ข่าว:

SMF - Just Installed!

Main Menu
Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - L-umar

#61
หะดีษเฆาะดีรคุม  จากตำราซุนนี่

อัลฮากิม อันนัยซาบูรี(เกิด ฮ.ศ. - 321 มรณะ 405 ) รายงาน


رَوَي أَبُوْعَبْدِ اللهِ الْحاَكِمُ  مُحَمَّدُ بْنُ عَبْدِ اللهِ بْنِ مُحَمَّدِ بْنِ حَمْدَوَيْهِ بْنِ نُعَيْمِ بْنِ الْحَكَمِ  النَّيْساَبُوْرِيُّ: حَدَّثَناَ أَبُو الْحُسَيْنِ مُحَمَّدُ بْنُ أَحْمَدَ بْنِ تَمِيمٍ الْحَنْظَلِيِّ ، بِبَغْدَادَ ، ثَناَ أَبُو قِلَابَةَ عَبْدُ الْمَلِكِ بْنُ مُحَمَّدٍ الرَّقَاشِىُّ ، ثَناَ يَحْيَى بْنُ حَمَّادٍ ، وَحَدَّثَنِيْ أَبُوْ بَكْرٍ مُحَمَّدُ بْنُ بَالُوَيْهِ ، وَأَبُوْ بَكْرٍ أَحْمَدُ بْنُ جَعْفَرٍ الْبَزَّارُ قاَلاَ : ثَناَ عَبْدُ اللَّهِ بْن أَحْمَدَ بْنِ حَنْبَلٍ ، حَدَّثَنِي أَبِي ، ثَنَا يَحْيَى بْنُ حَمَّادٍ ، وَثَناَ أَبُو نَصْرٍ أَحْمَدُ بْنُ سَهْلٍ الْفَقِيهُ بِبُخَارَى ، ثَناَ صَالِحُ بْنُ مُحَمَّدِ الْحاَفِظُ الْبَغْداَدِيُّ ، ثَناَ خَلَفُ بْنُ سَالِمٍ الْمُخَرِّمِيُّ ، ثَنَا يَحْيَى بْنُ حَمَّادٍ ، ثَنَا أَبُو عَوَانَةَ ، عَنْ سُلَيْمَانَ الْأَعْمَشِ قاَلَ : ثَناَ حَبِيبُ بْنُ أَبِي ثَابِتٍ ، عَنْ أَبِي الطُّفَيْلِ عَنْ زَيْدِ بْنِ أَرْقَمَ رَضِيَ اللَّهُ عَنْهُ قَالَ : لَمَّا دَفَعَ النَّبِيُّ صَلَّي اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّم مِنْ حَجَّةِ الْوِدَاعِ وَنَزَلَ غَدِيْرَ خُمٍّ أَمَرَ بِدَوْحَاتٍ فَقُمِمْنَ ثُمَّ قَالَ : كَأَنِّيْ دُعِيْتُ فَأَجِبْتُ وَإِنِّيْ تَارِكٌ فِيْكُمُ الثَّقَلَيْنِ أَحَدَهُمَا أَكْبَرُ مِنَ الْآخَرِ : كِتَابُ اللهِ وَعِتْرَتِيْ أَهْلُ بَيْتِيْ فَانْظُرُوْا كَيْفَ تُخْلِفُوْنِيْ فِيْهِمَا  فَإِنَّهُمَا لَنْ يَتَفَرَقَا حَتَّي يَرِدَا عَلَيَّ الْحَوْضَ     ثُمَّ قَالَ : إِنَّ اللهَ مَوْلاَيَ وَأَنَا وَلِيُّ كُلِّ مُؤْمِنٍ  ثُمَّ إِنَّهُ أَخَذَ بِيَدِ عَلِيٍّ رَضِيَ اللهُ عَنْهُ فَقَالَ : مَنْ كُنْتُ وَلِيَّهُ فَهَذَا وَلِيَّهُ  اللّهُمَّ وَالِ مَنْ وَالاَهُ وَعَادِ مَنْ عَادَاهُ


كِتاَبُ الْمُسْتَدْرَكُ عَلَى الصَّحِيْحَيْنِ لِلْحاَكِمِ النَّيْساَبُوْرِيِّ  ح 4553 و 4554

قاَلَ الْحاَكِمُ : صَحِيْحٌ عَلَى شَرْطِ الشَّيْخَيْنِ ،

كِتاَبُ : سِلْسِلَةُ الصَّحِيْحَةِ لِلْأَلْباَنِيِّ  ج : 4 ص: 330  ح : 1750 نَوْعُ الْحَدِيْثِ : صَحِيْحٌ
#62
หะดีษเฆาะดีรคุม  จากตำราซุนนี่

อัลฮากิม อันนัยซาบูรี(เกิด ฮ.ศ. - 321 มรณะ 405 ) รายงาน
#63
มุฮัมมัด บินอัลฮาซัน บินอะหมัด บินอัลวะลีดเล่าให้เราฟัง เขากล่าวว่า มุฮัมมัด บินอัลฮาซันอัศศ็อฟฟ้าร จากมุฮัมมัด บินอัลฮูเซน บินอบิลคอตตอบและยะอ์กูบ บินยะซีดทั้งสองเล่าให้เราฟัง เขากล่าวว่า  จากมุฮัมมัด บินอะบีอุมัยริน จากอับดุลลอฮ์ บินสินาน จากมะอ์รู๊ฟ บินค็อรร่อบูซ จากอะบีตุเฟล อามิร บินวาษิละฮ์  จากฮุซัยฟะฮ์ บินอะสีด อัลฆิฟารีเล่าว่า :


เมื่อท่านรอซูลุลลฮ์(ศ)กลับจากการบำเพ็ญฮัจญ์ครั้งสุดท้าย และพวกเราก็ได้กลับมาพร้อมกับท่านด้วย จนเดินทางมาถึงตำบลญุฮ์ฟะฮ์

ท่านจึงสั่งบรรดาซอฮาบะฮ์ของท่านให้แวะพัก ดังนั้นกลุ่มชนจึงแวะพักตามสถานที่ของพวกเขา 

ต่อจากนั้นมีเสียงประกาศ(อะซาน)ให้นมาซ แล้วท่านได้นมาซ(ซุฮ์ริย่อ)สองร่อกะอะฮ์พร้อมกับบรรดาซอฮาบะฮ์ของท่าน 

(พอนมาซเสร็จ)ท่านได้หันใบหน้าของท่านมายังพวกเขาแล้วกล่าวกับพวกเขาว่า :

แท้จริง(อัลลอฮ์)ผู้ทรงปรานี ผู้ทรงรอบรู้อย่างถี่ถ้วนทรงแจ้งให้ฉันทราบว่า แท้จริงฉันต้องตายและพวกท่านก็ต้องตาย และดูเหมือนว่าฉันถูกเรียก(กลับแล้ว)และฉันได้ตอบรับแล้ว

และแท้จริงฉันต้องถูกสอบถามถึงสิ่งที่ฉันถูกส่งมาพร้อมกับมันยังพวกท่าน และถึงสิ่งที่ฉันได้ทิ้งไว้ในหมู่พวกท่านเกี่ยวคัมภีร์ของอัลลอฮ์และข้อพิสูจน์หลักฐานของพระองค์ และพวกท่านก็ต้องถูกสอบถาม แล้วพวกท่านจะตอบอะไรต่อพระผู้อภิบาลของพวกท่าน ?

พวกเขากล่าวว่า : พวกเราก็จะกล่าวว่า แน่นอนท่านได้ประกาศแล้วได้ตักเตือนแล้วและท่านได้ทำการญิฮ๊าดต่อสู้แล้ว  ขออัลลอฮ์โปรดตอบแทนรางวัลที่ดีที่สุดแก่ท่านแทนพวกเราด้วยเถิด

จากนั้นท่านได้กล่าวกับพวกเขาว่า : พวกท่านมิได้ปฏิญาณดอกหรือว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮ์และฉันคือศาสนทูตของอัลลอฮ์ที่(ถูกส่ง)มายังพวกท่าน  แท้จริงสวรรค์มีจริง นรกมีจริง และการฟื้นคืนชีพนั้นมีจริงใช่ไหม ?

พวกเขากล่าวว่า : เราขอเป็นพยานต่อสิ่งนั้น(ว่ามีจริง)

ท่านจึงกล่าวว่า : โอ้อัลลอฮ์โปรดเป็นสักขีพยานต่อสิ่งที่พวกเขากล่าวด้วยเถิด

พึงทราบเถิดว่า แท้จริงฉันขอให้พวกท่านจงเป็นพยานด้วยว่า

แท้จริงฉันขอปฏิญาณว่า แท้จริงอัลลอฮ์ทรงเป็นเมาลา(ผู้คุ้มครอง)ของฉัน

และฉันเป็นวะลี(ผู้ปกครอง)ของมุสลิมทุกคน และฉันมีสิทธิต่อปวงผู้ศรัทธามากยิ่งกว่าตัวของพวกเขาเอง พวกท่านจะรับรองต่อฉันในสิ่งนั้นหรือไม่ ?

พวกเขากล่าวว่า : ใช่ครับ พวกเราให้การรับรองแก่ท่านต่อสิ่งนั้น

แล้วท่านกล่าวว่า : พึงรู้เถิดว่า

บุคคลใดก็ตามที่ฉันเป็นเมาลา(ผู้ปกครอง)ของเขา ดังนั้นแท้จริงอาลีก็เป็นผู้ปกครองของเขาและเขาคือชายคนนี้ 

ต่อจากนั้นท่านได้จับมืออาลีชูขึ้นพร้อมกับมือของท่านเองจนเห็นรักแร้ของเขาทั้งสอง แล้วท่านกล่าวว่า :

โอ้อัลลอฮ์โปรดรักผู้ที่เป็นมิตรต่อเขาและโปรดชิงชังผู้ที่เป็นศัตรูต่อเขา โปรดช่วยเหลือผู้ที่ให้การช่วยเหลือเขาและโปรดทอดทิ้งผู้ที่ทอดทิ้งเขา 

พึงรู้เถิดว่า ฉันจะล่วงหน้าพวกท่านไปก่อน แล้วพวกท่านจะเข้ามาหาฉันที่สระน้ำนั้น สระน้ำของฉันในวันพรุ่งนี้

และมันคือสระน้ำที่ความกว้างของมันอยู่ระหว่างเมืองบุศรอ(อิรัก)กับศ็อนอา(ซีเรีย) ในสระนั้นมีแก้วน้ำจำนวน(มากมาย)เท่ากับดวงดาวในท้องฟ้า

พึงรู้เถิดว่า ฉันจะเป็นผู้ถามพวกท่านในวันพรุ่งนี้ว่า พวกท่านได้ทำอะไรไปในสิ่งที่ฉันได้ขอให้ขออัลลอฮ์ทรงเป็นสักขีพยานกับสิ่งนั้นบนพวกท่านในวันของพวกท่านนี้ 

เมื่อพวกท่านได้เข้ามาพบฉันที่สระน้ำของฉัน และพวกท่านได้ทำอะไรลงไปต่ออัษษะเกาะลัยน์(สิ่งหนักสองสิ่ง)ภายหลังจากฉัน 

ดังนั้นจงดูเถิดว่า พวกท่านจะเป็นอย่างไร (ในการ)ที่ได้รับมอบต่อจากฉันในสองสิ่งนั้นขณะที่พวกท่านจะมาพบกับฉัน ?   

พวกเขากล่าวว่า : สองสิ่งหนักที่ว่านี้คืออะไรหรือ โอ้ท่านรอซูลุลลอฮ์ ?

ท่านกล่าวว่า :  สิ่งหนักอันใหญ่คือคัมภีร์ของอัลลอฮ์อัซซะวะญัล เป็นต้นเหตุที่ทอดมาจากอัลลอฮ์และจากฉันซึ่งมันอยู่ในมือของพวกท่าน ด้านหนึ่งของมันอยู่ในพระหัตถ์ของอัลลอฮ์ส่วนอีกด้านหนึ่งอยู่ในมือของพวกท่าน ในนั้นมีความรู้ในอดีตและสิ่งที่มีอยู่ตราบจนถึงวันกิยามะฮ์   

ส่วนสิ่งหนักอันรองนั้นคือผู้ที่อยู่เคียงคู่กับคัมภีร์อัลกุรอ่านและเขาคือ

อาลีบินอะบีตอลิบและอิตเราะฮ์(วงศ์วาน)ของเขา

และแท้จริงทั้งสองสิ่งนี้จะไม่แยกจากกันเด็ดขาด จนกว่าทั้งสองจะกลับมาหาฉันที่อัลเฮาฎ์(สระเกาษัร)


อ้างอิงจากหนังสือ 

อัลคิศ็อล โดยเชคศอดูก  หน้า 73 หะดีษที่ 78  สถานะหะดีษซอฮิ๊ฮ์
#65
หะดีษเฆาะดีรคุม  จากตำราชีอะฮ์

เชคศอดูก (เกิด ฮ.ศ.306 - มรณะ 381) รายงาน


رَوَي الشَّيْخُ الصَّدُوْقُ حَدَّثَناَ مُحَمَّدُ بْنُ الْحَسَنِ بْنِ أَحْمَدِ بْنِ الْوَلِيْدِ رَضِيَ اللهُ عَنْهُ قاَلَ : حَدَّثَناَ مُحَمَّدُ بْنُ الْحَسَنِ الصَّفاَّرِ ، عَنْ مُحَمَّدِ بْنِ الْحُسَيْنِ بْنِ أَبِي الْخِطاَّبِ ، وَيَعْقُوْبَ بْنِ يَزِيْدَ جَمِيْعاً ، عَنْ مُحَمَّدِ بْنِ أَبِيْ عُمَيْرٍ ، عَنْ عَبْدِ اللهِ بْنِ سِناَنَ ، عَنْ مَعْرُوفِ بْنِ خَرَّبُوذَ ، عَنْ أَبِي الطُّفَيْلِ عَامِرِ بْنِ وَاثِلَةَ ، عَنْ حُذَيْفَةَ بْنِ أَسِيدٍ الْغِفَارِيِّ قَالَ :  لَمَّا رَجَعَ رَسُولُ اللَّهِ (صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وآلِهِ) مِنْ حَجَّةِ الْوَدَاعِ وَنَحْنُ مَعَهُ أَقْبَلَ حَتَّى انْتَهَى إِلَى الْجُحْفَةِ فَأَمَرَ أَصْحاَبَهُ بِالنُّزُوْلِ فَنَزَلَ الْقَوْمُ مَناَزِلَهُمْ ، ثُمَّ نُودِيَ بِالصَّلَاةِ فَصَلَّى بِأَصْحاَبِهِ رَكَعَتَيْنِ ، ثُمَّ أَقْبَلَ بِوَجْهِهِ إِلَيْهِمْ فَقاَلَ لَهُمْ : إِنَّهُ قَدْ نَبَّأَنِيَ اللَّطِيفُ الْخَبِيرُ أَنِّيْ مَيِّتٌ وَأَنَّكُمْ مَيِّتُوْنَ ، وَكَأَنِّيْ قَدْ دُعِيْتُ فَأَجِبْتُ وَأَنِّيْ مَسْؤُوْلٌ عَماَّ أُرْسِلْتُ بِهِ إِلَيْكُمْ ، وَعَماَّ خَلَّفْتُ فِيْكُمْ مِنْ كِتاَبِ اللهِ وَحُجَّتِهِ وَأَنَّكُمْ مَسْؤُوْلُوْنَ ، فَماَ أَنْتُمْ قاَئِلُوْنَ لِرَبِّكُمْ ؟ قاَلُوْا : نَقُوْلُ : قَدْ بَلَّغْتَ وَنَصَحْتَ وَجاَهَدْتَ ( فَجَزاَكَ اللهُ عَناَّ أَفْضَلَ الْجَزاَءِ ) ثُمَّ قاَلَ لَهُمْ : أَلَسْتُمْ تَشْهَدُوْنَ أَنْ لَا إِلَهَ إِلَّا اللَّهُ وَ أَنِّي رَسُولُ اللَّهِ إِلَيْكُمْ وَأَنَّ الْجَنَّةَ حَقٌّ ؟ وَأَنَّ الناَّرَ حَقٌّ ؟ وَأَنَّ الْبَعْثَ بَعْدَ الْمَوْتِ حَقٌّ ؟ فَقاَلُوْا : نَشْهَدُ بِذَلِكَ ، قاَلَ : اللَّهُمَّ اشْهَدْ عَلَى ماَ يَقُولُونَ ، أَلَا وَإِنِّي أُشْهِدُكُمْ إِنِّي أَشْهَدُ إِنَّ اللَّهَ مَوْلَايَ ، وَأَنَا مَوْلَى كُلِّ مُسْلِمٍ ، وَأَنَا أَوْلَى بِالْمُؤْمِنِيْنَ مِنْ أَنْفُسِهِمْ ، فَهَلْ تُقِرُّوْنَ لِيْ بِذَلِكَ ، وَتَشْهَدُوْنَ لِيْ بِهِ ؟ فَقاَلُوْا : نَعَمْ نَشْهَدُ لَكَ بِذَلِكَ ، فَقاَلَ : أَلاَ مَنْ كُنْتُ مَوْلَاهُ فَإِنَّ عَلِيًّا مَوْلَاهُ وَهُوَ هَذاَ ، ثُمَّ أَخَذَ بِيَدِ عَلِيٍّ عَلَيْهِ السَّلَام فَرَفَعَهَا مَعَ يَدِهِ حَتَّى بَدَتْ آباَطُهُماَ : ثُمَّ : قاَلَ : اللَّهُمَّ وَالِ مَنْ وَالَاهُ وَعَادِ مَنْ عَادَاهُ ، وَانْصُرْ مَنْ نَصَرَهُ وَاخْذُلْ مَنْ خَذَلَهُ ، أَلَا وَإِنِّي فَرَطُكُمْ وَأَنْتُمْ واَرِدُوْنَ عَلَيَّ الْحَوْضَ ، حَوْضِيْ غَداً وَهُوَ حَوْضُ عَرْضُهُ ماَ بَيْنَ بُصْرَى وَصَنْعَاءَ  فِيْهِ أَقْداَحٌ مِنْ فِضَّةٍ عَدَدَ نُجُومِ السَّمَاءِ ، أَلَا وَإِنِّي ساَئِلُكُمْ غَداً ماَذاَ صَنَعْتُمْ فِيْماَ أَشَهَدْتُ اللهَ بِهِ عَلَيْكُمْ فِيْ يَوْمِكُمْ هَذاَ إِذاَ وَرَدْتُمْ عَلَيَّ حَوْضِيْ ، وَماَذاَ صَنَعْتُمْ بِالثَّقَلَيْنِ مِنْ بَعْدِيْ فَانْظُرُوْا كَيْفَ تَكُوْنُوْنَ خَلَّفْتُمُوْنِيْ فِيْهِماَ حِيْنَ تَلْقَوْنِيْ ؟ قاَلُواْ : وَماَ هَذاَنِ الثَّقَلاَنِ يَا رَسُولَ اللَّهِ ؟ قاَلَ : أَماَّ الثِّقْلُ الْاَكْبَرُ فَكِتاَبُ اللهِ عَزَّوَجَلَّ ، سَبَبٌ مَمْدُوْدٌ مِنَ اللهِ وَمِنِّيْ فِيْ أَيْدِيْكُمْ ، طَرْفُهُ بِيَدِ اللهِ وَالطَّرْفُ الْآخَرُ بِأَيْدِيْكُمْ ، فِيْهِ عِلْمٌ ماَ مَضَى وَماَ بَقَي إِلَى أَنْ تَقُوْمَ الساَّعَةُ ، وَأَماَّ الثِّقْلُ الْاَصْغَرُ فَهُوَ حَلِيْفُ الْقُرْآنِ وَهُوَ عَلِيُّ بْنُ أَبِي طَالِبٍ وَ عِتْرَتُهُ (عَلَيْهِمْ السَّلَام) ، وَإِنَّهُمَا لَنْ يَفْتَرِقَا حَتَّى يَرِدَا عَلَيَّ الْحَوْضَ .


كِتاَبُ الْخِصاَلُ لِلشَّيْخِ الصَّدُوْق الْمُتَوَفَّى 381 هـ  ص 73  الْحَدِيْثُ : 78
وَ هَذاَ حَدِيْثٌ صَحِيْحٌ رِجاَلُهُ ثِقاَتٌ
#66

หะดีษเฆาะดีรคุม  จากตำราชีอะฮ์

เชคศอดูก (เกิด ฮ.ศ.306 - มรณะ 381) รายงาน
#67


อัส - สลามุ อะลัยกุม  ฯ  ทุกท่าน


หลายครั้งที่เราได้ยินได้ฟังเรื่องที่ท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) ประกาศแต่งตั้งท่านอาลี บินอบีตอลิบเป็นคอลีฟะฮ์  ที่ ฆอดีร คุม หลังจากกลับจากการบำเพ็ญฮัจญ์ครั้งสุดท้าย


แต่สิ่งสำคัญคือ   เราควรทราบถึงหลักฐาน  ที่ถูกต้อง

ฉะนั้น   เราจึง  ขอนำเสนอ  หลักฐานจากตำราของทั้งสองฝ่ายมาแสดงให้ท่านได้ศึกษากัน  ดังนี้
#68
ฮะดีษฆอดีร ซอแฮะฮ์

จากตำรา ซุนนี่  และ ชีอะฮ์
#72
ไม่เข้าหมวด / Re:สถานการณ์โลก ตอนที่ 1,2,3
พฤศจิกายน 06, 2010, 02:43:35 หลังเที่ยง
สถานการณ์โลก ตอนที่ 3

โดย ฮุจญะตุลอิสลาม ซัยยิดสุไลมาน ฮูซัยนี


ฟูกูยามากล่าวต่ออีก ว่า ตราบใดที่เราไม่สามารถทำลายปีกทั้งสองข้างนี้ของชีอะห์ได้ เราก็ไม่มีวันที่จะสกัดกั้นการแพร่ขยายและทำลายพวกเขาได้เลย ไม่มีวันอย่างแน่นอน ปีกสองข้างนี้คือบทพิสูจน์ให้เราเห็นแล้วว่า ชีอะห์ที่ถูกตามล้างตามฆ่าอย่างยาวนานมาเป็นพันๆปียังไม่หมดสิ้นไปนับวันจะ ยิ่งเพิ่มมากขึ้นด้วยซ้ำ ทั้งๆที่ผู้นำของพวกเขายังเร้นกายอยู่ทั้งๆที่พวกเขาอยู่ในภาวะไร้ผู้นำ ดังนั้นนักวิชาการระดับสูงของตะวันตกยังหาบทสรุปไม่ได้จนถึงขณะนี้

เพราะหลักการในทาง รัฐศาสตร์มีอยู่ว่าหากสังคมใดกลุ่มชนใดไร้ซึ่งผู้นำ ชุมชนนั้นสังคมนั้นมิสามารถที่จะยืนหยัดอยู่ได้เลย แต่พวกชีอะห์อยู่ในภาวะที่ไร้ผู้นำ ผู้นำเร้นกายหายไปยังไม่ปรากฏกายนานนับพันปี แต่พวกเขาไม่เคยอ่อนแอนับวันยิ่งเข้มแข็งขึ้น จนกระทั่งตอนนี้ความเข้มแข็งของเขากำลังจะทำให้พวกเขาครองโลกได้ในที่สุด สิ่งที่เกิดขึ้นนี้มันกลับขัดกับหลักการของรัฐศาสตร์ ชีอะห์ที่ผู้นำเร้นกายบวกกับการทำลายล้างทุกรูปแบบทุกวิถีทางของเหล่าศรัตรู และทุกยุคทุกสมัย

มีหนังสือเล่มหนึ่งได้ ถูกเขียนขึ้นชื่อ \\\"ชีอะห์กับผู้ปกครองทั้งหลาย\\\" ในหนังสือได้บันทึกว่าเกือบยี่สิบยุคสมัยที่ชีอะห์ถูกตามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ในอียิป ในแบกแดด ในที่อื่นๆ แต่อดีตจนกระทั่งปัจจุบัน ในประเทศอิรัค ในประเทศอัฟกานิสถานในคืนหนึ่งชีอะห์ทั้งเมืองจำนวน 7,000 คนก็ถูกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ แต่ทำไมชีอะห์ยังเข้มแข็งแม้อยู่ในภาวะไร้ผู้นำเช่นนี้ วันนี้เราต้องกลัวชีอะห์ ประเทศอิหร่านเพียงประเทศเดียวแต่สามารถต่อกรกับมหาอำนาจอย่างอเมริกา พันธมิตรชาติตะวันตกได้ เมื่อมองไปยังเมืองเล็กๆเมืองหนึ่งในเลบานอน ฮิซบุลลอฮ์ยังสามารถพิชิตอิสราเอลหนึ่งจากมหาอำนาจของโลกขณะนี้ได้


นักวิชาการที่มี ทัศนะที่ดีกล่าวว่า ความยิ่งใหญ่อันนี้ที่ชีอะห์มี เพราะชีอะห์มีรากฐานที่มั่นคง รากฐานที่จะรักษาความเข้มแข็งการใช้ชีวิตของพวกเขาในภาวะที่ไร้ผู้นำ ซึ่งถูกวางเอาไว้ก่อนหน้านี้โดยบรรดาอิมาม (ผู้นำ) ซึ่งเป็นลูกหลานของศาสดามุฮัมมัด (ศ.) เกี่ยวกับการคงมีอยู่ของชีอะห์ในยุคแห่งการเร้นกายของท่านอิมามมะห์ดี (อ.) บรรอาอิมาม (อ.) ได้ฝึกบรรดาชีอะห์เอาไว้ ได้อธิบายนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับอิมามมะห์ดี (อ.) ไว้อย่างสมบูรณ์และถูกต้องที่สุด

การรอคอยที่มีเป้าหมาย ภาระหน้าที่ชีอะห์ที่แท้จริงที่ต้องปฏิบัติในระหว่างการรอคอยได้ถูกนำเสนอ อย่างสมบูรณ์แบบ ดังนั้นพวกเขาจึงอยู่อย่างเข้มแข็งถึงแม้ว่าผู้นำของพวกเขาจะปรากฏตัวหรือ เร้นกาย มิหนำซ้ำภาวะการไร้ผู้นำนี้ยังกลายเป็นพลังขับเคลื่อนที่ยิ่งใหญ่เพื่อ รองรับการมาปรากฏกายของท่านอิมามมะห์ดี (อ.) ผู้นำของพวกเขาด้วย ชีอะห์ในยุคนี้กับในยุคที่มีอิมามปากฏกายอยู่แตกต่างกันมาก ชีอะห์ในยุคนี้อยู่กับความเชื่อและความหวังต่อการมาปรากฏกายของอิมามมะห์ดี (อ.) เพื่อจะมาสถาปนาความยุติธรรม ได้สร้างพลังที่ยิ่งใหญ่กว่าแก่ชีอะห์ในยุคที่มีอิมามเสียอีก การต่อสู้ทุกรูปแบบของพวกเขา พวกเขาเชื่อว่าเป็นการต่อสู้เป็นการรับใช้ที่ยิ่งใหญ่กว่าการต่อสู้ที่อิมาม ของพวกเขาปรากฏกายเสียอีก นี่คือความยิ่งใหญ่ของปีกสีเขียวที่ชีอะห์มีอยู่

 
ดังนั้นหนทาง เดียวเท่านั้นคือ \\\"ปีกสองข้างนี้ต้องถูกทำให้อ่อนแออย่างเร่งด่วนที่สุด\\\" หมายถึง \\\"การรำลึกการปลูกฝังเรื่องราวของเหตุการณ์แห่งอาชูรอของท่านอิมามฮูเซน (อ.) และหลักความเชื่อความหวังต่อการมาปรากฏกายของท่านอิมามมะห์ดี (อ.) ต้องถูกทำให้อ่อนแอลง\\\" ไม่ใช่ทำลายล้างเพราะนับพันปีที่ผ่านมาพวกชีอะห์ได้พิสูจน์ให้เราเห็นแล้ว ว่าเราไม่สามารถทำลายล้างพวกเขาได้เลย

ดังนั้นภายหลังจากการ ประชุมในวันนั้นจบลง ข่าวคราวหลายๆเรื่องหลายรูปแบบเริ่มมีการพูดคุยขึ้นในสังคมของชีอะห์ทั่วโลก อาธิเช่น การหาทางที่จะล้มล้างระบบวิลายะตุลฟะกีฮ์ เพื่อหวังสร้างความแตกแยกในหมู่ชีอะห์จากความเป็นหนึ่งเดียวทั่วกันทั้งโลก ให้ได้ ชีอะห์เริ่มถกกันในเรื่องของระบบวิลายะตุลฟะกีฮ์มุตลักบ้าง ไม่มุตลักบ้างจนทำให้ชีอะห์เริ่มอ่อนแอในเรื่องนี้ เพราะระบบนี้นั้นทำให้ชีอะห์ทั่วทั้งโลกเป็นหนึ่งเดียวกัน ดังนั้นเรื่องแรกที่พวกศัตรูเริ่มดำเนินการแล้วตอนนี้คือ การทำลายปีกสีเขียวคือทำลายระบบการปกครองแบบวิลายะตุล ฟะกีฮ์ของท่านอิมามมะห์ดี (อ.) ทำให้ความเชื่อในเรื่องของระบบวิลายะตุลฟะกีฮ์อ่อนแอลง การทำลายปีกสีแดงก็เริ่มมีขึ้น โดยการทำให้การปลูกฝังการรำลึกเรื่องราวแห่งอาชูรอด้อยลง โดยการนำเสนอในรูปแบบต่างๆอย่างมากมายในสังคมของชีอะห์วันนี้ นั่นคือสิ่งที่ชีอะห์ที่แท้จริงต้องมีจุดยืนที่ชัดเจนมิฉะนั้นอาจตกหลุมพราง แผนการร้ายของเหล่าศัตรูได้

 
ชัยชนะของฮิ ซบุลลอฮ์ในเลบานอนเพิ่งจบลงไม่นาน ชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่ของพี่น้องปาเลสไตน์ในเขตกาซาได้ตอกย้ำความยิ่งใหญ่ของ ชีอะห์อีกครั้งหนึ่ง ถึงแม้ว่าพี่น้องปาเลสไตน์จะเป็นพี่น้องมุสลิมสุนนี่แต่ทั่วทั้งโลกต่างรู้ ดีว่า นั่นเป็นชัยชนะของชีอะห์ และเมื่อเร็วๆนี้ผู้นำฮามาสเริ่มค่อยๆ เปิดทำให้ชาวปาเลสไตน์ได้รู้ และเข้าใจว่าไม่ต้องหวังในชัยชนะหากยังอยู่ในแนวทางเดิมๆ เพราะเราต่อสู้ในแนวทางเดิมมาแล้วยาวนานกว่า 60 ปีและไม่มีความหวังใดๆในการต่อสู้ที่ผ่านมาเลย แต่ในวันนี้เพียงแต่เราใกล้ชิดกับชีอะห์ ชัยชนะที่เราไม่เคยคิดไม่เคยฝันมันเกิดขึ้นแล้วสำหรับพวกเรา

 
ดังนั้นทุกๆกระแส เหล่านี้เป็นเรื่องที่น่าหวาดกลัวยิ่งนักสำหรับบรรดาศัตรูของชีอะห์ทั้งที่ เป็นตะวันตกและไม่ใช่ตะวันตก ภายหลังจากที่ชาวปาเลสไตน์ได้รับชัยชนะในเขตกาซาศัตรูเหล่านั้นมีบทสรุปใหม่ ล่าสุดสดๆร้อนๆและถูกประกาศใช้แล้วด้วยคือ \\\"เราเห็นแล้วว่าเราไม่มีทางที่จะหยุดชีอะห์ได้อีกแล้ว เราอย่าเสียเวลากับการคิดแผนการเพื่อที่จะสกัดกั้นมนุษยชาติให้เข้าสู่ แนวทางชีอะห์อีกเลย แต่เราต้องคิดดูว่าทำอย่างไรที่จะสามารถบิดเบือนการเป็นชีอะห์ของพวกเขา?

ทำอย่างไรที่จะให้ความเป็นชีอะห์ของพวกเขาไร้พลังและอ่อนแอลง?
ทำอย่างไรที่จะให้เขาเป็นชีอะห์ที่ไร้ซึ่งอุดมการณ์ที่แท้จริงของชีอะห์?
ทำอย่างไรให้พวกเขาเป็นชีอะห์ที่ไร้ความรับผิดชอบ?


สรุปว่าเราต้องปล่อย ให้พวกเขาเป็นชีอะห์ หรือใครอยากเป็นชีอะห์ก็ปล่อยให้เป็น จะเป็นทั้งประเทศก็ได้ แต่ แต่ แต่ เราต้องเข้าไปควบคุมการเป็นชีอะห์ของพวกเขา พวกเขาต้องเป็นชีอะห์ที่เรากำหนด\\\"


http://www.ahlulbait.org/main/content.php?page=sub&category=11&id=866

#73
ไม่เข้าหมวด / Re:สถานการณ์โลก ตอนที่ 1
พฤศจิกายน 06, 2010, 02:39:50 หลังเที่ยง
สถานการณ์โลก ตอนที่ 2

โดย ฮุจญะตุลอิสลาม ซัยยิดสุไลมาน ฮูซัยนี


ก่อนหน้านี้ผลของการ ได้รับชัยชนะการปฏิวัติอิสลามในอิหร่านโดยการนำของท่านอิมามโคมัยนี (ร.ฮ) ทำให้โลกอิสลามหันมาศึกษาแนวทางชีอะห์ครั้งหนึ่งแล้ว แต่กระแสตอบรับส่วนมากเกิดขึ้นในโลกอิสลามที่มิใช่ชนชาติอาหรับ ในประเทศไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฯลฯ ตามข่าวในอินโดนีเซียตอนนี้มีชีอะห์นับล้านๆคนแล้ว ในประเทศในจีเรียซึ่งก่อนการปฏิวัติอิสลามในอิหร่านไม่มีชีอะห์แม้แต่คน เดียวแต่ตัวเลขที่ได้รับล่าสุดตอนนี้ในประเทศในจีเรียมีชีอะห์กว่าสี่ล้านคน แล้ว หลังจากการปฏิวัติอิสลามในอิหร่านกระแสตอบรับแนวทางชีอะห์จะถูกจำกัดไว้ใน โลกมุสลิมที่มิใช่อาหรับเสียส่วนมาก การปฏิวัติอิสลามในอิหร่านของท่านอิมามโคมัยนี (ร.ฮ) ไมได้ดึงดูดใจชนชาติอาหรับเนื่องจากไม่ใช่เป็นการปฏิวัติของชนชาติอาหรับ เท่านั้นเอง


แต่เมื่อถึงเวลา ที่พระองค์อัลลอฮ (ซ.บ) จะทรงเปลี่ยนแปลงชนชาติอาหรับ พระองค์ก็ได้ทรงทำให้ฮิซบุลลอฮ์ชนชาติอาหรับแห่งเลบานอนมีชัยชนะเหนือ อิสราเอล ซึ่งชัยชนะในครั้งนี้คือ \\\"การปฏิวัติครั้งที่สองของชีอะห์\\\"


หลังจากชัยชนะของ ฮิซบุลลอฮ์ในเลบานอน ศรัตรูของอิสลามจึงเริ่มคิดทุกวิถีทางเพื่อที่จะสกัดกั้นการแพร่ขยายของชี อะห์ทั่วทั้งโลก จึงได้มีการประชุมใหญ่ขึ้นที่เมืองอัลชะฮีม ประเทศอิสราเอลเพื่อทำการศึกษาอิสลามแนวทางชีอะห์กันใหม่ ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ชีอะห์ศึกษาที่พวกเขามีก็ทำงานกันอย่างขมักเขม้น ในเพนตากอนมีฝ่ายชีอะห์ศึกษา อิหร่านศึกษา อยู่แล้ว แต่เหตุการณ์ความพ่ายแพ้ของอิสราเอลครั้งล่าสุดกลายเป็นวาระเร่งด่วนที่สุด เพื่อหาทางสกัดกั้นกระแสชีอะห์ฟีเวอร์ที่เริ่มเข้าไปแพร่ขยายในชนชาติอาหรับ

อิสราเอลและอาหรับบาง ชาติรับไม่ได้และไม่พร้อมที่จะให้ชาติอาหรับชาติหนึ่งชาติใดประกาศตนเองเป็น ประเทศชีอะห์เกิดขึ้น แม้กระทั่งประเทศอิรัคเองที่มีชีอะห์มากที่สุดประชากรส่วนมากก็เป็นชีอะห์ ทั้งอาหรับ และตะวันตกก็ไม่พร้อมที่จะให้ประกาศตัวว่าเป็นประเทศที่สองของชีอะห์ เพราะมีอิหร่านประเทศชีอะห์ประเทศเดียวก็ยากลำบากต่อการสกัดกั้นอยู่แล้วขณะ นี้ และนี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่อเมริกายังไม่ยอมถอนกำลังออกจากอิรัค มีการวางแผนอย่างมากมายพยายามสนับสนุนการก่อการร้ายต่างๆ ให้เกิดขึ้นในอิรัค มีการเข่นฆ่าชีอะห์รายวันเพื่อลดจำนวนของชีอะห์ในประเทศอิรัค

จนถึงขั้นสนับสนุนให้ ชายอาหรับที่ไม่ใช่ชีอะห์แต่งงานให้มากที่สุดเพื่อเพิ่มประชากรสุนนี่ใน ประเทศอิรัค ไม่ใช่เท่าแต่ในอิรัคตอนนี้ในอิหร่านก็เกิดขึ้นแล้ว ตามรายงานที่ได้รับตอนนี้ตามชายแดนของประเทศอิหร่านที่มีพี่น้องสุนนี่อาศัย อยู่ได้มีกองทุนต่างๆ มากมายเข้าไปสนับสนุนให้พี่น้องสุนนี่เหล่านั้นมีภรรยาสี่คนทุกคน เพื่อที่จะทำให้คนส่วนมากของประเทศอิหร่านเป็นสุนนี่ในอนาคต นี่แสดงให้เห็นว่าศัตรูพยายามทุกวิถีทางทุกอย่าง คิดทุกแผนเพื่อสกัดกั้นแนวทางชีอะห์ ถึงแม้ว่าความสำเร็จจะเกิดขึ้นอีก 100 ปีข้างหน้าศัตรูเหล่านี้ก็พร้อมจะทำ

นี่คือสถานการณ์โลกที่ เกี่ยวข้องกับพวกเราชีอะห์โดยตรง จนถึงขั้นกับว่าเมื่อเร็วๆนี้ได้เปิดโอกาสให้ชนชาติอิหร่านอพยพ และเปลี่ยนสัญชาติได้ มีการซื้อความเป็นชีอะห์ มีการซื้ออุลามาชีอะห์ด้วยเงินจำนวนนับร้อยล้าน โดยการจ้างให้ออกมาประกาศตัวว่ากลับใจจากการเป็นชีอะห์และทำข่าวเผยแพร่ออก ไปทั่วโลกโดยเฉพาะในชาติอาหรับ ซึ่งไม่ได้เป็นเรื่องแปลกอะไรสำหรับอุลามาอ์จอมปลอมเหล่านั้นที่เห็นแก่เงิน ลุ่มหลงในดุนยา แต่ในเมื่อมันมีไม่มาก และเมื่อเจอกับอุลามาอ์หิวเงินขึ้นมาสักคนเลยกลายเป็นเรื่องแปลกและกลายเป็น ข่าวใหญ่ไปในทันที

การประชุมอย่างเป็น ทางการครั้งหนึ่งเมื่อสองปีก่อนในประเทศอิสราเอล ซึ่งได้มีบรรดานักวิชาการจากอเมริกา อังกฤษ อิสราเอล และชาติตะวันตกอีกหลายประเทศที่เข้าร่วมประชุม มีการเชิญนักรัฐศาสตร์ระดับโลก นักวิชาการระดับโลก ระดับแกนนำทั้งหมด ประชุมกันอย่างเร่งด่วนเพื่อหาวิธีการต่อกรกับชีอะห์ ซึ่งการประชุมได้มีบทสรุปโดยบทสรุปของฟรานซิส ฟูกูยามา เป็นชาวอเมริกันเชื้อสายญี่ปุ่น ปัจจุบันเขาเป็นศาสตราจารย์ด้าน lnternatonal Political Economy ที่มหาวิทยาลัย จอห์น ฮอบกิ้นส์

ตามรายงานบอกว่าฟูกู ยามาใช้เวลา 17 ปีในการศึกษาชีอะห์ เพราะบทสรุปที่เขามีให้ในที่ประชุมเป็นบทพิสูจน์ว่าเขาศึกษามาอย่างมากจริงๆ เขาเข้าใจชีอะห์อย่างสมบูรณ์ 17 ปีที่เขาศึกษาชีอะห์เขาได้สรุปในที่ประชุมวันนั้นว่า \\\"หากเปรียบชีอะห์ดั่งนก นกตัวนี้จะบินอยู่สูงกว่าวิถีการทำลายล้างของพวกเรา เพราะนกตัวนี้นั้น มีปีกอันทรงพลังสองข้าง ข้างหนึ่งปีกสีเขียว และอีกข้างปีกสีแดง\\\"

หลังจากนั้นเขาก็ได้อธิบายอย่างละเอียดแก่ที่ประชุมในวันนั้นว่า ปีกสีเขียวและสีแดงที่ชีอะห์มีคืออะไร?

ปีกสีแดงคือการปลูกฝัง เรื่องราวการเสียสละ เรื่องราวความรักความปราถนาต่อการเป็นชะฮีด พลีชีพในหนทางของพระผู้เป็นเจ้า และสุดยอดของมันคือเรื่องราวเหตุการณ์ของวันอาชูรออ์ในทุ่งกัรบะลาอ์ วีรกรรมของท่านอิมามฮูเซน (อ.) วีรกรรมอันนี้สามารถที่จะปลุกร้าวคนหนุ่มสาวคนเฒ่าคนแก่ของชีอะห์ได้ทุกวัน ทุกๆปีเมื่อเดือนมุหัรรอมมาถึงพวกเขาจะรำลึกกันทั่วโลก เพื่อให้พวกเขาพร้อมที่จะพลีชีวิตในหนทางของพระผู้เป็นเจ้าเช่นท่านอิมามฮู เซน (อ.) ได้ทุกเมื่อ ปีกสีแดงคือการปลูกฝังเรื่องราวแห่งอาชูรออ์

อีกข้างปีกสีเขียวก็ ทรงพลังไม่น้อยไปกว่าปีกสีแดงเช่นกัน นั่นคือการมีความเชื่อและความหวังต่อการมาปรากฏกายของท่านอิมามมะห์ดี (อ.) ผู้นำผู้สืบเชื้อสายของศาสดามุฮัมมัด (ศ.) ของชีอะห์



http://www.ahlulbait.org/main/content.php?page=sub&category=11&id=865


#75
ไม่เข้าหมวด / สถานการณ์โลก ตอนที่ 1
พฤศจิกายน 06, 2010, 02:34:27 หลังเที่ยง

สถานการณ์โลก ตอนที่ 1


โดย ฮุจญะตุลอิสลาม ซัยยิดสุไลมาน ฮูซัยนี


เรื่องของ สถานการณ์โลกอิสลามในช่วงเวลานี้นั้น แน่นอนมีหลายๆสถานการณ์เกิดขึ้นอย่างมากมาย แต่สถานการณ์ที่สำคัญและร้อนที่สุดในโลกตะวันตกและอิสลามขณะนี้ ซึ่งมีความจำเป็นต้องทราบและติดตามอย่างใกล้ชิด ต้องเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งในทุกๆสถานการณ์ที่เกิดขึ้น คือสถานการณ์หนึ่งสิ่งที่จะนำไปสู่เหตุการณ์อีกหลายๆเหตุการณ์ของโลก ก็คือสถานการณ์ของแนวทางชีอะห์ในยุคปัจจุบัน อาจจะกล่าวได้ว่าในสถานการณ์ยุคปัจจุบัน ชีอะห์ทั่วโลกกำลังอยู่ท่ามกลางอันตรายที่สุด

เนื่องจากการร่วมมือ กันของบรรดาพันธมิตรทั้งศัตรูคู่สงคราม และมุสลิมผู้กลับกลอกลัทธิวะฮาบีย์ได้รวมตัวกัน บุคคลเหล่านี้ซึ่งประกาศตัวเป็นศัตรูกับอะห์ลุลบัยต์ (อ.) อย่างชัดแจ้ง ได้ตัดสินใจอย่างแน่วแน่ที่จะหาทางหยุดการแพร่ขยายของแนวทางชี อะห์อิมามิยะห์ทั่วโลก ที่กำลังแพร่ขยายอย่างรวดเร็วไปทั่วทุกภูมิภาคของโลก และที่น่าหวาดกลัวที่สุดสำหรับพวกเขาก็คือ การแพร่ขยายในแถบประเทศอาหรับต่างๆ อย่างมาก ณ วันนี้ เหตุผลสำคัญที่ทำให้แนวทางแห่งอะห์ลุลบัยต์ (อ.) เป็นแนวทางที่ทำให้พี่น้องชาวอาหรับในประเทศต่างๆเริ่มเข้ามาน้อมรับ คือการได้รับชัยชนะของฮิซบุลลอฮ์แห่งเลบานอนเหนือรัฐเถื่อนอิสราเอลในสงคราม 33 วัน


หลังจากการได้รับ ชัยชนะของฮิซบุลลอฮ์แห่งเลบานอน ทำให้ชาวอาหรับมากมายที่ยังมีอุดมการณ์ที่พวกเขาเห็นพี่น้องชาวปาเลสไตน์ พี่น้องอาหรับของพวกเขาถูกกดขี่มาเป็นระยะเวลาอันยาวนาน แต่ยังไม่มีประเทศอาหรับชาติหนึ่งชาติใดที่สามารถจัดการกับอิสราเอลได้เลย ตลอดระยะเวลา 60 ปีที่ผ่านมา จนกระทั่งนำไปสู่ความเชื่อที่ว่าอาหรับจะไม่มีวันที่จะมีชัยเหนืออิสราเอล ได้อีกแล้ว ทั้งๆที่ว่าอิสราเอลนั้นเป็นประเทศที่เล็กที่สุดในตะวันออกกลาง ประชากรของอิสราเอลเมื่อเทียบกับชาติอาหรับถือว่าน้อยเป็นอย่างมาก ทั้งๆที่ชาติอาหรับมีประชากรจำนวนมากมีกองทัพมากมาย

แต่ไม่มีศักยาภาพพอที่ จะต่อกรกับอิสราเอลได้ซึ่งสภาพเช่นนี้ได้ทำให้เหล่าชนชาติอาหรับเบื่อหน่าย ต่อปัญหาปาเลสไตน์ อันความเป็นจริงแล้วปัญหาปาเลสไตน์สำหรับชาติอาหรับนั้นสำคัญอย่างมากที่พวก เขาต้องรับผิดชอบ เหตุผลแรกที่เขาต้องรับผิดชอบในฐานะที่พวกเขาคือชนชาติอาหรับ และอีกประการคือชาวปาเลสไตน์เป็นพี่น้องมุสลิมของพวกเขา ดังนั้นด้วยเหตุผลสองประการนี้ชาติอาหรับต่างๆไม่สามารถที่จะปัดความ รับผิดชอบปัญหาของชาวปาเลสไตน์ได้ แต่ทว่าภาพที่ถูกสร้างมาแต่อดีตจนถึงปัจจุบันก่อนหน้าสงคราม 33 วันนั้น ได้ทำให้ขวัญและกำลังใจของชนชาติอาหรับหมดสิ้น ไม่กล้าที่จะลุกขึ้นต่อสู้กับอิสราเอล เนื่องจากบทเรียนที่ได้มาจากสงคราม 6 วัน (Six-Day War) ที่อิสราเอลมีชัยเหนือชาติอาหรับอย่างราบคาบเมื่อสี่สิบกว่าปีที่แล้ว

สงครามที่อิสราเอลใน วันนั้นเพิ่งจะก่อร่างสร้างประเทศขึ้นมากองทัพก็ไม่ได้มีมากมายแต่สามารถรบ ชนะชาติอาหรับใหญ่ๆหลายชาติได้อย่างราบคาบ ซึ่งในวันนั้นมีประเทศอาหรับหลักๆคือ อียิป ซีเรีย จอร์แดน และเลบานอน แต่แค่ภายในเวลา 6 วัน อิสราเอลสามารถยึดครองคาบสมุทรซีนาย ฉนวนกาซา ดินแดนฝั่งตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดนหรือเวสต์แบงก์ และเขตที่ สูงโกลันได้ ซึ่งทั้งหมดนี้รวมเรียกว่าเขตยึดครอง (Occupied Territories) นั่นคือฝันร้ายที่คอยหลอกหลอนชนชาติอาหรับทั้งมวลมาตลอด แต่เป็นฝันกำลังใจของอิสราเอลและชาติตะวันตก อิสราเอลและชาติตะวันตกจึงใช้บทเรียนสงคราม 6 วันนั้น เป็นผีหลอกผู้นำชาติอาหรับและชนชาติอาหรับมาตลอดเวลา จนกระทั่งมาถึงสงคราม 33 วันระหว่างฮิซบุลลอฮและอิสราเอลจนทำให้อิสราเอลนั้นพ่ายแพ้อย่างยับเยิน เป็นชัยชนะที่ไม่มีใครคาดคิดและคาดฝันมาก่อนทั้งอาหรับและไม่ใช่อาหรับ

ชนชาติอาหรับช๊อคกับ ชัยชะในครั้งนี้ของฮิซบุลลอฮ์ เนื่องจากว่าฮิซบุลลอฮ์เป็นเพียงกองกำลังเล็กๆกองกำลังหนึ่งเท่านั้นเอง ฮิซบุลลอฮเป็นแค่ส่วนหนึ่งของประชากรประเทศเลบานอน ซึ่งประเทศเลบานอนก็เป็นประเทศที่ยากจนประเทศหนึ่งเนื่องจากต้องประสพกับ ปัญหาสงครามกลางเมืองมาตลอด และฮิซบุลลอฮก็เป็นแค่กองกำลังกลุ่มหนึ่งของประเทศเลบานอนแต่สามารถมีชัย เหนือกองกำลังอิสราเอลที่เป็นหนึ่งในบรรดามหาอำนาจโลก

ดังนั้นชัยชนะครั้งนี้ ของฮิซบุลลอฮ์จึงเรียกขวัญและกำลังใจของชนชาติอาหรับกลับคืนมาอีกครั้ง ทำให้ชนชาติอาหรับรู้ว่าเราสามารถมีชัยเหนืออิสราเอลได้เหมือนกัน ชัยชนะครั้งนี้ได้ทำให้ฮิซบุลลอฮกลายเป็นฮีโร่และเป็นที่กล่าวขวัญไปทั่ว ทั้งโลกโดยเฉพาะในชนชาติอาหรับ แต่ที่สำคัญกว่านั้น นั่นก็คือ \\\"ฮิซบุลลอฮ์คือขบวนการของชีอะห์\\\" และนั่นเป็นบทพิสูจน์ให้ชนชาติอาหรับเข้าใจอย่างลึกซึ้งที่สุดว่า \\\"ฮิซบุลลอฮ์สามารถพิชิตอิสราเอลได้เพราะพวกเขาอยู่ในแนวทางชีอะห์\\\" จนทำให้ชนชาติอาหรับทั้งหมดและชาวโลกเริ่มศึกษาแนวทางชีอะห์

รายงานล่าสุดตอนนี้ใน โลกอาหรับกำลังปั่นป่วนอย่างมากที่สุดในทุกระดับชนชั้นต่อการเริ่มศึกษา แนวทางชีอะห์ตั้งแต่ระดับรากหญ้าจนถึงระดับนักการเมืองระดับสูง ซึ่งขณะนี้นั้นผู้นำประเทศอิยิปได้สั่งจำคุกที่ปรึกษาของเขาหลายคนเพราะ ที่ปรึกษาเหล่านั้นเข้าสู่แนวทางชีอะห์ เรื่องราวแบบนี้ได้เกิดขึ้นแล้วในประเทศอาหรับหลายประเทศ บุตรชายของเชคยุซุฟ ก๊อรฏอวี ซึ่งเป็นอุลามะอ์ที่ยิ่งใหญ่คนหนึ่งของพี่น้องสุนนี่ที่เป็นที่ยอมรับของโลก มุสลิมเกือบทั้งโลก ได้ประกาศตัวว่าเขาเข้ารับแนวทางชีอะห์อิมามิยะห์แล้ว จนเป็นเหตุให้ เชคยูซุฟ ก๊อรฏอวี ซึ่งไม่เคยต่อต้านชีอะห์มาเลยก่อนหน้านี้ และเวลานี้เขากำลังต่อต้านชีอะห์อย่างรุนแรงแล้วเนื่องจากว่าไม่พอใจที่ลูก ชายของเขาเข้ารับแนวทางชีอะห์

และรายงานล่าสุดตอนนี้ บรรดาอุลามาอ์ระดับแนวหน้าของวะฮาบีย์ในประเทศซาอุดิอาราเบียซึ่งเหมือนจะ เป็นศรัตรูถาวรของชีอะห์ แต่เมื่อฮิซบุลลอฮ์ซึ่งเป็นชีอะห์มีชัยนะเหนืออิสราเอล ทำให้บรรดาอุลามาอ์ระดับแนวหน้าเหล่านั้นเริ่มกลับมาศึกษาแนวทางชีอะห์และ หลายคนประกาศตัวเข้ารับแนวทางชีอะห์แล้ว จนต้องถูกจองจำในคุกและกักบริเวณแต่ข่าวถูกปกปิดเอาไว้ นี่คือกระแสทางด้านบวกที่เกิดขึ้นตามแนวทางอะฮ์ลุลบัยต์