Welcome to Q4wahabi.com (Question for Wahabi). Please login or sign up.

ธันวาคม 23, 2024, 12:11:08 ก่อนเที่ยง

Login with username, password and session length
สมาชิก
  • สมาชิกทั้งหมด: 1,718
  • Latest: Haroldsmolo
Stats
  • กระทู้ทั้งหมด: 3,703
  • หัวข้อทั้งหมด: 778
  • Online today: 102
  • Online ever: 200
  • (กันยายน 14, 2024, 01:02:03 ก่อนเที่ยง)
ผู้ใช้ออนไลน์
Users: 0
Guests: 28
Total: 28

การถก ระหว่าง วาฮาบี กับ นายวูญูด (ชีอะฮ์)ทางอีเมล

เริ่มโดย L-umar, สิงหาคม 14, 2009, 05:26:45 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

L-umar



การถก ระหว่าง วาฮาบี กับ นายวูญูด (ชีอะฮ์ )


السَّلَامُ عَلَيْكُمْ وَرَحْمَةُ اللَّهِ وبركاته

ทางเว็บมาสเตอร์ได้รับบทความจาก


Vuyood2007@hotmail.com


ที่สนทนากับวาฮาบีที่โต้ตอบกันทางอีเมล


นายวุญูด  :

ขอบคุณที่ท่านเจียดเวลามาคุยกับผม นับเป็นเกียรติอย่างยิ่ง

ผมถามที่มาของคำว่า  อะฮ์ลุซซุนนะฮ์ วัลญะมาอะฮ์  ว่ามีในกุรอ่านหรือฮะดีษไหม ?

และขอคำตอบจากท่านก่อนว่า  มี หรือ ไม่มี
 
ท่านตอบไม่ตรงประเด็นนะครับ  ตกลงคำว่า"อะฮ์ลุซซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์"นี้กุรอ่านหรือฮะดีษได้กล่าวไว้หรือไม่

แต่ท่านกลับส่งคำตอบมาเป็นฮะดีษกิตาบวะซุนนะฮ์  ที่อยู่ในหนังสือ

1.   สุนันอัลกุบรอ ของบัยฮะกีย์ เลขที่ 20123
2.   สุนันอัลดารุกุฏนีย์ เลขที่ 149
3.   มุสตัดร๊อก อะลัศศอฮีฮัยนี ของนีซาบูรีย์ เลขที่ 319  

นายวูญูด  :
ผมแปลกใจว่า ทำไมท่านถึงนำฮะดีษที่มี สะนัดดออีฟ มาอ้างอิงกับผม
ท่านลองไปอ่านคำวิจารณ์รอวีย์ จากบรรดาอะอิมมะฮ์ที่เชี่ยวชาญด้าน ญะเราะห์ วัต-ตะอ์ดีล ดังนี้ นะครับ

ฮะดีษที่ หนึ่ง –  รายงานโดยท่านอัลบัยฮะกี มรณะฮ.ศ. 458

أَخْبَرَنَا أَبُو عَبْدِ اللَّهِ الْحَافِظُ أَخْبَرَنِى إِسْمَاعِيلُ بْنُ مُحَمَّدِ بْنِ الْفَضْلِ الشَّعْرَانِىُّ حَدَّثَنَا جَدِّى حَدَّثَنَا ابْنُ أَبِى أُوَيْسٍ حَدَّثَنَا أَبِى عَنْ ثَوْرِ بْنِ زَيْدٍ الدِّيلِىِّ عَنْ عِكْرِمَةَ عَنِ ابْنِ عَبَّاسٍ رَضِىَ اللَّهُ عَنْهُمَا : أَنَّ رَسُولَ اللَّهِ -صلى الله عليه وسلم- خَطَبَ النَّاسَ فِى حَجَّةِ الْوَدَاعِ فَقَالَ :« يَا أَيُّهَا النَّاسُ إِنِّى قَدْ تَرَكْتُ فِيكُمْ مَا إِنِ اعْتَصَمْتُمْ بِهِ فَلَنْ تَضِلُّوا أَبَدًا كِتَابَ اللَّهِ وَسُنَّةَ نَبِيِّهِ ».

อบู อับดุลลอฮ์ อัลฮาฟิซ,เล่าให้เราฟัง, อิสมาอีล บิน มุฮัมมัด บิน อัลฟัฎลฺ อัชชิ๊อฺรอนีได้เล่าให้ฉันฟัง ปู่ฉันได้เล่าให้เราฟัง อิบนุ อบีอุวัยสฺได้เล่าให้เราฟัง บิดาฉันได้เล่าให้ฉันฟัง จากเษาร์ บิน ซัยดฺ อัด-ดีลี, จากอิกริมะฮ์,จากอิบนุ อับบาส (เล่าว่า ) :
แท้จริงท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)ได้ปราศรัยกับประชาชนในฮัจญะตุลวิดาอ์ ท่านกล่าวว่า : โอ้ประชาชนทั้งหลาย  แท้จริง ฉันได้ทิ้งไว้ให้แก่พวกท่านถึงสิ่งซึ่งหากพวกท่านยึดมั่นต่อสิ่งนั้นแล้ว พวกท่านจะไม่หลงทางโดยเด็ดขาด เป็นเรื่องที่ชัดเจนสิ่งนั้นคือคัมภีร์ของอัลลอฮฺและซุนนะฮ์นบีของพระองค์อัลลอฮฺ  
อ้างอิงจากหนังสือ  สุนัน อัลกุบรอ ของอัลบัยฮะกี เล่ม 10 หน้า 114  หะดีษที่ 20833
สถานะของหะดีษ : ดออีฟ  

วิเคราะห์สายรายงานหะดีษ

إسْمَاعِيْل إبْنُ أَبِيْ أُوَيْسٍ - أَبِيْ أُوَيْسٍ – أَبِيْهِ – ثَوْرٌ – عِكْرِمَة – إبْنُ عَبَّاس

อิสมาอีล บุตร อบีอุวัยสฺ จากอบี อุวัยสฺ จากบิดาเขา จากเษาร์ จากอิกริมะฮ์ จากอิบนิอับบาส

อิสมาอีล ฉายาบิดาคือ อบี อุวัยสฺ  ชื่อ อับดุลลอฮ์ บิน อัลดุลลอฮ์ บิน อบี อุวัยสฺ บิน อบี อามิร อัลอัศบะฮี  เขาเป็นบุตรชายของน้องสาวท่านอิม่ามมาลิกบินอะนัส  มาลิกเป็นน้าของอิสมาอีล
ท่านยะห์ยา อิบนิ มะอีนกล่าวว่า : อบี อุวัยสฺและบุตรชายของเขา(คืออิสมาอีล) ดออีฟทั้งคู่
อ้างอิงจากหนังสือ
ตะฮ์ซีบุลกะมาล เล่ม 1 หน้า 240
ตะฮ์ซีบุต-ตะฮ์ซีบ ของอิบนุ ฮะญัรอัลอัสก่อลานี 1 หน้า 197

และท่านอิบนุ มะอีนกล่าวว่า : อิบนิ อบี อุวัยสฺกับบิดาเขาทั้งสองขโมยหะดีษ
อ้างอิงจากหนังสือ
ตะฮ์ซีบุลกะมาล 1 หน้า 240
อัด-ดุอะฟาอ์ วัลมัตรูก  1 หน้า 117
ตะฮ์ซีบุต-ตะฮ์ซีบ  1 หน้า 197

ท่านอิบนุ มะอีนยังกล่าวถึงอิสมาอีลว่า : เขาปะปนหะดีษ โกหก ไม่มีสิ่งใดเลย
อ้างอิงจากหนังสือ
ตะฮ์ซีบุลกะมาล 1 หน้า 240
ตะฮ์ซีบุต-ตะฮ์ซีบ 1 หน้า 197

ท่านนะซาอี(เจ้าของสุนันนะซาอี)กล่าวว่า : อิสมาอีล ดออีฟ
อ้างอิงจากหนังสือ
ตะฮ์ซีบุลกะมาล 1 หน้า 240
อัด-ฎุอะฟาอ์ วัลมัตรูก 1 หน้า 117
สิยัร อัล-อะอ์ลาม อัน-นุบะลาอฺ  9 หน้า 120

ท่านนะซาอี กล่าวอีกที่หนึ่งว่า : อิสมาอีลนั้นเชื่อถือไม่ได้
อ้างอิงจากหนังสือ
ตะฮ์ซีบุลกะมาล 1 หน้า 240
ตะฮ์ซีบุต-ตะฮ์ซีบ1 หน้า 197
สิยัร อัล-อะอ์ลาม อัน-นุบะลาอฺ  9 หน้า 121

ท่านอัน-นัฎรฺ บิน สะละมะฮ์ อัลมะรูซี กล่าวว่า : อิสมาอีลเป็นคนโกหก
อ้างอิงจากหนังสือ
อัด-ดุอะฟาอ์ วัลมัตรูก ของอิบนุลเญาซี 1 หน้า 117
ตะฮ์ซีบุต-ตะฮ์ซีบ 1 หน้า 197

ท่านอัดดาร่อกุฏนีกล่าวว่า : ผมไม่เลือกว่า อิสมาอีลอยู่ในผู้รายงานหะดีษที่ซอฮี๊ฮฺ
อ้างอิงจากหนังสือ
ตะฮ์ซีบุต-ตะฮ์ซีบ 1 หน้า 198
สิยัร อัล-อะอฺลาม อัน-นุบะลาอฺ  9 หน้า 121

ท่านอัลลาลิกาอี กล่าวว่า : ท่านนะซาอี วิจารณ์อิสมาอีลถึงขั้นที่ว่า ให้ทิ้งหะดีษของเขา คิดว่าท่านนะซาอีคงได้รับหลักฐานชัดเจนกว่าคนอื่น เนื่องจากนักวิจารณ์ทั้งหมดแค่วิจารณ์ว่า อิสมาอีลนั้นดออีฟ
อ้างอิงจากหนังสือ
ตะฮ์ซีบุลกะมาล 1 หน้า 290
ตะฮ์ซีบุต-ตะฮ์ซีบ 1 หน้า 197

ท่านอิบนุ อะดีกล่าวว่า : อิสมาอีลรายงานหะดีษจากป้าเขามากมายหลายหะดีษ ซึ่งไม่มีใครสักคนคล้อยตามหะดีษเหล่านั้น
อ้างอิงจากหนังสือ
ตะฮ์ซีบุต-ตะฮ์ซีบ 1 หน้า 197
สิยัร อัล-อะอฺลาม อัน-นุบะลาอฺ  9 หน้า 121

ตัวอิสมาอีลเองได้สารภาพว่า : เขาได้กุหะดีษขึ้น ซึ่งเขาเคยเล่าว่า : บางครั้งผมเคยกุหะดีษให้ชาวเมืองมะดีนะฮ์ ตอนที่พวกเขาขัดแย้งกันเรื่องหนึ่งในหมู่พวกเขา
อ้างอิงจากหนังสือ
ตะฮ์ซีบุต-ตะฮ์ซีบ 1 / 198
สิยัร อัล-อะอฺลาม อัน-นุบะลาอฺ  9 หน้า 121

ท่านอาลี บิน อัลมะดีนี กล่าวถึงบิดาของอิสมาอีล(อบี อุวัยสฺ ) ว่า : ในทัศนะของพวกเราเขาดออีฟ
ท่านนะซาอีกล่าวว่า : อบี อุวัยสฺ  หะดีษไม่แข็งแรง
ท่านอบู ฮาติมกล่าวว่า : หะดีษของอบี อุวัยสฺบันทึกได้ แต่ไม่ให้ยึดเป็นหลักฐานเพราะไม่แข็งแรง
อ้างอิงจากหนังสือตะฮ์ซีบุลกะมาล 15 / 168

วิจารณ์ อิสมาอีล อิบนุ อบี อุวัยสฺ
ท่านยะห์ยา บิน มะอีน กล่าวว่า : อิบนิ อบี อุวัยสฺและบิดาเขา ขโมยหะดีษ
ท่านอัน-นัฎรฺ บิน สะละมะฮ์ อัลมะรูซี กล่าวว่า : อิบนิ อบี อุวัยสฺ  กัซซ๊าบ (จอมโกหก)
ท่านนะซาอี กล่าวว่า : อิสมาอีล บิน อบี อุวัยสฺนั้นดออีฟ
ท่านอิม่ามอะหมัด บิน ฮัมบัล กล่าวว่า : อิบนิ อบี อุวัยสฺ ไม่มีอะไร และบิดาเขาดออีฟในหะดีษ
อ้างอิงจาก
หนังสือ อัลกามิล ฟิด-ดุอะฟาอ์ ของอิบนุ อะดี หมวดอักษร  อลิฟ - ا เลขที่ 151

วิเคราะห์อิกริมะฮ์  ตาบิอี มรณะฮศ. 105  คนรับใช้ของท่านอิบนุ อับบาส
นักวิชาการส่วนหนึ่งกล่าวว่า อิกริมะฮ์เชื่อถือได้ และอีกส่วนหนึ่งกล่าวว่า อิกริมะฮ์คือคนโกหก
ท่านญะรีร บินอับดุลหะมีดเล่าจากยะซีด บินอบี ซิยาดว่า : ฉันได้เข้ามาพบท่านอะลี บินอับดุลลอฮฺ อิบนิ อับบาส ในขณะที่ท่านอิกริมะฮ์ถูกล่ามไว้ที่ประตู เขากล่าวว่า ชายคนนี้ทำอะไรหรือ  เขาตอบว่า เขาโกหกใส่บิดาฉัน(คือท่านอิบนุอับบาส)
ท่านอะตออ์ อัลคูรอซานีเล่าว่า ฉันกล่าวกับท่านสะอีด บินมุสัยยับว่า ท่านอิกริมะฮ์อ้างว่า ท่านรอซูล(ศ)สมรสกับนางมัยมูนะฮ์ตอนท่านครองผ้าอิห์รอม เขา(สะอีด)กล่าวว่า คนโสโครกโกหก
ท่านวุฮัยบ์ บินคอลิดเล่าจากยะห์ยา บินสะอีด อัลอันศอรีว่า อิกริมะฮ์คือจอมโกหก และอิบรอฮีม บิน อัลมุนซิรจากมะอ์นุ บินอีซาและคนอื่นๆเล่าว่า ท่านอิม่ามมาลิกมีทัศนะว่า อิกริมะฮ์นั้นเชื่อไม่ได้ และเขายังสั่งว่าห้ามรับหะดีษจากอิกริมะฮ์
ท่านอัด-ดูรี เล่าจากท่านอิบนุ มะอีนว่า ท่านอิม่ามมาลิกเกลียดท่านอิกริมะฮ์
ท่านอบูอับดุลลอฮฺกล่าวว่า อิกริมะฮ์ มุตต่อลิบหะดีษ คือเล่าหะดีษขัดแย้งกัน กำกวมสับสน
อ้างอิงจากหนังสือ
ตะฮ์ซีบ อัตตะฮ์ซีบ ของอิบนุ ฮะญัร เล่ม 7 หน้า 238 หมวดอักษร อัยน์  ดูอันดับเลขที่ 476

ท่านอิม่ามมุสลิมทิ้งหะดีษของอิกริมะฮ์ทั้งหมด ยกเว้นหนึ่งบทที่รายงานไว้ในเรื่องฮัจญ์เป็นสายสืบที่คู่กับท่านสะอีด บินญุเบร
เหตุผลที่วิจารณ์ว่า รายงานของอิกริมะฮ์นั้น ดออีฟ มี 3 ประการคือ
1.   เพราะเขาโกหกใส่ท่านอิบนุ อับบาส ทั้งๆที่ท่านอิบนุอับบาสไม่ได้กล่าว
2.   เพราะเขามีทัศนะเดียวกับพวกค่อวาริจญ์
3.   เพราะเขารับของกำนัลจากพวกนักปกครอง
ข้อแรกหนักที่สุด มีรายงานจากท่านอิบนุ อุมัรว่า เขากล่าวกับท่านนาฟิ๊อ์ว่า
- لاَ تَكْذِبْ عَلَيَّ كَمَا كَذِبَ عِكْرِمَةُ عَلَى اِبْنِ عَبَّاس - ท่านอย่าโกหกใส่ฉันเหมือนที่อิกริมะฮ์โกหกใส่ท่านอิบนุ อับบาส ซึ่งคำพูดเช่นนี้ท่านสะอีด บิน มุสัยยับเคยพูดกับคนใช้ท่านชื่อบัรดฺเช่นกัน
قَالَ جَرِيْرُ بْنُ عَبْدِ الْحَمِيْدِ عَن يَزِيْدِ بْنِ أَبِيْ زِيَاد: دَخَلْتُ عَلَى عَلِيِّ بْنِ عَبْدِ اللهِ بْنِ عَبَّاس وَعِكْرِمَةُ مُقَيَّدٌ عِنْدَهُ، فَقُلْتُ: مَا لِهَذَا؟ قَالَ: إنَّهُ يَكْذِبُ عَلَى أَبِيْ
ญะรีร บิน อับดุลฮะมีดเล่าจาก ยะซีด บิน อบี ซิยาดว่า : ฉันได้เข้ามาหาท่านอาลี  บุตรท่านอิบนุ อับบาส โดยมีอิกริมะฮ์ถูกล่ามอยู่กับเขา  ฉันจึงพูดขึ้นว่า เกิดอะไรขึ้นกับชายคนนี้  บุตรท่านอิบนุ อับบาสกล่าวว่า เขาโกหกใส่บิดาฉัน
อ้างอิงจากหนังสือ มุก็อดดิมะฮ์ ฟัตฮุลบารี โดยอิบนุ ฮะญัร เล่ม 1 หน้า 425-426
ท่านอิบนุ ซีรีนกล่าวว่า อิกริมะฮ์เป็นคนโกหก
ท่านอะฏ๊ออ์ กล่าวว่า อิกริมะฮ์เป็นคนโกหก
ท่านยะห์ยา บิน สะอีด อัลอันศอรีกล่าวว่า อิกริมะฮ์เป็นคนโกหก
ท่านอุษมาน บิน มัรเราะฮ์เล่าว่า ฉันกล่าวกับท่านกอซิมว่า ท่านอิกริมะฮ์เล่าเช่นนั้นเช่นนี้ เขากล่าวว่า โอ้บุตรของพี่ชายฉัน อิกริมะฮ์นั้นเป็นคนโกหก ตอนเช้าเล่าอย่างหนึ่งพอตกเย็นก็เล่าขัดกับตอนเช้า
อ้างอิงจากหนังสือ มุก็อดดิมะฮ์ ฟัตฮุลบารี โดยอิบนุ ฮะญัร เล่ม 1 หน้า 426

สรุป เพราะฉะนั้น หะดีษบทนี้จึงอยู่ในสถานะดออีฟ  ซึ่งยึดถือเป็นหลักฐานไม่ได้

 มีต่อ
  •  

L-umar



بِسْمِ اللّـــــهِ الرَّحْمَنِ الرَّحِيْمِ

ส่วนกรณีที่ท่านยกฮะดีษจากหนังสือสุนันอัลดารุกุฏนีย์ เลขที่ 149


เพื่อการอธิบายให้ตรงประเด็นผมไม่ทราบว่าใช่บทนี้หรือปล่าว เพราะที่บ้านผมมีสองเล่ม  

حَدَّثَنَا أَبُو أَحْمَدَ الْقَاسِمُ بْنُ عَبْدِ اللَّهِ بْنِ عَبْدِ الرَّحْمَنِ بْنِ بُلْبُلٍ الزَّعْفَرَانِىُّ حَدَّثَنَا أَحْمَدُ بْنُ مُحَمَّدٍ التُّبَّعِىُّ حَدَّثَنَا الْقَاسِمُ بْنُ الْحَكَمِ حَدَّثَنَا الْحَسَنُ بْنُ عُمَارَةَ عَنْ سَلَمَةَ بْنِ كُهَيْلٍ عَنْ عَبْدِ اللَّهِ بْنِ الْخَلِيلِ الْحَضْرَمِىِّ قَالَ ذُكِرَ لِعُمَرَ بْنِ الْخَطَّابِ قَوْلُ فَاطِمَةَ بِنْتِ قَيْسٍ أَنَّ رَسُولَ اللَّهِ -صلى الله عليه وسلم- لَمْ يَجْعَلْ لَهَا سُكْنَى وَلاَ نَفَقَةً فَقَالَ عُمَرُ لاَ نَدَعُ كِتَابَ اللَّهِ وَسُنَّةَ نَبِيِّهِ لِقَوْلِ امْرَأَةٍ. الْحَسَنُ بْنُ عُمَارَةَ مَتْرُوكٌ. 4/27
الكتاب : سنن الدارقطنى
المؤلف : أبو الحسن علي بن عمر بن أحمد بن مهدي بن مسعود بن النعمان بن دينار البغدادي

ถ้าใช่โปรดยืนยัน แล้วผมจะวิเคราะห์ให้ท่าน  ทีหลังเพื่อไม่ให้เสียเวลาคุยกันคนละเรื่อง

มีต่อ
  •  

L-umar



بِسْمِ اللّـــــهِ الرَّحْمَنِ الرَّحِيْمِ

ฮะดีษที่สาม -  ท่านอัลฮากิม อัน-นีซาบูรี มรณะฮ.ศ. 405

กล่าวฮะดีษกิตาบวะซุนนะฮ์ติดกันมีสองบทคือ

หะดีษที่ 318


حَدَّثَنَا أبُو بَكْرٍ أحْمَدُ بْنُ إسْحَاق الفَقِيْهُ أنْبَأَ الْعَبَّاسُ بْنُ الْفَضْل الْأسْفَاطِيْ ثَنَا إسْمَاعِيْلُ بْنُ أبِيْ أُوَيْس وَأخْبَرَنِيْ إسْمَاعِيْلُ بْنُ مُحَمَّدِ بْنِ الْفَضْلِ الشِّعْرَانِي ثَنَا جَدِّيْ ثَنَا بْنُ أَبِيْ أُوَيْسٍ حَدَّثَنِيْ أَبِيْ عَنْ ثَوْرِ بْنِ زَيْدٍ الدَّيْلَي عَنْ عِكْرِمَة عَنِ بْنِ عَبَّاس أنَّ رَسُوْلَ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّم خَطَبَ النَّاسَ فِيْ حُجَّةِ الْوِدَاعِ فَقَالَ قَدْ يَئِسَ الشَّيْطَانُ بِأَن يَعْبُدَ بِأَرْضِكُمْ وَلَكِنَهُ رَضِيَ أَنْ يُطَاعَ فِيْمَا سِوَى ذَلِكَ مِمَّا تُحَاقِرُوْنَ مِنْ أَعْمَالِكُمْ فَاحْذَرُوْا يَا أيُّهَا النَّاسِ إِنِّيْ قَدْ تَرَكْتُ فِيْكُمْ مَا إِنِ اعْتَصَمْتُمْ بِهِ فَلَنْ تَضِلُّوْا أَبَدًا كِتَابَ اللهِ وَسُنَّةَ نَبِيِّهِ صَلَّى اللهُ عليه وسلم
อบู บักร อะหมัด บินอิสฮาก อัลฟะกีฮ์เล่าให้เราฟัง  อัลอับบาส บินอัลฟัฎลฺ อัลอัสฟาฏีเล่าว่า จากอิสมาอีล บิน อบี อุวัยสฺ และอิสมาอีล บิน มุฮัมมัด บิน อัลฟัฎลฺ อัชชิ๊อฺรอนีได้เล่าให้ฉันฟัง จากปู่ของฉัน จากอิบนิ อบีอุวัยสฺ บิดาฉันได้เล่าใหฉันฟัง จากเษาร์ บิน ซัยดฺ อัด-ดัยลี, รายงานจากท่านอิกริมะฮ์จากท่านอิบนิ อับบาส (เล่าว่า ) :  แท้จริงท่านรอซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม ได้ปราศรัยกับประชาชนในฮัจญะตุลวิดาอ์ ท่านกล่าวว่า : แน่นอนชัยตอนได้สิ้นหวังที่จะสักการะในแผ่นดินของพวกท่าน แต่ว่ามันยังพอใจในสิ่งอื่นนอกเหนือจากนั้น คือสิ่งที่พวกท่านดูหมิ่นจากการงานของพวกท่าน ดังนั้นพวกท่านจงระวังให้ดี โอ้ประชาชนทั้งหลาย  แท้จริงฉันได้ทิ้งไว้ในพวกท่าน หากพวกท่านยึดมั่นต่อมัน พวกท่านจะไม่หลงทางตลอดกาล คือคัมภีร์ของอัลลอฮฺและซุนนะฮ์แห่งศาสดาของพระองค์
อ้างอิงจากหนังสือ อัลมุสตัดร็อก อัลฮากิม เล่ม  1 หะดีษที่ 318

วิเคราะห์สายรายงานหะดีษ

إسْمَاعِيْل إبْنُ أَبِيْ أُوَيْسٍ - أَبِيْ أُوَيْسٍ – أَبِيْهِ – ثَوْرٌ – عِكْرِمَة – إبْنُ عَبَّاس
อิสมาอีล บุตร อบีอุวัยสฺ จากอบี อุวัยสฺ จากบิดาเขา จากเษาร์ จากอิกริมะฮ์ จากอิบนิอับบาส

อิสมาอีล ฉายาบิดาคือ อบี อุวัยสฺ  ชื่อ อับดุลลอฮ์ บิน อัลดุลลอฮ์ บิน อบี อุวัยสฺ บิน อบี อามิร อัลอัศบะฮี  เขาเป็นบุตรชายของน้องสาวท่านอิม่ามมาลิกบินอะนัส  มาลิกเป็นน้าของอิสมาอีล
ท่านยะห์ยา อิบนิ มะอีนกล่าวว่า : อบี อุวัยสฺและบุตรชายของเขา(คืออิสมาอีล) ดออีฟทั้งคู่
อ้างอิงจากหนังสือ
ตะฮ์ซีบุลกะมาล เล่ม 1 หน้า 240
ตะฮ์ซีบุต-ตะฮ์ซีบ ของอิบนุ ฮะญัรอัลอัสก่อลานี 1 หน้า 197

และท่านอิบนุ มะอีนกล่าวว่า : อิบนิ อบี อุวัยสฺกับบิดาเขาทั้งสองขโมยหะดีษ
อ้างอิงจากหนังสือ
ตะฮ์ซีบุลกะมาล 1 หน้า 240
อัด-ดุอะฟาอ์ วัลมัตรูก  1 หน้า 117
ตะฮ์ซีบุต-ตะฮ์ซีบ  1 หน้า 197

ท่านอิบนุ มะอีนยังกล่าวถึงอิสมาอีลว่า : เขาปะปนหะดีษ โกหก ไม่มีสิ่งใดเลย
อ้างอิงจากหนังสือ
ตะฮ์ซีบุลกะมาล 1 หน้า 240
ตะฮ์ซีบุต-ตะฮ์ซีบ 1 หน้า 197

ท่านนะซาอี(เจ้าของสุนันนะซาอี)กล่าวว่า : อิสมาอีล ดออีฟ
อ้างอิงจากหนังสือ
ตะฮ์ซีบุลกะมาล 1 หน้า 240
อัด-ฎุอะฟาอ์ วัลมัตรูก 1 หน้า 117
สิยัร อัล-อะอ์ลาม อัน-นุบะลาอฺ  9 หน้า 120

ท่านนะซาอี กล่าวอีกที่หนึ่งว่า : อิสมาอีลนั้นเชื่อถือไม่ได้
อ้างอิงจากหนังสือ
ตะฮ์ซีบุลกะมาล 1 หน้า 240
ตะฮ์ซีบุต-ตะฮ์ซีบ1 หน้า 197
สิยัร อัล-อะอ์ลาม อัน-นุบะลาอฺ  9 หน้า 121

ท่านอัน-นัฎรฺ บิน สะละมะฮ์ อัลมะรูซี กล่าวว่า : อิสมาอีลเป็นคนโกหก
อ้างอิงจากหนังสือ
อัด-ดุอะฟาอ์ วัลมัตรูก ของอิบนุลเญาซี 1 หน้า 117
ตะฮ์ซีบุต-ตะฮ์ซีบ 1 หน้า 197

ท่านอัดดาร่อกุฏนีกล่าวว่า : ผมไม่เลือกว่า อิสมาอีลอยู่ในผู้รายงานหะดีษที่ซอฮี๊ฮฺ
อ้างอิงจากหนังสือ
ตะฮ์ซีบุต-ตะฮ์ซีบ 1 หน้า 198
สิยัร อัล-อะอฺลาม อัน-นุบะลาอฺ  9 หน้า 121

ท่านอัลลาลิกาอี กล่าวว่า : ท่านนะซาอี วิจารณ์อิสมาอีลถึงขั้นที่ว่า ให้ทิ้งหะดีษของเขา คิดว่าท่านนะซาอีคงได้รับหลักฐานชัดเจนกว่าคนอื่น เนื่องจากนักวิจารณ์ทั้งหมดแค่วิจารณ์ว่า อิสมาอีลนั้นดออีฟ
อ้างอิงจากหนังสือ
ตะฮ์ซีบุลกะมาล 1 หน้า 290
ตะฮ์ซีบุต-ตะฮ์ซีบ 1 หน้า 197

ท่านอิบนุ อะดีกล่าวว่า : อิสมาอีลรายงานหะดีษจากป้าเขามากมายหลายหะดีษ ซึ่งไม่มีใครสักคนคล้อยตามหะดีษเหล่านั้น
อ้างอิงจากหนังสือ
ตะฮ์ซีบุต-ตะฮ์ซีบ 1 หน้า 197
สิยัร อัล-อะอฺลาม อัน-นุบะลาอฺ  9 หน้า 121

ตัวอิสมาอีลเองได้สารภาพว่า : เขาได้กุหะดีษขึ้น ซึ่งเขาเคยเล่าว่า : บางครั้งผมเคยกุหะดีษให้ชาวเมืองมะดีนะฮ์ ตอนที่พวกเขาขัดแย้งกันเรื่องหนึ่งในหมู่พวกเขา
อ้างอิงจากหนังสือ
ตะฮ์ซีบุต-ตะฮ์ซีบ 1 / 198
สิยัร อัล-อะอฺลาม อัน-นุบะลาอฺ  9 หน้า 121

ท่านอาลี บิน อัลมะดีนี กล่าวถึงบิดาของอิสมาอีล(อบี อุวัยสฺ ) ว่า : ในทัศนะของพวกเราเขาดออีฟ
ท่านนะซาอีกล่าวว่า : อบี อุวัยสฺ  หะดีษไม่แข็งแรง
ท่านอบู ฮาติมกล่าวว่า : หะดีษของอบี อุวัยสฺบันทึกได้ แต่ไม่ให้ยึดเป็นหลักฐานเพราะไม่แข็งแรง
อ้างอิงจากหนังสือตะฮ์ซีบุลกะมาล 15 / 168

วิจารณ์ อิสมาอีล อิบนุ อบี อุวัยสฺ
ท่านยะห์ยา บิน มะอีน กล่าวว่า : อิบนิ อบี อุวัยสฺและบิดาเขา ขโมยหะดีษ
ท่านอัน-นัฎรฺ บิน สะละมะฮ์ อัลมะรูซี กล่าวว่า : อิบนิ อบี อุวัยสฺ  กัซซ๊าบ (จอมโกหก)
ท่านนะซาอี กล่าวว่า : อิสมาอีล บิน อบี อุวัยสฺนั้นดออีฟ
ท่านอิม่ามอะหมัด บิน ฮัมบัล กล่าวว่า : อิบนิ อบี อุวัยสฺ ไม่มีอะไร และบิดาเขาดออีฟในหะดีษ
อ้างอิงจาก
หนังสือ อัลกามิล ฟิด-ดุอะฟาอ์ ของอิบนุ อะดี หมวดอักษร  อลิฟ - ا เลขที่ 151

วิเคราะห์อิกริมะฮ์  ตาบิอี มรณะฮศ. 105  คนรับใช้ของท่านอิบนุ อับบาส
นักวิชาการส่วนหนึ่งกล่าวว่า อิกริมะฮ์เชื่อถือได้ และอีกส่วนหนึ่งกล่าวว่า อิกริมะฮ์คือคนโกหก
ท่านญะรีร บินอับดุลหะมีดเล่าจากยะซีด บินอบี ซิยาดว่า : ฉันได้เข้ามาพบท่านอะลี บินอับดุลลอฮฺ อิบนิ อับบาส ในขณะที่ท่านอิกริมะฮ์ถูกล่ามไว้ที่ประตู เขากล่าวว่า ชายคนนี้ทำอะไรหรือ  เขาตอบว่า เขาโกหกใส่บิดาฉัน(คือท่านอิบนุอับบาส)
ท่านอะตออ์ อัลคูรอซานีเล่าว่า ฉันกล่าวกับท่านสะอีด บินมุสัยยับว่า ท่านอิกริมะฮ์อ้างว่า ท่านรอซูล(ศ)สมรสกับนางมัยมูนะฮ์ตอนท่านครองผ้าอิห์รอม เขา(สะอีด)กล่าวว่า คนโสโครกโกหก
ท่านวุฮัยบ์ บินคอลิดเล่าจากยะห์ยา บินสะอีด อัลอันศอรีว่า อิกริมะฮ์คือจอมโกหก และอิบรอฮีม บิน อัลมุนซิรจากมะอ์นุ บินอีซาและคนอื่นๆเล่าว่า ท่านอิม่ามมาลิกมีทัศนะว่า อิกริมะฮ์นั้นเชื่อไม่ได้ และเขายังสั่งว่าห้ามรับหะดีษจากอิกริมะฮ์
ท่านอัด-ดูรี เล่าจากท่านอิบนุ มะอีนว่า ท่านอิม่ามมาลิกเกลียดท่านอิกริมะฮ์
ท่านอบูอับดุลลอฮฺกล่าวว่า อิกริมะฮ์ มุตต่อลิบหะดีษ คือเล่าหะดีษขัดแย้งกัน กำกวมสับสน
อ้างอิงจากหนังสือ
ตะฮ์ซีบ อัตตะฮ์ซีบ ของอิบนุ ฮะญัร เล่ม 7 หน้า 238 หมวดอักษร อัยน์  ดูอันดับเลขที่ 476

ท่านอิม่ามมุสลิมทิ้งหะดีษของอิกริมะฮ์ทั้งหมด ยกเว้นหนึ่งบทที่รายงานไว้ในเรื่องฮัจญ์เป็นสายสืบที่คู่กับท่านสะอีด บินญุเบร
เหตุผลที่วิจารณ์ว่า รายงานของอิกริมะฮ์นั้น ดออีฟ มี 3 ประการคือ
1.   เพราะเขาโกหกใส่ท่านอิบนุ อับบาส ทั้งๆที่ท่านอิบนุอับบาสไม่ได้กล่าว
2.   เพราะเขามีทัศนะเดียวกับพวกค่อวาริจญ์
3.   เพราะเขารับของกำนัลจากพวกนักปกครอง
ข้อแรกหนักที่สุด มีรายงานจากท่านอิบนุ อุมัรว่า เขากล่าวกับท่านนาฟิ๊อ์ว่า
- لاَ تَكْذِبْ عَلَيَّ كَمَا كَذِبَ عِكْرِمَةُ عَلَى اِبْنِ عَبَّاس - ท่านอย่าโกหกใส่ฉันเหมือนที่อิกริมะฮ์โกหกใส่ท่านอิบนุ อับบาส ซึ่งคำพูดเช่นนี้ท่านสะอีด บิน มุสัยยับเคยพูดกับคนใช้ท่านชื่อบัรดฺเช่นกัน
قَالَ جَرِيْرُ بْنُ عَبْدِ الْحَمِيْدِ عَن يَزِيْدِ بْنِ أَبِيْ زِيَاد: دَخَلْتُ عَلَى عَلِيِّ بْنِ عَبْدِ اللهِ بْنِ عَبَّاس وَعِكْرِمَةُ مُقَيَّدٌ عِنْدَهُ، فَقُلْتُ: مَا لِهَذَا؟ قَالَ: إنَّهُ يَكْذِبُ عَلَى أَبِيْ
ญะรีร บิน อับดุลฮะมีดเล่าจาก ยะซีด บิน อบี ซิยาดว่า : ฉันได้เข้ามาหาท่านอาลี  บุตรท่านอิบนุ อับบาส โดยมีอิกริมะฮ์ถูกล่ามอยู่กับเขา  ฉันจึงพูดขึ้นว่า เกิดอะไรขึ้นกับชายคนนี้  บุตรท่านอิบนุ อับบาสกล่าวว่า เขาโกหกใส่บิดาฉัน
อ้างอิงจากหนังสือ มุก็อดดิมะฮ์ ฟัตฮุลบารี โดยอิบนุ ฮะญัร เล่ม 1 หน้า 425-426
ท่านอิบนุ ซีรีนกล่าวว่า อิกริมะฮ์เป็นคนโกหก
ท่านอะฏ๊ออ์ กล่าวว่า อิกริมะฮ์เป็นคนโกหก
ท่านยะห์ยา บิน สะอีด อัลอันศอรีกล่าวว่า อิกริมะฮ์เป็นคนโกหก
ท่านอุษมาน บิน มัรเราะฮ์เล่าว่า ฉันกล่าวกับท่านกอซิมว่า ท่านอิกริมะฮ์เล่าเช่นนั้นเช่นนี้ เขากล่าวว่า โอ้บุตรของพี่ชายฉัน อิกริมะฮ์นั้นเป็นคนโกหก ตอนเช้าเล่าอย่างหนึ่งพอตกเย็นก็เล่าขัดกับตอนเช้า
อ้างอิงจากหนังสือ มุก็อดดิมะฮ์ ฟัตฮุลบารี โดยอิบนุ ฮะญัร เล่ม 1 หน้า 426

สรุป เพราะฉะนั้น หะดีษบทนี้จึงอยู่ในสถานะดออีฟ  ซึ่งยึดถือเป็นหลักฐานไม่ได้

และบทนี้  
หะดีษที่ 319
أخْبَرَنَا أبُوْ بَكْرِ بْنُ إسْحَاق الْفَقِيْهُ أنْبَأَ مُحَمَّدُ بْنُ عِيْسَى بْنِ السَّكَن الْوَاسِطِي ثَنَا دَاوُوْدُ بْنُ عَمْرُو الضَّبِّي ثَنَا صَالِحُ بْنُ مُوْسَى الطَّلْحِي عَنْ عَبْدِ الْعَزِيْزِ بْنِ رَفِيْع عَنْ أَبِيْ صَالِح عَنْ أَبِيْ هُرَيْرَة رَضِىَ اللهُ تَعالى عنه قَالَ قَالَ رَسُوْلُ اللهِ صلى الله عليه وسلم إِنِّيْ قَدْ تَرَكْتُ فِيْكُمْ شَيْئَيْنِ لَنْ تَضِلُّوْا بَعْدَهُمَا كِتَابَ اللهِ وَسُنَّتِيْ وَلَنْ يَتَفَرَّقَا حَتىَّ يَرِدَا عَلَيَّ الْحَوْضَ
อบูบักร อิบนิ อิสฮากอัลฟะกีฮฺได้เล่าให้เราฟัง, มุฮัมมัด บิน อีซา บิน อัสสะกัน อัลวาสิฏีได้เล่าว่า, ดาวูด บิน อัมรู อัฏ-ฏ็อบบีเล่าว่า , ศอและห์ บิน มูซา อัฏ-ฏ็อลฮีเล่าว่า , จากอับดุลอะซีซ บิน รอเฟี๊ยะอ์, จาก อบี ศอและห์, จากอบี ฮุร็อยเราะฮ์  รอฎิยัลลอฮุ อันฮุเล่าว่า :   ท่านรอซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม กล่าวว่า : แท้จริงฉันได้ทิ้งไว้ในหมู่พวกท่านสองสิ่ง พวกท่านจะไม่หลงทาง หลังจากสองสิ่งคือ คัมภีร์ของอัลลอฮฺและซุนนะฮ์ของฉัน  และสองสิ่งนั้นจะไม่แยกจากกันจนกว่าจะกลับมาหาฉันที่อัลเฮาฎ์
อ้างอิงจากหนังสือ  อัลมุสตัดร็อก อัลฮากิม เล่ม 1 ฮะดีสที่  319

วิเคราะห์สายรายงานหะดีษที่ 319
صَالِحُ بْنُ مُوْسَى الطَّلْحِي عَنْ عَبْدِ الْعَزِيْزِ بْنِ رَفِيْعٍ عَنْ أَبِيْ صَالِحٍ عَنْ أَبِيْ هُرَيْرَة
ศอและห์ บิน มูซา จากอับดุลอะซีซ บิน รอฟิ๊อฺ จากอบี ศอและห์ จากอบี ฮุร็อยเราะฮ์
ท่านอาจพบสะนัดเช่นนี้ถูกบันทึกไว้ในตำราอื่นๆอีก
ศอและห์ บินมูซา อัฏ-ฏ็อลฮี
ท่านนะซาอีกล่าวว่า : ศอและห์ บินมูซานั้น มัตรูกุล หะดีษ คือหะดีษเขาถูกทิ้งเพราะดออีฟมาก
อ้างอิงจากหนังสือ  อัด-ดุอะฟาอฺ วัลมัตรูกีน โดยนะซาอี  เล่ม 1 หน้า 57  อันดับที่ 298

ท่านซะฮะบีกล่าวว่า : ศอและห์นั้นดออีฟ
อ้างอิงจากหนังสือ  
มีซานุลอิ๊อ์ติดาล โดยอัซซะฮะบี  เล่ม 2 หน้า 301

ท่านซะฮะบีกล่าวอีกว่า : หะดีษของศอและห์ยึดเป็นหลักฐานไม่ได้
อ้างอิงจากหนังสือ
สิยัร อัลอะอ์ลาม อัน-นุบะลาอ์  โดยอัซซะฮะบี   8 /180
อัลกามิล ฟิด-ดุอะฟาอ์ ของอิบนิ อะดี 4 / 68
ตะฮ์ซีบุลกะมาล 13 / 97
สิยัร อัลอะอ์ลาม อัน-นุบะลาอ์  อัซซะฮะบี      8 /181

ท่านนะซาอี กล่าวอีกที่หนึ่งว่า : ไม่มีการบันทึกหะดีษของศอและห์ เพราะเขาดออีฟ
อ้างอิงจากหนังสือตะฮ์ซีบุลกะมาล 13 / 96

ท่านอิบนุ ฮะญัร อัลอัสก่อลานีกล่าวว่า : ศอและห์นั้นมัตรู๊ก คือหะดีษเขาถูกทิ้งเพราะสงสัยว่าเป็นหะดีษเท็จ
อ้างอิงจากหนังสือตักรีบุต-ตะฮ์ซีบ 1 / 432

ท่านยะห์ยา อิบนุ มะอีนกล่าวว่า : ศอและห์นั้นเชื่อถือไม่ได้
อ้างอิงจากหนังสือตะฮ์ซีบุลกะมาล  13 / 96

ท่านอิบนุ มะอีนกล่าวอีกว่า  : หะดีษของศอและห์ไม่มีสิ่งใดเลย
อ้างอิงจากหนังสือตารีค อิบนุ มะอีน หน้า 166

ท่านอบู นุอัยมฺ อัลอัศฟะฮานีกล่าวว่า : ศอและห์รายงานหะดีษมุงกัรต่างๆจากอับดุลมะลิก บินอุมัยรฺ และคนอื่นๆ  หะดีษของเขานั้นถูกทิ้งเพราะสงสัยว่าเป็นหะดีษโกหก
อ้างอิงจากหนังสืออัด-ดุอะฟาอ์ ของอบู นุอัยมฺ อัลอัศฟะฮานี หน้า 93

ท่านบุคอรีกล่าวว่า : ศอและห์ มุงกัรหะดีษ คือรายงานของเขาถูกปฏิเสธ
อ้างอิงจากหนังสืออัลกามิล ฟิด-ดุอะฟาอ์ ของอิบนุ อะดี 4/68
ตารีค อัลกะบีร 4 / 291
ตารีค อัซ-ซ่อฆีร 2 / 182
อัด-ดุอะฟาอ์ อัลกะบีร หน้า 62
สิยัร อัลอะอ์ลาม อัน-นุบะลาอ์  อัซซะฮะบี     8 / 181

ท่านอิบนุ ฮิบบานกล่าวว่า : ไม่อนุญาตให้นำหะดีษของศอและห์มาเป็นหลักฐาน
อ้างอิงจากหนังสืออัลมัจญ์รูหีน  1 / 369

ท่านอิบนุ อบีฮาติมกล่าวว่า : ผมถามบิดาผมถึงศอและห์ บินมูซา อัฏ-ฏ็อลฮี ท่านกล่าวว่า : หะดีษเขาดออีฟ  และเป็นหะดีษชนิดมุงกัรมากๆ  
อ้างอิงจากหนังสือ
อัลญะเราะหุ วัต-ตะอ์ดีล โดยอิบนุ อบีฮาติม  4 / 415
ตะฮ์ซีบุลกะมาล 13 / 97

วิจารณ์ ศอและห์ บิน มูซา
ท่านอิบนุ ฮัมมาดเล่าว่า ท่านยะห์ยา กล่าวว่า : ศอและห์  หะดีษของเขาไม่มีสิ่งใดเลย
ท่านยะห์ยากล่าวว่า : ศอและห์กับอิสฮาก บินยะห์ยา บินฏ็อลหะฮ์ ทั้งสองไม่มีสิ่งใดเลย ไม่ต้องบันทึกหะดีษของทั้งสอง
ท่านอัลบุคอรี กล่าวว่า : ศอและห์ บินมูซา  นั้นมุงกัรหะดีษ
ท่านสะอ์ดี กล่าวว่า : ศอและห์นั้น ดออีฟ หะดีษ
ท่านนะซาอี  กล่าวว่า : ศอและห์   มัตรู๊ก หะดีษ
ท่านอิบนุ อะดีกล่าวว่า : สำหรับศอและห์เกี่ยวกับเรื่องหะดีษนั้นนอกเหนือจากที่กล่าวมา  สิ่งที่ศอและห์รายงาน โดยทั่วไปไม่มีใครคล้อยตามเขาสักคน เพราะความผิดพลาดของเขาบางทีเกิดขึ้นที่สายรายงาน(อิสนาด)หรือไม่ก็ตัวบท(มะตั่น)ด้วยสายรายงานที่คนอื่นเขาไม่ได้รายงาน
อ้างอิงจากหนังสือ
อัลกามิล ฟิด-ดุอะฟาอ์ ของอิบนุ อะดี หมวดอักษร  ศ็อด - ص เลขที่ 918

หะดีษทั้งสองบทของท่านฮากิม อันนีซาบูรี เป็นสายรายงานที่ดออีฟ ทั้งสองสะนัดคือ
1.อิสมาอีล บุตร อบีอุวัยสฺ จากอบี อุวัยสฺ จากบิดาเขา จากเษาร์ จากอิกริมะฮ์ จากอิบนิอับบาส...
2.ศอและห์ บิน มูซา จากอับดุลอะซีซ บิน รอฟิ๊อฺ จากอบี ศอและห์ จากอบี ฮุร็อยเราะฮ์ ...
สรุป เพราะฉะนั้น หะดีษบทนี้จึงอยู่ในสถานะดออีฟ  ซึ่งยึดถือเป็นหลักฐานไม่ได้

ท่านคงอ่านแล้วนะครับว่า  ท่านได้ยกฮะดีษ ดออีฟ มาอ้างอิงกับผมจริงๆ
ลองค้นดูใหม่สิว่าท่านยังพอมี "ฮะดีษกิตาบวะซุนนะฮ์ " ในมือท่านที่มีสายรายงาน ซอฮี๊ฮฺ บ้างไหม

เอาของท่านเชคอัลบานีย์ มาแสดงก็ได้  แต่มีข้อแม้ว่า  ท่านต้องส่งมาพร้อมกับ สะนัดหะดีษ นะครับ
เพราะตามหลักวิชาการ ผมจะได้ ตรวจสอบได้ว่า สะนัดหะดีษดังกล่าว ถูกต้องจริงหรือปล่าว

มีต่อ
  •  

L-umar


ความสับสนของอะฮ์ลุซุซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ เรื่องหลักการศรัทธา

1.   หะดีษหนึ่งระบุว่า      อีหม่านนั้นมี 5 ประการ

2.   อีกบทหนึ่งกลับระบุว่า อีหม่านนั้นมี 6 ประการ

เศาะหาบะฮ์ที่รายงานว่าอีหม่านมี 5  คือ อบูฮุร็อยเราะฮ์

มุสนัดอิหม่ามอะหมัด

9137 - عَنْ أَبِي هُرَيْرَةَ قَالَ  كَانَ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ يَوْمًا بَارِزًا لِلنَّاسِ فَأَتَاهُ رَجُلٌ فَقَالَ يَا رَسُولَ اللَّهِ مَا الْإِيمَانُ قَالَ الْإِيمَانُ أَنْ تُؤْمِنَ بِاللَّهِ وَمَلَائِكَتِهِ وَكِتَابِهِ وَلِقَائِهِ وَرُسُلِهِ وَتُؤْمِنَ بِالْبَعْثِ الْآخِرِ
تعليق شعيب الأرنؤوط : إسناده صحيح على شرط الشيخين
อบูฮุร็อยเราะฮ์รายงานว่า :
แท้จริงท่านรอซูลุลเลาะฮ์ มีวันหนึ่งท่านได้ปรากฏตัวต่อประชาชน ทันใดนั้นมีชายคนหนึ่งเดินเขามาหาท่าน แล้วเขากล่าวว่า โอ้ท่านรอซูลุลเลาะฮ์ อีหม่านคืออะไร ?
ท่านตอบว่า อีหม่านคือท่านจะต้อง 1,ศรัทธาต่ออัลเลาะฮ์ 2,ต่อบรรดามลาอิกะฮ์ของพระองค์ 3,ต่อบรรดารอสูลของพระองค์ 4,ต่อการพบกับพระองค์ 5,ต่อการฟื้นขึ้นมาในวันอาคิเราะฮ์
มุสนัดอิหม่ามอะหมัด หะดีษที่ 9497  เชคชุเอบ อัลอัรนะอูฏตรวจทานแล้วว่าเป็นหะดีษเศาะหี๊หฺ

จะเห็นได้ว่ามุหัดดิษอะฮ์ลุซซุนนะฮ์ผู้เลื่องลือได้รายงานว่า หลักศรัทธานั้นมีแค่ 5

ผมจึงใคร่ขอถามเหตุผลจากท่านในฐานะที่เป็นชาวอะฮ์ลุซซุนนะฮ์ว่า
ทำไมท่านทิ้งหะดีษเหล่านี้ แล้วไปยึดหะดีษที่ระบุว่าอีหม่านนั้นมี  6  ประการ
ทัศนะของอะฮ์ลุซซุนนะฮ์กล่าวกันว่า ท่านอบูฮุรอยเราะฮ์เป็นนักรายงานระดับต้นๆมิใช่หรือ  ทำไมพวกท่านถึงทิ้งรายงานของเขา ไปยึดหะดีษที่ระบุว่า มี " 6 " ?

ขอให้ท่านสังเกตให้ดีนะๆครับว่า
คำถามของผม จะถามอย่างมีหลักฐาน มีเหตุมีผล มีกุรอ่าน / หะดีษ อ้างอิงอย่างถูกต้อง
ผมไม่ชอบวิธี โจมตีฝ่ายตรงข้ามอย่างไร้ที่มาที่ไปที่ถูกต้องแท้จริง  
หากผมค้นเรื่องอะฮ์ลุซซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ ไม่เข้าใจ  ผมต้องถามจากพวกเขาให้แน่ชัดเสียก่อน
ไม่ใช่พออ่านเจอปึบ ก็เอาไปสาดเสียเทเสีย อย่างที่ทำกันอยู่ในเวปต่างๆ  เราต้องมีคุณธรรมทางวิชาการ
สิ่งใดที่เราอ่านของเขาไม่รู้ เราก็ต้องสอบถาม ไตร่สวนไปยังเจ้าของเรื่อง ให้ชัดเจน ดังที่อัลเลาะฮ์ตรัสว่า

فَاسْأَلُوا أَهْلَ الذِّكْرِ إِنْ كُنْتُمْ لَا تَعْلَمُونَ

   
  •  

L-umar


อ้างอิงจากคำถามฝ่ายวาฮาบี


เอาล่ะ ผมตอบคำถามคุณแล้ว ต่อไปนี้คุณตอบผมบ้าง




ชาวชีอะฮฺมักจะอ้างตัวอยู่เสมอว่าตาม อะฮฺลุลบัยตฺ ดังนั้นเราขอหลักฐานการแบ่งอูศูลศาสนาหรือรุกุ่นออกเป็นห้าข้อหน่อยสิ ว่าเอามาจากไหน มีตัวบทจากกุตุบอัรบาอะฮฺ ของฝ่ายชีอะฮฺหรือไม่ ว่าอิมามคนใดริวายัตมาว่าอิสลามแบ่งรูกุ่นออกเป็นห้าประการ ถ้าไม่มีก็ย่อมแสดงได้แล้วล่ะครับว่าตามอะฮฺลุลบัยตฺหรือแอบอ้าง เพราะหลักการใหญ่ๆเช่นนี้ย่อมต้องมีหลักฐานมารองรับครับ ตอบมาด้วย

ตอบ

1.   แน่นอนชีอะฮ์คือผู้ตามอะฮ์ลุลบัยต์อยู่แล้ว เพราะท่านนบีมุฮัมมัดสั่งว่า
21697 - عَنْ زَيْدِ بْنِ ثَابِتٍ قَالَ قَالَ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ إِنِّي تَارِكٌ فِيكُمْ خَلِيفَتَيْنِ كِتَابُ اللَّهِ وَأَهْلُ بَيْتِي وَإِنَّهُمَا لَنْ يَتَفَرَّقَا حَتَّى يَرِدَا عَلَيَّ الْحَوْضَ جَمِيعًا
تعليق شعيب الأرنؤوط : حديث صحيح
الكتاب : مسند الإمام أحمد بن حنبل  المؤلف : أحمد بن حنبل أبو عبدالله الشيباني
الناشر : مؤسسة قرطبة – القاهرة    الأحاديث مذيلة بأحكام شعيب الأرنؤوط عليها
ท่านรอซูลุลลอฮฺ(ศ)กล่าวว่า แท้จริงฉันได้มอบสองคอลีฟะฮ์ไว้กับพวกท่านคือ กิตาบุลเลาะฮฺและอะฮฺลุลบัยต์ของฉัน ทั้งสองจะไม่แยกกันจนทั้งสองจะกลับมาหาฉันที่อัลเฮาฎฺ
สถานะหะดีษ : เศาะหิ๊หฺ  ดูมุสนัดอิหม่ามอะหมัด ฮะดีษที่ 21697  ฉบับตรวจทานโดยเชคชุเอบอัรนะอูฏ  
2.   ความจริงท่านสร้างคำถามผิดนะครับ      เพราะที่ถูกต้อง  ท่านต้องถามว่า  อะฮ์ลุลบัยต์กล่าวถึงเรื่องหลักศรัทธาไว้อย่างไร
3.   ส่วนอุศูลห้าประการนั้น ท่านก็ถามผิด เพราะที่ถูก ท่านต้องถามว่า อุศุลห้าประการนั้นมีที่มาอย่างไร
  •  

L-umar



 
อ้างอิงจากวาฮาบี

ท่านกล่าวว่า

และดังที่บอกไปแล้วว่าการที่ชื่อของเขาจะมีปรากฏในกุรอานหรือหะดีษหรือไม่  ไม่ใช่สิ่งสำคัญแต่มันอยุ่ที่หลักการ การที่คุณจะใช้หลักทางตรรกวิทยามาตัดสินว่ากลุ่มนี้จะถุกต้องเพราะมีชื่อกล่าวไว้ในกุรอานหะดีษนั้น ถือว่าไร้สาระ

ตอบ

ชื่อกลุ่มของพวกคุณนะไม่มีกุรอ่านฮะดีษ แต่ชื่อกลุ่มชีอะฮ์ของผมนะสำคัญครับ เพราะมีกุรอ่าน ฮะดีษ กล่าวถึงในทางยกย่อง ดังนี้

ชีอะฮ์จากกุรอ่าน
ซูเราะฮ์อัซ ซอฟฟาต : 83
وَإِنَّ مِنْ شِيعَتِهِ لَإِبْرَاهِيمَ (83)
แท้จริงจากผู้เป็นชีอะฮ์ของเขา(ผู้ตามนูหฺ) แน่นอนคืออิบรอฮีม
และซูเราะฮ์ เกาะศอศ : 15
فَوَجَدَ فِيهَا رَجُلَيْنِ يَقْتَتِلَانِ هَذَا مِنْ شِيعَتِهِ وَهَذَا مِنْ عَدُوِّهِ فَاسْتَغَاثَهُ الَّذِي مِنْ شِيعَتِهِ عَلَى الَّذِي مِنْ عَدُوِّهِ
ดังนั้นเขา(มูซา)พบชายสองคนในเมือง กำลังต่อสู้กัน  คนนี้เป็นชีอะฮ์ของเขา และคนนี้เป็นศัตรูของเขา
ชีอะฮ์จากตัฟสีรซุนนี่
أَخْبَرَنَا الْحُسَيْنُ بْنُ مُحَمَّدٍ،حَدَّثَنَا أَبُو حُذَيْفَةَ أَحْمَدُ بْنُ مُحَمَّدِ بْنِ عَلِيٍّ،
حَدَّثَنَا زَكَرِيَّا بْنُ يَحْيَى بْنِ يَعْقُوبَ الْمَقْدِسِىُّ ، حَدَّثَنَا أَبِيْ، حَدَّثَنَا أَبُو الْعَوَّامِ أَحْمَدُ بْنُ يَزِيدَ الرَّيَاحِيُّ ، حَدَّثَنَا الْمَدَنِيُّ، عَنْ زَيْدٍ،  عَنِ ابْنِ عُمَرَ قَالَ :
قَالَ النَّبِيُّ {صلى الله عليه وسلم} لِعَلِيٍّ : «يَا عَلِيُّ أَنْتَ فِي الْجَنَّةِ وَشِيْعَتُكَ فِي الْجَنَّةِ،
الكشف والبيان للثعلبى انظر السورة التوبة : 33  ج 12 ص 246
อัลฮูเซน บินมุฮัมมัดเล่าให้เราฟัง  อบูฮุซัยฟะฮ์ อะหมัด บินมุฮัมมัด บินอะลีเล่าให้เราฟัง ซะกะรียา บินยะหฺยา บินยะอ์กูบ อัลมักดิซีเล่าให้เราฟัง บิดาฉันเล่าให้เราฟัง อบุลเอาวาม อะหมัด บินยะซีด อัด-ดีบาญีเล่าให้เราฟัง อัลมะดะนีเล่าให้เราฟัง จากเซด จากท่านอิบนุ อุมัรเล่าว่า : ท่านนบี (ศ็อลฯ)กล่าวกับท่านอะลีว่า โอ้อะลี ! ท่านจะได้อยู่ในสวรรค์ และชีอะฮ์ของท่านจะได้อยู่ในสวรรค์
อ้างอิงจาก : ตัฟสีรอัลกัชฟุ วัลบะยาน โดยอัษ-ษะอ์ละบี เล่ม 12 : 246 ดูตรงคำอธิบายซูเราะฮ์เตาบะฮ์ : 33

ชีอะฮ์จากฮะดีษนบีมุฮัมมัด
حَدَّثَنَا أَبُوْ بَكْرٍ مُحَمَّدُ بْنُ حَيُّوَيْهِ بْنِ الْمُؤَمَّلِ الْهَمْدَانِيِّ ثَنَا إِسْحَاقُ بْنُ إِبْرَاهِيمَ بْنِ عَبَّادِ أنَا عَبْدُ الرَّزَّاقِ بْنُ هَمَّامٍ حَدَّثَنِيْ أَبِيْ عَنْ مِينَاءَ بْنِ أَبِيْ مَيْنَاءَ مَوْلَى عَبْدِ الرَّحْمَنِ بْنِ عَوْفٍ قَالَ خُذُوْا عَنِّيْ قَبْلَ أَنْ تَشَابَ الْأَحَادِيْث بِالْأَبَاطِيْل سَمِعْتُ
رَسُولَ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ يَقُولُ أَنَا الشَّجَرَةُ وَفَاطِمَةُ فَرْعُهَا وَعَلِيٌّ لَقَاحُهَا وَالْحَسَنُ وَالْحُسَيْنُ ثَمَرَتُهَا وَشِـيْعَتُنَا وَرَقُهَا وَأَصْلُ الشَّجَرَةِ فِيْ جَنَّةِ عَدْنٍ وَسَائِرُ ذلِكَ فِيْ سَائِرِ الْجَّـنَّةِ

ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ็อลฯ)กล่าวว่า :  ฉันคือต้นไม้ ฟาติมะฮ์คือกิ่งก้าน  อะลีคือเกสร  ฮาซันกับฮูเซนคือผลไม้ และชีอะฮ์ของเราคือใบไม้ของมัน  รากต้นไม้นี้อยู่ในญันนะตุอัดนิน และทั้งหลายนั้นจะได้อยู่ในญันนะฮ์ทั้งหลาย
อัลมุสตัดรอก อะลัซ-ซอฮีฮัยนิ  โดยอัลฮากิม  เล่ม 3 : 175  ฮะดีษที่ 4755

ท่านอ้างว่า กลุ่มท่าน คือผู้ตามซุนนะฮ์นบี   หลักฐานที่ผมส่งไปก็ระบุชัดนี่ครับว่า
ชีอะฮ์แปลว่า  ผู้ตามนบีและอาลี (وَشِـيْعَتُنَا ) ท่านนบีไม่เคยระบุว่า  อะฮ์ลุสสุนนะฮ์คือผู้ตามท่านนี่ครับ

และนี่คือเหตุผลที่ผมถึง ถามท่านถึงที่มาของคำ " อะฮ์ลุสซุนนะฮ์ " ว่ามีกุรอ่านฮะดีษ กล่าวถึงหรือไม่ ?

หัวหน้ากลุ่มวะฮาบีเองก็อ้างว่า ตนคือ อะฮ์ลุสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์  ส่วนกลุ่มอื่นไม่ใช่
ويجب على كل مسلم أن يعتقد هذه العقيدة ، ومن لم يعتقد هذا المعتقد الصحيح السليم فهو ليس من أهل السنَّة والجماعة ،
ท่านมุฮัมมัด บินอับดุลวาฮาบกล่าวว่า เป็นวายิบที่มุสลิมทุกคนจะต้องยึดมั่นต่ออะกีดะฮ์นี้ และผู้ใดไม่ยึดอะกีดะฮ์ซอฮี๊ฮฺนี้ เขาก็ไม่ใช่อะฮ์ลุสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์
อ้างอิงจากหนังสือ
الكتاب : أصول الإيمان
المؤلف : الإمام محمد بن عبد الوهاب ، تحقيق باسم فيصل الجوابرة
الطبعة : الخامسة
الناشر : وزارة الشؤون الإسلامية والأوقاف والدعوة والإرشاد - المملكة العربية السعودية
تاريخ النشر : 1420هـ
แนวทางวาฮาบีถือว่า พวกตนคือ อะฮ์ลุสซุนนะฮ์ ส่วนกลุ่มอื่นไม่ใช่
فإن مصطلح أهل السنة له إطلاقان
الإطلاق الأول في مقابل الشيعة و المعتزلة
والإطلاق الثاني أعم من الأول فهو في مقابل اهل الأهواء عموما من الطوائف أمثال الأشاعرة والماتريدية

เพราะฉะนั้น อะฮืลุสซุนนะฮ์ จึงให้ความหมายสองประการคือ
1.   เป็นกลุ่มตรงข้ามกับ ชีอะฮ์ และ มุอ์ตะซิละฮ์
2.   มีความหมายครอบคลุมกว่าข้อแรก กล่าวคือ เป็นกลุ่มที่อยู่ตรงกันข้ามกับ อะฮ์ลุลฮาวา เช่น พวกอะชาอิเราะฮ์และพวกมาตูรีดียะฮ์
อ้างอิงจากเวป
http://www.ajurry.com/vb/showthread.php?t=3496

เพราะฉะนั้นหากชื่ออะฮ์ลุสซุนนะฮ์ไม่สำคัญจริงดังท่านว่า  ทำไมอิบนุลวาฮาบจึงอ้างว่า ตนคือ อะฮ์ลุสซุนนะฮ์
ส่วนชีอะฮ์ / มุอ์ตะซิละฮ์ / อะชาอิเราะฮ์ และพวกมาตูรีดียะฮ์ ไม่ใช่ อะฮ์ลุสซุนนะฮ์

ผมเป็นชีอะฮ์ครับ  และผมภูมิใจที่ชื่อ กลุ่มชีอะฮ์นี้มีกุรอ่านระบุชัดเจน
อีกทั้งท่านนบีมุฮัมมัด ก็เรียกพวกผมว่า ชีอะฮ์ของเรา  ท่านไม่ได้เรียก  อะฮ์ลุสซุนนะฮ์ของเรา


ท่านกล่าวว่า
ส่วนเรื่องประเด็นของหลักการรุกุ่นอีมานที่ท่านยกมาว่ามีอยู่ห้าข้อนั้น ผมแปลกใจว่าท่านต้องการอะไรอยู่ เพราะในห้าข้อที่ท่านยกมา(ในอบูดาวูด)นั้นตามเนื้อหาสาระไม่มีอะไรขัดแย้งกับหะดีษที่บอกว่ารุกุ่นอีมานหกข้อเลยอีกทั้งเนือหายังเหมือนกัน หะดีษซอเฮี๊ยย่อมไม่ขัดแย้งกันเอง เพราะงั้นหะดีษทั้งสองตัวนี้จึงต้องนำเอามารวมกันตามหลักวิชาหะดีษ(ซึ่งคิดว่าท่านคงรุ้ดีอยู่แล้ว) เพราะงั้นการศรัทธาทั้งหกประการก้ไม่มีอะไรผิดแต่อย่างใดเลย  
ตอบ
ฮะดีษหนึ่งบอกว่าอีหม่านมี"ห้า"  ส่วนอีกบทหนึ่งบอกว่ามี "หก" ท่านยังยืนกรานบอกว่า มันไม่ขัดกันอีก ถ้าเอามารวมกันก็เป็น "สิบเอ็ด " นะสิครับ  หรือถ้าเอามาลบกันก็เหลือแค่ "หนึ่ง" นะครับ
เดี๋ยวผมจะเล่นวิธีนี้กับท่านบ้าง

เอาล่ะผมชี้แจงในส่วนของผมไปแล้ว ท่านเองต่างหากกลับเบี่ยงประเด็นจะเอาเรื่องเตาฮีด ทั้งๆที่ผมถามท่านเรื่องหลักอูสุลห้าประการ ขอหลักฐานตำราชีอะทั้งสี่เล่มเองก้ได้ เอาตัวบทมาสิ
  •  

L-umar





ชีอะฮ์ถาม :

ที่มาของคำว่า   อะฮ์ลุสสุนนะฮ์  วัลญะมาอะฮ์    อัลลอฮฺและรอซูล  รวมทั้งคุละฟาอฺทั้งสี่  ตั้งชื่อนี้ไว้ให้พวกคุณหรือ  ?

ช่วยแสดงหลักฐานจากกิตาบและซุนนะฮ์   ที่ระบุคำนี้เต็มๆมาให้ผมชมหน่อยครับ  

หากไม่มีโองการกุรอ่านหรือหะดีษสักบทหนึ่งที่กล่าวถึงคำนี้เต็มๆ   แสดงว่า คำนี้เป็นคำบิดอะฮ์ใช่ไหมครับ ?




วาฮาบีตอบ  :

ตอบ คำว่า  อะฮฺลุซซุนนะฮฺวัลญะมะอะฮฺ เป็นคำสนธิที่สร้างขึ้นมาจากตัวบทสองตัวนี้

 
 عَنِ ابْنِ عَبَّاسٍ رَضِىَ اللَّهُ عَنْهُمَا :

أَنَّ رَسُولَ اللَّهِ -صلى الله عليه وسلم- خَطَبَ النَّاسَ فِى حَجَّةِ الْوَدَاعِ فَقَالَ :« يَا أَيُّهَا النَّاسُ إِنِّى قَدْ تَرَكْتُ فِيكُمْ مَا إِنِ اعْتَصَمْتُمْ بِهِ فَلَنْ تَضِلُّوا أَبَدًا كِتَابَ اللَّهِ وَسُنَّةَ نَبِيِّهِ ».

ท่านอิบนิอับบาส (ขออัลลอฮ์ทรงเมตตาต่อท่านทั้งสองด้วย) รายงานว่า ท่านรอซูลุ้ลลอฮ์ ศ็อลลอลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม ได้คุตบะห์แก่บรรดาผู้คนในการทำฮัจญ์ครั้งอำลาของท่าน โดยกล่าวว่า "โอ้บรรดามนุษย์ชาติทั้งหลายเอ๋ย แท้จริงฉันได้ทิ้งไว้ในหมู่พวกเจ้า สิ่งที่หากพวกเจ้าทั้งหลายยึดมันไว้ก็จะไม่หลงทางเป็นอันขาด นั่นคือคัมภีร์ของอัลลอฮ์และซุนนะห์นบีของพระองค์"

ฮะดีษบทนี้ มีบันทึกอยู่ใน สุนันอัลกุบรอ ของบัยฮะกีย์ เลขที่ 20123 และสุนันอัลดารุกุฏนีย์ เลขที่ 149 ในมุสตัดร๊อก อะลัศศอฮีฮัยนี ของนีซาบูรีย์ เลขที่ 319

นอกจากนี้แล้ว ท่านอิหม่ามอัลบานีย์ (รอฮิมาฮุลลอฮ์) นักวิชาการฮะดีษร่วมสมัย ซึ่งได้ตรวจสอบตัวบทและสายรายงานฮะดีษนี้คือ
\\\" تركت فيكم أمرين لن تضلوا ما إن تمسكتم بهما : كتاب الله وسنتي ولن يتفرقا حتى يردا على الحوض \\\"
[ رواه مالك بلاغا والحاكم موصلا بإسناد حسن ]
منزلة السنة في الإسلام – الألباني  ج 1 ص 18

"ฉันทิ้งไว้ในหมู่พวกท่านสองประการด้วยกัน หากพวกท่านยึดสองประการนี้ไว้จะไม่หลงทาง นั่นคือ คัมภีร์ของอัลลอฮ์ และซุนนะห์ของฉัน โดยทั้งสองจะไม่แยกจากกันจนกว่าจะกลับไปพบกับฉันที่สระน้ำ" (ในวันกิยามะห์) ท่านอิหม่ามอัลบานีย์ กล่าวว่า สายรายงานของฮะดีษบทนี้อยู่ในระดับฮะซัน (ดูมันซิละตุสซุนนะห์ 13)

กับหะดีษอีกตัวบทหนึ่งคือ

 يد الله مع الجماعة
(สุนันอัตติรมีซี หมายเลข 987 นับตามแผ่นซีดี)

ดังนั้นจึงไม่ถือว่า การตั้งชื่ออะฮฺลุซซุนนะฮฺวัลญะมาอะฮฺเป็นบิดอะแต่อย่างใด เพราะเป็นการนำมาจากหลักฐานสองชั้นดังกล่าว

อนึ่ง จำต้องเข้าใจว่าการตั้งชื่อนี้ ชาวซุนนะฮฺมิได้ถือว่าเป็นวาญิบทางศาสนาหรือคำสั่งแต่อย่างใด เป็นเพียงแต่การตั้งชื่อเพื่อบ่งชี้ถึงกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งเท่านั้น และเช่นกันกลุ่มคนที่ดำเนินอยู่บนทางของอิสลามแต่มิได้ใช้ชื่อว่าอะฮฺลุซซุนนะฮฺเราก็มิได้ฮุกุ่มเขาหลงผิดแต่อย่างใด เช่นกลุ่ม ชีอะฮฺซัยดียะฮฺซึ่งเรายังถือเป็นกลุ่มที่อยู่บนทางของอิสลามไม่เหมือนชีอะฮฺที่นอกรีตกลุ่มอื่นๆ

ดังนั้นการตั้งชื่ออะฮฺลุซซุนนะฮฺจึงมิใช่บิดอะฮฺ แต่เป็นการตั้งเพื่อบ่งชี้ถึงกลุ่มคนหนึ่งๆเท่านั้น ก็เปรียบเสมือนกับองค์กรทางศาสนามากมายในยุคปัจจุบัน ที่ใช้ชื่อเยอะแยะไปหมด

เอาล่ะ ผมตอบคำถามคุณแล้ว ต่อไปนี้คุณตอบผมบ้าง
 
ชาวชีอะฮฺมักจะอ้างตัวอยู่เสมอว่าตาม อะฮฺลุลบัยตฺ ดังนั้นเราขอหลักฐานการแบ่งอูศูลศาสนาหรือรุกุ่นออกเป็นห้าข้อหน่อยสิ ว่าเอามาจากไหน มีตัวบทจากกุตุบอัรบาอะฮฺ ของฝ่ายชีอะฮฺหรือไม่ ว่าอิมามคนใดริวายัตมาว่าอิสลามแบ่งรูกุ่นออกเป็นห้าประการ ถ้าไม่มีก็ย่อมแสดงได้แล้วล่ะครับว่าตามอะฮฺลุลบัยตฺหรือแอบอ้าง เพราะหลักการใหญ่ๆเช่นนี้ย่อมต้องมีหลักฐานมารองรับครับ ตอบมาด้วย


ชีอะฮ์ วิจารณ์ :

หนึ่ง - จากคำตอบของคุณวาฮาบีแสดงว่า คำเต็มๆที่ว่า   อะฮ์ลุสสุนนะฮ์  วัลญะมาอะฮ์    ไม่มีที่มาจากกิตาบและซุนนะฮ์   แต่คุณได้อาศัยหะดีษสองบทมาสนธิกัน

สอง-  เมื่อชื่อกลุ่มของพวกคุณ ยังไม่มีที่มาอย่างถูกต้องจากกิตาบและซุนนะฮ์  แล้วทำไมพวกคุณจึงยังอ้างว่า กลุ่ม อะฮ์ลุสสุนนะฮ์  วัลญะมาอะฮ์    เป็นแนวทางที่ถูกต้อง   อันนี้จะไม่ถือว่าอ้างแบบมั่วๆหรือคับ  




อ้างอิงจากวาฮาบี :

ท่านถามผมว่า
เอาล่ะผมชี้แจงในส่วนของผมไปแล้ว ท่านเองต่างหากกลับเบี่ยงประเด็นจะเอาเรื่องเตาฮีด ทั้งๆที่ผมถามท่านเรื่องหลักอูศูลห้าประการ ขอหลักฐานตำราชีอะทั้งสี่เล่มเองก็ได้ เอาตัวบทมาสิ



ชีอะฮ์ตอบ :

ตามที่ท่านนบีมุฮัมมัด(ศ) สั่งเสียผมและท่านว่า


إِنِّي تَارِكٌ فِيكُمْ خَلِيفَتَيْنِ كِتَابُ اللَّهِ وَأَهْلُ بَيْتِي وَإِنَّهُمَا لَنْ يَتَفَرَّقَا حَتَّى يَرِدَا عَلَيَّ الْحَوْضَ جَمِيعًا

تعليق شعيب الأرنؤوط : حديث صحيح
الكتاب : مسند الإمام أحمد بن حنبل  المؤلف : أحمد بن حنبل أبو عبدالله الشيباني
الناشر : مؤسسة قرطبة – القاهرة    الأحاديث مذيلة بأحكام شعيب الأرنؤوط عليها

แท้จริงฉันได้มอบสองคอลีฟะฮ์ไว้กับพวกท่านคือ กิตาบุลเลาะฮฺและอะฮฺลุลบัยต์ของฉัน ทั้งสองจะไม่แยกกันจนทั้งสองจะกลับมาหาฉันที่อัลเฮาฎฺ

สถานะหะดีษ : เศาะหิ๊หฺ  
ดูมุสนัดอิหม่ามอะหมัด ฮะดีษที่ 21697  ฉบับตรวจทานโดยเชคชุเอบอัรนะอูฏ  

1.   ความจริงท่านสร้างคำถามผิดนะครับ      เพราะที่ถูกต้อง  ท่านต้องถามว่า  อะฮ์ลุลบัยต์กล่าวถึงเรื่องหลักศรัทธาไว้อย่างไร

2.   ส่วนเรื่องอุศูลห้าประการนั้น ท่านก็ถามผิด เพราะที่ถูก ท่านต้องถามว่า อุศุลห้าประการนั้นมีที่มาอย่างไร

เพราะฉะนั้นจากฮะดีษษะเกาะลัยน์ข้างต้นแสดงว่า หลักฐานทางศาสนาต้องอ้างอิงจาก กิตาบและอะฮ์ลุลบัยต์  

หากท่านถามผมว่า อีหม่านผม(ชีอะฮ์) มีกี่ประการ  ผมขอตอบว่า มีห้าครับ
เรียงลำดับหลักฐานจากกิตาบและหะดีษของอะฮ์ลุลบัยต์ดังนี้

หลักฐานจากกุรอ่านคือ

يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آمَنُواْ آمِنُواْ بِاللّهِ وَرَسُولِهِ وَالْكِتَابِ الَّذِي نَزَّلَ عَلَى رَسُولِهِ وَالْكِتَابِ الَّذِيَ أَنزَلَ مِن قَبْلُ وَمَن يَكْفُرْ بِاللّهِ وَمَلاَئِكَتِهِ وَكُتُبِهِ وَرُسُلِهِ وَالْيَوْمِ الآخِرِ فَقَدْ ضَلَّ ضَلاَلاً بَعِيدًا

โอ้บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย ! จงศรัทธาต่ออัลลอฮ์และรอซูลของพระองค์เถิด และคัมภีร์(อัลกุรอาน)ที่พระองค์ได้ทรงประทานลงมาแก่รอซูลของพระองค์ และคัมภีร์ที่พระองค์ได้ทรงประทานลงมาก่อนหน้านั้น และผู้ใดปฏิเสธ

1.   การศรัทธาต่ออัลลอฮ์ และ
2.   มลาอิกะฮ์ของพระองค์และ
3.   บรรดาคัมภีร์ของพระองค์และ
4.   บรรดารอซูลของพระองค์ และ
5.   วันสิ้นโลกแล้วไซร้ แน่นอนเขาได้หลงทางอย่างห่างไกล  
 

บทอัน-นิซาอ์ : 136

ชัดเจนดีนะครับ



หมายเหตุและบทความบางส่วนนี้  ฝ่ายลิ่วล้อวาฮาบีจนมุม


จึงต้องแล่นไปหาท่านอาจารย์ปราโมท  ให้ออกโรงมาเขียนบทความตอบโต้อย่างยืดยาว  

แต่เราจะอธิบายอย่างละเอียดในคราวต่อๆไป  อินชาอัลเลาะฮฺ
  •  

L-umar



วาฮาบีถาม  -

อุศูลห้าประการ มีที่มาอย่างไร  ?
 



ชีอะฮ์ตอบ -

ถ้าจะสร้างคำถามให้ถูกต้องจริงๆ   ควรถามว่า


บรรดาอิหม่ามได้กำหนดอะกีดะฮ์ไว้อย่างไร  ?



لَقَدْ بَيَّنَ أَئِمَّتُنَا (عليهم الصلاة والسلام) أُصُوْلَ الدِّيْنِ فِيْ أَحَادِيْث شَتَّى مُتَفَرِّقَة، وَهِيَ مُعْتَبَرَة، وَمِنْهَا اسْتُخْلِصَِت أُصُوْلُ الدِّيْنِ الْخَمْسَةِ عَلَى النَّحْوِ الْمَذْكُوْر، وَلاَ يُشْتَرَطُ أَنْ تَكُوْنَ جَمِيْعُهَا مَجْمُوْعَةً فِيْ حَدِيْثٍ وَاحِدٍ. كَمَا أَنَّ كَثِيْرًا مِنْ أُصُوْلِ الدِّيْنِ فِي الْقُرْآنِ الْحَكِيْمِ لَمْ تُجْمَعْ فِيْ آيَةٍ وَاحِدَةٍ.


ตอบ -

บรรดาอิม่ามได้อธิบายเรื่องอุศูลุดดีนไว้ในฮะดีษต่างๆมากมาย และ(ที่สำคัญ)ต้องเป็นฮะดีษมุอ์ตะบัร(ถูกต้องเท่านั้น) และจากฮะดีษเหล่านั้น อุศูลุดดีนทั้งห้าข้อได้ถูกสรุปประเด็นหลักๆออกมาตามที่กล่าวไว้(ในหนังสืออะกีดะฮ์)

ไม่ได้มีเงื่อนใดกำหนดว่า อะกีดะฮ์ทั้งห้านั้นต้องถูกรวมไว้ในฮะดีษเพียงบทเดียว  เหมือนเรื่องหลักศรัทธามากมายที่มีอยู่ในอัลกุรอาน ซึ่งก็ไม่ได้ถูกรวมไว้ในหนึ่งอายะฮ์.



ยกตัวอย่างเช่น

เมื่อบรรดาอิม่ามถูกถามถึงเรื่องเตาฮีด ท่านได้อธิบายว่า


عَنْ مُحَمَّدِ بْنِ مُسْلِمٍ عَنْ أَبِي عَبْدِ اللَّهِ ع قَالَ :  إِنَّ الْيَهُودَ سَأَلُوا رَسُولَ اللَّهِ ص فَقَالُوا انْسِبْ لَنَا رَبَّكَ فَلَبِثَ ثَلَاثاً لَا يُجِيبُهُمْ ثُمَّ نَزَلَتْ قُلْ هُوَ اللَّهُ أَحَدٌ إِلَى آخِرِهَا

ท่านอิม่ามญะอ์ฟัร อัศศอดิก(อ)กล่าวว่า :

แท้จริงพวกยะฮูดีได้ถามท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ็อลฯ)ว่า จงบอกเชื้อสายของพระเจ้าของท่านให้เราฟัง  ท่านนบีนิ่งเฉย สามครั้งโดยไม่ได้ให้คำตอบแก่พวกเขา ต่อมาอัลกุรอานได้ประทานลงมาว่า  จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) ว่า อัลลอฮ์นั้นคือผู้ทรงเอกะ จนถึงโองการสุดท้ายของซูเราะฮ์นี้  

สถานะฮะดีษ  : ซอฮี๊ฮ์  
ดูอัลกาฟี  โดยเชคกุลัยนี  เล่ม 1 : 91 ฮะดีษที่ 1
ตรวจทานโดยมัรกะซุล บุฮูซ คอมพิวเตอร์ ลิลอุลูมิลอิสลามียะฮ์ เมืองกุม อิหร่าน

อุละมาอ์ชีอะฮ์กล่าวว่า : ฮะดีษที่ไม่อนุญาติให้ยึดถือเป็นหลักฐานทางอะกีดะฮ์คือ

1,อาฮ๊าดหรือค่อบัรวาเฮ็ด(การรายงานเพียงหนึ่งคน),  
2,มุรสัล ( ฮะดีษที่ขาดตอนสืบไปไม่ถึงอิม่ามท่านใดท่านหนึ่งจากบรรดาอิม่าม12หรือนบี )  
3,ดออีฟ ( อ่อนแอ ) ทั้งสายรายงานและตัวบท(สะนัดและมะตั่น)

ฮะดีษที่สามารถยึดเป็นหลักฐานทางอะกีดะฮ์และอะห์กามได้คือ
1,ฮะดีษซอฮี๊ฮฺ คือถูกต้องทั้งสายรายงานและตัวบท(สะนัดและมะตั่น)
2,ฮาซัน คือดี
3,มุวัษษัก คือเชื่อถือได้
4,มุตะวาติร คือรายงานที่แพร่หลายมาจากหลายทาง

เพราะฉะนั้นชีอะฮ์ควรให้ความสำคัญต่อการศึกษาเรื่องสายรายงานฮะดีษด้วย
  •  

L-umar


ถ้าถามถึงเรื่องอิมามะฮฺ  ว่ามีในกิตาบและหะดีษจากอะฮ์ลุลบัยต์หรือไม่ ?


ตอบ


โองการที่กล่าวถึงเรื่องอิม่ามผู้นำ


يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آمَنُواْ أَطِيعُواْ اللّهَ وَأَطِيعُواْ الرَّسُولَ وَأُوْلِي الأَمْرِ مِنكُمْ فَإِن تَنَازَعْتُمْ فِي شَيْءٍ فَرُدُّوهُ إِلَى اللّهِ وَالرَّسُولِ إِن كُنتُمْ تُؤْمِنُونَ بِاللّهِ وَالْيَوْمِ الآخِرِ ذَلِكَ خَيْرٌ وَأَحْسَنُ تَأْوِيلاً
โอ้บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย ! จงเชื่อฟังอัลลอฮ์ และจงเชื่อฟังรอซูลและอูลุลอัมริ(ผู้ปกครอง)ในหมู่พวกเจ้าเถิด หากพวกเจ้าขัดแย้งกันในสิ่งใด ก็จงนำสิ่งนั้นกลับไปยังอัลลอฮ์ และรอซูล (คืออัลกุรอานและซุนนะฮ์) หากพวกเจ้าเป็นผู้ศรัทธาต่ออัลลอฮ์และวันสิ้นโลก นั่นแหล่ะเป็นสิ่งที่ดียิ่งและเป็นการกลับไปที่สวยยิ่ง     อัน-นิซาอ์ :  59


อูลุลอัมริคือใคร

หะดีษจากอิม่ามแห่งอะฮ์ลุลุบัยต์



عَنْ أَبِي بَصِيرٍ قَالَ سَأَلْتُ أَبَا عَبْدِ اللَّه‏ (ع) عَنْ قَوْلِ اللَّهِ عَزَّ وَ جَلَّ {أَطِيعُوا اللَّهَ وَ أَطِيعُوا الرَّسُولَ وَ أُولِي الْأَمْرِ مِنْكُمْ } (النساء -: 59 -) فَقَالَ نَزَلَتْ فِي عَلِيِّ بْنِ أَبِي طَالِبٍ وَ الْحَسَنِ وَ الْحُسَيْنِ ع


อบูบะศีรเล่าว่า :

ฉันได้ถามท่านอิม่ามญะอ์ฟัร อัศศอดิก(อ) ถึงดำรัสของอัลลอฮ์ อัซซะวะญัลที่ตรัสว่า

( สูเจ้าจงเชื่อฟังอัลลอฮฺและสูเจ้าจงเชื่อฟังรอซูลและผู้ปกครองในหมู่สูเจ้า ) บทที่ 4 : 59  


ท่านอิม่ามศอดิกกล่าวว่า :  

โองการนี้ได้ประทานลงมาแก่ท่านอะลี,ฮาซันและฮูเซน  

สถานะฮะดีษ : ซอฮี๊ฮฺ  

ดูอัลกาฟี   โดยเชคกุลัยนี เล่ม 1 : 287 ฮะดีษที่ 1
ตรวจทานโดยมัรกะซุล บุฮูซ คอมพิวเตอร์ ลิลอุลูมิลอิสลามียะฮ์ เมืองกุม อิหร่าน
  •  

L-umar


แต่ถ้าถามว่า


อะกีดะฮ์ 5 ข้อคือ 1,เตาฮีด 2,อดิล 3,นุบูวะฮ์ 4,อิมามะฮ์ 5,มะอ๊าด   ใครกำหนด   ?



ตอบ     เชคมุฟีด


ชื่อจริงคือ มุฮัมมัด บินมุฮัมมัด บินอัน-นุอ์มาน ชาวเมืองแบกแดด ประเทศอิรัค เกิดวันที่ 11 ซุลกิอ์ดะฮ์ ฮ.ศ.336 มรณะคืนวันศุกร์ที่ 3 รอมฎอน ฮ.ศ. 413 รวมอายุ 95 ปี  สัยยิดมุรตะฏอเป็นอิม่ามนำ นมาซญะนาซะฮ์ให้ มีทั้งซุนนี่และชีอะฮ์มาร่วมนมาซญะนาซะฮ์ให้เขาอย่างเนืองแน่น เดิมร่างถูกฝังไว้ที่บ้านสองปี ต่อมาได้ย้ายไปฝังไว้ที่เมืองกาซิมัยน์ เคียงข้างกับอาจารย์ของเขาคือเชคศอดูก ตรงบิรเวณด้านล่างสุสานของท่านอิม่ามญะวาด อะลัยฮิสสลาม
เชคมุฟีดนับได้ว่าเป็นนักวิชาการที่มีความรู้สูงสุดในยุคที่เขามีชีวิตอยู่ มีความฉลาดหลักแหลมในการตอบคำถามและเชี่ยวชาญวิชาฟิกฮ์  ,ริวายะฮ์และอิลมุลกะลาม  เขาแต่งตำราไว้สองร้อยกว่าเล่ม ซึ่งคนรุ่นหลังล้วนได้รับประโยชน์จากเขาอย่างมากมาย  



คือบุคคลแรกที่ได้ประมวลอะกีดะฮ์ชีอะฮ์จากกุรอ่านและฮะดีษไว้หนังสือชื่อ " อัน-นุกัต อัลเอี๊ยะอ์ติกอดียะฮ์ " หนังสือเล่มนี้เชคมุฟีดได้แบ่งหลักศรัทธาออกเป็น 5 บทคือ

1.   มะอ์ริฟะตุลเลาะฮ์วะศิฟาติฮี (การรู้จักพระเจ้าและคุณลักษณะของพระองค์)

2.   อัลอัดลุ (ความยุติธรรมของอัลลอฮ์)

3.   อัน-นุบูวะฮ์ ( การศรัทธาต่อศาสดาของอัลลอฮ์)

4.   อัลอิมามะฮ์  ( การศรัทธาต่อผู้นำที่สืบต่อจากนบีมุฮัมมัด)

5.   อัลมะอ๊าด (การศรัทธาต่อวันปรโลก)  

ยุคต่อมานักวิชาการชีอะฮ์ได้เรียบเรียงหนังสืออะกีดะฮ์โดยแบ่งเรื่องหลักศรัทธาออกเป็นห้าหัวข้อเหมือนที่เชคมุฟีดได้นำเสนอไว้จนกลายเป็นเรื่องมุตะวาติรถ่ายทอดกันมาจนถึงปัจจุบันนี้  วัลลอฮุอะอ์ลัม.  
  •  

L-umar



ถาม

อะกีดะฮ์ทั้งห้านี้มีกุรอ่านหรือฮะดีษกล่าวไว้หรือไม่  ?




ตอบ -

อะกีดะฮ์ทั้งห้านี้ได้เอามาจากอัลกุรอานและฮะดีษ เพียงแต่ไม่ได้กล่าวเรียงกันเท่านั้น



หากกล่าวว่า :

เมื่ออะฮ์ลุลบัยต์ไม่ได้กำหนดแสดงว่าอะกีดะฮ์ทั้งห้านี้เป็นเรื่องบิดอะฮ์  


ชีอะฮ์ถามว่า

เชคมุฮัมมัด บินอับดุลวะฮาบ ผู้ก่อตั้งแนวทางวาฮาบี (1115-1206 ฮ.ศ.) ได้แบ่งเตาฮีดออกเป็น 3 ประเภทคือ  

1,เตาฮีดอุลูฮียะฮ์

2, เตาฮีดรุบูบียะฮ์
3, เตาฮีดอัสมาอ์วะซิฟาต
 

ซึ่งการแบ่งนี้ไม่มีระบุไว้ในอัลกุรอาน ฮะดีษนบี  และบรรดาซอฮาบะฮ์  ตาบิอีน  และตาบิอิตตาบิอีน  ก็ไม่ได้กล่าวไว้เลยเป็นที่ทราบดีว่า การแบ่งเตาฮีดออกเป็น 3 ข้อเช่นนี้ไม่เคยมีในยุคศตวรรษที่ 3  จนถึงศตวรรษที่ 6 เมื่อถึงศตวรรษที่ 7 การแบ่งเตาฮีดเป็นอุลูฮียะฮฺและรุบูบียะฮฺพึ่งเกิดขึ้น

ขอถามวาฮาบีว่า : การแบ่งเตาฮีดออกเป็น 3 ประเภทนี้  เป็นบิดอะฮ์ใช่ไหม ?


แน่นอนวาฮาบีจะตอบว่า แม้อัลเลาะฮ์และรอซูลไม่ได้กำหนดไว้เช่นนี้  แต่อุละมาอ์ได้เอามาจากกุรอ่านและฮะดีษ  

แสดงว่าพวกเขาตอบเหมือนที่อุละมาอ์ชีอะฮ์ตอบ  ที่ว่า อะกีดะฮ์ชีอะฮ์ทั้งห้านั้นประมวลมาจากกุรอ่านและฮะดีษเช่นกัน
   
อะกีดะฮ์ทั้งห้าของชีอะฮ์ขัดแย้งกับอัลกุรอานหรือไม่ ?

ตอบ อะกีดะฮ์ทั้งห้าสอดคล้องกับอัลกุรอาน  และถ้าหากมีข้อใดจากห้าข้อขัดแย้งกับกุรอ่าน  ก็ช่วยท้วงติงมาด้วยครับ
  •  

28 ผู้มาเยือน, 0 ผู้ใช้