Q4 วาฮาB 11 ฟัตวาบินบาซอัลลอฮ์กับนบีอาดำเหมือนกัน

[L-umar]

Q4 วาฮาB 11  

อัลลอฮ์สร้างอาดำมาบนรูปสัณฐานของพระองค์สูง 60 ศอก


รากฐานหะดีษนี้    ตามที่อิม่ามริฎอ(อ)แห่งอะฮ์ลุลบัยต์นะบีได้อธิบายชี้แจงถึงมันเอาไว้คือ  ท่านนะบี(ศ)เห็นชายคนหนึ่งกำลังด่าทอสหายของเขาว่า  ขออัลลอฮ์ทำให้ใบหน้าเจ้าน่าเกลียด
 (قَبَّحَ اللهُ وَجْهَكَ) ท่านนะบี(ศ)จึงได้กล่าวกับเขาว่า  อย่าไปทำให้ใบหน้าของเขาน่าเกลียดเลย เพราะว่า อัลลอฮ์ทรงสร้างนะบีอาดำมาบนรูปพรรณสัณฐานของพระองค์(คือบนรูปลักษณ์ที่ถูกตำหนิ)ดังนั้นจงอย่าไปสาปแช่งรูปลักษณ์ของเขาที่อัลลอฮ์ได้เลือกมันให้กับบิดาของเราคือนะบีอาดำและลูกหลานของเขา.


แต่ว่า  พวกเขาได้ตะห์รีฟบิดเบือนมัน  พวกเขาได้กล่าวเหมือนที่พวกยะฮูดีกล่าวว่า

إنَّ اللهَ عَلَى صُوْرَةِ الْبَشَرِ، وَإنَّ النَّبِيَّ (ص) قاَلَ إنَّ اللهَ خَلَقَ آدَمَ عَلَى صُوْرَةِ الرَّحْمن، وَطُوْلُهُ سِتُّوْنَ ذِراَعاً

แท้จริงอัลลอฮ์อยู่บนรูปร่างของมนุษย์  และแท้จริงท่านนะบี(ศ)ได้กล่าวว่า  อัลลอฮ์นั้นทรงสร้างนะบีอาดำมาบนรูปลักษณ์ของพระผู้ทรงเมตตา และพระองค์สูงหกสิบศอก



Θ  ในหนังสือฟะตาวาของท่านบินบาซ  เล่ม  4 : 368 ฟัตวาที่ 2331 :

http://www.binbaz.org.sa/mat/288

سُؤاَل: عَنْ أَبِي هُرَيْرَةَ عَنْ النَّبِيِّ (ص) أَنَّهُ قاَلَ : خَلَقَ اللَّهُ آدَمَ عَلَى صُورَتِهِ سِتُّونَ ذِرَاعًا ، فَهَلْ هَذاَ الْحَدِيْثُ صَحِيْحٌ ؟

คำถาม : รายงานจากท่านอะบูฮุร็อยเราะฮ์จากท่านนะบี(ศ)กล่าวว่า  อัลลอฮ์ทรงสร้างนะบีอาดำมาบนรูปลักษณ์ของพระองค์(สูง)หกสิบศอก  หะดีษนี้ถูกต้องหรือไม่ ?


► เชคบินบาซตอบว่า :

الجواب: نص الحديث : خَلَقَ اللَّهُ آدَمَ عَلَى صُورَتِهِ ، طُولُهُ سِتُّونَ ذِرَاعًا  ثُمَّ قاَلَ :
اذْهَبْ فَسَلِّمْ عَلَى أُولَئِكَ النَّفَرِ مِنَ الْمَلاَئِكَةِ جُلُوسٌ ، فَاسْتَمِعْ مَا يُحَيُّونَكَ ، فَإِنَّهَا تَحِيَّتُكَ وَتَحِيَّةُ ذُرِّيَّتِكَ . فَقَالَ السَّلاَمُ عَلَيْكُمْ . فَقَالُوا السَّلاَمُ عَلَيْكَ وَرَحْمَةُ اللَّهِ . فَزَادُوهُ وَرَحْمَةُ اللَّهِ ، فَكُلُّ مَنْ يَدْخُلُ الْجَنَّةَ عَلَى صُورَةِ آدَمَ ، فَلَمْ يَزَلِ الْخَلْقُ يَنْقُصُ بَعْدُ حَتَّى الآنَ

ตัวบทหะดีษนี้คือ  แท้จริงอัลลอฮ์ทรงสร้างอาดำมาบนรูปลักษณ์ของพระองค์ เขาสูงหกสิบศอก  ต่อจากนั้นทรงตรัสว่า  จงไปให้สลามแก่พวกเหล่านั้นจากมวลมลาอิกะฮ์ที่นั่งอยู่  แล้วจงสดับฟังสิ่งที่พวกเขาจะทักทายกับเจ้า เพราะแท้จริงมันคือการทักทายของเจ้าและการทักทายของลูกหลานของเจ้า   เขา(อาดำ)กล่าวว่า  อัส-สลามุอะลัยกุม  พวกเขา(มลาอิกะฮ์)กล่าวตอบว่า อัส-สลามุอะลัยกะ วะเราะห์มะตุลลอฮ์  พวกเขาเพิ่มมัน(คือคำว่า) วะเราะห์มะตุลลอฮ์ ฉะนั้นทุกคนที่จะเข้าสวรรค์บนรูปลักษณ์ของอาดำ  ดังนั้นมนุษย์ยังคงบกพร่องหลังจากนั้นจนถึงบัดนี้

رواه الإمام أحمد والبخاري ومسلم. وهو حديث صحيح،

ท่านอิม่ามอะหมัด ,อัลบุคอรีและมุสลิมได้รายงานหะดีษนี้ไว้ และเป็นหะดีษซอฮิ๊ฮ์

ولا غرابة في متنه فإن له معنيان: الأول: أن الله لم يخلق آدم صغيراً قصيراً كالأطفال من ذريته ثم نما وطال حتى بلغ ستين ذراعاً، بل جعله يوم خلقه طويلاً على صورة نفسه النهائية طوله ستون ذراعاً

ไม่มีแปลกประหลาดอะไรในความหมายของตัวบทหะดีษ เพราะหะดีษนี้มีสองความหมายคือ
หนึ่ง – อัลลอฮ์มิได้สร้างอาดำมาแบบคนตัวเล็กเตี้ยเหมือนบรรดาเด็กๆจากลูกหลานของเขา  ต่อจากนั้นเขา(อาดำ)ได้เจริญเติบโต มีความสูงจนถึงหกสิบศอก ยิ่งกว่านั้นทรงบันดาลให้เขามีความสูงในวันที่สร้างเขาตามรูปลักษณ์ของเขาในขั้นสุดท้าย(คือ) เขาสูงหกสิบศอก

والثاني: أن الضمير في قوله (على صورته) يعود على الله بدليل ما جاء في رواية أخرى صحيحة (على صورة الرحمن)

สอง – สรรพนาม(ด่อมีร)ในหะดีษตรงคำว่า ( อาลา ซูเราะติฮี )แปลว่า บนรูปลักษณ์ของเขา  ย้อนกลับไปหาอัลลอฮ์ด้วยหลักฐานที่มีมาในอีกหะดีษหนึ่งที่ซอฮี๊ฮ์คือ (อะลา ซูเราะติล เราะห์มาน ) แปลว่า  บนรูปลักษณ์ของพระผู้ทรงเมตตา

وهو ظاهر السياق ولا يلزم على ذلك التشبيه، فإن الله سمى نفسه بأسماء سمى بها خلقه ووصف نفسه بصفات وصف بها خلقه،

และตามความหมายซอเฮ็รหะดีษนี้ และบนสิ่งนั้นก็ไม่จำเป็นจะต้องเป็นการตัชเบี๊ยะห์(คือเปรียบอัลลอฮ์กับมัคลู๊ก) เพราะอัลลอฮ์ทรงเรียกตัวของพระองค์เองด้วยนามต่างๆที่มัคลู๊กของพระองค์เรียกด้วยกับมัน และทรงพรรณนาถึงตัวพระองค์เองด้วยซิฟัตลักษณะต่างๆที่มัคลู๊กของพระองค์ได้อธิบายด้วยกับมัน

ولم يلزم من ذلك التشبيه، وكذا الصورة، ولا يلزم من إتيانِها لله تشبيهه بخلقه، لأن الإشتراك في الإسم وفي المعنى الكلي لا يلزم منه التشبيه فيما يخص كلا منهما لقوله تعالى: (لَيْسَ كَمِثْلِهِ شَئٌ وَهُوَ السَّمِيعُ الْبَصِير). انتهى.

และจากสิ่งนั้น ก็ไม่จำเป็นจะต้องเป็นการตัชเบี๊ยะห์เช่น(คำว่า ) รูปลักษณ์นี้, และจากการนำคำนี้มาใช้กับอัลลอฮ์ ก็ไม่จำเป็นจะต้องถือว่าเป็นการเปรียบเทียบพระองค์กับมัคลู๊กของพระองค์ เพราะว่าการมีส่วนร่วมในชื่อและในความหมายโดยสากล(กุลลี)นั้น  จากมันก็ไม่จำเป็นจะต้องถือว่าเป็นการตัชเบี๊ยะห์ในสิ่งที่ได้จำเพาะเจาะจงทั้งสองจากทั้งสอง(คือคอลิกกับมัคลู๊ก) เนื่องจากพระองค์ทรงตรัสว่า ((ไม่มีสิ่งใดเสมอเหมือนอัลเลาะฮ์  และพระองค์เป็นผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงเห็น )) บทที่ 42 : 11
จบคำฟัตวาของบินบาซ ชัยคุลอิสลามแห่งซาอุดิอารเบีย.



۩  คำถามสำหรับวาฮาบี

1. พวกท่านกล่าวว่า   เรื่องความเชื่อ(อะกีดะฮ์)นั้นเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องที่จะไปยึดมั่นอยู่กับหะดีษชนิดอาฮ๊าด  แล้วทำไมอะกีดะฮ์ของท่านจึงตั้งมั่นอยู่ในเรื่องซ๊าตของอัลลอฮ์ตามหะดีษที่มีความขัดแย้งกันทั้งในตัวบทหลักฐานของมันและอุละมาอ์ซุนนี่ก็ให้คำอธิบายมันแตกต่างกันไปคนละทาง

2. ทำไมท่านจึงยอมรับคำอธิบายถึงอัลลอฮ์ของหะดีษบทนี้ ทั้งๆที่เป็นมุตะชาบิ๊ห์(คลุมเครือ) ทำไมท่านจึงไม่ไปยึดเรื่องที่มุห์กัม(คือมีความชัดเจน) แท้จริงพวกท่านได้เห็นคำพูดของอิหม่ามแห่งมัซฮับต่างๆในการอธิบายถึงหะดีษบทนี้แล้ว

3. ถ้าตราบใดที่เชคบินบาซยังคงกล่าวว่า แท้จริงอาดำอยู่บนรูปลักษณ์ของอัลลอฮ์และอัลลอฮ์อยู่บนรูปลักษณ์ของอาดำ
และ(บินบาซก็บอกว่า) คำพูดแบบนี้ไม่ใช่การตัชบี๊ห์(เปรียบเทียบว่าอัลลออ์เหมือนกับอาดำ)ได้เลยตลอดกาล

ท่านจะยอมรับไหมสมมุติเราพูดว่า  นายเซดมนุษย์คนหนึ่งอยู่บนรูปลักษณ์ของนะบีอาดำและนะบีอาดำอยู่บนรูปลักษณ์ของเซด  แต่นะบีอาดำจะไม่ถูกนำเอามาเปรียบเทียบว่าเขาเหมือนกับนายเซดได้เลยตลอดกาล ดังนั้นเท่ากับเราจะปฏิเสธว่า นายเซดไม่ได้มาจากลูกหลานนะบีอาดำกระนั้นหรือ ?

ผู้พิพากษาของวาฮาบีจะยอมรับไหม หากทนายความพยายามจะช่วยฆาตกรให้พ้นผิดด้วยคำฟัตวาของบินบาซนี้  โดยทนายความจะโต้แย้งกับศาลว่า  ภาพถ่ายของคนผิดใบนี้คือ รูปภาพของเขา(คือคนผิดถูกถ่ายได้ด้วยกล้องวงจรปิด) แต่ว่าภาพถ่ายใบนี้นั้นจะไม่มีทางเอามาเปรียบเทียบว่ามันเหมือนกับฆาตกรคนนี้ได้เลยตลอดกาล  ?

[L-umar]