Welcome to Q4wahabi.com (Question for Wahabi). Please login or sign up.

ธันวาคม 22, 2024, 02:00:33 หลังเที่ยง

Login with username, password and session length
สมาชิก
  • สมาชิกทั้งหมด: 1,718
  • Latest: Haroldsmolo
Stats
  • กระทู้ทั้งหมด: 3,699
  • หัวข้อทั้งหมด: 778
  • Online today: 102
  • Online ever: 200
  • (กันยายน 14, 2024, 01:02:03 ก่อนเที่ยง)
ผู้ใช้ออนไลน์
Users: 0
Guests: 88
Total: 88

ฟัตวาเชคอัลบานี หะดีษซอฮีฮุบุคอรีและมุสลิม ดออีฟ

เริ่มโดย L-umar, กรกฎาคม 29, 2009, 09:38:37 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

L-umar



ฟัตวาเชคอัลบานี  หะดีษซอฮีฮุบุคอรีและมุสลิม  ดออีฟ



เป็นที่ทราบดีว่าอุละมาอ์อะฮ์ลุสสุนนะฮ์ถือว่า   หนังสืออันถูกต้องที่สุดรองจากคัมภีร์กุรอ่านคือ    

กิตาบ  เศาะหิ๊หฺบุคอรี   และ     กิตาบ   เศาะหิ๊หฺมุสลิม



อิบนุหะญัรกล่าวว่า  :

وروى الفربري عن البخاري قال ما أدخلت في الصحيح حديثا إلا بعد أن استخرت الله تعالى وتيقنت صحته

الكتاب : فتح الباري شرح صحيح البخاري   ج 1  ص 347
المؤلف : أحمد بن علي بن حجر أبو الفضل العسقلاني الشافعي
الناشر : دار المعرفة - بيروت ، 1379
تحقيق : أحمد بن علي بن حجر أبو الفضل العسقلاني الشافعي


อัลฟะร็อบรี เล่าจากอัลบุคอรี  เขากล่าวว่า    :

ฉันไม่เคยนำหะดีษบทใดเข้าไปใส่ไว้ใน(หนังสือ) เศาะหิ๊หฺ  ยกเว้นหลังจากที่ฉันได้ทำการอิสติคอเราะฮ์ต่ออัลเลาะฮ์ตะอาลาก่อน และฉันมี

ความแน่ใจในความถูกต้องของมัน



อ้างอิงจากหนังสือ

ฟัตฮุลบารี   โดยอิบนิหะญัร   เล่ม 1  : 347  





จากคำพูดดังกล่าวแสดงว่า  

หะดีษที่บันทึกอยู่ใน เศาะหิ๊หฺบุคอรี   ถูกต้องทั้งหมด ไม่มี  " ดออีฟ "
  •  

L-umar



แล้วอยู่มาวันหนึ่งอุละมาอ์วาฮาบีระดับสูงก็ออกมาฟัตวาว่า  



หนังสือเศาะหิ๊หฺบุคอรี   มีหะดีษบางส่วนที่
" ดออีฟ "


เช่น


สะนัด

حَدَّثَنِى بِشْرُ بْنُ مَرْحُومٍ حَدَّثَنَا يَحْيَى بْنُ سُلَيْمٍ عَنْ إِسْمَاعِيلَ بْنِ أُمَيَّةَ عَنْ سَعِيدِ بْنِ أَبِى سَعِيدٍ عَنْ أَبِى هُرَيْرَةَ – رضى الله عنه –


มะตั่น


عَنِ النَّبِىِّ - صلى الله عليه وسلم - قَالَ « قَالَ اللَّهُ ثَلاَثَةٌ أَنَا خَصْمُهُمْ يَوْمَ الْقِيَامَةِ ، رَجُلٌ أَعْطَى بِى ثُمَّ غَدَرَ ، وَرَجُلٌ بَاعَ حُرًّا فَأَكَلَ ثَمَنَهُ ، وَرَجُلٌ اسْتَأْجَرَ أَجِيرًا فَاسْتَوْفَى مِنْهُ ، وَلَمْ يُعْطِ أَجْرَهُ »


อบูฮุร็อยเราะฮ์เล่าว่า  :

ท่านนบี(ศ)กล่าวว่า  :  

อัลลอฮ์ตรัสว่า  มีสามบุคคลที่ข้าคือคู่กรณีของพวกเขาในวันกิยามะฮ์นั่นคือ

1.   คนที่ให้สัญญาต่อข้า  ต่อมาเขาได้บิดพลิ้วสัญญา
2.   คนที่ขายอิสระชนคนหนึ่ง แล้วเขากินราคาของมัน
3.   คนที่จ้างคนงานคนหนึ่งให้ทำงาน แล้วเขาทำงานนั้นเสร็จ แต่เขากลับไม่ยอมจ่ายค่าจ้างให้กับคนงานนั้น



ดูเศาะหิ๊หฺบุคอรี  หะดีษที่  2227

และ

สะนัด
 
حَدَّثَنَا يُوسُفُ بْنُ مُحَمَّدٍ قَالَ حَدَّثَنِى يَحْيَى بْنُ سُلَيْمٍ عَنْ إِسْمَاعِيلَ بْنِ أُمَيَّةَ عَنْ سَعِيدِ بْنِ أَبِى سَعِيدٍ عَنْ أَبِى هُرَيْرَةَ - رضى الله عنه –

มะตั่น

عَنِ النَّبِىِّ - صلى الله عليه وسلم - قَالَ « قَالَ اللَّهُ تَعَالَى ثَلاَثَةٌ أَنَا خَصْمُهُمْ يَوْمَ الْقِيَامَةِ رَجُلٌ أَعْطَى بِى ثُمَّ غَدَرَ ، وَرَجُلٌ بَاعَ حُرًّا فَأَكَلَ ثَمَنَهُ ، وَرَجُلٌ اسْتَأْجَرَ أَجِيرًا فَاسْتَوْفَى مِنْهُ وَلَمْ يُعْطِهِ أَجْرَهُ »

ดูเศาะหิ๊หฺบุคอรี  หะดีษที่  2270

 

อัลบุคอรียืนยันว่า     " เศาะหิ๊หฺ "  แต่เชคอัลบานีฟัตวาว่า " ดออีฟ " ดังนี้
  •  

L-umar



หนังสือ  ซิลซิละตุล  ด่ออีฟะฮ์  ของเชคอัลบานี



6763 - (قَالَ اللَّهُ: ثَلَاثَةٌ أَنَا خَصْمُهُمْ يَوْمَ الْقِيَامَةِ، [ ومن كنت
خصمه، خصمته ]: رَجُلٌ أَعْطَى بِي ثُمَّ غَدَرَ، وَرَجُلٌ بَاعَ حُرًّا فَأَكَلَ
ثَمَنَهُ، وَرَجُلٌ اسْتَأْجَرَ أَجِيرًا، فَاسْتَوْفَى مِنْهُ، وَلَمْ يُعْطِ ( وفي رواية: ولم
يُوفه) أَجْرَهُ).

ضعيف. أخرجه البخاري (2227، 2270)،
السلسة الضعيفة     ج 14  ص 589  ح  6767



อัลลอฮ์ตรัสว่า   มีสามบุคคลที่ข้าคือคู่กรณีของพวกเขาในวันกิยามะฮ์นั่นคือ
คนที่ให้สัญญาต่อข้า ต่อมาเขาได้บิดพลิ้วสัญญา  คนที่ขายอิสระชนคนหนึ่ง แล้วเขากินราคาของมัน
คนที่จ้างคนงานคนหนึ่งให้ทำงาน แล้วเขาทำงานนั้นเสร็จ แต่เขากลับไม่ยอมจ่ายค่าจ้างให้กับคนงานนั้น


( เชคอัลบานีกล่าวว่า หะดีษบทนี้ )   ดออีฟ    อัลบุคอรีได้รายงานหะดีษบทนี้ไว้ ดูหะดีษเลขที่   2227 ,2270


อ้างอิงจากหนังสือ  

ซิลซิละตุล  ด่ออีฟะฮ์  เล่ม   14  :  589  หะดีษที่  6767
   


ชัดไหมครับท่านผู้อ่านที่เคารพ


หะดีษบทนี้  บุคอรีบอกว่า   เศาะหิ๊หฺ    แต่เชควาฮาบีชื่อ อัลบานีกล่าวว่า   ดออีฟ  และยังระบุด้วยว่า หะดีษนี้บันทึกอยู่ในเศาะหิ๊หฺบุคอรี


คำถามสำหรับวาฮาบี


ท่านยังจะมาโกหกชาวดลกอีกไหมว่า   หะดีษในกิตาบเศาะหิ๊หฺบุคอรี นั้นเศาะหิ๊หฺทั้งหมด  ?


หากท่านยืนยัน  แสดงว่า  ท่านกำลังค้านกับฟัตวาของอุลละมาอ์ท่านเอง   ถูกต้องไหม  ?
  •  

L-umar



เพื่อตอกย้ำให้วาฮาบีทั้งหลายรับทราบโดยถ้วนหน้าว่า

เชคอัลบานีได้ออกฟัตวาว่า  หะดีษบทนี้มีสถานะ :  ดออีฟจริงๆ



เชิญอ่านฟัตวาของเชคอัลบานีจากหนังสือของเขาในเล่มอื่นๆได้ดังนี้


قال الله تعالى : ثلاثة أنا خصمهم يوم القيامة : رجل أعطى بي ثم غدر و رجل باع حرا فأكل ثمنه و رجل استأجر أجيرا فاستوفى منه و لم يعطه أجره
 ( حم خ ) عن أبي هريرة .
قال الشيخ الألباني : ( ضعيف )
الجامع الصغير وزيادته  ج 1 ص 849  ح  8481


อัลลอฮ์ตรัสว่า     มีสามบุคคลที่ข้าคือคู่กรณีของพวกเขาในวันกิยามะฮ์นั่นคือ
คนที่ให้สัญญาต่อข้า ต่อมาเขาได้บิดพลิ้วสัญญา  คนที่ขายอิสระชนคนหนึ่ง แล้วเขากินราคาของมัน
คนที่จ้างคนงานคนหนึ่งให้ทำงาน แล้วเขาทำงานนั้นเสร็จ แต่เขากลับไม่ยอมจ่ายค่าจ้างให้กับคนงานนั้น


เชคอัลบานีกล่าวว่า   ดออีฟ

อ้างอิงจากหนังสือ

อัลญามิอุซ – ซอฆีร  วะซิยาดะฮฺ   โดยเชคอัลบานี  เล่ม  1 : 849  หะดีษที่  8481
  •  

L-umar



เชคอัลบานีได้ฟัตวา  หะดีษบทนี้ว่า  มีสถานะ  " ดออีฟ "  ไว้ในหนังสือเหล่านี้


عن أبي هريرة قال قال رسول الله صلى الله عليه و سلم ثلاثة أنا خصمهم يوم القيامة ومن كنت خصمه خصمته يوم القيامة رجل أعطى بي ثم غدر ورجل باع حرا فأكل ثمنه ورجل استأجر أجيرا فاستوفى منه ولم يوفه أجره *
( ضعيف )
ضعيف ابن ماجة   ج 1  ص 190  ح 2433

อบูฮุร็อยเราะฮ์เล่าว่า :  ท่านนบี(ศ)กล่าวว่า :    อัลลอฮ์ตรัสว่า   มีสามบุคคลที่ข้าคือคู่กรณีของพวกเขาในวันกิยามะฮ์นั่นคือ    คนที่ให้สัญญาต่อข้า ต่อมาเขาได้บิดพลิ้วสัญญา  คนที่ขายอิสระชนคนหนึ่ง แล้วเขากินราคาของมัน   คนที่จ้างคนงานคนหนึ่งให้ทำงาน แล้วเขาทำงานนั้นเสร็จ แต่เขากลับไม่ยอมจ่ายค่าจ้างให้กับคนงานนั้น

เชคอัลบานีกล่าวว่า   ดออีฟ
อ้างอิงจากหนังสือ

ดออีฟุ อิบนิ มาญะฮฺ   โดยเชคอัลบานี  เล่ม  1 : 190  หะดีษที่  2433



ثلاثة أنا خصمهم يوم القيامة و من كنت خصمه خصمته رجل أعطي بي ثم غدر و رجل باع حرا فأكل ثمنه و رجل استأجر أجيرا فاستوفى منه و لم يوفه
 ( هـ ) عن أبي هريرة .
قال الشيخ الألباني : ( ضعيف )
الجامع الصغير وزيادته ج 1  ص 633  ح 6323)

มีสามบุคคลที่ข้าคือคู่กรณีของพวกเขาในวันกิยามะฮ์นั่นคือ
คนที่ให้สัญญาต่อข้า ต่อมาเขาได้บิดพลิ้วสัญญา  คนที่ขายอิสระชนคนหนึ่ง แล้วเขากินราคาของมัน
คนที่จ้างคนงานคนหนึ่งให้ทำงาน แล้วเขาทำงานนั้นเสร็จ แต่เขากลับไม่ยอมจ่ายค่าจ้างให้กับคนงานนั้น


เชคอัลบานีกล่าวว่า   ดออีฟ


อ้างอิงจากหนังสือ

อัลญามิอุซ – ซอฆีร  วะซิยาดะฮฺ   โดยเชคอัลบานี  เล่ม  1 : 633  หะดีษที่  6323


عن أبي هريرة
(قال الله تعالى : ثلاثة أنا خصمهم يوم القيامة : رجل أعطى بي ثم غدر و رجل باع حرا فأكل ثمنه و رجل استأجر أجيرا فاستوفى منه و لم يعطه أجره )
( ضعيف جدا)
ضعيف الجامع الصغير   ج 1  ص 169  ح 4051

อบูฮุร็อยเราะฮ์เล่าว่า :  ท่านนบี(ศ)กล่าวว่า :    อัลลอฮ์ตรัสว่า   มีสามบุคคลที่ข้าคือคู่กรณีของพวกเขาในวันกิยามะฮ์นั่นคือ    คนที่ให้สัญญาต่อข้า ต่อมาเขาได้บิดพลิ้วสัญญา  คนที่ขายอิสระชนคนหนึ่ง แล้วเขากินราคาของมัน   คนที่จ้างคนงานคนหนึ่งให้ทำงาน แล้วเขาทำงานนั้นเสร็จ แต่เขากลับไม่ยอมจ่ายค่าจ้างให้กับคนงานนั้น


เชคอัลบานีกล่าวว่า   ดออีฟ  มากๆ



อ้างอิงจากหนังสือ

ดออีฟุล   ญามิอุซ - ซอฆีร   โดยเชคอัลบานี  เล่ม  1 : 169  หะดีษที่  4051



عن أبي هريرة
(ثلاثة أنا خصمهم يوم القيامة و من كنت خصمه خصمته رجل أعطي بي ثم غدر و رجل باع حرا فأكل ثمنه و رجل استأجر أجيرا فاستوفى منه و لم يوفه )
 ( ضعيف)
ضعيف الجامع الصغير  ج 1  ص 114  ح 2577

อบูฮุร็อยเราะฮ์เล่าว่า :  (ท่านนบี(ศ)กล่าวว่า   อัลลอฮ์ตรัสว่า ) มีสามบุคคลที่ข้าคือคู่กรณีของพวกเขาในวันกิยามะฮ์นั่นคือ    คนที่ให้สัญญาต่อข้า ต่อมาเขาได้บิดพลิ้วสัญญา  คนที่ขายอิสระชนคนหนึ่ง แล้วเขากินราคาของมัน   คนที่จ้างคนงานคนหนึ่งให้ทำงาน แล้วเขาทำงานนั้นเสร็จ แต่เขากลับไม่ยอมจ่ายค่าจ้างให้กับคนงานนั้น


เชคอัลบานีกล่าวว่า   ดออีฟ


อ้างอิงจากหนังสือ

ดออีฟุล   ญามิอุซ - ซอฆีร   โดยเชคอัลบานี  เล่ม  1 : 114  หะดีษที่  2577



قال الله تعالى : ثلاثة أنا خصمهم يوم القيامة : رجل أعطى بي ثم غدر و رجل باع حرا فأكل ثمنه و رجل استأجر أجيرا فاستوفى منه و لم يعطه أجره .
تخريج السيوطي  ( حم خ ) عن أبي هريرة .
تحقيق الألباني  ( ضعيف )
صحيح وضعيف الجامع الصغير   ج 18  ص 128  ح 8481

อัลลอฮ์ตรัสว่า  มีสามบุคคลที่ข้าคือคู่กรณีของพวกเขาในวันกิยามะฮ์นั่นคือ    คนที่ให้สัญญาต่อข้า ต่อมาเขาได้บิดพลิ้วสัญญา  คนที่ขายอิสระชนคนหนึ่ง แล้วเขากินราคาของมัน   คนที่จ้างคนงานคนหนึ่งให้ทำงาน แล้วเขาทำงานนั้นเสร็จ แต่เขากลับไม่ยอมจ่ายค่าจ้างให้กับคนงานนั้น


รายงานโดยซิยูตี    เชคอัลบานีกล่าวว่า   ดออีฟ


อ้างอิงจากหนังสือ

ซอฮีฮุ วะดออีฟุล   ญามิอิซ - ซอฆีร   โดยเชคอัลบานี  เล่ม  18 : 128  หะดีษที่  8481





สรุป


1.   อัลบุคอรี พูดจริง  แต่เชควาฮาบี นามอัลบานีโกหก  หรือ

2.   อัลบุคอรี โกหก  แต่เชควาฮาบี นามอัลบานีพูดจริง  หรือ

3.   เชคอัลบานีได้ทำลายคุณค่าหนังสือเศาะหิ๊หฺบุคอรี ด้วยฟัตวาของเขาเอง หรือ

4.   เชคอัลบานีตรวจสอบถูกต้อง  แต่อะฮ์ลุสสุนนะฮ์ยกย่องเศาะหิ๊หฺบุคอรีมากเกินเหตุ หรือ

5.   อุละมาอ์อะฮ์ลุสสุนนะฮ์ได้ตักลีดตามคำพูดของอัลบุคอรีมาโดยตลอด และพวกเขาพึ่งมารับรู้ว่า มีหะดีษดออีฟในเศาะหิ๊หฺบุคอรีจากการตรวจสอบสะนัดของเชคอัลบานี


6.   ขณะที่เชคอัลบานีได้ฟัตวาหะดีษบทนี้ว่ามีสถานะ  " ดออีฟ "    แล้วเชคอัลบานีเองก็แสดงความขัดแย้ง  تَنَاقُض  ในตัวเองออกมา   กล่าวคือ เราพบว่า  เชคอัลบานีกลับไปออกฟัตวาในหนังสือเล่มอื่นๆของเขาว่า  หะดีษบทนี้  มีสถานะ  ฮาซัน บ้าง เศาะหิ๊หฺ บ้าง  ซึ่งถือว่า  มั่วๆมากๆดังนี้


เชคอัลบานีกล่าวว่า  หะดีษนี้มีสถานะ  ฮาซัน หรือยิ่งกว่าฮาซัน คือหมายถึง เศาะหิ๊หฺ



حسن أو قريب منه
 ( وفيه يعني الصحيح : ثلاثة أنا خصمهم يوم القيامة رجل أعطى بي ثم غدر ورجل باع حرا فأكل ثمنه ورجل استأجر أجيرا فاستوفى منه ولم يؤته أجرته )
مختصر إرواء الغليل   ج 1 / ص 293  ح 1489

อัลลอฮ์ตรัสว่า  มีสามบุคคลที่ข้าคือคู่กรณีของพวกเขาในวันกิยามะฮ์นั่นคือ    คนที่ให้สัญญาต่อข้า ต่อมาเขาได้บิดพลิ้วสัญญา  คนที่ขายอิสระชนคนหนึ่ง แล้วเขากินราคาของมัน   คนที่จ้างคนงานคนหนึ่งให้ทำงาน แล้วเขาทำงานนั้นเสร็จ แต่เขากลับไม่ยอมจ่ายค่าจ้างให้กับคนงานนั้น

อ้างอิงจากหนังสือ

มุคตะศ็อร  อิรวาอุลเฆาะลีล   โดยเชคอัลบานี  เล่ม  1 : 293  หะดีษที่  1489



เชคอัลบานียิ่งแสดงความขัดแย้งในตัวเองหนักขึ้นอีกกล่าวคือ  เขากล่าวว่า  หะดีษนี้มีสถานะ เศาะหิ๊หฺ


( صحيح )
 وعنه قال : قال رسول الله صلى الله عليه وسلم : \\\" قال الله تعالى : ثلاثة أنا خصمهم يوم القيامة : رجل أعطى بي ثم غدر ورجل باع حرا فأكل ثمنه ورجل استأجر أجيرا فاستوفى منه ولم يعطه أجره \\\" . رواه البخاري
مشكاة المصابيح   ج 2 / ص 174  ح 2984

ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)กล่าวว่า  อัลลอฮ์ตรัสว่า  มีสามบุคคลที่ข้าคือคู่กรณีของพวกเขาในวันกิยามะฮ์นั่นคือ    คนที่ให้สัญญาต่อข้า ต่อมาเขาได้บิดพลิ้วสัญญา  คนที่ขายอิสระชนคนหนึ่ง แล้วเขากินราคาของมัน   คนที่จ้างคนงานคนหนึ่งให้ทำงาน แล้วเขาทำงานนั้นเสร็จ แต่เขากลับไม่ยอมจ่ายค่าจ้างให้กับคนงานนั้น


( เชคอัลบานีกล่าวว่า ) อัลบุคอรีได้รายงานหะดีษบทนี้ไว้


อ้างอิงจากหนังสือ

มิชกาตุลมาซอบิ๊หฺ   โดยเชคอัลบานี  เล่ม  2 : 174  หะดีษที่  2984




ในหนังสือเล่มนี้เชคอัลบานีฟัตวาว่า "  เศาะหิ๊หฺ "     โดยอ้างว่าอัลบุคอรีก็ได้รายงานไว้ แล้วเชคอัลบานีก็แสดงความสับสนในตัวเองให้เห็น

ชัดว่า  ตนเองไม่รู้จะเอาอย่างไรดีกับ สถานะของหะดีษบทนี้จึงกล่าวออกมาแบบนี้ว่า


عن أبي هريرة رضي الله عنه عن النبي صلى الله عليه وسلم قال : \\\" قال الله تعالى : ثلاثة أنا خصمهم يوم القيامة : رجل أعطى بي ثم غدر ورجل باع حر فأكل ثمنه ورجل استأجر أجيرا فاستوفى منه ولم يعطه أجره \\\" رواه البخاري
 _________
 قلت : فيه رجل ضعفه الحافظ ابن حجر وغيره فراجع كتابي : ( مختصر صحيح البخاري )

الكتاب : رياض الصالحين
المؤلف : الإمام النووي
الناشر : المكتب الإسلامي - بيروت
تحقيق : تحقيق: محمد ناصر الدين الألباني


จากอบีฮุร็อยเราะฮ์  จากท่านนบี(ศ)กล่าวว่า   อัลลอฮ์ตรัสว่า  มีสามบุคคลที่ข้าคือคู่กรณีของพวกเขาในวันกิยามะฮ์นั่นคือ    คนที่ให้สัญญาต่อข้า ต่อมาเขาได้บิดพลิ้วสัญญา  คนที่ขายอิสระชนคนหนึ่ง แล้วเขากินราคาของมัน   คนที่จ้างคนงานคนหนึ่งให้ทำงาน แล้วเขาทำงานนั้นเสร็จ แต่เขากลับไม่ยอมจ่ายค่าจ้างให้กับคนงานนั้น


( เชคอัลบานีกล่าวว่า ) อัลบุคอรีได้รายงานหะดีษบทนี้ไว้


ฉัน ( เชคอัลบานี )ขอกล่าวว่า   ใน(สะนัดของ)มัน  มีชาย(รอวี)คนหนึ่ง ที่ฮาฟิซอิบนุหะญัรและนักวิชาการคนอื่นๆถือว่า เขามีสถานะ  ดออีฟ  ขอให้กลับดูหนังสือของข้าพเจ้าชื่อ  มุคตะศ็อร ซอฮีฮุลบุคอรี.


อ้างอิงจากหนังสือ

ริยาดุซ ซอลิฮีน   ของอันนะวาวี   หะดีษที่  1595

ตรวจทานโดย มุฮัมมัด นาศิรุดดีน อัลบานี





เราจะรอฟังคำอธิบายจากวาฮาบีทั้งหลายในเรื่องนี้ว่า พวกเขาจะเลือกปกป้องใครระหว่าง

อัลบุคอรี   หรือ  เชคอัลบานี  ?
  •  

88 ผู้มาเยือน, 0 ผู้ใช้