Welcome to Q4wahabi.com (Question for Wahabi). Please login or sign up.

ธันวาคม 22, 2024, 08:36:34 ก่อนเที่ยง

Login with username, password and session length
สมาชิก
  • สมาชิกทั้งหมด: 1,718
  • Latest: Haroldsmolo
Stats
  • กระทู้ทั้งหมด: 3,698
  • หัวข้อทั้งหมด: 778
  • Online today: 13
  • Online ever: 200
  • (กันยายน 14, 2024, 01:02:03 ก่อนเที่ยง)
ผู้ใช้ออนไลน์
Users: 0
Guests: 62
Total: 62

40 หะดีษคำ ชีอะฮ์ อะลี จากตำราซุนนี่และชีอะฮ์

เริ่มโดย L-umar, ธันวาคม 30, 2009, 01:40:54 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

L-umar


หะดีษ : 24

หะดีษชีอะฮ์อะลี จากตำราชีอะฮ์

أخبرنا أبو عمر، قال أخبرنا أحمد، قال حدثنا محمد بن أحمد بن الحسن القطواني، قال حدثنا إبراهيم بن أنس الأنصاري،
قاَلَ حَدَّثَناَ إِبْرَاهِيمُ بْنُ جَعْفَرِ بْنِ عَبْدِ اللَّهِ بْنِ مُحَمَّدِ بْنِ سَلَمَةَ ، عَنْ أَبِي الزُّبَيْرِ ،
عَنْ جَابِرِ بْنِ عَبْدِ اللَّهِ ، قال كنا عند النبي صلى الله عليه و آله ( فأقبل علي بن أبي طالب )عليه السلام( فقال النبي )صلى الله عليه و آله( قد أتاكم أخي، ثم التفت إلى الكعبة فضربها بيده، ثم قال و الذي نفسي بيده، إن هذا و شيعته لهم الفائزون يوم القيامة،

كتاب : الأمالي للطوسي ج 1 ص 286  ح 40-448


ท่านญาบิร บินอับดุลลอฮ์ เล่าว่า :

พวกเราอยู่กับท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)   แล้วท่านอะลี บินอบีตอลิบ(อ)ได้เข้ามาหา  

(ท่านนบีจึงกล่าวว่า ) : น้องชายของฉันได้มาหาพวกท่าน  จากนั้นท่านได้หันไปที่อัลกะอ์บะฮ์ แล้วตีที่กะอ์บะฮ์ด้วยมือของท่าน    

พลางกล่าวว่า :     ขอสาบานต่อผู้ซึ่งชีวิตของฉันอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์  

แท้จริงชายคนนี้(อะลี)และชีอะฮ์ของเขา  สำหรับพวกเขาคือผู้ประสบชัยชนะในวันกิยามะฮ์


อ้างอิงจากหนังสือ อัลอะมาลี โดยเชคตูซี่   เล่ม 1 : 286 หะดีษ 40-448
  •  

L-umar


หะดีษ : 25


عَنْ أَبِي عَبْدِاللهِ عَنْ أَبِيْهِ عَنْ آباَئِهِ عَلَيْهِمُ السَّلاَمُ قاَلَ :
قَالَ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وآله وسلم: ياَ عَلِيُّ أَنْتَ وَشِيْعَتُكَ عَلَى الْحَوْضِ تَسْقُوْنَ مَنْ أَحْبَبْتُمْ...

تفسير فرات الكوفي   ج 23  ص 7 ح 361


จากอบีอับดิลละฮ์  ( อิม่ามญะอ์ฟัร ) จากบิดาเขา (อิม่ามบาเก็ร ) จากบรรดาบิดาของเขา เล่าว่า
 
ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ) กล่าวว่า   :  โอ้อะลี  เจ้าและชีอะฮ์ของเจ้า จะอยู่ที่สระน้ำเกาษัร  พวกเจ้าจะให้น้ำกับบรรดาผู้ที่พวกเจ้ารัก(ได้ดื่มน้ำ)

อ้างอิงจาก ตัฟสีรฟูร็อต อัลกูฟี    หะดีษ 361
  •  

L-umar


หะดีษ : 26

عَنْ عَلِىٍّ عَلَيْهِ السَّلاَمُ قَالَ : أَناَ وَشِيْعَتِيْ يَوْمَ الْقِياَمَةِ عَلَى مَناَبِرَ مِنْ نُوْرٍ فَيَمُرُّ عَلَيْناَ الْمَلاَئِكَةُ فَيُسَلِّمُ عَلَيْناَ قال :
فَيَقُوْلُوْنَ : مَنْ هَذاَ الرَّجُلُ وَمَنْ هَؤُلاَءِ ؟
فَيُقاَلُ لَهُمْ:  هَذَا عَلِيُّ بْنُ أَبِي طَالِبٍ ابْنُ عَمِّ النَّبِيِّ.
فَيُقاَلُ : مَنْ هَؤُلاَءِ ؟ قاَلَ : فَيُقاَلُ لَهُمْ : هَؤُلاَءِ شِيْعَتِهِ .


ท่านอะลี อะลัยฮิสสลามเล่าว่า

ฉันกับชีอะฮ์ของฉัน ในวันกิยามะฮ์  จะอยู่บนแท่นต่างๆ ที่สร้างจากรัศมี  แล้วบรรดามลาอิกะอ์จะมาผ่านมายังพวกเรา แล้วให้สลามแก่พวกเรา  

ท่านอะลีเล่าต่อว่า  

พวกเขาจะกล่าวว่า  ชายคนนี้ และบุคคลเหล่านี้เป็นใคร ?  

มีผู้ตอบแก่พวกเขาว่า   ชายคนนี้คือ อะลี บินอบีตอลิบ บุตรชายของลุงท่านนบี  

แล้วพวกเขาเหล่านี้เป็นใคร ?   มีผู้ตอบแก่พวกเขาว่า   พวกเขาเหล่านี้คือ ชีอะฮ์ของอะลี
 
อ้างอิงจาก ตัฟสีรฟูร็อต อัลกูฟี   หะดีษ 476
  •  

L-umar


หะดีษ : 27

فرات قال: حدثنا إسماعيل بن إبراهيم العطار [ وجعفر بن محمد الفزاري وأحمد بن الحسن بن صبيح قالوا: حدثنا محمد بن مروان عن عامر السراج قال: حدثني عمرو بن شمر عن جابر.ش ]:

عَنْ أَبِي جَعْفَرٍ عليه السلام قاَلَ : قَالَ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وآله  (إِنَّ الَّذِينَ آَمَنُوا وَعَمِلُوا الصَّالِحَاتِ أُولَئِكَ هُمْ خَيْرُ الْبَرِيَّةِ) أَنْتَ وَشِيْعَتُكَ ياَ عَلِيُّ .

อบีญะอ์ฟัร (อิม่ามบาเก็ร) เล่าว่า

ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ) กล่าวว่า (โองการที่อัลลอฮ์ตะอาลาตรัสว่า )

แท้จริง บรรดาผู้ศรัทธาและประกอบความดีทั้งหลาย ชนเหล่านั้น พวกเขาเป็นมนุษย์ที่ดียิ่ง  ( ซูเราะฮ์อัลบัยยินะฮ์  : 7    )

คือเจ้าและชีอะฮ์ของเจ้า  โอ้อะลีเอ๋ย !

อ้างอิงจาก ตัฟสีรฟูร็อต อัลกูฟี  หะดีษ 749
  •  

L-umar


หะดีษ : 28

عن محمد بن عمير ، عن فاطمة ، عَنْ أُمِّ سَلَمَةَ قَالَتْ :
« كَانَتْ لَيْلَتِي مِنْ رَسُولِ اللَّهِ ( وَهُوَ ) عِنْدِيْ فَجاَءَتْ فاَطِمَةُ وَتَبَعَهاَ عَلِيُّ ( عليه السلام )
فَقَالَ لَهُ رَسُولُ اللَّهِ ( صلى الله عليه وآله ) : ياَ عَلِيُّ اَبْشِرْ  أَنْتَ وَأَصْحاَبُكَ فِي الْجَنَّةِ اَبْشِرْ ياَ عَلِيُّ أَنْتَ وَشِيْعَتُكَ فِي الْجَنَّةِ  » .
كتاب : بِشاَرَةُ الْمُصْطَفى ( صلى الله عليه وآله ) لِشِيْعَةِ الْمُرْتَضى ( عليه السلام )  ص 13 ح 27


มุฮัมมัด บินอุมัยรฺ เล่าว่า  จากนางฟาติมะฮ์จากท่านหญิงอุมมุสะละมะฮ์ เล่าว่า :

ปรากฏว่า คืนของฉัน ที่ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)อยู่กับฉัน  ทันใดนั้น ฟาติมะฮ์ได้เข้ามาหา และท่านอะลีได้ตามนางมา

ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)ได้กล่าวกับท่านอะลีว่า  

โอ้อะลี ขอแจ้งข่าวดี  เจ้าและพวกพ้องของเจ้าจะได้อยู่ในสวรรค์  

โอ้อะลี   ขอแจ้งข่าวดีว่า เจ้าและชีอะฮ์ของเจ้า จะได้อยู่ในสวรรค์  


อ้างอิงจากหนังสือ บิชาเราะตุลมุศต่อฟา ลิชีอะติลมุรตะฎอ  หน้า 13 หะดีษ 27
  •  

L-umar


หะดีษ : 29

ท่านรอซูลุลลอฮ์ (ศ) กล่าวกับท่านอะลีว่า :

أَنْتَ وَشِيْعَتُكَ تَرِدُوْنَ عَلَى الْحَوْضِ رُوَاءً مَرويين مُبْيَضَّة وُجُوهكُم وَإِنَّ عَدُوَّكَ يَرِدُوْنَ عَلَى الْحَوْضِ ظَماَّءً مُقْمَحِيْنَ

เจ้าและชีอะฮ์ของเจ้า  จะเข้าไปยังสระน้ำ(เกาษัร) ในสภาพผู้ให้น้ำและได้รับน้ำดื่ม ใบหน้าของพวกเจ้าจะขาวผ่อง

และแท้จริงศัตรูของเจ้า จะเข้ามาที่สระ(เกาษัร) ในสภาพกระหายน้ำและศรีษะเงยขึ้นแต่สายตาลดลงต่ำ


อ้างอิงจากหนังสือ มัจญ์มะอุซ-ซะวาอิด  โดยอัลฮัยษะมี  หะดีษที่ 14749

كتاب : مَجمعُ الزّوائِد وَمَنْبع الفوائد   ج 9  ص 178 ح 14749
  •  

L-umar


หะดีษ : 30

มุฮัมมัด บินมุสลิม เล่าว่า  :  ท่านอบูญะอ์ฟัร (อิม่ามบาเก็ร อะลัยฮิสสลาม) กล่าวว่า :

   لَا تَذْهَبْ بِكُمُ الْمَذَاهِبُ فَوَ اللَّهِ مَا شِيعَتُنَا إِلَّا مَنْ أَطَاعَ اللَّهَ عَزَّ وَ جَلَّ
                         
จงอย่าให้แนวความคิดต่างๆได้นำพาพวกเจ้าไป(สู่ความหลงผิด)  

ขอสาบานต่ออัลลอฮ์ว่า   หาได้เป็นชีอะฮ์ของพวกเราไม่  ยกเว้น ผู้ที่เชื่อฟังและปฎิบัติตามอัลเลาะฮ์ อัซซะวะญัล


สถานะหะดีษ  : เศาะหิ๊หฺ  

ดูหนังสืออัลกาฟี โดยเชคกุลัยนี  เล่ม 2 : 74 หะดีษ 1  บาบุต-ตออะฮ์ วัต-ตักวา
ตรวจทานโดยมัรกะซุล บุฮูซ คอมพิวเตอร์ ลิลอุลูมิลอิสลามียะฮ์ เมืองกุม อิหร่าน


ชีอะฮ์ คือ ผู้ที่ตออะฮ์ต่ออัลเลาะฮ์   ดังนั้นชีอะฮ์คนใดไม่ตออะฮ์ต่ออัลลอฮ์ เขาก็หาได้เป็นชีอะฮ์อะลี นอกเสียจากแค่ลิ้นเท่านั้นที่แอบอ้าง
  •  

L-umar


หะดีษ : 31

ชีอะฮ์อะลี  จะต้องเป็นผู้ที่เชื่อมสัมพันธไมตรีกับพี่น้องซุนนี่  


มีหะดีษส่วนหนึ่งรายงานว่า  บรรดาอิม่ามแห่งอะฮ์ลุลบัยต์นบี(อ)ได้กล่าวถึงพี่น้อง " ซุนนี่ " ด้วยคำว่า " อัน-นาส "  = ประชาชน  เช่น



حَدَّثَنِيْ مُحَمَّدُ بْنُ الْحَسَنِ بْنِ أَحْمَدَ بْنِ الْوَلِيدِ رَحِمَهُ اللهُ عَنْ أَبِي الْخَطَّابِ عَنْ عَبْدِ اللَّهِ بْنِ زِيَادٍ قاَلَ :

มุฮัมมัด บินอัลฮาซัน บินอะห์มัด บินอัลวะลีด (ขออัลลอฮ์ทรงเมตตาเขาด้วย) เล่าให้ฉันฟังว่า จากอบุลค็อตต็อบ จากอับดุลลอฮ์ บินซิยาด เล่าว่า :  

سَلَّمْناَ عَلَى أَبِيْ عَبْدِ اللهِ (ع) بِمِنًى ثُمَّ قُلْتُ ياَ ابْنَ رَسُوْلِ الله إِناَّ قَوْمٌ مُجْتاَزُوْنَ لَسْناَ نُطِيْقُ هَذاَ الْمَجْلِسَ مِنْكَ كُلَّماَ أَرَدْناَهُ فَأَوْصِناَ

พวกเราได้ให้สลามแก่ท่านอบีอับดิลละฮ์(อิม่ามศอดิก) อะลัยฮิสสลาม  ที่มินา  จากนั้นฉัน(อับดุลลอฮ์ บินซิยาด) ได้กล่าวว่า   :  

โอ้บุตรของท่านรอซูลุลลอฮ์    แท้จริงพวกเราเป็นหมู่ชนผู้เดินทางไปมา   เราไม่สามารถ(มายัง)ที่ประชุมแห่งนี้ของท่านได้(เสมอ) ทุกครั้งที่เราต้องการมัน   ดังนั้นขอให้ท่านได้โปรดสั่งเสียแก่พวกเราด้วยเถิด

قاَلَ (ع) :  عَلَيْكُمْ بِتَقْوَى اللَّهِ وَ صِدْقِ الْحَدِيْثِ وَ أَداَءِ الْأَماَنَةِ وَ حُسْنِ الصُّحْبَةِ لِمَنْ صَحِبَكُمْ وَ إِفْشاَءِ السَّلاَمِ وَ إِطْعاَمِ الطَّعاَمِ صِلُوْا فِي مَساَجِدِهِمْ  وَ عُودُوا مَرْضَاهُمْ وَ اتَّبِعُوْا جَناَئِزَهُمْ


อิม่าม(ศอดิก)ได้กล่าวว่า :


( ฉันขอสั่งเสียต่อ ) พวกท่านว่า  จงยำเกรงอัลเลาะฮ์,  จงมีวาจาสัตย์, จงรักษาอะมานะฮ์(หน้าที่ความรับผิดชอบ), จงใช้ชีวิตอยู่ร่วมด้วยดีต่อผู้ที่อยู่ร่วมกับพวกท่าน,จงโปรยสลาม, จงแจกจ่ายอาหาร, จง(พยายามไป)นมาซที่มัสญิดของพวกเขา(ซุนนี่), จงไปเยี่ยมคนป่วยไข้ของพวกเขา(ซุนนี่) และจงตามไปส่งญะนาซะฮ์ของพวกเขา(ซุนนี่)  

فَإِنَّ أَبِيْ حَدَّثَنِيْ أَنَّ شِيْعَتَناَ أَهْلَ الْبَيْتِ كاَنُوْا خِياَرَ مَنْ كاَنُوْا مِنْهُمْ إِنْ كاَنَ فَقِيْهٌ كاَنَ مِنْهُمْ وَ إِنْ كاَنَ مُؤَذِّنٌ كاَنَ مِنْهُمْ وَ إِنْ كاَنَ إِماَمٌ كاَنَ مِنْهُمْ وَ إِنْ كاَنَ صاَحِبُ أَماَنَةٍ كاَنَ مِنْهُمْ وَ إِنْ كاَنَ صاَحِبُ وَدِيْعَةٍ كاَنَ مِنْهُمْ وَ كَذَلِكَ كُوْنُوْا حَبِّبُوْناَ إِلَى الناَّسِ وَ لاَ تَبْغِضُوْناَ إِلَيْهِمْ

เพราะ  บิดาของฉัน ( อิม่ามบาเก็ร ) ได้เล่าให้ฉันฟังว่า

แท้จริงชีอะฮ์ของพวกเรา อะฮ์ลุลบัยต์นั้น พวกเขาคือบรรดาคนดีมีประโยชน์กับบรรดาคนที่พวกเขาอยู่ด้วย จากในหมู่พวกเขา(หมู่ชาวซุนนี่)  

หากเป็นผู้รู้  เขาก็เป็นผู้รู้จากในหมู่พวกเขา(หมู่ชาวซุนนี่)

หากเป็นมุอัซซิน(คนทำหน้าที่อะซาน)  เขาก็เป็นมุอัซซินจากในหมู่พวกเขา(หมู่ชาวซุนนี่)

หากเป็นโต๊ะอิหม่าม  เขาก็เป็นอิหม่ามของพวกเขา

หากเป็นเจ้าหน้าที่ดูแลรับผิดชอบ  เขาก็เป็นเจ้าหน้าที่ดูแลรับผิดชอบจากในหมู่พวกเขา(หมู่ชาวซุนนี่)

หากเป็นผู้รับฝากของ  เขาก็เป็นผู้รับฝากของจากในหมู่พวกเขา(หมู่ชาวซุนนี่)

และเช่นนั้นแหล่ะ พวกท่านจงทำตัวให้ประชาชน(ชาวซุนนี่) มีความรักเรา และจงอย่าทำตัวเป็นเหตุทำให้พวกซุนนี่ชิงชังเรา


อ้างอิงจากหนังสือ  ซิฟาตุช-ชีอะฮ์  โดยเชคศอดูก  เล่ม  1 : 14 หะดีษ 39

كتاب : صفات الشيعة للشيخ الصدوق  ج 1  ص 14 ح 39
  •  

L-umar

หะดีษ : 32  

หะดีษคุณสมบัติชีอะฮ์อะลี จากตำราชีอะฮ์


ศ็อฟวาน บินยะห์ยา จากอบีอุซามะฮ์  เซด อัช-ช๊ะห์ฮาม เล่าว่า :                
 
عَنْ صَفْوَانَ بْنِ يَحْيَى عَنْ أَبِي أُسَامَةَ زَيْدٍ الشَّحَّامِ قَالَ :  

قَالَ لِي أَبُو عَبْدِ اللَّهِ (ع) اِقْرَأْ عَلَى مَنْ تَرَى أَنَّهُ يُطِيعُنِي مِنْهُمْ وَ يَأْخُذُ بِقَوْلِيَ السَّلَامَ
 
ท่านอบูอับดุลลอฮ์(อิม่ามศอดิก)อะลัยฮิสสลามกล่าวกับฉันว่า :

เจ้าจงอ่าน(คำสั่งเสียของฉัน) ใหกับผู้ที่เจ้าต้องการเห็นว่า   เขาคนคือผู้ที่เชื่อฟังฉันจากในหมู่พวกเขา และเขาคือคนที่ยึดถือคำพูดของฉันโดยสันติ


وَ أُوصِيكُمْ بِتَقْوَى اللَّهِ عَزَّ وَ جَلَّ وَ الْوَرَعِ فِي دِينِكُمْ

ฉันขอสั่งเสียพวกเจ้าว่า  จงยำเกรงอัลเลาะฮ์  อัซซะวะญัล , จงมีความสำรวมตนในศาสนาของพวกเจ้า

وَ الِاجْتِهَادِ لِلَّهِ وَ صِدْقِ الْحَدِيثِ
 
จงมีความเพียงรพยายาม(ในศาสนา)เพื่ออัลลอฮ์ และจงมีวาจาสัตย์

وَ أَدَاءِ الْأَمَانَةِ وَ طُولِ السُّجُودِ وَ حُسْنِ الْجِوَارِ
 
จงปฏิบัติรักษาหน้าที่, จงสุญูด(กราบต่ออัลลอฮ์)ให้นาน และจงทำดีกับเพื่อนบ้าน

فَبِهَذَا جَاءَ مُحَمَّدٌ (ص) أَدُّوا الْأَمَانَةَ إِلَى مَنِ ائْتَمَنَكُمْ عَلَيْهَا بَرّاً أَوْ فَاجِراً

ด้วยสิ่งเหล่านี้ที่ ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)ได้นำมา (คือท่านสั่งว่า)  พวกเจ้าจงรักษาอะมานะฮ์ต่อผู้ที่เขาได้มอบหมายหน้าที่ไว้กับพวกเจ้าบนมัน ทั้งคนดีหรือคนชั่ว

فَإِنَّ رَسُولَ اللَّهِ (ص) كَانَ يَأْمُرُ بِأَدَاءِ الْخَيْطِ وَ الْمِخْيَطِ صِلُوا عَشَائِرَكُمْ
 
เพราะแท้จริงท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ) ได้เคยกำชับว่า ให้รักษาหน้าที่(แม้ว่าจะเป็นเรื่อง)ด้ายและสิ่งที่เย็บผ้า  พวกเจ้าจงเชื่อมโยงติดต่อเครือญาติของพวกเจ้า

وَ اشْهَدُوا جَنَائِزَهُمْ وَ عُودُوا مَرْضَاهُمْ وَ أَدُّوا حُقُوقَهُمْ
 
จงร่วม(ไปส่ง)ญะนาซะฮ์ของพวกเขา  จงไปเยี่ยมคนป่วยของพวกเขา และจงปฏิบัติให้ตามสิทธิของพวกเขา

فَإِنَّ الرَّجُلَ مِنْكُمْ إِذَا وَرِعَ فِي دِينِهِ وَ صَدَقَ الْحَدِيثَ وَ أَدَّى الْأَمَانَةَ وَ حَسُنَ خُلُقُهُ مَعَ النَّاسِ قِيلَ هَذَا جَعْفَرِيٌّ فَيَسُرُّنِي ذَلِكَ وَ يَدْخُلُ عَلَيَّ مِنْهُ السُّرُورُ وَ قِيلَ هَذَا أَدَبُ جَعْفَرٍ
 
เพราะแท้จริงชายคนหนึ่งจากในหมู่พวกเจ้า(ชีอะฮ์) เมื่อเขามีความสำรวมตนในดีนของเขา   มีวาจาสัตย์  รักษาหน้าที่ๆรับผิดชอบและเขาได้แสดงมารยาทที่ดีกับประชาชน(ชาวซุนนี่)

จะมีคนกล่าวว่า  นี่คือชีอะฮ์ญะอ์ฟะรี  สิ่งนั้นจะทำให้ฉันสุขใจ  และความปลื้มปิติจากเขาจะเข้ามายังฉัน และจะมีคนกล่าวว่า นี่คือมารยาทของญะอ์ฟัร (อ)

وَ إِذَا كَانَ عَلَى غَيْرِ ذَلِكَ دَخَلَ عَلَيَّ بَلَاؤُهُ وَ عَارُهُ وَ قِيلَ هَذَا أَدَبُ جَعْفَرٍ
 
แต่เมื่อเขาทำตัวอื่นไปจากสิ่งนั้น(ที่กล่าวมา)  บะลา(ความเสียหาย)ของเขาและข้อตำหนิของเขาก็จะเข้ามาบนตัวฉัน  และจะมีคนกล่าวว่า นี่ไงคือมารยาทของญะอ์ฟัร

فَوَ اللَّهِ لَحَدَّثَنِي أَبِي (ع) أَنَّ الرَّجُلَ كَانَ يَكُونُ فِي الْقَبِيلَةِ مِنْ شِيعَةِ عَلِيٍّ (ع)

ดังนั้นขอสาบานต่อัลลอฮ์ว่า แน่นอนบิดาของฉันได้เล่าให้ฉันฟังว่า  แท้จริงมีชายคนหนึ่งเคยอยู่ร่วมกับชนเผ่าหนึ่ง จากชีอะฮ์ของอิม่ามอะลี(อ)

فَيَكُونُ زَيْنَهَا آدَاهُمْ لِلْأَمَانَةِ وَ أَقْضَاهُمْ لِلْحُقُوقِ وَ أَصْدَقَهُمْ لِلْحَدِيثِ إِلَيْهِ وَصَايَاهُمْ وَ وَدَائِعُهُمْ تُسْأَلُ الْعَشِيرَةُ عَنْهُ فَتَقُولُ مَنْ مِثْلُ فُلَانٍ إِنَّهُ لآَدَانَا لِلْأَمَانَةِ وَ أَصْدَقُنَا لِلْحَدِيثِ

แล้วชายคนนั้นได้ทำตัวเป็นเครื่องประดับให้กับเผ่าคือ เขามีความรับผิดชอบที่สุดของพวกเขา  , มอบสิทธิได้มากที่สุดของพวกเขา, มีวาจาสัตย์ที่สุดของพวกเขา  เขาเป็นทั้งวะซียัตและวะดีอะฮ์ของพวกเขา  เมื่อเครือญาติถูกถามถึงเขา ก็จะกล่าวว่า  จะมีใครเหมือนชายคนนั้นอีก แท้จริงเขาคือคนที่มีความรับผิดชอบหน้าที่ดีที่สุดของเรา และมีคำพูดเชื่อถือได้มากที่สุดของเรา

 
สถานะหะดีษ  : เศาะหิ๊หฺ  ดูอัลกาฟี  โดยเชคกุลัยนี  เล่ม  2 : 636  หะดีษ 5
ตรวจทานโดยมัรกะซุล บุฮูซ คอมพิวเตอร์ ลิลอุลูมิลอิสลามียะฮ์ เมืองกุม อิหร่าน
  •  

L-umar

หะดีษ : 33


ท่านอุมัร บินอะบาน เล่าว่า ฉันได้ยินท่านอบีอับดิลละฮ์(อิม่ามศอดิก) อะลัยฮิสสลามกล่าวว่า :

ياَ مَعْشَرَ الشِّيْعَةِ اِنَّكُمْ قَدْ نَسَبْتُمْ اِلَيْناَ ، كُوْنُوْا لَناَ زِيْناً وَلاَ تَكُوْنُوْا عَلَيْناَ شِيْناً

كتاب : مشكاة الانوار للطبرسي  ج 1 ص 50

โอ้ชีอะฮ์ทั้งหลาย !  แท้จริงพวกเจ้าได้อ้างชื่อมายังเรา   จงทำตัวเป็นเครื่องประดับสำหรับเรา และจงอย่าสร้างความเสื่อมเสียชื่อเสียงให้แก่เรา

อ้างอิงจากหนังสือ มิชกาตุลอันวาร  โดยฏ็อบร่อซี  เล่ม 1 : 50


อธิบาย  คำ  ชีนัน – شِـيْناً แปลว่า

ความผิดพลาด, ข้อตำหนิ,ข้อบกพร่อง,ข้อเสีย,ความน่าละอาย,ความไม่สมบูรณ์,ความเลวทรามและความชั่ว
  •  

L-umar


หะดีษ : 34



สุลัยม์ บินก็อยส์รายงานว่า  ท่านอะลี บินอบีตอลิบ (อ)เล่าว่า  :  ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)ได้บอกกับฉันว่า :

اَلْفِرْقَةُ الناَّجِيَّةُ مِنْ قَوْمِ مُوْسَى هُمُ الَّذِيْنَ اتَّبَعُوْا وَصِيَّهُ . وَالْفِرْقَةُ الناَّجِيَّةُ مِنْ قَوْمِ عِيْسَى هُمُ الَّذِيْنَ اتَّبَعُوْا وَصِيَّهُ ،
ثُمَّ قاَلَ : سَتَفْتَرِقُ أُمّتي عَلَى ثَلاثٍ وَ سَبْعِيْنَ فِرْقَةً ، اِثْنَتَانِ وَ سَبْعُوْنَ فِي النّاَرِ ، وَ وَاحِدَةٌ فِي الْجَنَّةِ ، وَ هِيَ الَّتِيْ اتّبَعَتْ وَصِيِّيْ وَ ضَرَبَ بِيَدِهِ عَلَى مَنْكِبيْ ثُمَّ قَالَ : اِثْنَتَانِ وَ سَبْعُوْنَ فِرْقَةً حَلّتْ عَقْدَ الْإِلَهِ فِيْكَ ، وَ وَاحِدَةٌ فِي الْجَنَّةِ وَ هِيَ الّتِي اتّخَذَتْ مَحَبّتَكَ وَ هُمْ شِيعَتُكَ .
كتاب : بحار الأنوار للعلامة المجلسي  ج 28 ص 13 ح 20

กลุ่มผู้รอดพ้น(ไฟนรก)จากหมู่ชนของนบีมูซาคือ บรรดาผู้ที่ปฏิบัติตามวะซีของเขา

และกลุ่มผู้รอดพ้น(ไฟนรก)จากหมู่ชนของนบีอีซาคือ บรรดาผู้ที่ปฏิบัติตามวะซีของเขา จากนั้นท่านรอซูล(ศ)กล่าวว่า :  

ในอนาคตประชาชาติของฉันจะแตกออกเป็น 73 กลุ่ม  มี 72 กลุ่มจะอยู่ในไฟนรก และมีหนึ่งกลุ่มจะอยู่ในสวรรค์ นั่นคือกลุ่มที่ปฏิบัติตามวะซีของฉัน  

และท่านได้เอามือท่านตบมาบนหัวไหล่ฉัน(คืออะลี)   จากนั้นท่านรอซูล(ศ)กล่าวว่า  

มี 72 กลุ่มได้มอบความเป็นพระเจ้าในตัวเจ้า และมีหนึ่งกลุ่มจะอยู่ในสวรรค์ นั่นคือกลุ่มที่ยึดมั่นต่อความรัก(ที่มีต่อ)เจ้า   และพวกเขาคือ ชีอะฮ์ของเจ้า


อ้างอิงจากหนังสือบิอารุลอันวาร  โดยอัลลามะฮ์มัจญ์ลิซี่  เล่ม 28 : 13 หะดีษ 20


วะซี แปลว่า    ผู้สืบทอด ในที่นี้หมายถึง   ผู้สืบทอดหน้าที่ต่อจากท่านศาสดา
  •  

L-umar


หะดีษ : 35

หะดีษชีอะฮ์อะลีจากตำราซุนนี่

عَنْ عَلِيِّ بْنِ أَبِي طَالِبٍ عليه السلام أنّه قاَلَ : قَالَ رَسُولُ اللهِ صلّى الله عليه و آله و سلّم :
يا عَلِيّ مَثَلُكَ فِي أُمّتِي مَثَلُ عِيسى ابنِ مَريَمَ ، افْتَرَقَ قَوْمُهُ ثَلاثَ فِرَقٍ : فِرْقَةٌ مُؤمِنُونَ وَ هُمُ الْحَوارِيّونَ ، وَ فِرْقَةٌ عَادُوهُ وَ هُمُ الْيَهُودُ ، وَفِرْقَةٌ غَلَوا فِيهِ فَخَرَجُوا عَنِ الإيمانِ .
وَ إِنّ أُمّتِي سَتَفْتَرِقُ فِيكَ ثَلاَثَ فِرَقٍ : شَيعَتُكَ وَ هُمُ الْمُؤمِنُونَ ، وَ فِرْقَةٌ هُمْ أَعْدَاؤُكَ وَهُمُ الْنّاكِثُونَ ، وَ فِرْقَةٌ غَلَوا فِيكَ وَهُمُ الْجَاحِدُونَ وَ هُمُ الضّالّونَ ، وَ أَنْتَ يَا عَلِيّ ؛ وَ شِيعَتُكَ فِي الْجَنّةِ ، وَ عَدُوّكَ وَالْغَالِي فِيكَ فِي النّارِ .

كتاب : المناقب للخوارزمي  ص 331 حديث 351
وينابيع المودة لذوي القربى   ج 1 ص 282  الباب 35


ท่านอะลี บินอบีตอลิบ (อ) เล่าว่า ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)กล่าวว่า  :

โอ้อะลีเอ๋ย !  อุปมาของเจ้าในหมู่ประชาชาติของฉัน ดั่งอุปมัยของท่านนบีอีซาบุตรมัรยัม หมู่ชนของท่าน(นบีอีซา)ได้แตกออกเป็น 3 กลุ่ม  

Ф พวกหนึ่งเป็นผู้ศรัทธา(ต่อนบีอีซา)นั่นคือพวกฮะวารียูน (สาวกของท่าน)

Ф อีกพวกหนึ่งเป็นอริศัตรูกับท่านนั่นคือพวกยะฮูดี(ยิว)

Ф และอีกพวกหนึ่งยึดถือในตัวท่านเกินความเป็นมนุษย์(คือยึดนบีอีซาเป็นพระเจ้า)  จนพวกเขาหลุดพ้นจากความศรัทธา



۞ และแท้จริงประชาชาติของฉันนั้นก็จะแตกออกเป็น 3 กลุ่มเกี่ยวกับตัวเจ้า  

۩ พวกหนึ่งคือ ชีอะฮ์ของเจ้า พวกเขาเป็นผู้ศรัทธา  

۩ อีกพวกหนึ่งตั้งตนเป็นศัตรูกับเจ้านั่นคือพวกนากิษูน (พวกที่ให้สัตยาบันต่อท่านอะลี แล้วต่อมาก็ทรยศตระบัดสัตย์ต่อท่านอะลี)

۩ และอีกพวกหนึ่งยึดถือในตัวท่านเกินความเป็นมนุษย์(คือยึดอะลีเป็นพระเจ้า)  พวกเขาคือพวกปฏิเสธอย่างดื้อดึงและพวกเขาเป็นพวกที่หลงทาง  


☺และเจ้า โอ้อะลีกับชีอะฮ์ของเจ้านั้นจะได้อยู่ในสวรรค์ ☻

ส่วนพวกศัตรูของเจ้ากับพวกฆูล๊าตที่ยึดถือในตัวท่านเกินความเป็นมนุษย์นั้นจะอยู่ในไฟนรก


► อ้างอิงจากหนังสือ  อัลมะนากิบ โดยอัลค่อวาริซมี  หน้า 331 หะดีษที่ 351 และ

ยะนาบีอุลมะวัดดะฮ์  โดยเชคกอนดูซี อัลฮานาฟี  เล่ม 1 หน้า 282  บาบที่ 35
  •  

L-umar

หะดีษ : 36


เชคศอดูกรายงานด้วยสายรายงานดังนี้

Ф حَدَّثَنَا أَبُو الْحَسَنِ مُحَمَّدُ بْنُ عَلِيٍّ بن الشاه الفقيه الْمَرْوَزِيُّ بِمَرْوٍ الرود فِي داَرِهِ قاَلَ حَدَّثَنَا أَبُو بَكْرِ بْنُ مُحَمَّدِ بْنِ عَبْدِ اللَّهِ النَّيْسَابُورِىُّ قاَلَ حَدَّثَنَا أَبُو الْقَاسِمِ عَبْدُ اللَّهِ بْن أَحْمَدَ بْنِ عَامِرِ بْنِ سُلَيماَنَ الطَّائِيُّ بِالْبَصْرَةِ قاَلَ حَدَّثَنَا أَبِيْ فِي سَنَةَ سِتِّينَ وَمِأَتَيْنِ قاَلَ حَدَّثِنيْ عَلِىُّ بْنُ مُوسَى الرِّضَا عليه السلام سَنَةَ اَرْبَعَ وَتِسْعِيْنَ وَمِائَة

Ф وَ حَدَّثَنَا أَبُو مَنْصُورِ بْنُ إِبْرَاهِيمَ بْنِ بَكْرٍ الخورى بِنَيْسَابُورَ قاَلَ حَدَّثَنَا أَبُو إِسْحَاقَ إِبْرَاهِيمُ بْنُ هاَرُوْنَ بْنِ مُحمد الخورى قاَلَ حَدَّثَنَا جَعْفَرُ بْنُ مُحَمَّدِ بْنِ زِياَد الفقيه الخورى بِنَيْسَابُورَ قاَلَ حَدَّثَنَا أَحْمَدُ بْنُ عَبْدِ اللَّهِ الْهَرَوِيُّ الشَّيْبَانِيُّ عَنِ الرِّضاَ عَلِىِّ بْنِ مُوسَى عليهما السلام

Ф وَ حَدَّثَنِي أَبُو عَبْدِ اللَّهِ الْحُسَيْنُ بْنُ مُحَمَّدٍ الأُشْنَانِىُّ الرَّازِيُّ الْعَدْلُ بِبَلْخٍ قاَلَ
 
Ф حَدَّثَنَا عَلِىُّ بْنُ مُحَمَّدِ بْنِ مِهْرُوَيْهِ الْقَزْوِينِىُّ عَنْ دَاوُدَ بْنِ سُلَيْمَانَ الْفَرَّاءِ عَنْ عَلِىِّ بْنِ مُوسَى الرِّضَا عليه السلام قاَلَ

Ф حَدَّثَنِى أَبِى : مُوسَى بْنُ جَعْفَرٍ قاَلَ حَدَّثَنِى أَبِى : جَعْفَرُ بْنُ مُحَمَّدٍ قاَلَ حَدَّثَنِى أَبِى : مُحَمَّدُ بْنُ عَلِيٍّ قاَلَ حَدَّثَنِى أَبِى : عَلِيُّ بْنُ الْحُسَيْنِ قاَلَ حَدَّثَنِى أَبِى : الْحُسَيْنُ بْنُ عَلِيٍّ قاَلَ حَدَّثَنِى أَبِى : عَلِيُّ بْنُ أَبِي طَالِبٍ عليه السلام

عَنْ رَسُولِ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وآله و سلّم أَنّهُ قَالَ : يَا عَلِيّ ؛ إِنّ اللهَ قَدْ غَفَرَ لَكَ وِلأهْلِكَ وَلِشِيعَتِكَ وَ مُحِبّي شِيعَتِكَ وَ مُحِبّي مُحِبّي شِيعَتِكَ ، فَأبشِرْ فَإِنّكَ الْأنْزَعُ الْبَطينُ ، مَنْزُوعٌ مِنَ الْشّركِ ، بَطِينّ مِنَ العِلْمِ .

كِتاَبُ : عُيُوْنُ أَخْباَرِ الرِّضاِ (ع) للشَيْخ الصَّدُوْق ج 1 ص 50 ح 182


อะลี บินมุฮัมมัด บินมิฮ์รูวัยฮฺ อัลก็อซวีนี  จากดาวูด บินสุลัยมาน อัลฟัรรออ์ ได้เล่าให้เราฟังจากอิม่ามอะลี บินมูซา อัลริฎอ (อ) เล่าว่า :  

 บิดาของฉันคือ อิม่ามมูซา บินญะอ์ฟัร ได้เล่าให้ฉันฟัง เขากล่าวว่า : บิดาของฉันคือ อิม่ามญะอ์ฟัร บินมุฮัมมัด(อัลบาเก็ร) ได้เล่าให้ฉันฟัง

เขากล่าวว่า : บิดาของฉันคือ อิม่ามมุฮัมมัด บินอะลี(ซัยนุลอาบิดีน) ได้เล่าให้ฉันฟัง เขากล่าวว่า :

บิดาของฉันคือ อิม่ามอะลี บินฮูเซน ได้เล่าให้ฉันฟัง เขากล่าวว่า :  บิดาของฉันคือ อิม่ามฮูเซน บินอะลี ได้เล่าให้ฉันฟัง เขากล่าวว่า :  

บิดาของฉันคือ อิม่ามอะลี บินอบีตอลิบ ได้เล่าให้ฉันฟัง เขากล่าวว่า :  ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ) กล่าวว่า  :    


โอ้อะลีเอ๋ย !  แท้จริงอัลเลาะฮ์ทรงให้อภัยแก่เจ้า แก่ครอบครัวของเจ้า และแก่ชีอะฮ์ของเจ้า  และแก่บรรดาผู้ที่รัก ผู้ที่รักชีอะฮ์ของเจ้า

ดังนั้นจงแจ้งข่าวดี แท้จริงเจ้าคืออันซะอุลบะตีน   (หมายถึงเจ้าคือ)ผู้ที่ถูกถอนออกไปจากการตั้งภาคี และเป็นผู้ที่มากมายไปด้วยความรู้



อ้างอิงจากหนังสือ อุยูนุ อัคบาริลริฎอ(อ) โดยเชคศอดูก เล่ม 1 : 50 หะดีษ 182



۩  อธิบาย


1, เชคศอดูก (305 – 381 ฮิจเราะฮ์ศักราช)  ชื่อเต็มคือ  อบูญะอ์ฟัร มุฮัมมัด บินอะลี บินฮูเซน บินบาบะวัยฮฺ อัลกุมมี รู้จักกันในนามเชคศอดูก อยู่ในยุคตัวแทนพิเศษ(นาอิบค็อศ)คนสุดท้ายของอิม่ามมะฮ์ดี การรายงานเชื่อถือได้    

บิดาชื่ออะลี บินอัลฮูเซน บินบาบะวัยฮฺ อัลกุมมี บิดาเชคศอดูกเคยเข้าพบอิม่ามท่านที่ 11 และอยู่จนถึงยุคฆ็อยบะฮ์ของอิม่ามท่านที่ 12  การรายงานเชื่อถือได้


2- อะลี บินมุฮัมมัด บินมิฮ์รูวัยฮฺ อัลก็อซวีนี  คือ  อาจารย์คนหนึ่งของเชคศอดูก
 

ดูหนังสือมุอ์ญัม อิลมุลริญาล สัยยิดคูอี อันดับที่ 8482


3- ดาวูด บินสุลัยมาน อัลฟัรรออ์ ( داود بن سليمان بن جعفر أبو أحمد القزويني)

ชื่อเต็มคือ ดาวูด บินสุลัยมาน บินญะอ์ฟัร อบูอะหมัด อัลก็อซวีนี  เป็นสาวกคนหนึ่งของอิม่ามอะลี บินมูซาอัลริฎอ (อ)  การรายงานเชื่อถือได้

ดูหนังสือริญาล นะญาชี อันดับที่ 426
  •  

L-umar


หะดีษ : 37


หะดีษชีอะฮ์ อะลี  จากตำราซุนนี่



حَدَّثَناَ عَلِىُّ بْنُ سَعِيدٍ الرَّازِىُّ قاَلَ حَدَّثَناَ حَرْبُ بْنُ حَسَن الطَّحَّانُ قاَلَ حَدَّثَناَ حَنَانُ بْنُ سُدَيْر الصَّيْرَفِيُّ قاَلَ حَدَّثَناَ سديف المكي قاَلَ

حَدَّثَناَ مُحَمَّدُ بْنُ عَلِىِّ بْنِ الْحُسَيْنِ وماَ رَأَيْتُ مُحَمَّدِياًّ قَطّ يَعْدِلُهُ قاَلَ حَدَّثَناَ جَابِرُ بْنُ عَبْدِ اللَّهِ الأَنْصَارِىُّ قَالَ :  خَطَبَنَا رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ فَسَمِعْتُهُ وَهُوَ يَقُوْلُ :

يَا أَيُّهَا النَّاسُ مَنْ أَبْغَضَناَ أَهْلَ الْبَيْتِ حَشَرَهُ اللهُ يَوْمَ الْقِياَمَةِ يَهُوْدِياًّ فَقُلْتُ ياَ رَسُوْلَ اللهِ وَاِنْ صاَمَ وَصَلَّى قاَلَ وَاِنْ صاَمَ وَصَلَّى وَزَعَمَ اَنَّهُ مُسْلِمٌ يَا أَيُّهَا النَّاسُ احْتَجَرَ بِذَلِكَ مَنْ سُفِكَ دَمُهُ وَ أَنْ يُؤَدِّىَ الْجِزْيَةَ عَنْ يَدٍ وَهُمْ صاَغِرُوْنَ مَثَّلَ لِي أُمَّتِي فِي الطِّينِ  فَمَرَّ بِي أَصْحاَبُ الرَّاياَتِ فاَسْتَغْفَرْتُ لِعَلِيٍّ وَشِيْعَتِهِ


มุฮัมมัด บินอะลี บินฮูเซน (บินอะลี บินอบีตอลิบ )เล่าให้เราฟังว่า  

ท่านญาบิร บินอับดุลลอฮ์ อัลอันศอรีเล่าว่า  :


ท่านรอซูลุลลอฮ์ (ศ) ได้กล่าวคุตบะฮ์แก่พวกเรา   ฉันได้ยินท่านกำลังปราศรัยว่า  :

โอ้ประชาชนทั้งหลาย !

บุคคลใดอาฆาตชังชังต่อเราอะฮ์ลุลบัยต์   ในวันกิยามะฮ์อัลเลาะฮ์จะทรงให้เขาฟื้นขึ้นมาในสภาพยิว

ฉัน(ญาบิร)จึงถามว่า  : โอ้ท่านรอซูลุลลอฮ์  หากว่าเขาถือศีลอดและทำนมาซล่ะ ?

ท่านตอบว่า :  แม้ว่าเขาจะถือศีลอดและทำนมาซก็ตาม และแม้ว่าเขาจะอ้างว่าเป็นมุสลิมก็ตาม

โอ้ประชาชนทั้งหลาย !

ด้วยสิ่งนั้นเขาจะได้รับการปกป้องจากการหลั่งเลือดเขา และจากการจ่ายญิซยะฮ์จากมือในสภาพบรรดาผู้ต่ำต้อย

(แท้จริงอัลลอฮ์ ) ทรงแสดงให้ฉันเห็นอุมมะฮ์ของฉันใน (ตอนที่ยังอยู่ในสภาพ) ดิน

แล้วบรรดาอัศฮาบุลรอย๊าตได้เดินผ่านฉันไป  ดังนั้นฉันจึงได้ทำการอิสติ๊ฆฟ้ารให้กับอะลีและชีอะฮ์ของเขา



อ้างอิงจากหนังสือมุอ์ญัม เอาซัฏ โดยต็อบรอนี  เล่ม 4 : 211  หะดีษ  4002

ดู  ดูร็อร เน็ต  หะดีษเลขที่ 14


http://www.dorar.net/enc/hadith/%D8%B4%D9%8A%D8%B9%D8%AA%D9%87/yj
  •  

L-umar


บางท่านอาจคิดว่า  ทำไมคนทำนมาซ ถือศีลอด แต่ทำให้อะฮ์ลุลบัยต์นบีโกรธ จึงต้องถูกอัลเลาะฮ์ลงโทษ


หรือว่า หะดีษข้างต้นนั้นเป็นหะดีษที่ไม่ถูกต้อง  เพื่อความกระจ่างขอให้ท่านลองพิจารณาหะดีษต่อไปนี้



อัลฮากิม อันนัยซาบูรี รายงานว่า

จากท่านอับดุลเลาะฮ์ บินอับบาสเล่าว่า  แท้จริงท่านรอซูลุลลอฮ์ (ศ) กล่าวว่า

يَا بَنِي عَبْدِ الْمُطَّلِبِ ، إِنِّى سَأَلْتُ اللَّهَ لَكُمْ ثَلاَثاً : أَن يَثبُتَ قاَئِمَكُم ، وَأَن يَهْدِيَ ضاَلَّكُم ، وَأن يُعلِّمَ جاَهِلَكُم ، وَسَأَلْتُ اللهَ أَن يَجْعَلَكُم جَوْدَاء نَجْداَء رَحْماَء ،
فَلَوْ أَنَّ رَجُلاً صَفَّنَّ بَيْنَ الرُّكْنِ وَالْمَقَامِ فَصَلَّى ، وَصاَمَ ثُمَّ لَقَي اللهَ وَهُوَ مُبْغِضُ لِأَهْلِ بَيْتِ مُحَمَّدٍ دَخَلَ الناَّرَ

โอ้ตระกูลแห่งอับดุลมุตต่อลิบทั้งหลาย  แท้จริงฉันได้วอนขอต่ออัลลอฮ์ไว้สำหรับพวกท่านสามประการคือ

ขอพระองค์ทรงโปรดทำให้กออิมของพวกท่านยืนหยัดอย่างมั่นคง, ทรงชี้นำทางแก่ผู้หลงทางของพวกท่าน, ทรงสอนความรู้แก่คนญาเฮ้ลของพวกท่าน

และฉันได้ร้องขอต่ออัลลอฮ์ว่า โปรดดลบันดาลทำให้พวกท่านเป็น คนใจดี  มีความกล้าหาญ  มีเมตตา

ดังนั้นถ้าหากว่า มีชายคนหนึ่งยืนตรงระหว่างมุมหนึ่งของกะอ์บะฮ์กับมะกอม(อิบรอฮีม) แล้วเขาทำนมาซและถือศีลอด  

ต่อมาชายคนนั้น(ได้เสียชีวิตลง)แล้วได้กลับไปพบกับอัลลอฮ์ ในสภาพที่เขาเป็นผู้ที่ชิงชังอาฆาตต่ออะฮ์ลุลบัยต์นบีมุฮัมมัด(อ)
 

เขาคนนั้นจะต้องเข้าสู่ไฟนรก


ดูหนังสืออัลมุสตัดร็อก ฮากิม  หะดีษที่ 4695


อัลฮากิมกล่าวว่า

« هذا حديث حسن صحيح على شرط مسلم ، ولم يخرجاه »

หะดีษนี้   ฮาซัน  เศาะหิ๊หฺ  (คือ ดี และ ถูกต้อง ) บนเงื่อนไขของท่านมุสลิม แต่ทั้งสองมิได้นำออกรายงาน

ท่านซะฮะบีวิจารณ์ว่า     หะดีษนี้  บนเงื่อนไขของท่านมุสลิม

ดูหนังสืออัลมุสตัดร็อกฮากิม  ฉบับตรวจทานโดยซะฮะบี  หะดีษที่ 4712



เพราะฉะนั้นหะดีษที่ถูกต้องบทนี้จึงไปสนับสนุนหะดีษลำดับที่ ว่า 37  ถูกต้อง
  •  

62 ผู้มาเยือน, 0 ผู้ใช้