Welcome to Q4wahabi.com (Question for Wahabi). Please login or sign up.

ธันวาคม 22, 2024, 06:36:42 หลังเที่ยง

Login with username, password and session length
สมาชิก
  • สมาชิกทั้งหมด: 1,718
  • Latest: Haroldsmolo
Stats
  • กระทู้ทั้งหมด: 3,700
  • หัวข้อทั้งหมด: 778
  • Online today: 102
  • Online ever: 200
  • (กันยายน 14, 2024, 01:02:03 ก่อนเที่ยง)
ผู้ใช้ออนไลน์
Users: 1
Guests: 27
Total: 28

จุดยืนของท่านอาลีที่มีต่อท่านอบูบักร์และท่านอุมัร

เริ่มโดย sandee, กรกฎาคม 07, 2009, 07:31:48 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

sandee

ท่านอาลี อิบนิอบีตอลิบ คือเด็กคนแรกที่เข้ารับอิสลาม ท่านเป็นลูกผู้พี่ลูกน้องกับท่านนบี และเป็นลูกเขยของท่านนบี ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม

                หลังจากท่านนบีได้เสียชีวิตไปแล้ว ท่านอาลีก็ยังคงให้ความสำคัญเกี่ยวกับกิจกรรมของอิสลามและมุสลีมีนอย่างเสมอต้นเสมอปลาย ท่านมิได้โดดเดี่ยวตัวเองจากสังคมมุสลิมในขณะนั้น  แต่ท่านยังคงคบหาสมาคมและอยู่ร่วมสังคมกับศอฮาบะห์ท่านอื่นๆ  และยังคงให้ความเคารพนับถือศอฮาบะห์อวุโสโดยเฉพาะท่านอบูบักร์ ชายคนแรกที่รับอิสลาม ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทและเป็นพ่อตาของท่านนบี รวมถึงท่านอุมัร ผู้เป็นเพื่อนและพ่อตาอีกคนหนึ่งของท่านนบี และเป็นลูกเขยของท่านอาลี อิบนิอบีตอลิบอีกด้วย


                เป็นที่ทราบกันดีว่า บุคคลเหล่านี้มีความผูกพันธุ์และมีความสัมพันธ์ที่แนบแน่นในฐานะญาติใกล้ชิด นอกจากนั้นพวกเขายังเป็นศอฮาบะห์รุ่นแรก และเป็นหนึ่งในบรรดามุฮาญีรีนที่อพยพออกจากนครมักกะห์สู่นครมะดีนะห์ ร่วมต่อสู้ฟันฝ่าเคียงบ่าเคียงไหล่กันมาเสมอ


                ด้วยเหตุที่ท่านอาลี อิบนิอบีตอลิบ เป็นผู้ที่จงรักภักดีต่อท่านนบีทั้งยามเป็นและยามตาย ท่านอาลีจึงไม่ได้ปฏิเสธคำสอนของท่านนบี ท่านไม่ได้ทรยศหักหลังท่านนบี ท่านไม่ได้เปลี่ยนจุดยืนหลังจากที่ท่านนบีได้ตายจากไป เพราะฉะนั้นเราจึงไม่พบหลักฐานเลยว่า ท่านอาลี ได้ด่าประณามท่านอบูบักร์ และท่านอุมัร เนื่องจากท่านนบีได้สั่งให้ปฏิบัติดีต่อท่านทั้งสองนี้


               ท่านนบี มูฮัมหมัด ศอ็ลลอ็ลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า



اِقْتَدُوا بِالَّذَيْنِ مِنْ بَعْدِى أَبِي بَكْر وَعُمَرَ  

"พวกเจ้าทั้งหลายจงตามบุคคลทั้งสองต่อจากฉัน คือ อบูบักร์และอุมัร" รายงานโดยฮุซัยฟะห์ บันทึกโดยอิหม่ามติรมีซีย์ ฮะดีษเลขที่ 3539            
            เมื่อท่านนบีได้สั่งไว้เช่นนี้ ท่านอาลีก็น้อมรับและปฏิบัติตามคำสั่ง โดยท่านได้เห็นสัตยาบันต่อท่านอบูบักร์และท่านอุมัรในการดำรงตำแหน่งคอลีฟะห์ และยังรับเป็นที่ปรึกษาให้กับคอลีฟะห์ทั้งสองอีกด้วย นี้คือภาพที่ท่านอาลีแสดงให้เห็นถึงความจงรักภักดีที่มีต่อคำสั่งของท่านรอซูล และไม่ใช่เฉพาะช่วงการปกครองของท่านอบูบักร์,ท่านอุมัร,ท่านอุสมานเท่านั้น แม้ในช่วงเวลาที่ท่านอาลีดำรงตำแหน่งคอลีฟะห์เอง ท่านก็ไม่เคยก้าวร้าวคอลีฟะห์ทั้งสามก่อนหน้าท่านเลย

                ข้อกล่าวหาสารพัดชนิดที่กลุ่มชีอะฮ์อิหม่ามสิบสอง หยิบยื่นให้แก่ท่านอบูบักร์และท่านอุมัร หรือท่านอุสมานนั้น ท่านอาลีก็มิได้มีส่วนรู้เห็น หรือเป็นหนึ่งในผู้กล่าวหาและใส่ความคอลีฟะห์ทั้งสาม แม้ในขณะที่ท่านอาลีดำรงตำแหน่งคอลีฟะห์ ท่านก็ไม่เคยกล่าวว่า อัลกุรอานไม่ครบ หรือถูกบิดเบือนในยุคคอลีฟะห์ก่อนหน้าท่าน,ท่านไม่ได้ออกบัญญัติว่าเรื่องมุตอะฮ์ (การสมสู่ชั่วคราว) เป็นที่อนุมัติในยุคการปกครองของท่าน, ท่านอาลีไม่เคยประกาศว่าวาญิบในเรื่องมุตอะตุ้ลฮัจญ์, ท่านไม่ได้เรียกสิทธิ์คืนในที่ดิน "ฟะดัก" และฯลฯ ซึ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็นข้อกล่าวหาของชีอะฮ์อิหม่ามสิบสองที่มีต่อท่านอบูบักร์,ท่านอุมัร,และท่านอุสมานทั้งสิ้น และหากเป็นจริงตามข้อกล่าวหานั้น แล้วทำไมท่านอาลีจึงไม่ดำเนินการแก้ไขในช่วงที่ท่านดำรงตำแหน่งคอลีฟะห์ ทั้งๆที่ท่านก็มีอำนาจในการจัดการ และท่านก็ไม่เคยประกาศว่า ท่านคือ "วะซีย์" หรืออ้างว่าเป็นผู้ได้รับการแต่งตั้งจากอัลกุรอานและฮะดีษ

                ยิ่งไปกว่านั้นท่านอาลีก็ไม่เคยปฏิเสธเรื่องการละหมาดตะรอเวียะห์ อีกทั้งไม่เคยสั่งการให้ผู้ใดเติมคำว่า "ฮัยยาอะลาคอยริ้ลอะมั้ล" ในการอะซาน และฯลฯ ทั้งๆที่ท่านมีอำนาจเบ็ดเสร็จในการปกครองขณะนั้น หากแต่ท่านอาลียังคงดำเนินตามคอลีฟะห์ทั้งสามก่อนหน้านี้ เหล่านี้ล้วนแต่เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงความจงรักภักดีและการปฏิบัติตามคำสั่งของท่านรอซูล ที่สั่งให้ตามท่านอบูบักร์และท่านอุมัรทั้งสิ้น

                นอกจากเราจะไม่เห็นภาพของท่านอาลีที่แสดงความเป็นปรปักษ์ต่อท่านอบูบักร์ และท่านอุมัรแล้ว ในทางตรงกันข้าม ท่านกลับยกย่องเชิดชูบุคคลทั้งสองในช่วงการดำรงตำแหน่งคอลีฟะห์ของท่านอีกด้วย โดยท่านอาลีได้กล่าวว่า              

 
مَنْ خَيْرُ هَذِهِ الأُمَّةِ بَعْدَ نَبِيِّهَا فَقُلْتُ أَنْتَ يَا أَمِيْرَ المُؤْمِنِيْنَ قَالَ لاَ  خَيْرُهَذِهِ الأُمَّةِ بَعْدَ نَبِيِّهَا أَبُوْبَكْرٍ ثُمَّ عُمَرُ

"บุคคลใดดีที่สุดของประชาชาตินี้หลังจากท่านนบี ผู้รายงานกล่าวว่า ท่านนั่นแหละโอ้นายแห่งบรรดาผู้ศรัทธา ท่านอาลีตอบว่า ไม่ใช่  ผู้ทีดีที่สุดของประชาตินี้หลังจากท่านนบีคืออบูบักร์ และอุมัร" มุสนัดอิห่ามอะห์หมัด ฮะดีษเลขที่ 793  
                แน่อนว่าเหล่าชีอะฮ์ต้องปฏิเสธคำรายงานนี้ และต้องปฏิเสธอีกหลายรายงาน เหตุเพราะความไม่สบอารมณ์เท่านั้น ไม่ใช่ปฏิเสธด้วยวิชาการว่า ฮะดีษที่นำเสนอถูกหรือผิดอย่างไร แต่ถึงแม้ว่าเหล่าชีอะฮ์จะปฏิเสธพวกเขาก็ไม่สามารถปิดบังอำพรางคำของท่านอาลี และจุดยืนของท่านอาลีที่มีต่อท่านอบูบักร์และท่านอุมัรได้ เพราะเรื่องราวเหล่านี้ถูกถ่ายทอดมาในลักษณะ "มุตะวาเต็ร" คือมหาชนที่ได้ยินและเห็นเป็นผู้รายงาน ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่มหาชนเหล่านี้จะรวมหัวกันโกหก

                นอกจากท่านอาลีจะยกย่องเชิดชูท่านอบูบักร์และท่านอุมัรต่อหน้ามหาชนในช่วงที่ท่านดำรงตำแหน่งคอลีฟะห์แล้ว ท่านยังได้แสดงความรักต่อบุคคลทั้งสองโดยนำชื่อ อบูบักร์ และ อุมัร ไปตั้งชื่อบุตรชายของท่านที่เป็นพี่น้องร่วมพ่อกับท่านฮะซันและท่านฮุเซนอีกด้วย คือ
                อบูบักร์ บินอาลี บุตรชายคนที่เกิดจากภรรยาที่ชื่อ อุมมุนบะนีน บินติฮิซาม

                อุมัร บินอาลี บุตรชายที่เกิดจากภรรยาที่ชื่อ อัสมาอ์ บินติอุมัยช์

                อย่างนี้แหละคือท่านอาลี อิบนิอบีตอลิบ ที่รักท่านอบูอบักร์ และท่านอุมัร อย่างจริงใจ ซึ่งไม่มีร่องรอยของความแค้นเคืองอาฆาตใดๆ ปรากฏให้เห็นเลยแม้แต่น้อย ซึ่งจุดยืนของท่านอาลีที่มีต่อท่านอบูบักร์และท่านอุมัรที่กล่าวมานี้ล้วนแต่ตรงกันข้ามกับพฤติกรรมของชีอะฮ์อิหม่ามสิบสองทั้งสิ้น

                เราไม่เคยพบหลักฐานที่ศอเฮียะห์สักบทเดียวที่ยืนยันว่า ท่านอาลีด่าประณามท่านอบูบักร์ และท่านอุมัร   ดังที่เหล่าชีอะฮ์อิหม่ามสิบสองได้กระทำอยู่ขณะนี้

  عَنِ ابْنِ عَبَّاسٍ رَضِىَ اللهُ عَنْهُمَا قَالَ اِنِّي لَوَاقِفٌ فِي قَوْمٍ فَدَعُوَا اللهَ لِعُمَرَ بْنِ الخَطَّابِ وَقَدْ وُضِعَ عَلىَ سَرِيْرِهِ اِذَا رَجُلٌ مِنْ خَلْفِي قَدْ وَضَعَ مِرْفَقَهُ عَلَى مَنْكِبِي يَقُوْلُ رَحِمَكَ اللهُ اِنْ كُنْتُ لأرْجُو اَنْ يَجْعَلَكَ اللهُ مَعَ صَاحِبَيْكَ لأِنِّي كَثِيْرًا مَا كُنْتُ أَسْمَعُ رَسُوْلَ اللهِ صَلى اللهُ عَليْهِ وَسَلَّمَ يَقُوْلُ كُنْتُ وَأبُوْبَكْرٍ وَعُمَرُ وَفَعَلْتُ وَأَبُوْبَكْرٍ وَعُمَرُ وَانْطَلَقْتُ وَأبُوْبَكْرٍوَعُمَرُ فَاِنْ كُنْتُ لأرْجُو أنْ يَجْعَلَكَ اللهُ  
مَعَهُمَا فَالتَفَتُّ فَاِذَا هُوَ عَلِيُّ بْنُ أَبِيْ طَالِبٍ

 
"ท่านอิบนิอับบาส รอฏิยัลลอฮุอันฮุมา รายงานว่า ฉันได้ยืนอยู่ในกลุ่มชน ตอนที่พวกเขาขอพรต่อพระองค์อัลลอฮ์ให้แก่ท่านอุมัร อิบนุลค๊อตต๊อบ โดยที่ศพของเขาวางอยู่บนแคร่ ขณะนั้นมีชายคนหนึ่งที่อยู่ด้านหลังฉัน เขาได้เอาข้อศอกของเขาพาดบ่าของฉัน แล้วกล่าวว่า ขออัลลอฮ์ทรงเมตตาท่าน (อุมัร) ด้วยเถิด ฉันหวังว่าอัลลอฮ์จะให้ท่านได้อยู่กับสหายทั้งสองของท่าน (ท่านนบีและท่านอบูบักร์) เพราะบ่อยครั้งที่ฉันเคยได้ยินท่านรอซูลุ้ลลอฮ์ ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า ฉันพร้อมกับอบูบักร์และอุมัร, ฉันเคยทำอย่างนี้ร่วมกับอบูบักร์และอุมัร, ฉันเคยออกไปพร้อมกับอบูบักร์และอุมัร สำหรับฉันแล้ว ฉันเชื่อว่าอัลลอฮ์จะให้ท่านอยู่ได้อยู่ร่วมกับเขาทั้งสอง (ท่านนบีและอบูบักร์) เมื่อฉันหันไปมองปรากฏว่า คนที่พูดคืออาลี อิบนิอบีตอลิบ" ศอเฮียะห์บุคคอรี ฮะดีษเลขที่ 3401 และ 3409

                นี่คือจุดยืนของท่านอาลีที่แสดงความรักต่อท่านอบูบักร์และท่านอุมัรให้ประจักษ์ทั้งยามเป็นและยามตาย ด้วยการที่ท่านขอดุอาอ์ให้แก่ท่านอุมัร เมื่อสิ้นชีวิตขณะที่ศพของท่านอุมัรวางอยู่บนแคร่ว่า رحمك الله   แปลว่า ขออัลลอฮ์ทรงเมตตาต่อท่านอุมัรด้วยเถิด หากท่านอุมัรเป็นกาเฟร หรือมุนาฟิกตามข้อกล่าวหาของกลุ่มชีอะฮ์แล้วไซร้ เพราะเหตุใดท่านอาลีจึงขอดุอาอ์ให้แก่กาเฟรผู้นี้เล่า  นอกจากนี้แล้วท่านอาลียังขอดุอาอ์ให้ท่านอุมัรอีกด้วยว่า ขอให้ได้อยู่ร่วมกับผู้เป็นที่รักทั้งสองคือ ท่านนบีและท่านอบูบักร์ ซึ่งเป็นคำยืนยันจากท่านอาลีว่า ตราบสิ้นชีวิตของท่านอุมัรนั้นได้รักท่านรอซูลและท่านอบูบักร์จนลมหายใจสุดท้าย

                แม้ในยามมีชีวิต ท่านอบูบักร์และท่านอุมัรก็ยืนเคียงบ่าเคียงไหล่ร่วมกับท่านรอซูลเสมอมา

                แม้ยามตายศพของท่านทั้งสองก็ยังอยู่เคียงข้างท่านนบี

                นี่คือจุดยืนของท่านอาลี อิบนิอบีตอลิบ ที่แตกต่างจากพฤติกรรมของชีอะฮ์อิหม่ามสิบสองอย่างสิ้นเชิง              

                โอ้พระองค์อัลลอฮ์ได้โปรดประทานความรักความเตตาต่อท่านอบูบักร์,ท่านอุมัร,ท่านอุสมาน และท่านอาลี พร้อมกับบรรดาสหายของท่านนบีด้วยเถิด

โอ้ท่านอาลี พวกเขาทำให้ท่านและวงศ์ตระกูลของท่านเสื่อมเสีย ข้าจะเรียกคืนเกียรติยศของท่านจากเหล่าชีอะฮ์อิหม่ามสิบสอง ผู้แอบอ้างว่าจะตามท่านและวงศ์ตระกูลของท่าน แต่พวกเขากลับเป็นผู้เนรคุณ  


http://www.fareedfendy.com/modules.php?name=Content&pa=showpage&pid=136
  •  

L-umar




อ้างอิงจากบทความข้างต้น



หนึ่ง –

ท่านยกหะดีษของซุนนี่นี้มาอ้างกับชีอะฮ์

اِقْتَدُوا بِالَّذَيْنِ مِنْ بَعْدِى أَبِي بَكْر وَعُمَرَ

"พวกเจ้าทั้งหลายจงตามบุคคลทั้งสองต่อจากฉัน คือ อบูบักร์และอุมัร" รายงานโดยฮุซัยฟะห์ บันทึกโดยอิหม่ามติรมีซีย์ ฮะดีษเลขที่ 3539



วิจารณ์

1.   หะดีษนี้ท่านนำมาจากตำราซุนนี่    เพราะฉะนั้นเพื่อความยุติธรรม   ท่านช่วยยกหะดีษแบบนี้จากตำราหะดีษชีอะฮ์ที่เศาะหิ๊หฺมาแสดงด้วย   เพราะถ้าท่านนำมาแสดงได้  นั่นหมายความว่า  พวกท่านเป็นฝ่ายถูก  แต่ถ้าไม่มี  นั่นแสดงว่า    หะดีษนี้ เป็น หุจญัต สำหรับซุนนี่  ไม่ใช่สำหรับชีอะฮ์
2.   หากพิจารณา  สะนัด(สายรายงาน)หะดีษนี้   อุละมาอ์ของท่านก็ยังสับสน  กล่าวคือบางครั้ง  ระบุว่า      ((  สะนัด ดออีฟ ))  ดูหนังสือ ซิลซิละฮ์  เดาะอีฟะฮ์  โดยอัลบานี  หะดีษที่ 2330  
3.   หากชีอะฮ์อ้างหะดีษของท่านอาลีต่อไปนี้มาเป็นฮุจญัตต่อท่าน ให้ปฏิบัติตามสิบสองอิม่าม ท่านจะยอมรับไหม
อะฮ์ลุลบัยต์รายงาน
رَوَي أَبُوْ جَعْفَرٍ مُحَمَّدُ بْنُ عَلِيِّ بْنِ الْحُسَيْنِ بْنِ بَابَوَيْهِ الْقُمِّيّ 305-381هـ. هو الشَّيْخُ الصَّدُوْق  :
حَدَّثَنَا ْ أَحْمَدُ بْنُ زِيَادِ بْنِ جَعْفَرٍ الْهَمَذَانِي‏ قَالَ : حَدَّثَنَا عَلِىُّ بْنُ اِبْرَاهِيْمَ بْنِ هَاشِمٍ عَنْ أَبِيْهِ عَنْ مُحَمَّدِ بْنِ أَبِي عُمَيْر عَنْ غِيَاثِ بْنِ إِبْرَاهِيْمَ عَنِ الصَّادِقِ جَعْفَرِ بْنِ مُحَمَّدٍ عَنْ أَبِيْهِ مُحَمَّدِ بْنِ عَلِىٍ عَنْ أَبِيْهِ عَلِىِّ بْنِ الْحُسَيْنِ عَنْ أَبِيْهِ الْحُسَيْنِ بْنِ عَلِىٍّ عَلَيْهِ السَّلاَمِ قَالَ: سُئِلَ أَمِيْرُ الْمُؤْمِنِيْنَ عَلَيْهِ السَّلاَمِ عَنْ مَعْنَى قَوْلِ رَسُوْلِ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَآلِهِ إِنِّىْ مُخَلِّفٌ فِيْكُمُ الثَّقَلَيْنِ كِتَابُ اللهِ وَعِتْرَتِيْ مَنِ الْعِتْرَةُ ؟ فَقَالَ : أَنَا وَالْحَسَنُ وَالْحُسَيْنُ وَالْأَئِمَّةُ التِّسْعَةُ مِنْ وُلْدِ الْحُسَيْنِ تَاسِعُهُمْ مَهْدِيُّهُمْ وَقَائِمُهُمْ لاَ يُفَارِقُوْنَ كِتَابَ اللهِ وَلاَ يُفَارِقُهُمْ حَتَّى يَرِدوا عَلَى رَسُوْلِ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَآلِهِ حَوْضَـهُ.
عيون أخبار الرضا (ع) للشيخ الصدوق  ج 2  ص 58 حديث : 25
باب النصوص على الرضا(ع) بالإمامة في جملةالأئمة الإثنى عشر(ع)
เชคศอดูกรายงาน :  
อะหมัด บินซิยาด บินญะอ์ฟัร อัลฮะมะดานี(รฎ.)เล่าให้เราฟัง จากอะลี บินอิบรอฮีม บินฮาชิมจากบิดาเขา จากมุฮัมมัด บินอบีอุมัยรฺ จากฆิยาษ บินอิบรอฮีม(เล่าว่า ) :  จากอัศ-ศอดิก ญะอ์ฟัร บินมุฮัมมัด จากบิดาเขาคือมุฮัมมัด บินอะลี จากบิดาเขาคืออะลี บินฮูเซน จากบิดาเขาคือฮูเซน บินอะลีเล่าว่า :  ท่านอมีรุลมุอ์มินีน (อิม่ามอะลี) ถูกถามถึงความหมายวจนะของท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ็อลฯ)ที่กล่าวว่า :  แท้จริงข้าพเจ้าได้มอบสิ่งหนักสองสิ่งไว้ในหมู่พวกท่าน  สิ่งแรกคือคัมภีร์ของอัลลอฮ์และอิตเราะฮ์ของข้าพเจ้า, (ว่า) ใครคืออิตเราะฮ์ ? ท่านอิม่ามอะลีตอบว่า : คือฉัน,ฮาซัน,ฮูเซนและบรรดาอิม่ามผู้นำอีก 9 คนที่สืบเชื้อสายจากลูกหลานของฮูเซน คนที่ 9 คือมะฮ์ดีและคือกออิมของพวกเขา  พวกเขาจะไม่แยกจากคัมภีร์ของอัลลอฮ์ และคัมภีร์ของอัลลอฮฺจะไม่แยกจากพวกเขา จนทั้งสองจะกลับคืนมายังท่านรอซูลุลลอฮ์ที่สระอัลเฮาฎ์ของท่าน.
สถานะฮะดีษ : เศาะหิ๊หฺ  
ดูหนังสืออุยูนุล อัคบาร อัลริฎอ โดยเชคศอดูก เล่ม 1 : 57 ฮะดีษที่ 25


เพราะฉะนั้นอย่าเห็นแก่ตัว ในการใช้หลักฐานของฝ่ายตนมาผูกมัดผู้อื่น  ยกเว้นหลักฐานนั้นได้กล่าวไว้เหมือนกันทั้งสองฝ่าย


สอง –

ท่านยกหะดีษนี้มาอ้างกับชีอะฮ์  คือ


حَدَّثَنَا عَبْد اللَّهِ حَدَّثَنِي أَبُو صَالِحٍ هَدِيَّةُ بْنُ عَبْدِ الْوَهَّابِ بِمَكَّةَ حَدَّثَنَا مُحَمَّدُ بْنُ عُبَيْدٍ الطَّنَافِسِيُّ حَدَّثَنَا يَحْيَى بْنُ أَيُّوبَ الْبَجَلِيُّ عَنِ الشَّعْبِيِّ عَنْ وَهْبٍ السُّوَائِيِّ قَالَ
خَطَبَنَا عَلِيٌّ رَضِيَ اللَّهُ عَنْهُ فَقَالَ مَنْ خَيْرُ هَذِهِ الْأُمَّةِ بَعْدَ نَبِيِّهَا فَقُلْتُ أَنْتَ يَا أَمِيرَ الْمُؤْمِنِينَ قَالَ لَا خَيْرُ هَذِهِ الْأُمَّةِ بَعْدَ نَبِيِّهَا أَبُو بَكْرٍ ثُمَّ عُمَرُ رَضِيَ اللَّهُ عَنْهُ وَمَا نُبْعِدُ أَنَّ السَّكِينَةَ تَنْطِقُ عَلَى لِسَانِ عُمَرَ رَضِيَ اللَّهُ عَنْهُ


ท่านอาลีกล่าวว่า  "บุคคลใดดีที่สุดของประชาชาตินี้หลังจากท่านนบี ผู้รายงานกล่าวว่า ท่านนั่นแหละโอ้นายแห่งบรรดาผู้ศรัทธา ท่านอาลีตอบว่า ไม่ใช่ ผู้ทีดีที่สุดของประชาตินี้หลังจากท่านนบีคืออบูบักร์ และอุมัร" มุสนัดอิห่ามอะห์หมัด ฮะดีษเลขที่ 793



วิจารณ์

1.   หะดีษบทนี้  ก็เป็นหะดีษที่อยู่ในตำราของซุนนี่ อีกเช่นเคย  เพราะฉะนั้นท่านต้องยกหะดีษแบบนี้จากตำราหะดีษชีอะฮ์ที่เศาะหิ๊หฺมาแสดงสิครับ
2.   อยากให้ท่านพิจารณา คำพูดของท่านอาลี จากนะฮ์ญุลบะลาเฆาะฮ์ ที่ชื่อคุฏบะฮ์ ชักชะกียะฮ์นี้
من خطبة له ع و هي المعروفة بالشقشقية أَمَا وَ اَللَّهِ لَقَدْ تَقَمَّصَهَا فُلاَنٌ وَ إِنَّهُ لَيَعْلَمُ أَنَّ مَحَلِّي مِنْهَا مَحَلُّ اَلْقُطْبِ مِنَ اَلرَّحَى يَنْحَدِرُ عَنِّي اَلسَّيْلُ وَ لاَ يَرْقَى إِلَيَّ اَلطَّيْرُ فَسَدَلْتُ دُونَهَا ثَوْباً وَ طَوَيْتُ عَنْهَا كَشْحاً وَ طَفِقْتُ أَرْتَئِي بَيْنَ أَنْ أَصُولَ بِيَدٍ جَذَّاءَ أَوْ أَصْبِرَ عَلَى طَخْيَةٍ عَمْيَاءَ يَهْرَمُ فِيهَا اَلْكَبِيرُ وَ يَشِيبُ فِيهَا اَلصَّغِيرُ وَ يَكْدَحُ فِيهَا مُؤْمِنٌ حَتَّى يَلْقَى رَبَّهُ فَرَأَيْتُ أَنَّ اَلصَّبْرَ عَلَى هَاتَا أَحْجَى فَصَبَرْتُ وَ فِي اَلْعَيْنِ قَذًى وَ فِي اَلْحَلْقِ شَجًا أَرَى تُرَاثِي نَهْباً
ท่านอิหม่ามอาลีกล่าวว่า  ขอสาบานต่อัลเลาะฮ์ว่า ชายคนหนึ่งได้สวมใส่มัน(ตำแหน่งคอลีฟะฮ์) และตัวเขานั้นรู้ดีว่า  แท้จริงนั่นคือตำแหน่งของฉัน...   ฉันมองดูมรดกของฉันถูกแย่งชิงไป

เห็นท่านชอบยกนะฮ์ญุลบะลาเฆาะฮ์มาอ้างเป็นฮุจญัตกับชีอะฮ์  ทีนี้เราขอถามว่า ท่านยอมรับคำพูดท่านอาลีอันนี้หรือไม่
3.   เรื่องหะดีษ ความสุดยอดของท่านอาลี ในตำราซุนนี่  นะ  เราจะให้ดูคือ  ท่านรอซูลุลลอฮ์ กล่าวว่า  
الْحَسَنُ وَالْحُسَيْنُ سَيِّدَا شَبَابِ أَهْلِ الْجَنَّةِ وَأَبُوهُمَا خَيْرٌ مِنْهُمَا

صحيح ابن ماجة   ج 1  ص 26 ح : 96
อัลฮาซันกับอัลฮูเซน คือหัวหน้าชายหนุ่มแห่งญันนะฮ์ และบิดาของเขาทั้งสองนั้น ประเสริฐกว่าเขาทั้งสอง    ดูเศาะฮีฮุ อิบนิมาญะฮ์  โดยอัลบานี หะดีษที่  96

ถามว่า หะดีษแบบนี้มีตำราหะดีษชีอะฮ์รายงานไว้หรือไม่  ตอบได้เลยว่า  มี  เช่น

حدثنا أبو الحسن محمد ابن على بن الشاه الفقيه المروزى بمرو الرود في داره قال حدثنا أبو بكر بن محمد بن عبد الله النيسابوري قال حدثنا أبو القاسم عبد الله بن أحمد بن عامر بن سليمان الطائى بالبصرة قال حدثنا أبي في سنه ستين ومأتين قال حدثني على بن موسى الرضا عليه السلام سنة اربع وتسعين ومائة وحدثنا أبو منصور بن إبراهيم بن بكر الخورى بنيسابور قال حدثنا أبو اسحاق إبراهيم بن هارون بن محمد الخورى قال حدثنا جعفر بن محمد بن زياد الفقيه الخورى بنيسابور قال حدثنا أحمد بن عبد الله الهروي الشيباني عن الرضا على بن موسى عليهما السلام وحدثني أبو عبد الله الحسين بن محمد الاشنانى الرازي العدل ببلخ قال حدثنا على بن محمد بن مهرويه القزويني عن داود بن سليمان الفراء عن على بن موسى الرضا عليه السلام قال حدثني أبي موسى بن جعفر قال حدثني أبي جعفر بن محمد قال حدثني أبي محمد بن على قال حدثني أبي على بن الحسين قال حدثني أبي الحسين بن على قال حدثني أبي

على بن أبي طالب عليه السلام عن رسول الله(ص) قال :
الْحَسَنُ وَالْحُسَيْنُ سَيِّدَا شَبَابِ أَهْلِ الْجَنَّةِ وَأَبُوهُمَا خَيْرٌ مِنْهُمَا

كتاب : عيون أخبار الرضا (ع) - الشيخ الصدوق  ج 1  ص 34  ح 56
ท่านรอซูล(ศ)กล่าวว่า  : อัลฮาซันกับอัลฮูเซน คือหัวหน้าชายหนุ่มแห่งญันนะฮ์ และบิดาของเขาทั้งสองนั้น ประเสริฐกว่าเขาทั้งสอง    
ดูอุยุนุ อัคบาริล ริฎอ (อ)  เล่ม 1 : 34  หะดีษที่  56

 
หากท่านฮาซัน และฮูเซน คืออิหม่ามหัวหน้าของชาวสวรรค์  และท่ารอซูลกล่าวว่า  ท่านอิหม่ามอาลีนั้น คือหัวหน้าสูงสุดกว่าบุคคลทั้งสอง   ดังนั้นมันจะแปลกอะไรเล่า  ที่ชีอะฮ์จะยึดท่านอาลีและอะฮ์ลุลุบัยต์เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว ที่จะเข้าสวรรค์

ในขณะที่ท่าน ยังไม่สามารถยกหะดีษที่รายงานตรงกันทั้งสองฝ่ายแบบนี้มาเป็น  ฮุจญัต  เพื่อเราทั้งสองฝ่ายได้


เพราะฉะนั้น  ขอสรุปว่า  อย่าเห็นแก่ตัว  ในการนำเสนอหลักฐาน  หัดเป็นผู้มีใจกว้างในการนำเสนอด้วย.
  •  

sandee

L-umar อ้างอิงข้อความ:
อ้างถึง

หนึ่ง –

ท่านยกหะดีษของซุนนี่นี้มาอ้างกับชีอะฮ์

اِقْتَدُوا بِالَّذَيْنِ مِنْ بَعْدِى أَبِي بَكْر وَعُمَرَ

"พวกเจ้าทั้งหลายจงตามบุคคลทั้งสองต่อจากฉัน คือ อบูบักร์และอุมัร" รายงานโดยฮุซัยฟะห์ บันทึกโดยอิหม่ามติรมีซีย์ ฮะดีษเลขที่ 3539



วิจารณ์

1.   หะดีษนี้ท่านนำมาจากตำราซุนนี่    เพราะฉะนั้นเพื่อความยุติธรรม   ท่านช่วยยกหะดีษแบบนี้จากตำราหะดีษชีอะฮ์ที่เศาะหิ๊หฺมาแสดงด้วย   เพราะถ้าท่านนำมาแสดงได้  นั่นหมายความว่า  พวกท่านเป็นฝ่ายถูก  แต่ถ้าไม่มี  นั่นแสดงว่า    หะดีษนี้ เป็น หุจญัต สำหรับซุนนี่  ไม่ใช่สำหรับชีอะฮ์

เพราะฉะนั้น  ขอสรุปว่า  อย่าเห็นแก่ตัว  ในการนำเสนอหลักฐาน  หัดเป็นผู้มีใจกว้างในการนำเสนอด้วย.[/color]





อ้าว เวลาคุณจะค้นหะดีษของมุสลิมซุนนีมาถามซุนนี ก็ไม่เห็นคุณยกหะดีษของชีอะห์มาอ้างบ้างเลย

เห็นยกแต่ของซุนนีย์อย่างเดียว   แล้วพอเราซุนนีย์ยกของเราเองอย่างเดียวแบบคุณบ้าง

คุณกลับไม่ยอมเฉย? ไม่รู้ใครกันแน่ที่เห็นแก่ตัว

เว็บชีอะห์น่ะ ก็นำเสนอหะดีษชีอะห์สิ ไม่ใช่มาอ้างของซุนนีย์ ด้วยความหมายที่ตัวเองเข้าใจผิดพลาด
  •  

L-umar


อ้างอิงจาก  sandee

อ้าว เวลาคุณจะค้นหะดีษของมุสลิมซุนนีมาถามซุนนี ก็ไม่เห็นคุณยกหะดีษของชีอะห์มาอ้างบ้างเลย

เห็นยกแต่ของซุนนีย์อย่างเดียว แล้วพอเราซุนนีย์ยกของเราเองอย่างเดียวแบบคุณบ้าง

คุณกลับไม่ยอมเฉย? ไม่รู้ใครกันแน่ที่เห็นแก่ตัว





วิจารณ์

ก็เห็นท่านอ้างว่า  ท่านเป็น  กลุ่มที่ถูกต้องที่สุดมิใช่หรือ       ก็เลยยกเรื่องราวจากตำราท่านมา  ถามเพื่อให้ท่านตอบ และอธิบาย   ท่านสังเกตบ้างหรือไม่ว่า  ตอนท้ายของทุกบทความ  เรามักจะกล่าวว่า    (((    คำถามสำหรับซุนนี่  )))    เพื่อเปิดโอกาสให้ท่านมาชี้แจง     แล้วทำไมท่านไม่ไปชี้แจงเรื่องราวต่างๆที่เราถามล่ะครับ    หรือท่านไม่สามารถให้คำตอบกับสิ่งที่เราถาม ?  






อ้างอิงจาก  sandee

เว็บชีอะห์น่ะ ก็นำเสนอหะดีษชีอะห์สิ ไม่ใช่มาอ้างของซุนนีย์ ด้วยความหมายที่ตัวเองเข้าใจผิดพลาด





วิจารณ์

เรานำเสนอหะดีษชีอะฮ์อยู่แล้ว  ไม่ต้องห่วง   และจะนำเสนอเฉพาะหะดีษที่ มีสายรายงาน ที่อยู่ในระดับ  เชื่อถือได้เท่านั้น ด้วย  
เราไม่เหมือนท่านหรอก  เวลาหยิบยกหะดีษชีอะฮ์อ้างอิง  ตัวท่านเองยังไม่รู้เลยว่า  หะดีษบทนั้น  มีสถานะอย่างไร เช่น  เศาะหิ๊หฺ  หรือ  ดออีฟ  

ท่านไม่สังเกตหรือว่า  ส่วนมากเราได้หยิบยกหะดีษของท่านมากล่าว  และเรา จะให้ความสำคัญ  กับ สถานะหะดีษ  หรือหะดีษ บทนั้น  ได้รับการตรวจทานสะนัดแล้วว่าเชื่อถือได้  จากเชค อัลบานี   เชคชุเอบ และอุละมาอ์ที่ให้การรับรองหะดีษนั้นๆ

ส่วนท่านกลับไร้มาตรฐานในทางวิชาการ   เที่ยวมั่วหยิบหะดีษชีอะฮ์มาแปลตะพึด  มุ่งโจมตีอย่างเดียว  ขาดจรรยาบรรณทางวิชาการ  เพราะหะดีษชีอะฮ์ที่ส่วนมากท่านยกมานั้น ตัวท่านไม่เคยตรวจสอบสะนัดหะดีษเลยว่า   เชื่อถือได้หรือไม่    

หวังว่า  คราวต่อไปจะหยิบหะดีษชีอะฮ์บทใดมาโจมตี  มาอ้างอิง  คงมีมาตรฐานมากกว่านี้นะครับ.
  •  

27 ผู้มาเยือน, 1 ผู้ใช้