Welcome to Q4wahabi.com (Question for Wahabi). Please login or sign up.

ธันวาคม 22, 2024, 10:47:09 ก่อนเที่ยง

Login with username, password and session length
สมาชิก
  • สมาชิกทั้งหมด: 1,718
  • Latest: Haroldsmolo
Stats
  • กระทู้ทั้งหมด: 3,698
  • หัวข้อทั้งหมด: 778
  • Online today: 33
  • Online ever: 200
  • (กันยายน 14, 2024, 01:02:03 ก่อนเที่ยง)
ผู้ใช้ออนไลน์
Users: 0
Guests: 24
Total: 24

หะดีษเก๊ ท่านนะบี ห้ามด่าทอซอฮาบะฮ์

เริ่มโดย L-umar, กุมภาพันธ์ 09, 2010, 12:00:37 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

L-umar


۩     หะดีษที่นักปราชญ์ซุนนี่ให้การรับรองว่า   ถูกต้องเชื่อถือได้ มีดังต่อไปนี้


►ท่านมุสลิม บินฮัจญ๊าจญ์

ซิรรินเล่าว่า  ท่านอาลีกล่าวว่า

وَالَّذِى فَلَقَ الْحَبَّةَ وَبَرَأَ النَّسَمَةَ إِنَّهُ لَعَهْدُ النَّبِىِّ الأُمِّىِّ –صلى الله عليه وسلم- إِلَىَّ أَنْ لاَ يُحِبَّنِى إِلاَّ مُؤْمِنٌ وَلاَ يُبْغِضَنِى إِلاَّ مُنَافِقٌ

ขอสาบานต่อผู้ที่ทำให้เมล็ดพันธ์ผลิแย้มและทรงบังเกิดแก่ดวงวิญญาณว่า  แท้จริงมันคือถ้อยคำของท่านนะบียุลอุมมี (ศ)ที่ได้กล่าวเอาไว้กับฉันว่า

จะไม่มีผู้ใดรักฉันยกเว้น  มุอ์มิน  และจะไม่มีใครเกลียดชังฉันนอกจาก  มุนาฟิก

ดูซอฮิ๊ฮ์มุสลิม หะดีษที่  249


Θ  ความจริงหะดีษซอฮิ๊ฮ์บทเดียวถือว่าเพียงพอแล้วที่จะวัดว่า

ผู้ใดรักอาลี  เขาคือมุอ์มิน     และคนที่กลียดชัง   ด่าทออาลี  เขาคือพวกมุนาฟิก

แต่เพื่อตอกย้ำว่า   ท่านรอซูล(ศ)ได้ทำให้ท่านอาลีเป็นอะลามัตแห่งความศรัทธาและสัญลักษณ์ของคนไร้อีหม่านจริงๆ  เราจึงนำรายงานที่ถูกต้องจากมุหัดดิษซุนนี่มากล่าวไว้ณ.ที่นี้อีกคือ


►ท่านนะซาอี

عَنْ زِرٍّ قَالَ قَالَ عَلِىٌّ إِنَّهُ لَعَهْدُ النَّبِىِّ الأُمِّىِّ -صلى الله عليه وسلم- إِلَىَّ « أَنَّهُ لاَ يُحِبُّكَ إِلاَّ مُؤْمِنٌ وَلاَ يُبْغِضُكَ إِلاَّ مُنَافِقٌ ».   قال الشيخ الألباني : صحيح

ซิรรินเล่าว่า  ท่านอาลีกล่าวว่า :  ขอสาบานต่อผู้ที่ทำให้เมล็ดพันธ์ผลิแย้มและทรงบังเกิดแก่ดวงวิญญาณว่า  แท้จริงมันคือถ้อยคำของท่านนะบียุลอุมมี (ศ)ที่ได้กล่าวเอาไว้กับฉันว่า
จะไม่มีผู้ใดรักเจ้ายกเว้น  มุอ์มิน  และจะไม่มีใครเกลียดชังเจ้านอกจาก  มุนาฟิก

สถานะหะดีษ  :  ซอฮิ๊ฮ์  ดูสุนันนะซาอี  หะดีษที่  5018  ฉบับตรวจทานโดยเชคอัลบานี  


►ท่านติรมิซี

عَنْ زِرِّ بْنِ حُبَيْشٍ عَنْ عَلِىٍّ قَالَ لَقَدْ عَهِدَ إِلَىَّ النَّبِىُّ الأُمِّىُّ -صلى الله عليه وسلم- « أَنَّهُ لاَ يُحِبُّكَ إِلاَّ مُؤْمِنٌ وَلاَ يَبْغَضُكَ إِلاَّ مُنَافِقٌ ». قَالَ عَدِىُّ بْنُ ثَابِتٍ أَنَا مِنَ الْقَرْنِ الَّذِينَ دَعَا لَهُمُ النَّبِىُّ -صلى الله عليه وسلم-. قَالَ أَبُو عِيسَى هَذَا حَدِيثٌ حَسَنٌ صَحِيحٌ.

ซิรรินบินฮุบัยชินเล่าว่า  ท่านอาลีกล่าวว่า :  ขอสาบานต่อผู้ที่ทำให้เมล็ดพันธ์ผลิแย้มและทรงบังเกิดแก่ดวงวิญญาณว่า  แท้จริงมันคือถ้อยคำของท่านนะบียุลอุมมี (ศ)ที่ได้กล่าวเอาไว้กับฉันว่า

จะไม่มีผู้ใดรักเจ้ายกเว้น  มุอ์มิน  และจะไม่มีใครเกลียดชังเจ้านอกจาก  มุนาฟิก

สถานะหะดีษ  :  ซอฮิ๊ฮ์  ดูซอฮิ๊ฮ์ติรมิซี  หะดีษที่  2938  ฉบับตรวจทานโดยเชคอัลบานี  


►ท่านอิม่ามอะหมัด

عَنْ زِرِّ بْنِ حُبَيْشٍ عَنْ عَلِيٍّ رَضِيَ اللَّهُ عَنْهُ قَالَ  :
عَهِدَ إِلَيَّ النَّبِيُّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ أَنَّهُ لَا يُحِبُّكَ إِلَّا مُؤْمِنٌ وَلَا يُبْغِضُكَ إِلَّا مُنَافِقٌ

ซิรริน บินฮุบัยชินเล่าว่า  ท่านอาลีกล่าวว่า :  ขอสาบานต่อผู้ที่ทำให้เมล็ดพันธ์ผลิแย้มและทรงบังเกิดแก่ดวงวิญญาณว่า  แท้จริงท่านนะบี(ศ)ได้กล่าวไว้กับฉันว่า

จะไม่มีผู้ใดรักเจ้ายกเว้น  มุอ์มิน  และจะไม่มีใครเกลียดชังเจ้านอกจาก  มุนาฟิก

สถานะหะดีษ  :  ซอฮิ๊ฮ์  ดูมุสนัดอะหมัด  หะดีษที่  731,1062  ฉบับตรวจทานโดยเชคอัรนะอูฏี


►ท่านอะบูยะอ์ลา

عن زر بن حبيش : عن علي قال : والذي فلق الحبة وبرا النسمة إنه لعهد رسول الله صلى الله عليه و سلم إلي أنه لا يحبك إلا مؤمن ولا يبغضك إلا منافق
قال حسين سليم أسد : إسناده صحيح

ซิรริน บินฮุบัยชินเล่าว่า  ท่านอาลีกล่าวว่า :  ขอสาบานต่อผู้ที่ทำให้เมล็ดพันธ์ผลิแย้มและทรงบังเกิดแก่ดวงวิญญาณว่า  แท้จริงท่านนะบี(ศ)ได้กล่าวไว้กับฉันว่า

จะไม่มีผู้ใดรักเจ้ายกเว้น  มุอ์มิน  และจะไม่มีใครเกลียดชังเจ้านอกจาก  มุนาฟิก

สถานะหะดีษ  :  ซอฮิ๊ฮ์  ดูมุสนัดอะบียะอ์ลา  หะดีษที่  291  ฉบับตรวจทานโดยเชคฮูเซนสุลัยม์อะซัด



คำถามสำหรับวาฮาบี

รายงานหะดีษซอฮิ๊ฮ์ของท่านมุสลิม  ท่านนะซาอี  ท่านติรมิซี ท่านอิม่ามอะหมัดและท่านอบูยะอ์ลา   ห้านักรายงานนี้พอจะเป็นหลักฐานเอามาใช้ฮุก่ม(ตัดสิน)คนสะลัฟและค่อลัฟบางส่วนที่มีปัญหาขัดแย้งกับท่านอาลี หรือเคยด่าทอว่าร้ายท่านอาลีได้ไหมว่า พวกเขาเป็นบุคคลที่ไร้อีหม่าน  ???

หากท่านตอบว่า   ได้   ท่านยอมรับคำพูดของท่านนะบี(ศ)

หากท่านตอบว่า  ไม่ได้   เท่ากับท่านไม่ได้เอาคำพูดนะบี(ศ)เป็นบรรทัดฐานไปเสียทุกเรื่อง  
  •  

L-umar


หากวาฮาบีย้อนศรมาถามว่า   ในตำราชีอะฮ์มีรายงานหะดีษเช่นนี้หรือไม่  ????


۞  สามมุหัดดิษชีอะฮ์ผู้ยิ่งใหญ่คือ

1.   ท่านเชคศอดู๊ก

2.   ท่านเชคมุฟีด

3.   ท่านเชคตูซี่



ได้รายงานหะดีษที่ท่านรอซูล(ศ)กล่าวว่า    :  

لاَ يُحِبُّكَ إِلاَّ مُؤْمِنٌ، وَلاَيُبْغِضُكَ إِلاَّ مُناَفِقٌ

โอ้อาลี   จะไม่มีใครรักเจ้า  นอกจากคนมุอ์มิน   และจะไม่มีใครเกลียดชังเจ้า  นอกจากคนมุนาฟิก



►เชคศอดูกบันทึกไว้ในหนังสือ อิละลุล ชะรออิ๊อ์   เล่ม  1 : 214 หะดีษที่  12


حدثني محمدبن المظفر بن نفيس المصري رحمه الله قال: حدثني أبو اسحاق إبراهيم بن محمدبن احمدبن أخي سياب العطار الكوفي رضى الله عنه بالكوفة قال: حدثنا احمدبن الهذيل ابوالعباس الهمدانى قال: حدثنا ابونصر الفتح بن قرة السمرقندي قال: حدثنا محمدبن خلف المروزي قال: حدثنا يوسف بن إبراهيم قال: حدثنا ابن لهيعة عن أبى الزبير، عن جابرقال: قال ابوايوب الانصاري اعرضوا حب علي أولادكم، فمن احبه فهومنكم، ومن لم يحبه فاسألوا امه من اين جاء ت به، فإنى سمعت رسول الله صلى الله عليه وآله يقول لعلي بن ابى طالب: لا يحبك إلا مؤمن، ولايبغضك إلا منافق
كتاب : علل الشرائع للشيخ الصدوق  ج 1  ص 214  ح 12

ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)ได้กล่าวกับท่านอาลีว่า  :  จะไม่มีใครรักเจ้า  นอกจากคนมุอ์มิน   และจะไม่มีใครเกลียดชังเจ้า  นอกจากคนมุนาฟิก



►เชคมุฟีดบันทึกไว้ในหนังสืออัลอะมาลีมุฟีด   เล่ม  1 : 198 หะดีษที่  5

قال حدثنا أبو بكر محمد بن عمر الجعابي قال حدثنا أبو العباس أحمد بن محمد بن سعيد قال حدثنا جعفر بن محمد بن مروان قال حدثني أبي قال حدثنا إبراهيم بن الحكم عن المسعودي قال حدثنا الحارث بن حصيرة عن عمران بن حصين قال كنت أنا و عمر بن الخطاب جالسين عند النبي ص و علي ع جالس إلى جنبه إذ قرأ رسول الله ص أَمَّنْ يُجِيبُ الْمُضْطَرَّ  إِذا دَعاهُ وَ يَكْشِفُ السُّوءَ وَ يَجْعَلُكُمْ خُلَفاءَ الْأَرْضِ أَ إِلهٌ مَعَ اللَّهِ قَلِيلًا ما تَذَكَّرُونَ قال فانتفض علي (ع) انتفاضة العصفور فقال له النبي ص ما شأنك تجزع فقال ما لي لا أجزع و الله يقول إنه يجعلنا خلفاء الأرض فقال له النبي ص لا تجزع فو الله لا يحبك إلا مؤمن و لا يبغضك إلا منافق
كتاب : الأمالي للمفيد   ج 1  ص 198  ح 5

ท่านนะบี(ศ)ได้กล่าวกับท่านอาลีว่า  :  จะไม่มีใครรักเจ้า  นอกจากคนมุอ์มิน   และจะไม่มีใครเกลียดชังเจ้า  นอกจากคนมุนาฟิก



►เชคตูซี่บันทึกไว้ในหนังสืออัลอะมาลีตูซี่   เล่ม  1 : 232  หะดีษที่ 3-353

3 -353- أخبرنا محمد بن محمد، قال أخبرنا أبو بكر محمد بن عمر الجعابي، قال حدثنا علي بن العباس بن الوليد، قال حدثنا إبراهيم بن بشر بن خالد، قال حدثنا منصور بن يعقوب، قال حدثنا عمرو بن شمر، عن إبراهيم بن عبد الأعلى، عن سويد بن غفلة، قال سمعت عليا )عليه السلام( يقول و الله لو صببت الدنيا على المنافق صبا ما أحبني، و لو ضربت بسيفي هذا خيشوم المؤمن لأحبني، و ذلك أني سمعت رسول الله صلى الله عليه و آله  يقول يا علي، لا يحبك إلا مؤمن، و لا يبغضك إلا منافق.
كتاب : الأمالي للطوسي  ج 1  ص 232  ح 353

ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)ได้กล่าวว่า   โอ้อาลี  จะไม่มีใครรักเจ้า  นอกจากคนมุอ์มิน   และจะไม่มีใครเกลียดชังเจ้า  นอกจากคนมุนาฟิก



►อัลฮุรรุล อามิลีบันทึกว่า

عَنْ جَابِرٍ عَنْ أَبِي أَيُّوبَ عَنْ رَسُولِ اللَّهِ (ص) أَنَّهُ قَالَ لِعَلِيٍّ ع لَا يُحِبُّكَ إِلَّا مُؤْمِنٌ وَ لَا يُبْغِضُكَ إِلَّا مُنَافِقٌ
وسائل‏الشيعة ج : 2  ص :  319  ح 2243

ญาบิรรายงานจากท่านอบีอัยยูบ  จากท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)  แท้จริงท่านได้กล่าวกับท่านอาลีว่า  :

จะไม่มีใครรักเจ้า  นอกจากคนมุอ์มิน   และจะไม่มีใครเกลียดชังเจ้า  นอกจากคนมุนาฟิก



ดูหนังสือวะซาอิลุช ชีอะฮ์   เล่ม  2 : 319 หะดีษที่  2243



۩  นี่คือคุซูซียัต (สถานะภาพ)พิเศษที่ท่านรอซูล(ศ)มอบให้กับท่านอาลีโดยเฉพาะ
จะเห็นได้ว่า  หะดีษทั้งซุนนี่และชีอะฮ์ได้รายงานเรื่องนี้ไว้อย่างสอดคล้องกันดังนั้น

ผู้ใดก็ตามที่มีความเกลียดชังต่อ  " อาลีบินอะลีตอลิบ "    ผู้นั้นคือคนมุนาฟิก


ถ้าเราค้นพบหลักฐานว่า  บุคคลใดด่าทอว่าร้ายท่านอาลี  เราสามารถฮุก่มได้ว่าเขาคือ   ► มุนาฟิก ◄


۩ ถ้าท่านอยากทราบว่า  มุอาวียะฮ์และพวกอุมัยยะฮ์ด่าทอว่าร้ายท่านอาลีจริงหรือ  เชิญอ่านหะดีษเหล่านี้

http://www.q4sunni.com/believe/index.php?option=com_kunena&Itemid=71&func=view&catid=2&id=89#89

http://www.q4sunni.com/believe/index.php?option=com_kunena&Itemid=71&func=view&catid=2&id=90#90

http://www.q4sunni.com/believe/index.php?option=com_kunena&Itemid=71&func=view&catid=2&id=91

http://www.q4sunni.com/believe/index.php?option=com_kunena&Itemid=71&func=view&catid=2&id=92

http://www.q4sunni.com/believe/index.php?option=com_kunena&Itemid=71&func=view&catid=2&id=93

http://www.q4sunni.com/believe/index.php?option=com_kunena&Itemid=71&func=view&catid=2&id=94

http://www.q4sunni.com/believe/index.php?option=com_kunena&Itemid=71&func=view&catid=2&id=95

http://www.q4sunni.com/believe/index.php?option=com_kunena&Itemid=71&func=view&catid=2&id=96

http://www.q4sunni.com/believe/index.php?option=com_kunena&Itemid=71&func=view&catid=2&id=97

หลังจากท่านอ่านหลักฐานทั้งเก้าหะดีษแล้ว    

ท่านยังคิดว่า   มุอาวียะฮ์และพวกอุมัยยะฮ์ มีสัญลักษณ์แห่งผู้ศรัทธาหลงเหลืออยู่อีกหรือ ในเมื่อเขาด่าทอว่าร้ายท่าอาลี




☺คำถามสำหรับวาฮาบี

นอกเหนือจากท่านอาลีแล้วยังมีซอฮาบะฮ์ท่านใดบ้างที่ท่านรอซูล(ศ)กล่าวกับเขาว่า
จะไม่มีใครรักเจ้า  นอกจากคนมุอ์มิน   และจะไม่มีใครเกลียดชังเจ้า  นอกจากคนมุนาฟิก ?

และถ้ามีรายงานไว้ขอถามว่า  หะดีษนั้นซอฮิ๊ฮ์(ถูกต้อง) ไหม ???
  •  

L-umar

หะดีษที่กล่าวถึงผลเสียของผู้ที่เกีลียดชัง ว่าร้ายต่อท่านอาลีอีกดังนี้


อัลฮากิมบันทึกว่า

عن أبي الأزهر ، قال : ثنا عبد الرزاق ، أنبأ معمر ، عن الزهري ، عن عبيد الله بن عبد الله ، عن ابن عباس رضي الله عنهما قال : نظر النبي صلى الله عليه وسلم إلي فقال : « يا علي ، أنت سيد في الدنيا ، سيد في الآخرة ، حبيبك حبيبي ، وحبيبي حبيب الله ، وعدوك عدوي ، وعدوي عدو الله ، والويل لمن أبغضك بعدي »     قال الحاكم « صحيح على شرط الشيخين »

อบูอัซฮัรรายงานจากอับดุลร่อซ๊าก -  มะอ์มัร – อุบัยดุลลอฮ์ บินอับดุลลอฮ์ – อิบนุอับบาสเล่าว่า

ท่านนะบี(ศ)ได้มองมาที่ฉัน พลางกล่าวว่า   โอ้อาลี  เจ้าคือสัยยิดทั้งในดุนยา คือสัยยิดทั้งในอาคิเราะฮ์  คนที่เจ้ารักคือคนที่ฉันรัก และคนที่ฉันรักคือคนที่อัลลอฮ์รัก

ศัตรูของเจ้าคือศัตรูของฉัน  และศัตรูของฉันคือศัตรูของอัลลอฮ์  และความวิบัติจงประสบแก่ผู้ที่เกลียดชังเจ้าภายหลังจากฉัน



อัลฮากิมกล่าวว่า  ซอฮิ๊ฮ์ตามเงื่อนไขของท่านเชคทั้งสอง
ดูมุสตัดร็อก อัลฮากิม  หะดีษที่  4615




และท่านอัมมาร บินยาซิรเล่าว่า  ฉันได้ยินท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)กล่าวกับท่านอาลีว่า

يا علي ، طوبى لمن أحبك وصدق فيك ، وويل لمن أبغضك وكذب فيك

« هذا حديث صحيح الإسناد ، ولم يخرجاه »

โอ้อาลี  ขอจงประสบสิ่งดี(คือได้เข้าสวรรค์) สำหรับผู้ที่มีความรักต่อเจ้า และเชื่อมั่นในตัวเจ้า  และความวิบัติจงประสบแก่ผู้ที่ผู้ที่เกลียดชังเจ้าและปฏิเสธในตัวเจ้า


อัลฮากิมกล่าวว่า  หะดีษนี้มีสายรายงานซอฮิ๊ฮ์   แต่ท่านเชคทั้งสองไม่ได้นำออกรายงาน
ดูมุสตัดร็อก อัลฮากิม  หะดีษที่  4641



ท่านอาลีเล่าว่า  ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)กล่าวกับฉันว่า

إن الأمة ستغدر بك بعدي ، وأنت تعيش على ملتي ، وتقتل على سنتي ، من أحبك أحبني ، ومن أبغضك أبغضني

แท้จริงประชาชาติจะทรยศกบฏต่อเจ้าหลังจากฉัน   และเจ้าจะใช้ชีวิตอยู่บนศาสนาของฉัน และจะถูกฆ่าบนซุนนะฮ์ของฉัน  ผู้ใดมีความรักต่อเจ้า เท่ากับเขารักฉัน และผู้ใดเกลียดชังเจ้า เท่ากับเขาเกลียดชังฉัน


ดูมุสตัดร็อก อัลฮากิม  หะดีษที่  4669

ท่านซะฮะบีกล่าวว่า
تعليق الذهبي قي التلخيص : صحيح

หะดีษนี้  ซอฮิ๊ฮ์





Θเพราะฉะนั้นผู้ใดที่ออกมารบ มาต่อสู้ทำสงครามกับท่านอาลี

ผู้ใดที่เคยมีความหมาดหมางขัดแย้งกับท่านอาลี

ผู้ใดที่เคยต่อว่าอาลี เคยด่าทออาลี  เคยสาปแช่งอาลี ก็เท่ากับเขาโกรธเกลียดชิงชังต่ออาลี
และใครที่มีความโกรธเกลียดชิงชังต่ออาลีเท่ากับเขาผู้นั้นคือ  มุนาฟิกตามที่หะดีษของซุนนี่และชีอะฮ์รายงานไว้



แม้แต่ในสมัยซอฮาบะฮ์เองก็ไม่รู้ว่า ใครคือมุนาฟิก  จนมีหะดีษที่ท่านอบูษัรได้รายงานว่า

عن أبي ذر رضي الله عنه قال : « ما كنا نعرف المنافقين إلا بتكذيبهم الله ورسوله ، والتخلف عن الصلوات ، والبغض لعلي بن أبي طالب رضي الله عنه »
قال الحاكم « هذا حديث صحيح على شرط مسلم ولم يخرجاه »

พวกเราไม่เคยรู้จักพวกมุนาฟิก  ยกเว้นพวกเขาจะปฏิเสธอัลเลาะฮ์และรอซูลของพระองค์  และความล่าช้าต่อการทำนมาซเวลาต่างๆ   และความเกลียดชังที่มีต่ออาลี บินอบีตอลิบ

อัลฮากิมกล่าวว่า  หะดีษนี้ซอฮิ๊ฮ์ตามเงื่อนไขของท่านมุสลิม
ดูมุสตัดร็อก อัลฮากิม  หะดีษที่ 4618




Θคำถามสำหรับวาฮาบี

มุอาวียะฮ์และพวกพ้องอุมัยยะฮ์คือผู้ที่ออกมารบ มาต่อสู้ทำสงครามกับท่านอาลี

พวกเขาเคยมีความหมาดหมางขัดแย้งกับท่านอาลี

พวกเขาเคยต่อว่าอาลี เคยด่าทออาลี  เคยสาปแช่งอาลี ก็เท่ากับพวกเขาโกรธเกลียดชิงชังต่ออาลี
ในเมื่อพวกเขามีความโกรธเกลียดชิงชังต่ออาลีเท่ากับพวกเขาคือ  พวกมุนาฟิกตามที่หะดีษของซุนนี่และชีอะฮ์รายงานไว้ใช่ไหม ???

ทำไมพวกท่านจึงไม่ตำหนิพฤติกรรมของมุอาวียะฮ์และพวกอุมัยยะฮ์ หรือหัวใจของพวกท่านมีความรักต่อผู้ที่เกลียดชังอาลีอะลามัตแห่งอีหม่าน ???
  •  

L-umar

۩  การด่าซอฮาบะฮ์โดยซอฮาบะฮ์    

ตอน มุอาวียะฮ์สั่งด่า ท่านอะลี อะลัยฮิสสลาม




ตำแหน่งคอลีฟะฮ์ เป็นปัญหาขัดแย้งประการสำคัญที่สุดระหว่างมุสลิมทั้งซุนนีและชีอะฮ์ ตราบใดก็ตาม ที่มุสลิมเราไม่ตระหนักในประเด็นประวัติศาสตร์ด้านนี้   ตราบนั้น เราก็ได้แต่นับถือศาสนาไปตามประเพณี ตักลีดตามกันไปอย่างหลับหูหลับตา ไม่มีการตรวจสอบ วิเคราะห์วิจัยโดยละเอียดและเนียน

ชีอะฮ์ถือว่า เรื่องตำแหน่งคอลีฟะฮ์ เป็นแกนของปัญหาความขัดแย้งอื่นๆ ที่มีระหว่างซุนนี ชีอะฮ์ ความรู้ในเรื่องคอลีฟะฮ์ เป็นความจำเป็นอย่างหนึ่ง และถ้าหากใครได้ศึกษาวิเคราะห์ปัญหานี้ด้วยใจบริสุทธิ์เป็นธรรม แน่นอน นี่คือประตูสำคัญสำหรับการตัดสินใจเลือกเข้ารับแนวทางอะฮ์ลุลบัยต์ หรือแนวทางชีอะฮ์อาลี

มีหลายเหตุผล หลายหัวข้อ และหลายประเด็น ที่สะท้อนคำตอบแก่ปัญหานี้ตรงกันว่า แนวทางที่เป็นสัจธรรม เที่ยงแท้จากท่านนะบี (ศ)นั้น คือแนวทางการนับถือศาสนาของบรรดาอะฮ์ลุลบัยต์ (อ)    อะฮ์ลุลบัยต์เป็นข้อทดสอบของมวลมุสลิมทุกยุค ทุกสมัย  ท่านนะบี (ศ) เองได้สั่งเสียไว้ในฮะดีษซอฮี๊ฮ์ว่า จงตรึกตรองดูเถิดว่า พวกท่านได้ขัดแย้งกับฉัน ในเรื่องอะฮ์ลุลบัยต์ของฉันอย่างไร ?
ท่านกล่าวอย่างนี้ สามครั้งติดๆกัน หลังจากได้ประกาศว่า ท่านได้ละทิ้งสิ่งหนักไว้ในหมู่พวกท่าน สองประการ นั่นคือ คัมภีร์ของอัลลอฮ์ และอะฮ์ลุลบัยต์ของท่าน แน่นอน หลักฐานการปฏิบัติศาสนกิจของบรรดามุสลิมทั้งซุนนีและชีอะฮ์ ต่างก็มีที่มา ต่างก็มีผู้รายงานถ่ายทอด มีการวิเคราะห์ ตรวจสอบ กว่าจะมาถึงยุคสมัยของเรา
สำหรับของแนวทางซุนนีนั้น ผู้ทำหน้าที่รายงานถ่ายทอด ไม่จำเป็นจะต้อง อะฮ์ลุลบัยต์ (อ)ก็ได้ แต่ส่วนชีอะฮ์ จำเป็นอย่างยิ่ง ต้องเป็นอะฮ์ลุลบัยต์ เส้นแบ่งเพียงแค่นี้  ได้พาลพาให้กลายเป็นความแตกต่าง และความขัดแย้งมากมาย จนไม่สามารถหาข้อยุติในวงกว้างได้สำเร็จ นอกเสียจาก การแสวงหาความจริงของแต่ละบุคคล ในส่วนปัจเจกชน ที่เป็นอิสรชนเท่านั้น
อุปสรรคอย่างหนึ่ง ที่ทำให้หลายคนไม่กล้า ไม่อยากเข้าไปศึกษาเรื่องราวของชีอะฮ์ นั่นคือ การถูกข่มขู่ด้วยข้อหา ด่าประณามซอฮาบะฮ์หรือสาวกท่านนะบี (ศ)
หลายคนมองว่า ซอฮาบะฮ์ เป็นตำแหน่งของเหล่าบรรดาชาวสวนสวรรค์  และทุกคนจะเป็นกาเฟรทันที ถ้าหากประณามหรือตำหนิติเตียนซอฮาบะฮ์ของท่านนะบี(ศ)
พวกเขาเชื่อว่า  เงื่อนไขประการหนึ่งของคนที่จะได้เข้าสวรรค์ก็คือ ต้องไม่ตำหนิติเตียนซอฮาบะฮ์ท่านนะบี(ศ)เลยเป็นอันขาด   ทั้งๆที่คำสอนเช่นนี้ เป็นคำสอนแบบกดขี่ เอารัดเอาเปรียบและอุตริแหวกแนว ไม่มีร่องรอยคำสอนเช่นนี้ในอัลกุรอาน และฮะดีษซอฮี๊ฮ์เลย
เราเคยเสนอหลักคิดจากหลายอายะฮ์ในอัลกุรอาน ที่อัลลอฮ์ติเตียนบรรดาซอฮาบะฮ์ที่ดื้อรั้น และละเมิดคำสั่งของท่านนะบี (ศ) และเคยให้ข้อมูลมาไม่น้อยเกี่ยวกับความขัดแย้งในระหว่างพวกซอฮาบะฮ์กันเอง ที่ได้ขับเคี่ยว ฟาดฟัน ห้ำหั่น เป็นศัตรูกันมากมาย ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลยว่า เหล่าบรรดาชาวสวรรค์จะเป็นศัตรูกันเอง จะต้องมีฝ่ายหนึ่งอยู่กับสัจธรรม และอีกฝ่ายหนึ่ง ต่อต้านสัจธรรม เป็นแน่นอน  
เรื่องการด่าท่านอะลี (อ) เป็นหลักการบนมิมบัร ในสมัยมุอาวียะฮ์ เป็นอีกหัวข้อหนึ่งที่น่าศึกษา และทบทวนดูเพื่อแสวงหาคำตอบว่า   สัจธรรมกับความหลงผิดอยู่กับฝ่ายใด
แต่สำหรับชีอะฮ์นั้น ให้คำตอบในเรื่องนี้มานานแล้วว่า ไม่มีความอธรรมและความเลวร้ายใดจะะยิ่งใหญ่กว่า การวางกฎเกณฑ์ให้ด่าท่านอะลี(อ) บนมิมบัร
ที่ประเทศซีเรียสมัยมุอาวียะฮ์เป็นผู้ปกครอง มีอยู่ช่วงหนึ่งที่เขาได้ทำสงครามกับอะมีรุลมุมินีนอาลี (อ) แน่นอน ตำแหน่งอะมีรุลมุมินีนของท่านอะลีนั้น เป็นตำแหน่งที่ถูกต้องตามบทบัญญัติศาสนา ตั้งแต่ครั้งที่ท่านรอซูล(ศ)ยังมีชีวิตอยู่เรื่อยมา   ถึงแม้ท่านอะลีจะไม่ได้เป็นคอลีฟะฮ์ปกครองอาณาจักรในทันทีหลังท่านท่านนบี (ศ) วะฟาตก็ตาม
นอกจากมุอาวียะฮ์ได้ทำสงครามกับผู้นำโดยชอบธรรมของอิสลามแล้ว   มุอาวียะฮ์ยังได้ใช้อำนาจการปกครองของเขาที่ซีเรีย  วางกฎเกณฑ์ให้ด่าทอท่านอะลีบนมิมบัร  จนกระทั่งได้กลายเป็นหลักการข้อหนึ่ง สำหรับการกล่าวคุฏบะฮ์บนมิมบัรของประชาชาติอิสลาม
มีการบันทึกโดยมุสลิม (ซอฮี๊ฮ์มุสลิม เล่ม 4 หน้า 1871 ฮะดีษที่ 6373)

أَمَرَ مُعَاوِيَةُ بْنُ أَبِى سُفْيَانَ سَعْدًا فَقَالَ مَا مَنَعَكَ أَنْ تَسُبَّ أَبَا التُّرَابِ فَقَالَ أَمَّا مَا ذَكَرْتُ ثَلاَثًا قَالَهُنَّ لَهُ رَسُولُ اللَّهِ -صلى الله عليه وسلم- فَلَنْ أَسُبَّهُ لأَنْ تَكُونَ لِى وَاحِدَةٌ مِنْهُنَّ أَحَبُّ إِلَىَّ مِنْ حُمْرِ النَّعَمِ

ท่านอามิร บินสะอัด บินอะบีวักกอศรายงานจากบิดาของเขา ได้กล่าวว่า :
มุอาวียะฮ์ บุตรอะบีซุฟยานได้สั่งสะอัด โดยกล่าวว่า : อะไรเป็นเหตุยับยั้งท่าน มิให้ด่าอะบูตุรอบ(อาลี) ?

สะอัดได้กล่าวว่า :  เนื่องจากยังมีสามประการที่ฉันยังจำได้ ที่ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)เคยกล่าวกับเขา ฉะนั้น ฉันจึงไม่อาจด่าเขาได้ เพราะแท้จริง เพียงประการ เดียวจากเรื่องเหล่านั้น ถ้าหากได้กับฉัน ฉันจะรักชอบยิ่งกว่าได้อูฐสีแดง

ได้มีผู้รู้หลายคนพยายามจะอธิบายอย่างสุดกำลังว่า   มุอาวียะฮ์เพียงแต่ถามสะอัดบินอบีวักกอศเท่านั้นว่า  
เหตุใดจึงไม่ด่าท่านอะลี    กล่าวคือมุอาวียะฮ์มิได้เรียกร้อง ต้องการให้สะอัดกระทำเช่นนั้นแต่อย่างใด

แต่เราต้องใช้วิจารณญาณต่อถ้อยคำในบันทึกอย่างละเอียดถี่ถ้วนตั้งแต่ถ้อยคำแรกของประโยคบอกเล่าที่ว่า
มุอาวียะฮ์ บินอะบีซุฟยานได้สั่งสะอัด ซึ่งถ้าหากมุอาวียะฮ์มิได้สั่งให้สะอัดด่าอะลี  แล้วเขาสั่งเรื่องอะไร ?
แน่นอน ยังมีรายงานว่า  มีเงื่อนไขจากท่านฮะซันบุตรอะลี ที่ยื่นเสนอต่อมุอาวียะฮ์ประการหนึ่ง คือ เขาจะต้องหยุดด่าท่านอะลี

وَوَفَى معاويةُ لِلْحَسَنِ بَيْتَ الْماَلِ، وَكاَنَ فِيْهِ يَومَئِذٍ سَبْعَة آلاَف أَلْفَ دِرهَم، فَاحْتَمَلَهاَ الْحَسَنُ، وَتَجَهَّزَ هُوَ وَأهلُ بَيْتِهِ إِلَى الْمَدِيْنَة، وَكَفَّ مُعاويةُ عَنْ سَبِّ عَلِيٍّ وَالْحَسَنُ يَسْمَعُ
تاريخ دمشق  ج 13 ص 266 وتهذيب الكمال ج 6  ص 247 وسير أعلام النبلاء  ج 3  ص 264

ในขณะที่สะอัดได้ฟังเรื่องนั้นด้วยตัวเอง เขากล่าวว่า มุอาวียะฮ์ทำตามสัญญากับท่านฮะซัน ในเรื่องบัยตุลมาล ซึ่งในขณะนั้นมีจำนวน  6 แสนดิรฮัม และท่านฮะซันพร้อมด้วยอะฮ์ลุลบัยต์ของท่านได้จัดการบรรทุกกลับไปยังเมืองมะดีนะฮ์ และมุอาวียะฮ์ได้หยุดยั้งจากการด่าท่านอะลี ในขณะที่ท่านฮะซันได้ยิน

อ้างอิงจากตารีคดามัสกัส   เล่ม 13 : 266  ตะฮ์ซีบบุลกะมาล เล่ม 6 : 247  สิยัรอะอ์ลามุนนุบะลาอ์ เล่ม 3 : 264


وقال في ( بغية الطلب في تاريخ حلب ) : \\\" أبو أيوب خالد بن زيد ، بدري ، وهو الذي نزل على النبي مقدمه المدينة ، وهوكان على مقدمة علي يوم صفين ، وهو الذي قال لمعاوية حين سب عليا : كف يا معاوية عن سب علي في الناس ، فقال معاوية : ما أقدر على ذلك منهم ، فقال أبو أيوب : والله لا أسكن أرضا أسمع فيها سب علي ، فخرج إلى سيف البحر حتى مات ، رحمه الله

ในหนังสือ บัฆยะตุฏฏ็อลบ์  ฟี ตารีค ฮัลบ์ เล่ม 7 หน้า 3033 ระบุว่า
\\\"อะบูอัยยูบ คอลิด บิน ซัยด์ บัดรีย์ คนที่ให้การต้อนรับท่านนะบีเป็นคนแรก เมื่อเดินทางถึงเมืองมะดีนะฮ์ และในสงครามศิฟฟีน เขาก็เป็นคนนำหน้าท่านอะลี และเขาคือคนที่กล่าวแก่มุอาวียะฮ์ ในขณะที่ได้ด่าท่านอะลีว่า โอ้มุอาวียะฮ์ จงหยุดด่าอะลีในหมู่ประชาชนเถิด
ดังนั้น มุอาวียะฮ์ได้กล่าวว่า ฉันไม่สามารถทำเช่นนั้น ยิ่งกว่าพวกเขาได้    ดังนั้นอะบูอัยยูบได้กล่าวว่า ขอสาบานต่ออัลลอฮ์ ฉันจะไม่อยู่ในแผ่นดินที่ฉันได้ยินการด่าท่านอะลี แล้วเขาได้ออกไปยังเมืองซัยฟุลบะห์ริ จนกระทั่งตาย (ขอให้อัลลอฮ์ทรงเมตตาต่อเขา)


หรือว่า เป็นเรื่องของความบังเอิญ สำหรับการที่บรรดาข้าหลวงของมุอาวียะฮ์ ที่ถูกส่งไปปกครองตามหัวเมืองต่างๆ   ต่างได้พากันด่าท่านอะลีบนมิมบัรทั่วทุกหัวเมือง โดยที่มิได้เป็นคำสั่งของคอลีฟะฮ์มุอาวียะฮ์ ?

แต่ถึงกระนั้น มุอาวียะฮ์ก็ต้องรู้ว่า  ได้มีการด่าท่านอะลีบนมิมบัรต่างๆ  แต่มุอาวียะฮ์ก็ไม่ห้ามพวกเขา ทั้งๆที่มีความสามารถห้ามได้ นั่นก็หมายความว่า ไม่ต่างอะไรกับการด่าด้วยตัวเองเช่นกัน

แสดงว่า มุอาวียะฮ์ ประมุขของมุสลิมกลุ่มหนึ่งนั้น เป็นคนด่าซอฮาบะฮ์นะบี (ศ)    

ฉะนั้น ข้อกล่าวหาที่ว่า   การด่าซอฮาบะฮ์เป็นกาเฟร ก็ดูจะเป็นข้อหาสำหรับมุอาวียะฮ์พร้อมกันไปด้วย เพราะมีหลักฐานบ่งชัดว่า มุอาวียะฮ์ได้ด่า และสั่งให้ด่าท่านอะลี ซึ่งแน่นอน ท่านอะลี นั้นใกล้ชิดกับท่านนะบี (ศ) เสียยิ่งกว่าเป็นซอฮาบะฮ์ เสียอีก

ฉะนั้น การยกย่องเชิดชูมุอาวียะฮ์และแนวทางของมุอาวียะฮ์ที่แท้ก็คือ การยกย่องและเชิดชูแนวทางของคนที่ด่าซอฮาบะฮ์ท่านนะบี (ศ )นั่นเอง


เรามิได้ปรักปรำบรรดาสาวกผู้มีคุณธรรมของท่านนะบี(ศ)ว่า   เป็นคนผิด เรามิได้กล่าวหาบรรดาสาวกผู้บริสุทธิ์ต่อศาสนา และซื่อสัตย์ต่อท่านนะบี(ศ)ฃว่า    เป็นคนเลวหรือชั่วร้าย

แต่เราจำเป็นต้องกล่าวถึงเรื่องราวของคนที่ทำความผิด และไม่บริสุทธิ์ใจ ไม่ซื่อสัตย์ต่อศาสนาและต่อท่านนะบี (ศ) เพื่อพิสูจน์ให้เห็นถึงสัจธรรมความจริงของแนวทางชีอะฮ์อาลีว่าเป็นแนวทางอันเที่ยงแท้ของอัลอิสลาม ศาสนาของอัลลอฮ์ อย่างแท้จริง

การที่เรากล่าวถึงความไม่ถูกต้องของซอฮาบะฮ์บางคนเยี่ยงมุอาวียะฮ์และบรรดาแกนนำดับหัวหน้าของเขา ตลอดจนลิ่วล้อบริวาร   เป็นเพียงการกระทำที่เรียกว่า ไม่กลบเกลื่อนความจริง และไม่นำเอาความเท็จเข้าไปปะปนกับสัจธรรมเท่านั้น

เพราะว่า   ถ้าหากเราสามารถกล่าวถึงความจริงได้อย่างอิสระ เสรี เราก็สามารถชี้ผิดชี้ถูกให้แก่ตัวเองได้  
ว่าไปแล้ว หลายหะดีษที่ระบุอย่างชัดเจนว่า  ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงบทบัญญัติศาสนา โดยบรรดาสาวกบางคนของท่านนะบี (ศ) เช่น    ท่านอิบนุอับบาสเล่าว่า :

وَإِنَّهُ سَيُجَاءُ بِرِجَالٍ مِنْ أُمَّتِي فَيُؤْخَذُ بِهِمْ ذَاتَ الشِّمَالِ فَأَقُولُ يَا رَبِّ أَصْحَابِي قَالَ فَيُقَالُ لِي إِنَّكَ لَا تَدْرِي مَا أَحْدَثُوا بَعْدَكَ لَمْ يَزَالُوا مُرْتَدِّينَ عَلَى أَعْقَابِهِمْ مُذْ فَارَقْتَهُمْ فَأَقُولُ كَمَا قَالَ الْعَبْدُ الصَّالِحُ
{ وَكُنْتُ عَلَيْهِمْ شَهِيدًا مَا دُمْتُ فِيهِمْ الْآيَةَ إِلَى إِنَّكَ أَنْتَ الْعَزِيزُ الْحَكِيمُ }
 
ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)ได้กล่าวว่า   :  
แน่นอน จะมีบรรดาผู้ชายกลุ่มหนึ่งจากประชาชาติของฉันถูกนำมา แล้วพวกเขากำลังถูกนำไปยังด้านซ้าย แล้วฉันได้กล่าวว่า โอ้พระผู้อภิบาลนั่นคือ ซอฮาบะฮ์ของฉัน  แล้วได้มีเสียงกล่าวว่า   แท้จริงเจ้าไม่รู้ดอกว่าภายหลังจากเจ้าแล้ว พวกเขาได้ก่อเหตุอะไรขึ้น ดังนั้น ฉันจึงกล่าวตามที่บ่าวผู้มีคุณธรรมได้กล่าวว่า     (( และข้าพระองค์ย่อมเป็นพยานยืนยันต่อพวกเขาในระยะเวลาที่ข้าพระองค์อยู่ในหมู่พวกเขา ครั้นเมื่อพระองค์ได้ทรงรับข้าพระองค์ไปแล้ว พระองค์ท่านก็เป็นผู้ดูและพวกเขา และพระองค์ทรงเป็นสักขีพยานในทุกสิ่ง))
หากพระองค์จะทรงลงโทษพวกเขาแท้จริงพวกเขาก็คือบ่าวของพระองค์ และหากพระองค์จะทรงอภัยโทษให้แก่พวกเขา แท้จริงพระองค์ท่านคือ ผู้ทรงเดชานุภาพ ผู้ทรงปรีชาญาณ ))

รายงานโดยบุคอรี  มุสลิม  ติรมิซี   นะซาอี และอะห์มัดบินฮัมบัล


การตะแบงหรือพยายามเอาสีข้างเข้าถู แล้วอธิบายฮะดีษนี้ให้ความหมายเบี่ยงเบนเป็นอย่างอื่นเช่นว่า

ท่านนะบี (ศ )ไม่ได้หมายถึงซอฮาบะฮ์ในสมัยของท่าน  แต่หมายถึงประชาชาติทุกคนยกเว้นซอฮาบะฮ์ของท่านนะบี(ศ) เพราะเหตุว่า ซอฮาบะฮ์ท่านนะบีทั้งหมดล้วนเข้าสวรรค์ โดยไม่ถูกสอบสวน ขอแต่เพียงเกิดมาเป็นซอฮาบะฮ์ของท่านนะบีก็เป็นชาวสวรรค์แล้ว

ฉะนั้นพวกที่ถูกนำไปทิศทางด้านซ้ายในวันกิยามะฮ์   เพื่อลงนรกตามรายงานฮะดีษนี้ หมายถึงคนอื่นทั้งสิ้น ไม่รวมถึงซอฮาบะฮ์ของท่านนะบี(ศ)

คำว่า ซอฮาบะฮ์ ในนิยามของพวกเขาทุกแห่งและทุกกาลเวลาสถานที่ หมายถึงซอฮาบะฮ์ของท่านนะบี (ศ)

และไม่เคยยกย่องประชาชาติอิสลามรุ่นใดขึ้นเป็นซอฮาบะฮ์ และไม่เคยมีอุละมาอ์คนใดยอมรับหรือเรียกว่าตัวของพวกเขาเอง หรือคนในรุ่นอื่น ที่มิใช่สมัยเดียวกับท่านนบี(ศ)ว่า เป็นซอฮาบะฮ์ท่านนะบี(ศ) แม้สักครั้งเดียว

แต่พอเจอฮะดีษนี้ ที่ท่านนะบี(ศ) ใช้คำพูดของท่านเองเรียกเหล่าบรรดาคนที่ถูกนำไปนรก ว่า ซอฮาบะฮ์ของฉัน    พวกเขากลับปฏิเสธทันควันว่า ไม่ได้หมายถึงซอฮาบะฮ์ท่านนะบี(ศ)
การอธิบายอย่างนี้จะถูกต้องหรือไม่ ขอได้โปรดใช้ดุลยพินิจและคิดด้วยวิจารณญาณ

เป็นไปไม่ได้เลยอย่างเด็ดขาด สำหรับความคิดอย่างงมงายของใครบางคน ที่แย้งเราว่า
บรรดาผู้คนที่เกิดมาทันได้พบกับท่านนะบี(ศ) แล้วได้เป็นซอฮาบะฮ์นั้น เสมือนได้ถูกจัดให้อยู่ในช่วงฟิตเราะฮ์   คือช่วงการว่างเว้นบทลงโทษจากอัลลอฮ์ โดยพระองค์ไม่ทรงเอาผิดใคร ไม่ทรงเอาโทษผู้ใด   ไม่ว่า ใครจะผิดแค่ไหน ใครจะฆ่าใคร ใครจะกินเหล้า หรือทำบาปใดๆ ก็ไม่เป็นบาป เพราะเหตุว่า พวกเขาเป็นซอฮาบะฮ์ของท่านนะบี(ศ)

ต่อให้ท่านอะบูบักร์  ท่านอุมัรใช้ตำแหน่งหน้าที่ฆ่าคน ทำร้ายคนสักเท่าไหร่ ต่อให้ท่านหญิงอาอิชะฮ์ ยกทัพเข้าเข่นฆ่าสังหารชีวิตผู้คนสักกี่หมื่น จนเลือดท่วมถึงท้องอูฐ ต่อให้มุอาวียะฮ์ ทำสงครามกับท่านอะลี  พวกเขาก็ไม่มีความผิดในทัศนะของอัลลอฮ์ และพวกเขาคือ ชาวสวรรค์

แล้วยะซีดกับทหารของเขาจำนวนสามหมื่น ที่ส่งกองทัพไปเข่นฆ่าอิมามฮูเซนและบรรดาอะฮ์ลุลบัยต์ ลูกหลานท่านนะบี (ศ) จำนวนมากที่ทุ่งกัรบะลาในปี ฮ.ศ. 61 อีกเล่า พวกเขาก็ไม่ผิดใช่ไหม    เพราะพวกเขาบางคนเป็นซอฮาบะฮ์   บางคนเป็นลูกหลานซอฮาบะฮ์ ซึ่งคนทั้งหมดล้วนเข้าสวรรค์ด้วยกันทั้งนั้น ?

☺►ความเชื่อแบบที่ไร้สาระและเหลวไหลกว่านี้ในหมู่มนุษยชาติ คงไม่มีอีกแล้ว  


۩   อ้างอิงจากเวบยอมใหญ่
http://www.yomyai.com/
  •  


24 ผู้มาเยือน, 0 ผู้ใช้