Welcome to Q4wahabi.com (Question for Wahabi). Please login or sign up.

ธันวาคม 22, 2024, 11:59:23 ก่อนเที่ยง

Login with username, password and session length
สมาชิก
  • สมาชิกทั้งหมด: 1,718
  • Latest: Haroldsmolo
Stats
  • กระทู้ทั้งหมด: 3,699
  • หัวข้อทั้งหมด: 778
  • Online today: 54
  • Online ever: 200
  • (กันยายน 14, 2024, 01:02:03 ก่อนเที่ยง)
ผู้ใช้ออนไลน์
Users: 1
Guests: 27
Total: 28

หะดีษสิบสองอิมามหรือสิบสองคอลีฟะฮฺ

เริ่มโดย itroh, มิถุนายน 06, 2010, 01:26:11 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

itroh


بسم الله الرحمن الرحيم


หะดีษสิบสองอิมามหรือสิบสองคอลีฟะฮฺ


  ชาวชีอะฮฺมักจะอ้างเรื่องหะดีษสิบสองเคาะลีฟะฮฺที่ปรากฏเป็นรายงานอยู่ในหนังสือประมวลหะดีษของอะหลุซซุนนะฮฺ เช่น บุคอรี, มุสลิม, ติรมิซีย์ และอบูดาวูด เป็นหลักฐานสนับสนุนความเชื่อของพวกเขา ในทำนองว่าความเชื่อเรื่องอิมามทั้งสิบสองนั้นยังมีตัวบททางศาสนาสนับสนุนอยู่เลย

ผู้เผยแพร่ชีอะฮฺในประเทศไทยชอบอ้างหนังสือ "หะดีษเศาะเฮียะฮฺ" ของท่านอาจารย์อรุณ บุญชมมาเป็นตำราอ้างอิงอยู่เสมอ และก็บอกว่าเรื่องสิบสองอิมามนี้หนังสือของสุนนีย์ก็มีบันทึกเอาไว้เหมือนกัน ผู้เขียนจึงไปเปิดหนังสือ "หะดีษเศาะเฮียะฮฺ" ของท่านอาจารย์อรุณ บุญชม เกี่ยวกับเรื่องนี้ และคัดลอกเอามาให้ท่านผู้อ่านได้ทำความเข้าใจในรายละเอียดดังนี้ :

เล่าจากญาบิร อิบนฺ สะมุเราะฮฺ รอฎิยัลลอฮุ อันฮุ จากท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม ได้กล่าวว่า "อิสลามจะยังคงยิ่งใหญ่จนถึงสิบสองเคาะลีฟะฮฺ" หลังจากนั้นท่านได้กล่าวคำหนึ่งที่ข้าพเจ้าไม่เข้าใจ ดังนั้นข้าพเจ้าจึงถามบิดาของข้าพเจ้าว่า "ท่านนบีได้พูดอะไร" บิดาของข้าพเจ้าตอบว่า "พวกเขาทั้งหมดมาจากเผ่ากุรอยช์" (รายงานโดยบุคอรี มุสลิมและติรมิซีย์) (อรุณ บุญชม, "หะดีษเศาะเฮียะฮฺ", สำนักพิมพ์ ส.วงศ์เสงี่ยม, กรุงเทพ, เล่ม 3, หน้า 389)

ท่านอาจารย์อรุณ บุญชมเองได้ให้หมายเหตุตรงคำว่า "สิบสองเคาะลีฟะฮฺ" เอาไว้ว่าหมายถึง บรรดาเคาะลีฟะฮฺที่นำอิสลามสู่ความยิ่งใหญ่ นับตั้งแต่ท่านอบูบักร อัศ-ศิดดีก จนถึงท่านอุมัร อิบนฺ อับดุลอะซีซ รอฎิยัลลอฮุ อันฮุ โดยไม่นับมุอาวิยะฮฺ อิบนฺ ยะซีด และมัรวาน อิบนฺ หะกัม เพราะคนทั้งสองเข้าสู่ตำแหน่งอย่างไม่ถูกต้อง และได้ครองตำแหน่งในเวลาสั้นมาก ทั้งหมดมีจำนวน 12 ท่าน ในยุคของท่านเหล่านั้น อิสลามมีความเข้มแข็งและมั่นคง จนสิ้นสมัยของท่านอุมัร อิบนฺ อับดุลอะซีซในปลายศตวรรษที่หนึ่ง ท่านอาจารย์อรุณยังให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า ตำแหน่งเคาะลีฟะฮฺที่สมบูรณ์จะอยู่ในช่วง 30 ปีแรกของอิสลาม

นอกจากนี้ ท่านอาจารย์อรุณ บุญชมยังบันทึกหะดีษเกี่ยวกับเคาะลีฟะฮฺอีกหะดีษหนึ่ง ซึ่งมีใจความว่า :

เล่าจากสะอีด บิน ญุมฮาน จากสะฟีนะฮฺ รอฎิยัลลอฮุ อันฮุ จากท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม ได้กล่าวว่า "ตำแหน่งเคาะลีฟะฮฺจะคงอยู่ในอุมมะฮฺของข้าพเจ้าสามสิบปี และจะเป็นตำแหน่งกษัตริย์ในภายหลังจากนั้น" ต่อมาสะฟีนะฮฺได้กล่าวว่า "จงยึดมั่นกับตำแหน่งเคาะลีฟะฮฺของท่านอบูบักร, ท่านอุมัร, ท่านอุสมานและท่านอะลี พวกเราได้พบว่าตำแหน่งเคาะลีฟะฮฺนั้น(มีอายุ)สามสิบปี" สะอีดได้กล่าวว่า ข้าพเจ้าได้ถามสะฟีนะฮฺว่า "แท้จริง พวกบนีอุมัยยะฮฺคิดว่าตำแหน่งเคาะลีฟะฮฺนั้นอยู่กับพวกเขา" สะฟีนะฮฺให้ความเห็นว่า "พวกเขาโกหกพวกลูกหลานของซัรฺกออฺ (ชื่อย่าคนหนึ่งของตระกูลบนีอุมัยยะฮฺ) แต่พวกเขาเป็นกษัตริย์จากบรรดากษัตริย์ที่ชั่วช้า" รายงานโดยเจ้าของสุนัน ด้วยสายรายงานที่หะซัน (อรุณ บุญชม, "หะดีษเศาะเฮียะฮฺ", สำนักพิมพ์ ส.วงศ์เสงี่ยม, กรุงเทพ, เล่ม 3, หน้า 390)

ท่านอาจารย์อรุณเขียนหมายเหตุเกี่ยวกับหะดีษหลังเอาไว้สั้นๆ ว่า สามสิบปีนั้นคือระยะเวลาของตำแหน่งเคาะลีฟะฮฺตามแนวทางของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม ถ้านับจากท่านอบูบักร จนถึงท่านอะลี รอฎิยัลลอฮุ อันฮุ จะนับได้สามสิบปี นักปราชญ์สายอะหลุซซุนนะฮฺเรียกยุคนี้ว่า "ยุคของเคาะลีฟะฮฺผู้ทรงธรรม"

นอกจากนี้ ยังมีรายงานจากท่านอบูดาวูดระบุว่า :

ท่านญาบิร อิบนฺ สะมุเราะฮฺ รายงานจากท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม ว่า "ศาสนานี้ยังคงดำรงอยู่จนกระทั่งเคาะลีฟะฮฺสิบสองท่านได้ทำหน้าที่ปกครองพวกท่าน พวกเขาทุกคนทำให้ประชาชาติเป็นปึกแผ่น" (มูนีร มูหะหมัด, อะฮ์ลุซซุนนะฮฺ์และชีอะฮฺ์, สมาคมนักเรียนเก่าศาสนวิทยา, กรุงเทพฯ, พ.ศ.2542, หน้า 169)

จริงๆ แล้ว หะดีษที่พูดถึงเคาะลีฟะฮฺทั้งหมดไม่มีสักสายรายงานหนึ่ง ใช้คำว่า "สิบสองอิมาม" เลย ถ้าหลักการยึดมั่นเรื่องสิบสองอิมามมะอฺศูม(ผู้ปราศจากบาป)เป็นเรื่องถูกต้องจริง เป็นหลักการที่ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม สนับสนุนจริงๆ ตรงหะดีษนี้ ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม น่าจะใช้คำว่า "สิบสองอิมาม(ที่เป็นลูกหลาน)ของฉัน" มากกว่า จะได้ชัดเจนและไม่สร้างความสับสนให้แก่ชนรุ่นหลังอย่างเราๆ จนต้องอาศัยการตีความสองตลบสามตลบจึงจะนำมาสรุปเป็นหลักยึดมั่นได้

สิ่งที่ผู้เขียนอยากจะบอกกับท่านผู้อ่านนั้นก็คือว่า หะดีษเรื่องสิบสองเคาะลีฟะฮฺนี้ไม่ได้เป็นไปอย่างที่มุสลิมกลุ่มหนึ่งมุ่งหมาย พวกเขามักจะอ้างลอยๆ ว่าในหะดีษของสุนนีย์ก็ยืนยันถึง "สิบสองอิมาม" ด้วยเหมือนกัน และรีบสรุปว่า เห็นไหมเราต้องศรัทธาในเรื่องนี้ เพราะท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม ยังยืนยันเรื่องนี้ด้วยเลย

ที่ว่าไม่ได้เป็นหะดีษตามที่พวกเขามุ่งหมายนั้น ผู้เขียนอยากจะนำท่านผู้อ่านกลับไปพิจารณาเนื้อหาสาระ หรือใจความของหะดีษให้ละเอียดสักนิด กรุณาตามผู้เขียนมาก็แล้วกัน ผู้เขียนจะไขความให้กระจ่างชัดเจนไปเลยดังเหตุผลต่อไปนี้ :

ประการทีหนึ่ง **หะดีษเกี่ยวกับสิบสองเคาะลีฟะฮฺมีข้อความเหมือนๆ กันว่า "อิสลามจะยังคงยิ่งใหญ่จนถึงสิบสองเคาะลีฟะฮฺ" นั้นเป็นข้อความที่ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม พูดถึงอนาคตของศาสนาอิสลามภายหลังท่านจากไปแล้วว่า ในระยะแรกๆ อิสลามจะเกรียงไกร เป็นปึกแผ่นและมั่นคงภายใต้การปกครองดูแลของผู้ปกครอง(ที่ถูกเรียกขานว่าเคาะลีฟะฮฺ)สิบสองท่าน แต่การจะระบุว่าท่านทั้งสิบสองนี้มีใครบ้างนี้ อุลามะฮฺยังมีความเห็นแตกต่างกันออกไปบ้าง เนื่องจากมีการกำหนดคุณสมบัติและลักษณะของผู้ปกครองที่ดีแตกต่างกัน อย่างไรก็ตาม ทัศนะที่ถูกต้องนั้นถือว่า ผู้ดำรงตำแหน่งเคาะลีฟะฮฺที่สมบูรณ์และที่ทรงคุณธรรมนั้น ประกอบด้วยเคาะลีฟะฮฺ 4 ท่านแรก ได้แก่ท่านอบูบักร, ท่านอุมัร, ท่านอุสมาน และท่านอะลี รอฎิยัลลอฮุ อันฮุ ซึ่งอยู่ในช่วงสามสิบปีแรกของอิสลามดังความในหะดีษที่ 2 ของหนังสือท่านอาจารย์อรุณ บุญชม

ประการที่สอง **สำหรับอิมามทั้งสิบสองที่กล่าวอ้างนั้น ในจำนวนนี้ อิมามคนที่ 12 เป็นเพียงเรื่องตำนาน ที่ปราศจากความเป็นจริงแต่อย่างใด และที่เหลือใน 11 ท่านนั้น มีเพียงท่านอะลี และท่านหะซัน รอฎิยัลลอฮุ อันฮุ สองท่านเท่านั้นที่ได้มีโอกาสเป็นผู้ปกครองอาณาจักรอิสลามในฐานะเคาะลีฟะฮฺ แม้ท่านหะซันจะอยู่ในตำแหน่งสั้นๆ เพียง 6 เดือนเท่านั้น ซึ่งท่านได้สละ "ภารกิจอันศักดิ์สิทธิ์" (ตามที่เชื่อว่าเคาะลีฟะฮฺนั้นต้องมาจากการแต่งตั้งของอัลลอฮฺและรอซูลุลลอฮฺเท่านั้น) ให้กับท่านมุอาวิยะฮฺ ในปีอามุลญะมาอะฮฺ หรือที่เรียกว่า "ปีรวมชน" อิมามที่เหลืออีก 9 ท่าน ไม่มีสักคนเดียวได้ทำหน้าที่ปกครองดูแลอาณาจักรอิสลามในฐานะของเคาะลีฟะฮฺ ท่านเหล่านั้นจึงห่างไกลจาก "การทำให้อิสลามยิ่งใหญ่และเกรียงไกร" ตามความในหะดีษที่อ้างถึง

ประการที่สามสำคัญที่สุด **หากเราจะถามกลับไปว่า อิมามทั้งหมดมี 12 ท่านใช่ไหม? คำตอบก็คือใช่ (คงไม่จำเป็นที่จะถามว่า แล้วความเชื่อเรื่อง 7 อิมามมาจากไหน เป็นมาอย่างไรและน่าเชื่อถือแค่ไหน ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เรามีความสงสัยในบูรณภาพของหลักยึดมั่นในสายนี้เป็นอย่างยิ่ง) แล้วอาณาจักรอิสลามจะมี "อิมาม" เข้ามาปกครองเพียง 12 ท่านนี้เท่านั้นใช่ไหม อิมามที่สิบสอง(หรืออิมามมะฮฺดี)เป็นอิมามสุดท้ายใช่ไหม แล้วท่านจะมาอีกครั้งก่อนถึงกำหนดวันอาคิเราะฮฺและมาทำหน้าที่ปกครองอาณาจักรอิสลาม และจัดการทุกอย่างให้ถูกต้องชอบธรรมใช่หรือไม่ คำตอบต้องเป็น "ใช่" อย่างแน่นอน แต่สิ่งที่ต้องการมากที่สุด ณ ที่นี้ก็คือ "คำตอบสุดท้าย" ต่อคำถามที่ว่า หลังจากอิมามมะฮฺดีกลับมาปรากฏกายอีกครั้งก่อนวันอวสานของโลกนี้ จะมีผู้ปกครองคนอื่นๆ เกิดขึ้นในโลกนี้อีกหรือไม่? ช่วยตอบหน่อยเถอะครับ

พี่น้อง กรุณาหันไปพิจารณาหะดีษข้างต้นอีกครั้งเถอะครับ ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม บอกกับเราว่า "อิสลามจะยังคงยิ่งใหญ่จนถึงสิบสองเคาะลีฟะฮฺ" นั้นหมายความว่า อิสลามจะยิ่งใหญ่ เกรียงไกรและมั่นคงในยุคสมัยของเคาะลีฟะฮฺสิบสองท่าน ท่านทั้งสิบสอง "อาจจะ" มีส่วนร่วมและมีบทบาททำให้อิสลามเป็นปึกแผ่นโดยตรงก็ได้ หรืออาจจะมีส่วนร่วมโดยอ้อมก็ได้ สภาพทั้งหมดเป็นไปตามการกำหนดของพระองค์อัลลอฮฺ สุบฮานะฮู วะตะอาลา

เมื่อพิจารณาตามถ้อยคำ หะดีษนี้ยังมีความหมายหรือนัยอีกประการหนึ่งว่า "อิสลามจะตกต่ำและไร้ความเกรียงไกรภายหลังยุคเคาะลีฟะฮฺทั้งสิบสอง" ที่ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม กล่าวถึง ซึ่งแน่นอนหลังจากยุคของสิบสองท่านนี้แล้ว ยังมีผู้ปกครอง มีเคาะลีฟะฮฺ หรือผู้นำตามแต่จะสรรหามาเรียกผลัดกันเข้ามาทำหน้าที่ปกครองอาณาจักรอิสลามสืบต่อไป และอิสลามได้ผ่านภาวะต่างๆ ที่มีทั้งความแตกแยก, ความวุ่นวาย, กลียุค, จลาจล ฯลฯ และปัญหาต่างๆ มากมาย ตลอดจนถึงภาวะการตกอยู่ใต้อาณานิคมของต่างชาติ และการถูกแบ่งแยกดินแดนออกเป็นประเทศต่างๆ ดังที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งอยู่ในยุคหลังสิบสองเคาะลีฟะฮฺตามที่ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม ระบุไว้ จะพูดให้ชัดก็คือ หะดีษนี้พูดเป็นนัยๆ ว่า นอกจากเคาะลีฟะฮฺสิบสองท่านแล้ว ยังมีเคาะลีฟะฮฺหรือผู้ปกครองอื่นๆ อีก ไม่ได้มีแค่ 12 ท่านเท่านั้น และในสมัยของผู้ปกครองคนอื่นๆ นั้นอิสลามจะตกต่ำ คำว่า "อิสลามจะยังคงยิ่งใหญ่จนถึง...." เป็นคำที่บ่งบอกว่ายังมี "ภายหลัง" อย่างชัดเจน
อย่างไรก็ตาม มีผู้อ้างว่าสมัยปัจจุบันยังคงอยู่ในยุคของอิมามท่านที่สิบสอง(อิมามมะฮฺดี) เพราะท่านยังไม่วายชนม์ ท่านเพียงเร้นกายอยู่ และถือว่าท่านยังปฏิบัติ "ภารกิจอันศักดิ์สิทธิ์" ที่ได้รับการมอบหมายและแต่งตั้งโดยพระองค์อัลลอฮฺ สุบหานะฮู วะตะอาลา อยู่ แต่ท่านผู้อ่านทั้งหลายครับ อิสลามทุกวันนี้ยังยิ่งใหญ่ เกรียงไกร มั่นคงและเป็นปึกแผ่นอยู่ภายใต้อิมามท่านที่สิบสองผู้นี้หรือ? คำตอบคือไม่เลย ถ้ามีคนบอกกับเราว่า ใจเย็นๆ และอดทนไว้พี่น้อง เมื่ออิมามท่านนั้นมาแล้ว ท่านจะกอบกู้ความยิ่งใหญ่เกรียงไกรของอิสลามให้กลับคืนมาเอง ตรงนี้ผู้เขียนต้องขอฟันธงเลยว่า สาเหตุที่ต้องอธิบายกันอย่างนี้ก็เพราะว่า ถ้าท่านอิมามมะฮฺดีไม่ลงมาปฏิบัติภารกิจให้สมบูรณ์ สภาพของอุมมะฮฺมุสลิมก็จะไม่สอดคล้องและลงรอยกับหะดีษ "อิสลามจะยังคงยิ่งใหญ่จนถึงสิบสองเคาะลีฟะฮฺ" ใช่ไหมครับ?

ภารกิจก่อนวันอวสานของโลกที่ท่านอิมามมะฮฺดีจะต้องลงมาสนองนั้น จะต้องเป็นภารกิจที่ยิ่งใหญ่และเกรียงไกรจริงๆ เป็นภารกิจที่สำคัญมากและเป็นภารกิจสุดท้ายก่อนอวสานของโลก เพราะเหตุนี้จึงคู่ควรให้ท่านมีชีวิตในสภาพเร้นกายยาวนานนับพันปี เพื่อจะมาปิดท้ายและตอบสนองภาวะการเป็นอิมามของท่านให้ลุล่วงสมบูรณ์ หลังจากนั้นอิสลามจะเกรียงไกรขึ้นเพียงช่วงสั้นๆ อีกครั้งหนึ่งก่อนวันอวสาน จะไม่มีใครมาทำหน้าที่เป็น "เคาะลีฟะฮฺ" หรือผู้ปกครองภายหลังจากนี้อย่างแน่นอน แล้วภาวะนี้ มันสอดคล้องหรือลงรอยกับหะดีษ "อิสลามจะยังคงยิ่งใหญ่จนถึงสิบสองเคาะลีฟะฮฺ" ที่มีนัยว่าจะมีสมัยแห่งความตกต่ำและมีสมัยของเคาะลีฟะฮฺอื่นๆ หรือไม่?

จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า การนำหะดีษสิบสองเคาะลีฟะฮฺมาสนับสนุนความเชื่อเรื่องสิบสองอิมามนั้น ความพยายามนั้นต้องพบกับความล้มเหลวเพราะ "เนื้อหา" ของหะดีษไม่ได้สอดคล้องและสนับสนุนความเชื่อดังกล่าวเลย ขอสรุปเป็นประเด็นง่ายๆ ดังนี้ :

1. ในบรรดาอิมามทั้งสิบสอง มีเพียงท่านอะลี และท่านหะซัน รอฎิยัลลอฮุ อันฮุ เพียงสองท่านเท่านั้นที่เคยเป็นเคาะลีฟะฮฺทำหน้าที่ปกครองดูแลอาณาจักรอิสลาม สำหรับท่านหะซัน ท่านปฏิบัติภารกิจในฐานะเคาะลีฟะฮฺเพียง 6 เดือนเท่านั้น การที่ท่านจะช่วยเสริมให้อิสลามยิ่งใหญ่และเกรียงไกรจึงยังเป็นปริศนาอยู่

2. หะดีษนี้ใช้คำว่า "เคาะลีฟะฮฺ" ตรงๆ คำว่า "อิมาม" ไม่มีปรากฏในรายงานหะดีษเศาะเฮียะฮฺแม้สักหะดีษเดียว

3. ตามความเชื่อของผู้อ้างหะดีษในทำนองดังกล่าว ถือว่าปัจจุบันยังอยู่ในยุคของอิมามท่านที่สิบสอง อิสลามจึงน่าจะยังอยู่ภาวะ "ยิ่งใหญ่" ตามเนื้อหาในหะดีษไม่ใช่หรือ? แต่สภาพความเป็นจริงในปัจจุบันกลับสวนทางกับความเชื่อดังกล่าว สภาพอุมมะฮฺมุสลิมไม่ได้ดีเลย เรื่องนี้เป็นสิ่งที่โต้แย้งไม่ได้อย่างแน่นอน

4. ตามนัยของหะดีษที่ว่า "อิสลามจะยังคงยิ่งใหญ่จนถึงสิบสองเคาะลีฟะฮฺ" แสดงว่าหลังจากพ้นสมัยเคาะลีฟะฮฺสิบสองท่านแล้ว อิสลามจะตกต่ำลงและยังมีเคาะลีฟะฮฺหรือผู้ปกครองท่านอื่นๆ อีกที่ผลัดเปลี่ยนกันเข้ามาปกครองดูแลอุมมะฮฺมุสลิม ซึ่งมีทั้งคนดีและคนไม่ดีปะปนกัน แต่ตามความเชื่อดังกล่าวถือว่า อิมามหรือเคาะลีฟะฮฺมีเพียง 12 ท่านเท่านั้น หลังจากท่านอิมามมะฮฺดี จะไม่มีอิมามท่านอื่นๆ อีก

5. ถ้าพูดตามนัยของหะดีษนี้จากมุมมองทางความเชื่อของผู้อ้างหะดีษ อิสลามต้องพบกับความอัปยศเพราะตำแหน่งเคาะลีฟะฮฺของอะหฺลุลบัยตฺถูกปล้นเอาไป เป็นเหตุให้อิสลามต้องตกต่ำ อุมมะฮฺมุสลิมแตกแยกและหลงทางมากมาย สภาวะของอิสลามและอุมมะฮฺเลวร้ายลงเรื่อยไป จนกระทั่งถึงยุคแห่งการกลับมาอีกครั้งของท่านอิมามมะฮฺดีก่อนวันอวสานของโลก ท่านจะกอบกู้สภาพของอิสลามให้รุ่งโรจน์อีกครั้งหนึ่ง และกำจัดบรรดาศัตรูของอิสลามให้สิ้นไป ขอถามว่าคำพูดอย่างนี้สอดคล้องและลงรอยกับหะดีษ "อิสลามจะยังคงยิ่งใหญ่จนถึงสิบสองเคาะลีฟะฮฺ" ที่มีคนพยายามที่จะหยิบยกมาอ้างสนับสนุนความเชื่อ "สิบสองอิมาม" แล้วหรือ?
  •  

L-umar

สำหรับ  บทความข้างต้น    เราได้อธิบายไปแล้ว    อย่างชัดเจน   ดังนั้นขอให้ท่านผู้อ่านเชิญอ่านกระทู้  


สิบสองอิหม่าม  หรือ  สิบสองคอลีฟะฮ์  ได้ที่นี่


http://www.q4sunni.com/believe/index.php?option=com_kunena&Itemid=71&func=view&catid=2&id=1793
  •  

27 ผู้มาเยือน, 1 ผู้ใช้