Welcome to Q4wahabi.com (Question for Wahabi). Please login or sign up.

ธันวาคม 23, 2024, 11:57:03 หลังเที่ยง

Login with username, password and session length
สมาชิก
  • สมาชิกทั้งหมด: 1,718
  • Latest: Haroldsmolo
Stats
  • กระทู้ทั้งหมด: 3,708
  • หัวข้อทั้งหมด: 778
  • Online today: 72
  • Online ever: 200
  • (กันยายน 14, 2024, 01:02:03 ก่อนเที่ยง)
ผู้ใช้ออนไลน์
Users: 0
Guests: 12
Total: 12

วิจัยหะดีษมันกุนตุเมาลาฮุ ฟะอะลียุนเมาลาฮุ แบบสุดๆ

เริ่มโดย L-umar, พฤศจิกายน 11, 2009, 11:30:03 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

L-umar

ผู้ดื้อดึงต่อสัจธรรมเขาทำอย่างไรกับหะดีษเฆาะดีรคุม ?

เขาทำง่ายๆครับคือ  
1.   พยายามฮุก่มว่า   สายรายงานหะดีษ  เชื่อถือไม่ได้
2.   พยายามตัดตัวบทหะดีษ  ให้ด้วนๆ
3.   พยายามเติมเนื้อหาบางสิ่งเข้าไปผสมโรงกับตัวบทหะดีษที่แท้จริง
4.   พยายามบิดเบือนความหมายวะลีและเมาลาที่ชัดเจนให้เป็นอื่นเสีย
5.   อ้างว่า  ทำไม « หะดีษมันกุนตุเมาลาฮุ ฟะอะลียุนเมาลาฮุ » ไม่มีในเศาะหิ๊หฺบุคอรีและเศาะหิ๊หฺมุสลิม


ท่านทั้งหลายพึงทราบเถิดว่า
   
แม้ว่า « หะดีษมันกุนตุเมาลาฮุ ฟะอะลียุนเมาลาฮุ » มิได้ถูกบันทึกอยู่ในตำราเศาะหิ๊หฺของบุคอรีและท่านมุสลิมบินฮัจย๊าจญ์ ก็ตาม แต่ก็มิได้หมายความว่า หะดีษเฆาะดีร มันเป็นหะดีษ « ดออีฟ »  หรือหะดีษ « เมาฎู๊อฺ »   และไม่ได้หมายความว่า ความถูกต้องของหะดีษเฆาะดีรต้องอ่อนแอลงไปเพราะการที่ท่านเชคทั้งสองมิได้นำมาบันทึกไว้ในตำราของเขาทั้งสองเลยแม่แต่น้อย


เพราะบรรดาอุละมาอ์อะฮ์ลุสสุนนะฮ์ได้กล่าวชัดเจนว่า

หะดีษที่เศาะหิ๊หฺ(ถูกต้อง)อีกตั้งมากมายที่มิได้ถูกบันทึกไว้ในเศาะหิ๊หฺบุคอรีและเศาะหิ๊หฺมุสลิม

นั่นก็หมายความว่า  ตำรา«เศาะหิ๊หฺบุคอรีและเศาะหิ๊หฺมุสลิม»นั้นมิได้บันทึกหะดีษ«เศาะหิ๊หฺ»ทั้งหมดเอาไว้นั่นเอง.
  •  

L-umar


วิเคราะห์ วิธีการบิดเบือนตัวบทหะดีษและคำอธิบายหะดีษเฆาะดีร


เจ้าของเศาะหิ๊หฺมุสลิมบันทึกว่า


حَدَّثَنِى يَزِيدُ بْنُ حَيَّانَ قَالَ انْطَلَقْتُ أَنَا وَحُصَيْنُ بْنُ سَبْرَةَ وَعُمَرُ بْنُ مُسْلِمٍ إِلَى زَيْدِ بْنِ أَرْقَمَ فَلَمَّا جَلَسْنَا إِلَيْهِ قَالَ لَهُ حُصَيْنٌ لَقَدْ لَقِيتَ يَا زَيْدُ خَيْرًا كَثِيرًا رَأَيْتَ رَسُولَ اللَّهِ -صلى الله عليه وسلم- وَسَمِعْتَ حَدِيثَهُ وَغَزَوْتَ مَعَهُ وَصَلَّيْتَ خَلْفَهُ لَقَدْ لَقِيتَ يَا زَيْدُ خَيْرًا كَثِيرًا حَدِّثْنَا يَا زَيْدُ مَا سَمِعْتَ مِنْ رَسُولِ اللَّهِ -صلى الله عليه وسلم- - قَالَ - يَا ابْنَ أَخِى وَاللَّهِ لَقَدْ كَبِرَتْ سِنِّى وَقَدُمَ عَهْدِى وَنَسِيتُ بَعْضَ الَّذِى كُنْتُ أَعِى مِنْ رَسُولِ اللَّهِ -صلى الله عليه وسلم- فَمَا حَدَّثْتُكُمْ فَاقْبَلُوا وَمَا لاَ فَلاَ تُكَلِّفُونِيهِ.
ثُمَّ قَالَ قَامَ رَسُولُ اللَّهِ -صلى الله عليه وسلم- يَوْمًا فِينَا خَطِيبًا بِمَاءٍ يُدْعَى خُمًّا بَيْنَ مَكَّةَ وَالْمَدِينَةِ فَحَمِدَ اللَّهَ وَأَثْنَى عَلَيْهِ وَوَعَظَ وَذَكَّرَ ثُمَّ قَالَ
« أَمَّا بَعْدُ أَلاَ أَيُّهَا النَّاسُ فَإِنَّمَا أَنَا بَشَرٌ يُوشِكُ أَنْ يَأْتِىَ رَسُولُ رَبِّى فَأُجِيبَ وَأَنَا تَارِكٌ فِيكُمْ ثَقَلَيْنِ أَوَّلُهُمَا كِتَابُ اللَّهِ فِيهِ الْهُدَى وَالنُّورُ فَخُذُوا بِكِتَابِ اللَّهِ وَاسْتَمْسِكُوا بِهِ ». فَحَثَّ عَلَى كِتَابِ اللَّهِ وَرَغَّبَ فِيهِ ثُمَّ قَالَ « وَأَهْلُ بَيْتِى أُذَكِّرُكُمُ اللَّهَ فِى أَهْلِ بَيْتِى أُذَكِّرُكُمُ اللَّهَ فِى أَهْلِ بَيْتِى أُذَكِّرُكُمُ اللَّهَ فِى أَهْلِ بَيْتِى ».
فَقَالَ لَهُ حُصَيْنٌ وَمَنْ أَهْلُ بَيْتِهِ يَا زَيْدُ أَلَيْسَ نِسَاؤُهُ مِنْ أَهْلِ بَيْتِهِ ؟
قَالَ نِسَاؤُهُ مِنْ أَهْلِ بَيْتِهِ وَلَكِنْ أَهْلُ بَيْتِهِ مَنْ حُرِمَ الصَّدَقَةَ بَعْدَهُ.
قَالَ وَمَنْ هُمْ ؟ قَالَ هُمْ آلُ عَلِىٍّ وَآلُ عَقِيلٍ وَآلُ جَعْفَرٍ وَآلُ عَبَّاسٍ .
قَالَ كُلُّ هَؤُلاَءِ حُرِمَ الصَّدَقَةَ ؟  قَالَ نَعَمْ.


คำแปลอ้างอิงจากเวบ

http://www.fareedfendy.com/modules.php?name=Content&pa=showpage&pid=134

ยะซีด อิบนุฮัยยาน รายงานว่า ฉันกับฮุศอยน์ อิบนุซับเราะห์ และอุมัร อิบนุมุสลิม ได้ไปหาท่านเซด อิบนุอัรกอม เมื่อพวกเราได้นั่งต่อต่อหน้าเขา,
ฮุศอยน์ก็ได้กล่าวแก่เขาว่า  โอ้ท่านเซดเอ๋ย ท่านได้พบกับความดีมากมาย โดยท่านได้เคยเห็นและเคยได้ยินเรื่องราวต่างๆท่านรอซูลุ้ลลอฮ์ ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม อีกทั้งท่านยังได้เคยร่วมสมรภูมิ และละหมาดตามหลังท่านรอซูลอีกด้วย
ท่านได้พบกับความดีอย่างมากมายโอ้ท่านเซดเอ๋ย ได้โปรดเล่าให้พวกเราฟังบ้างเกี่ยวเรื่องที่ท่านเคยได้ยินจากท่านรอซูล ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม  

เขา(เซด)กล่าวตอบว่า  โอ้หลานเอ๋ย อายุฉันก็มากแล้ว วันเวลามันผ่านมาเนิ่นนานแล้ว และฉันก็ลืมไปบางเรื่องที่เคยจดจำจากท่านรอซูล ฉะนั้นสิ่งใดที่ฉันเล่าให้ฟังก็จงรับมันไว้   แต่สิ่งที่ไม่ได้เล่าให้ฟังก็อย่าได้อ้างถึงฉันในเรื่องนั้น  แล้วเขาก็กล่าวว่า :

ท่านรอซูลุ้ลลอฮ์ได้คุตบะห์แก่พวกเราในวันหนึ่งที่แหล่งน้ำซึ่งเรียกกันว่า « คุมม์ » อยู่ระหว่างมักกะห์กับมะดีนะห์

ซึ่งท่านเริ่มต้นด้วยการกล่าวสรรเสริญอัลลอฮ์และขอบคุณต่อพระองค์ ท่านได้ตักเตือนและสั่งสอนพวกเรา หลังจากนั้นก็กล่าวว่า :

โอ้ประชาชนทั้งหลาย แท้จริงฉันก็คือปุถุชนคนหนึ่งเท่านั้น ใกล้เวลาเต็มทีที่ทูตแห่งองค์อภิบาลจะมายังฉันโดยฉันก็น้อมรับ  และ

۞ฉันได้ทิ้งสิ่งหนักสองสิ่งไว้ในหมู่พวกท่าน อย่างแรกคือคัมภีร์ของอัลลอฮ์ ที่มีทั้งทางนำและรัศมี พวกเจ้าทั้งหลายจงยึดคัมภีร์ไว้ให้มั่น โดยท่านรอซูลได้รณรงค์และส่งเสริมให้ยึดอัลกุรอาน
ต่อมาท่านได้กล่าวว่า อีกประการหนึ่งก็คือ : อะฮ์ลุลบัยต์ของฉัน ۞


ขอเตือนพวกท่านทั้งหลายให้ระลึกถึงอัลลอฮ์ เกี่ยวกับวงศ์วานของฉัน,
ขอเตือนพวกท่านทั้งหลายให้ระลึกถึงอัลลอฮ์ เกี่ยวกับวงศ์วานของฉัน,  
ขอเตือนพวกท่านทั้งหลายให้ระลึกถึงอัลลอฮ์ เกี่ยวกับวงศ์วานของฉัน,  



ฮุศอยน์ได้ถามท่านเซดว่า :
แล้วใครเล่าที่เป็นอะฮ์ลุลบัยต์ของท่านนบีโอ้ท่านเซดเอ๋ย บรรดาภรรยาของท่านนบีมิได้เป็นอะฮ์ลุลลบัยต์ของท่านนบีหรือ ?


เขา(เซด)ตอบว่า : บรรดาภรรยาของท่านนบีก็เป็นอะฮ์ลุลบัยต์ของท่านนบีด้วย   หากแต่อะฮ์ลุลบัยต์ของท่านนบีนั้นถูกห้ามรับซะกาตต่อจากนบี

ฮุศอยน์ถามว่า แล้วมีใครบ้าง ?

เขา(เซด)กล่าวตอบว่า : พวกเขาคือ
1.   วงศ์วานของอาลี,
2.   วงศ์วานของอะกี้ล,
3.   วงศ์วานของญะอ์ฟัร และ
4.   วงศ์วานของอับบาส

ฮุศอยน์ถามว่า  : คนเหล่านี้ถูกห้ามรับซะกาตอย่างนั้นหรือ ?
เขา(เซด)ตอบว่า : ถูกต้องแล้ว "  

บันทึกโดยอิหม่ามมุสลิม ฮะดีษเลขที่ 4425
  •  

L-umar


วิเคราะห์ วิธีการบิดเบือนตัวบทหะดีษและคำอธิบายหะดีษเฆาะดีร


ขอให้ท่านผู้มีใจเป็นกลางลองพิจารณาสิ่งที่ฮุศอยน์ถามท่านเซดบินอัรกอม ใหม่อีกครั้งนะครับ


فَقَالَ لَهُ حُصَيْنٌ وَمَنْ أَهْلُ بَيْتِهِ يَا زَيْدُ  أَلَيْسَ نِسَاؤُهُ مِنْ أَهْلِ بَيْتِهِ ؟

ฮุศอยน์ได้ถามท่านเซดว่า :

แล้วใครเล่าที่เป็นอะฮ์ลุลบัยต์ของท่านนบีโอ้ท่านเซดเอ๋ย บรรดาภรรยาของท่านนบีมิได้เป็นอะฮ์ลุลุบัยต์ของท่านนบีหรือ ?

قَالَ نِسَاؤُهُ مِنْ أَهْلِ بَيْتِهِ

เขา(เซด)ตอบว่า : บรรดาภรรยาของท่านนบีก็เป็นอะฮ์ลุลบัยต์ของท่านนบีด้วย  

وَلَكِنْ أَهْلُ بَيْتِهِ مَنْ حُرِمَ الصَّدَقَةَ بَعْدَهُ. قَالَ وَمَنْ هُمْ ؟

หากแต่อะฮ์ลุลบัยต์ของท่านนบีนั้นถูกห้ามรับซะกาตต่อจากนบี

قَالَ وَمَنْ هُمْ
ฮุศอยน์ถามว่า แล้วมีใครบ้าง ?

قَالَ هُمْ آلُ عَلِىٍّ وَآلُ عَقِيلٍ وَآلُ جَعْفَرٍ وَآلُ عَبَّاسٍ .

เขา(เซด)กล่าวตอบว่า : พวกเขาคือ

1.   อาลิ อาลี (วงศ์วานของอาลี)
2.   อาลิ อะกี้ล (วงศ์วานของอะกีล)  
3.   อาลิ ญะอ์ฟัร (วงศ์วานของญะอ์ฟัร)
4.   อาลิ อับบาส (วงศ์วานของอับบาส)

قَالَ كُلُّ هَؤُلاَءِ حُرِمَ الصَّدَقَةَ  ؟   قَالَ نَعَمْ.

ฮุศอยน์ถามว่า  : คนเหล่านี้ถูกห้ามรับซะกาตอย่างนั้นหรือ ?
เขา(เซด)ตอบว่า : ถูกต้องแล้ว "  


จะเห็นได้ว่าวรรคนี้  
ไม่ใช่คำพูดของท่านรอซูล(ศ) แต่เป็นคำถามตอบระหว่างของฮุศอยน์กับท่านเซด บินอัรกอม
  •  

L-umar


วิเคราะห์ วิธีการบิดเบือนตัวบทหะดีษและคำอธิบายหะดีษเฆาะดีร


จากคำถามปฏิเสธ (استفهام استنكاري ) กลายเป็นการปฏิเสธแบบยืนยัน(الإستنكار إيجاباً) ดูวรรคนี้


فَقَالَ لَهُ حُصَيْنٌ وَمَنْ أَهْلُ بَيْتِهِ يَا زَيْدُ  أَلَيْسَ نِسَاؤُهُ مِنْ أَهْلِ بَيْتِهِ ؟

ฮุศอยน์ถามท่านเซดว่า :

โอ้ท่านเซด  ใครคืออะฮ์ลุลบัยต์ของท่านนบี  บรรดาภรรยาของท่านนบีมิใช่เป็นอะฮ์ลุลุบัยต์ของท่านนบีหรือ ?

อธิบายคือฮุศอยน์ถามว่า  ภรรยานบีเป็นอะฮ์ลุลบัยต์ของท่านนบี จริงหรือ ?


ฝ่ายท่านเซดก็ตอบในเชิงปฏิเสธว่า

قَالَ نِسَاؤُهُ مِنْ أَهْلِ بَيْتِهِ ؟؟؟

บรรดาภรรยาของท่านนบี เป็นอะฮ์ลุลบัยต์ของท่านนบีด้วยหรือ ? คือเซดไม่ยอมรับเรื่องนี้

แต่อุละมาอ์ซุนนี่กลับให้ความหมายว่า
บรรดาภรรยาของท่านนบี เป็นอะฮ์ลุลบัยต์ของท่านนบีด้วย

เพราะฉะนั้นจึงทำให้ผู้อ่านสับสัน เข้าใจผิด


เมื่อเราอ่านเศาะหิ๊หฺมุสลิม ถัดจากหะดีษแรกไปอีกหน่อย เราจะพบว่า
ท่านเซดบินอัรกอมได้ปฏิเสธอย่างชัดเจนว่า  

ภรรยานบี ไม่ใช่อะฮ์ลุลบัยต์  ของท่านนบี ดังนี้

فَقُلْنَا مَنْ أَهْلُ بَيْتِهِ نِسَاؤُهُ قَالَ لاَ وَايْمُ اللَّهِ إِنَّ الْمَرْأَةَ تَكُونُ مَعَ الرَّجُلِ الْعَصْرَ مِنَ الدَّهْرِ ثُمَّ يُطَلِّقُهَا فَتَرْجِعُ إِلَى أَبِيهَا وَقَوْمِهَا    أَهْلُ بَيْتِهِ أَصْلُهُ وَعَصَبَتُهُ الَّذِينَ حُرِمُوا الصَّدَقَةَ بَعْدَهُ.

พวกเราถามว่า  : ใครเป็นอะฮ์ลุลบัยต์ของท่านนบี  บรรดาภรรยาของเขาใช่ไหม ?

ท่านเซดตอบว่า  :  ไม่ใช่  

ขอสาบานต่ออัลลอฮ์ว่า  แท้จริงสตรี(ภรรยา)จะอยู่กับชาย(สามี)ช่วงเวลาหนึ่ง จากนั้นเมื่อเขาหย่าร้างกับนาง  นางก็จะกลับไปอยู่กับบิดานางและหมู่ชนของนาง  
อะฮ์ลุลบัยต์ของท่านนบี คือรากเหง้าของท่าน และเป็นญาติสนิทของท่าน คือบรรดาผู้ที่ถูกห้ามรับซะกาตภายหลังจากท่าน




เพราะฉะนั้นการที่ฮุศอยน์และอิบนิฮัยยานถามว่า
ใครเป็นอะฮ์ลุลบัยต์ของท่านนบี  บรรดาภรรยาของเขาใช่ไหม ?
ได้รับคำตอบจากท่านเซดตอบว่า  :  ไม่ใช่


เมื่อในศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดนี้  


อุละมาอ์ซุนนี่ยังกล้าบิดเบือน โกหกใส่ร้ายต่อการอธิบายหะดีษในเศาะหิ๊หฺมุสลิม อีกทั้งยังไร้ยางอาย และขาดจรรยาบรรณของผู้รู้ได้ถึงขนาดนี้  
แล้วพี่น้องอะฮ์ลุสสุนนะฮ์ระดับสามัญจะเข้าใจผิดความหมายของคำอะฮ์ลุลบัยต์นบีได้ถึงขนาดไหน

เพราะฉะนั้นจึงไม่แปลกที่เห็นพี่น้องอะฮ์ลุสสุสนนะฮ์ ทำได้เพียงแค่พูดว่า  เรารักอะฮ์ลุลบัยต์
ทั้งๆที่ท่านนบี(ศ)สั่งให้ปฏิบัติตามพวกเขา ไม่แค่บอกว่า รัก  
  •  

L-umar

สิ่งที่ถูกบิดเบือนอย่างไม่ถูกต้องอีกประการหนึ่งในเศาะหิ๊หฺมุสลิมคือเรื่อง  


จำนวนอะฮ์ลุลบัยต์ของท่านนบี ที่ถูกห้ามรับซอดะเกาะฮ์


ขอให้ท่านอ่านวรรคนี้อีกครั้ง

وَلَكِنْ أَهْلُ بَيْتِهِ مَنْ حُرِمَ الصَّدَقَةَ بَعْدَهُ. قَالَ وَمَنْ هُمْ ؟

หากแต่อะฮ์ลุลบัยต์ของท่านนบีนั้นถูกห้ามรับซะกาตต่อจากนบี

قَالَ وَمَنْ هُمْ
ฮุศอยน์ถามว่า แล้วมีใครบ้าง ?


قَالَ هُمْ آلُ عَلِىٍّ وَآلُ عَقِيلٍ وَآلُ جَعْفَرٍ وَآلُ عَبَّاسٍ .

เขา(เซด)กล่าวตอบว่า : พวกเขาคือ

1.   อาลิ อาลี (วงศ์วานของอาลี)

2.   อาลิ อะกี้ล (วงศ์วานของอะกีล)  

3.   อาลิ ญะอ์ฟัร (วงศ์วานของญะอ์ฟัร)

4.   อาลิ อับบาส (วงศ์วานของอับบาส)


قَالَ كُلُّ هَؤُلاَءِ حُرِمَ الصَّدَقَةَ  ؟   قَالَ نَعَمْ.

ฮุศอยน์ถามว่า  : คนเหล่านี้ถูกห้ามรับซะกาตอย่างนั้นหรือ ?
เขา(เซด)ตอบว่า : ถูกต้องแล้ว "  


วิจารณ์  

รายงานนี้ไม่ถูกต้อง    ทำไม ???


เพราะ  ตระกูลอัลมุฏฏ่อลิบ(بنو المطلب) ก็ห้ามรับซอดะเกาะฮ์ด้วยเช่นกัน

ดังรายงานที่ท่านรอซูล(ศ)กล่าวว่า

إِنَّمَا بَنُو هَاشِمٍ وَالْمُطَّلِبِ شَىْءٌ وَاحِدٌ  

แท้จริงตระกูลฮาชิมและตระกูลมุฏฏ่อลิบนั้นคือตระกูลเดียวกัน

ดูสุนันบัยฮะกี  หะดีษที่ 2974


แต่หะดีษในเศาะหิ๊หฺมุสลิมกลับไม่กล่าวถึงตระกูลอัลมุฏฏ่อลิบว่าห้ามรับซะดะเกาะฮ์ด้วย

เราจะชี้แจงละเอียดเรื่องนี้ในคราวต่อไป
  •  

L-umar

สิ่งที่น่าแปลกคือ  


« หะดีษษะเกาะลัยน์ กับ หะดีษมันกุนตุเมาลาฮุ ฟะอะลียุนเมาลาฮุ »



นั้นเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันและเวลาเดียวกัน อีกทั้งยังเป็นคุตบะฮ์เดียวกันที่ท่านรอซูล(ศ)ได้ปราศรัยต่อหน้าซอฮาบะฮ์ที่ Ф เฆาะดีรคุม Ф ในวันที่  18  เดือนซุลฮิจญะฮ์  ฮ.ศ.ที่ 10 หลังกลับจากการประกอบพิธีฮัจญะตุลวิดาอ์


แต่เรากลับพบว่าหะดีษในเศาะหิ๊หฺมุสลิม กล่าวถึงแต่ « หะดีษษะเกาะลัยน์ » เท่านั้น

ส่วน « หะดีษมันกุนตุเมาลาฮุ ฟะอะลียุนเมาลาฮุ » กลับถูกตัดออกไป


ซึ่งถือได้ว่า บรรพบุรุษของอะฮ์ลุสสุนนะฮ์ใช้กลเม็ดแพรวพราวจัดวางไว้สำหรับลูกหลานเหลนโหลนของเขาในอนาคตที่จะเอามาต่อกรกับชีอะฮ์ด้วยคำถามที่ว่า  


ทำไม « หะดีษมันกุนตุเมาลาฮุ ฟะอะลียุนเมาลาฮ์ »  จึงไม่ถูกบันทึกอยู่ในเศาะหิ๊หฺบุคอรีและเศาะหิ๊หฺมุสลิม ?


ก็อย่างที่เรียนให้ท่านทราบไปแต่ต้นว่า  บรรดาอุละมาอ์ซุนนี่เองก็กล่าวว่า หะดีษเศาะหิ๊หฺที่อยู่นอกตำราเศาะหิ๊หฺบุคอรีและเศาะหิ๊หฺมุสลิมนั้นยังมีอีกมากมาย  ที่ท่านเชคทั้งสองมิได้บันทึกไว้ในตำราของเขาทั้งสอง  เช่น


อัลฮากิม อันนัยซาบูรี ( ฮ.ศ.321-405 ) บันทึกว่า



أَخْبَرَنِيْ مُحَمَّدُ بْنُ عَلِيٍّ الشَّيْبَانِىُّ بِالْكُوفَةِ ، ثَنَا أَحْمَدُ بْنُ حَازِمٍ الْغِفَارِىُّ ، ثَنَا أَبُو نُعَيْمٍ ، ثَنَا كَامِلٌ أَبُو الْعَلَاءِ ، قاَلَ : سَمِعْتُ حَبِيبَ بْنَ أَبِي ثَابِتٍ يُخْبِرُ ، عَنْ يَحْيَى بْنِ جَعْدَةَ ، عَنْ زَيْدِ بْنِ أَرْقَمَ رَضِىَ اللَّهُ عَنْهُ قاَلَ :
خَرَجْناَ مَعَ رَسُولِ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ حَتَّى انْتَهَيْنَا غَدِيرِ خُمٍّ فَأَمَرَ بِدَوْح ، فَكُسِحَ فِي يَوْمِ ما أتى عَلَيْناَ يَوْم كاَنَ أَشَدُّ حَراًّ منه فَحَمِدَ اللهَ وَأَثْنَى عَلَيْهِ وَقَالَ : « يَا أَيُّهَا النَّاسُ ، إِنَّهُ لَمْ يُبْعَثْ نَبِيٌّ قَطُّ إِلاَّ ماَ عاَشَ نِصْف ماَ عاَشَ الَّذِيْ كاَنَ قَبْلَهُ ، وَ إِنِّي أُوشِكُ أَنْ أُدْعَى فَأُجِيبَ ، وَإِنِّي تَارِكٌ فِيكُمْ ماَ لَنْ تَضِلُّوا بَعْدَهُ كِتَابَ اللَّهِ عَزَّ وَجَلَّ » ، ثُمَّ قاَمَ فَأَخَذَ بِيَدِ عَلِيٍّ رَضِيَ اللهُ عَنْهُ فَقاَلَ :
« يَا أَيُّهَا النَّاسُ ، مَنْ أَوْلَى بِكُمْ مِنْ أَنْفُسِكُمْ ؟ » قاَلُوْا : اللَّهُ وَرَسُولُهُ أَعْلَمُ ، « أَلَسْتُ أَوْلَى بِكُمْ مِنْ أَنْفُسِكُمْ ؟ » قاَلُوْا : بَلَى ، قاَلَ : « مَنْ كُنْتُ مَوْلَاهُ فَعَلِيٌّ مَوْلَاهُ »

« هَذَا حَدِيْثٌ صَحِيْحُ الْإِسْناَدِ ، وَلَمْ يُخْرِجاَهُ »
المستدرك على الصحيحين للحاكم  ج 14  ص 375  ح 6333


มุฮัมมัด บินอะลี อัชชัยบานีเล่าให้ฉันฟังที่เมืองกูฟะฮ์    อะหมัด บินหาซิม อัลฆิฟารีเล่าให้เราฟัง  อบูนุอัยม์เล่าให้เราฟัง   กามิล อบุลอะลาอ์เล่าให้เราฟัง เขากล่าวว่า ฉันได้ยินหะบีบ บินอบีษาบิตเล่าว่า จากยะห์ยา บินญะอ์ดะฮ์  จากท่านเซดบินอัรกอม (ร..ฎ.)เล่าว่า :


พวกเราได้ออกมาพร้อมกับท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ) จนกระทั่งเราได้มาถึงยังที่เฆาะดีรคุม  ท่าน(รอซูล)สั่งให้(แวะพัก)ตรงพุ่มไม้ แล้วถูกปัดกวาดในวันที่ ได้มาถึงพวกเรา  วันนั้นอากาศร้อนจัดที่สุดกว่าวันอื่น
ท่าน(รอซูล)ได้กล่าวสรรเสริญอัลลอฮ์และขอบคุณต่อพระองค์และท่านกล่าวว่า

โอ้ประชาชนทั้งหลาย ! แท้จริงไม่เคยมีศาสดาคนใดถูกส่งมา เว้นแต่เขาจะมีชีวิตอยู่ได้ครึ่งหนึ่งของศาสดาที่เคยอยู่มาก่อนหน้าเขา  
และแท้จริงฉันใกล้จะถูกเรียกกลับแล้วและฉันก็ตอบรับแล้ว  และแท้จริงฉันได้ทิ้งไว้ในหมู่พวกท่าน สิ่งที่พวกท่านจะไม่หลงทางอย่างเด็ดขาดหลังจากเขา คือคัมภีร์ของอัลลอฮ์ อัซซะวะญัล

ต่อจากนั้นท่าน(รอซูล)ได้ลุกขึ้นแล้วจับมือท่านอะลี(ชูขึ้น) แล้วถามว่า

โอ้ประชาชนทั้งหลาย !  บุคคลใด คือผู้ที่ใกล้ชิดต่อพวกท่านที่สุดมากกว่าตัวของพวกท่านเอง ?

พวกเขากล่าวว่า   อัลเลาะฮ์และรอซูลของพระองค์ที่รู้ดีที่สุด

ตัวฉัน " เอาลา - اَوْلَي "  เป็นผู้ใกล้ชิดกับพวกท่านยิ่งกว่าตัวของพวกท่านเองใช่ไหม ?  

พวกเขา(ซอฮาบะฮ์)ตอบว่า  ใช่ขอรับ (ขอยืนยัน)

ท่าน(รอซูล)จึงกล่าวว่า   ผู้ใดที่ฉันคือ « เมาลาของเขา »  อะลีก็คือ « เมาลาของเขา »


( อัลฮากิมกล่าวว่า )   หะดีษนี้ มีสายรายงานถูกต้อง  และท่านเชคทั้งสอง(บุคอรีและมุสลิม)มิได้นำมันออกรายงาน

ดูหนังสืออัล

มุสตัดร็อก อะลัซ ซ่อฮีฮัยนิ โดยอัลฮากิม  เล่ม 14 : 375 หะดีษ 6333




مُحَمَّد بن عَبْد الله بن مُحَمَّد النيسابوري أبو عَبْد الله

มุฮัมมัด บินอับดุลลอฮ์ บินมุฮัมมัด อันนัยซาบูรี อบูอับดุลลอฮ์


เกิดฮ.ศ. 321 มรณะ 405  เป็นอิหม่าม ฮาฟิซกุรอ่าน  นักวิจารณ์หะดีษ ชัยคุลมุหัดดิษ  สังกัดมัซฮับชาฟิอีผู้นี้ได้รวบรวมหะดีษตามเงื่อนไขของเชคบุคอรีและมุสลิม  และให้การรับรองว่า หะดีษบทนี้ ถูกต้อง
  •  

L-umar


การรับรองว่า เป็นหะดีษเศาะหิ๊หิของอัลฮากิมยังไม่พอสำหรับพิสูจน์อีกต่อไป


เพราะ  นักวิชาการซุนนี่  ได้จับลำดับ  มุหัดดิษของพวกเขาเอาไว้ สามระดับดังนี้


หนึ่ง -   มุตะชัดดิด   คือผู้ที่เข้มงวดต่อการตรวจทานสายรายงานหะดีษ

สอง -  มุตะวัซซิฏ   คือ  ผู้ที่อยู่ในระดับปานกลางไม่เข้มเกินและไม่ชุ่ยเกินไป


สาม -  มุตะซาฮิล  -   คือผู้ที่ชุ่ยหรือมักง่ายในการตรวจทานสายรายงานหะดีษ



สิ่งสำคัญคือ  นักวิชาการซุนนี่ได้เอาอัลฮากิม อันนัยซาบูรีไปวางอยู่ในระดับท้ายตารางคือ   มุตะซาฮิล

ดังนั้น  การที่ชีอะฮ์จะอ้างอิงว่า หะดีษดังกล่าว  เศาะหิ๊หฺ ในยุคนี้  คงต้องพบกับคำตอบว่า อัลฮากิม มุตะซาฮิล




คำถามคือ


อัซ-ซะฮะบีมีทัศนะอย่างไรกับหะดีษในอัลมุสตัดร็อก หะดีษที่ 6333 นี้  กล่าวคือท่านรับรองว่า   เศาะหิ๊หฺ  หรือ ดออีฟ  ?



เรามาดูคำตอบไปพร้อมกัน


อัลมุสตัดร็อก  ฉบับที่ท่านซะฮะบีตรวจทาน บันทึกว่า


أَخْبَرَنِيْ مُحَمَّدُ بْنُ عَلِيٍّ الشَّيْبَانِىُّ بِالْكُوفَةِ ، ثَنَا أَحْمَدُ بْنُ حَازِمٍ الْغِفَارِىُّ ، ثَنَا أَبُو نُعَيْمٍ ، ثَنَا كَامِلٌ أَبُو الْعَلَاءِ ، قاَلَ : سَمِعْتُ حَبِيبَ بْنَ أَبِي ثَابِتٍ يُخْبِرُ ، عَنْ يَحْيَى بْنِ جَعْدَةَ ، عَنْ زَيْدِ بْنِ أَرْقَمَ رَضِىَ اللَّهُ عَنْهُ قاَلَ :

خَرَجْناَ مَعَ رَسُولِ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ حَتَّى انْتَهَيْنَا غَدِيرِ خُمٍّ فَأَمَرَ بِدَوْح ، فَكُسِحَ فِي يَوْمِ ما أتى عَلَيْناَ يَوْم كاَنَ أَشَدُّ حَراًّ منه فَحَمِدَ اللهَ وَأَثْنَى عَلَيْهِ وَقَالَ : « يَا أَيُّهَا النَّاسُ ، إِنَّهُ لَمْ يُبْعَثْ نَبِيٌّ قَطُّ إِلاَّ ماَ عاَشَ نِصْف ماَ عاَشَ الَّذِيْ كاَنَ قَبْلَهُ ، وَ إِنِّي أُوشِكُ أَنْ أُدْعَى فَأُجِيبَ ، وَإِنِّي تَارِكٌ فِيكُمْ ماَ لَنْ تَضِلُّوا بَعْدَهُ كِتَابَ اللَّهِ عَزَّ وَجَلَّ » ، ثُمَّ قاَمَ فَأَخَذَ بِيَدِ عَلِيٍّ رَضِيَ اللهُ عَنْهُ فَقاَلَ :
« يَا أَيُّهَا النَّاسُ ، مَنْ أَوْلَى بِكُمْ مِنْ أَنْفُسِكُمْ ؟ » قاَلُوْا : اللَّهُ وَرَسُولُهُ أَعْلَمُ ، « أَلَسْتُ أَوْلَى بِكُمْ مِنْ أَنْفُسِكُمْ ؟ » قاَلُوْا : بَلَى ، قاَلَ : « مَنْ كُنْتُ مَوْلَاهُ فَعَلِيٌّ مَوْلَاهُ »

هَذَا حَدِيْثٌ صَحِيْحُ الْإِسْناَدِ ، وَلَمْ يُخْرِجاَهُ

تعليق الذهبي قي التلخيص : صحيح
المستدرك بتعليق الذهبي   ج 3 ص 613  ح 6272

มุฮัมมัด บินอะลี อัชชัยบานีเล่าให้ฉันฟังที่เมืองกูฟะฮ์    อะหมัด บินหาซิม อัลฆิฟารีเล่าให้เราฟัง  อบูนุอัยม์เล่าให้เราฟัง   กามิล อบุลอะลาอ์เล่าให้เราฟัง เขากล่าวว่า ฉันได้ยินหะบีบ บินอบีษาบิตเล่าว่า จากยะห์ยา บินญะอ์ดะฮ์  จากท่านเซดบินอัรกอม (ร..ฎ.)เล่าว่า :

พวกเราได้ออกมาพร้อมกับท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ) จนกระทั่งเราได้มาถึงยังที่เฆาะดีรคุม  ท่าน(รอซูล)สั่งให้(แวะพักตรงพุ่มไม้) แล้วถูกปัดกวาดในวันที่ ได้มาถึงพวกเรา  วันนั้นอากาศร้อนจัดที่สุดกว่าวันอื่น
ท่าน(รอซูล)ได้กล่าวสรรเสริญอัลลอฮ์และขอบคุณต่อพระองค์และท่านกล่าวว่า

โอ้ประชาชนทั้งหลาย ! แท้จริงไม่เคยมีศาสดาคนใดถูกส่งมา เว้นแต่เขาจะมีชีวิตอยู่ได้ครึ่งหนึ่งของศาสดาที่เคยอยู่มาก่อนหน้าเขา  
และแท้จริงฉันใกล้จะถูกเรียกกลับแล้วและฉันก็ตอบรับแล้ว  และแท้จริงฉันได้ทิ้งไว้ในหมู่พวกท่าน สิ่งที่พวกท่านจะไม่หลงทางอย่างเด็ดขาดหลังจากเขา คือคัมภีร์ของอัลลอฮ์ อัซซะวะญัล
ต่อจากนั้นท่าน(รอซูล)ได้ลุกขึ้นแล้วจับมือท่านอะลี(ชูขึ้น) แล้วถามว่า
โอ้ประชาชนทั้งหลาย !  บุคคลใด คือผู้ที่ใกล้ชิดต่อพวกท่านที่สุดมากกว่าตัวของพวกท่านเอง ?
พวกเขากล่าวว่า   อัลเลาะฮ์และรอซูลของพระองค์ที่รู้ดีที่สุด
ตัวฉัน " เอาลา - اَوْلَي "  เป็นผู้ใกล้ชิดกับพวกท่านยิ่งกว่าตัวของพวกท่านเองใช่ไหม ?  
พวกเขา(ซอฮาบะฮ์)ตอบว่า  ใช่ขอรับ (ขอยืนยัน)

ท่าน(รอซูล)จึงกล่าวว่า   ผู้ใดที่ฉันคือ « เมาลาของเขา »  อะลีก็คือ « เมาลาของเขา »

( อัลฮากิมกล่าวว่า )   หะดีษนี้ มีสายรายงานถูกต้อง  และท่านเชคทั้งสอง(บุคอรีและมุสลิม)มิได้นำมันออกรายงาน

อัซซะฮะบี กล่าวในอัต ตัลคีซว่า   :  เศาะหิ๊หฺ

ดูหนังสืออัลมุสตัดร็อก   เล่ม 3 : 613 หะดีษ 6272  ฉบับตรวจทานโดยอัซ-ซะฮะบี


วิจารณ์ ▼

หะดีษบทนี้ท่านซะฮะบีได้ตรวจสอบสายรายงานและรับรองว่า > สะนัดเศาะหิ๊หฺ



ถ้าท่านสังเกตดีๆจะพบว่า  

หะดีษนี้กล่าวถึง۞  หะดีษษะเกาะลัยน์ขาดไปอย่างหนึ่ง

คือคำว่า → อะฮ์ลุลบัยต์ของฉัน ←ไม่มีปรากฏในหะดีษนี้

ส่วน > ۞ หะดีษมันกุนตุเมาลาฮุ ฟะอะลียุนเมาลาฮุ   ถูกกล่าวเอาไว้



เราไม่ทราบว่า  


ระหว่างท่านมุสลิม บินฮัจญ๊าจญ์เจ้าของเศาะหิ๊หฺมุสลิม กับ

ท่านอัลฮากิมเจ้าของอัลมุสตัดร็อก  เล่นอะไรกัน  !!!

ท่านมุสลิมบินฮัจญ๊าจญ์กล่าวถึงหะดีษษะเกาะลัยน์ที่เฆาะดีรคุม ในวันที่  18  เดือนซุลฮิจญะฮ์  ฮ.ศ.ที่ 10  
ส่วน
ท่านฮากิม อันนัยซาบูรีก็กล่าวถึงหะดีษมันกุนตุเมาลาฮุ ฟะอะลียุนเมาลาฮุที่เฆาะดีรคุม ในวันที่  18  เดือนซุลฮิจญะฮ์  ฮ.ศ.ที่ 10

วันเดียวกัน สถานที่เดียวกัน  คนปราศรัยคือรอซูลุลลอฮ์ ที่ชื่อ มุฮัมมัด (ศ)

แต่คนถ่ายทอดหะดีษกลับรายงานเอาไว้อย่างขาดๆเกินๆ  


หากเป็นวันเดียวกัน แต่คนละปี หรือปีเดียวกันแต่คนละวัน ก็ว่าไปอย่าง  

แต่ทั้งหะดีษษะเกาะลัยน์กับหะดีษมันกุนตุเมาลาฮุ ฟะอะลียุนเมาลาฮุ คือสิ่งที่ท่านรอซูล(ศ)ได้ปราศรัยในวันเวลาเดียวกัน และที่สำคัญคือสถานที่เดียวกันด้วย


สรุปทั้งสองคือหะดีษเดียวกันที่ออกจากปากของท่านศาสดามุฮัมมัด(ศ)ที่เฆาะดีรคุม


แต่ที่มันต้องถูกแยกออกจากกัน  เพราะ มันเป็นอันตรายสำหรับอะฮ์ลุสสุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ทั้งในอดีตและอนาคตนั่นเอง

เพราะฉะนั้น  จะยอมให้หะดีษษะเกาะลัยน์ถูกบันทึกไว้ในเศาะหิ๊หฺมุสลิมได้
แต่จะยอมให้หะดีษมันกุนตุเมาลาฮุ ฟะอะลียุนเมาลาฮุ ถูกบันทึกอยู่ในตำราเศาะหิ๊หฺทั้งสองไม่ได้อย่างเด็ดขาด เพราะมันอันตรายเกินไป
  •  

L-umar



เนื่องจากหะดีษมันกุนตุเมาลาฮุ ฟะอะลียุนเมาลาฮุ


ก็เป็นหะดีษที่ท่านรอซูล(ศ)กล่าวไว้จริง ครั้นพวกเขาจะตัดทิ้งไปเลยก็กะไรอยู่  พวกเขาจึงนำหะดีษมันกุนตุเมาลาฮุ ฟะอะลียุนเมาลาฮุนี้ไปใส่ไว้ในตำราหะดีษของพวกเขา ในระดับที่ไม่มีคำรับรองว่าเศาะหิ๊หฺในยุคนั้นๆ  อาทิเช่น ตำราสุนัน  ตำรามุสนัด  หรือตำรามุอ์ญัม เป็นต้น


ท่านลองคิดสิว่า พวกเขาได้วางแนวทางป้องกันมัซฮับอะฮ์ลุสสุนนะฮ์ของเขาไว้อย่างไร


หากท่านบอกกับพี่น้องซุนนี่ว่า  

ท่านรอซูล(ศ)ได้แต่งตั้งท่านอะลีเป็นเมาลา คือเป็นผู้ดูแลรับผิดชอบหน้าที่การปกครองมุสลิมไว้แล้วที่เฆาะดีรคุม  พร้อมกับยกหลักฐานหะดีษให้เขาฟังว่า มีอุละมาอ์ซุนนี่ชื่อ


ท่านฏ็อบรอนี (ฮ.ศ.260- 360)บันทึกว่า


حَدَّثَنَا عَلِىُّ بْنُ عَبْدِ الْعَزِيزِ ثَنَا أَبُو نُعَيْمٍ ثَنَا كَامِلٌ أَبُو الْعَلَاءِ قاَلَ سَمِعْتُ حَبِيبَ بْنَ أَبِي ثَابِتٍ يُحَدِّثُ عَنْ يَحْيَى بْنِ جَعْدَةَ ، عَنْ زَيْدِ بْنِ أَرْقَمَ قاَلَ :
خَرَجْناَ مَعَ رَسُولِ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ حَتَّى انْتَهَيْنَا غَدِيرِ خُمٍّ فَأَمَرَ بِدَوْح ، فَكُسِحَ فِي يَوْمِ ما أتى عَلَيْناَ يَوْم كاَنَ أَشَدُّ حَراًّ منه فَحَمِدَ اللهَ وَأَثْنَى عَلَيْهِ وَقَالَ : « يَا أَيُّهَا النَّاسُ ، إِنَّهُ لَمْ يُبْعَثْ نَبِيٌّ قَطُّ إِلاَّ ماَ عاَشَ نِصْف ماَ عاَشَ الَّذِيْ كاَنَ قَبْلَهُ ، وَ إِنِّي أُوشِكُ أَنْ أُدْعَى فَأُجِيبَ ، وَإِنِّي تَارِكٌ فِيكُمْ ماَ لَنْ تَضِلُّوا بَعْدَهُ كِتَابَ اللَّهِ  » ، ثُمَّ قاَمَ فَأَخَذَ بِيَدِ عَلِيٍّ رَضِيَ اللهُ عَنْهُ فَقاَلَ :
« يَا أَيُّهَا النَّاسُ ، مَنْ أَوْلَى بِكُمْ مِنْ أَنْفُسِكُمْ ؟ » قاَلُوْا : اللَّهُ وَرَسُولُهُ أَعْلَمُ ،
قاَلَ : « مَنْ كُنْتُ مَوْلَاهُ فَعَلِيٌّ مَوْلَاهُ »
المعجم الكبير للطبراني   ج 5  ص 171 ح 4986


อะลี บินอับดุลอะซีซเล่าให้เราฟัง   อบูนุอัยม์เล่าให้เราฟัง   กามิล อบุลอะลาอ์เล่าให้เราฟัง เขากล่าวว่า ฉันได้ยินหะบีบ บินอบีษาบิตเล่าให้ฟัง  จากยะห์ยา บินญะอ์ดะฮ์  จากท่านเซดบินอัรกอมเล่าว่า :

พวกเราได้ออกมาพร้อมกับท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ) จนกระทั่งเราได้มาถึงยังที่เฆาะดีรคุม  ท่าน(รอซูล)สั่งให้(แวะพัก)ตรงพุ่มไม้ แล้วถูกปัดกวาดในวันที่ ได้มาถึงพวกเรา  วันนั้นอากาศร้อนจัดที่สุดกว่าวันอื่น

ท่าน(รอซูล)ได้กล่าวสรรเสริญอัลลอฮ์และขอบคุณต่อพระองค์และท่านกล่าวว่า

โอ้ประชาชนทั้งหลาย ! แท้จริงไม่เคยมีศาสดาคนใดถูกส่งมา เว้นแต่เขาจะมีชีวิตอยู่ได้ครึ่งหนึ่งของศาสดาที่เคยอยู่มาก่อนหน้าเขา  

และแท้จริงฉันใกล้จะถูกเรียกกลับแล้วและฉันก็ตอบรับแล้ว  

และแท้จริงฉันได้ทิ้งไว้ในหมู่พวกท่าน สิ่งที่พวกท่านจะไม่หลงทางอย่างเด็ดขาดหลังจากเขา คือคัมภีร์ของอัลลอฮ์  

ต่อจากนั้นท่าน(รอซูล)ได้ลุกขึ้นแล้วจับมือท่านอะลี(ชูขึ้น) แล้วถามว่า

โอ้ประชาชนทั้งหลาย !  บุคคลใด คือผู้ที่ใกล้ชิดต่อพวกท่านที่สุดมากกว่าตัวของพวกท่านเอง ?

พวกเขากล่าวว่า   อัลเลาะฮ์และรอซูลของพระองค์ที่รู้ดีที่สุด

ท่าน(รอซูล)จึงกล่าวว่า   ผู้ใดที่ฉันคือ « เมาลาของเขา »  อะลีก็คือ « เมาลาของเขา »


ดูหนังสือ

อัลมุอ์ญัม กะบีร โดยอัฏฏ็อบรอนี  เล่ม 5 : 171 หะดีษ 4986




วิจารณ์

หลังจากท่านอ่านหะดีษนี้จบ ก็จะเจอซุนนี่ถามทันทีว่า


1.   หะดีษที่ท่านฏอบรอนีรายงานนี้   สะนัดเชื่อถือได้จริงหรือ

2.   หากท่านพิสูจน์สายรายงานหะดีษนี้ได้ว่า เศาะหิ๊หฺ ซึ่งท่านก็แทบแย่แล้ว ซุนนี่จะถามต่อว่า เมาลา แปลว่า คนรัก  หรือผู้ช่วยเหลือนะ ไม่ใช่แปลว่า ผู้ปกครอง

3.   พอท่านพิสูจน์ว่า การแปลอันเหมาะสมที่สุดสำหรับคำเมาลา ในสถานการณ์ที่เฆาะดีรคุมวันนั้นน่าจะแปลว่า ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแลรับผิดชอบหน้าที่ต่อจากท่านรอซูล(ศ)   ซุนนี่ก็จะถามทำไม ไม่เห็นมีหะดีษนี้บันทึกอยู่ในเศาะหิ๊หฺบุคอรีหรือเศาะหิ๊หฺมุสลิมเลยสักบทหนึ่ง  เราจะได้เชื่อมั่นได้ว่ามันผ่านการกรองความปลอดภัยแล้วจากท่านเชคทั้งสอง




คำโต้แย้งและคำอ้างของพี่น้องซุนนี่แบบนี้  ต้องทำให้ท่านเสียเวลาไปอย่างมากมาย เพื่อพิสูจน์ความชอบธรรมของท่านอะลีในตำแหน่งคอลีฟะฮ์


ท่านทราบไหมว่า


ท้ายที่สุดแล้วพวกเขาจะบอกกับท่านว่าอย่างไร เพื่อเบี่ยงเบนประเด็นนี้  กล่าวคือ


พี่น้องซุนนี่จะบอกกับท่านในเรื่องนี้ว่า


1.   อย่างไรก็ตาม ท่านอะลีก็ได้เป็นคอลีฟะฮ์ที่สี่นะ แล้วชีอะฮ์จะมาเอาอะไรกันอีก
2.   อย่าไปพูดเรื่องที่ผ่านมาถึงพันสี่ร้อยปีแล้วเลยนะ
3.   อย่าไปวิพากษ์วิจารณ์ซอฮาบะฮ์เลยนะ
4.   จะไปขุดคุ้ยเรื่องความขัดแย้งของซอฮาบะฮ์ขึ้นมาทำไมอีก
5.   หะดีษที่พวกชีอะฮ์ยกมาอ้าง  โกหกทั้งเพ


ผมว่า  เราน่าจัดให้คนพวกนี้  อยู่ในระดับ มุตะซาฮิล กับศาสนาอิสลามดีไหมเอ่ย

นี่แหล่ะที่เราเรียกว่า   วิธีตัดตอนหะดีษวะซียัตของท่านนบี(ศ)   ดังที่อัลเลาะฮ์ตะอาลาตรัสว่า

يُحَرِّفُونَ الْكَلِمَ عَنْ مَوَاضِعِهِ وَنَسُوا حَظًّا مِمَّا ذُكِّرُوا بِهِ وَلَا تَزَالُ تَطَّلِعُ عَلَى خَائِنَةٍ مِنْهُمْ

พวกเขากระทำการบิดเบือน บรรดาถ้อยคำให้เฉออกจากตำแหน่งของมัน  และลืมส่วนหนึ่งจากสิ่งที่พวกเขาถูกเตือนไว้   และเจ้าก็ยังคงมองเห็นอยู่ต่อการคดโกงจากพวกเขา  


บท 5 : 13
  •  

L-umar



อัลเลาะฮ์ ตะอาลาทรงตรัสว่า


وَمَنْ أَظْلَمُ مِمَّنْ كَتَمَ شَهَادَةً عِنْدَهُ مِنَ اللَّهِ وَمَا اللَّهُ بِغَافِلٍ عَمَّا تَعْمَلُونَ

แล้วผู้ใดจะซอเล่ม(อธรรม)ยิ่งไปกว่าผู้ที่ปิดบังหลักฐานจากอัลลอฮ์ ซึ่งมีอยู่ที่เขา และอัลลอฮ์นั้นจะไม่ทรงละเลยในสิ่งที่พวกเจ้ากระทำกันอยู่

บท 2 : 140

ท่านรอซูล(ศ) กล่าวว่า

فَمَنْ كَتَمَ حَدِيثًا فَقَدْ كَتَمَ مَا أَنْزَلَ اللَّهُ

ผู้ใดปิดบังหะดีษหนึ่งเอาไว้ เท่ากับเขาได้ปิดบังสิ่งที่อัลลอฮ์ได้ประทานลงมา

ดูสุนัน ติรมิซี หะดีษที่ 275  



กล่าวคือ

อุละมาอ์ซุนนี่พยายามแยกหะดีษษะเกาะลัยน์ ออกจากหะดีษมันกุนตุเมาลาฮุ ฟะอะลียุนเมาลาฮุ

เหมือนที่พวกเขาพยายามแยกคัมภีร์อัลกุรอ่าน ออกจากอะฮ์ลุลบัยต์  ทั้งๆที่ท่านรอซูล(ศ)กล่าวทั้งสองจะไม่แยกจากกันจนถึงวันกิยามัต  



ชาวไทยมีสุภาษิตหนึ่งว่า  " ช้างตายทั้งตัว  ใบบัวย่อมปิดไม่มิด "  


ชาวอิหร่านมีสุภาษิตว่า " ท้ายสุดของความมืดมิดคือความสว่าง "  



ท่านลองตั้งคำถามในใจว่า

หะดีษษะเกาะลัยน์กับหะดีษมันกุนตุเมาลาฮุ ฟะอะลียุนเมาลาฮุ ที่บันทึกอยู่ในบทเดียวกันมีไหม ???



ตอบ  มีครับ  


เราพบตำราฝ่ายอะฮ์ลุสสุนนะฮ์ที่รายงานหะดีษทั้งสองไว้ด้วยกัน ซึ่งทั้งสองหะดีษได้ถูกกล่าวเอาไว้ที่เฆาะดีรคุม ในวันที่ 18  เดือนซุลฮิจญะฮ์ ฮ.ศ. 10 หลังจากที่ท่านรอซูล(ศ)กลับจากหัจญะตุลวิดาอ์ ดังนี้


عَنْ أَبِي الطُّفَيْلِ رَضِيَ اللهُ عَنْهُ قَالَ :

لَمَّا دَفَعَ النَّبِيُّ صَلَّي اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّم مِنْ حَجَّةِ الْوِدَاعِ وَنَزَلَ غَدِيْرَ خُمٍّ أَمَرَ بِدَوْحَاتٍ فَقُمِمْنَ ثُمَّ قَالَ : كَأَنِّيْ دُعِيْتُ فَأَجِبْتُ
 
وَإِنِّيْ تَارِكٌ فِيْكُمُ الثَّقَلَيْنِ أَحَدَهُمَا أَكْبَرُ مِنَ الْآخَرِ : كِتَابُ اللهِ وَعِتْرَتِيْ أَهْلُ بَيْتِيْ

فَانْظُرُوْا كَيْفَ تُخْلِفُوْنِيْ فِيْهِمَا  فَإِنَّهُمَا لَنْ يَتَفَرَقَا حَتَّي يَرِدَا عَلَيَّ الْحَوْضَ    

ثُمَّ قَالَ : إِنَّ اللهَ مَوْلاَيَ وَأَنَا وَلِيُّ كُلِّ مُؤْمِنٍ  ثُمَّ إِنَّهُ أَخَذَ بِيَدِ عَلِيٍّ رَضِيَ اللهُ عَنْهُ فَقَالَ :

مَنْ كُنْتُ وَلِيَّهُ فَهَذَا وَلِيَّهُ  اللّهُمَّ وَالِ مَنْ وَالاَهُ وَعَادِ مَنْ عَادَاهُ

سِلْسِلَةُ الْأَحَادِيْثِ الصَّحِيْحَةِ    ج : 4 ص: 330  ح : 1750  

مُحَمَّد نَاصِرُ الدِّيْنِ الأَلْبَانِيّ  نَوْعُ الْحَدِيْثِ : صَحِيْح


ท่านอบู ตุเฟล (อามิร บินวาษิละฮ์) เล่าว่า :  

เมื่อท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)กลับจากการทำฮัจญะตุลวิดาอ์ ท่านได้แวะพักที่ เฆาะดีรคุม
ท่านสั่งให้(พักตรงบริเวณ)พุ่มไม้  แล้วสั่งให้กวาด(ลานให้สะอาด)  แล้วท่านได้ปราศัยว่า : ดูเหมือนว่าฉันถูกเรียก(กลับแล้ว) และฉันได้ตอบรับแล้ว

แท้จริงฉันได้มอบไว้แก่พวกท่านสิ่งหนักสองสิ่ง สิ่งแรกใหญ่กว่าอีกสิ่งหนึ่งคือ
1.   คัมภีร์ของอัลลอฮ์ และ
2.   อิตเราะตี คืออะฮ์ลุลบัยต์ของฉัน  

ดังนั้นพวกท่านจงดูเถิดว่า พวกท่านจะขัดแย้งกับฉันในสองสิ่งนี้อย่างไร เพราะแท้จริงสองสิ่งนี้จะไม่แยกจากกัน จนกว่าทั้งสองจะกลับมาหาฉันที่อัลเฮาฎ์(สระเกาษัร)

จากนั้นท่าน (รอซูล)ได้กล่าวว่า :

แท้จริงอัลลอฮ์ทรงเป็นผู้คุ้มครองของฉัน  และฉันเป็นผู้ปกครองของผู้ศรัทธาทุกคน  จากนั้นท่านนบีได้จับมือท่านอะลี(ชูขึ้นเหนือศรีษะ) แล้วกล่าวว่า :

บุคคลใดที่ฉันเป็นผู้ปกครองของเขา  ดังนั้นอะลีก็เป็นผู้ปกครองของเขา  

โอ้อัลลอฮ์โปรดรักผู้ที่เป็นมิตรต่อเขา และโปรดชิงชังผู้ที่เป็นศัตรูต่อเขา  


สถานะหะดีษ : เศาะหิ๊หฺ  

ดูซิลซิละตุลอะฮาดีษิซ-ซอฮีฮะฮ์ เล่ม 4 : 330  หะดีษที่ 1750  
ตรวจทานโดยเชคมุฮัมมัด  นาศิรุดดีน อัลบานี



ทีนี้ท่านลองเปรียบเทียบระหว่างหะดีษข้างต้น  กับหะดีษที่บันทึกอยู่ในเศาะหิ๊หฺมุสลิม


حَدَّثَنِى يَزِيدُ بْنُ حَيَّانَ قَالَ انْطَلَقْتُ أَنَا وَحُصَيْنُ بْنُ سَبْرَةَ وَعُمَرُ بْنُ مُسْلِمٍ إِلَى زَيْدِ بْنِ أَرْقَمَ فَلَمَّا جَلَسْنَا إِلَيْهِ قَالَ لَهُ حُصَيْنٌ لَقَدْ لَقِيتَ يَا زَيْدُ خَيْرًا كَثِيرًا رَأَيْتَ رَسُولَ اللَّهِ -صلى الله عليه وسلم- وَسَمِعْتَ حَدِيثَهُ وَغَزَوْتَ مَعَهُ وَصَلَّيْتَ خَلْفَهُ لَقَدْ لَقِيتَ يَا زَيْدُ خَيْرًا كَثِيرًا حَدِّثْنَا يَا زَيْدُ مَا سَمِعْتَ مِنْ رَسُولِ اللَّهِ -صلى الله عليه وسلم- - قَالَ - يَا ابْنَ أَخِى وَاللَّهِ لَقَدْ كَبِرَتْ سِنِّى وَقَدُمَ عَهْدِى وَنَسِيتُ بَعْضَ الَّذِى كُنْتُ أَعِى مِنْ رَسُولِ اللَّهِ -صلى الله عليه وسلم- فَمَا حَدَّثْتُكُمْ فَاقْبَلُوا وَمَا لاَ فَلاَ تُكَلِّفُونِيهِ.
ثُمَّ قَالَ قَامَ رَسُولُ اللَّهِ -صلى الله عليه وسلم- يَوْمًا فِينَا خَطِيبًا بِمَاءٍ يُدْعَى خُمًّا بَيْنَ مَكَّةَ وَالْمَدِينَةِ فَحَمِدَ اللَّهَ وَأَثْنَى عَلَيْهِ وَوَعَظَ وَذَكَّرَ ثُمَّ قَالَ « أَمَّا بَعْدُ أَلاَ أَيُّهَا النَّاسُ فَإِنَّمَا أَنَا بَشَرٌ يُوشِكُ أَنْ يَأْتِىَ رَسُولُ رَبِّى فَأُجِيبَ وَأَنَا تَارِكٌ فِيكُمْ ثَقَلَيْنِ أَوَّلُهُمَا كِتَابُ اللَّهِ فِيهِ الْهُدَى وَالنُّورُ فَخُذُوا بِكِتَابِ اللَّهِ وَاسْتَمْسِكُوا بِهِ ». فَحَثَّ عَلَى كِتَابِ اللَّهِ وَرَغَّبَ فِيهِ ثُمَّ قَالَ « وَأَهْلُ بَيْتِى أُذَكِّرُكُمُ اللَّهَ فِى أَهْلِ بَيْتِى أُذَكِّرُكُمُ اللَّهَ فِى أَهْلِ بَيْتِى أُذَكِّرُكُمُ اللَّهَ فِى أَهْلِ بَيْتِى ». فَقَالَ لَهُ حُصَيْنٌ وَمَنْ أَهْلُ بَيْتِهِ يَا زَيْدُ أَلَيْسَ نِسَاؤُهُ مِنْ أَهْلِ بَيْتِهِ قَالَ نِسَاؤُهُ مِنْ أَهْلِ بَيْتِهِ وَلَكِنْ أَهْلُ بَيْتِهِ مَنْ حُرِمَ الصَّدَقَةَ بَعْدَهُ. قَالَ وَمَنْ هُمْ قَالَ هُمْ آلُ عَلِىٍّ وَآلُ عَقِيلٍ وَآلُ جَعْفَرٍ وَآلُ عَبَّاسٍ . قَالَ كُلُّ هَؤُلاَءِ حُرِمَ الصَّدَقَةَ قَالَ نَعَمْ.

الكتاب : صحيح مسلم    ح : 4425
المؤلف : مسلم بن الحجاج أبو الحسين القشيري النيسابوري


ยะซีด อิบนุฮัยยาน รายงานว่า ฉันกับฮุศอยน์ อิบนุซับเราะห์ และอุมัร อิบนุมุสลิม ได้ไปหาท่านเซด อิบนุอัรกอม เมื่อพวกเราได้นั่งต่อต่อหน้าเขา,
ฮุศอยน์ก็ได้กล่าวแก่เขาว่า  โอ้ท่านเซดเอ๋ย ท่านได้พบกับความดีมากมาย โดยท่านได้เคยเห็นและเคยได้ยินเรื่องราวต่างๆท่านรอซูลุ้ลลอฮ์ ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม อีกทั้งท่านยังได้เคยร่วมสมรภูมิ และละหมาดตามหลังท่านรอซูลอีกด้วย
ท่านได้พบกับความดีอย่างมากมายโอ้ท่านเซดเอ๋ย ได้โปรดเล่าให้พวกเราฟังบ้างเกี่ยวเรื่องที่ท่านเคยได้ยินจากท่านรอซูล ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม  

เขา(เซดบินอัรกอม) กล่าวตอบว่า    


โอ้หลานเอ๋ย อายุฉันก็มากแล้ว วันเวลามันผ่านมาเนิ่นนานแล้ว และฉันก็ลืมไปบางเรื่องที่เคยจดจำจากท่านรอซูล ฉะนั้นสิ่งใดที่ฉันเล่าให้ฟังก็จงรับมันไว้   แต่สิ่งที่ไม่ได้เล่าให้ฟังก็อย่าได้อ้างถึงฉันในเรื่องนั้น  แล้วเขาก็กล่าวว่า :

ท่านรอซูลุ้ลลอฮ์ได้คุตบะห์แก่พวกเราในวันหนึ่งที่แหล่งน้ำซึ่งเรียกกันว่า
« คุมม์ » อยู่ระหว่างมักกะห์กับมะดีนะห์ ซึ่งท่านเริ่มต้นด้วยการกล่าวสรรเสริญอัลลอฮ์และขอบคุณต่อพระองค์ ท่านได้ตักเตือนและสั่งสอนพวกเรา หลังจากนั้นก็กล่าวว่า :

โอ้ประชาชนทั้งหลาย แท้จริงฉันก็คือปุถุชนคนหนึ่งเท่านั้น ใกล้เวลาเต็มทีที่ทูตแห่งองค์อภิบาลจะมายังฉันโดยฉันก็น้อมรับ  และ
۞ฉันได้ทิ้งสิ่งหนักสองสิ่งไว้ในหมู่พวกท่าน อย่างแรกคือคัมภีร์ของอัลลอฮ์ ที่มีทั้งทางนำและรัศมี พวกเจ้าทั้งหลายจงยึดคัมภีร์ไว้ให้มั่น โดยท่านรอซูลได้รณรงค์และส่งเสริมให้ยึดอัลกุรอาน
ต่อมาท่านได้กล่าวว่า อีกประการหนึ่งก็คือ : อะฮ์ลุลบัยต์ของฉัน ۞
ขอเตือนพวกท่านทั้งหลายให้ระลึกถึงอัลลอฮ์ เกี่ยวกับวงศ์วานของฉัน,
ขอเตือนพวกท่านทั้งหลายให้ระลึกถึงอัลลอฮ์ เกี่ยวกับวงศ์วานของฉัน,  
ขอเตือนพวกท่านทั้งหลายให้ระลึกถึงอัลลอฮ์ เกี่ยวกับวงศ์วานของฉัน,  

ฮุศอยน์ได้ถามท่านเซดว่า :
แล้วใครเล่าที่เป็นอะฮ์ลุลบัยต์ของท่านนบีโอ้ท่านเซดเอ๋ย บรรดาภรรยาของท่านนบีมิได้เป็นอะฮ์ลุลุบัยต์ของท่านนบีหรือ ?

เขา(เซด)ตอบว่า : บรรดาภรรยาของท่านนบีก็เป็นอะฮ์ลุลบัยต์ของท่านนบีด้วย  
หากแต่อะฮ์ลุลบัยต์ของท่านนบีนั้นถูกห้ามรับซะกาตต่อจากนบี

ฮุศอยน์ถามว่า แล้วมีใครบ้าง ?

เขา(เซด)กล่าวตอบว่า : พวกเขาคือ
1.   วงศ์วานของอาลี,
2.   วงศ์วานของอะกี้ล,
3.   วงศ์วานของญะอ์ฟัร และ
4.   วงศ์วานของอับบาส
ฮุศอยน์ถามว่า  : คนเหล่านี้ถูกห้ามรับซะกาตอย่างนั้นหรือ ?
เขา(เซด)ตอบว่า : ถูกต้องแล้ว "  



บันทึกโดยอิหม่ามมุสลิม ฮะดีษเลขที่ 4425


เมื่อท่านอ่านแล้ว

คงเห็นความแตกต่างได้อย่างชัดเจนนะครับ ระหว่าง
หะดีษที่ท่านอบูตุเฟลเล่า กับหะดีษที่ท่านเซดบินอัรกอมเล่า

และท่านคงเข้าใจแล้วสินะว่า   ทำไมนักวิชาการซุนนี่จึงไม่ยอมบันทึกหะดีษของท่านอบูตุเฟลเล่าไว้ในตำราเศาะหิ๊หฺ

แต่อุละมาอ์ซุนนี่ยอมบันทึกหะดีษที่ท่านเซดบินอัรกอมเล่าไว้ในเศาะหิ๊หฺมุสลิม


เหตุเดียวที่สำคัญที่สุดคือ   มันอันตรายเกินไปสำหรับอะฮ์ลุสสุนนะฮ์ในอนาคต

และมันจะกลายเป็นประโยชน์สำหรับชีอะฮ์  
  •  

L-umar

เรียนให้ท่านผู้อ่านทราบ

กระทู้นี้ยังไม่จบ  นะครับ


แต่ขออนุญาตินำเสนอเหตุการณ์ในช่วงเดือน ซุลฮิจญะฮ์ ให้เสร็จ ก่อน และทางเวบมาสเตอร์จะกลับมาลงข้อมูลกระทู้นี้ให้ท่านอ่านต่อ


วัสสลาม
  •  


12 ผู้มาเยือน, 0 ผู้ใช้