่มด่าทอสาปแช่งซอฮาบะฮ์นั้นก็คือมุอาวียะฮ์และพวกอุมัยยะฮ์มิใช่หรือ ???

และซอฮาบะฮ์ที่ถูกด่าทอสาปแช่งมากที่สุดในหน้าประวัติศาสตร์อิสลามคือ ท่านอาลีใช่ไหม ?

คำถามต่อมาคือ  ทำไมชาวสะลัฟและค่อลัฟบางส่วนจึงกล้าด่าทอว่าร้ายชายที่ชื่ออาลี ???

หรือว่า ชาวสะลัฟและค่อลัฟเหล่านั้นไม่รู้จักสถานะของชายชื่ออาลี ???

หรือว่า ชาวสะลัฟและค่อลัฟเหล่านั้นรู้จักสถานะของชายชื่ออาลีดี แต่เจตนาจะด่าทอเขา ???
  •  

L-umar


۞  ทีนี้ถ้าถามว่า  อาลีคนนี้เป็นอะไรกับท่านนะบี(ศ)  เราจะพบหลักฐานดังนี้


☼ ท่านหญิงอุมมุ สะละมะฮ์เล่าว่า :


أَنَّ النَّبِيَّ صلى الله عليه و سلم جَلَّلَ عَلَى الْحَسَنِ وَالْحُسَيْنِ وَعَلِيٍّ وَفَاطِمَةَ كِسَاءً
ثُمَّ قَالَ : اللّهُمَّ هَؤُلاءِ أهْلُ بَيْتِيْ وَخَاصَّـتِيْ أذْهِبْ عَنْهُمُ الرِّجْسَ وَطَهِّرْهُمْ تَطْهِيْراً
فَقَالَتْ أمُّ سَلَمَة وَاَنَا مَعَهُمْ يَا رَسُوْلَ اللهِ ؟  قَالَ (ص) : إنَّكِ اِلَى خَيْرٍ

แท้จริงท่านนบี(ศ)ได้เอาผ้ากีซาคลุมบนตัวอัลฮาซัน ,อัลฮูเซน,อาลีและฟาติมะฮ์

จากนั้นท่านกล่าวว่า  : โอ้อัลลอฮ์บุคคลเหล่านี้คืออะฮ์ลุลบัยต์ของข้าพเจ้า และเป็นอะฮ์ลุลบัยต์พิเศษของข้าพเจ้า  

โปรดขจัดความโสมมออกจากพวกเขา และโปรดชำระพวกเขาให้สะอาดบริสุทธิ์ด้วยเถิด

ท่านหญิงอุมมุสะละมะฮ์(ร.ฎ)กล่าวว่า : ขอให้ข้าพเจ้าได้อยู่พร้อมกับพวกเขาด้วยเถิด  โอ้ท่านรอซูลุลลอฮ์     ท่านตอบว่า :  เธอไปยังความดี

สถานะหะดีษ  : ซอฮิ๊ฮ์  ดูซอฮีฮุต-ติรมิซี  หะดีษที่ 3038  ตรวจทานโดยเชคอัลบานี


หะดีษข้างต้นระบุว่า  อาลีคืออะฮ์ลุลบัยต์ค็อศ(ญาติสนิทคนหนึ่ง)ของท่านนะบี(ศ) แล้วไง ?


☼ ท่านสะอัด บุตรอบีวักกอศเล่าว่า :

لَمَّا نَزَلَتْ هذِهِ الْآيَةُ : { .. فَقُلْ تَعَالَوْاْ نَدْعُ أَبْنَاءنَا وَأَبْنَاءكُمْ .. }
 دَعَا رَسُوْلُ الله ( ص ) عَلِيًّا وَ فَاطِمَةَ وَ حَسَنًا وَ حُسَيْنَا فَقَالَ : \\\" اللّهُمَّ هؤُلاَءِ أَهْلِيْ

เมื่อโองการนี้ประทานลงมา:    ( ดังนั้นจงมาเถิด เราก็จะเรียกลูก ๆ ของเรา และลูกของพวกท่าน...  )

ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)ได้เรียก อะลี ฟาติมะฮ์ ฮาซันและฮูเซนมา  

แล้วกล่าวว่า :   โอ้อัลลอฮ์  พวกเขาเหล่านี้คือ (อะฮ์ลี) ครอบครัวของข้าพเจ้า

ดูซอฮิ๊ฮ์มุสลิม  หะดีษที่ 4420


☼ ท่านฮุบชี บินญุนาดะฮ์เล่าว่า :


قَالَ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ :     عَلِيٌّ مِنِّي وَأَنَا مِنْهُ

ท่านรอซูลุลเลาะฮ์(ศ)กล่าวว่า  :  อาลีมาจากฉัน   และ   ฉันมาจากเขา


ดูหนังสือสุนันติรมิซี   หะดีษที่ 4085
สุนันอิบนิมาญะฮ์  หะดีษที่ 124
สุนันกุบรอ   นะซาอี  หะดีษที่ 8146,8147
มุสนัดอะหมัด  หะดีษที่ 16853,16856,16857,16858
มุอ์ญัมกะบีร อัตต็อบรอนี หะดีษที่ 3511,3513
มุสนัดอิบนิอบีชัยบะฮ์  หะดีษที่ 844
มุสนัดอบียะอ์ลา  หะดีษที่ 355
มุศ็อนนัฟอับดุลร่อซ๊าก หะดีษที่ 439




หะดีษเหล่านี้ยังไม่พออีกหรือที่จะบอกว่า  อาลีคือญาติสนิทของท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)  แล้วไง ?


۩ ก็แล้วเมื่อท่านนะบี(ศ)วะฟาตในปีฮิจเราะศักราชที่  11  ถัดมาอีก 30 ปี
 
มุอาวียะฮ์ขึ้นปกครองอาณาจักรอิสลามในปีฮ.ศ.ที่ 41–60 เป็นเวลา19 ปีมุอาวียะฮ์ออกคำสั่งให้ด่าทอสาปแช่งคนชื่ออาลีบนมิมบัรของท่านรอซูล(ศ)  

หลังจากมุอาวียะฮ์ตาย  พวกอุมัยยะฮ์ก็ยังด่าทอสาปแช่งคนชื่ออาลีต่อไป  การด่าทอคนชื่ออาลีมาสิ้นสุดลงที่ปีฮ.ศ. 99 ซึ่งเป็นยุคที่อุมัรบินอับดุลอะซีซขึ้นปกครองและสั่งให้ยกเลิกประเพณีด่าทอท่านอาลี รวมเป็นระยะเวลาทั้งสิ้น  58 ปีเต็ม



Θ คำถามสำหรับวาฮาบี

เวลา 58 ปีเต็มที่ซอฮาบะฮ์ชื่อ " อาลี " ถูกด่าทออยู่ในมัสยิด ในที่สาธารณ เราไม่ทราบว่าพวกซุนนี่เอาหะดีษบทนี้

مَنْ سَـبَّ أَصْحاَبِيْ ، فَعَلَيْهِ لَـعْنَةُ اللهِ وَالْمَلاَئِكَةِ وَالناَّسِ أَجْمَعِيْنَ

ผู้ใดด่าทอซอฮาบะฮ์ของฉัน การสาปแช่งของอัลลอฮ์ มลาอิกะฮ์และมนุษย์ทั้งมวลจะตกแก่เขาผู้นั้น  ไปหมกไว้ตรงไหนมิทราบ ???


หากหะดีษบทนี้ซอฮิ๊ฮ์(ถูกต้อง)จริงๆ  ทำไมเชคอัลบานีต้องออกมาวิจารณ์แบบนี้ครับ

قُلْتُ : و بالجملة ، فالحديث بمجموع طرقه حسن عندي على أقل الدرجات . و الله أعلم
السلسلة الصحيحة   ج 5 ص 339  ح 2340

ฉัน(อัลบานี)ขอกล่าวว่า  : โดยรวมๆแล้ว หะดีษ(ใครด่าทอซอฮาบะฮ์ต้องถูกอัลลอฮ์ละอ์นัตข้างต้น) สายรายงานหะดีษของมันทั้งหมด อย่างน้อยที่สุดในทัศนะของผมถือว่า อยู่ในระดับฮาซัน วัลลอฮุอะอ์ลัม.  

ดูซิลซิละตุซ ซ่อฮีฮะฮ์  เล่ม 5 : 339 หะดีษที่ 2340


ถ้าจะถามพวกวาฮาบีว่า   ในยุคมุอาวียะฮ์และพวกอุมัยยะฮ์เรืองอำนาจนั้น  หะดีษนี้ยังไม่บรรลุถึงขึ้นฮาซันหรือครับ    

พวกซุนนี่ในยุคนั้นเลยไม่กล้าสาปแช่งพวกอุมัยยะฮ์ที่ด่าทออาลีผู้เป็นซอฮาบะฮ์ถึง 58 ปีเต็ม ?

แต่หะดีษนี้พึ่งจะหาเจอและงัดเอามันขึ้นมาใช้กันในยุคปัจจุบันใช่ไหม  ?

แล้วเอามาทำอะไร  เอามาเพื่อปกป้องมุอาวียะฮ์และพวกอุมัยยะฮ์ใช่ไหม ?
  •  

L-umar

→ ผมชอบคำพูดของเชควาฮาบีชื่อ  ซอและห์ บินอับดุลอะซีซ อาลิช ชัยค์  

ภาพ  http://www.watein.com/ksaimg/albums/userpics/10001/ksa-local1_492507.jpg
ที่กล่าวว่า

حقيقة السبّ عدم الرضا عن من سُبَّ، وكُرْهْ ما فَعَلْ وإلا فإنَّ الراضي يحمد ويُثْنِي، والمُبْغِضْ هو الذي يسب ويتبرأ.   لهذا نهى النبي صلى الله عليه وسلم عن سب الصحابة فقال «لا تسبّوا أصحابي» وهذا يقتضي التحريم، فكل سَبٍّ للصحابة محرم، وأكَّدَّ ذلك صلى الله عليه وسلم بقوله «من سبَّ أصحابي فقد آذاني» وأذيته صلى الله عليه وسلم محرمة وكبيرة

ฮะกีกัตของซุบ(การด่าทอ)คือความไม่พอใจต่อคนที่ถูกด่า และรังเกียจสิ่งที่เขาทำ หากมิเป็นเช่นนั้น(เขาคงไม่ด่าทอ)  เพราะผู้พอใจ ย่อมให้การยกย่องสรรเสริญ ส่วนผู้โกรธคือคนที่จะด่าและไม่ข้องแวะ(กับคนที่เขาโกรธ)  ด้วยเหตุนี้ท่านนะบี(ศ)จึงห้ามด่าทอซอฮาบะฮ์ ท่านกล่าวว่า พวกท่านอย่าด่าทอซอฮาบะฮ์ของฉัน  หะดีษนี้จึงบ่งบอกว่า  ฮะร่าม ดังนั้นทุกๆการด่าทอต่อซอฮาบะฮ์จึงถือว่าฮะร่าม  ท่านนะบี(ศ)ได้ย้ำว่า  ผู้ใดด่าทอซอฮาบะฮ์ของฉันเท่ากับเขาได้รังแกทำร้ายฉันแล้ว และการอะซียะฮ์(รังแกทำร้าย)ท่านนะบี(ศ)ถือว่าฮะร่ามและเป็นบาปใหญ่

อ้างอิงจากหนังสือ
ชัรฮุลอะกีดะฮ์ ต่อฮาวียะฮ์ โดยซอและห์อาลิชชัยค์  เล่ม 1 : 628 มัสอะละฮ์ที่ 5




พวกวาฮาบีทั้งหลายต้องยอมรับอยู่แล้วว่า คำพูดข้างต้นถูกต้อง


۩   คำถามสำหรับวาฮาบี

ฮะกีกัตที่มุอาวียะฮ์และพวกอุมัยยะฮ์ด่าทออาลี คือพวกเขาไม่พอใจต่ออาลีจึงด่า และพวกเขารังเกียจสิ่งที่อาลีทำ หากมิเป็นเช่นนั้นพวกเขาคงไม่ด่าทออาลีหรอก  


เพราะผู้พอใจ ย่อมให้การยกย่องสรรเสริญ ส่วนผู้โกรธคือคนที่จะด่าและไม่ข้องแวะ(กับคนที่เขาโกรธ)  ด้วยเหตุนี้ท่านนะบี(ศ)จึงห้ามด่าทอซอฮาบะฮ์ ท่านกล่าวว่า พวกท่านอย่าด่าทอซอฮาบะฮ์ของฉัน  หะดีษนี้จึงบ่งบอกว่า  ฮะร่าม

ดังนั้นทุกๆการด่าทอต่อซอฮาบะฮ์จึงถือว่าฮะร่าม  ท่านนะบี(ศ)ได้ย้ำว่า  ผู้ใดด่าทอซอฮาบะฮ์ของฉันเท่ากับเขาได้รังแกทำร้ายฉันแล้ว และการอะซียะฮ์(รังแกทำร้าย)ท่านนะบี(ศ)ถือว่าฮะร่ามและเป็นบาปใหญ่

ผมจะขอยืมฮุก่มของเชควาฮาบีผู้นี้มาใช้กับมุอาวียะฮ์และพวกอุมัยยะฮ์ได้ไหมว่า

การที่พวกเขาด่าทออาลีจึงถือว่าฮะร่าม  ท่านนะบี(ศ)ได้ย้ำว่า  ผู้ใดด่าทออาลีญาติสนิทของฉันเท่ากับเขาได้รังแกทำร้ายฉันแล้ว และการอะซียะฮ์(รังแกทำร้าย)ท่านนะบี(ศ)ถือว่าฮะร่ามและเป็นบาปใหญ่ เพราะฉะนั้นมุอาวียะฮ์และพวกอุมัยยะฮ์จึงทำสิ่งฮะร่ามและมีบาปใหญ่ติดตัว ???
  •  

L-umar

ขอให้เราย้อนกลับมาพิจารณาหะดีษหมกเม็ดของท่านบุคอรีกันอีกครั้ง


Θ สายรายงาน :

حَدَّثَنَا آدَمُ بْنُ أَبِى إِيَاسٍ حَدَّثَنَا شُعْبَةُ عَنِ الأَعْمَشِ قَالَ سَمِعْتُ ذَكْوَانَ يُحَدِّثُ عَنْ أَبِى سَعِيدٍ الْخُدْرِىِّ  قَالَ
อาดัม บินอบีอิยาสจาก →ชุอ์บะฮ์ →อัลอะอ์มัช→ซักวาน→ท่านอะบีสะอีด อัลคุดรีเล่าว่า :  

Φ ตัวบท :  ท่านนะบี(ศ)กล่าวว่า  :  

قَالَ النَّبِىُّ - صلى الله عليه وسلم - « لاَ تَسُبُّوا أَصْحَابِى ، فَلَوْ أَنَّ أَحَدَكُمْ أَنْفَقَ مِثْلَ أُحُدٍ ذَهَبًا مَا بَلَغَ مُدَّ أَحَدِهِمْ وَلاَ نَصِيفَهُ » .

พวกเจ้าจงอย่าด่าทอซอฮาบะฮ์ของฉัน เพราะหากพวกท่านบริจาคทองประหนึ่งดังภูเขาอุฮุด ก็จะไม่เท่ากับพวกเขาบริจาคหนึ่งมุดหรือเพียงครึ่งมุด

อ้างอิงจากซอฮิ๊ฮ์บุคอรี หะดีษที่ 3673
ดูเวบ   http://hadith.al-islam.com/Display/Display.asp?hnum=3397&doc=0



☼ ท่านจะเห็นได้ว่า  บุคอรีได้ตัดสาเหตุของท่านนะบี(ศ)ออกไปว่า ทำไมท่านจึงพูดเช่นนี้   จากนั้นเราลองมาอ่านนักบันทึกหะดีษของซุนนี่คนอื่นๆว่าเขากล่าวสาเหตุที่มาของเรื่องนี้อย่างไร ???

 
ท่านมุสลิมบินฮัจญ๊าจญ์บันทึกว่า :

Θ สายรายงาน :

حَدَّثَنَا عُثْمَانُ بْنُ أَبِى شَيْبَةَ حَدَّثَنَا جَرِيرٌ عَنِ الأَعْمَشِ عَنْ أَبِى صَالِحٍ عَنْ أَبِى سَعِيدٍ قَالَ
อุษมาน  บินอบีชัยบะฮ์→ญะรีร → อะอ์มัช → อบีซอและห์ →  อบีสะอีดอัลคุดรีเล่าว่า

Φ ตัวบท :
 
كَانَ بَيْنَ خَالِدِ بْنِ الْوَلِيدِ وَبَيْنَ عَبْدِ الرَّحْمَنِ بْنِ عَوْفٍ شَىْءٌ فَسَبَّهُ خَالِدٌ فَقَالَ رَسُولُ اللَّهِ -صلى الله عليه وسلم- « لاَ تَسُبُّوا أَحَدًا مِنْ أَصْحَابِى فَإِنَّ أَحَدَكُمْ لَوْ أَنْفَقَ مِثْلَ أُحُدٍ ذَهَبًا مَا أَدْرَكَ مُدَّ أَحَدِهِمْ وَلاَ نَصِيفَهُ ».

ปรากฏว่าระหว่างท่านคอลิด บินวาลีดกับท่านอับดุลเราะห์มาน บินเอาฟ์มีสิ่งหนึ่ง
แล้วคอลิดได้ด่าทอเขา(คือด่าอับดุลเราะห์มานบินเอาฟ์)


فَقَالَ رَسُولُ اللَّهِ -صلى الله عليه وسلم- « لاَ تَسُبُّوا أَحَدًا مِنْ أَصْحَابِى فَإِنَّ أَحَدَكُمْ لَوْ أَنْفَقَ مِثْلَ أُحُدٍ ذَهَبًا مَا أَدْرَكَ مُدَّ أَحَدِهِمْ وَلاَ نَصِيفَهُ »

ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)จึงได้กล่าวว่า  : พวกเจ้าจงอย่าด่าทอคนหนึ่งคนใดจากซอฮาบะฮ์ของฉัน
เพราะหากคนหนึ่งคนใดของพวกท่านได้บริจาคทองประหนึ่งดังภูเขาอุฮุด ก็จะไม่เท่ากับพวกเขาบริจาคหนึ่งมุดหรือเพียงครึ่งมุด


อ้างอิงจากซอฮิ๊ฮ์มุสลิม  หะดีษที่ 6652, 6653
ดูเวบ  http://hadith.al-islam.com/Display/Display.asp?hnum=4611&doc=1




۞  วรรคสำคัญที่บุคอรีตัดออกไปคือ

كَانَ بَيْنَ خَالِدِ بْنِ الْوَلِيدِ وَبَيْنَ عَبْدِ الرَّحْمَنِ بْنِ عَوْفٍ شَىْءٌ فَسَبَّهُ خَالِدٌ فَقَالَ رَسُولُ اللَّهِ -صلى الله عليه وسلم- « لاَ تَسُبُّوا أَحَدًا مِنْ أَصْحَابِى فَإِنَّ أَحَدَكُمْ لَوْ أَنْفَقَ مِثْلَ أُحُدٍ ذَهَبًا مَا أَدْرَكَ مُدَّ أَحَدِهِمْ وَلاَ نَصِيفَهُ ».
ปรากฏว่าระหว่างท่านคอลิด บินวาลีดกับท่านอับดุลเราะห์มาน บินเอาฟ์มีสิ่งหนึ่ง
แล้วคอลิดได้ด่าทอเขา(คือด่าอับดุลเราะห์มานบินเอาฟ์)



ทั้งสองหะดีษคือเรื่องเดียวกัน  สาเหตุหลักคือ  ท่านคอลิด กับ ท่านอับดุลเราะห์มานบินอู๊ฤมีปากเสียงกันทะเลาะ  แล้วท่านคอลิดไปด่าว่าท่านอับดุลเราะห์มานเข้า

เมื่อท่านนะบีรู้เรื่องว่าทั้งสองเกิดการวิวาทกัน   ท่านนะบีจึงออกมาห้ามทั้งสองให้หยุดด่าทอกัน

 
[/size
  •  

L-umar

คำถาม     วรรคที่บุคอรีตัดออกไปยังมีบันทึกอยู่ในตำราหะดีษซุนนี่เล่มอื่นๆอีกไหม ???


คำตอบ    ต่อไปนี้คือหนังสือและรายนามนักปราชญ์ซุนนี่ที่บันทึก

Θ   อิหม่ามอะหมัดบันทึกว่า



حَدَّثَنَا أَحْمَدُ بْنُ عَبْدِ الْمَلِكِ حَدَّثَنَا زُهَيْرٌ حَدَّثَنَا حُمَيْدٌ الطَّوِيلُ عَنْ أَنَسٍ قَالَ
كَانَ بَيْنَ خَالِدِ بْنِ الْوَلِيدِ وَبَيْنَ عَبْدِ الرَّحْمَنِ بْنِ عَوْفٍ كَلَامٌ فَقَالَ خَالِدٌ لِعَبْدِ الرَّحْمَنِ تَسْتَطِيلُونَ عَلَيْنَا بِأَيَّامٍ سَبَقْتُمُونَا بِهَا فَبَلَغَنَا أَنَّ ذَلِكَ ذُكِرَ لِلنَّبِيِّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ فَقَالَ دَعُوا لِي أَصْحَابِي فَوَالَّذِي نَفْسِي بِيَدِهِ لَوْ أَنْفَقْتُمْ مِثْلَ أُحُدٍ أَوْ مِثْلَ الْجِبَالِ ذَهَبًا مَا بَلَغْتُمْ أَعْمَالَهُمْ

อะหมัดบินอับดุลมะลิก – ซุเฮร – ฮุมัยด์ ต่อวีล -  ท่านอะนัสเล่าว่า :

ระหว่างคอลิดบินวาลีดกับอับดุลเราะห์มานบินอู๊ฟปรากฏว่ามีปากเสียงกัน  คอลิดได้กล่าวกับอับดุลเราะห์มานว่า พวกท่านล่วงเกินเราด้วยวันเวลา(เพราะเหตุที่)ท่านล้ำหน้า(เข้ารับอิสลามก่อน)เรากระนั้นหรือ ?

แท้จริงเรื่องนั้นได้ถูกนำมาเล่าให้ท่านนะบี(ศ)ฟัง  
ท่านจึงกล่าวว่า    :  พวกท่านจงยุติ(เรื่อง)ซอฮาบะฮ์ของฉันเพื่อฉัน...

สถานะหะดีษ  : ซอฮิ๊ฮ์  ดูมุสนัดอะหมัด  หะดีษที่  13839  ฉบับตรวจทานโดยเชคอัรนะอูฏี



Θ ท่านอบูยะอ์ลาบันทึกว่า

حَدَّثَنَا زُهَيْرٌ ، حَدَّثَنَا جَرِيرٌ ، عَنِ الأَعْمَشِ ، عَنْ أَبِي صَالِحٍ ، عَنْ أَبِي سَعِيدٍ الْخُدْرِيِّ ، قَالَ :
كَانَ بَيْنَ خَالِدِ بْنِ الْوَلِيدِ ، وَعَبْدِ الرَّحْمَنِ بْنِ عَوْفٍ شَيْءٌ ، فَسَبَّهُ خَالِدٌ ، فَقَالَ رَسُولُ اللَّهِ صلى الله عليه وسلم : لا تَسُبُّوا أَحَدًا مِنْ أَصْحَابِي ، فَإِنَّ أَحَدَكُمْ لَوْ أَنْفَقَ مِثْلَ أُحُدٍ مَا أَدْرَكَ مُدَّ أَحَدِهِمْ وَلا نَصِيفَهُ
قَالَ حُسَيْن سُلَيْم أَسَدٌ : إسْنَادُهُ صَحِيْحٌ
مسند أبي يعلى  ج 2  ص 396 ح 1171

ซุเฮร – ญะรีร – อัลอะอ์มัช – อบีซอและห์ – อบีสะอีดอัลคุดรีเล่าว่า :  

ปรากฏว่าระหว่างท่านคอลิด บินวาลีดกับท่านอับดุลเราะห์มานบินเอาฟ์มีสิ่งหนึ่ง
แล้วคอลิดได้ด่าทอเขา(คือด่าอับดุลเราะห์มานบินเอาฟ์)
ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)จึงได้กล่าวว่า  : พวกเจ้าจงอย่าด่าทอคนหนึ่งคนใดจากซอฮาบะฮ์ของฉัน
เพราะหากคนหนึ่งคนใดของพวกท่านได้บริจาค(ทอง)ประหนึ่งดังภูเขาอุฮุด ก็จะไม่เท่ากับพวกเขาบริจาคหนึ่งมุดหรือเพียงครึ่งมุด

สถานะหะดีษ : ซอฮิ๊ฮ์  ดูมุสนัดอบียะอ์ยา  หะดีษที่ 1171ฉบับตรวจทานโดยฮูเซนสุลัยม์อะซัด


Θ อิบนุอาศิม อัษษะก่อฟีบันทึกว่า

حدثنا محمد بن عاصم ، حدثنا الجعفي عن زائدة عن عاصم عن أبي صالح عن أبي هريرة ، قال : كان بين خالد بن الوليد وبين عبد الرحمن بن عوف بعض ما يكون بين الناس . قال : فقال رسول الله صلى الله عليه وسلم : « ذروا  لي أصحابي أو أصيحابي فإن أحدكم لو أنفق مثل أحد ذهبا ، لم يدرك مد  أحدهم ولا نصيفه  »
كتاب : جزء محمد بن عاصم الثقفي  ج 1  ص 14  ح 12

มุฮัมมัดบินอาศิม – อัลญุอ์ฟี – ซาอิดะฮ์ – อบีซอและห์ – อบีฮุร็อยเราะฮ์เล่าว่า :
 
ปรากฏว่าระหว่างท่านคอลิด บินวาลีดกับท่านอับดุลเราะห์มานบินเอาฟ์มีบางสิ่งเกิดขึ้นในหมู่ผู้คน
แล้วท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)จึงได้กล่าวว่า  : พวกเจ้าจงยุติ(เรื่อง)ซอฮาบะฮ์ของฉันเพื่อฉัน
เพราะหากคนหนึ่งคนใดของพวกท่านได้บริจาคทองประหนึ่งดังภูเขาอุฮุด ก็จะไม่เท่ากับพวกเขาบริจาคหนึ่งมุดหรือเพียงครึ่งมุด

ดูหนังสือญุซอุ มุฮัมมัดบินอาศิม อัษษะก่อฟี  หะดีษที่ 12



Θ อิบนุหะญัร อัลอัสก่อลานีบันทึกว่า

حدثنا داود بن عمرو الضبي قال حدثنا جرير قال حدثنا الأعمش عن أبي صالح عن أبي سعيد رضي الله تعالى عنه قال :
كان بين خالد بن الوليد وبين عبد الرحمن بن عوف شيء وفي رواية داود كلام فسبه خالد
فقال رسول الله صلى الله عليه و سلم لا تسبوا أحدا من أصحابي فلو أنفق أحدكم ميل أحد ذهبا ما أدرك مذ أحدهم ولا نصيفه
كتاب : الأمالي المطلقة لابن حجر العسقلاني  ج 1  ص 53

ดาวูด บินอัมรู อัฎฎ็อบบี – ญะรีร – อัลอะอ์มัช – อบีซอและห์ – อบีสะอีดอัลคุดรีเล่าว่า :  

ปรากฏว่าระหว่างท่านคอลิด บินวาลีดกับท่านอับดุลเราะห์มานบินเอาฟ์มีสิ่งหนึ่ง
แล้วคอลิดได้ด่าทอเขา(คือด่าอับดุลเราะห์มานบินเอาฟ์)

ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)จึงได้กล่าวว่า  : พวกเจ้าจงอย่าด่าทอคนหนึ่งคนใดจากซอฮาบะฮ์ของฉัน
เพราะหากคนหนึ่งคนใดของพวกท่านได้บริจาคทองประหนึ่งดังภูเขาอุฮุด ก็จะไม่เท่ากับพวกเขาบริจาคหนึ่งมุดหรือเพียงครึ่งมุด

ดูหนังสืออัลอะมาลี มุฏละเกาะฮ์ โดยอิบนุหะญัร เล่ม 1 : 53



หากถามว่าระหว่างท่านคอลิดบินวาลีด กับ ท่านอับดุลเราะห์มานบินอู๊ฟ ทะเลาะกันเรื่องอะไรจนท่านคอลิดถึงกับด่าทอท่านอับดุลเราะห์มานที่อาวุโสกว่า ?


Θ อิบนุกะษีรกล่าวว่า

เ                ป็นที่รู้กันว่า การเข้ารับอิสลามของท่านคอลิดบินวาลีดตรงต่อคิตอบ(ซูเราะฮ์อัลหะดีด อายัตที่ 10 ) นี้เพราะระหว่างการทำสัญญาฮุดัยบียะฮ์กับการพิชิตนครมักกะฮ์
และปรากฏว่า การขัดแย้งระหว่างทั้งสอง(คือคอลิดกับอับดุลเราะห์มาน)นี้เกี่ยวกับเผ่าบะนีญะซีมะฮ์  ท่านรอซูล(ศ)ได้ส่งคอลิดบินวาลีดไปหาพวกเขาหลังจากที่พิชิตมักกะฮ์แล้ว   พวกญะซีมะฮ์ได้กล่าวว่า  صَـبَأْناَ  แปลว่าเราเปลี่ยนศาสนาแล้ว  พวกเขาไม่สามารถกล่าวว่า أَسْـلَمْناَ ได้ (คือเราเข้ารับอิสลามแล้ว)  ดังนั้นท่านคอลิดจึงสั่งให้ประหารชีวิตพวกเขาและสั่งให้ฆ่าเชลยศึกบางส่วนของพวกญะซีมะฮ์
ฝ่ายท่านอับดุลเราะห์มานบินอู๊ฟและท่านอิบนุอุมัรไม่เห็นด้วยกับ(การกระทำของ)ท่านคอลิด    ดังนั้นท่านคอลิดจึงเกิดทะเลาะวิวาทกับท่านอับดุลเราะห์มานด้วยสาเหตุดังกล่าว.

อ้างอิงจาก
ตัฟสีรอิบนุกะษีร  เล่ม  8 : 12   ดูตรงคำอธิบายซูเราะฮ์อัลหะดีด อายัตที่ : 10



เพราะฉะนั้นหะดีษที่ถูกบันทึกอยู่ในซอฮิ๊ฮ์มุสลิมจึงทำให้เราเข้าใจได้ชัดเจนว่า  หะดีษที่บุคอรีบันทึกว่า  ท่านนะบี(ศ)กล่าวว่า   พวกท่านอย่าด่าทอซอฮาบะฮ์ของฉัน
ความจริงท่านนะบี(ศ)ได้มุ่งคำพูดนี้ไปที่ท่านคอลิดบินวาลีดโดยเฉพาะ  แต่สะบับหะดีษ หมายถึงสาเหตุของหะดีษกลับถูกท่านบุคอรีตัดออกไป



ท่านอิบนุอุมัรได้เล่าว่า

( หลังจากท่านนะบีได้รับฟังเรื่องที่ท่านคอลิดสังหารเผ่าญะซีมะฮ์ ด้วยสาเหตุที่พวกเขากล่าวคำว่า อัสลัมนาไม่ได้ ) ท่านได้ยกมือทั้งสองของท่านขอดุอาอ์ว่า


قَالَ ابْنُ عُمَرَ رَفَعَ النَّبِىُّ - صلى الله عليه وسلم - يَدَيْهِ « اللَّهُمَّ إِنِّى أَبْرَأُ إِلَيْكَ مِمَّا صَنَعَ خَالِدٌ »

โอ้อัลลอฮฺ แท้จริงฉันขอความบริสุทธิ์ต่อพระองค์จากสิ่งที่คอลิดได้กระทำด้วยเถิด

ดูซอฮิ๊ฮ์บุคอรี  หะดีษที่ 23 , 7189



สรุปความได้ว่า  

ท่านอับดุลเราะห์มานบินอู๊ฟไม่เห็นด้วยกับการที่ท่านคอลิดลงมือสังหารเผ่าญะซีมะฮ์เพียงแค่พวกเขาพูดอาหรับการเข้ารับอิสลามของพวกเขาว่า ซ่อบะอ์นา แต่ไม่พูดว่าอัสลัมนา ทำให้ท่านคอลิดไม่ยอมรับและสุดท้ายท่านคอลิดลงมือประหารพวกเขา จนมีปากเสียงกับท่านอับดุลเราะห์มานที่คัดค้านไม่ทำตาม ฝ่ายท่านคอลิดได้ล่วงเกินไปด่าทอท่านอับดุลเราะห์มานซึ่งอาวุโสกว่าทั้งอายุและทั้งการเข้ารับอิสลามในรุ่นแรกๆ ท่านนะบีจึงออกมาสั่งท่านคอลิดว่า   จงอย่าด่าทอซอฮาบะฮ์ของฉัน
ผมคิดว่านักปราชญ์ซุนนี่รู้อยู่แก่ใจดีว่าเรื่องราวเป็นเช่นนี้  แต่อาศัยการบันทึกของท่านบุคอรีที่ตัดสะบับหะดีษออก แล้วหยิบเอามาใช้ประโยชน์สำหรับมัซฮับของตัวเอง


۩ คำถามสำหรับวาฮาบี

ท่านนะบี(ศ) สั่งห้ามด่าทอซอฮาบะฮ์ของท่านจริง   แต่ขอถามว่า

ท่านสั่งใคร ระหว่างท่านคอลิด  หรือ มุสลิมทั้งหมด  ???

ถ้าท่านตอบว่า ท่านนะบี(ศ)สั่งกับคอลิด ท่านพูดถูก  

แต่ถ้าท่านตอบว่า  ท่านนะบี(ศ)สั่งกับมุสลิม  ท่านโกหก




และขอฝากกุรอ่านไว้หนึ่งอายัตสำหรับพวกที่ชอบอำพรางหลักฐานดังที่อัลลอฮ์ตะอาลาตรัสว่า


إِنَّ الَّذِينَ يَكْتُمُونَ مَا أَنْزَلْنَا مِنَ الْبَيِّنَاتِ وَالْهُدَى مِنْ بَعْدِ مَا بَيَّنَّاهُ لِلنَّاسِ فِي الْكِتَابِ أُولَئِكَ يَلْعَنُهُمُ اللَّهُ وَيَلْعَنُهُمُ اللَّاعِنُونَ

แท้จริงบรรดาผู้ที่ปิดบังหลักฐานอันชัดเจน และคำชี้นำที่เราได้ประทานลงมา  หลังจากที่เราได้ชี้แจงมันไว้แล้วในคัมภีร์สำหรับมนุษย์นั้น
พวกเขาเหล่านี้   อัลลอฮ์จะสาปแช่งพวกเขา และผู้สาปแช่งทั้งหลายก็จะละอ์นัตพวกเขาด้วย
ซูเราะฮ์อัลบะเกาะเราะฮ์   :  159
  •  

L-umar

พวกวาฮาบีมีลีลาในการอธิบายหะดีษตามที่ตนต้องการอาทิเช่น


ท่านนะบี(ศ)กล่าวว่า    พวกท่านจงอย่าด่าทอซอฮาบะฮ์ของฉัน

คำสั่งนี้เป็นคำสั่งคอศ( خاص )ไม่ใช่อาม( عام ) หมายถึงท่านนะบี(ศ)สั่งกับคอลิดบินวาลีดโดยเฉพาะว่าอย่าไปด่าทออับดุลเราะห์มานบินอู๊ฟ     แต่พวกวาฮาบีกลับบอกว่าหะดีษนี้ยังรวมไปถึงมุสลิมทั้งหมดด้วย

ทีนี้เราลองยกหะดีษนี้มาให้พวกวาฮาบีอธิบายคือ  


ท่านอับดุลลอฮ์เล่าว่า  ฉันได้ยินท่านนะบี(ศ)กล่าวว่า :


أَنَا فَرَطُكُمْ عَلَى الْحَوْضِ ، وَلَيُرْفَعَنَّ رِجَالٌ مِنْكُمْ ثُمَّ لَيُخْتَلَجُنَّ دُونِى فَأَقُولُ يَا رَبِّ أَصْحَابِى . فَيُقَالُ إِنَّكَ لاَ تَدْرِى مَا أَحْدَثُوا بَعْدَكَ

ฉันจะล่วงหน้าพวกท่านไปที่สระ(เกาษัร)ก่อน  และจะมีบรรดาชายจากหมู่พวกท่านถูกยกมา(ที่ฉัน)  จากนั้นก็ถูกกันออกไปจากฉัน   ฉันจึงกล่าวว่า  โอ้พระเจ้าของฉัน นั่นคือ ►ซอฮาบะฮ์ของฉัน ◄ จะมีผู้กล่าวว่า  ท่านไม่รู้ดอกว่า พวกเขาได้ทำอุตริกรรมอันใดเอาไว้หลังจากท่าน


ดูซอฮิ๊ฮ์บุคอรี  หะดีษที่  6576



และท่านอบูฮุร็อยเราะฮ์เล่าว่า  ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)กล่าวว่า


يَرِدُ عَلَىَّ يَوْمَ الْقِيَامَةِ رَهْطٌ مِنْ أَصْحَابِى فَيُحَلَّئُونَ عَنِ الْحَوْضِ فَأَقُولُ يَا رَبِّ أَصْحَابِى . فَيَقُولُ إِنَّكَ لاَ عِلْمَ لَكَ بِمَا أَحْدَثُوا بَعْدَكَ ، إِنَّهُمُ ارْتَدُّوا عَلَى أَدْبَارِهِمُ الْقَهْقَرَى »

ในวันกิยามะฮ์  จะมีคนกลุ่มหนึ่งจากซอฮาบะฮ์ของฉันเข้ามาหาฉัน   แล้วพวกเขาถูกกันออกไปจากสระ(เกาษัร)  ฉันจึงกล่าวว่า   โอ้พระเจ้าของฉัน นี่คือ►ซอฮาบะฮ์ของฉัน ◄  มีผู้กล่าวว่า  แท้จริงท่านไม่รู้อะไรสำหรับท่าน ต่อสิ่งที่พวกเขาได้ก่ออุตริกรรมเอาไว้หลังจากท่าน  แท้จริงพวกเขาได้ตกมุรตัด หันหลังออกจากศาสนาของพวกเขา

ดูซอฮิ๊ฮ์บุคอรี  หะดีษที่  6585


หะดีษระบุชัดเจนว่า  ท่านรอซูล(ศ)กล่าวว่า  โอ้อัลลอฮ์นั่นคือ  ►ซอฮาบะฮ์ของฉัน ◄   ขอรับ

แต่ถ้าท่านเอาสองหะดีษนี้ไปถามพวกเขา   ก็จะได้คำตอบแบบข้างๆคู หรือเลี่ยงบาลีว่า

ซอฮาบะฮ์ในที่นี้ไม่ใช่ซอฮาบะฮ์ในยุคท่านรอซูล(ศ)  ทั้งๆที่ท่านรอซูล(ศ)กล่าวว่า   ►ซอฮาบะฮ์ของฉัน ◄  


และในที่สุดพวกวาฮาบีก็จะเล่นลิ้นกับพวกท่านว่าหมายถึง อุมมะฮ์ดะอ์วะฮ์  ไม่ใช่  อุมมะฮ์อิญาบะฮ์


เหตุเพราะมีหะดีษอีกบทหนึ่งรายงานว่าท่านนะบี(ศ)ได้คุตบะฮ์ว่า

أَلاَ إِنَّهُ يُجَاءُ بِرِجَالٍ مِنْ أُمَّتِى ، فَيُؤْخَذُ بِهِمْ ذَاتَ الشِّمَالِ ، فَأَقُولُ يَا رَبِّ أَصْحَابِى فَيُقَالُ لاَ تَدْرِى مَا أَحْدَثُوا بَعْدَكَ

ในวันกิยามะฮ์  พึงรู้เถิดว่า   จะมีบรรดาชายกลุ่มหนึ่งจากอุมมะฮ์(ประชาชาติ)ของฉันถูกนำมา   แล้วพวกเขาจะถูกพาเอาไปทางด้านซ้าย(คือไปนรก)   ฉันจึงกล่าวว่า  โอ้พระเจ้าของฉัน นี่คือ►ซอฮาบะฮ์ของฉัน ◄  ขอรับ  มีผู้กล่าวว่า  ท่านไม่รู้ดอกว่า พวกเขาได้ก่ออุตริกรรมอะไรเอาไว้หลังจากท่าน

ดูซอฮิ๊ฮ์บุคอรี  หะดีษที่  4740




ถ้าท่านถามกับพวกเขาว่าคำ  " อัศฮาบี "  ในหะดีษเหล่านี้คือซอฮาบะฮ์ในยุคไหน  ???
ท่านก็โดนวาฮาบีหาคดีให้ท่านว่า     กำลังด่าทอซอฮาบะฮ์  เพราะนั่นคืออุปนิสัยของวาฮาบีที่แตะต้องซอฮาบะฮ์ไม่ได้
แต่ถ้าพวกอุมัยยะฮ์หรือนักปราชญ์ซุนนี่ด่าทอใส่ซอฮาบะฮ์ชื่ออาลีบินอบีตอลิบนั้นไม่เป็นไร พวกเขาจะนิ่งเงียบและบอกกับท่านว่า  มันเป็นเรื่องในอดีตเราไม่อยากคุย ไม่อยากขุดขุ้ย  

พวกเขาจะบอกว่า  อาลีเราก็รักเหมือนกัน   ความรักของพวกวาฮาบีที่มีต่ออาลีบินอบีตอลิบคือ

อย่าไปต่อว่า  สะลัฟและค่อลัฟบางส่วนที่เคยด่าทอว่าร้ายต่ออาลีบินอบีตอลิบ  นั่นแหล่ะอะกีดะฮ์ของพวกเขา.
  •  

L-umar


ทำไม   ต้องรื้อฟื้นขุดขุ้ยเรื่องของทุกคนที่เคยมีปัญหากับท่านอาลี บินอะบีตอลิบ มาพิจารณากันใหม่    ?????



เพราะ..........................................



 ۞    อาลี บินอบีตอลิบคือเครื่องวัดว่า   ใครมีอีหม่าน  ใครกุโฟ้ร และใครมุนาฟิก


หลังจากท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)วะฟาตแล้ว  หากเราอยากทราบว่า   ใครมีอีหม่าน  ใครไม่มีอีหม่านและใครคือคนสับปลับกลับกลอก   ท่านรอซูล(ศ)ได้สอนว่า  ให้ดูว่ามุสลิมคนนั้นมีทัศนะเช่นไรกับซอฮาบะฮ์ชื่ออาลีบินอบีตอลิบ    หลักฐานมีมากมายเช่น


☺ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)กล่าวว่า


إِنَّ اللَّهَ أَمَرَنِى بِحُبِّ أَرْبَعَةٍ وَأَخْبَرَنِى أَنَّهُ يُحِبُّهُمْ   قِيلَ يَا رَسُولَ اللَّهِ سَمِّهِمْ لَنَا قَالَ : عَلِىٌّ مِنْهُمْ يَقُولُ ذَلِكَ ثَلاَثًا وَأَبُو ذَرٍّ وَالْمِقْدَادُ وَسَلْمَانُ

แท้จริงอัลลอฮ์ทรงรับสั่งฉันให้มีความรักสี่บุคคลและพระองค์ทรงแจ้งให้ฉันทราบว่า พระองค์ทรงรักพวกเขา  

มีคนถามว่า   โอ้ท่านรอซูลุลลอฮ์  โปรดบอกชื่อพวกเขาแก่พวกเราด้วย  

ท่านกล่าวว่า   อาลีคือหนึ่งในนั้น  ท่านกล่าวว่าอีกสามคนคือ  อะบูษัร  มิกด๊าดและซัลมาน



ดูสุนันติรมิซี  หะดีษที่  4084  สถานะหะดีษ  ฮาซัน เฆาะรีบ
สุนันอิบนิมาญะฮ์  หะดีษที่  154
มุสนัดอะหมัด  หะดีษที่  21936



ในรายงายของอัลฮากิมบันทึกว่า  ท่านรอซูล(ศ)กล่าวว่า


إنَّ اللهَ أَمَرَنِي بِحُبِّ أَرْبَعَة مِن أَصْحاَبِي ، وَأَخْبَرَنِي أَنَّهُ يُحِبُّهُم » ، قاَلَ : قُلْناَ : مَن هُم ياَ رَسُولَ الله ؟ وَكُلُّناَ نُحِبُّ أَن نَكُونَ مِنهُم ، فَقاَلَ : « أَلاَ إِنَّ عَلِياًّ مِنهُم ، ثُمَّ سَكَتَ ، ثُمَّ قَالَ : أَما إِنَّ عَلِياًّ مِنهُم » ، ثُمَّ سَكَتَ    قال الحاكم : « هذا حديث صحيح على شرط مسلم ، ولم يخرجاه »

แท้จริงอัลลออ์ทรงสั่งฉันให้รักสี่บุคคลจากซอฮาบะฮ์ของฉัน  และพระองค์ทรงแจ้งให้ฉันทราบว่า พระองค์ทรงรักพวกเขา  พวกเราจึงกล่าวว่า  พวกเขาเป็นใครหรือโอ้ท่านรอซูลุลลอฮ์ ?  พวกเราทุกคนปรารถนาจะได้เป็นหนึ่งจากพวกเขา
ท่านตอบว่า  พึงรู้เถิดว่า  อาลีเป็นหนึ่งในหมู่พวกเขา จากนั้นท่านนิ่งเงียบ แล้วท่านกล่าวต่อว่า แท้จริงอาลีคือหนึ่งจากพวกเขาแล้วท่านได้เงียบไปอีก
อัลฮากิมกล่าวว่า  หะดีษซอฮี๊ฮ์ตามเงื่อนไขของท่านมุสลิม    


ดูอัลมุสตัดร็อก  หะดีษที่  4624


ท่านหญิงอุมมุสะละมะฮ์เล่าว่า ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)กล่าวว่า  :  


لاَ يُحِبُّ عَلِيًّا مُنَافِقٌ وَلاَ يَبْغَضُهُ مُؤْمِنٌ

คนมุนาฟิกจะไม่รักอาลี และมุอ์มินผู้ศรัทธาจะไม่เกลียดชังเขา


ดูสุนันติรมิซี  หะดีษที่  4083  สถานะหะดีษ  ฮาซัน เฆาะรีบ



อย่างไรก็ตาม  

รายงานหะดีษของท่านติรมิซี  ท่านอิบนิมาญะฮ์  ท่านอิม่ามอะหมัดและท่านฮากิมต้องถูกวาฮาบีเล่นลิ้นว่า  สะนัดไม่แข็งแรงพอที่จะยึดเป็นหลักฐาน  ดังนั้นเราจึงต้องพิจารณาหะดีษอื่นๆกันต่อไป
  •  

17 ผู้มาเยือน, 0 ผู้ใช้