Welcome to Q4wahabi.com (Question for Wahabi). Please login or sign up.

ธันวาคม 23, 2024, 05:29:36 ก่อนเที่ยง

Login with username, password and session length
สมาชิก
  • สมาชิกทั้งหมด: 1,718
  • Latest: Haroldsmolo
Stats
  • กระทู้ทั้งหมด: 3,703
  • หัวข้อทั้งหมด: 778
  • Online today: 72
  • Online ever: 200
  • (กันยายน 14, 2024, 01:02:03 ก่อนเที่ยง)
ผู้ใช้ออนไลน์
Users: 0
Guests: 31
Total: 31

สาเหตุที่มุสลิมชอบฮุก่มกันเป็นกาเฟ็รคือ ?

เริ่มโดย L-umar, สิงหาคม 18, 2009, 10:03:36 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

L-umar



สาเหตุที่มุสลิมชอบฮุก่มกันเป็นกาเฟ็รคือ

เป็นเรื่องแปลกแต่จริงที่มีปัญหาส่วนหนึ่งเป็นเหตุทำให้มุสลิมแต่ละกลุ่มต่างทำการตักฟีรต่อมุสลิมกลุ่มอื่น  ซึ่งปัญหาเหล่านั้นเป็นปัญหาทางกะลามียะฮ์ซึ่งไม่เคยมีอยู่ในสมัยท่านนบีมุฮัมมัด(ศ) ทั้งๆที่ท่านนบีเองให้การรับรองต่อทุกคนที่กล่าวปฏิญาณด้วยกะลิมะฮ์ชะฮาดะตัยนฺว่า เขาเป้นมุสลิม ปัญหาเหล่านั้นเช่น

1ـ كون صفاته عين ذاته أو زائدة عليها .
ซิฟัตต่างๆของอัลลอฮฺ คือ อัยนุน(ตัวตน)แห่งซ๊าตอัลลอฮฺ หรือว่ามันได้เพิ่มเข้ามาบนซาต

2ـ كون القرآن محدثاً أو قديماً .
คัมภีร์กุรอ่านนั้นเป็นสิ่งใหม่ หรือมีมาแต่ดั้งเดิม

3ـ أفعال العباد هل هي مخلوقة لله تعالى أم لا ؟
การกระทำของมนุษย์คือมัคลู๊กของอัลลอฮฺ หรือไม่ใช่

4ـ هل الصفات الخبرية في القرآن كاليد والوجه تحمل على المعنى اللغوي أم تؤول ؟
ซิฟัตเคาะบะรียะฮ์ต่างๆในอัลกุรอ่าน เช่น มือ ใบหน้า ต้องให้ความหมายตามภาษาศาสตร์หรือต้องตะอ์วีลตีความ

5ـ رؤية الله سبحانه يوم الآخرة هل هي ممكنة أم ممتنعة ؟
การมองเห็นอัลลอฮฺด้วยตาเปล่าในวันอาคิเราะฮ์นั้น สามารถมองเห็นได้ หรือไม่ได้

6ـ عصمة الأنبياء قبل البعثة وبعدها .
บรรดานบีเป็นมะอ์ซูม ก่อนได้รับแต่งตั้งให้เป็นศาสดา หรือเป็นมะอ์ซูมหลังจากเป็นนบี

7- الامامة بعد الرسول (ص)  من النص  أم الانتخاب
อิม่ามผู้นำต้องมาจากการแต่งตั้งโดยอัลลอฮฺ, รอซูล หรือมาจากการเลือกตั้งโดยประชาชน


ปัญหาเหล่านี้และยังมีปัญหาลักษณะเช่นนี้อีกมากมายซึ่งนับเป็นปัญหาทางกะลามียะฮ์ (เทววิทยา) ที่มุสลิมทุกกลุ่มทุกมัซฮับล้วนได้ให้คำชี้แจงถึงด้วยเหตุผลที่อ้างมาจากโองการกุรอ่านและรายงานหะดีษ  แล้วทุกกลุ่มต่างก็มีความเห็นว่า กลุ่มของตนเองคือกลุ่มที่ยึดมั่นต่อกิตาบและหะดีษเป็นบรรทัดฐานหลัก แต่ในขณะเดียวทั้งเขาและกลุ่มอื่นๆต่างก็ยอมรับในเตาฮีดของอัลลอฮฺและริซาละฮ์ของรอซูลุลลอฮฺ(ศ)

ทุกฝ่ายไม่เคยมองว่า  ตราบใดที่ปัญหาคิล๊าฟเหล่านั้นไม่ใช่โครงเรื่องของเตาฮีดหรือนุบูวะฮ์โดยตรง   แน่นอนแต่ละฝ่าย ย่อมมีความเห็นในรายละเอียดปลีกย่อยที่แตกต่างกันไป  และคิล๊าฟดังกล่าวไม่ได้ส่งผลทำให้คนกลุ่มเหล่านั้นตกเป็นกาเฟ็ร   หรืออกนอกศาสนาอิสลาม  หรือถึงกับตกมุรตัดไป  


แต่จะนับว่าเป็นการคิล๊าฟระหว่างมัซฮับเช่น
ระหว่างมัซฮับอะชาอิเราะฮ์  กับมุอ์ตะอ์ซิละฮฺ และชีอะฮ์ มีมุมมองความคิดในหกปัญหาข้างต้นไม่เหมือนกันในรายละเอียดปลีกย่อย

เพราะฉะนั้นท่านจะเห็นได้ว่าบรรดาอุละมาอ์ที่เดินสายกลาง พวกเขาจะไม่อนุญาติให้ทำการตักฟีร อะฮ์ลุลกิบละฮฺเป็นอันขาด

แต่พวกวาฮาบีจะฮุก่มอะฮ์ลุลกิบละฮ์ด้วยคำพูดเหล่านี้เช่น

พวกต่อรีกัตและพวกดะอ์วะฮฺ นั้นเฎาะลาละฮ์

พวกคณะเก่า(อะชาอิเราะฮ์ ) นั้นบิดอะฮ์
พวกชีอะฮ์นั้นเป็นกาเฟ็ร

วาฮาบีนั้นมีทัศนะคติมุมมองต่อมุสลิมในทางลบเสมอ

สมจริงแล้วดังที่ท่านรอซูลุลลอฮฺ(ศ)กล่าวว่า

المؤمن مرآة المؤمن

قال الشيخ الألباني : ( صحيح )
الجامع الصغير وزيادته - (ج 1 / ص 1161  ح 11601

มุอ์มินนั้นคือกระจกส่องของมุอ์มิน


สถานะหะดีษ  เศาะหิ๊หฺ  
ดูญามิอุศ – ซ่อฆีร วะซิยาดะฮฺ  โดยเชคอัลบานี  หะดีษที่  11601


เพราะฉะนั้นเมื่อวาฮาบีเห็นมุสลิมคนอื่นเป็นคนเฎาะลาละฮ์  บิดอะฮ์ และกาเฟ็ร   นั่นแหล่ะคือตัวของเขาเอง
  •  

31 ผู้มาเยือน, 0 ผู้ใช้