Welcome to Q4wahabi.com (Question for Wahabi). Please login or sign up.

ธันวาคม 22, 2024, 07:48:48 หลังเที่ยง

Login with username, password and session length
สมาชิก
  • สมาชิกทั้งหมด: 1,718
  • Latest: Haroldsmolo
Stats
  • กระทู้ทั้งหมด: 3,701
  • หัวข้อทั้งหมด: 778
  • Online today: 102
  • Online ever: 200
  • (กันยายน 14, 2024, 01:02:03 ก่อนเที่ยง)
ผู้ใช้ออนไลน์
Users: 0
Guests: 70
Total: 70

วาฮาบีและอะชาอิเราะฮ์บิดเบือนความหมายหะดีษ 12ผู้นำ

เริ่มโดย L-umar, พฤษภาคม 18, 2010, 03:00:52 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 2 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

L-umar

นักปราชญ์วาฮาบีและอะชาอิเราะฮ์บางคนได้บิดเบือนความหมายหะดีษของท่านนะบี(ศ)เรื่อง 12  ผู้นำ




ตำราชีอะฮ์
มีหะดีษระบุว่า  ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)ได้กล่าวว่า   12  อิหม่ามหลังจากท่านคนแรกคือ อิม่ามอาลีและคนสุดท้ายคืออิม่ามมะฮ์ดี เช่น


قاَلَ الشَّيْخُ الصَّدُوْقُ :
حَدَّثَنَا أَحْمَدُ بْنُ مُحَمَّدِ بْنِ يَحْيَى الْعَطَّارُ رَضِيَ اللَّهُ عَنْهُ قَالَ : حَدَّثَنَا أَبِي ، عَنْ مُحَمَّدِ بْنِ عَبْدِ الْجَبَّارِ ، عَنْ أَحْمَدِ بْنِ مُحَمَّدِ بْنِ زِيَادٍ الْأَزْدِيِّ ، عَنْ أَبَانَ بْنِ عُثْمَانَ ، عَنْ ثَابِتِ بْنِ دِينَارٍ ، عَنْ سَيِّدِ الْعاَبِدِيْنَ عَلِيِّ بْنِ الْحُسَيْنِ ، عَنْ سَيِّدِ الشُّهَدَاءِ الْحُسَيْنِ بْنِ عَلِيٍّ عَنْ سَيِّدِ الأَوْصِيَاءِ أَمِيرِ الْمُؤْمِنِينَ عَلِىِّ بْنِ أَبِى طَالِبٍ عَلَيْهِمْ السَّلَام قَالَ :  

قَالَ رَسُولُ اللَّهِ  صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَآلِهِ  :

الْأَئِمَّةُ بَعْدِيْ اثْناَ عَشَرَ أَوَّلُهُمْ أَنْتَ ياَ عَلِيُّ وَآخِرُهُمْ الْقاَئِمُ الَّذِيْ يَفْتَحُ اللهُ عَزَّوَجَلَّ عَلَى يَدَيْهِ مَشَارِقَ الْأَرْضِ وَمَغَارِبَهَا

เชคศอดูกเล่าว่า :  อะหมัด บินมุฮัมมัด บินยะห์ยาอัลอัตต็อรเล่าให้เราฟังเขากล่าวว่า  บิดาของฉัน(คือมุฮัมมัด บินยะห์ยา)เล่าให้เราฟัง จากมุฮัมมัด บินอับดุลญับบาร จากอะหมัด บินมุฮัมมัด บินซิยาดอัลอะซะดี จากอะบาน บินอุษมาน จากษาบิต บินดีนาร(คืออะบูฮัมซะฮ์อัษษุมาลี) จากอิม่ามอาลี(ซัยนุลอาบิดีน) บินฮูเซน จากอิม่ามฮูเซน บินอาลี จากอิม่ามอะมีรุลมุอ์มินีน อาลี บินอะบีตอลิบ(อ)เล่าว่า :  ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)กล่าวว่า :

อิม่ามผู้นำภายหลังจากฉันมี 12 คน  คนแรกของพวกเขาคือเจ้า โอ้อาลี และคนสุดท้ายของพวกเขาคืออัลกออิม(อัลมะฮ์ดี)

ผู้ที่อัลลอฮ์อัซซะวะญัลจะประทานชัยชนะให้อยู่ในมือทั้งสองของเขา ทั้งโลกตะวันออกและโลกตะวันตก

อ้างอิงจากหนังสือ
กะมาลุดดีน  วะตะมามุนนิอ์มะฮ์โดยเชคศอดูก(มรณะฮ.ศ.381)  หน้า  33 หะดีษที่ 35  
สถานะหะดีษ : สายรายงานเชื่อถือได้ทั้งหมด  


ดูวิจารณ์สายรายงานหะดีษที่นี่
http://www.q4sunni.com/believe/index.php?option=com_kunena&Itemid=71&func=view&catid=2&id=1833


Θ ในขณะที่ตำราฝ่ายซุนนี่มีหะดีษรายงานดังนี้

ญาบิร  บุตรสะมุเราะฮ์(รฎ.)เล่าว่า  :  ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)กล่าวว่า  :

يَكُونُ بَعْدِي اثْنَا عَشَرَ خَلِيفَةً كُلُّهُمْ مِنْ قُرَيْشٍ

จะมี  12 ‹ คอลีฟะฮ์ › หลังจากฉัน  ทุกคนมาจากเผ่ากุเรช


ดูมุสนัดอิหม่ามอะหมัด    หะดีษที่ 20890  หะดีษซอฮิ๊ฮ์  ฉบับตรวจทานโดยเชคชุเอบอัรนะอูฏี

และ

ญาบิร บุตรสะมุเราะฮ์(รฎ.)เล่าว่า  : ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)กล่าวว่า  :

يَكُونُ بَعْدِي اثْنَا عَشَرَ أَمِيرًا ثُمَّ لَا أَدْرِي مَا قَالَ بَعْدَ ذَلِكَ فَسَأَلْتُ الْقَوْمَ كُلَّهُمْ فَقَالُوا قَالَ كُلُّهُمْ مِنْ قُرَيْشٍ

จะมี  12 ‹ อะมีร › หลังจากฉัน... ทุกคนมาจากเผ่ากุเรช

ดูมุสนัดอิหม่ามอะหมัด    หะดีษที่ 20892  หะดีษซอฮิ๊ฮ์  ฉบับตรวจทานโดยเชคชุเอบอัรนะอูฏี

และ

ญาบิร บุตรสะมุเราะฮ์(รฎ.)เล่าว่า  : ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)กล่าวว่า  :

يَكُونُ بَعْدِي اثْنَا عَشَرَ أَمِيرًا ثُمَّ لَا أَدْرِي مَا قَالَ بَعْدَ ذَلِكَ فَسَأَلْتُ الْقَوْمَ فَقَالُوا قَالَ كُلُّهُمْ مِنْ قُرَيْشٍ

จะมี  12 ‹ อะมีร › หลังจากฉัน... ทุกคนมาจากเผ่ากุเรช

ดูมุสนัดอิหม่ามอะหมัด    หะดีษที่  20921  หะดีษซอฮิ๊ฮ์  ฉบับตรวจทานโดยเชคชุเอบอัรนะอูฏี

และ

ญาบิร บุตรสะมุเราะฮ์(รฎ.)เล่าว่า  : ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)กล่าวว่า  :

يَكُونُ بَعْدِي اثْنَا عَشَرَ أَمِيرًا قَالَ ثُمَّ تَكَلَّمَ فَخَفِيَ عَلَيَّ مَا قَالَ قَالَ فَسَأَلْتُ بَعْضَ الْقَوْمِ أَوْ الَّذِي يَلِينِي مَا قَالَ قَالَ كُلُّهُمْ مِنْ قُرَيْشٍ

จะมี  12 ‹ อะมีร › หลังจากฉัน... ทุกคนมาจากเผ่ากุเรช

ดูมุสนัดอิหม่ามอะหมัด    หะดีษที่  21088  หะดีษซอฮิ๊ฮ์  ฉบับตรวจทานโดยเชคชุเอบอัรนะอูฏี


۩  ชี้แจง

ใจความในตำราหะดีษซุนนี่กล่าวว่า  

จะมี ‹12 คอลีฟะฮ์ ›   หรือ ‹ 12 อะมีร ›  สืบทอดหน้าที่ผู้นำภายหลังจากท่านนะบี(ศ)  
 
ด้วยเหตุนี้อาจารย์ฟารีดเฟ็นดี้และอาจารย์อารีฟีนแสงวิมาน(คุณอัซฮะรีย์)จึงกล่าวว่า มีท่านอาลีคนเดียวที่เป็นคอลีฟะฮ์ของโลกซุนนี่ ส่วนลูกหลานของอาลีที่เป็นอะฮ์ลุลบัยต์อีก 11 คนไม่ได้เป็นคอลีฟะฮ์ของโลกอิสลาม
โดยอาจารย์ทั้งสองได้เล่นลิ้นกับศาสนาของอัลลอฮ์ว่า   หะดีษสิบสองอิหม่ามในตำราชีอะฮ์ไม่ได้เกี่ยวข้องอันใดกับหะดีษสิบสองคอลีฟะฮ์ในตำราซุนนี่เลยเพราะ...

‹ คอลีฟะฮ์ › หรือ ‹ อะมีร ›  มีความหมายไม่เหมือนกับคำว่า→   ‹ อิหม่าม ›  



►   
เพื่อพิสูจน์ว่า สามคำดังกล่าวคือความหมายเดียวกัน  เราต้องตามไปอ่านการสนทนาของชาวอันศ็อรและชาวมุฮาญิรีนที่ปรึกษาหารือกันเรื่องคอลีฟะฮ์ที่สะกีฟะฮ์บะนีซาอิดะฮ์ตามที่อัลบุคอรีบันทึกไว้ในซอฮิ๊ฮ์บุคอรี  หะดีษเลขที่  3667 และ 3668   และอิบนุฮะญัรได้อธิบายหะดีษของบุคอรีบทนี้ไว้ในหนังสือฟัตฮุลบารี   หะดีษที่  3394

ท่านมาสารถเปิดดูการอ้างอิงหลักฐานนี้ได้ที่เวบหะดีษ อิสลาม หะดีษที่ 3394
http://hadith.al-islam.com/Display/Display.asp?Doc=0&Rec=5550



Θ ท่านหญิงอาอิชะฮ์ได้เล่าว่า  :

หลังจากท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)เสียชีวิต...   ชาวอันศ็อรได้มารวมตัวกันที่สะอัด บินอุบาดะฮ์  ที่ " สะกีฟะฮ์ บะนีซาอิดะฮ์ " ชาวอันศ็อรกล่าวว่า  

مِنَّا أَمِيرٌ وَمِنْكُمْ أَمِيرٌ

จากพวกเราจะต้องมี " อะมีร " หนึ่งคนและจากฝ่ายท่านมี " อะมีร " หนึ่งคน

แล้วอะบูบักร   อุมัรและอะบูอุบัยดะฮ์ บินญัรร๊อห์ได้ไปหาพวกเขา(ชาวอันศ็อร)  อุมัรกำลังจะพูด แต่อะบูบักรได้ให้เขานิ่งเงียบ  อุมัรได้กล่าวว่า วัลลอฮิ ฉันไม่ต้องการสิ่งนั้นยกเว้นฉันได้เตรียมคำพูดหนึ่งเอาไว้(ซึ่ง)มัน(เป็นคำพูดที่)ทำให้ฉันประทับใจ ฉันเกรงว่าท่านอะบูบักรจะพูดมันไม่ลึกซึ้ง  จากนั้นอะบูบักรได้กล่าวแล้วเขาได้กล่าวคำพูดที่ลึกซึ้งมากของมนุษย์เขากล่าวในคำพูดของเขาว่า

نَحْنُ الأُمَرَاءُ وَأَنْتُمُ الْوُزَرَاءُ

พวกเรา(ชาวมุฮาญิรีน)คือ " อะมีร "   ส่วนพวกท่าน(ชาวอันศ็อร) คือ วะซีร (ที่ปรึกษา)

→ อิบนุหะญัรได้อธิบายวรรคนี้ว่า

فَقَامَ زَيْد بْن ثَابِت فَقَالَ : إِنَّ رَسُول اللَّه صَلَّى اللَّه عَلَيْهِ وَسَلَّمَ كَانَ مِنْ الْمُهَاجِرِينَ وَإِنَّمَا الْإِمَام مِنْ الْمُهَاجِرِينَ ، فَنَحْنُ أَنْصَار اللَّه كَمَا كُنَّا أَنْصَار رَسُول اللَّه صَلَّى اللَّه عَلَيْهِ وَسَلَّمَ . فَقَالَ أَبُو بَكْر : جَزَاكُمْ اللَّه خَيْرًا فَبَايَعُوهُ \\\"
فتح الباري لابن حجر  ج 10 ص 465  ح 3394

เซด บินษาบิตได้ยืนขึ้นแล้วกล่าวว่า  :

แท้จริงท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)เป็นชาวมุฮาญิรีน  และแท้จริง อิหม่าม จะต้องมาจากชาวมุฮาญิรีน  


ส่วนพวกเราคืออันศอรุลเลาะฮ์  เหมือนที่พวกเราคืออันศ็อร(ผู้ช่วยเหลือ)ท่านรอซูล(ศ) อะบูบักรจึงกล่าวว่า ขออัลลอฮ์ตอบแทนความดีแก่พวกท่าน แล้วพวกเขาได้ให้สัตยาบันกับเขา(อะบูบักร)

ดูหนังสือฟัตฮุลบารี   หะดีษที่  3394



→ กลับมาที่หะดีษของบุคอรีต่อ

فَقَالَ حُبَابُ بْنُ الْمُنْذِرِ لاَ وَاللَّهِ لاَ نَفْعَلُ ، مِنَّا أَمِيرٌ وَمِنْكُمْ أَمِيرٌ

ฮุบ๊าบ บินมุนซิร(ฝ่ายอันศ็อร)ได้กล่าวว่า   ไม่พวกเราจะไม่ยอมทำ(เช่นนั้น)

จากพวกเราจะต้องมี " อะมีร " หนึ่งคนและจากฝ่ายท่านมี " อะมีร " หนึ่งคน


فَقَالَ أَبُو بَكْرٍ لاَ ، وَلَكِنَّا الأُمَرَاءُ وَأَنْتُمُ الْوُزَرَاءُ

อะบูบักรจึงกล่าวว่า  ไม่ได้  แต่ว่าพวกเราคือบรรดาอะมีร  และพวกท่านคือบรรดาวะซีร

พวกเขา(พวกมุฮาญิรีน)คือ จุดศูนย์รวมของชาวอาหรับ(เพราะมี)บ้าน(หมายถึงมักกะฮ์)  และพวกเขาคือชาวอาหรับที่มีเชื้อสายดีที่สุด  

فَبَايِعُوا عُمَرَ أَوْ أَبَا عُبَيْدَةَ . فَقَالَ عُمَرُ بَلْ نُبَايِعُكَ أَنْتَ ، فَأَنْتَ سَيِّدُنَا وَخَيْرُنَا وَأَحَبُّنَا إِلَى رَسُولِ اللَّهِ - صلى الله عليه وسلم - . فَأَخَذَ عُمَرُ بِيَدِهِ فَبَايَعَهُ ، وَبَايَعَهُ النَّاسُ ، فَقَالَ قَائِلٌ قَتَلْتُمْ سَعْدَ بْنَ عُبَادَةَ . فَقَالَ عُمَرُ قَتَلَهُ اللَّهُ

ดังนั้นพวกท่านจงมอบบัยอะฮ์ให้กับอุมัรหรืออะบูอุบัยดะฮ์เถิด   ฝ่ายอุมัรได้กล่าวว่า แต่ว่าเราจะมอบบัยอะฮ์ให้ท่าน เพราะท่านคือหัวหน้าของเราคือคนดีของเรา และเป็นที่รักของท่านรอซูล(ศ)มากกว่าพวกเรา   อุมัรได้จับมืออะบูบักรแล้วมอบบัยอะฮ์ให้เขา และผู้คนก็ได้บัยอะฮ์แก่เขา มีชายคนหนึ่งกล่าวว่า  พวกท่านได้สังหารสะอัดบินอุบาดะฮ์เสียแล้ว  แล้วอุมัรได้กล่าวว่า  ขอให้อัลลอฮ์โปรดสังหารสะอัดด้วยเถิด  

ดูซอฮิ๊ฮ์บุคอรี  หะดีษที่  3667 และ 3668  


→ อิบนุหะญัรได้อธิบายวรรคนี้ว่า

قَالَ اِبْن التِّين : إِنَّمَا قَالَتْ الْأَنْصَار \\\" مِنَّا أَمِير وَمِنْكُمْ أَمِير \\\" عَلَى مَا عَرَفُوهُ مِنْ عَادَة الْعَرَب أَنْ لَا يَتَأَمَّر عَلَى الْقَبِيلَة إِلَّا مَنْ يَكُون مِنْهَا ، فَلَمَّا سَمِعُوا حَدِيث \\\" الْأَئِمَّة مِنْ قُرَيْش \\\" رَجَعُوا عَنْ ذَلِكَ وَأَذْعَنُوا.
فتح الباري لابن حجر  ج 10 ص 465  ح 3394

อิบนุต-ตีนกล่าวว่า  :  ที่จริงชาวอันศ็อรได้กล่าวว่า  จากพวกเราจะต้องมี " อะมีร " หนึ่งคนและจากฝ่ายท่านมี " อะมีร " หนึ่งคน   ตามที่พวกเขารู้ดีว่า มันเป็นธรรมเนียมของชาวอาหรับว่า จะไม่ยอมให้ใครมาเป็นหัวหน้าปกครองเผ่าหนึ่งๆ นอกจากผู้นั้นจะต้องมาจากเผ่านั้น  
ต่อมาเมื่อพวกเขา(ชาวอันศ็อร)ได้ยินหะดีษท่านนะบี(ศ)ที่กล่าวว่า   " อิหม่ามต้องมาจากเผ่ากุเรช "  พวกเขาจึงได้ย้อนเปลี่ยนจากธรรมเนียมนั้นและได้ให้การยอมรับ

ดูหนังสือฟัตฮุลบารี   หะดีษที่  3394




۞  วิจารณ์


ตำราหะดีษฝ่ายซุนนี่ใช้คำว่า  ‹12 คอลีฟะฮ์ ›   หรือ ‹ 12 อะมีร ›  หลังจากท่านนะบี(ศ)

และพวกอคติต่ออะฮ์ลุลบัยต์นะบี(อ)ได้ออกมาประกาศว่า  
 
‹ คอลีฟะฮ์ › หรือ ‹ อะมีร ›  มีความหมายไม่เหมือนกับคำ→   ‹ อิหม่าม ›  

แต่เมื่อเราได้อ่านคำสนทนาระหว่างชาวอันศ็อรกับชาวมุฮาญิรีนเรื่องคอลีฟะฮ์ที่สะกีฟะฮ์ในหนังสือซอฮิ๊ฮ์บุคอรีและฟัตฮุลบารี ชัรฮุลบุคอรี  หะดีษที่  3394 แล้ว    

ดูหลักฐานตัวบทหะดีษได้ที่เวบหะดีษ อิสลาม หะดีษที่ 3394
http://hadith.al-islam.com/Display/Display.asp?Doc=0&Rec=5550

โดยท่านหญิงอาอิชะฮ์เล่าว่า  :   หลังจากท่านรอซูล(ศ)เสียชีวิต  ชาวอันศ็อรได้รวมตัวกันที่ที่ " สะกีฟะฮ์ บะนีซาอิดะฮ์ "  และชาวอันศ็อรกล่าวว่า  

مِنَّا أَمِيرٌ وَمِنْكُمْ أَمِيرٌ

จากพวกเราจะต้องมี " อะมีร " หนึ่งคนและจากฝ่ายท่านมี " อะมีร " หนึ่งคน

หะดีษของบุคอรีบทนี้เล่าว่า  ชาวอันศ็อรคุยกันถึงเรื่อง อะมีร    แล้วท่านอะบูบักรก็บอกกับชาวอันศ็อรว่า

نَحْنُ الأُمَرَاءُ وَأَنْتُمُ الْوُزَرَاءُ

เรา(ชาวมุฮาญิรีน)คือ อะมีร  ส่วนพวกท่านคือ วะซีร (ที่ปรึกษา)

→ ตรงวรรคนี้อิบนุหะญัรได้ยกคำพูดของท่านเซด บินษาบิต(ชาวอันศ็อร) มาอธิบายโดยท่านเซดได้กล่าวว่า  

إِنَّ رَسُول اللَّه صَلَّى اللَّه عَلَيْهِ وَسَلَّمَ كَانَ مِنْ الْمُهَاجِرِينَ وَإِنَّمَا الْإِمَام مِنْ الْمُهَاجِرِينَ ،

ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)เป็นชาวมุฮาญิรีน  และ ‹ อิหม่าม › นั้นต้องมาจากชาวมุฮาญิรีน  

ดูหนังสือฟัตฮุลบารี   หะดีษที่  3394


۩ คำถามสำหรับวาฮาบี  

1. ซอฮาบะฮ์ที่สะกีฟะฮ์กำลังพูดเรื่องอะมีรหรือคอลีฟะฮ์ แต่ทำไมท่านเซดกลับพูดถึงเรื่องอิหม่ามต้องเป็นชาวมุฮาญิรีน  ท่านเซดไม่รู้ดอกหรือว่า  ที่นั่นกำลังคุยหารือเรื่องคอลีฟะอ์  ?

2. ทำไมท่านอะบูบักรจึงไม่ตำหนิท่านเซดว่า  คุณพูดนอกเรื่อง เพราะเรากำลังหารือกันเรื่องคอลีฟะฮ์  แต่คุณดันไปพูดเรื่องอิหม่าม  ?
 
3. หรือว่า ท่านอะบูบักรเข้าใจดีว่าคำอิหม่ามกับคำคอลีฟะฮ์และอะมีรคือเรื่องเดียวกัน ดังนั้นท่านอะบูบักรจึงได้ขอบใจต่อเซด ที่ช่วยพูดในเชิงให้การสนับสนุนเขา  ?

→ เราย้อนกลับมาดูสิ่งที่บุคอรีเล่าอีกครั้งในวรรคถัดมา
 
ท่านฮุบ๊าบ บินมุนซิร(ฝ่ายอันศ็อร)ซึ่งอยู่ที่นั่นด้วยได้โต้แย้งฝ่ายมุฮาญิรีนว่า  

لاَ وَاللَّهِ لاَ نَفْعَلُ ، مِنَّا أَمِيرٌ وَمِنْكُمْ أَمِيرٌ

ไม่ เราจะไม่ยอมทำ ( เช่นนั้นคือไม่ยอมให้มุฮาญิรีนเป็นคอลีฟะฮ์ฝ่ายเดียว แต่) จากพวกเราจะต้องมี " อะมีร " หนึ่งคนและจากฝ่ายท่านมี " อะมีร " หนึ่งคน

→ พอถึงวรรคนี้  อิบนุหะญัรได้อธิบายว่า  มีซอฮาบะฮ์ได้ยกหะดีษอะอิมมะฮ์มินกุเรชขึ้นมา

فَلَمَّا سَمِعُوا حَدِيث \\\" الْأَئِمَّة مِنْ قُرَيْش \\\" رَجَعُوا عَنْ ذَلِكَ وَأَذْعَنُوا.

เมื่อชาวอันศ็อรได้ยินหะดีษนะบี(ศ)ที่กล่าวว่า   " อิหม่าม ต้องมาจากเผ่ากุเรช "  
ชาวอันศ็อรจึงได้ยอมรับว่า มุฮาญิรีนคือ อิหม่าม เพราะมุฮาญิรีนมาจากเผ่ากุเรช
ดูหนังสือฟัตฮุลบารี   หะดีษที่  3394


۩ คำถามสำหรับวาฮาบี

1.หากคำอิหม่ามกับคอลีฟะฮ์ไม่ใช่เรื่องเดียวกัน   ทำไมชาวอันศ็อรไม่โต้แย้งต่อฝ่ายมุฮาญิรีนว่า  โอ้ท่านเซดและท่านอะบูบักร   เรากำลังคุยเรื่อง คอลีฟะฮ์ นะครับ ไม่ใช่เรื่อง อิหม่าม  ?

2.ฝ่ายสนับสนุนท่านอะบูบักรให้เป็นคอลีฟะฮ์  ได้แสดงหลักฐานต่อชาวอันศ็อรว่า
 
" อิหม่ามต้องมาจากมุฮาญิรีน "  และ  " อิหม่ามต้องมาจากเผ่ากุเรช  "  

จะเห็นได้ว่า ไม่มีซอฮาบะฮ์คนใดยกหะดีษมาแสดงว่า

الْخُلَفَاءُ مِنْ قُرَيْشٍ – คอลีฟะฮ์ต้องมาจากเผ่ากุเรช

หรือ

الْخُلَفَاءُ مِنْ الْمُهَاجِرِينَ  - คอลีฟะฮ์ต้องมาจากมุฮาญิรีน

จากการที่ซอฮาบะฮ์บางคนได้นำคำอิหม่ามมาสนทนาในวงหารือเรื่องคอลีฟะฮ์
และที่สำคัญคือ ฝ่ายอันศ็อรได้ยอมรับโดยไม่โต้แย้งอะไรต่อหะดีษที่ว่า อิหม่ามต้องเป็นชาวกุเรช  

ย่อมแสดงว่า →  

ซอฮาบะฮ์ที่เป็นชาวอันศ็อรเข้าใจดีใช่ไหมว่า  อิหม่ามกับคอลีฟะฮ์คือเรื่องเดียวกัน ?


แต่เราแปลกใจยิ่งนักต่อชาววาฮาบีและอะชาอิเราะฮ์บางคนในยุคนี้ ที่อ้างนักอ้างหนาว่า ผมคือผู้ทำตามซอฮาบะฮ์กลับแกล้งทำไขสือมาโต้แย้งกับฝ่ายชีอะฮ์ว่า  

หะดีษ  12 อิหม่ามของชีอะฮ์  กับ 12 คอลีฟะฮ์ของซุนนี่  มันคนละเรื่องกัน

นี่แหล่ะที่เขาเรียกคนประเภทนี้ว่า   นักบิดเบือนศาสนาตัวจริง

อัลลอฮ์ตะอาลาทรงได้ตำหนินักปราชญ์ยะฮูดีและนะซอรอที่ได้บิดเบือนความหมายของคัมภีร์เตารอตและอินญีลไปตามนัฟซูของพวกเขา ดังที่พระองค์ได้ตรัสว่า

يَا أَيُّهَا الرَّسُولُ لَا يَحْزُنْكَ الَّذِينَ يُسَارِعُونَ فِي الْكُفْرِ مِنَ الَّذِينَ قَالُوا آَمَنَّا بِأَفْوَاهِهِمْ وَلَمْ تُؤْمِنْ قُلُوبُهُمْ وَمِنَ الَّذِينَ هَادُوا سَمَّاعُونَ لِلْكَذِبِ سَمَّاعُونَ لِقَوْمٍ آَخَرِينَ لَمْ يَأْتُوكَ يُحَرِّفُونَ الْكَلِمَ مِنْ بَعْدِ مَوَاضِعِهِ يَقُولُونَ إِنْ أُوتِيتُمْ هَذَا فَخُذُوهُ وَإِنْ لَمْ تُؤْتَوْهُ فَاحْذَرُوا وَمَنْ يُرِدِ اللَّهُ فِتْنَتَهُ فَلَنْ تَمْلِكَ لَهُ مِنَ اللَّهِ شَيْئًا أُولَئِكَ الَّذِينَ لَمْ يُرِدِ اللَّهُ أَنْ يُطَهِّرَ قُلُوبَهُمْ لَهُمْ فِي الدُّنْيَا خِزْيٌ وَلَهُمْ فِي الْآَخِرَةِ عَذَابٌ عَظِيمٌ

โอ้รอซูลเอ๋ย ! จงอย่าให้เป็นที่เสียใจแก่เจ้าซึ่งบรรดาผู้ที่รีบเร่งกันในการปฏิเสธศรัทธาจากหมู่ผู้ที่กล่าวด้วยปากของพวกเขาว่า พวกเราศรัทธาแล้วโดยที่หัวใจของพวกเขามิได้ศรัทธา และจากหมู่ผู้ที่เป็นยิวด้วย โดยที่พวกเขาชอบฟังคำมุสา พวกเขาชอบฟังเพื่อพวกอื่นที่มิได้มุ่งหาเจ้า
พวกเขาบิดเบือนบรรดาถ้อยคำหลังจาก (ที่มันถูกวางใน) ที่ของมัน  พวกเขากล่าวว่า หากพวกท่านได้รับสิ่งนี้ก็จงเอามันไว้ และถ้าหากพวกท่านมิได้รับมันก็จงระวัง และผู้ใดที่อัลลอฮ์ทรงประสงค์ซึ่งการทดสอบเขาแล้ว  เจ้าก็ไม่มีสิทธิแต่อย่างใดจากอัลลอฮ์ที่จะช่วยเหลือเขาได้ ชนเหล่านี้แหล่ะคือผู้ที่อัลลอฮ์มิทรงประสงค์จะให้หัวใจของพวกเขาสะอาด โดยที่พวกเขาจะได้รับความอัปยศในโลกนี้ และจะได้รับการลงโทษอันมหันต์ในปรโลก
ซูเราะฮ์อัลมาอิดะฮ์  : 41


เรานึกไม่ถึงว่า ในยุคนี้จะมีนักปราชญ์วาฮาบีและอะชาอิเราะฮ์บางคนกล้าบิดเบือนความหมายหะดีษของท่านนะบี(ศ)เรื่องสิบสองผู้นำตามนัฟซูของตัวเองอย่างท่านอาจารย์สองคนดังกล่าว  นะอูซูบิลลาฮิ มินชัรริฮุมา  เราขอความคุ้มครองจากอัลลอฮ์ให้พ้นจากความต่ำทรามของคนทั้งสองด้วย  อามีน.
  •  

70 ผู้มาเยือน, 0 ผู้ใช้