Welcome to Q4wahabi.com (Question for Wahabi). Please login or sign up.

ธันวาคม 22, 2024, 08:17:50 หลังเที่ยง

Login with username, password and session length
สมาชิก
  • สมาชิกทั้งหมด: 1,718
  • Latest: Haroldsmolo
Stats
  • กระทู้ทั้งหมด: 3,703
  • หัวข้อทั้งหมด: 778
  • Online today: 102
  • Online ever: 200
  • (กันยายน 14, 2024, 01:02:03 ก่อนเที่ยง)
ผู้ใช้ออนไลน์
Users: 0
Guests: 39
Total: 39

จุดอ่อน (( ชีอะฮ์ )) คืออะไร ?

เริ่มโดย L-umar, มิถุนายน 30, 2009, 05:44:20 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

L-umar

จุดอ่อน ((   ชีอะฮ์   ))  คืออะไร  ?


หลายครั้งที่  มุสลิมที่หลั่งไหลเข้ามาศรัทธาในแนวทาง  ชีอะฮ์สิบสองอิหม่าม  ผู้ปฏิบัติตาม อะฮ์ลุลบัยต์นบี
ได้เรียนรู้เรื่องราวมากมาย ตั้งแต่เรื่องอุซูลุดดีน  เรื่องอะห์กาม  เรื่องอัคล๊าก  และอื่นๆ
จนเลยเถิดไปถึงเรื่อง ซิดเราะตุลมุนตะฮา  มีทั้งเรื่องที่อยู่บนบก  ในอากาศ  จนดำลึกลงไปถึงก้นบึ้งใต้มหาสมุทร


แต่เมื่อถูก  วาฮาบี  หรือ  อะชาอิเราะฮ์   ถาม คำถามง่ายๆ    พวกชีอะฮ์กลับให้คำตอบที่ถูกต้องตามหลักวิชาการไม่ได้   ซึ่งก็เป็นเรื่องน่าแปลก   เลยถูกพวกเขาเอาคำถามเหล่านั้นมาเป็นจุดอ่อนคอยไล่จี้อยู่ตลอดเวลา  เช่น



คำถามที่  หนึ่ง     ชีอะฮ์  เกิดขึ้นในสมัยใด  ?



เมื่อพวกชีอะฮ์ ถูกถามแบบนี้ ก็จะยกหะดีษ  ประเภทที่ใช้อ้างอิงเป็นหลักฐานไม่ได้  มาตอบกับพี่น้องซุนนี่ เช่น

وأخرج ابن عساكر عن جابر بن عبد الله قال : « كنا عند النبي صلى الله عليه وسلم فأقبل عليّ فقال النبي صلى الله عليه وسلم : » والذي نفسي بيده إن هذا وشيعته لهم الفائزون يوم القيامة ، ونزلت { إِنَّ الَّذِينَ آَمَنُوا وَعَمِلُوا الصَّالِحَاتِ أُولَئِكَ هُمْ خَيْرُ الْبَرِيَّةِ  }

الدر المنثور  للسيوطي  ج 10  ص 319  انظر سورة البينة  الآية 7

อิบนุ อะซากิร นำออกรายงาน  จาก ท่านญาบิร บินอับดุลเลาะฮ์เล่าว่า
พวกเราอยู่กับท่านนบี(ศ)  ทันใดนั้น  ท่านอะลีได้เข้ามาหา ท่านนบี(ศ)จึงกล่าวว่า   ขอสาบานต่อผู้ที่ชีวิตของฉันอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ว่า  แท้จริงชายผู้นี้กับชีอะฮ์ของเขา สำหรับพวกเขาคือ ผู้ที่จะประสบชัยชนะในวันกิยามะฮ์  และอายัตนี้ได้ประทานลงมา คือ
 ((  แท้จริงบรรดาผู้ศรัทธาและประกอบการงานที่ดีทั้งหลาย  พวกเขาเหล่านั้นคือ ผู้ที่ดีที่สุดบนหน้าแผ่นดิน  ))
ซูเราะฮ์ อัลบัยยินะฮ์   : 7

อ้างอิงจาก
ตัฟสีร อัดดุรรุล มันษูร  โดยสิยูตี  เล่ม  10  : 319  ดูซูเราะฮ์อัลบัยยินะฮ์  โองการที่ 7

หรือ

وأخرج ابن مردويه عن عليّ قال : قال لي رسول الله صلى الله عليه وسلم : « ألم تسمع قول الله : { إن الذين آمنوا وعملوا الصالحات أولئك هم خير البرية } أنت وشيعتك وموعدي وموعدكم الحوض إذا جئت الأمم للحساب تدعون غرّاً محجلين »
อิบนุ มุรดะวัยฮฺนำออกรายงาน  จากท่านอะลีเล่าว่า
ท่านรอซูลุลเลาะฮ์(ศ)ได้กล่าวกับฉันว่า    เจ้าไม่เคยได้ยินพระดำรัสของอัลเลาะฮ์ที่ตรัสว่า  
((  แท้จริงบรรดาผู้ศรัทธาและประกอบการงานที่ดีทั้งหลาย  พวกเขาเหล่านั้นคือ ผู้ที่ดีที่สุดบนหน้าแผ่นดิน  )) พวกเขาคือท่าน และชีอะฮ์ของท่าน  และจุดนัดหมายของฉันกับพวกท่านคือที่สระ( เกาษัร )

อ้างอิงจาก
ตัฟสีร อัดดุรรุล มันษูร  โดยสิยูตี  เล่ม  10  : 319  ดูซูเราะฮ์อัลบัยยินะฮ์  โองการที่ 7

หะดีษเหล่านี้  ไม่ว่าในเชิงวิชาการของอะฮ์ลุสสุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ หรือชีอะฮ์สิบสองอิหม่าม ก็ไม่สามารถนำมาเป็นหลักฐานอ้างอิงได้    ทำไม ?
เพราะ  สะนัด (สายรายงานหรือสายสืบ) ของหะดีษตามที่ยกมาเป็นตัวอย่างนั้น  ขาดตอน (มุรซัล)

อนึ่งท่านต้องทราบว่า  หะดีษที่มีสายรายงาน ไม่สมบูรณ์นั้น  จะใช้อ้างอิงไม่ได้ โดยเฉพาะเรื่องคอขาดบาดตาย กล่าวคือ เมื่อฝ่ายชีอะฮ์พยายาม จะพิสูจน์ให้ฝ่ายอะฮ์ลุสสุนนะฮ์ทราบว่า  ชีอะฮ์มีมาตั้งแต่สมัยท่านนบีมุฮัมมัด(ศ)และท่านเองคือผู้ตั้งชื่อนี้ให้กับผู้ที่ให้การสนับสนุนช่วยเหลือท่านอะลี

เราไม่ทราบว่า    ทำไมชีอะฮ์จึงชอบยกหะดีษดออีฟเหล่านี้มาอ้างอิง หรือว่า ชีอะฮ์หาหะดีษที่มีสายรายงานหะดีษที่เชื่อถือได้   และอุละมาอ์ของทั้งสองฝ่ายก็ให้การรับรองว่า ถูกต้องเชื่อได้  มาอ้างอิงกับพี่น้องซุนนี่ไม่ได้แล้ว


วิธีแก้จุดอ่อนในเรื่องนี้คือ
หากท่านถูกถามว่า      ชีอะฮ์  เกิดขึ้นในสมัยใด  ?

คำตอบที่ถูกต้องคือ   ชีอะฮ์เกิดขึ้นในสมัยท่านนบีมุฮัมมัด(ศ) และท่านคือบุคคลแรกที่ตั้งชื่อนี้เอาไว้

หากท่านถูกถามหาหลักฐาน  ท่านจะต้องยกหะดีษที่เชื่อถือได้ของทั้งสองฝ่ายมาแสดงเช่น





หะดีษชีอะฮ์   ที่ฝ่ายอะฮ์ลุสซุนนะฮ์รายงาน

حَدَّثَنَا مُحَمَّدُ بْنُ مُوْسَى ثنا الْحَسَنُ بْنُ كَثِيْرٍ ثنا سَلْمَى بْنُ عُقْبَةِ الْحَنَفِيّ الْيَمَامِيّ ثنا عِكْرِمَةُ بْنُ عَمَّارٍ عَنْ يَحْيَى بْنِ أَبِي كَثِيرٍ عَنْ أَبِي سَلَمَةَ عَنْ أَبِي هُرَيْرَةَ قَالَ  قَالَ عَلِيُّ بْنُ أَبِيْ طَالِبٍ
يَا رَسُولَ اللَّهِ أَيُّمَا أَحَبُّ إِلَيْكَ أَنَا أَمْ فَاطِمَة قَالَ فَاطِمَة أَحَبُّ إِلَيَّ مِنْكَ وَأَنْتَ أَعَزُّ عَلَيَّ مِنْهَا وَكَأَنِّيْ بِكَ وَأَنْتَ عَلَى حَوْضِيْ تَذُوْدُ عَنْهُ النَّاسَ وَإِنَّ عَلَيْهِ لَأبَارِيْقُ مِثْلُ عَدَدَ نُجُوْمِ السَّمَاءِ وَإِنِّيْ وَأَنْتَ وَالْحَسَنُ وَالْحُسَيْنُ وَفَاطِمْةُ وَعَقِيْلٌ وَجَعْفَرٌ فِي الْجَنَّةِ إِخْوَانًا عَلَى سُرُرٍ مُتَقَابِلِينَ أَنْتَ مَعِيْ وَشِيْعَتُكَ فِي الْجَنَّةِ ثُمَّ قَرَأَ رَسُوْلُ اللهِ صلى الله عليه و سلم إِخْوَانًا عَلَى سُرُرٍ مُتَقَابِلِينَ (الحجر : 47) لاَ يَنْظُرُ أَحَدُهُمْ فِيْ قِفَا صَاحِبِهِ

الكِتَابُ : الْمُعْجَمُ الْأَوْسَطُ  ج 7 ص 343  ح : 7675
المُؤَلِّف : أَبُو الْقَاسِم سُلَيْمَانُ بْنُ أَحْمَد الطَّبْرَانِيّ( 260- 360هـ)
الناشر : دَارُ الْحَرَمَيْنِ - القَاهِرَة ، 1415
تحقيق : طارق بن عوض الله بن محمد , عبد المحسن بن إبراهيم الحسيني
عدد الأجزاء : 10

มุฮัมมัด บินมูซาได้เล่าให้เราฟัง  - อัลฮาซัน บินกะษีร  - ซัลมา บินอุกบะฮ์ อัลฮานาฟี อัลยะมามี – อิกริมะฮ์ บินอัมมาร จากยะห์ยา บินอบีกะษีร จากอบีสะละมะฮ์  จากอบีฮุร็อยเราะฮ์รายงานว่า : ท่านอะลี บินอบีตอลิบกล่าวว่า :
โอ้ท่านรอซูลุลลอฮฺ ใครเป็นที่รักยิ่งของท่านมากที่สุด ฉันหรือฟาติมะฮ์  ท่านตอบว่า ฟาติมะฮ์คือที่รักยิ่งของฉัน ส่วนท่านคือผู้มีเกียรติยิ่งของฉันมากกว่านาง  อย่างกับฉันอยู่กับท่าน และท่านนั้นอยู่ที่สระ(เกาษัร)ของฉัน กำลังขวางผู้คนออกไปจากสระ และแท้จริงที่สระนั้นแน่นอนมีเหยือกน้ำมากมายเหมือนกับจำนวนดวงดาวบนท้องฟ้า และแท้จริงฉัน, ท่าน, อัลฮาซัน, อัลฮูเซน, ฟาติมะฮ์, อะกีล และญะอ์ฟัรจะอยู่ร่วมกันในสวรรค์ เป็นพี่น้องกัน โดยพำนักอยู่บนเตียงหันหน้าเข้าหากัน
ท่านกับฉันและชีอะฮ์ของท่านจะได้อยู่ในสวรรค์   จากนั้นท่านรอซูลุลลอฮ์ (ศ็อลฯ)ได้อ่านโองการ ( ต่างเป็นพี่น้องกัน โดยพำนักอยู่บนเตียงหันหน้าเข้าหากัน ซูเราะฮ์อัลฮิจญ์รุ : 47 ) คนหนึ่งของพวกเขาจะไม่มองที่ด้านหลังของสหายของเขา


สถานะฮะดีษ : ฮาซัน
ดูอัลมุอ์ญะมุลเอาซัฏ โดยอัฏ-ฏ็อบรอนี  เล่ม 7 : 343  ฮะดีษที่ 7675

เป็นสะนัดเดียวกับที่บันทึกอยู่ในเศาะฮีฮุลบุคอรี
6103 م - وَقَالَ عِكْرِمَةُ بْنُ عَمَّارٍ عَنْ يَحْيَى عَنْ عَبْدِ اللَّهِ بْنِ يَزِيدَ سَمِعَ أَبَا سَلَمَةَ سَمِعَ أَبَا هُرَيْرَةَ عَنِ النَّبِىِّ - صلى الله عليه وسلم -

6103 - عَنْ يَحْيَى بْنِ أَبِى كَثِيرٍ عَنْ أَبِى سَلَمَةَ عَنْ أَبِى هُرَيْرَةَ - رضى الله عنه - أَنَّ رَسُولَ اللَّهِ - صلى الله عليه وسلم - قَالَ « إِذَا قَالَ الرَّجُلُ لأَخِيهِ يَا كَافِرُ فَقَدْ بَاءَ بِهِ أَحَدُهُمَا »
7362 - عَنْ يَحْيَى بْنِ أَبِى كَثِيرٍ عَنْ أَبِى سَلَمَةَ عَنْ أَبِى هُرَيْرَةَ قَالَ كَانَ أَهْلُ الْكِتَابِ يَقْرَءُونَ التَّوْرَاةَ بِالْعِبْرَانِيَّةِ وَيُفَسِّرُونَهَا بِالْعَرَبِيَّةِ لأَهْلِ الإِسْلاَمِ فَقَالَ رَسُولُ اللَّهِ - صلى الله عليه وسلم - « لاَ تُصَدِّقُوا أَهْلَ الْكِتَابِ ، وَلاَ تُكَذِّبُوهُمْ وَقُولُوا ( آمَنَّا بِاللَّهِ وَمَا أُنْزِلَ إِلَيْنَا وَمَا أُنْزِلَ إِلَيْكُمْ ) » . الآيَةَ .
7542 - عَنْ يَحْيَى بْنِ أَبِى كَثِيرٍ عَنْ أَبِى سَلَمَةَ عَنْ أَبِى هُرَيْرَةَ قَالَ كَانَ أَهْلُ الْكِتَابِ يَقْرَءُونَ التَّوْرَاةَ بِالْعِبْرَانِيَّةِ ، وَيُفَسِّرُونَهَا بِالْعَرَبِيَّةِ لأَهْلِ الإِسْلاَمِ فَقَالَ رَسُولُ اللَّهِ - صلى الله عليه وسلم - « لاَ تُصَدِّقُوا أَهْلَ الْكِتَابِ ، وَلاَ تُكَذِّبُوهُمْ وَ ( قُولُوا آمَنَّا بِاللَّهِ وَمَا أُنْزِلَ ) الآيَةَ »

และเป็นสะนัดเดียวกับที่บันทึกอยู่ในเศาะหิ๊หฺมุสลิม

897 - عَنْ يَحْيَى بْنِ أَبِى كَثِيرٍ عَنْ أَبِى سَلَمَةَ أَنَّ أَبَا هُرَيْرَةَ كَانَ يُكَبِّرُ فِى الصَّلاَةِ كُلَّمَا رَفَعَ وَوَضَعَ. فَقُلْنَا يَا أَبَا هُرَيْرَةَ مَا هَذَا التَّكْبِيرُ قَالَ إِنَّهَا لَصَلاَةُ رَسُولِ اللَّهِ -صلى الله عليه وسلم-.
1352 - يَحْيَى بْنِ أَبِى كَثِيرٍ عَنْ أَبِى سَلَمَةَ عَنْ أَبِى هُرَيْرَةَ قَالَ قَالَ رَسُولُ اللَّهِ -صلى الله عليه وسلم- « إِذَا تَشَهَّدَ أَحَدُكُمْ فَلْيَسْتَعِذْ بِاللَّهِ مِنْ أَرْبَعٍ يَقُولُ اللَّهُمَّ إِنِّى أَعُوذُ بِكَ مِنْ عَذَابِ جَهَنَّمَ وَمِنْ عَذَابِ الْقَبْرِ وَمِنْ فِتْنَةِ الْمَحْيَا وَالْمَمَاتِ وَمِنْ شَرِّ فِتْنَةِ الْمَسِيحِ الدَّجَّالِ ».
1885 - عَنْ يَحْيَى بْنِ أَبِى كَثِيرٍ عَنْ أَبِى سَلَمَةَ عَنْ أَبِى هُرَيْرَةَ قَالَ قَالَ رَسُولُ اللَّهِ -صلى الله عليه وسلم- « مَا أَذِنَ اللَّهُ لِشَىْءٍ كَأَذَنِهِ لِنَبِىٍّ يَتَغَنَّى بِالْقُرْآنِ يَجْهَرُ بِهِ ».



แม้ว่า ท่านจะพิสูจน์หะดีษที่อยู่ในระดับเชื่อได้ให้ฝ่ายซุนนี่ดูแล้ว  แต่พวกเขาจะไม่วายสร้างคำถามกับท่านอีกว่า  ทำไมมายกหะดีษของฝ่ายซุนนี่  แล้วหะดีษของฝ่ายชีอะฮ์นั้นไม่มีหรือ




หะดีษชีอะฮ์ที่อิหม่ามแห่งอะฮ์ลุลบัยต์รายงาน

عَنْ أَحْمَدَ بْنِ مُحَمَّدٍ عَنْ عَبْدِ الْعَظِيمِ بْنِ عَبْدِ اللَّهِ الْحَسَنِيِّ عَنْ أَبِي جَعْفَرٍ الثَّانِي ع عَنْ أَبِيهِ عَنْ جَدِّهِ صَلَوَاتُ اللَّهِ عَلَيْهِمْ قَالَ قَالَ أَمِيرُ الْمُؤْمِنِينَ (ع) قَالَ رَسُولُ اللَّهِ صلي الله عليه وآله :
إِنَّ اللَّهَ خَلَقَ الْإِسْلَامَ فَجَعَلَ لَهُ عَرْصَةً وَ جَعَلَ لَهُ نُوراً وَ جَعَلَ لَهُ حِصْناً وَ جَعَلَ لَهُ نَاصِراً فَأَمَّا عَرْصَتُهُ فَالْقُرْآنُ وَ أَمَّا نُورُهُ فَالْحِكْمَةُ وَ أَمَّا حِصْنُهُ فَالْمَعْرُوفُ وَ أَمَّا أَنْصَارُهُ فَأَنَا وَ أَهْلُ بَيْتِي وَ شِيعَتُنَا فَأَحِبُّوا أَهْلَ بَيْتِي وَ شِيعَتَهُمْ وَ أَنْصَارَهُمْ فَإِنَّهُ لَمَّا أُسْرِيَ بِي إِلَى السَّمَاءِ الدُّنْيَا فَنَسَبَنِي جَبْرَئِيلُ ع لِأَهْلِ السَّمَاءِ اسْتَوْدَعَ اللَّهُ حُبِّي وَ حُبَّ أَهْلِ بَيْتِي وَ شِيعَتِهِمْ فِي قُلُوبِ الْمَلَائِكَةِ فَهُوَ عِنْدَهُمْ وَدِيعَةٌ إِلَى يَوْمِ الْقِيَامَةِ ثُمَّ هَبَطَ بِي إِلَى أَهْلِ الْأَرْضِ فَنَسَبَنِي إِلَى أَهْلِ الْأَرْضِ فَاسْتَوْدَعَ اللَّهُ عَزَّ وَ جَلَّ حُبِّي وَ حُبَّ أَهْلِ بَيْتِي وَ شِيعَتِهِمْ فِي قُلُوبِ مُؤْمِنِي أُمَّتِي فَمُؤْمِنُو أُمَّتِي يَحْفَظُونَ وَدِيعَتِي فِي أَهْلِ بَيْتِي إِلَى يَوْمِ الْقِيَامَةِ أَلَا فَلَوْ أَنَّ الرَّجُلَ مِنْ أُمَّتِي عَبَدَ اللَّهَ عَزَّ وَ جَلَّ عُمُرَهُ أَيَّامَ الدُّنْيَا ثُمَّ لَقِيَ اللَّهَ عَزَّ وَ جَلَّ مُبْغِضاً لِأَهْلِ بَيْتِي وَ شِيعَتِي مَا فَرَّجَ اللَّهُ صَدْرَهُ إِلَّا عَنِ النِّفَاقِ                        

จากอะหมัด บินมุฮัมมัด จากอับดุลอะซีม บินอับดุลเลาะฮ์ อัลฮาซะนี จากอบีญะอ์ฟัรที่สอง จากบิดาเขา จากปู่เขาเล่าว่า :    ท่านอิม่ามอมีรุลมุอ์มินีน (อ) เล่าว่า   :
ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)กล่าวว่า :   แท้จริงอัลลอฮ์ทรงบันดาลสร้างอัลอิสลามมา แล้วทรงทำลานโล่งไว้สำหรับมัน  ทรงให้มีนูรรัศมีแก่มัน ทรงให้มีป้อมปราสาทสำหรับมัน และทรงให้มีผู้ช่วยเหลือแก่มัน   ส่วนลานโล่งของมันคืออัลกุรอาน   ส่วนนูรรัศมีของมันคือฮิกมะฮ์(ซุนนะฮ์และวิทยปัญญา)  ส่วนป้อมปราสาทของมันคือความดีงาม   ส่วนบรรดาผู้ช่วยเหลือของมันคือ ตัวฉัน  อะฮ์ลุลบัยต์ของฉัน และชีอะฮ์ของเรา   ดังนั้นขอให้พวกท่านจงมีความรักต่ออะฮ์ลุลบัยต์ของฉัน และชีอะฮ์ของพวกเขา และผู้ให้ความช่วยเหลือพวกเขา   เพราะตอนที่ฉันถูกพาขึ้นไปบนชั้นฟ้าดุนยา ท่านญิบรอ          อีลได้บอกที่มาของตัวฉันแก่ผู้ที่อยู่บนชั้นฟ้าว่า  อัลลอฮ์ได้ใส่ความรักของฉัน และความรักที่มีต่ออะฮ์ลุลบัยต์ของฉัน และชีอะฮ์ของพวกเขาไว้ในหัวใจของบรรดามลาอิกะฮ์ มันเป็นของฝากไว้กับพวกเขาตราบจนถึงวันกิยามะฮ์  
แล้วต่อมาท่านญิบรออีลก็ได้พาฉันกลับลงมายังชาวโลก แล้วท่านญิบรออีลได้ บอกที่มาของตัวฉันแก่ชาวโลกว่า  อัลลอฮ์ได้ใส่ความรักของฉัน และความรักที่มีต่ออะฮ์ลุลบัยต์ของฉัน และชีอะฮ์ของพวกเขาไว้ในหัวใจของบรรดาผู้ศรัทธาแห่งอุมมะฮ์ของฉัน    ดังนั้นบรรดาผู้ศรัทธาแห่งอุมมะฮ์ของฉันได้ปกป้องรักษาของฝากของฉันในอะฮ์ลุลบัยต์ของฉันตราบจนถึงวันกิยามะฮ์   พึงรู้เถิดว่า หากแม้นว่ามีชายคนหนึ่งจากอุมมะฮ์ของฉัน   ได้ทำอิบาดะฮ์ต่ออัลลอฮ์ตลอดชั่วอายุขัยของเขาบนโลกนี้  จากนั้นเขาได้(กลับไป)พบกับอัลลอฮ์ในสภาพชิงชังต่ออะฮ์ลุลบัยต์ของฉันและชีอะฮ์ของฉัน  อัลลอฮ์จะไม่เปิดอกเปิดใจของเขา  นอกจากความกลับกลอกเท่านั้น.


สถานะฮะดีษ  :   เศาะหิ๊หฺ
ดูหนังสืออัลกาฟี โดยเชคกุลัยนี เล่ม 2 : 47 หะดีษที่ 3  
ตรวจทานโดยมัรกะซุล บุฮูซ คอมพิวเตอร์ ลิลอุลูมิลอิสลามียะฮ์ เมืองกุม อิหร่าน


สรุป -  ท่านจะเห็นได้ว่า  ความจริงชีอะฮ์คือ กลุ่มคนที่ได้รับเกียรติการตั้งชื่อนี้จากท่านศาสดามุฮัมมัด(ศ)  เพราะฉะนั้น  ชีอะฮ์ อะลี จึงเป็นชื่อที่มที่มาจาก หะดีษอย่างแท้จริง

จากหะดีษข้างต้น   จึงสามารลบล้างคำใส่ร้ายของชาวอะฮ์ลุสสุนนะฮ์ ที่กล่าวว่า

ชีอะฮ์เกิดขึ้นหลังจากท่านนบีมุฮัมมัด

ชีอะฮ์เกิดขึ้นจากชาวยิวชื่อ อับดุลเลาะฮ์ บินสะบะอฺ

หรือชีอะฮ์เกิดขึ้นจากอะรก็ว่าไปตามแต่ที่ซุนนี่ อยากจะเป็นช่างทาสี  ที่ชอบใส่ร้ายป้ายสีให้คนอื่น   ทั้งที่มีหลักฐานเชื่อถือพิสูจน์ให้เห็นแล้ว

บัดนี้บรรดาชีอะฮ์คงทราบแล้วนะว่า  เรื่องนี้ไม่ใช่จุดอ่อนของท่านอีกต่อไป



คำถามสำหรับซุนนี่

คำ  ((  อะฮ์ลุสสุนนะฮ์ วัลญะมาอะฮ์  ))  

มีหะดีษเศาะหิ๊หฺรายงานไว้หรือไม่ แม้กระทั่งหนึ่งบทก็อยากให้ท่านแสดงมา
  •  

39 ผู้มาเยือน, 0 ผู้ใช้