Welcome to Q4wahabi.com (Question for Wahabi). Please login or sign up.

ธันวาคม 22, 2024, 08:48:21 ก่อนเที่ยง

Login with username, password and session length
สมาชิก
  • สมาชิกทั้งหมด: 1,718
  • Latest: Haroldsmolo
Stats
  • กระทู้ทั้งหมด: 3,698
  • หัวข้อทั้งหมด: 778
  • Online today: 13
  • Online ever: 200
  • (กันยายน 14, 2024, 01:02:03 ก่อนเที่ยง)
ผู้ใช้ออนไลน์
Users: 0
Guests: 55
Total: 55

อิมามอาลี ยกลูกสาวให้ อุมัร บินคอตตอบ จริงหรือ

เริ่มโดย L-umar, กุมภาพันธ์ 04, 2012, 09:45:09 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

L-umar

ฝ่ายอะฮ์ลิสซุนนะฮ์ ได้ตั้งคำถามกับชีอะฮ์ดังนี้

พวกชีอะฮ์เชื่อว่า  อิมามอาลี คือบุคคลที่เป็นมะอ์ซูม  จากนั้นเราพบว่า อิมามอาลีได้ยกลูกสาวชื่ออุมมุกุลซูม น้องสาวของฮาซันและฮูเซน  ให้แต่งงานกับท่านอุมัร บินคอตตอบ  

หากเป็นเช่นนั้นจริงๆ ก็จะมีผลสองประการคือ

หนึ่ง – ท่านอาลี ไม่ได้เป็นมะอ์ซูม เพราะเขายกลูกสาวของเขาให้กับคนกาเฟร สิ่งนี้ถือว่าขัดแย้งกับหลักความเชื่อของมัซฮับชีอะฮ์ ยิ่งกว่านั้นผลที่ตามมาคือ อิมามของชีอะฮ์อีกสิบเอ็ดคนก็จะต้องไม่ได้เป็นมะอ์ซูม

สอง – ท่านอุมัรนั้นเป็นมุสลิม เท่ากับท่านอาลีพอใจที่จะได้ท่านอุมัรมาเกี่ยวดองเป็นลูกเขยของเขา และคำตอบทั้งสองนี้ถือว่าเป็นคำตอบที่สร้างความมืนงง



คำตอบของชีอะฮ์สำหรับเรื่องนี้คือ


เราชาวชีอะฮ์มีความเชื่อว่า อิมามอาลีมีความบริสุทธิ์(มะอ์ซูม) ด้วยหลักฐานจากอัลกุรอานและวจนะของท่านนะบี(ศ) รวมทั้งเหตุผลทางปัญญาอีกด้วยที่แสดงว่า อิมามมะฮ์ซูมนั้นจะต้องมีอย่างแน่นอน ซึ่งเรื่องนี้คงจะได้กล่าวต่อไปในหัวข้อเรื่องความบริสุทธิ์ของบรรดาอิมาม

ส่วนกรณีของท่านอะบูบักรและท่านอุมัรนั้นชีอะฮ์มีทัศนะว่า ตามซอเฮ็ร บุคคลทั้งสองเป็นมุสลิมตามหลักฐานมัซฮับของเราคือ บุคคลใดกล่าวคำปฏิญานกะลิมะฮ์ ชะฮาดะตัยนิ และเขามิได้ปฏิเสธข้อหนึ่งข้อใดจากหลักการสำคัญขอศาสนา เขาคนนั้นก็คือมุสลิม
ส่วนเรื่องที่นางอุมมุกุลซูมสมรสกับท่านอุมัรนั้น ถือว่าเป็นเรื่องยังมีหลักฐานขัดแย้งกันอย่างรุนแรงมาก โดยเฉพาะการคิล๊าฟของสองมัซฮับเกี่ยวกับเรื่องนี้

เนื่องจากมีรายงานที่สับสนและขัดแย้งกันเองท่ามกลางริวายะฮ์ของเรื่องนี้
มีการค้นคว้ากันอย่างละเอียดจนนักวิชาการชีอะฮ์ชื่อเชคมุฟีด(336 – 413 ฮ.ศ. รวมอายุ 77 ปี)ได้แต่งตำราขึ้นตอบโต้ในเรื่องนี้  และยังมีคนอีกส่วนหนึ่งที่กล่าวว่า  ผู้หญิงที่ชื่ออุมมุกุลซูมที่เป็นภรรยาของท่านอุมัรนั้น ที่จริงนางคือ อุมมุกุลซูม  บินติ ญัรวัล (ไม่ใช่อุมมุกุลซูม บินติ อาลี) เพราะว่ามีหลักฐานยืนยันว่า  มารดาของ อุบัยดุลเลาะฮ์ บิน อุมัร บิน คอตตอบ คือ อุมมุกุลซูม  บินติ ญัรวัล

เชคมูฟีด ได้กล่าวไว้ใน "อัลมะซาเอล อัสสัรวียะฮ์" ว่า

((รายงานที่บอกเล่าถึงเรื่องที่ท่านอะมีรุลมุอ์มินีน(อิมามอาลี อ.)ได้แต่งงานลูกสาวของเขาให้กับท่านอุมัรนั้นไม่มั่นคง(คือเป็นรายงานที่ไม่แข็งแรงพอที่จะยึดถือ)...เรื่อยมาจนมาถึงตรงที่เชคมูฟีดกล่าวว่า  และหะดีษนี้โดยตัวบทของมันเองมีความขัดแย้งกัน  บางครั้งมีรายงานว่าท่านอาลีเป็นคนอ่านอักด์ลูกสาวของเขาให้กับท่านอุมัรเอง บางครั้งมีรายงานว่าท่านอัลอับบาสคือคนอ่านอักด์นางให้กับท่านอุมัร  บางครั้งมีรายงานว่า ท่านอาลีมิได้อ่านอักด์ให้ ยกเว้นหลังจากที่มีการสำทับมาจากท่านอุมัรและข่มขู่ต่อตระกูลฮาชิม   และบางครั้งมีรายงานว่า ท่านอาลียกให้โดยอิสระและให้เพื่อการเสียสละ))    

อ้างอิงจากหนังสือ  
المسائل السروية  للمفيد  ص 86


ส่วนฝ่ายซุนนะฮ์มีกล่าวดังนี้    

อิบนุฮิบบาน กล่าวว่า

عُبَيْدُ اللَّهِ بْنُ عُمَرَ بْنِ الْخَطَّابِ الْعَدَوِيُّ الْقُرَشِيُّ أمه بِنْتُ حَارِثَةَ بْنِ وَهْبٍ الْخُزَاعِيِّ

อุบัยดุลเลาะฮ์ บินอุมัร บินคอตตอบ อัลอัดวีย์ อัลกุรอชีย์  มารดาของเขาคือ บุตรสาวของฮาริษะฮ์ บินวะฮับ อัลคุซาอีย์    

ดูอัษษิกอต โดยอิบนิฮิบบาน เล่ม 5 : 63 อันดับที่ 3866

อิบนุฮะญัรกล่าวว่า
 
عبيد الله بن عمر بن الخطاب القرشي العدوي أمه أُمِّ كُلْثُومٍ بِنْتِ جَرْوَلٍ الخزاعية

อุบัยดุลเลาะฮ์ บินอุมัร บินคอตตอบ อัลกุรอชีย์  อัลอัดวีย์ มารดาของเขาคือ อุมมุกุลซูม บินติญัรวัล อัลคุซาอียะฮ์    ซึ่งญัรวัลคือพี่น้องของฮาริษะฮ์ บินวะฮับ...  

ดูอัลอิซอบะฮ์ ฟี ตัมยีซิซ-ซอฮาบะฮ์ เล่ม 5 : 52 อันดับที่ 6244


ถ้าหากว่าบางส่วนของพวกท่านนั้นเป็นหลักฐานที่ถูกต้อง มันก็ไม่ใช่สิ่งจำเป็นสำหรับเราชีอะฮ์เลย  เพราะว่าเชคมูฟีดได้แสดงหลักฐานปฏิเสธความจริงในเรื่องนี้ไปแล้ว โดยเขาได้กล่าวว่า ริวายะฮ์ต่างๆในเรื่องสมรสนี้นั้นค่อนข้างขัดแย้งและตีกันเอง

แต่ถ้าจะสมมุติให้เรายอมรับในเรื่องนี้ว่า  ลูกสาวของอิมามอาลีได้สมรสกับท่านอุมัรจริง(แค่สมมุตินะ)  ตามซอเฮ็รนั้น ท่านอุมัรคือมุสลิมหาได้เป็นกาเฟ็รไม่  และตามทัศนะชีอะฮ์ก็อนุญาตให้ยกลูกสาวให้มุสลิมได้  อักประการหนึ่งการสมรสนี้ในตัวของมันก็ไม่ได้แสดงหลักฐานถึงสิ่งใดเลย

มีการสมรสมากมายที่มิได้สแดงว่า การสมรสกันนี้แสดงถึงความประเสริฐหรือแสดงถึงความรัก  เช่นการสมรสของฟิรอูนกับนางอาซียะฮ์ บินติมุซาฮิม ซึ่งนางเป็นมุอ์มินะฮ์และบิดานางคือมุอ์มินแห่งวงศ์วานฟิรอูน ถามว่าฟิรอูนมีความประเสริฐตรงไหนหรือที่เขาได้สมรสกับนางอาซียะฮ์  แต่หากท่านแย้งมาว่า  ในตอนนั้นชะรีอะฮ์ยังอนุญาตให้คนกาเฟรแต่งงานกับสตรีมุสลิมได้   เราชีอะฮ์ขอตอบว่า ท่านอุมัรก้เป็นมุสลิม ดังนั้นท่านอาลีจึงยอมให้ลูกสาวของเขาแต่งด้วย  แต่ไม่ใช่จะเอามาอ้างว่านี้คือความประเสริฐของท่านอุมัร
แม้แต่ท่านนะบีลูฎ(อ)เอง เมื่อท่านมองเห็นผลดีที่เกี่ยวโยงกับศาสนา ท่านยังเรียกร้องให้หมู่ชนของท่านแต่งกับบรรดาลูกสาวของท่านเองซึ่งพวกนั้นเป็นคนกาเฟร

อัลกุรอาน
   
وَجَاءهُ قَوْمُهُ يُهْرَعُونَ إِلَيْهِ وَمِن قَبْلُ كَانُواْ يَعْمَلُونَ السَّيِّئَاتِ قَالَ يَا قَوْمِ هَـؤُلاء بَنَاتِي هُنَّ أَطْهَرُ لَكُمْ فَاتَّقُواْ اللّهَ وَلاَ تُخْزُونِ فِي ضَيْفِي أَلَيْسَ مِنكُمْ رَجُلٌ رَّشِيدٌ

และกลุ่มชนของเขาได้มาหาเขา พวกเขารีบร้อนมายังเขา และก่อนหน้านั้นพวกเขาเคยทำความชั่ว(คือทำลิว๊าฏ)  ลูฎกล่าวว่า  กลุ่มชนของฉันเอ๋ย  เหล่านี้คือลูกสาวของฉัน  พวกนางนั้นบริสุทธิ์สำหรับพวกท่าน ดังนั้นพวกท่านจงยำเกรงอัลลอฮ์เถิด และอย่าทำให้ฉันขายหน้าต่อแขกของฉันเลย  ไม่มีคนที่มีสติสัมปชัญะในหมุ่พวกท่านบ้างหรือ
ซูเราะฮ์ ฮูด : 78

ทำไมท่านนบีลูฏจึงยอมที่จะยกลูกสาวของท่านให้กับคนชั่วคนบาป

และยังมีหลักฐานที่แสดงว่า  ระหว่างอิมามอาลีกับท่านอุมัรนั้นมีความไม่ชอบกันอยู่  ดังที่ท่านอัลบุคอรี เล่าว่า

فَوَجَدَتْ فَاطِمَةُ عَلَى أَبِى بَكْرٍ فِى ذَلِكَ فَهَجَرَتْهُ ، فَلَمْ تُكَلِّمْهُ حَتَّى تُوُفِّيَتْ ، وَعَاشَتْ بَعْدَ النَّبِىِّ - صلى الله عليه وسلم - سِتَّةَ أَشْهُرٍ ، فَلَمَّا تُوُفِّيَتْ ، دَفَنَهَا زَوْجُهَا عَلِىٌّ لَيْلاً ، وَلَمْ يُؤْذِنْ بِهَا أَبَا بَكْرٍ وَصَلَّى عَلَيْهَا ، وَكَانَ لِعَلِىٍّ مِنَ النَّاسِ وَجْهٌ حَيَاةَ فَاطِمَةَ ، فَلَمَّا تُوُفِّيَتِ اسْتَنْكَرَ عَلِىٌّ وُجُوهَ النَّاسِ ، فَالْتَمَسَ مُصَالَحَةَ أَبِى بَكْرٍ وَمُبَايَعَتَهُ ، وَلَمْ يَكُنْ يُبَايِعُ تِلْكَ الأَشْهُرَ ، فَأَرْسَلَ إِلَى أَبِى بَكْرٍ أَنِ ائْتِنَا ، وَلاَ يَأْتِنَا أَحَدٌ مَعَكَ ، كَرَاهِيَةً لِمَحْضَرِ عُمَرَ . فَقَالَ عُمَرُ لاَ وَاللَّهِ لاَ تَدْخُلُ عَلَيْهِمْ وَحْدَكَ

ท่านอบูบักรได้ปฏิเสธที่จะส่งมอบให้กับท่านหญิงฟาติมะฮ์ ไม่ว่าสิ่งใดจากมัน(คือมรดกของนบี) ท่านหญิงฟาติมะฮ์จึงโกรธเคืองท่านอบูบักรในสิ่งนั้น นางได้จากเขาไป แล้วนางไม่เคยพูดกับเขาอีกเลยจนนางเสียชีวิต นางเสียชีวิตหลังท่านนบี(ศ.จากไป)หกเดือน เมื่อนางเสียชีวิต ท่านอาลีสามีนางได้ฝังนางในตอนกลางคืน โดยเขาไม่ยินยอมให้อะบูบักร(เยี่ยมและ)ทำนมาซให้นางแต่อย่างใด ก่อนหน้านั้นในสมัยที่นางฟาติมะฮ์ยังมีชีวิตท่านอาลี จะพบปะผู้คนเสมอ แต่เมื่อนางเสียชีวิตแล้ว ท่านอาลีปฏิเสธการพบปะผู้คน ต่อมาท่านจึงได้ออมชอมประนีประนอมกับท่านอะบูบักรและยอมให้สัตยาบัน ซึ่งในช่วงหลายเดือนก่อนหน้านั้นท่านไม่เคยมอบให้สัตยาบัน  แล้วท่านได้ส่งคนไปหาท่านอบูบักรให้มาพบกับเรา แต่จะต้องไม่มีใครติดมากับท่านด้วย(เมื่อ)มาพบเรา เป็นการแสดงความไม่พอใจต่อการมาของท่านอุมัร ดังนั้นท่านอุมัรจึงกล่าวว่า  อย่าไป ขอสาบานต่ออัลลอฮ์ว่า ท่านอย่าเข้าไปพบพวกเขาตามลำพังที่หลาย
เดือนก่อนหน้านั้นท่านมิได้ให้สัตยาบันเลย  

ซอแฮะฮ์บุคอรีย์  หะดีษที่  4240,4241

มิทราบว่า  ตรงไหนหรือที่ระบุว่า  ระหว่างอิมามอาลีกับท่านอุมัรนั้นมีความรักชอบกันตามที่พวกคุณแอบอ้าง
  •  

55 ผู้มาเยือน, 0 ผู้ใช้