Welcome to Q4wahabi.com (Question for Wahabi). Please login or sign up.

ธันวาคม 22, 2024, 11:03:21 ก่อนเที่ยง

Login with username, password and session length
สมาชิก
  • สมาชิกทั้งหมด: 1,718
  • Latest: Haroldsmolo
Stats
  • กระทู้ทั้งหมด: 3,698
  • หัวข้อทั้งหมด: 778
  • Online today: 33
  • Online ever: 200
  • (กันยายน 14, 2024, 01:02:03 ก่อนเที่ยง)
ผู้ใช้ออนไลน์
Users: 0
Guests: 44
Total: 44

วิจัยเรื่อง 12 ผู้นำที่วาฮาบีและอะชาอิเราะฮ์ อคติ

เริ่มโดย L-umar, เมษายน 30, 2010, 04:51:57 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

L-umar

จะเห็นได้ว่า แม้แต่ผู้แปลหะดีษข้างต้น ซึ่งเป็นซุนนี่ยังแปลคำ  อิหม่าม อาดิล ว่า→  ผู้ปกครอง ที่ยุติธรรม

แต่ท่าน อ. อารีฟีน แสงวิมาน และท่าน อ. ฟารีด เฟ็นดี้  บอกว่า  อิหม่ามกับคอลีฟะฮ์ มีความหมายไม่เหมือนกัน  !!!

อาจารย์ทั้งสองอาจจะเล่นลิ้นอีกว่า  ซุนนี่ในเวบอิสลามไซเบอร์เขาแปลผิด   ไม่เป็นไร  ทีนี้ขอให้เราไปฟังการให้ความหมายคำ อิหม่าม โดยอุละมาอ์ซุนนี่ระดับสูงบ้าง


Θ  ท่านอิบนุฮะญัร อัลอัสก่อลานี ได้อธิบายคำ อิหม่าม ว่า

قَوْله : ( الْإِمَام الْعَادِل )
وَالْمُرَاد بِهِ صَاحِب الْوِلَايَة الْعُظْمَى ، وَيَلْتَحِقُ بِهِ كُلُّ مَنْ وَلِيَ شَيْئًا مِنْ أُمُور الْمُسْلِمِينَ فَعَدَلَ فِيهِ ،
فتح الباري لابن حجر  ج 2  ص 485  حديث رقم : 620

คำ << อัลอิหม่าม อัลอาดิล >>  และความหมายต่อมันคือ ซอฮิบุลวิลายะฮ์ อัลอุซมา แปลว่า  ผู้ปกครองที่ยิ่งใหญ่ และมันยังเกี่ยวเนื่องกับ ทุกคนที่รับผิดชอบดูแลสิ่งหนึ่งสิ่งใดจากกิจการของบรรดามุสลิม แล้วเขาได้ให้ความเป็นธรรมในสิ่งนั้น


ดูฟัตฮุลบารี  เล่ม 2 : 485 หะดีษที่  620
  •  

L-umar


Θ ท่านอิบนุตัยมียะฮ์  กล่าวว่า

وَالْمَقْصُوْدُ أنَّ جَواَزَ تَوليةِ الْمَفْضُوْلِ لِأسبابِ ماَنِعِه مِنْ تَولية الْفاَضِلِ هُوَ قَولُ ذَهَبَ إليه طَواَئِفٌ مِنَ السُّنَّة وَالشِّيْعَة وَمَعَ هَذاَ فَلَمْ يَكُن الذين مع معاوية يقولون إنه الْإماَمُ وَالْخَلِيْفَة...
كتاب : منهاج السنة النبوية  ج 6 ص 332

และมักซู๊ด(จุดประสงค์)  แท้จริงเรื่องการอนุญาตให้ที่คนมัฟฎู้ลขึ้นปกครอง เนื่องจากมีสาเหตุกีดขวางมิให้คนที่ฟาดิ้ล(ประเสริฐกว่ามัฟฎู้ล)ขึ้นปกครอง คือคำพูดที่คนกลุ่มต่างๆจากทั้งซุนนี่และชีอะฮ์มีทัศนะต่อมัน   และในขณะเดียวกันนี้ก็ไม่มีบรรดาผู้ที่อยู่ฝ่ายมุอาวียะฮ์ ที่พวกเขากล่าวว่า  แท้จริงเขาคือ " อิหม่ามและคอลีฟะฮ์ " ....

ดูมินฮาญุสซุนนะฮ์  เล่ม 6 หน้า 332


จะเห็นได้ว่า  ท่านอิบนุตัยมียะฮ์ก็เป็นผู้เชี่ยวชาญภาษาศาสตร์คนหนึ่ง แต่เขายังได้นำคำ อิหม่ามกับคอลีฟะฮ์มาใช้ร่วมกันและสื่อถึงความหมายเดียวกันคือ " เรื่องผู้นำ ผู้ปกครอง "  หากแม้นว่าสองคำดังกล่าวมีความหมายไม่เหมือนกัน  อิบนุตัยมียะฮ์คงไม่นำสองคำนี้มาพูดในวาระเรื่องเดียวกันอย่างแน่นอน หรือเขาต้องชี้แจงความแตกต่างในรายละเอียดเอาไว้
  •  

L-umar


Θ ท่านนะบี(ศ)กล่าวว่า

إِنَّمَا يَلْبَسُ الْحَرِيرَ مَنْ لا خَلاقَ لَهُ

แท้จริงคนที่สวมใส่ผ้าไหม คือผู้ที่อับโชค


ดูซอฮิ๊ฮ์บุคอรี  หะดีษที่  6081



ท่านอิบนุบัฏฏ็อลได้ให้คำอธิบายหะดีษนี้ว่า

قال المؤلف: فيه : جَواَزُ تَجَمُّلِ الْخَلِيْفَةِ وَالْإماَمِ لِلْوفودِ القادِمِيْنَ عليه بِحُسْنِ الزى وجَمِيْلِ الْهيئة

كتاب : شرح البخاري لابن بطال  ج 17 ص 333 ح 63

เป็นสิ่งอนุญาตให้ " คอลีฟะฮ์ และ อิหม่าม "   แต่งองค์ทรงเครื่องเพื่อต้อนรับอาคันตุกะตัวแทนที่มาเยี่ยมเขาด้วยเครื่องแบบที่สวยงามได้


ดูหนังสือ ชัรฮุลบุคอรี โดยอิบนุบัฏฏ็อล   เล่ม 17 : 333 หะดีษที่ 63
  •  

L-umar

۩  สรุปใจความตอนที่สาม


จะเห็นได้ว่า อุละมาอ์ซุนนี่ระดับสูงสามท่าน คือ

1.   ท่านอิบนุฮะญัร อัลอัสเกาะลานี
2.   ท่านอิบนุบัฏฏ็อล
3.   ท่านอิบนุตัยมียะฮ์

มีทัศนะทางภาษาศาสตร์ว่า  อิหม่าม กับ คอลีฟะฮ์   มีความหมายเหมือนกัน หรือคล้ายกัน

ซึ่งคำ

" อิหม่าม "   โดยทั่วๆไปแล้ว นักวิชาการจะนำมาใช้เพื่อสื่อความหมายถึง " ผู้ปกครอง "  
ตามที่อิบนุฮะญัรอธิบายไว้

ส่วนท่านอิบนุตัยยะฮ์กับอิบนุบัฏฏ็อลก็ได้นำคำ  " อิหม่ามกับคอลีฟะฮ์ " มาใช้ร่วมกัน เมื่อได้กล่าวถึงเรื่อง ผู้นำ กับ ผู้ปกครอง

แสดงว่า  อุละมาอ์ซุนนี่ระดับอาวุโสมองว่า ทั้งสองคำนี้มีความหมายเหมือนกันซึ่งอาหรับเรียกว่า  มุตะรอดิฟะฮ์

☺แต่บุคคลที่เล่นลิ้นกับความหมายทั้งสองนี้คือ   อาจารย์อารีฟีน แสงวิมาน กับอาจารย์ฟารีด  เฟ็นดี้


และเราเชื่อว่าอาจารย์ทั้งสองยังคงต้องออกมาเล่นลิ้นต่อไป ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาของคน

แต่เราไม่สนใจหรอก  เพราะจุดประสงค์ของเราคือต้องการพิสูจน์ให้ท่านผู้อ่านได้ทราบว่าคำอิหม่ามและคอลีฟะฮ์มีความหมายเหมือนกันตามที่นักปราชญ์ซุนนี่เองได้อธิบายไว้หรือได้นำมาใช้สื่อกับผู้อ่านตำราของพวกเขา

ส่วนท่านอาจารย์อารีฟีน แสงวิมาน กับอาจารย์ฟารีด  เฟ็นดี้จะเล่นลิ้นต่อไปอย่างไร มันก็เป็นสิทธิของเขาทั้งสอง  เพราะทั้งสองจำต้องทำเพื่อความอยู่รอดของสิ่งที่ตนยึดมั่นถือมั่นไว้
อัลเลาะฮ์ เท่านั้นคือผู้ทรงเที่ยงธรรมในการพิพากษามนุษย์


ตอนต่อไปเราจะมาพิจารณากันว่า   ซุนนี่มอง 12 ผู้ปกครองอย่างไร  เป็นใคร และทำไม

 
  •  

L-umar

ตอนที่  สี่  -  ใครคือ สิบสองผู้นำ  ตามทัศนะซุนนี่



คุณอัซฮะรี  โต๊ะครูอะชาอิเราะฮ์ ได้ยกหลักฐานมากล่าวดังนี้

พี่น้องชาวซุนนะฮฺลองมาพิจารณาความเห็นของ อัล-หาฟิซฺ อิบนุ หะญัร อัลอัสเกาะลานีย์ (ร.ฏ.) ท่านกล่าวว่า \\\" ที่ใกล้เคียงที่สุด ในเรื่องนี้ ดังที่อุลามาอฺกลุ่มหนึ่งได้กล่าวไว้ มีความว่า จุดมุ่งหมายของฮะดิษนี้ คือ บรรดาคอลิฟะฮฺทั้งสี่ มุอาวิยะฮฺ และบุตรของเขา คือยะซีด จากนั้น อับดุลเลาะฮฺบินมัรวาน และบรรดาบุตรของเขาทั้งสี่คน และก็อุมัรบินอับดุลอะซีซฺ ฉันขอกล่าวว่า บรรดาบุตรของอับดุลมาลิกบินมัรวานนั้น คืออัลวะลีด สุลัยมาน ยะซีดและฮิชาม โดยที่ท่านอุมัรบินอับดุลอะซีซฺนั้นได้ขั้นกลางระหว่าง สุลัยมานและยะซีด พวกเขาก็เป็น 12 คอลิฟะฮฺพอดี และจุดมุ่ง ที่ใกล้เคียงและถูกต้องที่สุด เกี่ยวกับผู้นำ 12 คนนั้น จำนวนของพวกเขาสิ้นสุดที่ ฮิชาม บุตร อับดุลมาลิก เพราะศาสนาอิสลามในสมัยพวกเขา ยังมั่นคงดำรงอยู่ อิสลามได้แพร่หลาย สัจจะธรรมยังคงอยู่ การญิฮาดก็ยังคงอยู่ และสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากที่ยะซีดเสียชีวิต จากการขัดแย้งในเรื่องคอลิฟะฮฺ โดยที่มัรวานได้ปกครองที่ชาม อิบนุซุบัยรฺได้ปกครองที่ฮิยาซฺ ก็ไม่เป็นผลกระทบใด ๆกับบรรดามุสลิมีน ในเรื่องที่อิสลามก็ยังคงโดดเด่นมั่นคงอยู่ ดังนั้นศาสนาอิสลามของพวกเขาก็ยังคงโดดเด่น ภาระกิจของพวกเขาก็ยังคงอยู่ ศัตรูของพวกเขาก็ยังถูกพิชิต ทั้งที่มีการขัดแย้งกัน จากนั้นดังกล่าวก็ยุติลงด้วยการให้สัตยาบันอย่างสมบูรณ์ให้กับ อับดุลเลาะฮฺบินมาลิก.....ด้วยเหตุดังกล่าวนี้ สิ่งที่ท่านนบี(ซ.ล.)ได้กล่าวไว้ แท้จริงแล้ว มันได้เกิดขึ้นจริง และก็ผ่านมาแล้ว และก็สิ้นสุด(ถึง 12 คน)แล้ว \\\"

ดู ฟัตฮุลบารีย์ เล่ม 13 หน้า 211-215  
บางฉบับตรงกับเล่มที่ 20 หน้า 266 หะดีษที่ 6682

จากคำกล่าวของท่านอิบนุหะญัร บรรดาคอลิฟะฮฺ 12 คนมีดังนี้

1. อบูบักร อัศศิดดีก

2. อุมัร อัลฟารูค

3. อุษมาน ซินนูรัยนฺ

4. อลีบินอบีฏอลิบ อัลมุรตะฏอ

5. มุอาวิยะฮฺ

6. ยะซีด บุตร มุอาวิยะฮฺ

7. อับดุลเลาะฮฺ บุตร มัรวาน

8. อัลวะลีด บุตร อับดุลเลาะฮฺ

9. สุลัยมาน บุตร อับดุลเลาะฮฺ

10. ยะซีด บุตร อับดุลเลาะฮฺ

11. ฮิชาม บุตรอับดุลเลาะฮฺ

12. อุมัร บุตรอับดุลอะซีซฺ



สรุปความเรื่องสิบสองผู้นำของพี่น้องซุนนี่


1.   หะดีษฝ่ายซุนนี่เล่าว่า  ท่านนะบี(ศ)ไม่ได้ระบุรายชื่อสิบสองคอลีฟะฮ์เอาไว้ว่าชื่ออะไร

2.   ผู้ที่กำหนดรายชื่อสิบสองคอลีฟะฮ์ข้างต้นคือ   อิบนุฮะญัร เจ้าของหนังสือฟัตฮุลบารี เล่ม 20 หน้า 266 หะดีษที่ 6682

เพราะฉะนั้น   รายชื่อสิบสองคอลีฟะฮ์ของซุนนี่คนกำหนดคือ  อิบนุฮะญัร นักวิชาการซุนนี่
  •  

L-umar

การที่อะฮ์ลุสซุนนะฮ์หรือซุนนี่ได้แสดงจุดยืนว่า  รายชื่อสิบสองบุคคลดังกล่าวคือ คอลีฟะฮ์ของพวกเขา  

ต้องขอบอกว่า  ใครก็ตามที่เชื่อเช่นนี้  << ผิดอย่างชัดเจน >>  ทำไมจึง " ผิด "



เพราะ
มีหะดีษซอฮิ๊ฮ์รายงานไว้ในตำราของชาวซุนนี่เองโดยท่านเซด บินษาบิตเล่าว่า


ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ็อลฯ)กล่าวว่า :

إِنِّي تَارِكٌ فِيكُمْ خَلِيفَتَيْنِ كِتَابُ اللَّهِ حَبْلٌ مَمْدُودٌ مَا بَيْنَ السَّمَاءِ وَالْأَرْضِ أَوْ مَا بَيْنَ السَّمَاءِ إِلَى الْأَرْضِ وَعِتْرَتِي أَهْلُ بَيْتِي وَإِنَّهُمَا لَنْ يَتَفَرَّقَا حَتَّى يَرِدَا عَلَيَّ الْحَوْضَ


แท้จริงฉันได้มอบสอง " คอลีฟะฮ์ "  ไว้ในหมู่พวกท่าน

1.   คัมภีร์ของอัลลอฮ์   คือเชือกที่ทอดอยู่ระหว่างชั้นฟ้าและแผ่นดิน และ

2.   อิตเราะตี คืออะฮ์ลุลบัยต์ของฉัน


และแท้จริงทั้งสองสิ่งจะไม่แยกจากกัน จนกว่าจะกลับมาพบฉันที่อัลเฮาฎ์(สระเกาษัร)


สถานะหะดีษ  :   ซอฮิ๊ฮ์   ดูมุสนัดอิหม่ามอะหฺมัด   หะดีษที่ 21618 ตรวจทานโดยเชคชุเอบ อัลอัรนะอูฏ



หะดีษนี้ท่านนะบีมุฮัมมัด(ศ)ได้สั่งเสียว่า   คอลีฟะฮ์ ของพวกเจ้ามีสองประเภทคือ

หนึ่ง – คอลีฟะฮ์ ที่เป็นคัมภีร์กุรอ่าน  ซึ่งเปรียบเสมือนรัฐธรรมนูญสำหรับปวงมุสลิม

สอง – คอลีฟะฮ์  ที่เป็นมนุษย์  ซึ่งพวกเขาคือผู้ปกครองเหนือปวงมุสลิม  และที่สำคัญพวกเขาคือ อะฮ์ลุลบัยต์ของนะบี(ศ)

เพราะฉะนั้นถ้าซุนนี่จะยึดซุนนะฮ์กันจริงๆ หลังจากท่านศาสดามุฮัมมัด(ศ)เสียชีวิต พวกเขาจะต้องยึดอะฮ์ลุลบัยต์นะบี(ศ)เป็นคอลีฟะฮ์

แต่คอลีฟะฮ์สามคนแรกของโลกซุนนี่กลับไม่ใช่ อะฮ์ลุลบัยต์ของท่านนะบี(ศ)  เมื่อกล่าวถึงหะดีษสองคอลีฟะฮ์นี้ ซึ่งเราก็คิดว่า อีกไม่นานจะมีโต๊ะครูซุนนี่ออกมาเล่นลิ้นให้เราฟังแบบเบี่ยงเบนกันต่อไปอย่างแน่นอน  

แต่ความจริงคือ สิบสองคอลีฟะฮ์ของโลกซุนนี่ดังกล่าวก็เห็นจะมีท่านอาลี บินอะบีตอลิบเพียงคนเดียวที่เป็นอะฮ์ลุลบัยต์ของท่านนะบี(ศ)    ส่วนคอลีฟะฮ์ที่เหลือไม่ใช่อะฮ์ลุลบัยต์นะบี(ศ)
  •  

L-umar

เราลองย้อนกลับมาดูหะดีษสิบสองคอลีฟะฮ์ในตำราซุนนี่กันอีกครั้ง    

ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)กล่าวว่า :


لاَ يَزَالُ الإِسْلاَمُ عَزِيزًا إِلَى اثْنَىْ عَشَرَ خَلِيفَةً  

ثُمَّ قَالَ كَلِمَةً لَمْ أَفْهَمْهَا فَقُلْتُ لأَبِى مَا قَالَ فَقَالَ كُلُّهُمْ مِنْ قُرَيْشٍ

อัลอิสลามยังคงมีเกียรติมีศักดิ์ศรีอยู่จนถึง 12 คอลีฟะฮ์.....  ทั้งหมดมาจากเผ่ากุเรช

ดูซอฮิ๊ฮ์มุสลิม (206 - 261 ฮ.ศ.) หะดีษที่  4812  



หะดีษในมุสนัดอะหมัดได้จำกัดความหมายของสิบสองคอลีฟะฮ์ให้แคบลงมาอีกคือ


ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)ได้กล่าวว่า :


إِنِّي تَارِكٌ فِيكُمْ خَلِيفَتَيْنِ كِتَابُ اللَّهِ ... وَعِتْرَتِي أَهْلُ بَيْتِي


ฉันขอมอบสอง  << คอลีฟะฮ์ >> ไว้ในหมู่พวกท่านคือ

→ คัมภีร์ของอัลลอฮ์... และ

→ อะฮ์ลุลบัยต์ของฉัน

สถานะหะดีษ : ซอฮิ๊ฮ์   ดูมุสนัดอิหม่ามอะหฺมัด   หะดีษที่ 21618 ตรวจทานโดยเชคชุเอบ อัลอัรนะอูฏ



แต่ในประวัติศาสตร์อิสลามที่เกิดคือมี ท่านอาลีบินอะลีตอลิบอและอท่านฮาซันบินอาลี เท่านั้นที่ขึ้นดำรงตำแหน่งคอลีฟะฮ์  

ส่วนอะฮ์ลุลบัยต์นะบีที่เหลือ  ถูกฝ่ายซุนนี่ปฏิเสธตำแหน่งคอลีฟะฮ์ของพวกเขาโดยสิ้นเชิง  นี่คือความจริงจากปากของพวกเขาเองโดยนักปราชญ์ซุนนี่ดังกล่าวได้ให้เหตุผลว่า  

" นอกเหนือจากท่านอาลีกับท่านฮาซันบินอาลีแล้ว ไม่เห็นจะมีอิม่ามแห่งอะฮ์ลุลบัยต์คนใดได้ขึ้นมามีอำนาจปกครองอาณาจักรอิสลามเลยสักคน "  

จากคำพูดของโต๊ะครูซุนนี่ดังกล่าว  เราถือว่า มันช่างเป็นคำพูดที่โง่เขลาเบาปัญญาจริงๆ เพราะเขาได้มองข้ามหะดีษในตำราของพวกเขาเองว่า  

ตำแหน่งคอลีฟะฮ์ของอะฮ์ลุลบัยต์นี้ แม้ว่าจะมีศัตรูบางส่วนไม่ยอมรับตำแหน่งผู้นำของอะฮ์ลุลบัยต์

หรือคนบางกลุ่มได้ทำการสกัดกั้นอะฮ์ลุลบัยต์ไม่ให้ขึ้นไปสู่อำนาจทางการปกครองอาณาจักรอิสลามได้ก้จริงอยู่  

แต่การสกัดกั้นหรือการไม่ยอมรับอะฮ์ลุลบัยต์นี้ก็ไม่อาจไปสร้างความเดือดร้อนให้กับบรรดาอิม่ามแห่งอะฮ์ลุลบัยต์นะบีได้เลย  เพราะอะไรหรือ  


เพราะว่า มีหะดีษหลายบทที่บอกเล่าเอาไว้ว่า

عَنْ جَابِرِ بْنِ سَمُرَةَ السُّوَائِيِّ قَالَ : سَمِعْتُ رَسُولَ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ يَقُولُ فِي حَجَّةِ الْوَدَاعِ إِنَّ هَذَا الدِّينَ لَنْ يَزَالَ ظَاهِرًا عَلَى مَنْ نَاوَأَهُ لَا يَضُرُّهُ مُخَالِفٌ وَلَا مُفَارِقٌ حَتَّى يَمْضِيَ مِنْ أُمَّتِي اثْنَا عَشَرَ خَلِيفَةً قَالَ ثُمَّ تَكَلَّمَ بِشَيْءٍ لَمْ أَفْهَمْهُ فَقُلْتُ لِأَبِي مَا قَالَ قَالَ كُلُّهُمْ مِنْ قُرَيْشٍ


ท่านญาบิร บิน สะมุเราะฮ์ อัสสุอาลีได้เล่าว่า ฉันได้ยิน

ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ) กล่าวในพิธีฮัจญะตุลวิดาอ์ว่า :

แท้จริงศาสนา(อิสลาม)นี้จะยังมีชัยเหนือผู้ที่ได้แย่งชิงมันไป

ผู้ที่มีความขัดแย้งและผู้ที่แยกตัวออกไปจะไม่มีทางทำอันตรายมันได้  


จนกว่าจะดำเนินไปจากอุมมัตของฉัน (ซึ่ง) 12 คอลีฟะฮ์ (ที่จะมาปกครองประชาชาติของฉัน)  หลังจากนั้นท่านได้พูดคำหนึ่ง ที่ฉันไม่เข้าใจ ฉันจึงถามบิดาของฉันในเรื่องที่ท่านได้พูด (บิดาของฉัน)ตอบว่า  ท่านกล่าวว่า ทุกคนนั้นล้วนมาจากกุเรช

สถานะหะดีษ  : ซอฮิ๊ฮ์  ดูมุสนัดอิม่ามอะหมัด  หะดีษที่ 20833  ฉบับตรวจทานโดยเชคชุเอบ อัรนะอูฏี


และจากท่านญาบิรเช่นกันเล่าว่า ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ) กล่าวว่า :

لَا يَزَال هَذَا الدِّين قَائِمًا حَتَّى يَكُونَ عَلَيْكُمْ اِثْنَا عَشَرَ خَلِيفَة كُلّهمْ تَجْتَمِع عَلَيْهِ الْأُمَّة \\\" وَأَخْرَجَهُ الطَّبَرَانِيُّ مِنْ وَجْه آخَرَ عَنْ الْأَسْوَد بْن سَعِيد عَنْ جَابِر بْن سَمُرَة بِلَفْظِ \\\" لَا تَضُرّهُمْ عَدَاوَة مَنْ عَادَاهُمْ \\\"  فتح الباري لابن حجر  ج 20  ص 266  ح 6682

ศาสนา(อิสลาม)นี้จะยังคงยืนยังคงอยู่เรื่อยไป จนกระทั่งจะมี 12 คอลีฟะฮ์มาปกครองพวกเจ้า  พวกเขาทุกคนนั้นจะรวมประชาชาติไว้กับมัน(ศาสนา)
ศาสนานี้จะยืนยงคงอยู่ตลอดกาล จนกระทั่งจะมีคอลีฟะฮ์สิบสองคนสำหรับพวกเขา ทุกคนเหล่านั้นจะรวมประชาชาติไว้กับมัน(ศาสนา)

ท่านต็อบรอนีได้รายงานมันไว้ในอีกแง่หนึ่ง จากอัลอัสวัด บินสะอีด จากท่านญาบิร บินสะมุเราะฮ์ด้วยคำว่า  

ความเป็นศัตรูของผู้ที่เป็นศัตรูต่อพวกเขา(12 คอลีฟะฮ์) ก็ไม่อาจทำอันตรายต่อพวกเขา(12คอลีฟะฮ์)ได้

ดูฟัตฮุลบารี  เล่ม  20 : 266 หะดีษที่ 6682


และคำพูดที่ท่านนะบี(ศ)กล่าวว่า  << สิบสองคอลีฟะฮ์ต้องมาจากเผ่ากุเรช >>   ท่านอิม่ามอาลี อะลัยฮิสลามได้อธิบายกุเรชในที่นี้ไว้อย่างชัดเจนว่า

إِنَّ الاَْئِمَّةَ مِنْ قُرَيْش غُرِسُوا فِي هذَا الْبَطْنِ مِنْ هَاشِم; لاَ تَصْلُحُ عَلَى سِوَاهُمْ، وَلاَ تَصْلُحُ الْوُلاَةُ مِنْ غَيْرِهُمْ

แท้จริงบรรดาอิม่ามผู้นำที่มาจากเผ่ากุเรช  พวกเขาได้รับการปลูกอยู่ในท้องนี้(นั่นคือ)มาจากตระกูลฮาชิม
(ตำแหน่งผู้นำนี้)จะไม่คู่ควรต่อคนอื่นจากพวกเขา และการเป็นผู้ปกครองก็จะไม่เหมาะสม(สำหรับคนอื่น) นอกจากพวกเขา

ดูนะฮ์ญุลบะลาเฆาะฮ์   คุตบะฮ์ที่  142

แน่นอนแม้ว่า  อิม่ามแห่งอะฮ์ลุลบัยต์จะถูกแย่งชิงอำนาจการปกครองไปจากพวกเขาก็จริงอยู่ แต่ในทัศนะของท่านนะบี(ศ)ได้ย้ำว่า  ทั้งผู้ต่อต้านอะฮ์ลุลบัยต์และผู้แยกตัวออกไปจากอะฮ์ลุลบัยต์ ก็จะไม่สร้างความกระทบกระเทือนให้กับตำแหน่งคอลีฟะฮ์ของอะฮ์ลุลบัยต์ได้เลย

ในทางตรงกันข้าม  ผู้ต่อต้านและผู้แยกตัวออกไปจากอะฮ์ลุลบัยต์ในฐานะคอลีฟะฮ์ของท่านรอซูล(ศ)ต่างหากที่จะต้องประสบกับอันตราย เพราะพวกเขาจะต้องไปตอบคำถามกับอัลลอฮ์ตะอาลาในวันแห่งการพิพากษาว่า

ทำไมเจ้าจึงไม่ยอมรับ  คอลีฟะฮ์ที่ข้าสั่งให้รอซูลของข้าประกาศไว้ นั่นคือ อะฮ์ลุลบัยต์ ???
  •  

L-umar

ตอนที่  ห้า -  หะดีษฝ่ายชีอะฮ์    เรื่องสิบสองผู้นำ



หากผู้รู้ซุนนี่  มีความเป็นธรรมอยู่ในใจสักนิด โดยหันไปศึกษาตำราชีอะฮ์ โดยเฉพาะตำราหะดีษที่รายงานมาจาก

ท่านนะบี(ศ)และอะฮ์ลุลบัยต์ของท่าน(อ)   เรื่อง สิบสองผู้นำ     พวกเขาจะพบว่า   มีหะดีษมากมายที่เล่ารายงานถึงเรื่องสิบสองอิหม่ามผู้นำเอาไว้เช่น



۞  หะดีษ  12  อิม่าม ที่มีสายรายงานซอฮิ๊ฮ์จากหนังสือกะมาลุดดีน โดยเชคศอดูก
 

เชคศอดูก ( 305 – 381 ฮ.ศ.รวมอายุ 76 ปี ) ได้เล่าว่า

حَدَّثَنَا أَحْمَدُ بْنُ مُحَمَّدِ بْنِ يَحْيَى الْعَطَّارُ رَضِيَ اللَّهُ عَنْهُ قَالَ : حَدَّثَنَا أَبِي ، عَنْ مُحَمَّدِ بْنِ عَبْدِ الْجَبَّارِ ، عَنْ أَحْمَدِ بْنِ مُحَمَّدِ بْنِ زِيَادٍ الْأَزْدِيِّ ، عَنْ أَبَانَ بْنِ عُثْمَانَ ، عَنْ ثَابِتِ بْنِ دِينَارٍ ، عَنْ سَيِّدِ الْعاَبِدِيْنَ عَلِيِّ بْنِ الْحُسَيْنِ ، عَنْ سَيِّدِ الشُّهَدَاءِ الْحُسَيْنِ بْنِ عَلِيٍّ عَنْ سَيِّدِ الأَوْصِيَاءِ أَمِيرِ الْمُؤْمِنِينَ عَلِىِّ بْنِ أَبِى طَالِبٍ عَلَيْهِمْ السَّلَام قَالَ :  

قَالَ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَآلِهِ  :

الْأَئِمَّةُ بَعْدِيْ اثْناَ عَشَرَ أَوَّلُهُمْ أَنْتَ ياَ عَلِيُّ وَآخِرُهُمْ الْقاَئِمُ الَّذِيْ يَفْتَحُ اللهُ عَزَّوَجَلَّ عَلَى يَدَيْهِ مَشَارِقَ الْأَرْضِ وَمَغَارِبَهَا


อะหมัด บินมุฮัมมัด บินยะห์ยาอัลอัตต็อร  เล่าให้เราฟังเขากล่าวว่า  

บิดาของฉัน ( คือมุฮัมมัด บินยะห์ยา ) เล่าให้เราฟังจาก

มุฮัมมัด  บินอับดุลญับบาร จาก

อะหมัด บินมุฮัมมัด บินซิยาดอัลอะซะดี จาก

อะบาน บินอุษมาน จาก

ษาบิต บินดีนาร จาก

อิม่ามอาลี ( ซัยนุลอาบิดีน)   บินฮูเซน  จาก

อิม่ามฮูเซน  บินอาลี จาก

อิม่ามอะมีรุลมุอ์มินีน   อาลี บินอะบีตอลิบ(อ)เล่าว่า :

ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)กล่าวว่า :


อิม่ามผู้นำภายหลังจากฉันมี 12 คน  คนแรกของพวกเขาคือเจ้า โอ้อาลี และคนสุดท้ายของพวกเขาคืออัลกออิม


ผู้ที่อัลลอฮ์อัซซะวะญัลจะประทานชัยชนะให้อยู่ในมือทั้งสองของเขา ทั้งโลกตะวันออกและโลกตะวันตก

ดูกะมาลุดดีน  วะตะมามุนนิอ์มะฮ์โดยเชคศอดูก(มรณะฮ.ศ.381)  หน้า  33 หะดีษที่ 35  

สถานะหะดีษ : สายรายงานเชื่อถือได้ทั้งหมด
  •  

L-umar

۩   วิจารณ์สายรายงานหะดีษ



1,อะหมัด บินมุฮัมมัด บินยะห์ยาอัลอัตต็อร ► 2,บิดาของฉัน ( คือมุฮัมมัด บินยะห์ยา )  ► 3,มุฮัมมัด  บินอับดุลญับบาร ► 4,อะหมัด บินมุฮัมมัด บินซิยาดอัลอะซะดี ► 5,อะบาน บินอุษมาน ► 6, ษาบิต บินดีนาร

> 7,อิม่ามอาลี ( ซัยนุลอาบิดีน)   บินฮูเซน > 8, อิม่ามฮูเซน  บินอาลี > 9,อิม่ามอะมีรุลมุอ์มินีน   อาลี บินอะบีตอลิบ(อ) >  10, ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)





1,อะหมัด บินมุฮัมมัด บินยะห์ยาอัลอัตต็อร

เขามีชีวิตอยู่ในช่วงฮ.ศ. 356  เป็นอาจารย์คนหนึ่งของเชคศอดูก  เชคศอดูกได้กล่าวถึงเขาว่า อาจารย์คนนี้เป็นที่พึงพอใจของเขา  และได้รายงานหะดีษของเขาเอาไว้ในหนังสืออัลอะมาลี ,อุยูนุอัคบาริลริฎอ(อ)และมะอานีอัคบาร  ส่วนเชคตูซีได้รายงานหะดีษของเขาเอาไว้ในหนังสือตะฮ์ซีบุลอะห์กามและอัลอิสติบศ็อรประมาณ 54 เรื่องซึ่งเป็นรายงานที่มาจากบรรดาอิม่ามแห่งอะฮ์ลุลบัยต์(อ)  โดยอะหมัดผู้นี้ได้รายงานหะดีษของอะอิมมะฮ์จากบิดาของเขา

ผู้ที่รายงานหะดีษจากเขาคือ ฮูเซนบินอุบัยดุลลอฮ์ อัลเฆาะฎออิรีและอบุลฮูเซน บินอบีญัยยิดอัลกุมมี  และฮารูน บินมูซา อัตตัลละอักบะรี(มรณะฮ.ศ.356)ได้ฟังจากเขา และเขายังได้รับอิญาซะฮ์(การอนุญาตให้รายงานหะดีษ)ได้จากเขา  
ดูเมาซูอะฮ์ อัศฮาบุลฟุเกาะฮาอ์  อันดับที่  1316

เชคตูซีกล่าวว่า
أحمد بن محمد بن يحيى   روى عنهما أبو جعفر ابن بابويه
อะหมัด บินมุฮัมมัดบินยะห์ยา ผู้ที่รายงานหะดีษจากเขาทั้งสอง(หมายถึงอะหมัดบินมุฮัมมัดและยะห์ยาอัลอัตต็อร)คือ อะบูญะอ์ฟัร อิบนิบาบะวัยฮฺ   ดูริญาลเชคตูซี  อันดับที่  5979

อัลคอกอนีกล่าวว่า
احمد بن محمد بن يحيى العطار فان الصدوق رحمه الله يروى عنه كثيرا وهو من مشايخه
อะหมัด บินมุฮัมมัดบินยะห์ยา อัลอัตต็อร : เชคศอดูกได้รายงานหะดีษจากเขามากมาย และเขาคืออาจารย์คนหนึ่งของเชคศอดูก     ดูริญาลอัลคอกอนี  เล่ม 1 : 232



2,บิดาของฉัน ( บิดาชื่อ มุฮัมมัด บินยะห์ยา )  

เขามีชีวิตอยู่ในฮ.ศ.300 เป็นอาลิมแห่งยุค และเป็นมุฮัดดิษ  เขาเป็นอาจารย์ของเชคกุลัยนี  
เขารายงานหะดีษจากอัศฮาบของพวกเขามากมายเช่น   มุฮัมมัดบินฮูเซน บินอบิลคอต
ตอบ( มรณะ 262) มุฮัมมัดบินฮาซันอัศศอฟฟ้าร( มรณะ 290 ) และมุฮัมมัด บินอับดุลญับบาร และคนอื่นๆ
ผู้ที่รายงานหะดีษจากเขาคือ เชคกุลัยนี , อาลี บินฮูเซน บินบาบะวัยฮฺ บิดาของเชคศอดูก และคนอื่นๆ...  เขาคือฟะกีฮ์ผู้โด่งดังคนหนึ่ง และคือเชคของชาวชีอะฮ์ในยุคของเขา  เชื่อถือได้ในการรายงาน เขารายงานหะดีษไว้มากมาย
ดูเมาซูอะฮ์ อัศฮาบุลฟุเกาะฮาอ์  อันดับที่  1171

เชคตูซีกล่าวว่า
محمد بن يحيى العطار  روى عنه الكليني، قمي، كثير الرواية
มุฮัมมัด บินยะห์ยาอัลอัตต็อร : เชคกุลัยนีรายงานหะดีษจากเขา เป็นชาวเมืองกุม มีหะดีษรายงานมากมาย    ดูริญาลเชคตูซี  อันดับที่  6274

ท่านนะญาชีกล่าวว่า
محمد بن يحيى أبو جعفر العطار القمي شيخ أصحابنا في زمانه، ثقة، عين، كثير الحديث
มุฮัมมัด บินยะห์ยา อะบูญะอ์ฟัร อัลอัตต็อร อัลกุมมี   เชคแห่งอัศฮาบของพวกเราในสมัยของเขา  เชื่อถือได้ในการรายงาน มีหะดีษมากมาย    ดูริญาลนะญาชี  อันดับที่  946



3,มุฮัมมัด  บินอับดุลญับบาร

เขามีชีวิตอยู่ก่อนฮ.ศ. 260 นับว่าเขาเป็นสาวกคนหนึ่งของท่านอิม่ามทั้งสามคือ อิม่ามญะวาด,อิม่ามฮาดีและอิม่ามฮาซันอัสการี(อ)
เขารายงานหะดีษจาก : อิม่ามฮาดีและอิม่ามฮาซันอัสการี(อ) มีคนเล่าว่า เขาเป็นคนรับใช้อิม่ามฮาซันอัสการี(อ) แล้วเขาได้สอบถามถึงปัญหาต่างๆมากมายจากท่าน  และเขายังใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับศ็อฟวาน บินยะห์ยาและได้รายงานเรื่องฟิกฮ์จากเขาไว้มากมาย
   เช่นกันเขายังได้รายงานหะดีษจากบุคคลดังต่อไปนี้คือ : ฮาซัน บินอาลีบินฟัฎฎอล , มุฮัมมัดบินสินาน , มุฮัมมัด บินอะบีอุมัยริน และคนอื่นๆ
   ผู้ที่รายงานหะดีษจากเขาคือ : มุฮัมมัด บินยะห์ยาอัลอัตต็อร , มุฮัมมัด บินฮาซันอัศศอฟฟ้ารและคนอื่นๆ  รายงานของเขามีบันทึกไว้ในกุตุบอัรบะอะฮ์ถึง 927 กว่าเรื่อง
ดูเมาซูอะฮ์ อัศฮาบุลฟุเกาะฮาอ์  อันดับที่  1126

เชคตูซีกล่าวว่า
محمد بن عبد الجبار  و هو ابن أبي الصهبان، قمي، ثقة
มุฮัมมัด บินอับดุลญับบาร  เขาคือบุตรของอะบีเศาะฮ์บาน ชาวกุม  เชื่อถือได้ในการรายงาน
ดูริญาลเชคตูซี  อันดับที่  5765



4,อะหมัด บินมุฮัมมัด บินซิยาดอัลอะซะดี

หรือที่รู้จักกันในนาม อิบนิ อะบีอุเมรฺ  มรณะฮ.ศ.217  เขาคือฟะกีฮ์ ร็อบบานี ฉายาอะบูมุฮัมมัด ชาวแบกแดด เป็นสาวกของอิม่ามมูซากาซิมและอิม่ามอาลีริฎอ(อ) ซึ่งนักวิชาการมีมติตรงกันว่า อิบนิอะบีอุเมรฺคือหนึ่งในหกจากผู้ที่มีความน่าเชื่อถือในการรายงานและได้รับการรับรองในเรื่องฟิกฮ์ของพวกเขา
   อะหมัด บินมุฮัมมัด บินซิยาด(หรืออิบนิ อะบีอุเมรฺ)ได้พบกับอิม่ามมูซากาซิมและได้สดับฟังหะดีษต่างๆจากท่าน บางครั้งอิม่ามเรียกเขาด้วยฉายาว่า โอ้อะบาอะหมัดและเขาได้รายงานหะดีษจากอิม่ามอาลีริฎอ(อ)    ดูเมาซูอะฮ์ อัศฮาบุลฟุเกาะฮาอ์  อันดับที่  1115

อะหมัดคือ บุตรชายของ มุฮัมมัดบินซิยาด อัลอะซะดี หรือที่รู้จักกันในนาม มุฮัมมัด บินอะบีอุมัยริน  รายงานหะดีษที่มีสถานะซอฮิ๊ฮ์ของอะหมัดในกุตุบอัรบะอะฮ์เช่น

عَنْ أَحْمَدَ بْنِ مُحَمَّدِ عَنْ مُحَمَّدِ بْنِ أَبِي عُمَيْرٍ(زِياَد) عَنْ إِسْمَاعِيلَ بْنِ رَبَاحٍ قَالَ سَأَلْتُ أَبَا الْحَسَنِ (ع) عَنْ مُفْرِدِ الْعُمْرَةِ عَلَيْهِ طَوَافُ النِّسَاءِ قَالَ نَعَمْ  
จากอะหมัด บินมุฮัมมัด  จากมุฮัมมัด บินอะบีอุมัยริย(คือซิยาด) จากอิสมาอีล บินร่อบาห์เล่าว่า ฉันได้ถามอิม่ามอบุลฮาซัน(อ)ถึงการทำอุมเราะมุฟร็อดว่า จำเป็นที่เขาจะต้องทำการต่อวาฟนิซาอ์หรือไม่ ท่านตอบว่า " ใช่ "
ดูอัลอิสติบศ็อร โดยเชคตูซี่  เล่ม 2 : 232 หะดีษที่ 1 สถานะหะดีษซอฮิ๊ฮ์

เชคตูซีกล่าวว่า  
محمد بن أبي عمير  يكنى أبا أحمد، واسم أبي عمير زياد، مولى الأزد، ثقة
มุฮัมมัด บินอะบีอุมัยริน (มรณะฮ.ศ.217) ฉายาอะบูอะหมัด ชื่อจริงของอะบีอุมัยรินคือ ซิยาด  คนรับใช้ของอัลอะซะดี เชื่อถือได้ในการรายงาน   ดูริญาลเชคตูซี  อันดับที่  5413

ท่านนะญาชีกล่าวว่า
محمد بن أبي عمير زياد بن عيسى أبو أحمد الأزدي   لقي أبا الحسن موسى عليه السلام وسمع منه أحاديث كناه في بعضها فقال يا أبا أحمد، وروى عن الرضا عليه السلام، جليل القدر عظيم المنزلة فينا
มุฮัมมัด บินอะบีอุมัยริน ซิยาดบินอีซา  ฉายาอะบูอะหมัด อัลอะซะดี    เขาได้พบกับอิม่ามอบุลฮาซันมูซา(อ)และยังได้ฟังหะดีษต่างๆจากท่าน ท่านอิม่ามได้เรียกชื่อเขาในบางครั้งว่าอะบูอะหมัด(บิดาของอะหมัด) และเขายังได้รายงานหะดีษจากอิม่ามริฎอ(อ)  เขาเป็นผู้ทรงคุณวุฒิชั้นสูง มีฐานะภาพยิ่งใหญ่ในหมู่พวกเรา    ดูริญาลนะญาชี  อันดับที่  887

สัยยิดอัลคูอีกล่าวว่า
محمد بن زياد الازدي : روى عن أبان بن عثمان الاحمر . الفقيه : الجزء 4 ، باب النوادر وهو آخر
أبواب الكتاب ، الحديث 832 . أقول : هو محمد بن أبي عمير المتقدم .
มุฮัมมัด บินซิยาดอัลอะซะดี : รายงานหะดีษจากอะบาน บินอุษมาน อัลอะห์มัร ดูมันลายะห์ฎุรุฮุลฟะกีฮ์ เล่ม 4 หะดีษที่ 832  ฉันขอกล่าวว่า  เขาคือ มุฮัมมัด บินอะบีอุมัยริน
ดูมุอ์ญัมริญาล โดยอัลคูอี อันดับที่  10793



5,อะบาน บินอุษมาน อัลอะห์มัร

เขามีชีวิตอยู่ก่อนฮ.ศ.183 เป็นฟะกีฮฺ  นักวรรณคดี  ฉายาอะบูอับดุลลอฮ์ อัลบะญะลี ชาวกูฟะฮ์ เป็นสาวกของอิม่ามศอดิก(อ) ศึกษาความรู้และฟิกฮ์จากท่านและรายงานหะดีษจากอิม่ามศอดิกและอิม่ามมูซากาซิม(อ)
ผู้ที่รายงานหะดีษที่เขาคือ  : อะบูบะศีร ยะห์ยาบินกอสิมอัลอะสะดี ,มุอ์มิน ต็อกและอะบีฮัมซะฮ์อัษษุมาลี(ษาบิต บินดีนาร)   ดูเมาซูอะฮ์ อัศฮาบุลฟุเกาะฮาอ์  อันดับที่  283

ท่านอิบนุดาวูดกล่าวว่า
أبان بن عثمان الاحمر  : من الستة الذين أجمعت العصابة على تصديقهم، وهم: جميل بن دراج، عبدالله بن مسكان، عبدبن بكير، حمادبن عيسى، حماد بن عثمان، أبان بن عثمان. وجميل بن دراج أفقههم
อะบาน บินดีนาร อัลอะห์มัร คือหนึ่งในหกบุคคลที่กลุ่มนักวิชาการมีมติว่า พวกเขาเชื่อถือได้ในการรายงาน    ดูริญาลอิบนุดาวูด  อันดับที่  6



6, ษาบิต บินดีนาร ( เขาคือ อะบูฮัมซะฮ์ อัษษุมาลี )หรือษาบิตบินอะบีเศาะฟียะฮ์ ดีนาร  ฉายาคือ อะบูฮัมซะฮ์ อัษษุมาลีอัลอะซะดี ชาวกูฟะฮ์ มรณะฮ.ศ. 150  เป็นอาเล่มที่ยิ่งใหญ่คนหนึ่งในสมัยของเขาในเรื่องฟิกฮ์  หะดีษ ภาษาศาสตร์และอื่นๆ  ได้รับความรู้มาจากอิม่ามทั้งสี่คือ อิม่ามซัยนุลอาบิดีน อิม่ามบาเก็ร อิม่ามศอดิกและอิม่ามกาซิม(อ) และเขาได้รายงานหะดีษจากท่านอิม่ามทั้งสี่
ดูเมาซูอะฮ์ อัศฮาบุลฟุเกาะฮาอ์  อันดับที่  108

เชคตูซีกล่าวว่า
ثابت بن دينار  يكنى أبا حمزة الثمالي، و كنية دينار أبو صفية ثقة
ษาบิต บินดีนาร ฉายาคือ อะบูฮัมซะฮ์ อัษษุมาลี และกุนยะฮ์ของดีนารคือ อะบูเศาะฟียะฮ์  
เชื่อถือได้ในการรายงาน    ดูอัลฟะฮ์ร็อส เชคตูซี  อันดับที่  127

อัลลามะฮ์ฮิลลีกล่าวว่า
ثابت بن دينار يكنى دينار أبا صفيه وكنيته ثابت أبوحمزة الثمالي، روى عن علي بن الحسين عليه السلام وكان ثقة
ษาบิตบินดีนาร  ฉายาอะบูเศาะฟียะฮ์ และกุนยะฮ์คือ อะบูฮัมซะฮ์อัษษุมาลี เขารายงานหะดีษจากอิม่ามอาลี บินฮูเซน(อ)  และเชื่อถือได้ในการรายงาน
ดูคุลาเศาะตุลอักวาล อันดับที่  5  บาบที่  1 หมวดนักรายงานที่ชื่อ ษาบิต



7,อิม่ามอาลี ( ซัยนุลอาบิดีน)   บินฮูเซน

คืออิม่ามผู้นำคนที่  4  แห่งมัซฮับอะฮ์ลุลบัยต์ (อ) และเป็นตาบิอีน



8, อิม่ามฮูเซน  บินอาลี

คืออิม่ามผู้นำคนที่  3  แห่งมัซฮับอะฮ์ลุลบัยต์ (อ) และเป็นซอฮาบะฮ์



9,อิม่ามอะมีรุลมุอ์มินีน   อาลี บินอะบีตอลิบ(อ)

คืออิม่ามผู้นำคนที่  1  แห่งมัซฮับอะฮ์ลุลบัยต์ (อ)และเป็นซอฮาบะฮ์


10, ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)กล่าวว่า...

الْأَئِمَّةُ بَعْدِيْ اثْناَ عَشَرَ أَوَّلُهُمْ أَنْتَ ياَ عَلِيُّ وَآخِرُهُمْ الْقاَئِمُ
 
บรรดาอิม่ามผู้นำภายหลังจากฉันมี 12 คน  คนแรกของพวกเขาคือเจ้า โอ้อาลี และคนสุดท้ายของพวกเขาคืออัลกออิม




หะดีษบทนี้ยังถูกบันทึกอยู่ในตำราชีอะฮ์ดังต่อไปนี้

1,อุยูนุอัคบาริลริฎอ(อ)โดยเชคศอดูก หน้า  59 หะดีษที่ 28
2, มันลายะห์ฎุรุฮุลฟะกีฮ์ โดยเชคศอดูก  หะดีษที่ 5406  
3, วะซาอิลุชชีอะฮ์  โดยอัลฮุรรุลอามิลี  หะดีษที่ 34930    
  •  

L-umar

۩  สรุปเรื่อง   สิบสองผู้นำจากตำราหะดีษฝ่ายชีอะฮ์


1, ตำราหะดีษชีอะฮ์เล่าว่า  อิม่ามหลังจากท่านนะบี(ศ)ได้ถูกระบุรายชื่อสิบสองผู้นำเอาไว้ชัดเจน

2, ผู้ที่กำหนดรายชื่ออิม่ามที่สืบต่อจากท่านนะบี(ศ)ก็คือ  ท่านศาสดามุฮัมมัด(ศ)

เพราะฉะนั้นในทัศนะของมัซฮับชีอะฮ์รายชื่อสิบสองผู้นำ  ผู้กำหนดคือ ท่านนะบีมุฮัมมัด(ศ)




۩  ผลจากการศึกษาสะนัดหะดีษสิบสองอิม่ามในตำราชีอะฮ์  


1,เป็นสะนัด(สายรายงาน) ที่ต่อเนื่องกันไปถึงท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ) หมายถึงเป็น หะดีษมัรฟู๊อ์
 
2, สะนัดหะดีษ  ถูกวิจารณ์ว่า ษิเกาะฮ์ คือเชื่อถือได้ เพราะฉะนั้นมันจึงเป็นหะดีษที่ซอฮิ๊ฮ์  

3, เมื่อหะดีษถูกพิสูจน์ว่า ซอฮิ๊ฮ์  ความเชื่อเรื่องอิม่ามผู้นำหลังจากท่านนะบี(ศ)มีสิบสองคนซึ่งคนแรกคือท่านอิม่ามอาลีและคนสุดท้ายคืออิม่ามมะฮ์ดี(อัลกออิมคือนามแฝง) จึงเป็นความเชื่อที่ถูกต้อง  

4,ความเชื่อใดที่ขาดหลักฐานถูกต้อง  ย่อมถือเป็นเรื่องเท็จ แต่ความเชื่อเรื่องสิบสองอิม่ามของชีอะฮ์มีหะดีษซอฮิ๊ฮ์ยืนยัน จึงไม่ใช่เรื่องที่กุขึ้นตามที่ซุนนี่บางส่วนใส่ร้ายป้ายสีไว้

5, ซุนนี่คนใดได้ใส่ร้ายผู้ที่เชื่อว่า  อิม่ามผู้นำหลังท่านนะบี(ศ)มี 12 คน คนแรกคืออิม่ามอาลี คนสุดท้ายคืออิม่ามมะฮ์ดี   ซุนนี่คนนั้นคือ  " คนโกหก "  ไร้จรรยาบรรณทางวิชาการ  

อย่างไรก็ตาม  ถึงแม้เราจะมีหะดีษซอฮิ๊อ์แสดงให้พวกใจอคติอ่าน  พวกป่วยทางจิตวิญญาณก็ยังพยายามตะแบงโจมตีใส่ร้ายต่อความเชื่อชีอะฮ์เรื่องสิบสองอิม่ามต่างๆนานาต่อไป    

ซึ่งเราจะพยายามชี้แจงให้ท่านได้ทราบในตอนต่อไป  อินชาอัลลอฮ์
  •  

L-umar

ตอนที่  หก -  หะดีษรายชื่อสิบสองผู้นำ




หะดีษสิบสองอิหม่าม หรือ สิบสองคอลีฟะฮ์  มิได้มีเพียงรายงานไว้แค่เพียงตัวเลขกล่าวคือเล่าว่ามีสิบสองคน  

แต่เราพบหะดีษส่วนหนึ่งที่ได้ระบุถึงรายชื่อบุคคลทั้งสิบสองเอาไว้อีกด้วย  




หะดีษรายชื่ออิม่าม 12  

►จากตำราซุนนี่



1-الْجُوَيْنِيّ عَنْ عَبْدِاللَّهِ بْنِ عَبَّاسٍ ، قَالَ : قَالَ رَسُولُ اللَّهِ (ص): «أَناَ سَيِّدُ النَّبِيِّيْنَ وَعَلِيُّ بْنُ أَبِي طَالِبٍ سَيِّدُ الْوَصِيِّيْنَ ، وَإِنَّ أَوْصِياَئِيْ بَعْدِيْ اثْناَ عَشَرَ ، أَوَّلُهُمْ عَلِيُّ بْنُ أَبِي طَالِبٍ وَآخِرُهُمْ الْمَهْدِيُّ»

1.อัลญุวัยนีเล่าว่า จากท่านอิบนุอับบาสเล่าว่า : ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)กล่าวว่า  ฉันคือสัยยิดแห่งบรรดานะบี ส่วนอาลีคือสัยยิดแห่งบรรดาวะซี และแท้จริงบรรดาวะซีของฉันหลังจากฉันมี12คน คนแรกคืออาลี บินอะลีตอลิบและคนสุดท้ายของพวกเขาคืออัลมะฮ์ดี



2- الْجُوَيْنِيّ بِسَنَدِهِ عَن ِبْنِ عَبَّاسٍ ، قَالَ : قَالَ رَسُولُ اللَّهِ (ص): «إِنَّ خُلَفاَئِيْ وَأَوْصِياَئِيْ وَحُجَجَ اللهِ عَلَى الْخَلْقِ بَعْدِيْ الْاِثْنَي عَشَرَ أَوَّلُهُمْ أَخِيْ وَآخِرُهُمْ وَلَدِيْ» . قِيْلَ : يَا رَسُولَ اللَّهِ! وَمَنْ أَخُوْكَ ؟ قاَلَ : « عَلِيُّ بْنُ أَبِي طَالِبٍ » . قِيْلَ : فَمَنْ وَلَدُكَ ؟ قاَلَ : «الْمَهْدِيُّ الَّذِيْ يَمْلَأُهاَ قِسْطًا وَعَدْلًا كَمَا مُلِئَتْ جَوْرًا وَظُلْمًا. وَالَّذِي بَعَثَنِي بِالْحَقِّ بَشِيْراً وَنَذِيْراً لَوْ لَمْ يَبْقَ مِنَ الدُّنْياَ إِلاَّ يَوْمٌ واَحِدٌ لَطَوَّلَ اللهُ ذَلِكَ الْيَوْمَ حَتَّى يَخْرُجَ فِيْهِ وَلَدِيْ الْمَهْدِيْ فَيَنْزِلُ رُوْحُ اللهِ عِيسَى ابْنُ مَرْيَمَ فَيُصَلِّي خَلْفَهُ ، وَتُشْرَقُ الْأَرْضُ بِنُوْرِ رَبِّهاَ وَيَبْلُغُ سُلْطاَنُهُ الْمَشْرِقَ وَالْمَغْرِبَ» .

2.อัลญุวัยนีเล่าด้วยสะนัดของเขาว่า จากท่านอิบนุอับบาสเล่าว่า : ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)กล่าวว่า  แท้จริงบรรดาคอลีฟะฮ์ของฉัน บรรดาวะซีของฉันและบรรดาฮุจญัตของอัลลอฮ์ต่อปวงมนุษย์ภายหลังจากฉันมี 12 คน คนแรกคือน้องชายของฉันส่วนคนสุดท้ายคือบุตรชายของฉัน มีคนถามว่า โอ้ท่านรอซูลุลลอฮ์ ใครคือน้องชายของท่าน ? ท่านตอบว่า  อาลี บินอะลีตอลิบ มีคนถามว่า แล้วใครคือบุตรชายของท่าน ? ท่านตอบว่า อัลมะฮ์ดี ผู้ที่จะมาทำให้โลกเต็มเปี่ยมด้วยความเที่ยงธรรมและความยุติธรรมเหมือนที่มันเต็มไปด้วยความอธรรมและการกดขี่ ขอสาบานต่อผู้ที่ส่งฉันมาด้วยสัจธรรมเป็นผู้บอกข่าวดีและแจ้งข่าวร้ายว่า หากโลกไม่เหลือเวลาแล้วนอกจากเพียงหนึ่งวัน อัลลอฮ์จะทรงให้วันนั้นยาวออกไปอีกจนอัลมะฮ์ดีบุรชายของฉันจะออกมาในวันนั้น จากนั้นรูฮุลลอฮ์ อีซาบุตรมัรยัมจะลงมา(จากชั้นฟ้า)แล้วทำนมาซตามหลังเขา(มะฮ์ดี) โลกจะสว่างไสวด้วยรัศมีของพระเจ้าของเขา  การปกครองของเขา(มะฮ์ดี)จะครอบคลุมทั้งทิศตะวักออกและตะวันตก



3.อัลญุวัยนีด้วยสะนัดของเขาเล่าว่า  : ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)กล่าวว่า  

« أَناَ وَعَلِيٌّ وَالْحَسَنُ وَالْحُسَيْنُ وَتِسْعَةٌ مِنْ وَلَدِ الْحُسَيْنِ مُطَهَّرُوْنَ مَعْصُوْمُوْنَ »
كِتاَبُ فَراَئِدُ السَّمْطَيْنِ لِلْجُوَيْنِيّ (644- 722هـ) ص 160 ح :  1164 / 1690 ـ 1691

ฉันกับอาลี ฮาซัน  ฮูเซน และบุตรหลานของฮูเซนอีกเก้าคนคือ ผู้ถูกชำระให้สะอาด ผู้บริสุทธิ์

ดูฟะรออิดุซ ซำตอยนิ โดยอัลญุวัยนี(644 – 722 ฮ.ศ.) หน้า  160 หะดีษที่ 1164,1690,1691  

เชคอัลญูวัยนี คืออาจารย์คนหนึ่งของท่านซะฮะบี ซึ่งเขาได้กล่าวว่า  :  

قاَلَ الذَّهَبِيُّ : الْإِماَمُ الْمُحَدِّثُ الْأَوْحَدُ، الْأَكْمَلُ ، فَخْرُ الْإِسْلاَمِ ، صَدْرُ الدِّيْنِ إِبْرَاهِيمُ بْنُ مُحَمَّدِ بْنِ حَمَوَيْهِ الْجُوَيْنِيُّ الشاَّفِعِيُّ ، شَيْخُ الصُّوْفِيَّةِ  وَكاَنَ شَدِيْدَ الْاِعْتِناَءِ بِالرِّواَيَةِ وَتَحْصِيْلَ الْأَجْزاَءِ

เขาคืออิม่าม  มุฮัดดิษ  เป็นความภาคภูมิใจของอิสลาม ชื่อเต็มคือ ศ็อดรุดดีน บินอิบรอฮีม บินฮะมะวัยฮฺ อัลญุวัยนี อัชชาฟิอี   เชคแห่งซูฟี และเป็นผู้ที่ให้การเอาใจใส่ต่อเรื่องการรายงานหะดีษ ( ญุวัยน์ตั้งอยู่ทางด้านหนึ่งของเมืองนัยซาบูร อิหร่าน)  
ดูตัซกิเราะตุลฮุฟฟ๊าซ  โดยซะฮะบี  เล่ม  4 : 1500  อันดับที่  24



เชคกอนดูซี อัลฮานาฟีรายงาน

عَنِ ابْنِ عَبَّاسٍ قَالَ : قَدَمَ يَهُودِيٌّ يُقَالُ لَهُ نَعْثَل فَقَالَ : يَا مُحَمَّدُ أَسْأَلُكَ عَنْ أَشْيَاءَ ... فَأَخْبِرْنِيْ عَنْ وَصِيِّكَ مَنْ هُوَ ؟ فَمَا مِنْ نَبِيٍّ اِلاَّوَلَهُ وَصِيٌّ ' فَإِنَّ نَبِيَّنَا مُوسَى بْنَ عِمْرَانَ أَوْصَى يُوشَعَ بْنِ نُونَ. فَقَالَ : إِنَّ وَصِيِّيْ عَلِيُّ بْنُ أَبِي طَالِبٍ ' وَبَعْدَهُ سِبْطَايَ الْحَسَنُ وَالْحُسَيْنُ ' تَتْلُوْهُ تِسْعَةُ أَئِمَّةٍ مِنْ صُلْبِ الْحُسَيْنِ . قَالَ : يَا مُحَمَّدُ فَسَمِّهِمْ لِيْ. قَالَ : إِذَا مَضَى الْحُسَيْنُ فَإِبْنُهُ عَلِيٌّ 'فَإِذَا مَضَى عَلِيٌّ فَإِبْنُهُ مُحَمَّدٌ 'فَإِذَا مَضَى مُحَمَّدٌ فَإِبْنُهُ جَعْفَرٌ 'فَإِذَا مَضَى جَعْفَرٌ فَإِبْنُهُ مُوْسَى 'فَإِذَا مَضَى مُوْسَى فَإِبْنُهُ عَلِيٌّ 'فَإِذَا مَضَى عَلِيٌّ فَإِبْنُهُ عَلِيٌّ مُحَمَّدٌ 'فَإِذَا مَضَى مُحَمَّدٌ فَإِبْنُهُ عَلِيٌّ 'فَإِذَا مَضَى  عَلِيٌّ فَإِبْنُهُ الْحَسَنُ 'فَإِذَا مَضَى الْحَسَنُ فَإِبْنُهُ الْحُـجَّةُ مُحَمَّدٌ الْمَهْدِيُّ 'فَهَؤُلاَءِ اِثْنَا عَشَرَ
يَناَبِيْعُ الْمَوَدَّة لِذَوِي الْقُرْبَى  لِلشَّيْخِ الْقَنْدُوْزِيِّ الْحَنَفِيِّ (1220-1294هـ)  ج 3 ص 255
الباَبُ السَّادِسُ وَالسَّبْعُوْنَ فِيْ بَياَنِ الْأَئِمَّةِ الْاِثْنَي عَشَرَ بِأَسْماَئِهِمْ

ท่านอิบนุ อับบาสเล่าว่า :

มีชาวยิวคนหนึ่งชื่อนะษัลได้เข้ามาพบท่านนะบีมุฮัมมัด(ศ) เขากล่าวว่า :

โอ้มุฮัมมัด  ฉันขอถามคำถามต่าง.... (หะดีษยาวมากจะขอกล่าวเฉพาะประเด็น12อิม่ามดังนี้ ) ดังนั้นโปรดบอกฉันซิว่า วะซี(ผู้สืบทอดต่อจากท่าน)เป็นใคร ? เพราะท่านนะบีมูซาของเรายังแต่งตั้งยูชะอ์ บินนูนเป็นผู้นำแทนเขาเอาไว้

ท่าน(ศ)ตอบว่า :

แท้จริงวะซีของฉันคือ    1,อาลี บินอะบีตอลิบและหลังจากเขาคือ 2,ฮาซันและ 3,ฮูเซนหลานชายทั้งสองของฉัน  ต่อจากนั้นคือบรรดาอิม่ามอีก 9 คนที่สืบเชื้อสายมาจากฮูเซน

ชาวยิวกล่าวว่า :

 โอ้มุฮัมมัด จงบอกชื่อของพวกเขาแก่ฉันด้วยเถิด  ท่าน(ศ)กล่าวว่า : เมื่อฮูเซนผ่านไปก็คือ 4,อาลี(ซัยนุลอาบิดีน)บุตรชายของเขา, เมื่ออะลีผ่านไปก็คือ 5,มุฮัมมัด(บาเก็ร)บุตรชายของเขา,เมื่อมุฮัมมัดผ่านไปก็คือ 6,ญะอ์ฟัร (ศอดิก)บุตรชายของเขา, เมื่อญะอ์ฟัรผ่านไปก็คือ 7,มูซา(กาซิม)บุตรชายของเขา, เมื่อมูซาผ่านไปก็คือ 8,อาลี(ริฎอ)บุตรชายของเขา, เมื่ออาลีผ่านไปก็คือ 9,มุฮัมมัด(ญะวาด) บุตรชายของเขา,เมื่อมุฮัมมัดผ่านไปก็คือ 10,อาลี(ฮาดี) บุตรชายของเขา, เมื่ออาลีผ่านไปคือ 11,ฮาซัน(อัสการี)บุตรชายของเขา,เมื่อฮาซันผ่านไปก็คือ
12,อัลฮุจญะฮ์ มุฮัมมัดอัลมะฮ์ดีบุตรชายของเขา พวกเขาเหล่านี้คือ 12 ผู้นำ


ดูยะนาบีอุลมะวัดดะฮ์ เชคก็อนดูซีย์ อัลฮานาฟีย์ หน้า 499
  •  

L-umar

หะดีษรายชื่ออิม่าม 12  

►จากตำราชีอะฮ์




ท่านนะบีมุฮัมมัด(ศ)ได้ระบุรายชื่อสิบสองผู้นำที่สืบต่อจากท่านไว้ดังนี้

1,เชคศอดูกรายงาน :  

حَدَّثَنَا ْ أَحْمَدُ بْنُ زِيَادِ بْنِ جَعْفَرٍ الْهَمَذَانِي‏ قَالَ : حَدَّثَنَا عَلِىُّ بْنُ اِبْرَاهِيْمَ بْنِ هَاشِمٍ عَنْ أَبِيْهِ عَنْ مُحَمَّدِ بْنِ أَبِي عُمَيْر عَنْ غِيَاثِ بْنِ إِبْرَاهِيْمَ عَنِ الصَّادِقِ جَعْفَرِ بْنِ مُحَمَّدٍ عَنْ أَبِيْهِ مُحَمَّدِ بْنِ عَلِىٍ عَنْ أَبِيْهِ عَلِىِّ بْنِ الْحُسَيْنِ عَنْ أَبِيْهِ الْحُسَيْنِ بْنِ عَلِىٍّ عَلَيْهِ السَّلاَمِ قَالَ: سُئِلَ أَمِيْرُ الْمُؤْمِنِيْنَ عَلَيْهِ السَّلاَمِ عَنْ مَعْنَى قَوْلِ رَسُوْلِ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَآلِهِ إِنِّىْ مُخَلِّفٌ فِيْكُمُ الثَّقَلَيْنِ كِتَابُ اللهِ وَعِتْرَتِيْ مَنِ الْعِتْرَةُ ؟ فَقَالَ : أَنَا وَالْحَسَنُ وَالْحُسَيْنُ وَالْأَئِمَّةُ التِّسْعَةُ مِنْ وُلْدِ الْحُسَيْنِ تَاسِعُهُمْ مَهْدِيُّهُمْ وَقَائِمُهُمْ لاَ يُفَارِقُوْنَ كِتَابَ اللهِ وَلاَ يُفَارِقُهُمْ حَتَّى يَرِدَوْا عَلَى رَسُوْلِ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَآلِهِ حَوْضَـهُ

อะหมัด บินซิยาด บินญะอ์ฟัร อัลฮะมะดานีเล่าให้เราฟัง จากอาลี บินอิบรอฮีม บินฮาชิมจากบิดาเขา จากมุฮัมมัด บินอะบีอุมัยริน จากฆิยาษ บินอิบรอฮีมเล่าว่า :  จากอัศศอดิก ญะอ์ฟัร บินมุฮัมมัด จากบิดาเขาคือมุฮัมมัด บินอาลี จากบิดาเขาคืออาลี บินฮูเซน จากบิดาเขาคือฮูเซน บินอาลีเล่าว่า :

ท่านอมีรุลมุอ์มินีน(อิม่ามอาลี) ถูกถามถึงความหมายของวจนะท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)ที่กล่าวว่า :

แท้จริงฉันได้มอบสิ่งหนักสองสิ่งไว้ในหมู่พวกท่าน  สิ่งแรกคือคัมภีร์ของอัลลอฮ์และอิตเราะฮ์ของฉัน,(ว่า) ใครคืออิตเราะฮ์ ?

ท่านอิม่ามอาลีตอบว่า :

คือฉัน,ฮาซัน,ฮูเซนและบรรดาอิม่ามผู้นำอีก 9 คนที่สืบเชื้อสายจากลูกหลานของฮูเซน คนที่ 9 คือมะฮ์ดีของพวกเขาและคือกออิมของพวกเขา  


พวกเขาจะไม่แยกจากคัมภีร์ของอัลลอฮ์ และคัมภีร์ของอัลลอฮ์จะไม่แยกจากพวกเขา จนทั้งสองจะกลับคืนมายังท่านรอซูลุลลอฮ์ที่สระอัลเฮาฎ์ของท่าน.

ดูอุยูนุอัคบาริลริฎอ(อ) เล่ม 1 : 57 หะดีษที่ 25  สถานะหะดีษซอฮี๊ฮ์  


2,เชคศอดูก(305 – 381 ฮ.ศ.)รายงาน :

عَنْ يَحْيَى بْنِ أَبِي الْقَاسِمِ عَنِ الصَّادِقِ جَعْفَرِ بْنِ مُحَمَّدٍ عَنْ أَبِيهِ عَنْ جَدِّهِ (ع) قَالَ : قَالَ رَسُولُ اللَّهِ (ص) الْأَئِمَّةُ بَعْدِي اثْنَا عَشَرَ أَوَّلُهُمْ عَلِيُّ بْنُ أَبِي طَالِبٍ وَ آخِرُهُمُ الْقَائِمُ فَهُمْ خُلَفَائِي وَ أَوْصِيَائِي وَ أَوْلِيَائِي وَ حُجَجُ اللَّهِ عَلَى أُمَّتِي بَعْدِي

ยะห์ยา บินอบิลกอซิมจากอิม่ามศอดิก ญะอ์ฟัร บินมุฮัมมัด จากบิดาเขาจากปู่ของเขาเล่าว่า ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)กล่าวว่า  อิม่ามผู้นำภายหลังจากฉันนั้นมีสิบสองคน คนแรกของพวกเขาคืออาลี บินอะลีตอลิบ และคนสุดท้ายของพวกเขาคืออัลกออิม พวกเขาคือคุละฟาอ์ของฉัน เอาซิยาอ์ของฉัน เอาลิยาอ์ของฉันและเป็นฮุจญัตของอัลลอฮ์ต่อประชาชาติของฉันภายหลังจากฉัน

ดูมันลายะห์ฎุรุฮุลฟะกีฮ์ โดยเชคศอดูก เล่ม 4 : 180 หะดีษที่ 5406  


หมายเหตุ -  รอวียืที่ชื่อ → ยะห์ยา บินอบิลกอสิม  รู้จักกันในชื่อ  " อะบูบะศีร อัลอะสะดี "

أَبُوْ بَصِيْرٍ الْأَسَدِيُّ (الْمُتَوَفَّي 150 هـ)  يَحْيَى بْنُ الْقاَسِمِ،
مِنْ كِباَرِ الْفُقَهاَءِ، ثِقَةً، وَجِيْهاً، أَخَذَ الْحَدِيْثَ وَالْفِقْهَ وَساَئِرَ الْعُلُوْمِ عَنِ الْاِماَمَيْنِ أَبِي جَعْفَرٍ الْباَقِرِ، وَأبِي عَبْدِ اللّهِ الصاَّدِقِ(ع)، وَهُوَ أَحَدُ السِّتَّةِ الَّذِيْنَ أَجْمَعَتِ الشِّيْعَةُ عَلَى تَصْدِيْقِهِمْ، وَالْاِقْراَرِ لَهُمْ بِالْفِقْهِ

เป็นฟะกีฮ์ที่ยิ่งใหญ่คนหนึ่ง  เชื่อถือได้  รับความรู้เรื่องหะดีษ ฟิกฮ์และศาสตร์อื่นๆจากอิม่ามบาเก็รและอิม่ามศอดิก(อ)   เขาคือหนึ่งในหกที่ปราชญ์ชีอะฮ์มีมติตรงกันต่อความน่าเชื่อถือในการรายงาน

ดูเมาซูอะฮ์ อัศฮาบิลฟุเกาะฮาอ์  เล่ม  57 : 14 อันดับที่ 723


3,อิม่ามญะอ์ฟัรรายงานจากบิดา ปู่ทวดของท่านว่า ท่านนะบี(ศ)กล่าวว่า

الْأَئِمَّةُ بَعْدِي اثْنَا عَشَرَ أَوَّلُهُمْ عَلِيُّ بْنُ أَبِي طَالِبٍ وَ آخِرُهُمُ الْقَائِمُ

อิม่ามผู้นำภายหลังจากฉันนั้นมีสิบสองคน คนแรกของพวกเขาคืออาลี บินอะลีตอลิบ และคนสุดท้ายของพวกเขาคืออัลกออิม

ดูวะซาอิลุชชีอะฮ์ โดยฮุรรุลอามิลี (1033 – 1104 ฮ.ศ.) เล่ม 28 : 347 หะดีษที่ 34930


หะดีษรายชื่อ 12 อิม่ามผู้นำของชีอะฮ์ :

عَنْ عَبْدِ اللَّهِ بْنِ جُنْدَبٍ عَنْ مُوسَى بْنِ جَعْفَرٍ (ع) أَنَّهُ قَالَ تَقُولُ فِي سَجْدَةِ الشُّكْرِ اللَّهُمَّ إِنِّي أُشْهِدُكَ وَ أُشْهِدُ مَلَائِكَتَكَ وَ أَنْبِيَاءَكَ وَ رُسُلَكَ وَ جَمِيعَ خَلْقِكَ أَنَّكَ أَنْتَ اللَّهُ رَبِّي وَ الْإِسْلَامَ دِينِي وَ مُحَمَّداً نَبِيِّي وَ عَلِيّاً وَ الْحَسَنَ وَ الْحُسَيْنَ وَ عَلِيَّ بْنَ الْحُسَيْنِ وَ مُحَمَّدَ بْنَ عَلِيٍّ وَ جَعْفَرَ بْنَ مُحَمَّدٍ وَ مُوسَى بْنَ جَعْفَرٍ وَ عَلِيَّ بْنَ مُوسَى وَ مُحَمَّدَ بْنَ عَلِيٍّ وَ عَلِيَّ بْنَ مُحَمَّدٍ وَ الْحَسَنَ بْنَ عَلِيٍّ وَ الْحُجَّةَ بْنَ الْحَسَنِ بْنِ عَلِيٍّ أَئِمَّتِي بِهِمْ أَتَوَلَّى وَ مِنْ أَعْدَائِهِمْ أَتَبَرَّأ

ท่านอับดุลลอฮ์ บินญุนดุบอัลบะญะลีเล่าว่า

อิม่ามมูซา บินญะอ์ฟัร(ผู้นำคนที่ 7) ได้กล่าว(กับเขา)ว่า :

ให้ท่านอ่าน(ดุอาอ์)ในขณะกราบ(สัจญ์ดะฮ์ชุกูร)ดังนี้ :

โอ้อัลลอฮ์  แท้จริงข้าพระองค์ขอปฏิญาณตนต่อพระองค์  ต่อบรรดามลาอิกะฮ์ของพระองค์  ต่อบรรดานะบีของพระองค์  ต่อบรรดารอซูลของพระองค์และต่อสิ่งถูกสร้างทั้งหลายของพระองค์ว่า  แท้จริงพระองค์คือพระผู้อภิบาลของฉัน อิสลาม(คือศาสนาของฉัน)  มุฮัมมัดเป็นศาสดาของฉันและ

1,ท่านอาลี 2,ฮาซัน 3,ฮูเซน 4,อาลี บินฮูเซน 5,มุฮัมมัด บินอาลี 6,ญะอ์ฟัร บินมุฮัมมัด 7,มูซา บินญะอ์ฟัร 8,อาลี บินมูซา 9,มุฮัมมัด บินอาลี 10,อาลี บินมุฮัมมัด 11,ฮาซัน บินอาลีและ12,อัลฮุจญะฮ์ บินฮาซันคือบรรดาอิม่ามผู้นำของฉัน

ซึ่งฉันจะจงรักภักดีต่อพวกเขา และจะไม่ขอข้องเกี่ยวกับศัตรูของพวกเขา

ดูวะซาอิลุชชีอะฮ์  โดยอัลฮุรรุลอามิลี เล่ม 7 : 15 หะดีษที่ 8585   สถานะหะดีษซอฮิ๊ฮ์
  •  

L-umar


۩ บทสรุปของเรื่อง  12  อิหม่ามหรือคอลีฟะฮ์





►สิ่งที่มุสลิมทั้งมัซฮับซุนนี่และมัซฮับชีอะฮ์มีความเห็นตรงกันคือ  


มีความเชื่อมั่นว่า  อัลเลาะฮ์ ตะอาลาคือ  พระเจ้าเพียงองค์เดียว ไม่มีภาคีหุ้นส่วนใดๆต่อพระองค์ทั้งสิ้น

เชื่อว่า นะบีมุฮัมมัด(ศ)คือ  ศาสดาคนสุดท้ายของโลก

เชื่อว่า  วันฟื้นคืนชีพหรือวันกิยามะฮ์นั้นมีจริง

เชื่อว่า  อัลกุรอ่านคือ  คัมภีร์ที่อัลเลาะฮ์ตะอาลาทรงประทานมันลงมา และมันคือฉบับที่อยู่ในมุสลิมใช้อ่านกัรอยู่ทุกวันนี้ ไม่มีการเพิ่มเติมหรือตัดทอนสิ่งใดภายในมัน

อัลกุรอ่านและหะดีษของนะบี(ศ)คือฐานข้อมูลทางความเชื่อและศาสนบัญญัติ

เวลาพวกเขานมาซประจำวัน  ก็จำเป็นต้องผินหน้าสู่กิบละฮ์เดียวกันคือ อัลกะอ์บะฮ์  ประเทศซาอุดิอารเบีย และพวกเขาต้องไปประกอบพิธีฮัจญ์ที่ประเทศซาอุฯ พวกเขาต้องจ่ายซะกาต  ต้องถือศีลอดในเดือนรอมะฎอน




►จุดขัดแย้งหลัก  ระหว่างซุนนี่กับชีอะฮ์คือเรื่อง


อิมามะฮ์วัลคิลาฟะฮ์ หรือเรื่องผู้นำผู้ปกครอง


ฝ่ายชีอะฮ์มีทัศนะว่า  → เรื่องผู้นำผู้ปกครอง จะต้องมีหลักฐานแต่งตั้งมาจากท่านรอซูลุลเลาะฮ์(ศ)เท่านั้น  ไม่ใช่ธุระที่มนุษย์จะมาเลือกผู้นำกันเอง.


ฝ่ายซุนนี่มีทัศนะว่า  → เรื่องผู้นำผู้ปกครอง  เป็นธุระของมนุษย์ที่จะต้องมาเลือกตั้งกันเอง    ฝ่ายซุนนี่ยังเชื่อว่าเรื่องผู้นำเป็นเรื่อง  ฟุรูอุดดีน  ไม่ใช่  อุซูลุดดีน  





►นักปราชญ์ฝ่ายซุนนี่ได้อธิบายเองว่า ตำแหน่งคอลีฟะฮ์ของท่านอะบูบักร มิได้เกิดขึ้นจากบทบัญญัติใดๆของท่านนะบี(ศ)นี่คือ การยืนยันโดยบรรดานักปราชญ์ฝ่ายซุนนี่ และมีการบันทึกเป็นหลักฐานไว้ในตำราเล่มต่างๆ ดังนี้


Θ ท่านอับดุลกอฮิร อัลบัฆดาดีย์ ได้กล่าวว่า

وقالوا ليس من النبى نص على امامة واحد بعينه خلاف قول من زعم من الرافضة انه نص على امامة على رضى الله عنه نصا مقطوعا بصحته

และพวกเขากล่าวว่า ไม่มีนัศ(หลักฐานแต่งตั้งที่)จากท่านนะบี(ศ) ในเรื่องตำแหน่งผู้นำที่ชัดเจนแก่คนใดคนหนึ่ง

ซึ่งขัดแย้งกับทัศนะของพวกชีอะฮ์ที่อ้างว่า มีนัศ(หลักฐานแต่งตั้งที่)ว่าด้วยตำแหน่งอิมาม แก่ท่านอะลี บิน อะบีฏอลิบ(ร.ฎ)  อันเป็นหลักฐานแต่งตั้งที่ระบุไว้อย่างแน่ชัดต่อความถูกต้องของมัน

ดูหนังสือ อัลฟิร็อก บัยนัลฟิร็อก หน้า 349



Θ ท่านอะบู ฮามิด อัล ฆอซาลีย์ อธิบายว่า

ولم يكن نص رسول الله صلى الله عليه و سلم على إمام أصلا إذ لو كان لكان أولى بالظهور من نصبه آحاد الولاة والأمراء على الجنود في البلاد ولم يخف ذلك فكيف خفي هذا ؟ وإن ظهر فكيف اندرس حتى لم ينقل إلينا ؟ فلم يكن أبو بكر إماما إلا بالاختيار والبيعة

ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)ไม่มีระบุหลักฐาน(แต่งตั้ง)ในเรื่องอิมามผู้นำแต่อย่างใดเลย ซึ่งถ้ามีก็แน่นอนเหลือเกินว่า ท่านจะต้องประกาศแต่งตั้งให้เป็นที่รู้กันอย่างเป็นเอกฉันท์ เหมือนเช่นการที่ท่านแต่งตั้งคนใดดำรงตำแหน่งข้าหลวงและตำแหน่งผู้บัญชาการทหารในบ้านเมือง

และเรื่องนั้นจะซ่อนเร้นมิได้ เรื่องแบบนี้จะซ่อนเร้นได้อย่างไร ?  และถ้าหากเรื่องนี้เคยมีปรากฏอยู่ แล้วมันจะสูญหายไปได้อย่างไร จนกระทั่งว่า มันไม่เคยถูกรายงานถ่ายทอดมาถึงยังพวกเรา ?   ดังนั้นท่านอะบูบักร์ก็มิได้เป็นผู้นำ(ในฐานะตัวแทนของท่านนะบีฯแต่อย่างใด) นอกจากโดยการคัดเลือก และการให้สัตยาบันเท่านั้น

ดูหนังสือเกาะวาอิดุล เกาะวาอิด  หน้า 226



Θ ท่านอัลอีญีย์ได้กล่าวไว้ใน มักศ็อดที่สี่ ว่า

في الإمام الحق بعد رسول الله
 وهو عندنا أبو بكر
 وعند الشيعة علي رضي الله عنهما
 لنا وجهان
 الأول إن طريقه أما النص أو الإجماع بالبيعة
 أما النص فلم يوجد لما سيأتي
 وأما الإجماع فلم يوجد على غير أبي بكر اتفاقا من الأمة

ในตำแหน่งอิมามผู้นำที่แท้จริงหลังจากท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)นั้น
ตามทัศนะของเราคือ ท่านอะบูบักร์
ส่วนตามทัศนะของชีอะฮ์คือ ท่านอะลี

สำหรับเราในกรณีนี้ มีปัญหาอยู่สองประการ ดังนี้ :  การเป็นคอลีฟะฮ์นั้น จะต้องมาจากทางใด ทางหนึ่ง อาจมาจากนัศ(หลักฐานการแต่งตั้ง) หรือจากมติการบัยอะฮ์อย่างเป็นเอกฉันท์ของมวลมุสลิม

ในส่วนของนัศ(หลักฐานการแต่งตั้งจากท่านนะบีฯ)นั้น ปรากฏว่า ไม่มีหลักฐาน ดังที่จะได้กล่าวต่อไป
และส่วนกรณีมติอย่างเอกฉันท์นั้น ก็ปรากฏว่านอกจากกรณีของท่านอะบูบักร์แล้ว ก็ไม่มีความเห็นที่สอดคล้องตรงกันเลยจากอุมมะฮ์

ดูหนังสืออัลมะวากิฟ มินอะกออิด อะฮ์ลิสซุนนะฮ์ หน้าที่ 400



Θ ท่านอิม่ามอัลนะวาวีย์ ได้กล่าวว่า
 
أَنَّ الْمُسْلِمِينَ أَجْمَعُوا عَلَى أَنَّ الْخَلِيفَة إِذَا حَضَرَتْهُ مُقَدِّمَات الْمَوْت ، وَقَبْل ذَلِكَ يَجُوز لَهُ الِاسْتِخْلَاف ، وَيَجُوز لَهُ تَرْكه ، فَإِنْ تَرَكَهُ فَقَدْ اِقْتَدَى بِالنَّبِيِّ صَلَّى اللَّه عَلَيْهِ وَسَلَّمَ فِي هَذَا ، وَإِلَّا فَقَدْ اِقْتَدَى بِأَبِي بَكْر

แท้จริงแล้ว บรรดามุสลิมมีมติตรงกันว่า (การแต่งตั้ง)คอลีฟะฮ์นั้น (จะแต่งตั้ง)ก่อนความตายจะมาถึงก็ได้ และก่อนตายก็อนุญาตให้ท่านแต่งตั้งคอลีฟะฮ์ได้ และอนุญาตให้ละเว้นได้ด้วย กล่าวคือ ถ้าหากละเว้น ก็เท่ากับยึดถือตามแบบอย่างของท่านนะบี(ศ)ในเรื่องนี้ และถ้าไม่ละเว้น ก็เท่ากับยึดถือตามแบบอย่างของท่านอะบูบักร  

ดูซอฮิ๊ฮ์มุสลิม ฉบับชะเราะฮ์อันนะวาวี  เล่ม12 : 205 หะดีษที่ 3399


และท่านอิมามนะวาวีย์ ในวรรคถัดมายังได้กล่าวอธิบายว่า

وَفِي هَذَا الْحَدِيث : دَلِيل أَنَّ النَّبِيّ صَلَّى اللَّه عَلَيْهِ وَسَلَّمَ لَمْ يَنُصّ عَلَى خَلِيفَة ، وَهُوَ إِجْمَاع أَهْل السُّنَّة وَغَيْرهَا
 
และในฮะดีษนี้แสดงเป็นหลักฐานแสดงว่า ท่านนะบี(ศ)มิได้แต่งตั้งคนใดไว้เป็นคอลีฟะฮ์ และนี่คือ หลักการที่เชื่อถือตรงกันเป็นเอกฉันท์(อิจญ์มาอ์)ของชาวอะฮ์ลุสซุนนะฮ์และฝ่ายอื่นๆ

ดูซอฮิ๊ฮ์มุสลิม ฉบับชะเราะฮ์อันนะวาวี  เล่ม12 : 205 หะดีษที่ 3399



Θ ท่านอิบนุกะษีร อธิบายว่า

أن رسول الله صلى الله عليه و سلم لم ينص على الخلافة عينا لأحد من الناس لا لأبي بكر كما قد زعمه طائفة من أهل السنة ولا لعلي كما يقوله طائفة من الرافضة أن رسول الله صلى الله عليه و سلم لم ينص على الخلافة عينا لأحد من الناس لا لأبي بكر كما قد زعمه طائفة من أهل السنة ولا لعلي كما يقوله طائفة من الرافضة
 
แท้จริง ท่านรอซูล (ศ) มิได้แต่งตั้งท่านอะลีเป็นคอลีฟะฮ์ที่ชัดเจนไว้กับคนใดเลย  ท่านมิได้แต่งตั้งท่านอะบูบักร์ เหมือนอย่างที่อะฮ์ลิซซุนนะฮ์กลุ่มหนึ่งแอบอ้าง และมิได้แต่งตั้งท่านอะลี เหมือนอย่างที่พวกรอฟิเฎาะฮ์แอบอ้าง เช่นกัน

ดูหนังสืออัลบิดายะฮ์ วันนิฮายะฮ์  เล่ม  5 : 219




ประกอบกับการที่พวกเขามีหลักฐานหลายฮะดีษที่แสดงว่า ท่านนะบี(ศ)มิได้แต่งตั้งท่านอะบูบักร์ไว้ เช่น รายงานที่บันทึกโดยบุคอรีและมุสลิม ในหนังสือศอฮีฮ์ทั้งสอง และที่บันทึกโดยท่านติรมิซีย์ อะบูดาวูดในหนังสือสุนัน บันทึกโดยท่านอะห์มัดในมุสนัด และท่านอื่นๆอีก

อ้างอิงบางส่วนจากเวบยอมใหญ่
http://www.yomyai.com/index.php?mo=3&art=397514




Θ คำถามสำหรับซุนนี่

1,ท่านเชื่อว่า  คอลีฟะฮ์เป็นเรื่องฟิกฮ์  ส่วนชีอะฮ์เชื่อว่าผู้นำเป็นเรื่องอุซูลุดดีน ท่านมีสิทธิอะไรมาตัดสินว่าเรื่องฟิกฮ์ของท่านถูก แต่เรื่องอุซูลของชีอะฮ์ผิด

2,ท่านเชื่อว่า  ท่านอะบูบักรได้รับตำแหน่งคอลีฟะฮ์มาจากการเลือกตั้งโดยประชาชน ส่วนชีอะฮ์มีหะดีษซอฮิ๊ฮ์รายงานว่า ท่านรอซูล(ศ)กล่าวว่าท่านอาลีคืออิม่ามผู้นำสืบต่อจากท่าน  ทำไมท่านจึงให้ความสำคัญต่อการเลือกตั้งของมนุษย์มากกว่าการแต่งตั้งโดยท่านรอซูล(ศ)
  •  


44 ผู้มาเยือน, 0 ผู้ใช้