ข่าว:

SMF - Just Installed!

Main Menu
Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - L-umar

#61

ษะเกาะลัยน์  ( สิ่งหนัก  2 ประการ )



ท่านศาสดามุฮัมมัด(ขอพรและสันติจงมีแด่ท่านและวงศ์วานของท่าน)ได้กล่าวว่า
 
إِنِّي تَارِكٌ فِيْكُمْ الثَّقَلَيْنِ كِتَابَ اللَّهِ وَأَهْلَ بَيْتِيْ

ข้าพเจ้าขอมอบสิ่งหนักสองสิ่งไว้ในหมู่พวกท่านคือ คัมภีร์อัลกุรอ่านและอะฮ์ลุลบัยต์ของฉัน


   

หะดีษบทนี้มีชื่อว่า " ษะเกาะลัยน์ " แปลว่า " สิ่งหนักสองสิ่ง "  และผลของการยึดมั่นต่อสองสิ่งนี้คือ เขาจะได้รับความปลอดภัยและไม่หลงทาง  



ชีอะฮ์อาลีมักหยิบยกหะดีษษะเกาะลัยน์มาอ้างอิงถึงจุดยืนของตนเองเสมอ  
หากท่านถูกถามว่า หะดีษษะเกาะลัยน์ที่ซอฮิ๊ฮ์มันอยู่ในหนังสือชีอะฮ์ชื่ออะไร เล่มและหน้าที่เท่าไหร่ และหะดีษเลขที่เท่าไหร่ ?  
ลองถามตัวเองดูสิว่า ท่านสามารถตอบคำถามนี้ได้หรือไม่ หากตอบได้ย่อมแสดงว่าท่านมีหลักฐานอย่างถูกต้องตามสิ่งที่ท่านเชื่อถือ  
แต่ถ้าหากท่านตอบคำถามนี้ไม่ได้จะด้วยเหตุผลใดก็ตาม บัดนี้ถึงเวลาแล้วที่ท่านควรซ่อมเสริมจุดอ่อนและพัฒนาคุณภาพความเชื่อทางศาสนาของตนเองให้เข้มแข็งด้วยหลักฐานอ้างอิงอย่างถูกต้อง  เพื่อท่านจะได้เป็นชีอะฮ์อาลีที่มีคุณภาพมีความรู้อย่างแท้จริง และเป็นความภาคภูมิใจของอะฮ์ลุลบัยต์นะบี(ขอสันติจงมีแด่พวกเขา)  

อิม่ามญะอ์ฟัร อัศศอดิก (อะลัยฮิสสลาม) กล่าวว่า

مَعَاشِرَ الشِّـيْعَةِ كُوْنُوْا لَنَا زَيْناً وَ لَا تَكُوْنُوْا عَلَـيْنَا شَـيْناً

โอ้ชีอะฮ์ทั้งหลาย ! จงทำตัวเป็นเครื่องประดับสำหรับเรา  และจงอย่าทำตัวเป็นผู้สร้างความเสื่อมเสียอับอายให้กับเรา      
ดูวะซาอิลุชชีอะฮ์  เล่ม 12 : 194 หะดีษที่ 16063





۩  คำถาม :

คุณกล่าวว่า ชีอะฮ์คือผู้ปฏิบัติตามกิตาบุลลอฮ์และอะฮ์ลุลบัยต์   จงยกหะดีษกิตาบุลลอฮ์วะอะฮ์ลุลบัยตีที่ซอฮิ๊ฮ์ จากตำราชีอะฮ์และซุนนี่มาแสดง




►หะดีษษะเกาะลัยน์  จากตำราชีอะฮ์

บทที่ 1 -

( رَوَي الشَّيْخُ الْكُلَيْنِيُّ ) عَلِيُّ بْنُ إِبْرَاهِيمَ عَنْ مُحَمَّدِ بْنِ عِيسَى عَنْ يُونُسَ وَ عَلِيُّ بْنُ مُحَمَّدٍ عَنْ سَهْلِ بْنِ زِيَادٍ أَبِي سَعِيدٍ عَنْ مُحَمَّدِ بْنِ عِيسَى عَنْ يُونُسَ عَنِ ابْنِ مُسْكَانَ عَنْ أَبِي بَصِيرٍ قَالَ سَأَلْتُ أَبَا عَبْدِ اللَّهِ (ع)...
قَالَ رَسُوْلُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَآلِهِ وَسَلَّمَ : أُوْصِيْكُمْ بِكِتَابِ اللَّهِ وَ أَهْلِ بَيْتِي فَإِنِّي سَأَلْتُ اللَّهَ عَزَّ وَ جَلَّ أَنْ لَا يُفَرِّقَ بَيْنَهُمَا حَتَّى يُوْرِدَهُمَا عَلَيَّ الْحَوْضَ فَأَعْطَانِيْ ذَلِكَ
الكافي ج 1  ص 287 ح 1
مَرْكَزُ الْبُحُوْثِ الْكومبيوترية لِلْعُلُوْمِ الْإِسْلاَمِيَّةِ : صَحِيْحٌ

ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)กล่าวว่า : ฉันขอสั่งเสียพวกท่าน ด้วย(การปฏิบัติตาม)คัมภีร์ของอัลลอฮ์และอะฮ์ลุลบัยต์ของฉัน  ฉันได้ขอต่ออัลลอฮ์อัซซะวะญัลว่าโปรดอย่าแยกทั้งสองสิ่งออกจากกัน จนกว่าจะทรงนำทั้งสองสิ่งมายังฉันที่อัลเฮาฏ์(สระเกาษัร) แล้วพระองค์ทรงให้สิ่งนั้นแก่ฉัน

ดูอัลกาฟี  โดยเชคกุลัยนี  ( 259 – 329 ฮ.ศ. ) เล่ม 1 : 286 หะดีษที่ 1  
สถานะหะดีษซอฮิ๊ฮ์  ตรวจทานโดยมัรกัซบุฮูซ คอมพิวเตอร์ ลิลอุลูมิลอิสลามียะฮ์  กุม อิหร่าน



สายรายงานของอิม่ามศอดิกถึงรอซูลุลลอฮ์(ศ)มีดังนี้  อิม่ามศอดิก ผู้นำที่ 6 กล่าวว่า  :

حَدِيْثِي حَدِيْثُ أَبِي وَ حَدِيْثُ أَبِي حَدِيْثُ جَدِّي وَ حَدِيْثُ جَدِّي حَدِيْثُ الْحُسَيْنِ وَ حَدِيْثُ الْحُسَيْنِ حَدِيْثُ الْحَسَنِ وَ حَدِيْثُ الْحَسَنِ حَدِيْثُ أَمِيْرِ الْمُؤْمِنِينَ ( ع ) وَ حَدِيْثُ أَمِيْرِ الْمُؤْمِنِينَ حَدِيْثُ رَسُولِ اللَّهِ (صلى الله عليه وآله )

หะดีษของฉันคือ หะดีษของบิดาฉัน(อิม่ามบาเก็ร), หะดีษของบิดาฉันคือหะดีษของปู่ฉัน (อิม่ามอาลีบินฮูเซน) , หะดีษของปู่ฉันคือหะดีษของอิม่ามฮูเซน , หะดีษของอิม่ามฮูเซนคือหะดีษของอิม่ามฮาซัน , หะดีษของอิม่ามฮาซันคือหะดีษของอิม่ามอาลี , หะดีษของอิม่ามอาลีคือ คำพูดของท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)

ดูอัลกาฟี  โดยเชคกุลัยนี  เล่ม 1 : 53 หะดีษที่  14  สายรายงานเชื่อได้

บทที่ 2 -

 ( رَوَي مُحَمَّدُ بْنُ حَسَنِ الصَّفاَّرُ ) حَدَّثَنَا مُحَمَّدُ بْنُ الْحُسَيْنِ عَنْ جَعْفَرِ بْنِ بَشِيرٍ عَنْ ذَرِيحِ بْنِ يَزِيدَ عَنْ أَبِيْ عَبْدِ اللَّهِ عَلَيْهِ السَّلَام قَالَ :
قَالَ رَسُوْلُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَآلِهِ وَسَلَّمَ :
إِنِّي قَدْ تَرَكْتُ فِيْكُمْ الثَّقَلَيْنِ كِتَابَ اللَّهِ وَ أَهْلَ بَيْتِي فَنَحْنُ أَهْلُ بَيْتِهِ

มุฮัมมัด บินอัลฮูเซน จากญะอ์ฟัร บินบะชีร จากซะเรี๊ยะห์ บินยาซีด จากอิม่ามอะบีอับดิลละฮ์  (ได้เล่าจากบิดาและปู่ทวดของเขาว่า )  ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)กล่าวว่า : แท้จริงฉันได้ทิ้งไว้ในหมู่พวกท่านสิ่งหนักสองสิ่งคือ คัมภีร์ของอัลลอฮ์และอะฮ์ลุลบัยต์ของฉัน ดังนั้นพวกเราคืออะฮ์ลุลบัยต์ของเขา

ดูบะซออิรุดดะเราะญ๊าต โดยอัศศ็อฟฟ้าร  หน้า  424  หะดีษที่  4  
สถานะหะดีษ  สายรายงานเชื่อถือได้



พิเคราะห์สะนัดหะดีษ

มุฮัมมัด บินอัลฮูเซน จากญะอ์ฟัร บินบะชีร จากซะเรี๊ยะห์ บินยาซีด จากอิม่ามอะบีอับดิลละฮ์ จากรอซูลุลลอฮ์(ศ)

มุฮัมมัด บินฮาซัน อัศศ็อฟฟ้าร มรณะฮ.ศ.290  ( สาวกอิม่ามฮาซันอัสการี อ.) :  
เชคอะหมัด บินอาลี อันนะญาชี ( 372-450 ฮ.ศ.) กล่าวว่า  มุฮัมมัด บินฮาซัน บินฟัรรูค อัศศอฟฟาร  : เชื่อถือได้  ดูริญาลนะญาชี  อันดับที่  948

มุฮัมมัด บินอัลฮูเซน บินอะบิลค็อตตอบ มรณะฮ.ศ.262  :
เชคมุฮัมมัดบินอัลฮาซัน อัตตูซี่(385-460 ฮ.ศ.)กล่าวว่า  มุฮัมมัด บินอัลฮูเซน  : เชื่อถือได้ ดูริญาลเชคตูซี่  อันดับที่  5615
เชคอะหมัด บินอาลี อันนะญาชี ( 372-450 ฮ.ศ.) กล่าวว่า  มุฮัมมัด บินอัลฮูเซน  : เชื่อถือได้  ดูริญาลนะญาชี  อันดับที่  897
อัลลามะฮ์ฮิลลี่(648-726 ฮ.ศ.)กล่าวว่า  มุฮัมมัด บินอัลฮูเซน  : เชื่อถือได้ ดูคุลาเศาะตุลอักวาล  อันดับที่  20

ญะอ์ฟัร บินบะชีร อัลบะญะลี มรณะฮ.ศ.208 :
เชคมุฮัมมัดบินอัลฮาซัน อัตตูซี่(385-460 ฮ.ศ.)กล่าวว่า  ญะอ์ฟัร บินบะชีร อัลบะญะลี  : เชื่อถือได้ ดูฟะฮ์ร็อสตูซี่  อันดับที่  131
เชคอะหมัด บินอาลี อันนะญาชี ( 372-450 ฮ.ศ.) กล่าวว่า ญะอ์ฟัร บินบะชีร อัลบะญะลี  : เชื่อถือได้ ดูริญาลนะญาชี  อันดับที่  304
อัลลามะฮ์ฮิลลี่(648-726 ฮ.ศ.)กล่าวว่า ญะอ์ฟัร บินบะชีร   : เชื่อถือได้ ดูคุลาเศาะตุลอักวาล  อันดับที่  7

ซะเรี๊ยะห์ อัลมุฮาริบี มรณะฮ.ศ.148 :  
เชคอะหมัด บินอาลี อันนะญาชี ( 372-450 ฮ.ศ.) กล่าวว่า  ซะเรี๊ยะห์ บินมุฮัมมัด บินยาซีด อบุลวะลีด อัลมุฮาริบี  เขารายงานหะดีษจากอะบีอับดิลละฮ์(อิม่ามศอดิก)และอิม่ามอบิลฮาซัน    ดูริญาลนะญาชี  อันดับที่  431
เชคมุฮัมมัดบินอัลฮาซัน อัตตูซี่(385-460 ฮ.ศ.)กล่าวว่า  ซะเรี๊ยะห์ อัลมุฮาริบี : เชื่อถือได้ ดูอัลฟะฮ์ร็อสตูซี่  อันดับที่  279


บทที่ 3 -

قَالَ رَسُوْلُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَآلِهِ وَسَلَّمَ : إِنِّي تَارِكٌ فِيْكُمْ أَمْرَيْنِ إِنْ أَخَذْتُمْ بِهِمَا لَنْ تَضِلُّوْا كِتَابَ اللَّهِ عَزَّ وَ جَلَّ وَ أَهْلَ بَيْتِي عِتْرَتِي

ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)กล่าวว่า : แท้จริงฉันคือผู้ทิ้งไว้ในหมู่พวกท่านสองสิ่ง หากพวกท่านยึดเอาสองสิ่งนั้นไว้ พวกท่านจะไม่หลงทางอย่างเด็ดขาดคือ  คัมภีร์ของอัลลอฮ์และอะฮ์ลุลบัยตีคืออิตเราะฮ์ของฉัน  

ดูอัลกาฟี โดยเชคกุลัยนี  เล่ม 1 : 294  หะดีษที่ 3  
#62
นิสัยทรามหลักๆของพวกวาฮาบีบางคนคือ  ชอบอ้างว่า  กูถูก  คนอื่นโกหก


และนิสัยทรามนี้คงแก้ไม่หาย    เพราะสันดอนนั้นขุดได้  แต่สันดานคนนั้นขุดยาก เนื่องจากคนประเภทนี้ขาดการขัดเกลาทางจิตวิญญาณอย่างแท้จริง จึงยากที่จะประสบความสำเร็จได้ ดังที่อัลลอฮ์ตะอาลาตรัสว่า

قَدْ أَفْلَحَ مَنْ زَكَّاهَا  وَقَدْ خَابَ مَنْ دَسَّاهَا  كَذَّبَتْ ثَمُودُ بِطَغْوَاهَا

9. แน่นอนผู้ขัดเกลาชีวิตย่อมได้รับความสำเร็จ  10. และแน่นอนผู้หมกมุ่นมัน (ด้วยการทำชั่ว) ย่อมล้มเหลว
11. พวกซะมูดได้ปฏิเสธด้วยการละเมิดขอบเขตของพวกเขา     ดูซูเราะฮ์  อัชชัมส์



หากอาเล่มวาฮาบีใส่ร้ายชีอะฮ์    เมื่อฝ่ายชีอะฮ์ได้ออกมาให้คำตอบกับเขาด้วยเหตุผลและหลักฐาน

ทางออกง่ายๆของอาเล่มวาฮาบีคือ  ออกมาบอกว่า  พวกชีอะฮ์โกหก  

นักปราชญ์ขี้ยาอย่างอาจารย์ฟารีดมักใช้มุขนี้หากิน และใช้ลิ้นอันปลิ้นปล่อนของเขาหลอกลวงพี่น้องซุนนี่ตาดำๆมาตลอดว่า  พวกชีอะฮ์โกหก  การที่เขาพูดใส่ร้ายชีอะฮ์ว่าเป็นคนโกหกนั้นทำได้ง่ายๆ

เพราะถึงอาเล่มวาฮาบีไม่ออกมาพูดแบบนี้  พวกจิตมืดบอดก็มีใจอคติกับฝ่ายชีอะฮ์เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว  

ดังนั้นไม่ว่าอาเล่มโฉดคนใดได้บอกกับพวกพ้องว่าชีอะฮ์มุสา มันก็เท่ากับเป็นการใส่ฟืนให้ไฟลุกโชนขึ้นไปอีก


อย่างไรก็ตาม   เราก็ต้องทำหน้าที่ประจานความเท็จของอาจารย์ฟารีดให้ชัดเจนมากขึ้นไปอีก เพื่อหวังว่าอัลลอฮ์ตะอาลาจะทรงฮิดายัตให้เส้นผมบางเส้นที่บังตาพี่น้องบางท่านให้เข้าใจว่า

อาจารย์ฟารีด เฟ็นดี้นั่นแหล่ะที่โกหก   ดังนี้  →
#63
ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)กับหะดีษ  12  อิม่าม ( บทที่ 3)



Θ สะนัดหะดีษ  ►

رَوَي الشَّيْخُ الصَّدُوْقُ :

حَدَّثَنَا مُحَمَّدُ بْنُ مُوسَى بْنُ الْمُتَوَكِّلِ رَضِيَ اللَّهُ عَنْهُ قَالَ: حَدَّثَنَا مُحَمَّدُ بْنُ أَبِي عَبْدِ اللَّهِ الْكُوفِيُّ قَالَ: حَدَّثَنَا مُوسَى بْنُ عِمْراَنَ النَّخَعِيُّ، عَنْ عَمِّهِ الْحُسَيْنِ بْنِ يَزِيدَ ، عَنِ الْحَسَنِ بْنِ عَلِيٍّ بْنِ سَالِمٍ ، عَنْ أَبِيهِ ، عَنْ أَبِي حَمْزَةَ ، عَنْ سَعِيدِ بْنِ جُبَيْرٍ عَنْ عَبْدِ اللَّهِ بْنِ عَبَّاسٍ قَالَ :

Θ มะตั่นหะดีษ  ►

قَالَ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَآلِهِ :

إِنَّ اللَّهَ تَبَارَكَ وَتَعَالَى اطَّلَعَ إِلَى الْأَرْضِ  إِطْلاَعَةً فَاخْتاَرَنِيْ مِنْهاَ فَجَعَلَنِيْ نَبِياًّ، ثُمَّ اطَّلَعَ الثاَّنِيَّةَ فَاخْتاَرَ مِنْهاَ عَلِياًّ فَجَعَلَهُ إِماَماً، ثُمَّ أَمَرَنِيْ أَنْ أَتَّخِذَهُ أَخاً وَوَلِياًّ وَوَصِياًّ وَخَلِيْفَةً وَوَزِيْراً، فَعَلِىٌّ مِنِّيْ وَأَناَ مِنْ عَلِيٍّ وَهُوَ زَوْجُ ابْنَتِيْ وَأَبُوْسِبْطَيِ الْحَسَنِ وَالْحُسَيْنِ، أَلاَ وَإِنَ اللهَ تَباَرَكَ وَتَعاَلَى جَعَلَنِيْ وَإِياَّهُمْ حُجَجاً عَلَى عِباَدِهِ، وَجَعَلَ مِنْ صُلْبِ الْحُسَيْنِ أَئِمَّةً يَقُوْمُوْنَ بِأَمْرِيْ، وَيِحْفِظُوْنَ وَصِيَّتِيْ ، التاَّسِعُ مِنْهُمْ قاَئِمُ أَهْلِ بَيْتِيْ، وَمَهْدِيُّ اُمَّتِيْ، أَشْبَهُ النَّاسِ بِيْ فِي شَمَائِلِهِ وَأَقْوَالِهِ وَأَفْعاَلِهِ يَظْهَرُ بَعْدَ غَيْبَةٍ طَوِيْلَةٍ وَحَيْرَةٍ مُضِلَّةٍ، فَيُعْلِنُ أَمْرَ اللهِ، وَيُظْهِرُ دِيْنَ اللهِ عَزَّوَجَلَّ، يُؤَيَّدُ بِنَصْرِ اللهِ وَيُنْصَرُ بِمَلاَئِكَةِ اللهِ، فَيَمْلَأُ الْأَرْضَ قِسْطًا وَعَدْلًا كَمَا مُلِئَتْ جَوْرًا وَظُلْمًا

Θ สายรายงาน  ►

เชคศอดูกเล่าว่า : มุฮัมมัด บินมูซา บินอัลมุตะวักกิลเล่าให้เราฟัง เขากล่าวว่า   มุฮัมมัด บินอะบีอับดิลละฮ์ อัลกูฟีเล่าให้เราฟัง เขากล่าวว่า  มูซา บินอิมรอน อันนะเคาะอีเล่าให้เราฟัง   จากลุงของเขาคืออัลฮูเซน บินยาซีด  จากอัลฮาซัน บินอาลี บินซาลิม  จากบิดาของเขา  จากอะบีฮัมซะฮ์(อัษษุมาลี) จากสะอีด บินญุเบร จากท่านอับดุลเลาะฮ์ บินอับบาสเล่าว่า  :

ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)กล่าวว่า

แท้จริงอัลเลาะฮ์ (ตะบาร่อกะ วะตะอาลา ) ทรงเผยแก่ชาวโลกในครั้งแรก  ทรงคัดเลือกฉันมาจากชาวโลก แล้วทรงแต่งตั้งฉันให้เป็นนะบี  แล้วต่อมาพระองค์ทรงเผยเป็นครั้งที่สอง  แล้วทรงคัดเลือกอาลีจากชาวโลก แล้วพระองค์แต่งตั้งเขาเป็นอิหม่าม  

จากนั้นพระองค์ได้บัญชาให้ฉันเอาเขา(อาลี)เป็นพี่น้อง เป็นวะลี(คนรัก) เป็นวะซี(ผู้สืบทอดเจตนารมณ์) เป็นคอลีฟะฮ์(ผู้ปกครองสืบต่อจากฉัน) และเป็นวะซีร(ที่ปรึกษา)

ดังนั้นอาลีมาจากฉันและฉันมาจากอาลี และเขาเป็นสามีบุตรีของฉันและเป็นบิดาหลานทั้งสองของฉันคือฮาซันและฮูเซน

พึงรู้เถิดว่า แท้จริงอัลลอฮ์(ตะบาร่อกะ วะตะอาลา) ทรงแต่งตั้งฉันและพวกเขาให้เป็นฮุจญะฮ์(หลักฐาน)บนปวงบ่าวของพระองค์

และทรงแต่งตั้งจากบุตรที่สืบเชื้อสายมาจากฮูเซนให้เป็นบรรดาอิม่ามผู้นำ  พวกเขาจะปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งของฉัน พวกเขาจะรักษาวะซียะฮ์(คำสั่งเสีย)ของฉัน (อิม่ามผู้นำ)คนที่ 9  จากพวกเขา(จากบุตรของฮูเซน)คือ กออิมแห่งอะฮ์ลุลบัยต์ของฉัน

เขาคือบุคคลที่เหมือนฉันมากที่สุด ทั้งในรูปประพรรณสัญฐาน  คำพูดและการกระทำต่างๆของเขา

เขาจะปรากฏตัวหลังจากการหายตัวไปอย่างยาวนาน และความมืนงงที่หลงทาง แล้วจากนั้นเขาจะทำการประกาศพระบัญชาของอัลลอฮ์

และเขาจะทำให้ศาสนาของอัลลอฮ์นั้น(ประจักษ์แจ้งเหนือศาสนาอื่นทั้งมวล)  เขาจะได้รับการสนับสนุนด้วยการช่วยเหลือของอัลลอฮ์ และเขาจะได้รับความช่วยเหลือโดยบรรดามลาอิกะฮ์ของอัลลอฮ์

แล้วเขาจะเติมโลกให้เต็มไปด้วยความเที่ยงธรรมและความยุติธรรมดั่งที่มันเคยเกลื่อนกลาดไปด้วยความอธรรมและการกดขี่

อ้างอิงจากหนังสือ
กะมาลุดดีน  วะตะมามุนนิ๊อ์มะฮ์ บาบที่ 24  หน้า  257  หะดีษที่ 2


http://www.rafed.net/books/hadith/kamal/14.html#62
#64
ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)กับหะดีษ  12  อิม่าม ( บทที่ 2)

Θ สะนัดหะดีษ  ►

قاَلَ الشَّيْخُ الصَّدُوْقُ :

حَدَّثَنَا ْ أَحْمَدُ بْنُ زِيَادِ بْنِ جَعْفَرٍ الْهَمَذَانِي‏ قَالَ : حَدَّثَنَا عَلِىُّ بْنُ اِبْرَاهِيْمَ بْنِ هَاشِمٍ عَنْ أَبِيْهِ عَنْ مُحَمَّدِ بْنِ أَبِي عُمَيْر عَنْ غِيَاثِ بْنِ إِبْرَاهِيْمَ عَنِ الصَّادِقِ جَعْفَرِ بْنِ مُحَمَّدٍ عَنْ أَبِيْهِ مُحَمَّدِ بْنِ عَلِىٍ عَنْ أَبِيْهِ عَلِىِّ بْنِ الْحُسَيْنِ عَنْ أَبِيْهِ الْحُسَيْنِ بْنِ عَلِىٍّ عَلَيْهِ السَّلاَمِ قَالَ:

Θ มะตั่นหะดีษ  ►

سُئِلَ أَمِيْرُ الْمُؤْمِنِيْنَ عَلَيْهِ السَّلاَمِ عَنْ مَعْنَى قَوْلِ رَسُوْلِ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَآلِهِ إِنِّىْ مُخَلِّفٌ فِيْكُمُ الثَّقَلَيْنِ كِتَابُ اللهِ وَعِتْرَتِيْ مَنِ الْعِتْرَةُ ؟ فَقَالَ : أَنَا وَالْحَسَنُ وَالْحُسَيْنُ وَالْأَئِمَّةُ التِّسْعَةُ مِنْ وُلْدِ الْحُسَيْنِ تَاسِعُهُمْ مَهْدِيُّهُمْ وَقَائِمُهُمْ لاَ يُفَارِقُوْنَ كِتَابَ اللهِ وَلاَ يُفَارِقُهُمْ حَتَّى يَرِدَوْا عَلَى رَسُوْلِ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَآلِهِ حَوْضَـهُ

เชคศอดูกเล่าว่า :   อะหมัด บินซิยาด บินญะอ์ฟัร อัลฮะมะดานีเล่าให้เราฟัง จากอาลี บินอิบรอฮีม บินฮาชิมจากบิดาเขา จากมุฮัมมัด บินอะบีอุมัยริน จากฆิยาษ บินอิบรอฮีมเล่าว่า :  จากอิม่ามอัศศอดิก ญะอ์ฟัร บินมุฮัมมัด จากบิดาเขาคืออิม่ามมุฮัมมัด บินอาลี จากบิดาเขาคืออิม่ามอาลี บินฮูเซน จากบิดาเขาคืออิม่ามฮูเซน บินอาลีเล่าว่า :

ท่านอิม่ามอะมีรุลมุอ์มินีน(อิม่ามอาลี) ถูกถามถึงความหมายของวจนะ


ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)ที่กล่าวว่า :

แท้จริงฉันได้มอบสิ่งหนักสองสิ่งไว้ในหมู่พวกท่าน  สิ่งแรกคือคัมภีร์ของอัลลอฮ์และอิตเราะฮ์ของฉัน,(ว่า) ใครคืออิตเราะฮ์ ?

ท่าน(อิม่ามอาลี)ได้ตอบว่า :  คือฉัน , ฮาซัน , ฮูเซนและบรรดาอิม่ามอีก 9 คนที่สืบเชื้อสายจากลูกหลานของฮูเซน  คนที่ 9 คือมะฮ์ดีของพวกเขาและคือกออิมของพวกเขา  


พวกเขาจะไม่แยกจากคัมภีร์ของอัลลอฮ์ และคัมภีร์ของอัลลอฮ์ก็จะไม่แยกจากพวกเขา จนทั้งสองจะกลับคืนมายังท่านรอซูลุลลอฮ์ที่สระอัลเฮาฎ์ของท่าน


ดูหนังสืออุยูนุ อัคบาริลริฎอ(อ)  โดยเชคศอดูก  เล่ม 1 : 57 หะดีษที่ 25

สถานะหะดีษ : สายรายงานเชื่อถือได้ทั้งหมด




۩ พิเคราะห์สายรายงานหะดีษ


1.เชคศอดูก→ 2.อะหมัด บินซิยาด บินญะอ์ฟัร อัลฮะมะดานี → 3.อาลี บินอิบรอฮีม บินฮาชิม→ 4.จากบิดาเขา→ 5. มุฮัมมัด บินอะบีอุมัยริน → 6. ฆิยาษ บินอิบรอฮีม → 7. อิม่ามญะอ์ฟัร(อัศศอดิก) บินมุฮัมมัด → 8. อิม่ามมุฮัมมัด(อัลบาเก็ร) บินอาลี → 9. อิม่ามอาลี(ซัยนุลอาบิดีน) บินฮูเซน → 10. อิม่ามฮูเซน บินอาลี → 11. อิม่ามอาลี บินอะบีตอลิบ


1. เชคศอดูก ( 305 – 381 ฮ.ศ.รวมอายุ 76 ปี)  →

เชคศอดูกอยู่ในยุคตัวแทนพิเศษ(นาอิบค็อศ)คนสุดท้ายของอิม่ามมะฮ์ดี เขารายงานหะดีษจากบิดาของเขาชื่อ อาลี บินอัลฮูเซน บินบาบะวัยฮฺ อัลกุมมี บิดาเชคศอดูกเคยเข้าพบอิม่ามฮาซันอัสการี อิม่ามคนที่ 11 และเขาอยู่จนถึงยุคฆ็อยบะฮ์ของอิม่ามท่านที่ 12  

กุตุบอัรบะอะฮ์(ตำราหะดีษชีอะฮ์ทั้งสี่) มีดังต่อไปนี้คือ
1. อัลกาฟี   ผู้เรียบเรียงเชคมุฮัมมัดบินยะอ์กูบ รู้จักกันในนามเชคกุลัยนี  มรณะ ฮ.ศ. 329

2. มันลายะห์ฎุรุฮุลฟะกีฮ์ ผู้เรียบเรียงเชคมุฮัมมัดบินอาลีบินฮูเซน บินบาบะวัยฮฺ อัลกุมมี รู้จักกันในนามเชคศอดูก  มรณะ ฮ.ศ.381

3. ตะฮ์ซีบุลอะห์กาม 4.อัลอิสติบศ็อร   ผู้เรียบเรียงคือเชคมุฮัมมัดบินอัลฮาซัน รู้จักกันในนามเชคตูซี่ มรณะ ฮ.ศ. 460

ชื่อเต็มของเชคศอดูกคือ

الشيخ أبو جعفر  محمد بن علي بن الحسين بن وسي بن بابويه القمي  المعروف بالشيخ الصدوق

เชคอะบูญะอ์ฟัร     มุฮัมมัด บินอาลี บินอัลฮูเซน บินมูซา บินบาบะวัยฮฺ  อัลกุมมี   รู้จักกันนาม  เชคศอดูก

เกิด
เชคศอดูกเกิดหลังปีฮ.ศ. 305  ที่เมืองกุม  ประเทศอิหร่าน   ด้วยบะร่อกัตจากการขอดุอาอ์ของอิม่ามมะฮ์ดี(อ)

มรณะ
เชคศอดูกมรณะฮ.ศ. 381 ที่เมืองเรย์ อยู่ทางตอนใต้ของเมืองเตฮะราน ประเทศอิหร่าน  ร่ายของเขาถูกฝังอยู่ใกล้กับสุสานของท่านสัยยิดอับดุลอะซีม อัลฮาซานี

คำวิจารณ์สถานะของเชคศอดูก

1- เชคตูซี่กล่าวว่า  

مُحَمَّدُ بْنُ عَلِىِّ بْنِ الْحُسَيْنِ بْنِ مُوسَى بْنِ باَبَوَيْهِ الْقُمِّيُّ، يُكْنَى أَباَ جَعْفَرٍ، كاَنَ جَلِيْلاً حاَفِظاً لِلأَحاَدِيْث بَصِيْراً بِالرِّجاَلِ ناَقِداً لِلأخْباَرِ لَمْ يُرَ فِي الْقُمِّيِّيْنَ مِثْلَهُ فِي حِفْظِهِ وَ كَثْرَةِ عِلْمِهِ

มุฮัมมัด บินอาลี บินอัลฮูเซน บินมูซา บินบาบะวัยฮฺ  อัลกุมมี  ฉายาอะบูญะอ์ฟัร    : เขาเป็นผู้ทรงคุณวุฒิระดับสูง  นักท่องจำหะดีษ    ผู้เชี่ยวชาญอิลมุลริญาล  นักวิจารณ์สายรายงานหะดีษ   ไม่เคยเห็นในชาวเมืองกุมคนใดเหมือนเขาในความจำของเขา และในความรู้ที่มากมายของเขา
ดูอัลฟะฮ์ร็อสต์ โดยเชคตูซี่  อันดับที่  695  

2- อิบนุดาวูดกล่าวว่า

مُحَمَّدُ بْنُ عَلِىِّ بْنِ الْحُسَيْنِ بن بابويه  أبو جعفر جليل القدر حفظة بصير بالفقه والاخبار شيخ الطائفة وفقيهها ووجهها بخراسان

มุฮัมมัด บินอาลี บินอัลฮูเซน บินมูซา บินบาบะวัยฮฺ  อัลกุมมี  ฉายาอะบูญะอ์ฟัร    : เขาเป็นผู้ทรงคุณวุฒิระดับสูง  นักท่องจำหะดีษ    ผู้เชี่ยวชาญด้านฟิกฮ์และรายงานหะดีษ  คือชัยค์แห่งกลุ่มปราชญ์ชีอะฮ์ เป็นฟะกีฮ์และเป็นหัวหน้ากลุ่มที่เมืองคูรอซาน
ดูริญาล อิบนิดาวูด  อันดับที่  1455  

3-อัลลามะฮ์ฮิลลีกล่าวว่า

مُحَمَّدُ بْنُ عَلِىِّ بْنِ الْحُسَيْنِ بن موسى بن بابويه القمي أبوجعفر نزيل الري شيخنا وفقيهنا ووجه الطائفة بخراسان، كان جليلا حافظا الاحاديث بصيرا بالرجال ناقدا للاخبار لم ير في القميين مثله في حفظه وكثرة علمه

มุฮัมมัด บินอาลี บินอัลฮูเซน บินมูซา บินบาบะวัยฮฺ  อัลกุมมี  อะบูญะอ์ฟัร    : พำนักอยู่ที่เมืองเรย์ (อิหร่าน)  เขาเป็นเชค(นักปราชญ์)ของเรา เป็นฟะกีฮ์ของเรา และเป็นหัวหน้ากลุ่มที่เมืองคูรอซาน
เขาคือผู้ทรงคุณวุฒิระดับสูง  นักท่องจำหะดีษ   ผู้เชี่ยวชาญอิลมุลริญาล  นักวิจารณ์สายรายงานหะดีษ ไม่เคยเห็นชาวเมืองกุมคนใดเหมือนเขาในความจำของเขา และในความรู้ที่มากมายของเขา
ดูคุลาเศาะตุลอักวาล โดยอัลลามะฮ์ฮิลลี  อันดับที่  44  

เชคอับบาส อัลกุมมีกล่าวว่า  

(ابن بابويه) أبوجعفر مُحَمَّدُ بْنُ عَلِىِّ بْنِ الْحُسَيْنِ بن موسى بن بابويه القمي، شيخ الحفظة ووجه الطائفة المستحفظة رئيس المحدثين والصدوق فيما يرويه عن الائمة الطاهرين (ع) ولد بدعاء مولانا صاحب الامر (ع)

อิบนุบาบะวัยฮฺ  อะบูญะอ์ฟัร  มุฮัมมัด บินอาลี บินอัลฮูเซน บินมูซา บินบาบะวัยฮฺ  อัลกุมมี   คือชัยค์แห่งนักท่องจำ เป็นหัวหน้ากลุ่มนักท่องจำหะดีษ  เป็นหัวหน้าบรรดานักรายงานหะดีษ และเชื่อถือได้ในสิ่งที่เขารายงานหะดีษจากบรรดาอิม่ามผู้บริสุทธิ์(อ) เขาเกิดมาด้วยการขอดุอาอ์ของอิม่ามซอฮิบุลอัมริ(อ)
ดูอัลกุนาวัลอัลกอบ โดยเชคอับบาสกุมมี  เล่ม 33 หน้า 1


2.อะหมัด บินซิยาด บินญะอ์ฟัร อัลฮะมะดานี →

เขาคือสาวกของอิม่ามอาลีอัลฮาดี อิม่ามคนที่ 10

ท่านอิบนุดาวูดกล่าวว่า

أحْمَدُ بْنُ زِياَدِ بْنِ جَعْفَرٍ الْهَمَذاَنِيُّ  ثِقَةً

อะหมัด บินซิยาด บินญะอ์ฟัร อัลฮะมะดานี   เชื่อถือได้ในการรายงาน
ดูริญาลอิบนิดาวูด  อันดับที่  77

อัลลามะฮ์ฮิลลีกล่าวว่า

أحْمَدُ بْنُ زِياَدِ بْنِ جَعْفَرٍ الْهَمَذاَنِيُّ كاَنَ رَجُلاً ثِقَةً دِيْناً فاَضِلاً رضى الله عنه

อะหมัด บินซิยาด บินญะอ์ฟัร อัลฮะมะดานี   เขาเป็นคนที่เชื่อถือได้ในการรายงาน มีศาสนา มีความประเสริฐ  ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ
ดูคุลาเศาะตุลอักวาล  อันดับที่  37

สัยยิดอาลี อัลบุรูญัรดีกล่าวว่า

أحْمَدُ بْنُ زِياَدِ بْنِ جَعْفَرٍ الْهَمَذاَنِيُّ  ثِقَةً، روى عنه أبو جعفر بن بابويه، وقد أثنى عليه في اكمال الدين، فقال: كان رجلا ثقة دينا فاضلا، وقد وثقه في \\\" صه \\\" وأثنى عليه هكذا فالرجل مقبول الرواية بلا ريب

อะหมัด บินซิยาด บินญะอ์ฟัร อัลฮะมะดานี   เชื่อถือได้ในการรายงาน  ท่านอะบูญะอ์ฟัร บินบาบะวัยฮฺ(เชคศอดูก)ได้รายงานหะดีษจากเขา  และได้ยกย่องต่อเขาเอาไว้ในหนังสือกะลมาลุดดีน โดย(เชคศอดูก)ได้กล่าวว่า  เขา(อะหมัดบินซิยาด)เป็นคนที่เชื่อถือได้ในการรายงาน มีศาสนา มีความประเสริฐ   ท่านอัลลามะฮ์ฮิลลี่ได้ให้ความเชื่อถือต่อเขาไว้ในหนังสือคุลาเศาะตุลอักวาลและได้ยกย่องเขาไว้เช่นกัน เพราะฉะนั้นชายคนนี้จึงถูกยอมรับต่อการรายงานหะดีษโดยไม่ต้องสงสัย
ดูเฏาะรออิฟุละกอล  อันดับที่  772


3.อาลี บินอิบรอฮีม บินฮาชิม อัลกุมมี →

เขาคือสาวกของอิม่ามมุฮัมมัดอัลญะวาด อิม่ามคนที่ 9  มีชีวิตอยู่ในช่วงฮ.ศ.307 คืออาจารย์คนหนึ่งของเชคกุลัยนี  เขาได้ฟังหะดีษมามากมายและได้แต่งตำราไว้หลายเล่ม  เขาได้รับการถ่ายทอดความรู้จากบิดาของเขาและได้รายงานหะดีษจากบิดาของเขาไว้มากมาย

อาลี บินอิบรอฮีมรายงานหะดีษจากบุคคลมากมายเช่น→
อะหมัด บินมุฮัมมัด บินคอลิด อัลบัรกี  มรณะฮ.ศ. 274
มุฮัมมัด บินอีซา บินอะบีด
อิสฮาก บินอิบรอฮีม (เป็นพี่ชายของเขา)
ซอและห์ บินอัสสินดี
อัลฮาซัน บินมูซา อัลค็อชชาบ
สะละมะฮ์ บินอัลคอตตอบ
อัลมุคต้าร บินมุฮัมมัด อัลฮะมาดานี   และคนอื่นๆ

ผู้ที่รายงานหะดีษจากอาลี บินอิบรอฮีม →
มุฮัมมัด บินยะอ์กูบ อัลกุลัยนี (ได้รายงานหะดีษจากเขามากมาย)
มุฮัมมัด บินมูซา บินอัลมุตะวักกิล
อะหมัด บินซิยาด บินญะอ์ฟัร อัลฮะมะดานี
อัลฮาซัน บินฮัมซะฮ์  อัลอาลาวี

อาลี บินอิบรอฮีมเป็นฟะกีอ์(นักปราชญ์)   มุฮัดดิษ(นักรายงานหะดีษ)  มุฟัสสิร(นักตัฟสีร)  มุอัคริค(นักประวัติศาสตร์อิสลาม)ที่โด่งดังคนหนึ่ง  เขามีหะดีษรายงานไว้มากมาย  มีความมั่นคงในการรายงาน
รายงานหะดีษของอาลี บินอิบรอฮีมถูกบันทึกอยู่ในกุตุบอัรบะอะฮ์ประมาณ 7,140 บทและจากหะดีษเหล่านั้นเป็นรายงานหะดีษที่ได้รัยมาจากบิดาของเขาประมาณ  6,214 บท

อาลี บินอิบรอฮีม มีบุตรชายสามคนและทั้งสามเป็นนักรายงานหะดีษทั้งสิ้นคือ
อิบรอฮีม บินอาลี บินอิบรอฮีม
อะหมัด บินอาลี บินอิบรอฮีม
มุฮัมมัด บินอาลี บินอิบรอฮีม

ท่านะญาชีกล่าวว่า

علي بن إبراهيم بن هاشم أبو الحسن القمي ثقة في الحديث، ثبت، معتمد، صحيح المذهب

อาลี บินอิบรอฮีม บินฮาชิม  อะบุลฮาซัน ชาวเมืองกุม   เชื่อได้ในการรายงานหะดีษ  มั่นคง ยึดถือได้  อยู่มัซฮับที่ถูกต้อง
ดูริญาลนะญาชี  อันดับที่ 680

ท่านอิบนุดาวูดกล่าวว่า

علي بن إبراهيم بن هاشم القمي أبو الحسن  ثقة في الحديث ثبت معتمد صحيح المذهب

อาลี บินอิบรอฮีม บินฮาชิม  อะบุลฮาซัน ชาวเมืองกุม   เชื่อได้ในการรายงานหะดีษ  มั่นคง ยึดถือได้  อยู่มัซฮับที่ถูกต้อง
ดูริญาลอิบนุดาวูด  อันดับที่ 1018

อัลลามะฮ์ฮิลลีกล่าวว่า

على بن إبراهيم بن هاشم القمي ابوالحسن ثقة في الحديث ثبت معتمد صحيح المذهب

อาลี บินอิบรอฮีม บินฮาชิม  อะบุลฮาซัน ชาวเมืองกุม   เชื่อได้ในการรายงานหะดีษ  มั่นคง ยึดถือได้  อยู่มัซฮับที่ถูกต้อง
ดูคุลาเศาะตุลอักวาล  อันดับที่ 45


4. อิบรอฮีม บินฮาชิม อัลกุมมี (คือบิดาของอาลี บินอิบรอฮีม) →

เขามีชีวิตอยู่ในช่วงก่อนฮ.ศ.247 เป็นนักรายงานหะดีษ เจ้าของตัฟสีรที่รู้จักกันด้วยชื่อ ตัฟสีรอัลกุมมี

อิบรอฮีม บินฮาชิมรายงานหะดีษจาก→
มุฮัมมัด บินอะบีอุมัยริน (อิบรอฮีม บินฮาชิมรายงานหะดีษจากบุคคลผู้นี้มากมาย)
อะบี อิสฮาก อัลค็อฟฟาฟ
อะบี ษุมามะฮ์  สาวกของอิม่ามอะบีญะอ์ฟัร อัษษานี(อิม่ามญะวาด)
อะบีหะรีร บินอิดรีส สาวกอิม่ามมูซากาซิม(อ)
อะบีอับดิลละฮ์ อัลบัรกี
อับดุลเราะห์มาน บินอะบีนัจญ์รอน
อัลฮาซัน  บินมะห์บูบ
อิสมาอีล บินมิรอร (อิบรอฮีม บินฮาชิมรายงานหะดีษจากบุคคลผู้นี้มากมาย)
อิบรอฮีม บินอิสฮาก อัลอะห์มัร
อะหมัด บินมุฮัมมัด บินอะบีนัศร์
อิสมาอีล บินมิฮ์รอน
ญะอ์ฟัร บินมุฮัมมัด อัลอัชอะรี
อัลฮาซัน บินอาลี บินฟัฎฎอล
อัลฮาซัน บินอาลี อัลวัชชาอ์
ฮัมมาด บินอีซา อัลญุฮันนี (อิบรอฮีม บินฮาชิมรายงานหะดีษจากบุคคลผู้นี้มากมาย)
ซิยาด อัลกินดี
ศ็อฟวาน บินยะห์ยา
อับดุลลอฮ์  บินญุนดุบ
อุษมาน บินอีซา แลคนอื่นๆอีกมากมาย  

ผู้ที่รายงานหะดีษจากอิบรอฮีม บินฮาชิมคือ →
อาลี บินอิบรอฮีม คือบุตรของเขาซึ่งรายงานหะดีษจากบิดาอย่างมากมาย
อะหมัด บินอิดรีส
สะอัด บินอับดุลลอฮ์
อับดุลลอฮ์ บินญะอ์ฟัร อัลหุมัยรี
อาลี บินอัลฮาซัน บินฟัฎฎอล
มุฮัมมัด บินอะหมัด บินอิมรอน อัลอัชอะรี
มุฮัมมัด บินอัลฮาซัน อัศศอฟฟ้าร
มุฮัมมัด บินอาลี บินมะห์บูบ
มุฮัมมัด บินยะห์ยา อัลอัตต็อร  และคนอื่นๆอีกมากมาย

อิบรอฮีม บินฮาชิมได้ย้ายจากเมืองกูฟะฮ์(อิรัก)ไปอยู่ที่เมืองกุม(อิหร่าน)และเขาได้ทำการเผยแพร่หะดีษและคำฟัตวาต่างๆของอะฮ์ลุลบัยต์(อ)ที่นั่น  ดังนั้นเขาจึงเป็นบุคคลแรกที่เผยแพร่หะดีษของชาวกูฟะฮ์ในเมืองกุม เนื่องจากเขารู้ซึ้งถึงภาระหน้าในการเผยแพร่วิชาความรู้และกฏเกณฑ์ต่างๆของอัลลอฮ์อัซซะวะญัล และเขามีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะเผยแพร่คุณงามความประเสริฐต่างๆของอะฮ์ลุลบัยต์นะบี(อ)

อิบรอฮีม บินฮาชิมมีชีวิตอยู่จนถึงสมัยอิม่ามริฎอ อิม่ามคนที่ 8 และนับว่าเขาคือสาวกคนหนึ่งของท่าน  เขาได้รายงานหะดีษจากบรรดาสาวกของบรรดาอิม่าม(อ)เอาไว้มากมาย จนกระทั่งว่า ไม่มีบรรดานักรายงานหะดีษคนใดจะรายงานหะดีษมากเทียบเท่ากับการรายงานของเขา ซึ่งหะดีษเหล่านั้นมีเนื้อหาต่างๆเกี่ยวกับวิชาฟิกฮ์อย่างหลากหลาย  หะดีษของอะฮ์ลุลบัยต์(อ)ที่อิบรอฮีม บินฮาชิมรายงานมีจำนวนถึง 6,414 บท ซึ่งเขาได้รับหะดีษเหล่านั้นมาจากบรรดาเชค((อาจารย์ของเขา)จำนวนถึง 160 คน  และสิ่งนี้ได้บ่งบอกให้รู้ว่า อิบรอฮีม บินฮาชิมเป็นบุคคลที่มีความกว้างขวางทางความรู้  ทางฟิกฮ์  ทางการจดจำและมีความเฉลียวฉลาดมาก

ท่านนะญาชีกล่าวว่า

إِبْرَاهِيمُ بْنُ هَاشِمٍ أبو إسحاق القمي أصله كوفي، انتقل إلى قم، قال أبو عمرو الكشي تلميذ يونس بن عبد الرحمن من أصحاب الرضا (ع)

อิบรอฮีม บินฮาชิม อะบูอิสฮาก อัลกุมมี  เดิมเป็นชาวกูฟะฮ์แล้วได้ย้ายมาอยู่ที่เมืองกุม  ท่านกัชชีกล่าวว่า   เขาเป็นลูกศิษย์ของยูนุส บินอับดุลเราะห์มานซึ่งเป็นสาวกคนหนึ่งของอิม่ามริฎอ(อ)  
ดูริญาลนะญาชี อันดับที่ 18

อัลลามะฮ์ฮิลลีกล่าวว่า

إِبْرَاهِيمُ بْنُ هَاشِمٍ أبواسحاق القمي أصله من كوفة وانتقل إلى قم، وأصحابنا يقولون: انه أول من نشر حديث الكوفيين بقم، وذكروا انه لقى الرضا عليه السلام وهو تلميذ يونس بن عبدالرحمان من أصحاب الرضا عليه السلام ولم أقف لاحد من أصحابنا على قول في القدح فيه، ولا على تعديله بالتنصيص والروايات عنه كثيرة، والارجح قبول قوله

อิบรอฮีม บินฮาชิม อะบูอิสฮาก อัลกุมมี  เดิมเป็นชาวกูฟะฮ์แล้วได้ย้ายมาอยู่ที่เมืองกุม  อัศฮาบของเราได้เล่าว่า   เขาเป็นบุคคลแรกที่ได้เผยแพร่หะดีษของชาวกูฟะฮ์(อิรัก)ที่เมืองกุม (อิหร่าน) และยังเล่าว่า  เขาได้พบกับอิม่ามริฎอ(อ)  และเขาเป็นลูกศิษย์ของยูนุส บินอับดุลเราะห์มานซึ่งเป็นสาวกคนหนึ่งของอิม่ามริฎอ(อ)   (อัลลามะฮิลลี)กล่าวว่า ฉันไม่เคยพบอัศฮาบของเราคนใดที่มีคำพูดตำหนิในตัวเขาหรือยกย่องเขาด้วยหลักฐาน  และมีรายงานหะดีษต่างๆที่มาจากเขามากมาย  และที่มีน้ำหนักมากที่สุดคือ  คำพูดของเขา(อิบรอฮีม)นั้นเป็นที่ถูกยอมรับ  
ดูคุลาเศาตุลอักวาล  อันดับที่  9

สัยยิดอาลี อัลบุรูญัรดีกล่าวว่า

إبراهيم بن هاشم، أبو إسحاق القمّي، وكان أوّل من نشر حديث الكُوفيّين بقمّ  ثقة، خيّر، جيّد

อิบรอฮีม บินฮาชิม อะบูอิสฮาก ชาวเมืองกุม  เขาเป็นบุคคลแรกที่ได้เผยแพร่หะดีษของชาวกูฟะฮ์(อิรัก)ที่เมืองกุม (อิหร่าน)  เขาเชื่อถือได้  เป็นคนดีมาก
ดูฟาอิกุลมะกอล  อันดับที่  44


5. มุฮัมมัด บินอะบีอุมัยริน →

คือสาวกของเป็นสาวกของอิม่ามมูซากาซิมและอิม่ามอาลีริฎอ อิม่ามคนที่ 7 และ 8  (เขามีอีกชื่อหนึ่งคืออะหมัด บินมุฮัมมัด บินซิยาดอัลอะซะดี )  หรือที่เรารู้จักกันในนาม อิบนิ อะบีอุเมรฺ  มรณะฮ.ศ.217  เขาคือฟะกีฮ์  ร็อบบานี มีฉายาว่า อะบูมุฮัมมัด เป็นชาวเมืองแบกแดด(อิรัก) เป็นบุคคลที่นักวิชาการมีมติตรงกันว่า อิบนิ อะบีอุเมรฺคือหนึ่งในหกจากบรรดาผู้ที่มีความน่าเชื่อถือในการรายงานหะดีษและได้รับการรับรองในเรื่องฟิกฮ์ของพวกเขา
ดูเมาซูอะฮ์ อัศฮาบุลฟุเกาะฮาอ์  อันดับที่  1115

ตัวอย่างหะดีษซอฮิ๊ฮ์ของอิบนิอะบีอุเมรในกุตุบอัรบะอะฮ์เช่น

عَنْ أَحْمَدَ بْنِ مُحَمَّدِ عَنْ مُحَمَّدِ بْنِ أَبِي عُمَيْرٍ(زِياَد) عَنْ إِسْمَاعِيلَ بْنِ رَبَاحٍ قَالَ سَأَلْتُ أَبَا الْحَسَنِ (ع) عَنْ مُفْرِدِ الْعُمْرَةِ عَلَيْهِ طَوَافُ النِّسَاءِ قَالَ نَعَمْ  

จากอะหมัด บินมุฮัมมัด  จากมุฮัมมัด บินอะบีอุมัยริย(คือซิยาด) จากอิสมาอีล บินร่อบาห์เล่าว่า ฉันได้ถามอิม่ามอะบุลฮาซัน(อ)ถึงการทำอุมเราะฮ์มุฟร็อดว่า จำเป็นที่เขาจะต้องทำการต่อวาฟนิซาอ์หรือไม่ ท่านอิม่ามตอบว่า " ใช่ "
ดูอัลอิสติบศ็อร โดยเชคตูซี่  เล่ม 2 : 232 หะดีษที่ 1 สถานะหะดีษซอฮิ๊ฮ์


เชคมุฮัมมัด บินอัลฮาซัน อัตตูซี่(385-460 ฮ.ศ.)กล่าวว่า

مُحَمَّدُ بْنُ أَبِيْ عُمَيْرٍ : يكنى أبا أحْمَد، مِنْ مَوَالِي الْأَزَد، وَ اسْمُ أبِي عُمَيْرٍ زِياَدُ، وَكاَنَ مِنْ أَوْثَقِ الناَّسِ عِنْدَ الْخَاصَّةِ وَالْعاَمَّةِ ،  
وأدرك من الأئمة عليهم السلام ثلاثة أبا إبراهيم موسى عليه السلام، و لم يرو عنه و أدرك الرضا عليه السلام، و روى عنه و الجواد عليه السلام،    

มุฮัมมัด บินอะบีอุมัยริน  : ฉายาอะบูมุฮัมมัด คนรับใช้คนหนึ่งของเผ่าอะซัด ชื่อของอะบีอุมัยรินคือซิยาด  และเขาเป็นบุคคลที่น่าเชื่อถือมากที่สุดในทัศนะของชีอะฮ์และซุนนี่
เขาอยู่ทันอิม่ามสามท่านคือ อิม่ามมูซากาซิม อิม่ามอาลีริฎอและอิม่ามมุฮัมมัดญาวาด(อ)
ดูอัลฟะฮ์ร็อสต์ โดยอัตตูซี่  อันดับที่  607


และเชคตูซีกล่าวว่า
 
مُحَمَّدُ بْنُ أَبِي عُمَيْرٍ يُكْنَى أَباَ أَحْمَد، وَاسْمُ أَبِي عُمَيْرٍ زِياَدُ، مَوْلَى الْأَزَد، ثِقَةً

มุฮัมมัด บินอะบีอุมัยริน (มรณะฮ.ศ.217) ฉายาอะบูอะหมัด ชื่อจริงของอะบีอุมัยรินคือ ซิยาด  เป็นคนรับใช้ของ(เผ่า)อัลอะซะดี เชื่อถือได้ในการรายงาน   ดูริญาลเชคตูซี  อันดับที่  5413

ท่านนะญาชีกล่าวว่า

مُحَمَّدُ بْنُ أَبِي عُمَيْرٍ زياد بن عيسى أبو أحمد الأزدي   لقي أبا الحسن موسى عليه السلام وسمع منه أحاديث كناه في بعضها فقال يا أبا أحمد، وروى عن الرضا عليه السلام، جليل القدر عظيم المنزلة فينا

มุฮัมมัด บินอะบีอุมัยริน ซิยาดบินอีซา  ฉายาอะบูอะหมัด อัลอะซะดี    เขาได้พบกับอิม่ามอะบุลฮาซันมูซา(อ)และยังได้ฟังหะดีษต่างๆจากท่าน ท่านอิม่ามได้เรียกชื่อเขาในบางครั้งว่าอะบูอะหมัด(บิดาของอะหมัด) และเขายังได้รายงานหะดีษจากอิม่ามริฎอ(อ)  เขาเป็นผู้ทรงคุณวุฒิชั้นสูง มีฐานะภาพยิ่งใหญ่ในหมู่พวกเรา    
ดูริญาลนะญาชี  อันดับที่  887

สัยยิดอัลคูอีกล่าวว่า

محمد بن زياد الازدي : روى عن أبان بن عثمان الاحمر . الفقيه : الجزء 4 ، باب النوادر وهو آخر
أبواب الكتاب ، الحديث 832 . أقول : هو محمد بن أبي عمير

มุฮัมมัด บินซิยาดอัลอะซะดี : รายงานหะดีษจากอะบาน บินอุษมาน อัลอะห์มัร ดูมันลายะห์ฎุรุฮุลฟะกีฮ์ เล่ม 4 หะดีษที่ 832  ฉันขอกล่าวว่า  เขาคือ มุฮัมมัด บินอะบีอุมัยริน
ดูมุอ์ญัมริญาล โดยอัลคูอี อันดับที่  10793


6. ฆิยาษ บินอิบรอฮีม →

คือสาวกของอิม่ามญะอ์ฟัรศอดิก อิม่ามคนที่ 6  มีชีวิตอยู่ในช่วงก่อนฮ.ศ. 183  เขาเป็นนักรายงานหะดีษ  เชื่อถือได้
เวลาโดยส่วนมากของฆิยาษคือติดตามอิม่ามศอดิก(อ)รับความรู้เรื่องหะดีษจากท่านและรายงานหะดีษจากท่านถึง 84 บทในเรื่องราวเกี่ยวกับฟิกฮ์ที่แตกต่างกันไปและเรื่องอื่นๆ

ฆิยาษรายงานหะดีษจาก→อิม่ามอิมามศอดิกและอิม่ามมูซากาซิม
ผู้ที่รายงานหะดีษจากฆิยาษคือ→
มุฮัมมัด บินอะบีอุมัยริน
มุฮัมมัด บินคอลิด อัลบัรกี
อัลฮาซัน บินอาลี บินบักก๊อห์
บัรรอเกาะฮ์ อัลอัศฟฮานี
ญะอ์ฟัร บินบะชีร อัลบะญะลี
อัลดุลลอฮ์ บินสินาน
อับดุลลอฮ์ บินอัลมุฆีเราะฮ์
มุฮัมมัด บินยะห์ยา อัลค็อษอะมี
อัลฮูเซน บินยะซีด บินมุฮัมมัด บินเนาฟะลี

ท่านนะญาชีกล่าวว่า

غِيَاثُ بْنُ إِبْرَاهِيم التَّمِيمِيُّ الْأُسَيِّدِيُّ   بَصْرِيٌّ ، سَكَنَ الْكُوْفَة، ثِقَةً، رَوَى عَنْ أَبِيْ عَبْدِ اللهِ وَأَبِي الْحَسَنِ عليهما السلام.

ฆิยาษ บินอิบรอฮีม อัตตะมีมี อัลอุซัยดี ชาวเมืองบัศเราะฮ์ อาศัยอยู่ที่เมืองกูฟะฮ์  เชื่อถือได้  เขารายงานหะดีษจากอิม่ามอิมามศอดิกและอิม่ามมูซากาซิม
ดูริญาลนะญาชี  อันดับที่  833

อัลลามะฮ์ฮิลลีกล่าวว่า
غِيَاثُ بْنُ إِبْرَاهِيم التَّمِيمِيُّ الْأُسَيِّدِيُّ  بَصْرِيٌّ سَكَنَ الْكُوْفَة  ثِقَةً، رَوَى عَنْ أَبِيْ عَبْدِ عبدالله عليه السلام وكان بتريا
ฆิยาษ บินอิบรอฮีม อัตตะมีมี อัลอุซัยดี ชาวเมืองบัศเราะฮ์ อาศัยอยู่ที่เมืองกูฟะฮ์  เชื่อถือได้  เขารายงานหะดีษจากอิม่ามอิมามศอดิก เป็นพวกบัตตะรี  
ดูคุลาตุลอักวาล  หน้า 246  อันดับที่  1 ฟัศล์ที่  7 อักษร เฆน

สัยยิดอาลี อัลบุรูญัรดีกล่าวว่า

غِيَاثُ بْنُ إِبْرَاهِيم التَّمِيمِيُّ الْأُسَيِّدِيُّ ، ثقة، وكان بُتريّاً

ฆิยาษ บินอิบรอฮีม อัตตะมีมี อัลอุซัยดี เชื่อถือได้ในการรายงาน เป็นพวกบัตตะรี  
ดูฟาอิกุลมะกอล  อันดับที่  773


7. อิม่ามญะอ์ฟัร(อัศศอดิก) บินมุฮัมมัด →

คืออิม่ามคนที่ 6 แห่งมัซฮับอะฮ์ลุลบัยต์(อ)เกิดที่นครมะดีนะฮ์ ฮ.ศ.83 – 148

قاَلَ ابْنُ حِباَّن : جَعْفَرُ بْنُ مُحَمَّد بْنِ عَلِيٍّ بْنِ الْحُسَيْنِ بْنِ عَلِيِّ بْنِ أَبِي طَالِبٍ رضي الله عنهم كنيته أبو عبد الله يروى عن أبيه وَكاَنَ مِنْ ساَدَاتِ أَهْلِ الْبَيْتِ فِقْهاً وَعِلْماً وَفَضْلاً  
 
อิบนุฮิบบานกล่าวว่า   :  ญะอ์ฟัร บินมุฮัมมัด  ฉายาอะบูอับดุลลอฮ์  รายงานหะดีษจากบิดาของเขา  เป็นผู้มีความรอบรู้และทรงคุณวุฒิคนหนึ่งจากบรรดาสัยยิดแห่งอะฮ์ลุลบัยต์      ดูอัษษิกอต โดยอิบนิฮิบบาน  อันดับที่ 226

قاَلَ ابْنُ حَجَرٍ : جَعْفَرُ بْنُ مُحَمَّدِ بْنِ عَلِيٍّ بْنِ الْحُسَيْنِ بْنِ عَلِيِّ بْنِ أَبِي طَالِبٍ الهاشمي أبو عبد الله الْمَعْرُوْفُ بِالصاَّدِقِ صَدُوْقٌ فَقِيْهٌ إِماَمٌ مِنَ الساَّدِسَة  
 
อิบนุหะญัรกล่าวว่า   :  ญะอ์ฟัร บินมุฮัมมัด  รู้จักกันในนามอัศศอดิก(ผู้มีวาจาสัตย์)  เชื่อถือได้  เป็นผู้รู้  เป็นอิม่าม
ดูตักรีบุตตะฮ์ซีบ  อันดับที่ 950
     
إِسْحَاقُ بْنُ إبراهيم بْنِ رَاهَوَيْهِ يَقُوْلُ قُلْتُ لِلشاَّفِعِىِّ كَيْفَ جَعْفَرُبْنُ مُحَمَّدٍ عِنْدَكَ قاَلَ ثِقَةٌ
يَحْيَى بْنُ مَعِينٍ قاَلَ جَعْفَرُ بْنُ مُحَمَّدٍ ثِقَةً
عَبْدُ الرَّحْمن قاَلَ سَمِعْتُ أَبِىْ يَقُوْلُ جَعْفَرُ بْنُ مُحَمَّدٍ ثِقَةً لاَ يُسْأَلُ عَنْ مِثْلِهِ

ท่านอิสฮ๊าก บินรอฮะวัยฮฺกล่าวว่า   :  ฉันกล่าวกับอิม่ามชาฟิอีว่า ท่านญะอ์ฟัร บินมุฮัมมัดเป็นอย่างไรในทัศนะของท่าน  เขาตอบว่า  เชื่อถือได้  
ท่านยะห์ยา บินมะอีนกล่าวว่า  ท่านญะอ์ฟัร บินมุฮัมมัด  เชื่อถือได้
ท่านอับดุลเราะห์มานกล่าวว่า  ฉันได้ยินบิดาของฉันกล่าวว่า  ท่านญะอ์ฟัร บินมุฮัมมัด เชื่อถือได้ไม่ต้องถามถึงว่าจะมีผู้เหมือนเยี่ยงเขา     ดูอัลญัรฮุ วัตตะอ์ดีล โดยอิบนิอะบีฮาติม  อันดับที่ 1987


8.อิม่ามมุฮัมมัด(อัลบาเก็ร) บินอาลี

คืออิม่ามคนที่ 5 แห่งมัซฮับอะฮ์ลุลบัยต์(อ)เกิดที่มะดีนะฮ์ ฮ.ศ.57 – 95

قاَلَ ابْنُ أَبِيْ حاَتِمٍ  : مُحَمَّدُ بْنُ عَلِيٍّ بْنِ الْحُسَيْنِ بْنِ عَلِيِّ بْنِ أَبِي طَالِبٍ أَبُوْ جَعْفَرٍ رَوَى جَابِرِ بْنِ عَبْدِ اللَّهِ وَأَبِيْهِ عَلِىُّ بْنُ الْحُسَيْنِ رَوَى عَنْهُ ابْنُهُ جَعْفَرُ بْنُ مُحَمَّدٍ

อิบนุอะบีฮาติมกล่าวว่า   :  มุฮัมมัด บินอาลี  อะบูญะอ์ฟัร  รายงานจากท่านญาบิร บินอับดุลลอฮ์และบิดาของเขาคืออาลี บินฮูเซน  ผู้ที่รายงานจากเขาคือบุตรของเขาชื่อ ญะอ์ฟัร บินมุฮัมมัด
ดูอัลญัรฮุ วัตตะอ์ดีล  อันดับที่ 117
     
قاَلَ الْعِجْلِيُّ : مُحَمَّدُ بْنُ عَلِيِّ بْنِ الْحُسَيْنِ بْنِ عَلِيِّ بْنِ أَبِي طَالِبٍ تاَبِعِيٌّ  ثِقَةٌ

อัลอิจญ์ลีกล่าวว่า   :  มุฮัมมัด บินอาลี  เป็นตาบิอี  เชื่อถือได้     ดูอัษษิกอต โดยอัลอิจญ์ลี  อันดับที่ 1630

قاَلَ ابْنُ حَجَرٍ : مُحَمَّدُ بْنُ عَلِيِّ بْنِ الْحُسَيْنِ بْنِ عَلِيِّ بْنِ أَبِي طَالِبٍ أَبُو جَعْفَرٍ الْباَقِرُ  ثِقَةٌ

อิบนุหะญัรกล่าวว่า   : มุฮัมมัด บินอาลี  อะบูญะอ์ฟัร อัลบาเก็ร   เชื่อถือได้
ดูตักรีบุตตะฮ์ซีบ  อันดับที่ 6151    
 
قاَلَ الذَّهَبِيُّ : أَبُو جَعْفَرٍ مُحَمَّدُ بْنُ عَلِيٍّ بْنِ الْحُسَيْنِ بْنِ عَلِيِّ ، الْعَلَوِيُّ الْفاَطِمِيُّ، الْمَدَنِيُّ، وَلَدُ زَيْنِ الْعاَبِدِيْن،  وَ اتَّفَقَ الْحُفَّاظُ عَلَى الِاحْتِجَاج بِأَبِيْ جَعْفَرٍ
   
อัซซะฮะบีกล่าวว่า   : อะบูญะอ์ฟัร  มุฮัมมัด บินอาลี  บุตรชายท่านซัยนุลอาบิดีน  นักท่องจำหะดีษมีมติว่าให้ยึดหะดีษของท่านอะบีญะอ์ฟัรเป็นหลักฐานได้     ดูสิยัร อะอ์ลามุนนุบะลาอ์  อันดับที่ 158


9.อิม่ามอาลี(ซัยนุลอาบิดีน) บุตรอิม่ามฮูเซน

คืออิม่ามคนที่ 4 แห่งมัซฮับอะฮ์ลุลบัยต์(อ)เกิดที่นครมะดีนะฮ์ ฮ.ศ.38 – 114

قال العِجْلِي : عَلِيُّ بْنُ الْحُسَيْنِ بْنِ عَلِيِّ بْنِ أَبِي طَالِبٍ مَدَنِيٌّ تاَبِعِيٌّ ثِقَةٌ وَكاَنَ رَجُلاً صاَلِحاً

อัลอิจญ์ลีกล่าวว่า  : อาลี บินฮูเซน เป็นตาบิอี  เชื่อถือได้ และเป็นคนซอและห์
ดูอัษษิกอต โดยอิจญ์ลี  อันดับที่  1293  

قاَلَ ابْنُ حَجَر : عَلِىُّ بْنُ الْحُسَيْنِ بْنِ عَلِىِّ بْنِ أَبِى طَالِبٍ الْهاَشِمِيُّ زَيْنُ الْعاَبِدِيْنَ ثِقَةٌ ثَبَتٌ عاَبِدٌ فَقِيْهٌ فاَضِلٌ مَشْهُوْرٌ

 อิบนุหะญัรกล่าวว่า   : อาลี บินฮูเซน  ซัยนุลอาบิดีน  เชื่อถือได้  มีความมั่นคง  อาบิ๊ด  ฟะกีฮ์  ฟาดิ้ล มัชฮู้ร
ดูตักรีบุตตะฮ์ซีบ  อันดับที่ 4715

قاَلَ الذَّهَبِيُّ : عَلِىُّ بْنُ الْحُسَيْنِ (ع) اِبْنُ الْاِماَمِ عَلِىِّ بْنِ أَبِى طَالِبِ بْنِ عَبِدِ الْمُطَّلِبِ بْنِ هاَشِمِ بْنِ عَبْدِ مَناَف، السَّيِّدُ الْاِماَمُ، زَيْنُ الْعاَبِدِيْنَ، الْهاَشِمِيُّ الْعَلَوِيُّ، الْمَدَنِيُّ
     
อัซซะฮะบีกล่าวว่า   : อาลี บินฮูเซน  คือสัยยิด  เป็นอิม่ามผู้นำ    ดูสิยัร อะอ์ลามุนนุบะลาอ์  อันดับที่ 157


10.อิม่ามฮูเซน บุตรอิม่ามอาลี

คืออิม่ามคนที่ 3 แห่งมัซฮับอะฮ์ลุลบัยต์(อ)เกิดที่นครมะดีนะฮ์ ฮ.ศ.4 – 61

قاَلَ ابْنُ حَجَر : الْحُسَيْنُ بْنُ عَلِىِّ بْنِ أَبِى طَالِبٍ الهاشمي أبو عبدالله المدني سِبْطُ رَسُوْلِ الله (ص)
   
อิบนุหะญัรกล่าวว่า   : ท่านฮูเซน บินอาลีบินอะบีตอลิบ หลานชายของท่านรอซูล(ศ)  หนึ่งจากบรรดาซาบิกีนเอาวะลีน   ปราชญ์กลุ่มหนึ่งให้น้ำหนักว่า  เขาคือชายคนแรกที่เข้ารับอิสลาม
ดูตักรีบุตตะฮ์ซีบ  อันดับที่ 1334      ท่านรอซูล(ศ)กล่าวว่า  

الحَسَـنُ ‏ ‏وَالْحُسَـيْنُ ‏ ‏سَـيِّدَا شَـبَابِ أهْلِ الْجَـنَّة

ฮาซันและฮูเซนคือหัวหน้าชายหนุ่มแห่งชาวสวรรค์  ดูซอฮิ๊ฮ์ติรมิซี  หะดีษที่  2965


11.อิม่ามอาลี บุตรอะบีตอลิบ→ ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)

คืออิม่ามคนที่ 1 แห่งมัซฮับอะฮ์ลุลบัยต์(อ)  เกิดที่กะอ์บะฮ์ นครมักกะฮ์  เกิดก่อนฮ.ศ.23  มรณะฮ.ศ. 41

قاَلَ ابْنُ حَجَر العسقلاني الشافعي : عَلِيُّ بْنُ أَبِي طَالِب بن عَبْدِ الْمُطَّلِبِ بْنِ هَاشِمٍ الهاشمي ابنُ عَمِّ رسول الله (ص) وَزَوْجُ اِبْنَتِهِ مِنَ الساَّبِقِيْنَ الْأَوَّلِيْنَ وَرَجَّحَ جَمْعٌ أَنَّهُ أَوَّلُ مَنْ أَسْلَمَ

อิบนุหะญัรกล่าวว่า   : ท่านอาลี บินอะบีตอลิบ บุตรของลุงของท่านรอซูล(ศ) คือสามีบุตรีของท่านรอซูลฯ  เป็นหนึ่งจากบรรดาซาบิกูนอัลเอาวะลูน(ผู้เข้ารับอิสลามรุ่นแรกสุด)   มีนักปราชญ์กลุ่มหนึ่งให้น้ำหนักว่า  เขาคือชายคนแรกที่เข้ารับอิสลาม

ดูตักรีบุตตะฮ์ซีบ  อันดับที่ 4753
#65
นักปราชญ์วาฮาบีและอะชาอิเราะฮ์บางคนได้บิดเบือนความหมายหะดีษของท่านนะบี(ศ)เรื่อง 12  ผู้นำ




ตำราชีอะฮ์
มีหะดีษระบุว่า  ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)ได้กล่าวว่า   12  อิหม่ามหลังจากท่านคนแรกคือ อิม่ามอาลีและคนสุดท้ายคืออิม่ามมะฮ์ดี เช่น


قاَلَ الشَّيْخُ الصَّدُوْقُ :
حَدَّثَنَا أَحْمَدُ بْنُ مُحَمَّدِ بْنِ يَحْيَى الْعَطَّارُ رَضِيَ اللَّهُ عَنْهُ قَالَ : حَدَّثَنَا أَبِي ، عَنْ مُحَمَّدِ بْنِ عَبْدِ الْجَبَّارِ ، عَنْ أَحْمَدِ بْنِ مُحَمَّدِ بْنِ زِيَادٍ الْأَزْدِيِّ ، عَنْ أَبَانَ بْنِ عُثْمَانَ ، عَنْ ثَابِتِ بْنِ دِينَارٍ ، عَنْ سَيِّدِ الْعاَبِدِيْنَ عَلِيِّ بْنِ الْحُسَيْنِ ، عَنْ سَيِّدِ الشُّهَدَاءِ الْحُسَيْنِ بْنِ عَلِيٍّ عَنْ سَيِّدِ الأَوْصِيَاءِ أَمِيرِ الْمُؤْمِنِينَ عَلِىِّ بْنِ أَبِى طَالِبٍ عَلَيْهِمْ السَّلَام قَالَ :  

قَالَ رَسُولُ اللَّهِ  صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَآلِهِ  :

الْأَئِمَّةُ بَعْدِيْ اثْناَ عَشَرَ أَوَّلُهُمْ أَنْتَ ياَ عَلِيُّ وَآخِرُهُمْ الْقاَئِمُ الَّذِيْ يَفْتَحُ اللهُ عَزَّوَجَلَّ عَلَى يَدَيْهِ مَشَارِقَ الْأَرْضِ وَمَغَارِبَهَا

เชคศอดูกเล่าว่า :  อะหมัด บินมุฮัมมัด บินยะห์ยาอัลอัตต็อรเล่าให้เราฟังเขากล่าวว่า  บิดาของฉัน(คือมุฮัมมัด บินยะห์ยา)เล่าให้เราฟัง จากมุฮัมมัด บินอับดุลญับบาร จากอะหมัด บินมุฮัมมัด บินซิยาดอัลอะซะดี จากอะบาน บินอุษมาน จากษาบิต บินดีนาร(คืออะบูฮัมซะฮ์อัษษุมาลี) จากอิม่ามอาลี(ซัยนุลอาบิดีน) บินฮูเซน จากอิม่ามฮูเซน บินอาลี จากอิม่ามอะมีรุลมุอ์มินีน อาลี บินอะบีตอลิบ(อ)เล่าว่า :  ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)กล่าวว่า :

อิม่ามผู้นำภายหลังจากฉันมี 12 คน  คนแรกของพวกเขาคือเจ้า โอ้อาลี และคนสุดท้ายของพวกเขาคืออัลกออิม(อัลมะฮ์ดี)

ผู้ที่อัลลอฮ์อัซซะวะญัลจะประทานชัยชนะให้อยู่ในมือทั้งสองของเขา ทั้งโลกตะวันออกและโลกตะวันตก

อ้างอิงจากหนังสือ
กะมาลุดดีน  วะตะมามุนนิอ์มะฮ์โดยเชคศอดูก(มรณะฮ.ศ.381)  หน้า  33 หะดีษที่ 35  
สถานะหะดีษ : สายรายงานเชื่อถือได้ทั้งหมด  


ดูวิจารณ์สายรายงานหะดีษที่นี่
http://www.q4sunni.com/believe/index.php?option=com_kunena&Itemid=71&func=view&catid=2&id=1833


Θ ในขณะที่ตำราฝ่ายซุนนี่มีหะดีษรายงานดังนี้

ญาบิร  บุตรสะมุเราะฮ์(รฎ.)เล่าว่า  :  ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)กล่าวว่า  :

يَكُونُ بَعْدِي اثْنَا عَشَرَ خَلِيفَةً كُلُّهُمْ مِنْ قُرَيْشٍ

จะมี  12 ‹ คอลีฟะฮ์ › หลังจากฉัน  ทุกคนมาจากเผ่ากุเรช


ดูมุสนัดอิหม่ามอะหมัด    หะดีษที่ 20890  หะดีษซอฮิ๊ฮ์  ฉบับตรวจทานโดยเชคชุเอบอัรนะอูฏี

และ

ญาบิร บุตรสะมุเราะฮ์(รฎ.)เล่าว่า  : ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)กล่าวว่า  :

يَكُونُ بَعْدِي اثْنَا عَشَرَ أَمِيرًا ثُمَّ لَا أَدْرِي مَا قَالَ بَعْدَ ذَلِكَ فَسَأَلْتُ الْقَوْمَ كُلَّهُمْ فَقَالُوا قَالَ كُلُّهُمْ مِنْ قُرَيْشٍ

จะมี  12 ‹ อะมีร › หลังจากฉัน... ทุกคนมาจากเผ่ากุเรช

ดูมุสนัดอิหม่ามอะหมัด    หะดีษที่ 20892  หะดีษซอฮิ๊ฮ์  ฉบับตรวจทานโดยเชคชุเอบอัรนะอูฏี

และ

ญาบิร บุตรสะมุเราะฮ์(รฎ.)เล่าว่า  : ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)กล่าวว่า  :

يَكُونُ بَعْدِي اثْنَا عَشَرَ أَمِيرًا ثُمَّ لَا أَدْرِي مَا قَالَ بَعْدَ ذَلِكَ فَسَأَلْتُ الْقَوْمَ فَقَالُوا قَالَ كُلُّهُمْ مِنْ قُرَيْشٍ

จะมี  12 ‹ อะมีร › หลังจากฉัน... ทุกคนมาจากเผ่ากุเรช

ดูมุสนัดอิหม่ามอะหมัด    หะดีษที่  20921  หะดีษซอฮิ๊ฮ์  ฉบับตรวจทานโดยเชคชุเอบอัรนะอูฏี

และ

ญาบิร บุตรสะมุเราะฮ์(รฎ.)เล่าว่า  : ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)กล่าวว่า  :

يَكُونُ بَعْدِي اثْنَا عَشَرَ أَمِيرًا قَالَ ثُمَّ تَكَلَّمَ فَخَفِيَ عَلَيَّ مَا قَالَ قَالَ فَسَأَلْتُ بَعْضَ الْقَوْمِ أَوْ الَّذِي يَلِينِي مَا قَالَ قَالَ كُلُّهُمْ مِنْ قُرَيْشٍ

จะมี  12 ‹ อะมีร › หลังจากฉัน... ทุกคนมาจากเผ่ากุเรช

ดูมุสนัดอิหม่ามอะหมัด    หะดีษที่  21088  หะดีษซอฮิ๊ฮ์  ฉบับตรวจทานโดยเชคชุเอบอัรนะอูฏี


۩  ชี้แจง

ใจความในตำราหะดีษซุนนี่กล่าวว่า  

จะมี ‹12 คอลีฟะฮ์ ›   หรือ ‹ 12 อะมีร ›  สืบทอดหน้าที่ผู้นำภายหลังจากท่านนะบี(ศ)  
 
ด้วยเหตุนี้อาจารย์ฟารีดเฟ็นดี้และอาจารย์อารีฟีนแสงวิมาน(คุณอัซฮะรีย์)จึงกล่าวว่า มีท่านอาลีคนเดียวที่เป็นคอลีฟะฮ์ของโลกซุนนี่ ส่วนลูกหลานของอาลีที่เป็นอะฮ์ลุลบัยต์อีก 11 คนไม่ได้เป็นคอลีฟะฮ์ของโลกอิสลาม
โดยอาจารย์ทั้งสองได้เล่นลิ้นกับศาสนาของอัลลอฮ์ว่า   หะดีษสิบสองอิหม่ามในตำราชีอะฮ์ไม่ได้เกี่ยวข้องอันใดกับหะดีษสิบสองคอลีฟะฮ์ในตำราซุนนี่เลยเพราะ...

‹ คอลีฟะฮ์ › หรือ ‹ อะมีร ›  มีความหมายไม่เหมือนกับคำว่า→   ‹ อิหม่าม ›  



►   
เพื่อพิสูจน์ว่า สามคำดังกล่าวคือความหมายเดียวกัน  เราต้องตามไปอ่านการสนทนาของชาวอันศ็อรและชาวมุฮาญิรีนที่ปรึกษาหารือกันเรื่องคอลีฟะฮ์ที่สะกีฟะฮ์บะนีซาอิดะฮ์ตามที่อัลบุคอรีบันทึกไว้ในซอฮิ๊ฮ์บุคอรี  หะดีษเลขที่  3667 และ 3668   และอิบนุฮะญัรได้อธิบายหะดีษของบุคอรีบทนี้ไว้ในหนังสือฟัตฮุลบารี   หะดีษที่  3394

ท่านมาสารถเปิดดูการอ้างอิงหลักฐานนี้ได้ที่เวบหะดีษ อิสลาม หะดีษที่ 3394
http://hadith.al-islam.com/Display/Display.asp?Doc=0&Rec=5550



Θ ท่านหญิงอาอิชะฮ์ได้เล่าว่า  :

หลังจากท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)เสียชีวิต...   ชาวอันศ็อรได้มารวมตัวกันที่สะอัด บินอุบาดะฮ์  ที่ " สะกีฟะฮ์ บะนีซาอิดะฮ์ " ชาวอันศ็อรกล่าวว่า  

مِنَّا أَمِيرٌ وَمِنْكُمْ أَمِيرٌ

จากพวกเราจะต้องมี " อะมีร " หนึ่งคนและจากฝ่ายท่านมี " อะมีร " หนึ่งคน

แล้วอะบูบักร   อุมัรและอะบูอุบัยดะฮ์ บินญัรร๊อห์ได้ไปหาพวกเขา(ชาวอันศ็อร)  อุมัรกำลังจะพูด แต่อะบูบักรได้ให้เขานิ่งเงียบ  อุมัรได้กล่าวว่า วัลลอฮิ ฉันไม่ต้องการสิ่งนั้นยกเว้นฉันได้เตรียมคำพูดหนึ่งเอาไว้(ซึ่ง)มัน(เป็นคำพูดที่)ทำให้ฉันประทับใจ ฉันเกรงว่าท่านอะบูบักรจะพูดมันไม่ลึกซึ้ง  จากนั้นอะบูบักรได้กล่าวแล้วเขาได้กล่าวคำพูดที่ลึกซึ้งมากของมนุษย์เขากล่าวในคำพูดของเขาว่า

نَحْنُ الأُمَرَاءُ وَأَنْتُمُ الْوُزَرَاءُ

พวกเรา(ชาวมุฮาญิรีน)คือ " อะมีร "   ส่วนพวกท่าน(ชาวอันศ็อร) คือ วะซีร (ที่ปรึกษา)

→ อิบนุหะญัรได้อธิบายวรรคนี้ว่า

فَقَامَ زَيْد بْن ثَابِت فَقَالَ : إِنَّ رَسُول اللَّه صَلَّى اللَّه عَلَيْهِ وَسَلَّمَ كَانَ مِنْ الْمُهَاجِرِينَ وَإِنَّمَا الْإِمَام مِنْ الْمُهَاجِرِينَ ، فَنَحْنُ أَنْصَار اللَّه كَمَا كُنَّا أَنْصَار رَسُول اللَّه صَلَّى اللَّه عَلَيْهِ وَسَلَّمَ . فَقَالَ أَبُو بَكْر : جَزَاكُمْ اللَّه خَيْرًا فَبَايَعُوهُ \\\"
فتح الباري لابن حجر  ج 10 ص 465  ح 3394

เซด บินษาบิตได้ยืนขึ้นแล้วกล่าวว่า  :

แท้จริงท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)เป็นชาวมุฮาญิรีน  และแท้จริง อิหม่าม จะต้องมาจากชาวมุฮาญิรีน  


ส่วนพวกเราคืออันศอรุลเลาะฮ์  เหมือนที่พวกเราคืออันศ็อร(ผู้ช่วยเหลือ)ท่านรอซูล(ศ) อะบูบักรจึงกล่าวว่า ขออัลลอฮ์ตอบแทนความดีแก่พวกท่าน แล้วพวกเขาได้ให้สัตยาบันกับเขา(อะบูบักร)

ดูหนังสือฟัตฮุลบารี   หะดีษที่  3394



→ กลับมาที่หะดีษของบุคอรีต่อ

فَقَالَ حُبَابُ بْنُ الْمُنْذِرِ لاَ وَاللَّهِ لاَ نَفْعَلُ ، مِنَّا أَمِيرٌ وَمِنْكُمْ أَمِيرٌ

ฮุบ๊าบ บินมุนซิร(ฝ่ายอันศ็อร)ได้กล่าวว่า   ไม่พวกเราจะไม่ยอมทำ(เช่นนั้น)

จากพวกเราจะต้องมี " อะมีร " หนึ่งคนและจากฝ่ายท่านมี " อะมีร " หนึ่งคน


فَقَالَ أَبُو بَكْرٍ لاَ ، وَلَكِنَّا الأُمَرَاءُ وَأَنْتُمُ الْوُزَرَاءُ

อะบูบักรจึงกล่าวว่า  ไม่ได้  แต่ว่าพวกเราคือบรรดาอะมีร  และพวกท่านคือบรรดาวะซีร

พวกเขา(พวกมุฮาญิรีน)คือ จุดศูนย์รวมของชาวอาหรับ(เพราะมี)บ้าน(หมายถึงมักกะฮ์)  และพวกเขาคือชาวอาหรับที่มีเชื้อสายดีที่สุด  

فَبَايِعُوا عُمَرَ أَوْ أَبَا عُبَيْدَةَ . فَقَالَ عُمَرُ بَلْ نُبَايِعُكَ أَنْتَ ، فَأَنْتَ سَيِّدُنَا وَخَيْرُنَا وَأَحَبُّنَا إِلَى رَسُولِ اللَّهِ - صلى الله عليه وسلم - . فَأَخَذَ عُمَرُ بِيَدِهِ فَبَايَعَهُ ، وَبَايَعَهُ النَّاسُ ، فَقَالَ قَائِلٌ قَتَلْتُمْ سَعْدَ بْنَ عُبَادَةَ . فَقَالَ عُمَرُ قَتَلَهُ اللَّهُ

ดังนั้นพวกท่านจงมอบบัยอะฮ์ให้กับอุมัรหรืออะบูอุบัยดะฮ์เถิด   ฝ่ายอุมัรได้กล่าวว่า แต่ว่าเราจะมอบบัยอะฮ์ให้ท่าน เพราะท่านคือหัวหน้าของเราคือคนดีของเรา และเป็นที่รักของท่านรอซูล(ศ)มากกว่าพวกเรา   อุมัรได้จับมืออะบูบักรแล้วมอบบัยอะฮ์ให้เขา และผู้คนก็ได้บัยอะฮ์แก่เขา มีชายคนหนึ่งกล่าวว่า  พวกท่านได้สังหารสะอัดบินอุบาดะฮ์เสียแล้ว  แล้วอุมัรได้กล่าวว่า  ขอให้อัลลอฮ์โปรดสังหารสะอัดด้วยเถิด  

ดูซอฮิ๊ฮ์บุคอรี  หะดีษที่  3667 และ 3668  


→ อิบนุหะญัรได้อธิบายวรรคนี้ว่า

قَالَ اِبْن التِّين : إِنَّمَا قَالَتْ الْأَنْصَار \\\" مِنَّا أَمِير وَمِنْكُمْ أَمِير \\\" عَلَى مَا عَرَفُوهُ مِنْ عَادَة الْعَرَب أَنْ لَا يَتَأَمَّر عَلَى الْقَبِيلَة إِلَّا مَنْ يَكُون مِنْهَا ، فَلَمَّا سَمِعُوا حَدِيث \\\" الْأَئِمَّة مِنْ قُرَيْش \\\" رَجَعُوا عَنْ ذَلِكَ وَأَذْعَنُوا.
فتح الباري لابن حجر  ج 10 ص 465  ح 3394

อิบนุต-ตีนกล่าวว่า  :  ที่จริงชาวอันศ็อรได้กล่าวว่า  จากพวกเราจะต้องมี " อะมีร " หนึ่งคนและจากฝ่ายท่านมี " อะมีร " หนึ่งคน   ตามที่พวกเขารู้ดีว่า มันเป็นธรรมเนียมของชาวอาหรับว่า จะไม่ยอมให้ใครมาเป็นหัวหน้าปกครองเผ่าหนึ่งๆ นอกจากผู้นั้นจะต้องมาจากเผ่านั้น  
ต่อมาเมื่อพวกเขา(ชาวอันศ็อร)ได้ยินหะดีษท่านนะบี(ศ)ที่กล่าวว่า   " อิหม่ามต้องมาจากเผ่ากุเรช "  พวกเขาจึงได้ย้อนเปลี่ยนจากธรรมเนียมนั้นและได้ให้การยอมรับ

ดูหนังสือฟัตฮุลบารี   หะดีษที่  3394




۞  วิจารณ์


ตำราหะดีษฝ่ายซุนนี่ใช้คำว่า  ‹12 คอลีฟะฮ์ ›   หรือ ‹ 12 อะมีร ›  หลังจากท่านนะบี(ศ)

และพวกอคติต่ออะฮ์ลุลบัยต์นะบี(อ)ได้ออกมาประกาศว่า  
 
‹ คอลีฟะฮ์ › หรือ ‹ อะมีร ›  มีความหมายไม่เหมือนกับคำ→   ‹ อิหม่าม ›  

แต่เมื่อเราได้อ่านคำสนทนาระหว่างชาวอันศ็อรกับชาวมุฮาญิรีนเรื่องคอลีฟะฮ์ที่สะกีฟะฮ์ในหนังสือซอฮิ๊ฮ์บุคอรีและฟัตฮุลบารี ชัรฮุลบุคอรี  หะดีษที่  3394 แล้ว    

ดูหลักฐานตัวบทหะดีษได้ที่เวบหะดีษ อิสลาม หะดีษที่ 3394
http://hadith.al-islam.com/Display/Display.asp?Doc=0&Rec=5550

โดยท่านหญิงอาอิชะฮ์เล่าว่า  :   หลังจากท่านรอซูล(ศ)เสียชีวิต  ชาวอันศ็อรได้รวมตัวกันที่ที่ " สะกีฟะฮ์ บะนีซาอิดะฮ์ "  และชาวอันศ็อรกล่าวว่า  

مِنَّا أَمِيرٌ وَمِنْكُمْ أَمِيرٌ

จากพวกเราจะต้องมี " อะมีร " หนึ่งคนและจากฝ่ายท่านมี " อะมีร " หนึ่งคน

หะดีษของบุคอรีบทนี้เล่าว่า  ชาวอันศ็อรคุยกันถึงเรื่อง อะมีร    แล้วท่านอะบูบักรก็บอกกับชาวอันศ็อรว่า

نَحْنُ الأُمَرَاءُ وَأَنْتُمُ الْوُزَرَاءُ

เรา(ชาวมุฮาญิรีน)คือ อะมีร  ส่วนพวกท่านคือ วะซีร (ที่ปรึกษา)

→ ตรงวรรคนี้อิบนุหะญัรได้ยกคำพูดของท่านเซด บินษาบิต(ชาวอันศ็อร) มาอธิบายโดยท่านเซดได้กล่าวว่า  

إِنَّ رَسُول اللَّه صَلَّى اللَّه عَلَيْهِ وَسَلَّمَ كَانَ مِنْ الْمُهَاجِرِينَ وَإِنَّمَا الْإِمَام مِنْ الْمُهَاجِرِينَ ،

ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)เป็นชาวมุฮาญิรีน  และ ‹ อิหม่าม › นั้นต้องมาจากชาวมุฮาญิรีน  

ดูหนังสือฟัตฮุลบารี   หะดีษที่  3394


۩ คำถามสำหรับวาฮาบี  

1. ซอฮาบะฮ์ที่สะกีฟะฮ์กำลังพูดเรื่องอะมีรหรือคอลีฟะฮ์ แต่ทำไมท่านเซดกลับพูดถึงเรื่องอิหม่ามต้องเป็นชาวมุฮาญิรีน  ท่านเซดไม่รู้ดอกหรือว่า  ที่นั่นกำลังคุยหารือเรื่องคอลีฟะอ์  ?

2. ทำไมท่านอะบูบักรจึงไม่ตำหนิท่านเซดว่า  คุณพูดนอกเรื่อง เพราะเรากำลังหารือกันเรื่องคอลีฟะฮ์  แต่คุณดันไปพูดเรื่องอิหม่าม  ?
 
3. หรือว่า ท่านอะบูบักรเข้าใจดีว่าคำอิหม่ามกับคำคอลีฟะฮ์และอะมีรคือเรื่องเดียวกัน ดังนั้นท่านอะบูบักรจึงได้ขอบใจต่อเซด ที่ช่วยพูดในเชิงให้การสนับสนุนเขา  ?

→ เราย้อนกลับมาดูสิ่งที่บุคอรีเล่าอีกครั้งในวรรคถัดมา
 
ท่านฮุบ๊าบ บินมุนซิร(ฝ่ายอันศ็อร)ซึ่งอยู่ที่นั่นด้วยได้โต้แย้งฝ่ายมุฮาญิรีนว่า  

لاَ وَاللَّهِ لاَ نَفْعَلُ ، مِنَّا أَمِيرٌ وَمِنْكُمْ أَمِيرٌ

ไม่ เราจะไม่ยอมทำ ( เช่นนั้นคือไม่ยอมให้มุฮาญิรีนเป็นคอลีฟะฮ์ฝ่ายเดียว แต่) จากพวกเราจะต้องมี " อะมีร " หนึ่งคนและจากฝ่ายท่านมี " อะมีร " หนึ่งคน

→ พอถึงวรรคนี้  อิบนุหะญัรได้อธิบายว่า  มีซอฮาบะฮ์ได้ยกหะดีษอะอิมมะฮ์มินกุเรชขึ้นมา

فَلَمَّا سَمِعُوا حَدِيث \\\" الْأَئِمَّة مِنْ قُرَيْش \\\" رَجَعُوا عَنْ ذَلِكَ وَأَذْعَنُوا.

เมื่อชาวอันศ็อรได้ยินหะดีษนะบี(ศ)ที่กล่าวว่า   " อิหม่าม ต้องมาจากเผ่ากุเรช "  
ชาวอันศ็อรจึงได้ยอมรับว่า มุฮาญิรีนคือ อิหม่าม เพราะมุฮาญิรีนมาจากเผ่ากุเรช
ดูหนังสือฟัตฮุลบารี   หะดีษที่  3394


۩ คำถามสำหรับวาฮาบี

1.หากคำอิหม่ามกับคอลีฟะฮ์ไม่ใช่เรื่องเดียวกัน   ทำไมชาวอันศ็อรไม่โต้แย้งต่อฝ่ายมุฮาญิรีนว่า  โอ้ท่านเซดและท่านอะบูบักร   เรากำลังคุยเรื่อง คอลีฟะฮ์ นะครับ ไม่ใช่เรื่อง อิหม่าม  ?

2.ฝ่ายสนับสนุนท่านอะบูบักรให้เป็นคอลีฟะฮ์  ได้แสดงหลักฐานต่อชาวอันศ็อรว่า
 
" อิหม่ามต้องมาจากมุฮาญิรีน "  และ  " อิหม่ามต้องมาจากเผ่ากุเรช  "  

จะเห็นได้ว่า ไม่มีซอฮาบะฮ์คนใดยกหะดีษมาแสดงว่า

الْخُلَفَاءُ مِنْ قُرَيْشٍ – คอลีฟะฮ์ต้องมาจากเผ่ากุเรช

หรือ

الْخُلَفَاءُ مِنْ الْمُهَاجِرِينَ  - คอลีฟะฮ์ต้องมาจากมุฮาญิรีน

จากการที่ซอฮาบะฮ์บางคนได้นำคำอิหม่ามมาสนทนาในวงหารือเรื่องคอลีฟะฮ์
และที่สำคัญคือ ฝ่ายอันศ็อรได้ยอมรับโดยไม่โต้แย้งอะไรต่อหะดีษที่ว่า อิหม่ามต้องเป็นชาวกุเรช  

ย่อมแสดงว่า →  

ซอฮาบะฮ์ที่เป็นชาวอันศ็อรเข้าใจดีใช่ไหมว่า  อิหม่ามกับคอลีฟะฮ์คือเรื่องเดียวกัน ?


แต่เราแปลกใจยิ่งนักต่อชาววาฮาบีและอะชาอิเราะฮ์บางคนในยุคนี้ ที่อ้างนักอ้างหนาว่า ผมคือผู้ทำตามซอฮาบะฮ์กลับแกล้งทำไขสือมาโต้แย้งกับฝ่ายชีอะฮ์ว่า  

หะดีษ  12 อิหม่ามของชีอะฮ์  กับ 12 คอลีฟะฮ์ของซุนนี่  มันคนละเรื่องกัน

นี่แหล่ะที่เขาเรียกคนประเภทนี้ว่า   นักบิดเบือนศาสนาตัวจริง

อัลลอฮ์ตะอาลาทรงได้ตำหนินักปราชญ์ยะฮูดีและนะซอรอที่ได้บิดเบือนความหมายของคัมภีร์เตารอตและอินญีลไปตามนัฟซูของพวกเขา ดังที่พระองค์ได้ตรัสว่า

يَا أَيُّهَا الرَّسُولُ لَا يَحْزُنْكَ الَّذِينَ يُسَارِعُونَ فِي الْكُفْرِ مِنَ الَّذِينَ قَالُوا آَمَنَّا بِأَفْوَاهِهِمْ وَلَمْ تُؤْمِنْ قُلُوبُهُمْ وَمِنَ الَّذِينَ هَادُوا سَمَّاعُونَ لِلْكَذِبِ سَمَّاعُونَ لِقَوْمٍ آَخَرِينَ لَمْ يَأْتُوكَ يُحَرِّفُونَ الْكَلِمَ مِنْ بَعْدِ مَوَاضِعِهِ يَقُولُونَ إِنْ أُوتِيتُمْ هَذَا فَخُذُوهُ وَإِنْ لَمْ تُؤْتَوْهُ فَاحْذَرُوا وَمَنْ يُرِدِ اللَّهُ فِتْنَتَهُ فَلَنْ تَمْلِكَ لَهُ مِنَ اللَّهِ شَيْئًا أُولَئِكَ الَّذِينَ لَمْ يُرِدِ اللَّهُ أَنْ يُطَهِّرَ قُلُوبَهُمْ لَهُمْ فِي الدُّنْيَا خِزْيٌ وَلَهُمْ فِي الْآَخِرَةِ عَذَابٌ عَظِيمٌ

โอ้รอซูลเอ๋ย ! จงอย่าให้เป็นที่เสียใจแก่เจ้าซึ่งบรรดาผู้ที่รีบเร่งกันในการปฏิเสธศรัทธาจากหมู่ผู้ที่กล่าวด้วยปากของพวกเขาว่า พวกเราศรัทธาแล้วโดยที่หัวใจของพวกเขามิได้ศรัทธา และจากหมู่ผู้ที่เป็นยิวด้วย โดยที่พวกเขาชอบฟังคำมุสา พวกเขาชอบฟังเพื่อพวกอื่นที่มิได้มุ่งหาเจ้า
พวกเขาบิดเบือนบรรดาถ้อยคำหลังจาก (ที่มันถูกวางใน) ที่ของมัน  พวกเขากล่าวว่า หากพวกท่านได้รับสิ่งนี้ก็จงเอามันไว้ และถ้าหากพวกท่านมิได้รับมันก็จงระวัง และผู้ใดที่อัลลอฮ์ทรงประสงค์ซึ่งการทดสอบเขาแล้ว  เจ้าก็ไม่มีสิทธิแต่อย่างใดจากอัลลอฮ์ที่จะช่วยเหลือเขาได้ ชนเหล่านี้แหล่ะคือผู้ที่อัลลอฮ์มิทรงประสงค์จะให้หัวใจของพวกเขาสะอาด โดยที่พวกเขาจะได้รับความอัปยศในโลกนี้ และจะได้รับการลงโทษอันมหันต์ในปรโลก
ซูเราะฮ์อัลมาอิดะฮ์  : 41


เรานึกไม่ถึงว่า ในยุคนี้จะมีนักปราชญ์วาฮาบีและอะชาอิเราะฮ์บางคนกล้าบิดเบือนความหมายหะดีษของท่านนะบี(ศ)เรื่องสิบสองผู้นำตามนัฟซูของตัวเองอย่างท่านอาจารย์สองคนดังกล่าว  นะอูซูบิลลาฮิ มินชัรริฮุมา  เราขอความคุ้มครองจากอัลลอฮ์ให้พ้นจากความต่ำทรามของคนทั้งสองด้วย  อามีน.
#66
ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ) กับหะดีษ 12 อิม่าม  (บทที่1)

Θ สะนัดหะดีษ  ►

قاَلَ الشَّيْخُ الصَّدُوْقُ :
حَدَّثَنَا أَحْمَدُ بْنُ مُحَمَّدِ بْنِ يَحْيَى الْعَطَّارُ رَضِيَ اللَّهُ عَنْهُ قَالَ : حَدَّثَنَا أَبِي ، عَنْ مُحَمَّدِ بْنِ عَبْدِ الْجَبَّارِ ، عَنْ أَحْمَدِ بْنِ مُحَمَّدِ بْنِ زِيَادٍ الْأَزْدِيِّ ، عَنْ أَبَانَ بْنِ عُثْمَانَ ، عَنْ ثَابِتِ بْنِ دِينَارٍ ، عَنْ سَيِّدِ الْعاَبِدِيْنَ عَلِيِّ بْنِ الْحُسَيْنِ ، عَنْ سَيِّدِ الشُّهَدَاءِ الْحُسَيْنِ بْنِ عَلِيٍّ عَنْ سَيِّدِ الأَوْصِيَاءِ أَمِيرِ الْمُؤْمِنِينَ عَلِىِّ بْنِ أَبِى طَالِبٍ عَلَيْهِمْ السَّلَام قَالَ :  

Θ มะตั่นหะดีษ  ►


قَالَ رَسُولُ اللَّهِ  صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَآلِهِ  :

الْأَئِمَّةُ بَعْدِيْ اثْناَ عَشَرَ أَوَّلُهُمْ أَنْتَ ياَ عَلِيُّ وَآخِرُهُمْ الْقاَئِمُ الَّذِيْ يَفْتَحُ اللهُ عَزَّوَجَلَّ عَلَى يَدَيْهِ مَشَارِقَ الْأَرْضِ وَمَغَارِبَهَا

Θ สายรายงาน  ►

เชคศอดูกเล่าว่า :   อะหมัด บินมุฮัมมัด บินยะห์ยาอัลอัตต็อรเล่าให้เราฟังเขากล่าวว่า  บิดาของฉัน(คือมุฮัมมัด บินยะห์ยา)เล่าให้เราฟัง จากมุฮัมมัด บินอับดุลญับบาร จากอะหมัด บินมุฮัมมัด บินซิยาดอัลอะซะดี จากอะบาน บินอุษมาน จากษาบิต บินดีนาร(คืออะบูฮัมซะฮ์อัษษุมาลี) จากอิม่ามอาลี(ซัยนุลอาบิดีน) บินฮูเซน จากอิม่ามฮูเซน บินอาลี จากอิม่ามอะมีรุลมุอ์มินีน อาลี บินอะบีตอลิบ(อ)เล่าว่า :


Θ ตัวบท  ►ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)กล่าวว่า :

อิม่ามผู้นำภายหลังจากฉันมี 12 คน  คนแรกของพวกเขาคือเจ้า โอ้อาลี และคนสุดท้ายของพวกเขาคืออัลกออิม(อัลมะฮ์ดี)

ผู้ที่อัลลอฮ์อัซซะวะญัลจะประทานชัยชนะให้อยู่ในมือทั้งสองของเขา ทั้งโลกตะวันออกและโลกตะวันตก


ดูหนังสือกะมาลุดดีน  วะตะมามุนนิอ์มะฮ์โดยเชคศอดูก(มรณะฮ.ศ.381)  หน้า  33 หะดีษที่ 35  

สถานะหะดีษ : สายรายงานเชื่อถือได้ทั้งหมด





۩  พิเคราะห์สายรายงานหะดีษ


1.เชคศอดูก →2.อะหมัด บินมุฮัมมัด บินยะห์ยาอัลอัตต็อร→3.บิดาของฉัน(คือมุฮัมมัด บินยะห์ยา)→4.มุฮัมมัด บินอับดุลญับบาร →5.อะหมัด บินมุฮัมมัด บินซิยาดอัลอะซะดี →6.อะบาน บินอุษมาน→7.ษาบิต บินดีนาร(คืออะบูฮัมซะฮ์อัษษุมาลี)→8.อิม่ามอาลี(ซัยนุลอาบิดีน) บินฮูเซน →9.อิม่ามฮูเซน บินอาลี →10.อิม่ามอะมีรุลมุอ์มินีน อาลี บินอะบีตอลิบ→ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)



1. เชคศอดูก ( 305 – 381 ฮ.ศ.รวมอายุ 76 ปี)  →

   กุตุบอัรบะอะฮ์(ตำราหะดีษชีอะฮ์ทั้งสี่) มีดังต่อไปนี้คือ

1. อัลกาฟี   ผู้เรียบเรียงเชคมุฮัมมัดบินยะอ์กูบ รู้จักกันในนามเชคกุลัยนี  มรณะ ฮ.ศ. 329

2.มันลายะห์ฎุรุฮุลฟะกีฮ์ ผู้เรียบเรียงเชคมุฮัมมัดบินอาลีบินฮูเซน บินบาบะวัยฮฺ อัลกุมมี รู้จักกันในนามเชคศอดูก  มรณะ ฮ.ศ.381

3.ตะฮ์ซีบุลอะห์กาม 4.อัลอิสติบศ็อร   ผู้เรียบเรียงคือเชคมุฮัมมัดบินอัลฮาซัน รู้จักกันในนามเชคตูซี่ มรณะ ฮ.ศ. 460


ชื่อเต็มของเชคศอดูกคือ

الشيخ أبو جعفر  محمد بن علي بن الحسين بن وسي بن بابويه القمي  المعروف بالشيخ الصدوق
เชคอะบูญะอ์ฟัร     มุฮัมมัด บินอาลี บินอัลฮูเซน บินมูซา บินบาบะวัยฮฺ  อัลกุมมี   รู้จักกันนาม  เชคศอดูก

เกิด
เชคศอดูกเกิดหลังปีฮ.ศ. 305  ที่เมืองกุม  ประเทศอิหร่าน   ด้วยบะร่อกัตจากการขอดุอาอ์ของอิม่ามมะฮ์ดี(อ)

มรณะ
เชคศอดูกมรณะฮ.ศ. 381 ที่เมืองเรย์ อยู่ทางตอนใต้ของเมืองเตฮะราน ประเทศอิหร่าน  ร่ายของเขาถูกฝังอยู่ใกล้กับสุสานของท่านสัยยิดอับดุลอะซีม อัลฮาซานี

คำวิจารณ์สถานะของเชคศอดูก

1- เชคตูซี่กล่าวว่า  

مُحَمَّدُ بْنُ عَلِىِّ بْنِ الْحُسَيْنِ بْنِ مُوسَى بْنِ باَبَوَيْهِ الْقُمِّيُّ، يُكْنَى أَباَ جَعْفَرٍ، كاَنَ جَلِيْلاً حاَفِظاً لِلأَحاَدِيْث بَصِيْراً بِالرِّجاَلِ ناَقِداً لِلأخْباَرِ لَمْ يُرَ فِي الْقُمِّيِّيْنَ مِثْلَهُ فِي حِفْظِهِ وَ كَثْرَةِ عِلْمِهِ،

มุฮัมมัด บินอาลี บินอัลฮูเซน บินมูซา บินบาบะวัยฮฺ  อัลกุมมี  ฉายาอะบูญะอ์ฟัร    : เขาเป็นผู้ทรงคุณวุฒิระดับสูง  นักท่องจำหะดีษ    ผู้เชี่ยวชาญอิลมุลริญาล  นักวิจารณ์สายรายงานหะดีษ   ไม่เคยเห็นในชาวเมืองกุมคนใดเหมือนเขาในความจำของเขา และในความรู้ที่มากมายของเขา
ดูอัลฟะฮ์ร็อสต์ โดยเชคตูซี่  อันดับที่  695  

2- อิบนุดาวูดกล่าวว่า
مُحَمَّدُ بْنُ عَلِىِّ بْنِ الْحُسَيْنِ بن بابويه  أبو جعفر جليل القدر حفظة بصير بالفقه والاخبار شيخ الطائفة وفقيهها ووجهها بخراسان،
มุฮัมมัด บินอาลี บินอัลฮูเซน บินมูซา บินบาบะวัยฮฺ  อัลกุมมี  ฉายาอะบูญะอ์ฟัร    : เขาเป็นผู้ทรงคุณวุฒิระดับสูง  นักท่องจำหะดีษ    ผู้เชี่ยวชาญด้านฟิกฮ์และรายงานหะดีษ  คือชัยค์แห่งกลุ่มปราชญ์ชีอะฮ์ เป็นฟะกีฮ์และเป็นหัวหน้ากลุ่มที่เมืองคูรอซาน
ดูริญาล อิบนิดาวูด  อันดับที่  1455  

3-อัลลามะฮ์ฮิลลีกล่าวว่า
مُحَمَّدُ بْنُ عَلِىِّ بْنِ الْحُسَيْنِ بن موسى بن بابويه القمي أبوجعفر نزيل الري شيخنا وفقيهنا ووجه الطائفة بخراسان، كان جليلا حافظا الاحاديث بصيرا بالرجال ناقدا للاخبار لم ير في القميين مثله في حفظه وكثرة علمه،
มุฮัมมัด บินอาลี บินอัลฮูเซน บินมูซา บินบาบะวัยฮฺ  อัลกุมมี  อะบูญะอ์ฟัร    : พำนักอยู่ที่เมืองเรย์ (อิหร่าน)  เขาเป็นเชค(นักปราชญ์)ของเรา เป็นฟะกีฮ์ของเรา และเป็นหัวหน้ากลุ่มที่เมืองคูรอซาน
เขาคือผู้ทรงคุณวุฒิระดับสูง  นักท่องจำหะดีษ   ผู้เชี่ยวชาญอิลมุลริญาล  นักวิจารณ์สายรายงานหะดีษ ไม่เคยเห็นชาวเมืองกุมคนใดเหมือนเขาในความจำของเขา และในความรู้ที่มากมายของเขา
ดูคุลาเศาะตุลอักวาล โดยอัลลามะฮ์ฮิลลี  อันดับที่  44  

เชคอับบาส อัลกุมมีกล่าวว่า  
(ابن بابويه) أبوجعفر مُحَمَّدُ بْنُ عَلِىِّ بْنِ الْحُسَيْنِ بن موسى بن بابويه القمي، شيخ الحفظة ووجه الطائفة المستحفظة رئيس المحدثين والصدوق فيما يرويه عن الائمة الطاهرين (ع) ولد بدعاء مولانا صاحب الامر (ع)
อิบนุบาบะวัยฮฺ  อะบูญะอ์ฟัร  มุฮัมมัด บินอาลี บินอัลฮูเซน บินมูซา บินบาบะวัยฮฺ  อัลกุมมี   คือชัยค์แห่งนักท่องจำ เป็นหัวหน้ากลุ่มนักท่องจำหะดีษ  เป็นหัวหน้าบรรดานักรายงานหะดีษ และเชื่อถือได้ในสิ่งที่เขารายงานหะดีษจากบรรดาอิม่ามผู้บริสุทธิ์(อ) เขาเกิดมาด้วยการขอดุอาอ์ของอิม่ามซอฮิบุลอัมริ(อ)
ดูอัลกุนาวัลอัลกอบ โดยเชคอับบาสกุมมี  เล่ม 33 หน้า 1



2. อะหมัด บินมุฮัมมัด บินยะห์ยาอัลอัตต็อร→
      
เขามีชีวิตอยู่ในช่วงฮ.ศ. 356 เขาคืออาจารย์คนหนึ่งของเชคศอดูก   เชคศอดูกได้กล่าวถึงเขาว่า อาจารย์คนนี้เป็นที่พึงพอใจสำหรับเขา  และเชคศอดูกได้รายงานหะดีษของอาจารย์คนนี้เอาไว้ในหนังสืออัลอะมาลี  อุยูนุอัคบาริลริฎอ(อ)และมะอานีอัคบาร  ส่วนเชคตูซีได้รายงานหะดีษของเขาเอาไว้ในหนังสือตะฮ์ซีบุลอะห์กามและอัลอิสติบศ็อร ประมาณ 54 เรื่องซึ่งเป็นรายงานที่มาจากบรรดาอิม่ามแห่งอะฮ์ลุลบัยต์(อ)  โดยอะหมัดได้รายงานหะดีษของอะอิมมะฮ์จากบิดาของเขา

ผู้ที่รายงานหะดีษจากเขาคือฮูเซนบินอุบัยดุลลอฮ์ อัลเฆาะฎออิรีและอบุลฮูเซน บินอะบีญัยยิดอัลกุมมี  และฮารูน บินมูซา อัตตัลละอักบะรี(มรณะฮ.ศ.356)ได้ฟังจากเขา และเขายังได้รับอิญาซะฮ์(การอนุญาตให้รายงานหะดีษ)ได้จากเขา  ดูเมาซูอะฮ์ อัศฮาบุลฟุเกาะฮาอ์  อันดับที่  1316

เชคตูซีกล่าวว่า
أحمد بن محمد بن يحيى   روى عنهما أبو جعفر ابن بابويه
อะหมัด บินมุฮัมมัดบินยะห์ยา ผู้ที่รายงานหะดีษจากเขาทั้งสอง(หมายถึงอะหมัดและมุฮัมมัดบินยะห์ยา)คือ อะบูญะอ์ฟัร อิบนิบาบะวัยฮฺ(เชคศอดูก)   ดูริญาลเชคตูซี  อันดับที่  5979

อัลคอกอนีกล่าวว่า
احمد بن محمد بن يحيى العطار فان الصدوق رحمه الله يروى عنه كثيرا وهو من مشايخه
อะหมัด บินมุฮัมมัดบินยะห์ยา อัลอัตต็อร : แท้จริงเชคศอดูกได้รายงานหะดีษจากเขามากมาย และเขาคืออาจารย์คนหนึ่งของเชคศอดูก     ดูริญาลอัลคอกอนี  เล่ม 1 : 232



3. บิดาของฉัน(คือมุฮัมมัด บินยะห์ยา)→

เขามีชีวิตอยู่ในฮ.ศ.300 เป็นอาลิมแห่งยุค เป็นนักรายงานหะดีษ (และ)เป็นอาจารย์ของเชคกุลัยนี  
เขารายงานหะดีษจากอัศฮาบของพวกเขามากมายเช่น มุฮัมมัดบินฮูเซน บินอบิลคอตตอบ( มรณะ 262) มุฮัมมัดบินฮาซันอัศศอฟฟ้าร( มรณะ 290 ) และมุฮัมมัด บินอับดุลญับบาร และคนอื่นๆ
ผู้ที่รายงานหะดีษจากเขาคือ เชคกุลัยนี , อาลี บินฮูเซน บินบาบะวัยฮฺ บิดาของเชคศอดูก และคนอื่นๆ...  เขาคือฟะกีฮ์ผู้โด่งดังคนหนึ่ง และคือเชคของชาวชีอะฮ์ในยุคของเขา  เชื่อถือได้ในการรายงาน เขารายงานหะดีษไว้มากมาย
ดูเมาซูอะฮ์ อัศฮาบุลฟุเกาะฮาอ์  อันดับที่  1171

เชคตูซีกล่าวว่า
محمد بن يحيى العطار  روى عنه الكليني، قمي، كثير الرواية
มุฮัมมัด บินยะห์ยาอัลอัตต็อร : เชคกุลัยนีรายงานหะดีษจากเขา เป็นชาวเมืองกุม มีรายงานหะดีษมากมาย    ดูริญาลเชคตูซี  อันดับที่  6274

ท่านนะญาชีกล่าวว่า
محمد بن يحيى أبو جعفر العطار القمي شيخ أصحابنا في زمانه، ثقة، عين، كثير الحديث
มุฮัมมัด บินยะห์ยา อะบูญะอ์ฟัร อัลอัตต็อร อัลกุมมี   เชคแห่งอัศฮาบของพวกเราในสมัยของเขา  เชื่อถือได้ในการรายงาน มีหะดีษมากมาย    ดูริญาลนะญาชี  อันดับที่  946



4. มุฮัมมัด บินอับดุลญับบาร →

เขามีชีวิตอยู่ก่อนฮ.ศ. 260 นับว่าเขาเป็นสาวกคนหนึ่งของท่านอิม่ามทั้งสามคือ อิม่ามญะวาด,อิม่ามฮาดีและอิม่ามฮาซันอัสการี(อ)
เขารายงานหะดีษจาก : อิม่ามฮาดีและอิม่ามฮาซันอัสการี(อ) มีคนเล่าว่า เขาเป็นคนรับใช้ของอิม่ามฮาซันอัสการี(อ) แล้วเขาได้สอบถามปัญหาต่างๆมากมายจากอิม่ามฮาซันอัสการี  และเขายังใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับศ็อฟวาน บินยะห์ยาและได้รายงานเรื่องฟิกฮ์จากเขาไว้มากมาย
   เช่นกันเขายังได้รายงานหะดีษจากบุคคลดังต่อไปนี้คือ : ฮาซัน บินอาลีบินฟัฎฎอล , มุฮัมมัดบินสินาน , มุฮัมมัด บินอะบีอุมัยริน และคนอื่นๆ
   ผู้ที่รายงานหะดีษจากเขาคือ : มุฮัมมัด บินยะห์ยาอัลอัตต็อร , มุฮัมมัด บินฮาซันอัศศอฟฟ้ารและคนอื่นๆ  รายงานของเขามีบันทึกไว้ในกุตุบอัรบะอะฮ์ถึง 927 กว่าเรื่อง
ดูเมาซูอะฮ์ อัศฮาบุลฟุเกาะฮาอ์  อันดับที่  1126

เชคตูซีกล่าวว่า
محمد بن عبد الجبار  و هو ابن أبي الصهبان، قمي، ثقة
มุฮัมมัด บินอับดุลญับบาร  เขาคือบุตรของอะบีเศาะฮ์บาน ชาวเมืองกุม  เชื่อถือได้ในการรายงาน    ดูริญาลเชคตูซี  อันดับที่  5765



5. อะหมัด บินมุฮัมมัด บินซิยาดอัลอะซะดี →

หรือที่รู้จักกันในนาม อิบนิ อะบีอุเมรฺ  มรณะฮ.ศ.217  เขาคือฟะกีฮ์  ร็อบบานี มีฉายาว่า อะบูมุฮัมมัด เป็นชาวเมืองแบกแดด(อิรัก) เป็นสาวกของอิม่ามมูซากาซิมและอิม่ามอาลีริฎอ(อ) ซึ่งนักวิชาการมีมติตรงกันว่า อิบนิ อะบีอุเมรฺคือหนึ่งในหกจากบรรดาผู้ที่มีความน่าเชื่อถือในการรายงานหะดีษและได้รับการรับรองในเรื่องฟิกฮ์ของพวกเขา
   อะหมัด บินมุฮัมมัดบินซิยาด(หรืออิบนิ อะบีอุเมรฺ)ได้พบกับอิม่ามมูซากาซิมและได้สดับฟังหะดีษต่างๆจากท่าน บางครั้งอิม่ามมูซาเรียกเขาด้วยฉายาว่า " อะบูอะหมัด "  และเขาได้รายงานหะดีษจากอิม่ามอาลีริฎอ(อ)    ดูเมาซูอะฮ์ อัศฮาบุลฟุเกาะฮาอ์  อันดับที่  1115

อะหมัดคือ บุตรชายของ มุฮัมมัดบินซิยาด อัลอะซะดี หรือที่รู้จักกันในนาม มุฮัมมัด บินอะบีอุมัยริน  รายงานหะดีษซอฮิ๊ฮ์ของอะหมัดในกุตุบอัรบะอะฮ์เช่น
عَنْ أَحْمَدَ بْنِ مُحَمَّدِ عَنْ مُحَمَّدِ بْنِ أَبِي عُمَيْرٍ(زِياَد) عَنْ إِسْمَاعِيلَ بْنِ رَبَاحٍ قَالَ سَأَلْتُ أَبَا الْحَسَنِ (ع) عَنْ مُفْرِدِ الْعُمْرَةِ عَلَيْهِ طَوَافُ النِّسَاءِ قَالَ نَعَمْ  
จากอะหมัด บินมุฮัมมัด  จากมุฮัมมัด บินอะบีอุมัยริย(คือซิยาด) จากอิสมาอีล บินร่อบาห์เล่าว่า ฉันได้ถามอิม่ามอะบุลฮาซัน(อ)ถึงการทำอุมเราะฮ์มุฟร็อดว่า จำเป็นที่เขาจะต้องทำการต่อวาฟนิซาอ์หรือไม่ ท่านอิม่ามตอบว่า " ใช่ "
ดูอัลอิสติบศ็อร โดยเชคตูซี่  เล่ม 2 : 232 หะดีษที่ 1 สถานะหะดีษซอฮิ๊ฮ์


เชคมุฮัมมัด บินอัลฮาซัน อัตตูซี่(385-460 ฮ.ศ.)กล่าวว่า

مُحَمَّدُ بْنُ أَبِيْ عُمَيْرٍ : يكنى أبا أحْمَد، مِنْ مَوَالِي الْأَزَد، وَ اسْمُ أبِي عُمَيْرٍ زِياَدُ، وَكاَنَ مِنْ أَوْثَقِ الناَّسِ عِنْدَ الْخَاصَّةِ وَالْعاَمَّةِ ،  
وأدرك من الأئمة عليهم السلام ثلاثة أبا إبراهيم موسى عليه السلام، و لم يرو عنه و أدرك الرضا عليه السلام، و روى عنه و الجواد عليه السلام،    

มุฮัมมัด บินอะบีอุมัยริน  : ฉายาอะบูมุฮัมมัด คนรับใช้คนหนึ่งของเผ่าอะซัด ชื่อของอะบีอุมัยรินคือซิยาด  

และเขาเป็นบุคคลที่น่าเชื่อถือมากที่สุดในทัศนะของชีอะฮ์และซุนนี่

เขาอยู่ทันอิม่ามสามท่านคือ อิม่ามมูซากาซิม อิม่ามอาลีริฎอและอิม่ามมุฮัมมัดญาวาด(อ)

ดูอัลฟะฮ์ร็อสต์ โดยอัตตูซี่  อันดับที่  607

เชคตูซีกล่าวว่า  
محمد بن أبي عمير  يكنى أبا أحمد، واسم أبي عمير زياد، مولى الأزد، ثقة
มุฮัมมัด บินอะบีอุมัยริน (มรณะฮ.ศ.217) ฉายาอะบูอะหมัด ชื่อจริงของอะบีอุมัยรินคือ ซิยาด  เป็นคนรับใช้ของ(เผ่า)อัลอะซะดี เชื่อถือได้ในการรายงาน   ดูริญาลเชคตูซี  อันดับที่  5413

ท่านนะญาชีกล่าวว่า
محمد بن أبي عمير زياد بن عيسى أبو أحمد الأزدي   لقي أبا الحسن موسى عليه السلام وسمع منه أحاديث كناه في بعضها فقال يا أبا أحمد، وروى عن الرضا عليه السلام، جليل القدر عظيم المنزلة فينا
มุฮัมมัด บินอะบีอุมัยริน ซิยาดบินอีซา  ฉายาอะบูอะหมัด อัลอะซะดี    เขาได้พบกับอิม่ามอะบุลฮาซันมูซา(อ)และยังได้ฟังหะดีษต่างๆจากท่าน ท่านอิม่ามได้เรียกชื่อเขาในบางครั้งว่าอะบูอะหมัด(บิดาของอะหมัด) และเขายังได้รายงานหะดีษจากอิม่ามริฎอ(อ)  เขาเป็นผู้ทรงคุณวุฒิชั้นสูง มีฐานะภาพยิ่งใหญ่ในหมู่พวกเรา    ดูริญาลนะญาชี  อันดับที่  887

สัยยิดอัลคูอีกล่าวว่า
محمد بن زياد الازدي : روى عن أبان بن عثمان الاحمر . الفقيه : الجزء 4 ، باب النوادر وهو آخر
أبواب الكتاب ، الحديث 832 . أقول : هو محمد بن أبي عمير المتقدم .
มุฮัมมัด บินซิยาดอัลอะซะดี : รายงานหะดีษจากอะบาน บินอุษมาน อัลอะห์มัร ดูมันลายะห์ฎุรุฮุลฟะกีฮ์ เล่ม 4 หะดีษที่ 832  ฉันขอกล่าวว่า  เขาคือ มุฮัมมัด บินอะบีอุมัยริน
ดูมุอ์ญัมริญาล โดยอัลคูอี อันดับที่  10793



6. อะบาน บินอุษมาน อัลอะห์มัร→

เขามีชีวิตอยู่ก่อนฮ.ศ.183 เป็นฟะกีฮฺ  เป็นนักวรรณคดีอาหรับ  ฉายาอะบูอับดุลลอฮ์ อัลบะญะลี เป็นชาวเมืองกูฟะฮ์ เป็นสาวกของอิม่ามศอดิก(อ) ศึกษาความรู้และเรื่องฟิกฮ์จากอิม่ามศอดิกและรายงานหะดีษจากอิม่ามศอดิกและอิม่ามมูซากาซิม(อ)
ผู้ที่รายงานหะดีษที่เขาคือ  : อะบูบะศีร (ชื่อคือ)ยะห์ยาบินกอสิมอัลอะสะดี ,มุอ์มิน ต็อกและอะบีฮัมซะฮ์อัษษุมาลี(ชื่อคือษาบิต บินดีนาร)   ดูเมาซูอะฮ์ อัศฮาบุลฟุเกาะฮาอ์  อันดับที่  283

ท่านอิบนุดาวูดกล่าวว่า
أبان بن عثمان الاحمر  : من الستة الذين أجمعت العصابة على تصديقهم، وهم: جميل بن دراج، عبدالله بن مسكان، عبدبن بكير، حمادبن عيسى، حماد بن عثمان، أبان بن عثمان. وجميل بن دراج أفقههم
อะบาน บินดีนาร อัลอะห์มัร คือหนึ่งในหกบุคคลที่กลุ่มนักวิชาการมีมติตรงกันว่า พวกเขาเชื่อถือได้ในการรายงาน    ดูริญาลอิบนุดาวูด  อันดับที่  6



7.ษาบิต บินดีนาร( ฉายาคือ อะบูฮัมซะฮ์อัษษุมาลี)→

หรือษาบิตบินอะบีเศาะฟียะฮ์ ดีนาร  มีฉายาว่า อะบูฮัมซะฮ์ อัษษุมาลีอัลอะซะดี ชาวกูฟะฮ์ มรณะฮ.ศ. 150  เป็นอาเล่มที่ยิ่งใหญ่คนหนึ่งในสมัยของเขาในเรื่องฟิกฮ์  หะดีษ ภาษาศาสตร์และอื่นๆ  เขาได้รับความรู้มาจากท่านอิม่ามทั้งสี่คือ อิม่ามซัยนุลอาบิดีน อิม่ามบาเก็ร อิม่ามศอดิกและอิม่ามมูซากาซิม(อ) และเขาได้รายงานหะดีษจากท่านอิม่ามทั้งสี่
ดูเมาซูอะฮ์ อัศฮาบุลฟุเกาะฮาอ์  อันดับที่  108

เชคตูซีกล่าวว่า
ثابت بن دينار  يكنى أبا حمزة الثمالي، و كنية دينار أبو صفية ثقة
ษาบิต บินดีนาร ฉายาคือ อะบูฮัมซะฮ์ อัษษุมาลี และกุนยะฮ์ของดีนารคือ อะบูเศาะฟียะฮ์  
เชื่อถือได้ในการรายงาน    ดูอัลฟะฮ์ร็อสต์ เชคตูซี  อันดับที่  127

อัลลามะฮ์ฮิลลีกล่าวว่า
ثابت بن دينار يكنى دينار أبا صفيه وكنيته ثابت أبوحمزة الثمالي، روى عن علي بن الحسين عليه السلام وكان ثقة
ษาบิตบินดีนาร  ฉายาอะบูเศาะฟียะฮ์ และกุนยะฮ์คือ อะบูฮัมซะฮ์อัษษุมาลี เขารายงานหะดีษจากอิม่ามอาลี บินฮูเซน(อ)  และเชื่อถือได้ในการรายงาน
ดูคุลาเศาะตุลอักวาล อันดับที่  5  บาบที่  1 หมวดนักรายงานที่ชื่อ ษาบิต



8.อิม่ามอาลี(ซัยนุลอาบิดีน) บุตรอิม่ามฮูเซน →

ท่านคืออิม่ามคนที่ 4 แห่งมัซฮับอะฮ์ลุลบัยต์(อ)เกิดที่นครมะดีนะฮ์ ฮ.ศ.38 - 114
قال العِجْلِي : عَلِيُّ بْنُ الْحُسَيْنِ بْنِ عَلِيِّ بْنِ أَبِي طَالِبٍ مَدَنِيٌّ تاَبِعِيٌّ ثِقَةٌ وَكاَنَ رَجُلاً صاَلِحاً
อัลอิจญ์ลีกล่าวว่า  : อาลี บินฮูเซน เป็นตาบิอี  เชื่อถือได้ และเป็นคนซอและห์
ดูอัษษิกอต โดยอิจญ์ลี  อันดับที่  1293  
قاَلَ ابْنُ حَجَر : عَلِىُّ بْنُ الْحُسَيْنِ بْنِ عَلِىِّ بْنِ أَبِى طَالِبٍ الْهاَشِمِيُّ زَيْنُ الْعاَبِدِيْنَ ثِقَةٌ ثَبَتٌ عاَبِدٌ فَقِيْهٌ فاَضِلٌ مَشْهُوْرٌ
 อิบนุหะญัรกล่าวว่า   : อาลี บินฮูเซน  ซัยนุลอาบิดีน  เชื่อถือได้  มีความมั่นคง  อาบิ๊ด  ฟะกีฮ์  ฟาดิ้ล มัชฮู้ร
ดูตักรีบุตตะฮ์ซีบ  อันดับที่ 4715
قاَلَ الذَّهَبِيُّ : عَلِىُّ بْنُ الْحُسَيْنِ (ع) اِبْنُ الْاِماَمِ عَلِىِّ بْنِ أَبِى طَالِبِ بْنِ عَبِدِ الْمُطَّلِبِ بْنِ هاَشِمِ بْنِ عَبْدِ مَناَف، السَّيِّدُ الْاِماَمُ، زَيْنُ الْعاَبِدِيْنَ، الْهاَشِمِيُّ الْعَلَوِيُّ، الْمَدَنِيُّ    
อัซซะฮะบีกล่าวว่า   : อาลี บินฮูเซน  คือสัยยิด  เป็นอิม่ามผู้นำ    

ดูสิยัร อะอ์ลามุนนุบะลาอ์  อันดับที่ 157



9.อิม่ามฮูเซน บุตรอิม่ามอาลี →

ท่านคืออิม่ามคนที่ 3 แห่งมัซฮับอะฮ์ลุลบัยต์(อ)เกิดที่นครมะดีนะฮ์ ฮ.ศ.4 - 61
قاَلَ ابْنُ حَجَر : الْحُسَيْنُ بْنُ عَلِىِّ بْنِ أَبِى طَالِبٍ الهاشمي أبو عبدالله المدني سِبْطُ رَسُوْلِ الله (ص)    
อิบนุหะญัรกล่าวว่า   : ท่านฮูเซน บินอาลีบินอะบีตอลิบ หลานชายของท่านรอซูล(ศ)  หนึ่งจากบรรดาซาบิกีนเอาวะลีน   ปราชญ์กลุ่มหนึ่งให้น้ำหนักว่า  เขาคือชายคนแรกที่เข้ารับอิสลาม
ดูตักรีบุตตะฮ์ซีบ  อันดับที่ 1334      

ท่านรอซูล(ศ)กล่าวว่า
 
الحَسَـنُ ‏ ‏وَالْحُسَـيْنُ ‏ ‏سَـيِّدَا شَـبَابِ أهْلِ الْجَـنَّة

ฮาซันและฮูเซนคือหัวหน้าชายหนุ่มแห่งชาวสวรรค์  

ดูซอฮิ๊ฮ์ติรมิซี  หะดีษที่  2965



10.อิม่ามอาลี บุตรอะบีตอลิบ→ ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)

ท่านคืออิม่ามคนที่ 1 แห่งมัซฮับอะฮ์ลุลบัยต์(อ)  เกิดที่กะอ์บะฮ์ นครมักกะฮ์  เกิดก่อนฮ.ศ.23  มรณะฮ.ศ. 41
قاَلَ ابْنُ حَجَر العسقلاني الشافعي : عَلِيُّ بْنُ أَبِي طَالِب بن عَبْدِ الْمُطَّلِبِ بْنِ هَاشِمٍ الهاشمي ابنُ عَمِّ رسول الله (ص) وَزَوْجُ اِبْنَتِهِ مِنَ الساَّبِقِيْنَ الْأَوَّلِيْنَ وَرَجَّحَ جَمْعٌ أَنَّهُ أَوَّلُ مَنْ أَسْلَمَ
อิบนุหะญัรกล่าวว่า   : ท่านอาลี บินอะบีตอลิบ บุตรของลุงของท่านรอซูล(ศ) คือสามีบุตรีของท่านรอซูลฯ  เป็นหนึ่งจากบรรดาซาบิกูนอัลเอาวะลูน(ผู้เข้ารับอิสลามรุ่นแรกสุด)   มีนักปราชญ์กลุ่มหนึ่งให้น้ำหนักว่า  เขาคือชายคนแรกที่เข้ารับอิสลาม

ดูตักรีบุตตะฮ์ซีบ  อันดับที่ 4753
#67


สำหรับลำดับจุฬาราชมนตรีในประเทศไทยนั้น


ที่มาจากฝ่ายชีอะฮ์คือ


           1.เจ้าพระยาบวรราชนายก (เฉก อะหมัด) ดำรงตำแหน่ง จุฬาราชมนตรีในรัชสมัยแผ่นดินพระเจ้าทรงธรรม (พ.ศ.2145 - 2170) และต่อมาถึงรัชสมัยพระเจ้าปราสาททอง (พ.ศ.2173-2198)


            2. พระยาจุฬาราชมนตรี (แก้ว) เป็นหลานตาของเจ้าพระยาบวรราชนายก ดำรงตำแหน่งจุฬาราชมนตรี ในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช (พ.ศ.2199 - 2225)


            3. พระยาจุฬาราชมนตรี (สน) เป็นบุตรของเจ้าพระยาศรีไสยหาญณรงค์ (ยี) ในสายสกุลของท่านเฉก อะหมัด ดำรงตำแหน่งจุฬาราชมนตรี ในรัชสมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ (พ.ศ.2275-2301)

 
            4. พระยาจุฬาราชมนตรี (เชน) เป็นบุตรเจ้าพระยาเพชรพิไชย (ใจ)

กรุงรัตนโกสินทร์


            5. พระยาจุฬาราชมนตรี (ก้อนแก้ว - มุฮัมมัดมะห์ซูม)  เป็นบุตรพระยาจุฬาราชมนตรี (เชน) ดำรงตำแหน่งจุฬาราชมนตรี ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช


            6. พระยาจุฬาราชมนตรี (อกาหยี่) เป็นน้องชายของจุฬาราชมนตรี (ก้อนแก้ว) ดำรงตำแหน่งจุฬาราชมนตรี ในรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย


            7. พระยาจุฬาราชมนตรี (เถื่อน-มุฮัมมัดกาซีม) เป็นบุตรพระยาจุฬาราชมนตรี (ก้อนแก้ว) ดำรงตำแหน่งจุฬาราชมนตรี ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว


            8. พระยาจุฬาราชมนตรี (น้อย-มุฮัมมัดบาเกรฺ) เป็นบุตรพระยาจุฬาราชมนตรี (อกาหยี่) ดำรงตำแหน่งจุฬาราชมนตรี ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว


            9.พระยาจุฬาราชมนตรี(นาม-มุฮัมมัดตะกี)เป็นบุตรพระยาจุฬาราชมนตรี(เถื่อน)ดำรงตำแหน่งจุฬาราชมนตรีในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว


           10.พระยาจุฬาราชมนตรี (สิน-กุลามฮูเซ็น) เป็นบุตรพระยาจุฬาราชมนตรี(นาม)ดำรงตำแหน่งจุฬาราชมนตรีในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว


           11.พระยาจุฬาราชมนตรี(สันอหะหมัดจุฬา) เป็นบุตรพระยาจุฬาราชมนตรี(สิน) ดำรงตำแหน่งจุฬาราชมนตรี ในรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็นผู้ได้รับพระราชทานนามสกุล \\\"อหะหมัดจุฬา\\\" เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2456


           12. พระยาจุฬาราชมนตรี (เกษม อหะหมัดจุฬา) เป็นบุตรพระยาจุฬาราชมนตรี (สิน) ดำรงตำแหน่งจุฬาราชมนตรี ในรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว


           13. พระยาจุฬาราชมนตรี (สอน อหะหมัดจุฬา) เป็นบุตรพระยาจุฬาราชมนตรี (สัน) ดำรงตำแหน่งจุฬาราชมนตรี ในรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว



ที่มาจากฝ่ายซุนนี่คือ



           14. จุฬาราชมนตรี แช่ม พรหมยงค์ (ซัมมุดดีน มุดตาฟา) ดำรงตำแหน่งจุฬาราชมนตรี ในรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล (พ.ศ.2488 - 2490)


           15. จุฬาราชมนตรี ต่วน สุวรรณศาสน์ (อิสมาแอล ยะห์ยาวี) ดำรงตำแหน่งจุฬาราชมนตรี ในรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช (พ.ศ.2490 - 2515)


           16. จุฬาราชมนตรี ประเสริฐ มะหะหมัด (อะหมัด บิน มะหะหมัด) ดำรงตำแหน่งจุฬาราชมนตรี ในรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช (พ.ศ.2515 - 2540)


          17. จุฬาราชมนตรี สวาสดิ์ สุมาลยศักดิ์ (อะหมัด มะห์หมูดซันกอรี) ดำรงตำแหน่งจุฬาราชมนตรี ในรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช (พ.ศ.2540 - ปัจจุบัน) โดยได้ผ่านการคัดเลือกจากคณะกรรมการอิสลาม ประจำจังหวัด ทั่วประเทศ และได้รับการเลือกตั้งตามพระราชบัญญัติการบริหารองค์กรศาสนาอิสลาม พ.ศ.2540 เป็นคนแรก
#68
ชุบฮะฮ์(ข้อสงสัย)ที่   5  เรื่องอิม่าม 12  



หนังสืออัลกาฟี กับปัญหาหะดีษ  13  อิม่าม



หลังจากที่เราได้ชี้แจงไปแล้วว่า ความเชื่อเรื่อง 12 อิม่ามผู้นำนั้นได้เกิดขึ้นก่อนศตวรรษที่สามแห่งฮิจเราะฮ์ศักราชด้วยหลักฐานหลักสองประการคือ

1 -  หนังสือชีอะฮ์ชื่อ  อัลอิมามะฮ์ วัตตับศิเราะฮ์   หน้า 2  ได้บันทึกหะดีษว่า

قَالَ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَآلِهِ : الْأَئِمَّةُ مِنْ بَعْدِيْ إثْناَ عَشَرَ، أوَّلُهُمْ أنْتَ ياَ عَلِيُّ، وَآخِرُهُم الْقاَئِمُ الَّذِيْ يَفَتْحُ اللهُ عَلَى يَدَيْهِ مَشَارِقُ الْأَرْضِ وَمَغَارِبُهَا

ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)กล่าวว่า  : อิหม่ามผู้นำภายหลังจากฉันนั้นจะมี  12 คน  คนแรกคือเจ้าโอ้อาลี และคนสุดท้ายของพวกเขาคืออัลกออิม ซึ่งอัลลอฮ์จะประทานชัยชนะให้ไว้ในมือทั้งสองของเขา ทั้งโลกทางตะวักออกและตะวันตก
ดูต้นฉบับหนังสือนี้ได้ที่เวบ
http://www.al-shia.org/html/ara/books/lib-hadis/emama_&_tabsera/a1.html

เชคอาลี บินบาบะวัยฮ์ มรณะฮ.ศ. 329  คือผู้เรียบเรียงและเป็นผู้บันทึกหะดีษ 12 อิมามบทนี้เอาไว้ในหนังสืออัลอิมามะฮ์ วัตตับศิเราะฮ์ของเขา
เชคอาลี บินบาบะวัยฮ์ คือบิดาของเชคศอดูก และเขาคือสาวกสนิทคนหนึ่งของอิม่ามฮาซันอัสการี่ ซึ่งอิม่ามท่านที่ 11 นี้ได้มรณะในปีฮ.ศ. 260  
ฉะนั้นหะดีษเรื่อง 12 อิม่ามที่ได้บันทึกอยู่ในหนังสือ " อัลอิมามะฮ์วัตตับศิเราะฮ์ " บทนี้ย่อมพิสูจน์ว่า ความเชื่อเรื่อง 12 อิม่ามมีบันทึกไว้ในตำราชีอะฮ์ก่อนศตวรรษที่สามแห่งฮิจเราะฮ์ศักราช


2 – หนังสือชีอะฮ์ชื่อ อัลยากูต บางคนเรียก ยากูตุลกะลาม

ผู้เรียบเรียงชื่อเชคอิบรอฮีม บินเนาบัคต์ ( มรณะ ฮ.ศ. 320 ) เป็นอีกคนหนึ่งที่ได้กล่าวถึงเรื่อง 12 อิมามเอาไว้ในหนังสือของเขาเล่มนี้ ซึ่งเชคอิบรอฮีมบินเนาบัคต์ผู้นี้มีชีวิตอยู่ในสมัยเดียวกันกับท่านเนาบัคตีเจ้าของหนังสือฟิร็อกชีอะฮ์(กลุ่มต่างๆในชีอะฮ์)

สรุปว่าอะกีดะฮ์เรื่อง 12 อิม่ามจึงเป็นเรื่องที่รู้กันดีในหมู่ชีอะฮ์ก่อนศตวรรษที่สามแห่งฮิจเราะฮ์ศักราช

โปรดดูรายละเอียดได้ที่
http://www.q4sunni.com/believe/index.php?option=com_kunena&Itemid=71&func=view&catid=2&id=1822


۞ หลักฐานข้างต้นได้ลบล้างทำลายทฏษฏีผิดๆของพวกวาฮาบีและอะชาอิเราะฮ์ที่กล่าวว่า  ความเชื่อเรื่องสิบสองอิม่ามของชีอะฮ์พึ่งเกิดขึ้นหลังจากศตวรรษที่สามแห่งฮิจเราะฮ์


เมื่อพวกป่วยทางจิตโจมตีเรื่องกำเนิด 12 อิม่ามไม่สำเร็จ ก็หันมาโจมตีเรื่องอื่นต่อโดยกล่าวว่า  ในหมู่ชีอะฮ์มีความขัดแย้งกันขึ้นภายในเกี่ยวกับเรื่องจำนวนของอิม่าม   โดยพวกอคติได้อ้างว่า  

- ชีอะฮ์บางกลุ่มเชื่อว่า  อิม่ามผู้นำมีแค่  12  คน  

- และชีอะฮ์บางกลุ่มก็เชื่อว่า  อิม่ามผู้นำมี  13  คน
#69

สืบเนื่องต่อจากกระทู้ <<  วิจัยเรื่อง 12 ผู้นำที่วาฮาบีและอะชาอิเราะฮ์ อคติ  >>   ดูบทความ

http://www.q4sunni.com/believe/index.php?option=com_kunena&Itemid=71&func=view&catid=2&id=1793

เราเกรงว่า  บทความข้างต้นจะยืดยาวเกินไป  จึงขอตัดสาระต่างๆที่เกี่ยวข้องกับเรื่อง 12 อิม่าม  มาไว้ในบทความนี้ต่างหาก  โดยจะชี้แจงเรื่องที่คลุมเครือทีละหัวข้อๆ  ให้ท่านผู้อ่านได้ศึกษาดังต่อไปนี้



۞   ชีอะฮ์มีความเชื่อเรื่อง  12 อิม่าม  ตั้งแต่เมื่อไหร่


ความเชื่อชีอะฮ์ในเรื่อง อิม่ามผู้นำที่สืบหน้าที่ต่อจากท่านนะบี(ศ)ว่ามี 12 คนนั้นมีมาก่อนศตวรรษที่สามแห่งฮิจเราะฮ์ศักราช

เพราะ

หนึ่ง-
เชคอาลี บินบาบะวัยฮ์
มรณะฮ.ศ. 329 (บิดาเชคศอดูก)ได้บันทึกหะดีษ 12 อิมามไว้ในหนังสือของเขาชื่อ  อัลอิมามะฮ์ วัตตับศิเราะฮ์ หน้า 2 ว่า

قَالَ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَآلِهِ : الْأَئِمَّةُ مِنْ بَعْدِيْ إثْناَ عَشَرَ، أوَّلُهُمْ أنْتَ ياَ عَلِيُّ، وَآخِرُهُم الْقاَئِمُ الَّذِيْ يَفَتْحُ اللهُ عَلَى يَدَيْهِ مَشَارِقُ الْأَرْضِ وَمَغَارِبُهَا

ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)กล่าวว่า  :

อิหม่ามผู้นำภายหลังจากฉันนั้นจะมี  12 คน  คนแรกคือเจ้าโอ้อาลี และคนสุดท้ายของพวกเขาคืออัลกออิม

ซึ่งอัลลอฮ์จะประทานชัยชนะให้ไว้ในมือทั้งสองของเขา ทั้งโลกทางตะวักออกและตะวันตก
ดูต้นฉบับหนังสือนี้ได้ที่เวบ
http://www.al-shia.org/html/ara/books/lib-hadis/emama_&_tabsera/a1.html

เชคอาลี บินบาบะวัยฮ์ ( มรณะฮ.ศ. 329 ) คือบิดาของเชคศอดูก และเขาคือสาวกสนิทคนหนึ่งของอิม่ามฮาซันอัสการี่ ซึ่งอิม่ามท่านที่ 11 นี้ได้มรณะในปีฮ.ศ. 260  
ฉะนั้นหะดีษของท่านรอซูล(ศ)เรื่อง 12 อิม่าม ที่ได้บันทึกอยู่ในหนังสือ " อัลอิมามะฮ์วัตตับศิเราะฮ์ " ของเชคอาลีบินอิบนิบาบะวัยฮ์บทนี้ย่อมพิสูจน์ได้ว่า  ความเชื่อเรื่อง 12  อิม่ามมีบันทึกไว้ในตำราชีอะฮ์ก่อนศตวรรษที่สามแห่งฮิจเราะฮ์ศักราช


สอง –
ท่านอิบรอฮีม บินเนาบัคต์
( มรณะ ฮ.ศ. 320 ) เป็นอีกคนหนึ่งที่ได้กล่าวถึงเรื่อง 12 อิมามเอาไว้ในหนังสือของเขาชื่อ " ยากูตุลกะลาม " ซึ่งอิบรอฮีม บินเนาบัคต์ผู้นี้มีชีวิตอยู่ในสมัยเดียวกับท่านเนาบัคตีเจ้าของหนังสือฟิร็อกชีอะฮ์
ฉะนั้นอะกีดะฮ์ชีอะฮ์เรื่อง 12 อิม่ามจึงเป็นเรื่องที่รู้กันดีก่อนศตวรรษที่สามแห่งฮิจเราะฮ์ศักราช



X ซุนนี่บางส่วนได้โจมตีชีอะฮ์ว่า

พวกชีอะฮ์พึ่งมารู้จักหะดีษ << อิษนา อะชะร่อ อิมามัน – หะดีษ 12 อิมาม  >> กันในศตวรรษที่สามแห่งฮิจเราะฮ์ศักราชนี่เอง



۩ คำชี้แจง

หนึ่ง –

คำพูดนี้ไม่ถูกต้อง  เพราะ   เชคอาลี บินบาบะวัยฮ์ มรณะฮ.ศ. 329 (บิดาของเชคศอดูก)ได้บันทึกหะดีษ 12 อิมามไว้ในคำนำของหนังสืออัลอิมามะฮ์ วัตตับศิเราะฮ์ หน้า 2 ดังที่กล่าวมาแล้ว  
ดังนั้นการโจมตีชีอะฮ์ในเรื่อง 12 อิมามนี้เราสามารถกล่าวได้ว่า  พวกเขาขาดการตรวจสอบค้นคว้าในตำราชีอะฮ์อย่างแท้จริง หรือไม่ก็เพราะพวกเขาเจตนาใส่ร้ายชีอะฮ์ หรืออาจทำไปเพื่อต้องการกลบเกลื่อนความจริง

สอง -  

ท่านอิบรอฮีม บินเนาบัคต์ มรณะปีฮ.ศ.320  ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่กล่าวถึงความเชื่อนี้ไว้ในหนังสือของเขาชื่อ  " อัลยากูต หรือ ยากูตุลกะลาม "   ซึ่งถือว่าเป็นหนังสืออะกีดะฮ์ชีอะฮ์อันเก่าแก่ที่สุดเล่มหนึ่งที่ตกถอดมาถึงเรา ซึ่งเจ้าของหนังสืออัลยากูตนี้มีชีวิตอยู่ในสมัยเดียวกับ   เชคอาลี บินบาบะวัยฮ์  

ต่อมาอัลลามะฮ์ฮิลลี่ (648 – 726 ฮ.ศ.)ได้เขียนคำอธิบายให้กับหนังสืออัลยากูตนี้และตั้งชื่อหนังสือเล่มนี้ใหม่ว่า  " อันวารุลมะลากูต ฟีชัรฮิลยากูต "  

ต่อไปนี้เราขอยกข้อความในหนังสืออัลยากูตและคำอธิบายของอัลลามะฮ์ฮิลลีมาให้ท่านพิจารณาดังนี้

ท่านอิบรอฮีม บินเนาบัคต์ เจ้าของหนังสืออัลยากูตกล่าวว่า  

الْقَوْلُ فِي إماَمَةِ الْأحَدَ عَشَرَ بَعْدَهُ (اَي بَعْدَ عَلِيٍّ (ع)) نَقَلَ أصْحاَبُناَ مُتَوَاتِراً النَّصَّ عَلَيْهِمْ بِأسْماَئِهِمْ مِنَ الرَّسُوْلِ (ص) يَدُلُّ عَلَى إماَمَتِهِمْ، وَكَذَلِكَ نُقِلَ النَّصُّ مِنْ إماَمٍ عَلَى إماَمٍ وَكُتُبُ الْأنْبِياَءِ ساَلِفاً يَدُلُّ عَلَيْهِمْ وَخُصُوْصاً خَبَرُ مَسْرُوْق يَعْتَرِفُوْنَ بِهِ

คำพูดในเรื่องการเป็นอิม่ามผู้นำของบรรดาอิม่าม 11 คนหลังจากเขา (คือหลังจากท่านอาลี อ.) อัศฮาบของเราได้ถ่ายทอดการรายงานเอาไว้เป็นมุตะวาติร อันเป็นหลักฐานระบุถึงพวกเขาด้วยรายชื่อของพวกเขาที่มาจากท่านรอซูล(ศ) อันบ่งบอกถึงการเป็นผู้นำของพวกเขา  เช่นเดียวกันนั้นได้มีการถ่ายทอดรายงานหลักฐานที่ระบุ(ตัวเป็นรายบุคคล)จากอิม่ามคนหนึ่งแก่อิม่ามคนต่อไป และยังมีคัมภีร์ของบรรดานะบีในยุคก่อนที่บ่งบอกถึงพวกเขาเอาไว้ โดยเฉพาะรายงานของมัสรู๊ก ซึ่งพวกเขาได้ยอมรับต่อเขา.

แล้วอัลลามะฮ์ฮิลลีได้ให้คำอธิบายเพิ่มเติมในวรรคนี้ว่า

กรณีการเป็นผู้นำของบรรดาอิม่ามที่เหลือ ดังนั้นมันชัดเจนหลังจากการเป็นผู้นำของท่านอาลี ด้วยเหตุผลดังนี้

1.มีหลักฐานเป็นมุตะวาติรจากท่านนะบี(ศ)ที่ระบุตัวและได้แต่งตั้งพวกเขาเป็นอิม่ามแล้ว แท้จริงชีอะฮ์ได้ถ่ายทอดรายงานไว้เป็นมุตะวาติรว่า

ان النبي (ص) قال للحسين (ع) هذا ابني إمام ابن إمام أخو إمام أبو أئمة تسعة، تاسعهم قائمهم

ท่านนะบี(ศ)ได้กล่าวกับท่านฮูเซนว่า เด็กคนนี้คือบุตรของฉัน คืออิม่ามบุตรของอิม่าม คือน้องชายของอิม่าม คือบิดาของบรรดาอิม่ามเก้าคน  คนที่เก้าของพวกเขาคือ กออิม(อัลมะฮ์ดี)  ของพวกเขา
และยังมีหะดีษระดับมุตะวาติรนอกเหนือจากนี้อีก

2. มีหลักฐานหะดีษรายงาน การระบุตัวอิม่ามคนก่อนให้กับอิม่ามคนต่อไป จากชีอะฮ์เป็นมุตะวาติร

3. รายชื่อของพวกเขา(อิม่าม12) และหลักฐานที่ระบุถึงการเป็นผู้นำของพวกเขามีกล่าวไว้ในคัมภีร์ของบรรดาศาสดาในยุคก่อนๆเช่นใน คัมภีร์เตารอตและอินญีล

4. รายงานหะดีษฝ่ายซุนนี่ เป็นมัชฮูรดีในเรื่องหลักฐานที่ระบุถึงพวกเขาจากท่านนะบี(ศ)  โดยมัสรู๊ก(ตาบิอี)เป็นคนเล่ามาจากท่านอับดุลลอฮ์ บินมัสอู๊ดแท้จริงเขาได้เล่าว่า
يَكُوْنُ بَعْدَهُ اثْناَ عَشَرَ خَلِيْفَةً عَدَدَ نُقَبَاءِ بَنِي إِسْرَائِيلَ
จะมีสิบสองคอลีฟะฮ์เกิดขึ้นหลังจากท่านะบี(ศ)  ซึ่งเป็นจำนวน(เดียวกับ)เผ่าของพวกอิสรออีล
ดูอันวารุลมะละกูต ฟีชัรฮิลยากูต  หน้า 229   ( และมุสนัดอะหมัด  หะดีษที่ 3593,3665 )


۩ สรุป  

หลังจากเราได้อ่านหลักฐานที่ผ่านมาแล้ว จึงประจักษ์ถึงข้ออ้างที่ผิดๆว่า ความเชื่อเรื่อง 12 อิม่ามนั้นมันไม่เคยมีปรากฏในหมู่ชีอะฮ์ในศตวรรษที่สามแห่งฮิจเราะฮ์ศักราช  

ความเข้าใจผิดของซุนนี่ในเรื่องนี้อาจมีสาเหตุดังนี้คือ  ชาวซุนนี่ไม่ได้ใส่ใจหรือแกล้งทำเป็นมองข้ามต่อคำนำของหนังสืออัลอิมามะฮ์วัตตับศิเราะฮ์ของเชคอาลีบินบาบะวัยฮ์ และ หนังสืออัลยากูตของท่านอิบรอฮีมบินเนาบัคต์ ซึ่งผู้เรียบเรียงหนังสือทั้งสองคืออุละมาอ์ชีอะฮ์ในยุคศตวรรษที่สามแห่งฮิจเราะฮ์ศักราช ซึ่งหนังสือชีอะฮ์ทั้งสองเล่มนี้ได้กล่าวไว้ชัดเจนโดยได้ระบุถึงความเชื่อเรื่อง 12  อิม่ามผู้นำ.
#70
บทความเรื่อง      วิจัยเรื่อง 12  ผู้นำที่วาฮาบีและอะชาอิเราะฮ์ อคติ





بِسْمِ اللَّهِ الرَّحْمَنِ الرَّحِيمِ
اللَّهُمَّ صَلِّ عَلَى مُحَمَّدٍ ، وَآلِ مُحَمَّدٍ كَمَا صَلَّيْتَ عَلَى إِبْرَاهِيمَ وَآلِ إِبْرَاهِيمَ ، وَبَارِكْ عَلَى مُحَمَّدٍ وَآلِ مُحَمَّدٍ كَمَا بَارَكْتَ عَلَى إِبْرَاهِيمَ وَآلِ إِبْرَاهِيمَ ، إِنَّكَ حَمِيدٌ مَجِيدٌ

อัสสะลามุอะลัยกุม วะเราะห์มะตุลลอฮิ วะบะร่อกาตุฮ์

ผู้อ่านที่เคารพทุกท่าน   เนื่องจากผู้นำนับเป็นเรื่องสำคัญที่สุดเรื่องหนึ่งในอิสลาม    โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันนี้ มีพี่น้องมุสลิมกำลังนำพาตำแหน่งผู้นำอิสลามไปมอบให้กับบุคคลที่ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)ไม่ได้แต่งตั้งเอาไว้  

และที่เลวร้ายยิ่งกว่านั้นพวกเขายังใส่ร้ายป้ายสีให้กับมุสลิมที่อยู่ในมัซฮับชีอะฮ์ว่า  ได้เสกสรรปั้นแต่งความเชื่อเรื่องสิบสองอิหม่ามขึ้นมาเองอย่างไรหลักฐาน

แน่นอน การพูดปดมดเท็จถือเป็นบาปใหญ่ในศาสนาอิสลาม อีกทั้งมันยังเป็นหนึ่งในคุณลักษณะของพวกหลอกลวง พวกมุนาฟิก    


อัลลอฮ์  ตะอาลาตรัสว่า

إِنَّمَا يَفْتَرِي الْكَذِبَ الَّذِينَ لَا يُؤْمِنُونَ بِآَيَاتِ اللَّهِ وَأُولَئِكَ هُمُ الْكَاذِبُونَ

แท้จริงบรรดาผู้ไม่ศรัทธาต่อโองการทั้งหลายของอัลลอฮ์นั้น ได้กุความเท็จขึ้น และพวกคนเหล่านั้นคือ พวกคนโกหก

ซูเราะฮ์อันนะห์ลุ  : 105


ท่านนะบี – ศ็อลลัลลอฮุอะลัย วะอาลิฮี วะสัลลัม- ได้กล่าวว่า:

آيَةُ الْمُنَافِقِ ثَلاَثٌ إِذَا حَدَّثَ كَذَبَ ، وَإِذَا وَعَدَ أَخْلَفَ ، وَإِذَا اؤْتُمِنَ خَانَ

สัญลักษณ์ของพวกมุนาฟิกมีอยู่ 3 ประการคือ
1, เมื่อเขาพูด เขาก็โกหก
2, เมื่อเขาทำสัญญา เขาก็เบี้ยว และ
3, เมื่อเขาถูกมอบความไว้วางใจ เขาก็ไม่ซื่อสัตย์

ดูซอฮิ๊ฮ์บุคอรีย์  หะดีษที่ 33 และซอฮีฮ์มุสลิม หะดีษที่ 208

► เพราะฉะนั้น ต่อไปนี้เราจึงขอเสนอบทความวิจัยเรื่องผู้นำ 12 ที่แท้จริง ซึ่งพวกเขาคือ ผู้สืบทอดตำแหน่งหน้าที่การปกครองต่อจากท่านนะบีมุฮัมมัด(ศ)


۩  โดยจะแบ่งบทความนี้ออกเป็น  6  ตอนดังนี้


หนึ่ง – หะดีษฝ่ายซุนนี่   เรื่องสิบสองผู้นำ

สอง -  รอวีย์ซุนนี่  หมกเม็ดข้อความบางส่วนของหะดีษสิบสองผู้นำ

สาม -  ซุนนี่เล่นลิ้นกับความหมายของ  อะมีร  หรือ คอลีฟะฮ์

สี่ -  ใครคือ สิบสองผู้นำ  ตามทัศนะซุนนี่

ห้า -  หะดีษฝ่ายชีอะฮ์    เรื่องสิบสองผู้นำ

หก -  หะดีษรายชื่อสิบสองผู้นำ



- ท่านนะบีมุฮัมมัด (ศ) กับหะดีษรายชื่อสิบสองผู้นำ

- รายงานซอฮาบะฮ์  กับหะดีษรายชื่อสิบสองผู้นำ

- รายงานจากบรรดาอิม่ามแห่งอะฮ์ลุลบัยต์  กับหะดีษรายชื่อสิบสองผู้นำ

Θ บทสรุปของเรื่องคือ

1.   ซุนนี่บางส่วนขาดความเข้าใจเรื่องสิบสองผู้นำ

2.   ซุนนี่บางส่วน  มีอคติต่อเรื่องสิบสองผู้นำ

3.   ซุนนี่บางส่วนบิดเบือนข้อมูลเรื่องสิบสองผู้นำ
   

อินชาอัลลอฮ์ตะอาลา  เราจะพยายามวิจัยเรื่องนี้อย่างเป็นธรรมให้มากที่สุด และจะพยายามลงบทความนี้ให้จบลงอย่างสมบูรณ์  เพื่อว่าเราจะได้นำษะวาบของมันกลับไปพบอัลเลาะฮ์ตะอาลาในวันกิยามะฮ์ว่า  เราได้ทำหน้าที่ชี้แจง อธิบาย และนำเสนอหลักฐานแก่มวลผู้มีใจเป็นธรรม และผู้มีจิตใจอคติต่อเรื่องสิบสองผู้นำของท่านศาสดามุฮัมมัด(ศ)แล้ว  

สุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับพวกเขาว่า จะยอมรับฮิดายะฮ์นี้หรือจะยอมอยู่อย่างหลงทางต่อไป ก็สุดแล้วแต่ตัวเขาเอง    ดังที่พระองค์ตรัสว่า

قُلْ فَلِلَّهِ الْحُجَّةُ الْبَالِغَةُ فَلَوْ شَاءَ لَهَدَاكُمْ أَجْمَعِينَ

จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) ว่าอัลลอฮ์นั้นทรงมีหลักฐานอันทั่วถึง หากว่าพระองค์ทรงประสงค์แล้ว แน่นอนพระองค์ก็ย่อมชี้นำทางแก่พวกท่านแล้วทั้งหมด

ซูเราะฮ์อัลอันอาม : 149

และ

رُسُلًا مُبَشِّرِينَ وَمُنْذِرِينَ لِئَلَّا يَكُونَ لِلنَّاسِ عَلَى اللَّهِ حُجَّةٌ بَعْدَ الرُّسُلِ وَكَانَ اللَّهُ عَزِيزًا حَكِيمًا

คือบรรดาร่อซูลในฐานะผู้แจ้งข่าวดี และในฐานะผู้เตือนข่าวร้าย    เพื่อว่ามนุษย์จะได้ไม่มีหลักฐานใด ๆ มาอ้างแก้ตัวต่ออัลลอฮฺได้  หลังจากบรรดาร่อซูลเหล่านั้น และอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงเดชานุภาพ ผู้ทรงปรีชาญาณ

ซูเราะฮ์อันนิซาอ์ : 165

สุดท้ายนี้เราขอวิงวอนต่ออัลลอฮ์ตะอาลาได้โปรดประทานเตาฟีกให้กับการค้นคว้าและนำเสนอบทความนี้ด้วย

และโปรดอภัยให้กับเราด้วยความด้อยในความรู้ และการมีเวลาอันจำกัดต่อการทำงานรับใช้ศาสนาสัจธรรมของพระองค์ด้วยเถิด  อามีน ยาร็อบบัลอาละมีน.

วัสสลามุอะลัยกุม วะเราะห์มะตุลลอฮิ วะบะร่อกาตุฮ์
#71
ตำราบุคอรีและมุสลิม  ใครรับรองว่า ซอฮิ๊ฮ์

เป็นที่ทราบกันดีในสังคมมุสลิมว่า  หนังสือเล่มเดียวในโลกที่ถูกต้องที่สุดและได้รับการรับรองจากอัลเลาะฮ์ตะอาลาคือ  

พระมหาคัมภีร์อัลกุรอ่าน

แต่เราได้ยินมานานเช่นกันจากผู้ที่ชอบอ้างอิงหะดีษของท่านนะบี(ศ)ที่เอามาจากตำราหะดีษของท่านบุคอรีและท่านมุสลิม  โดยมักจะกล่าวกันว่า  มันเป็นหะดีษ " ซอฮิ๊ฮ์ " หรือ " ซอแฮะฮ์ "


คำถามสำหรับวาฮาบี

หนึ่ง - อัลเลาะฮ์และท่านรอซูล(ศ)  ได้เซ็นชื่อรับรองตำราทั้งสองเอาไว้เมื่อไหร่ว่า มันถูกต้อง

สอง -  หากตำราทั้งสองถูกต้องจริงทำไมจึงมีอุละมาอ์ซุนนี่บางส่วน อาทิเชคอัลบานี ได้ออกมาวิจารณ์หะดีษบางส่วนในตำราทั้งสองว่า  มีสายรายงานบางส่วนที่เชื่อถือไม่ได้
#72
หะดีษอิม่ามญะอ์ฟัร ผู้นำที่ 6 คือหะดีษของท่านรอซูล(ศ)


บางท่านอาจสงสัยว่า หะดีษในตำราชีอะฮ์โดยส่วนมากเป็นรายงานที่สืบไปไม่ถึงท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)   เพราะหะดีษเหล่านั้นจะไปสิ้นสุดที่บรรดาอิม่ามเสียส่วนมากเช่น
1.   อิม่ามบาเก็ร(อะบีญะอ์ฟัร)กล่าวว่า...
2.   อิม่ามศอดิก(อะบีอับดิลละฮ์)กล่าวว่า...
3.   อิม่ามมูซา กาซิม กล่าวว่า...
4.   อิม่ามอาลี ริฎอ กล่าวว่า...

ขอให้ท่านโปรดทราบว่า ทุกหะดีษที่ได้รับรายงานมาจากบรรดาอิม่ามแห่งอะฮ์ลุลบัยต์(อ)คือ หะดีษอันมีที่มาจากท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)ทั้งสิ้น  

ดังที่ท่านอิม่ามศอดิก (อ)กล่าวว่า  :

حَدِيثِي حَدِيثُ أَبِي وَ حَدِيثُ أَبِي حَدِيثُ جَدِّي وَ حَدِيثُ جَدِّي حَدِيثُ الْحُسَيْنِ وَ حَدِيثُ الْحُسَيْنِ حَدِيثُ الْحَسَنِ وَ حَدِيثُ الْحَسَنِ حَدِيثُ أَمِيرِ الْمُؤْمِنِينَ ( عليه السلام ) وَ حَدِيثُ أَمِيرِ الْمُؤْمِنِينَ حَدِيثُ رَسُولِ اللَّهِ ( صلى الله عليه وآله ) وَ حَدِيثُ رَسُولِ اللَّهِ قَوْلُ اللَّهِ عَزَّ وَ جَلَّ .  

หะดีษของฉันคือ หะดีษของบิดาฉัน(คืออิม่ามบาเก็ร),
หะดีษของบิดาฉันคือ หะดีษของปู่ฉัน(คืออิม่ามอะลี บินฮูเซน),
หะดีษของปู่ฉันคือหะดีษของท่านอิม่ามฮูเซน,
หะดีษของท่านอิม่ามฮูเซนคือหะดีษของท่านอิม่ามฮาซัน,  
หะดีษของท่านอิม่ามฮาซันคือหะดีษของท่านอิม่ามอมีรุลมุอ์มินีน,
หะดีษของท่านอิม่ามอมีรุลมุอ์มินีนคือ คำพูดของท่านรอซูลุลลอฮ์  
และคำพูดของท่านรอซูลุลลอฮ์คือ พระดำรัสของอัลลอฮ์ อัซซะวะญัล
ดูอัลกาฟี  โดยเชคกุลัยนี  เล่ม 1 : 53 หะดีษที่  14  สายรายงานของหะดีษนี้เชื่อได้


บรรดาอิม่ามแห่งอะฮ์ลุลบัยต์จะอ้างอิงคำพูดของเขาไปยังอิม่ามคนก่อนหน้า โดยถือว่าเพียงพอแล้ว เหตุเพราะพวกเขาได้รับการถ่ายทอดความรู้จากอิม่ามคนก่อนสืบต่อกันมาจากท่านนะบีมุฮัมมัด(ศ)  
ดังนั้นเมื่อหะดีษของบรรดาอิม่ามบทใดผ่านการตรวจสอบสายรายงานแล้วว่า ถูกต้องและเชื่อถือได้ ขอให้ท่านโปรดเข้าใจว่านั่นคือ
วจนะของท่านนะบีมุฮัมมัด(ศ)ที่กล่าวกับท่านอิม่ามอาลี และอิม่ามอาลีได้ถ่ายทอดวจนะนั้นแก่บุตรของเขาสืบต่อๆกันไปจนถึงอิม่ามคนที่ 12  

โดยหะดีษของอิม่ามทุกบท ถูกจำกัดอยู่บนเงื่อนไขที่ว่า จะต้องได้รับการตรวจสอบชีวประวัตินักรายงานหะดีษและสะนัด(สายรายงาน)ว่า มันมีความถูกต้องและเชื่อถือได้   ไม่ใช่ว่าทุกหะดีษที่อ้างว่าบรรดาอิม่ามกล่าวคือ คำพูดของท่านรอซูล(ศ)ไปเสียทั้งหมด  แต่(สะนัด)สายรายงานของมันจะต้องมีความถูกต้องด้วย  

ดังที่ท่านอิม่ามอาลี (อ)ได้กล่าวว่า :  

إِذَا حَدَّثْتُمْ بِحَدِيثٍ فَأَسْنِدُوهُ إِلَى الَّذِي حَدَّثَكُمْ فَإِنْ كَانَ حَقّاً فَلَكُمْ وَ إِنْ كَانَ كَذِباً فَعَلَيْهِ    

เมื่อพวกท่านเล่าหะดีษบทหนึ่งบทใดก็ตาม จงอ้างอิงแหล่งที่มาของหะดีษบทนั้นไปยังผู้ที่รายงานให้พวกเจ้าฟัง  เพราะหากว่า มันเป็นเรื่องจริงพวกเจ้าก็จงยึดไว้ และหากมันเป็นเรื่องเท็จก็จะตกแก่เขา(คือเป็นแค่คำพูดของผู้เล่าเท่านั้น)
ดูอัลกาฟี  โดยเชคกุลัยนี  เล่ม 1 : 52 หะดีษที่  7  สายรายงานของหะดีษนี้เชื่อได้



พิเคราะห์สถานะการรายงานหะดีษของอะฮ์ลุลบัยต์

อิม่ามญะอ์ฟัรศอดิก→ อิม่ามมุฮัมมัดบาเก็ร→   อิม่ามอาลีซัยนุลอาบิดีน→   อิม่ามฮูเซนหรืออิม่ามฮาซัน→  อิม่ามอาลี บินอะบีตอลิบ→   ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)กล่าวว่า...

1-อาลี บินอบีตอลิบ เกิดที่กะอ์บะฮ์ นครมักกะฮ์  เกิดก่อนฮ.ศ.23  มรณะฮ.ศ. 41
قاَلَ ابْنُ حَجَر العسقلاني الشافعي : عَلِيُّ بْنُ أَبِي طَالِب بن عَبْدِ الْمُطَّلِبِ بْنِ هَاشِمٍ الهاشمي ابنُ عَمِّ رسول الله (ص) وَزَوْجُ اِبْنَتِهِ مِنَ الساَّبِقِيْنَ الْأَوَّلِيْنَ وَرَجَّحَ جَمْعٌ أَنَّهُ أَوَّلُ مَنْ أَسْلَمَ
อิบนุหะญัรกล่าวว่า   : ท่านอาลี บินอะบีตอลิบ บุตรของลุงของท่านรอซูล(ศ) สามีบุตรีของท่านรอซูลฯ  หนึ่งจากบรรดาซาบิกีนเอาวะลีน   ปราชญ์กลุ่มหนึ่งให้น้ำหนักว่า  เขาคือชายคนแรกที่เข้ารับอิสลาม
ดูตักรีบุตตะฮ์ซีบ  อันดับที่ 4753

2-ฮูเซน บินอาลี เกิดที่นครมะดีนะฮ์ ฮ.ศ.4 - 61
قاَلَ ابْنُ حَجَر : الْحُسَيْنُ بْنُ عَلِىِّ بْنِ أَبِى طَالِبٍ الهاشمي أبو عبدالله المدني سِبْطُ رَسُوْلِ الله (ص)    
อิบนุหะญัรกล่าวว่า   : ท่านฮูเซน บินอาลีบินอะบีตอลิบ หลานชายของท่านรอซูล(ศ)  หนึ่งจากบรรดาซาบิกีนเอาวะลีน   ปราชญ์กลุ่มหนึ่งให้น้ำหนักว่า  เขาคือชายคนแรกที่เข้ารับอิสลาม
ดูตักรีบุตตะฮ์ซีบ  อันดับที่ 1334      ท่านรอซูล(ศ)กล่าวว่า  
الحَسَـنُ ‏ ‏وَالْحُسَـيْنُ ‏ ‏سَـيِّدَا شَـبَابِ أهْلِ الْجَـنَّة
ฮาซันและฮูเซนคือหัวหน้าชายหนุ่มแห่งชาวสวรรค์  ดูซอฮิ๊ฮ์ติรมิซี  หะดีษที่  2965

3-อาลี บินฮูเซน เกิดที่นรคมะดีนะฮ์ ฮ.ศ.38 - 114
قال العِجْلِي : عَلِيُّ بْنُ الْحُسَيْنِ بْنِ عَلِيِّ بْنِ أَبِي طَالِبٍ مَدَنِيٌّ تاَبِعِيٌّ ثِقَةٌ وَكاَنَ رَجُلاً صاَلِحاً
อัลอิจญ์ลีกล่าวว่า  : อาลี บินฮูเซน เป็นตาบิอี  เชื่อถือได้ และเป็นคนซอและห์
ดูอัษษิกอต โดยอิจญ์ลี  อันดับที่  1293  
قاَلَ ابْنُ حَجَر : عَلِىُّ بْنُ الْحُسَيْنِ بْنِ عَلِىِّ بْنِ أَبِى طَالِبٍ الْهاَشِمِيُّ زَيْنُ الْعاَبِدِيْنَ ثِقَةٌ ثَبَتٌ عاَبِدٌ فَقِيْهٌ فاَضِلٌ مَشْهُوْرٌ
 อิบนุหะญัรกล่าวว่า   : อาลี บินฮูเซน  ซัยนุลอาบิดีน  เชื่อถือได้  มีความมั่นคง  อาบิ๊ด  ฟะกีฮ์  ฟาดิ้ล มัชฮู้ร
ดูตักรีบุตตะฮ์ซีบ  อันดับที่ 4715
قاَلَ الذَّهَبِيُّ : عَلِىُّ بْنُ الْحُسَيْنِ (ع) اِبْنُ الْاِماَمِ عَلِىِّ بْنِ أَبِى طَالِبِ بْنِ عَبِدِ الْمُطَّلِبِ بْنِ هاَشِمِ بْنِ عَبْدِ مَناَف، السَّيِّدُ الْاِماَمُ، زَيْنُ الْعاَبِدِيْنَ، الْهاَشِمِيُّ الْعَلَوِيُّ، الْمَدَنِيُّ    
อัซซะฮะบีกล่าวว่า   : อาลี บินฮูเซน  คือสัยยิด  เป็นอิม่ามผู้นำ    ดูสิยัร อะอ์ลามุนนุบะลาอ์  อันดับที่ 157

4-มุฮัมมัด บินอาลี เกิดที่มะดีนะฮ์ ฮ.ศ.57 - 95
قاَلَ ابْنُ أَبِيْ حاَتِمٍ  : مُحَمَّدُ بْنُ عَلِيٍّ بْنِ الْحُسَيْنِ بْنِ عَلِيِّ بْنِ أَبِي طَالِبٍ أَبُوْ جَعْفَرٍ رَوَى جَابِرِ بْنِ عَبْدِ اللَّهِ وَأَبِيْهِ عَلِىُّ بْنُ الْحُسَيْنِ رَوَى عَنْهُ ابْنُهُ جَعْفَرُ بْنُ مُحَمَّدٍ
อิบนุอะบีฮาติมกล่าวว่า   :  มุฮัมมัด บินอาลี  อะบูญะอ์ฟัร  รายงานจากท่านญาบิร บินอับดุลลอฮ์และบิดาของเขาคืออาลี บินฮูเซน  ผู้ที่รายงานจากเขาคือบุตรของเขาชื่อ ญะอ์ฟัร บินมุฮัมมัด
ดูอัลญัรฮุ วัตตะอ์ดีล  อันดับที่ 117      
قاَلَ الْعِجْلِيُّ : مُحَمَّدُ بْنُ عَلِيِّ بْنِ الْحُسَيْنِ بْنِ عَلِيِّ بْنِ أَبِي طَالِبٍ تاَبِعِيٌّ  ثِقَةٌ
อัลอิจญ์ลีกล่าวว่า   :  มุฮัมมัด บินอาลี  เป็นตาบิอี  เชื่อถือได้     ดูอัษษิกอต โดยอัลอิจญ์ลี  อันดับที่ 1630
قاَلَ ابْنُ حَجَرٍ : مُحَمَّدُ بْنُ عَلِيِّ بْنِ الْحُسَيْنِ بْنِ عَلِيِّ بْنِ أَبِي طَالِبٍ أَبُو جَعْفَرٍ الْباَقِرُ  ثِقَةٌ
อิบนุหะญัรกล่าวว่า   : มุฮัมมัด บินอาลี  อะบูญะอ์ฟัร อัลบาเก็ร   เชื่อถือได้
ดูตักรีบุตตะฮ์ซีบ  อันดับที่ 6151      
قاَلَ الذَّهَبِيُّ : أَبُو جَعْفَرٍ مُحَمَّدُ بْنُ عَلِيٍّ بْنِ الْحُسَيْنِ بْنِ عَلِيِّ ، الْعَلَوِيُّ الْفاَطِمِيُّ، الْمَدَنِيُّ، وَلَدُ زَيْنِ الْعاَبِدِيْن،  وَ اتَّفَقَ الْحُفَّاظُ عَلَى الِاحْتِجَاج بِأَبِيْ جَعْفَرٍ    
อัซซะฮะบีกล่าวว่า   : อะบูญะอ์ฟัร  มุฮัมมัด บินอาลี  บุตรชายท่านซัยนุลอาบิดีน  นักท่องจำหะดีษมีมติว่าให้ยึดหะดีษของท่านอะบีญะอ์ฟัรเป็นหลักฐานได้     ดูสิยัร อะอ์ลามุนนุบะลาอ์  อันดับที่ 158

5-ญะอ์ฟัร บินมุฮัมมัด อัศ-ศอดิก เกิดที่นครมะดีนะฮ์ ฮ.ศ.83 - 148
قاَلَ ابْنُ حِباَّن : جَعْفَرُ بْنُ مُحَمَّد بْنِ عَلِيٍّ بْنِ الْحُسَيْنِ بْنِ عَلِيِّ بْنِ أَبِي طَالِبٍ رضي الله عنهم كنيته أبو عبد الله يروى عن أبيه وَكاَنَ مِنْ ساَدَاتِ أَهْلِ الْبَيْتِ فِقْهاً وَعِلْماً وَفَضْلاً    
อิบนุฮิบบานกล่าวว่า   :  ญะอ์ฟัร บินมุฮัมมัด  ฉายาอะบูอับดุลลอฮ์  รายงานหะดีษจากบิดาของเขา  เป็นผู้มีความรอบรู้และทรงคุณวุฒิคนหนึ่งจากบรรดาสัยยิดแห่งอะฮ์ลุลบัยต์      ดูอัษษิกอต โดยอิบนิฮิบบาน  อันดับที่ 226
قاَلَ ابْنُ حَجَرٍ : جَعْفَرُ بْنُ مُحَمَّدِ بْنِ عَلِيٍّ بْنِ الْحُسَيْنِ بْنِ عَلِيِّ بْنِ أَبِي طَالِبٍ الهاشمي أبو عبد الله الْمَعْرُوْفُ بِالصاَّدِقِ صَدُوْقٌ فَقِيْهٌ إِماَمٌ مِنَ الساَّدِسَة    
อิบนุหะญัรกล่าวว่า   :  ญะอ์ฟัร บินมุฮัมมัด  รู้จักกันในนามอัศศอดิก(ผู้มีวาจาสัตย์)  เชื่อถือได้  เป็นผู้รู้  เป็นอิม่าม
ดูตักรีบุตตะฮ์ซีบ  อันดับที่ 950      
إِسْحَاقُ بْنُ إبراهيم بْنِ رَاهَوَيْهِ يَقُوْلُ قُلْتُ لِلشاَّفِعِىِّ كَيْفَ جَعْفَرُبْنُ مُحَمَّدٍ عِنْدَكَ قاَلَ ثِقَةٌ
يَحْيَى بْنُ مَعِينٍ قاَلَ جَعْفَرُ بْنُ مُحَمَّدٍ ثِقَةً
عَبْدُ الرَّحْمن قاَلَ سَمِعْتُ أَبِىْ يَقُوْلُ جَعْفَرُ بْنُ مُحَمَّدٍ ثِقَةً لاَ يُسْأَلُ عَنْ مِثْلِهِ
ท่านอิสฮ๊าก บินรอฮะวัยฮฺกล่าวว่า   :  ฉันกล่าวกับอิม่ามชาฟิอีว่า ท่านญะอ์ฟัร บินมุฮัมมัดเป็นอย่างไรในทัศนะของท่าน  เขาตอบว่า  เชื่อถือได้  
ท่านยะห์ยา บินมะอีนกล่าวว่า  ท่านญะอ์ฟัร บินมุฮัมมัด  เชื่อถือได้
ท่านอับดุลเราะห์มานกล่าวว่า  ฉันได้ยินบิดาของฉันกล่าวว่า  ท่านญะอ์ฟัร บินมุฮัมมัด เชื่อถือได้ไม่ต้องถามถึงว่าจะมีผู้เหมือนเยี่ยงเขา     ดูอัลญัรฮุ วัตตะอ์ดีล โดยอิบนิอะบีฮาติม  อันดับที่ 1987


สรุป
บัดนี้ท่านคงเข้าใจแล้วว่า  หะดีษของอิม่ามญะอ์ฟัร อัศศอดิก ( ฉายาอะบีอับดิลละฮ์)คือหะดีษที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากบิดา ปู่ทวดของเขาสืบไปถึงท่านอิม่ามอาลีซึ่งเขาได้รับฟังมาจากท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)นั่นเอง ยกตัวอย่างเช่น

จากญะอ์ฟัร บินมุฮัมมัด จากบิดาเขามุฮัมมัด บินอาลี จากบิดาเขาอาลี บินอัลฮูเซน จากบิดาเขาอัลฮูเซน จากบิดาเขาอาลี บินอะบีตอลิบ(อ)เล่าว่า  ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)กล่าวว่า

يَا عَلِيُّ بَشِّرْ شِيْعَتَكَ وَأَنْصاَرَكَ بِخِصاَلٍ عَشْرٍ...
โอ้อาลี จงแจ้งข่าวดีแก่ชีอะฮ์ของท่าน และผู้ให้การช่วยเหลือท่าน ด้วยความดีสิบประการคือ...
ดูอัลคิศ็อล โดยเชคศอดูก (305 – 381 ฮ.ศ.) เล่ม 1 : 444 หะดีษ 10


จากญะอ์ฟัร บินมุฮัมมัดเขาคืออัศศอดิก จากบิดาเขามุฮัมมัด บินอาลี จากบิดาเขาอาลี บินอัลฮูเซน บินอาลี จากบิดาเขาอัลฮูเซน  บินอาลี จากบิดาเขาอาลี บินอะบีตอลิบ(ร.ฎ.)เล่าว่า  ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)กล่าวว่า

السَّابِقُونَ إِلَى ظِلِّ الْعَرْشِ يَوْمَ الْقِياَمَةِ طُوْبَى لَهُمْ   قِيْلَ ياَ رَسُوْلَ اللهِ وَمَنْ هُمْ ؟  قاَلَ : هُمْ شِيْعَتُكَ يَا عَلِيُّ وَمُحِبُّوْكَ

กลุ่มแนวหน้าที่จะไปถึงยังร่มเงาแห่งอารัชในวันกิยามะฮ์(ก่อนใครๆ)    ฏูบาสำหรับพวกเขา(วันกิยามะฮ์)  มีคนถามว่า  :    โอ้ท่านรอซูลุลลอฮ์  พวกเขาเป็นใครครับ
ท่านตอบว่า  :    พวกเขาคือ ชีอะฮ์ของท่าน โอ้อะลีเอ๋ย และคือบรรดาผู้ที่รักท่าน
ดูอัลอะมาลี อัลมุฏละเกาะฮ์ โดยอิบนุหะญัรอัลอัสเกาะลานี( 773 – 852 ฮ.ศ.) เล่ม 1 หน้า 202


 
#73
แนะนำเวบ


อ้านา  ชีอะฮ์  อัลอาละมียะฮ์


http://www.shiaee.com/group/
#74
ที่มาของวาฮาบีในการต่อต้านซุนนะฮ์นะบี (ศ)

                                                   


การปกปิดซุนนะฮ์นะบี (ศ )คือ อาชญากรรมทางศาสนา


ถึงแม้ว่าท่านนบี ศ จะได้สั่งบรรดามุสลิมให้บันทึกฮะดีษและเผยแพร่คำสอนของท่านออกไปยังผู้คนที่อยู่ภายนอก แต่บรรดาผู้ปกครองอาณาจักร์ภายหลังจากยุคของท่าน กลับมีพฤติกรรมบิดเบือนด้วยการประกาศห้ามบันทึกฮะดีษของ ท่านนบี ศ ยิ่งกว่านั้น ยังห้ามประชาชนมิให้บอกเล่าฮะดีษนบี ศ ในมัสยิดอีกด้วย!

มีหลักฐานปรากฏอย่างชัดเจนว่า ทั้งอะบูบักร์และอุมัร ได้เก็บรวบรวมฮะดีษต่างๆของท่านนบี ศ แล้วนำมาเผาทิ้ง !

ท่านอุมัร บิน ค็อฏฏ็อบนั้น ใช้ความรุนแรงโดยอำนาจการปกครองต่อบรรดาศอฮาบะฮ์ของท่านนบี ศ เป็นอย่างยิ่ง  ด้วยการเฆี่ยนตีบ้าง จับขังบ้าง สาเหตุเพียงเพราะจับได้ว่า มีบางคนสนทนาบอกเล่ากัน เกี่ยวกับฮะดีษใด ฮะดีษหนึ่งของท่านนบี ศ !

อย่างเช่น เขาได้ออกคำสั่งอย่างเป็นทางการบังคับบรรดาข้าหลวงของเขาเก็บเผาทำลายหรือลบซุนนะฮ์ที่ได้บันทึกรวบรวมไว้ ไม่ว่าที่ใดก็ตาม !

คำอธิบายชัดเจนที่สุด สำหรับเรื่องนี้ ไม่มีครั้งใดเทียบเท่า การเปล่งคำขวัญว่า \\\"คัมภีร์ของอัลลอฮ์ก็พอแล้วสำหรับเรา !\\\" ที่อุมัรได้เปล่งออกมาเพื่อทำความเข้าใจกับบรรดาผู้นำเผ่ากุเรชต่อหน้าท่านนบี ศ ก่อนที่ท่านจะหลับตาไปชั่วนิรันดร์ ตั้งแต่นั้นมา พวกเขาได้ถือปฏิบัติตรงกันในหมู่พวกเขาว่าจะยอมรับอัลกุรอานเท่านั้น โดยจะไม่ยอมรับซุนนะฮ์ของท่าน !

แต่สำหรับท่านอะลี อ และบรรดาอิมาม อ จากเชื้อสายของท่านนบี ศ นั้น ได้ต่อต้านคำสั่งห้ามการบอกเล่าฮะดีษอย่างแข็งขันและได้สนับสนุนบรรดาศอฮาบะฮ์ให้บอกเล่าและบันทึกฮะดีษ เพื่อเป็นการกระทำตามคำสั่งของท่านรอซูลุลลอฮ์ ศ ที่ให้บันทึกแบบอย่างของท่าน ซึ่งได้มีการรายงานถ่ายทอดไว้อย่างครบครันในตำราอ้างอิงของชีอะฮ์

มีบันทึกในหนังสือสุนันอะบูดาวูด ๒/๑๗๖ ว่า

عن عبد الله بن عمرو قال: كنت أكتب كل شئ أسمعه من رسول الله(ص)أريد حفظه فنهتني قريش ، وقالوا أتكتب كل شئ تسمعه ورسول الله(ص)بشر يتكلم في الغضب والرضا؟! فأمسكت عن الكتاب ، فذكرت ذلك لرسول الله(ص)فأومأ بإصبعه الى فيه فقال: أكتب ، فوالذي نفسي بيده ما يخرج منه إلا حق !

รายงานจากอับดุลลอฮ์ บิน อัมร์ กล่าวว่า ฉันได้บันทึกทุกเรื่องราวจากท่านรอซูลุลลอฮ์ ศ ที่ฉันต้องการจะจดจำไว้ แต่แล้วพวกกุเรชได้สั่งห้ามเสีย พวกเขากล่าวว่า ท่านจะบันทึกทุกเรื่องราวที่ได้ฟังมาจากท่านรอซูลุลลอฮ์ ศ ตามที่ท่านพูดทั้งในยามโกรธและในยามพึงพอใจกระนั้นหรือ ? ดังนั้นฉันจึงถือหนังสือไว้ เพราะว่าฉันเคยกล่าวอย่างนี้ต่อท่านรอซูลุลลอฮ์ ศ แล้วท่านได้ใช้นิ้วชี้ไปที่มันแล้วกล่าวว่า จงเขียน ดังนั้นขอสาบานต่อผู้ซึ่งชีวิตของฉันอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ จะไม่มีอะไรออกมาจากท่านนอกจากสิ่งสัจธรรม\\\"

อะห์มัด บิน ฮัมบัล บันทึกในหนังสือมุสนัด เล่ม ๒ หน้า ๒๑๕ รายงานจากอับดุลลอฮ์ บินอัมร์ บิน อาศ กล่าวว่า

 

عن(عبدالله بن عمرو بن العاص قال قلت: يا رسول الله إني أسمع منك أشياء أفاكتبها ؟ قال: نعم . قلت: في الغضب والرضا؟ قال: نعم ، فإني لا أقول فيهما إلا حقاً !)

รายงานจากอับดุลลอฮ์ บิน อัมร์ บิน อัลอาศ กล่าวว่า ฉันได้กล่าวกับท่านรอซูลุลลอฮ์ ศ ว่า แท้จริงฉันได้ฟังเรื่องต่างๆจากท่าน แล้วฉันจะบันทึกมันได้ไหม ? ท่านตอบว่า ได้ ฉันกล่าวว่า ทั้งเรื่องในยามโกรธและในยามพอใจ หรือ ?ท่านกล่าวว่า ใช่แล้ว เพราะฉันทั้งในสองกรณีฉันจะไม่กล่าวอะไรนอกจากสัจธรรม\\\"  

อัลฮากิม ๑/๑๐๕ ฮะดีษอันนะซาอีย์ บทนี้ และอีกฮะดีษหนึ่งกล่าวว่า \\\"และไม่มีอะไรออกมาจากเขา นอกจากสัจธรรม\\\" หลังจากนั้นเขากล่าวว่า นักศึกษาควรรู้ในความรู้เกี่ยวกับฮะดีษนี้ไว้ด้วยว่า นักฮะดีษไม่ได้วิจารณ์อัมร์ บิน ชุอัยบ์แต่อย่างใดเลย กล่าวคือ เมื่อฮะดีษใดถูกรายงานมาจากอัมร์ บิน ชุอัยบ์ จากมุญาฮิด จากอับดุลลอฮ์ บิน อัมร์นั้น พวกเขาจะถือว่าเป็นฮะดีษที่ศอฮีฮ์

ในหน้า ๑๐๖ บันทึกฮะดีษว่า \\\"ใช่แล้ว ไม่สมควรที่ฉันจะกล่าวอย่างอื่น นอกจากสัจธรรม\\\"แล้วเขาได้กล่าวว่า \\\"ผู้รายงานฮะดีษนี้ บุคอรี มุสลิมถือเป็นหลักฐานนอกเหนือจากอัลวะลีด\\\"

ท่านอัลฮากิมบันทึกไว้ในหนังสือมุสตัดร็อก ๓/๕๒๘ มีรายงานอัมร์ บิน ชุอัยบ์ จากบิดาของท่าน จากปู่ของท่าน ได้กล่าวว่า

(عن عمرو بن شعيب عن أبيه عن جده قال: قلت يا رسول الله أتأذن لي فأكتب ما أسمع منك؟ قال نعم . قلت في الرضاء والغضب؟ قال: نعم فإنه لاينبغي لي أن أقول عند الرضاء والغضب إلا حقاً ! ثم قال (صحيح الإسناد ولم يخرجاه )

ฉันได้กล่าวว่า โอ้ท่านรอซูลุลลอฮ์ ศ ท่านจะอนุญาตให้ฉันบันทึกเรื่องที่ได้ยินมาจากท่านไหม ?ท่านกล่าวว่า ได้ซิ ฉันกล่าวว่า ทั้งในยามที่ท่านพอใจและในยามที่ท่านโกรธหรือ ? ท่านกล่าวว่า ใช่แล้ว เพราะไม่สมควรสำหรับฉันที่จะพูดไม่ว่าทั้งในยามพึงพอใจและในยามโกรธ นอกจากสิ่งสัจธรรม ! หลังจากนั้น เขากล่าวว่า \\\"เป็นฮะดีษศอฮีฮ์ แต่ทั้งสองท่าน(บุคอรี มุสลิม) ไม่บันทึก\\\"

มีคำถามว่า

๑-ศาสนาของพระเจ้าดำรงอยู่โดยคำสอนของบรรดานบี อ และคัมภีร์ที่ถูกประทานมา และการบันทึกเรื่องราวที่ท่านนบี ศ ต้องการและให้ความสำคัญ แล้วเหตุอันใดที่บรรดาศอฮาบะฮ์ ของท่านนบี ศ รุ่นแรกจึงสั่งห้ามการบันทึกฮะดีษของท่าน จึงทำให้ความจริงต่างๆสูญหายไปจากประชาชาติรุ่นหลัง และบรรดานักปกครองก็ยังไม่อนุญาตให้บันทึกตลอดเวลาเกือบสองศตวรรษ จนกระทั่งได้มีรายงานฮะดีษมาถึงเรายุคปัจจุบัน ตามลักษณะที่เป็นอยู่ นั่นคือ มีปัญหาเกี่ยวกับการถ่ายทอดซุนนะฮ์ของท่านนบี ศ ประดังพรั่งพรูมาอย่างมากมาย

เป็นการเปิดช่องทางหนึ่งให้ศัตรูดูหมิ่นดูแคลนศาสนาอิสลามที่ล้าหลังเกี่ยวกับงานบันทึก ซึ่งเป็นเงื่อนไขประการแรกที่แสดงถึงความเจริญก้าวหน้าทางวัฒนธรรม ?

๒-เมื่อพิจารณาดูคำรายงานของนักรายงานหนุ่ม ผู้มีชื่อว่า อับดุลลอฮ์ อัลอาศ แล้ว เราจะเห็นความจริงที่สำคัญยิ่งประการหนึ่งอย่างชัดเจนว่า คนตระกูลกุเรชที่เข้ารับอิสลามในสมัยนั้น ส่วนน้อยนักที่เข้ามารับอิสลามด้วยการตัดสินใจจากจิตศรัทธา

 ชาวกุเรชส่วนใหญ่ จำใจเข้ารับเพราะเกรงกลัวคมดาบของท่านนบี ศ ที่ได้เข้ายึดเมืองมักกะฮ์ได้สำเร็จ พวกเขากลัวว่า ท่านนบี ศ จะแต่งตั้งเชื้อสายของท่านเป็นผู้ปกครองสืบแทน

เพราะฉะนั้น พวกเขาจึงได้พยายามเคลื่อนไหวในบรรดาศอฮาบะฮ์ ตั้งแต่ในสมัยที่ท่านนบี ศ มีชีวิตเพื่อห้ามการบันทึกคำพูดของท่านนบี ศ และได้ห้ามมาถึงอับดุลลอฮ์ อัลอาศ เพื่อมิให้เขาบันทึกฮะดีษของท่านนบี ศ

โดยมีเหตุผลว่า มีบางเรื่องที่ท่านนบี ศ พูดในยามโกรธ และได้สาปแช่งคนบางคน ฉะนั้น ถ้าหากมีการบันทึกเรื่องเหล่านั้น ก็จะกลายเป็นความเชื่อส่วนหนึ่งในศาสนา แล้วจะเป็นอันตรายต่อสถานะของพวกกุเรชเหล่านั้น

แต่มีหลักฐานจากท่านนบี ศ ที่ยืนยันอย่างชัดเจนว่า ได้สั่งให้พวกเขาจดบันทึกฮะดีษ เพราะว่าคำพูดของท่านอยู่ในความคุ้มครองของอัลลอฮ์ ตลอดเวลาทั้งในยามพึงพอใจและในยามโกรธ ตามความหมายในโองการนี้ ในซูเราะฮ์อัลนัจม์       وما ينطق عن الهوى    และเขาไม่พูดจากอารมณ์

๓-มีรายงานจากฮะดีษหนึ่ง โดยอับดุลลอฮ์ อัลอาศ ให้ความหมายบ่งชี้ว่า พวกที่ห้ามมิให้บันทึกฮะดีษของท่านนบี ศ นั่นเอง มีเจตนาที่จะกล่าวความเท็จ และใส่ไคล้ ลบหลู่ดูแคลนท่านนบี ศ ตั้งแต่ในสมัยที่ท่านมีชีวิตอยู่ ดังที่ท่านฮัยซุมีย์ ได้บันทึกไว้ในหนังสือมัจมุอุซซะวาอิด ๑/๑๕๑ นั่นคือ : รายงานจากอับดุลลอฮ์ บิน อัมร์ กล่าวว่า ครั้งหนึ่ง มีศอฮาบะฮ์ของท่านรอซูลุลลอฮ์ ศ ส่วนหนึ่งอยู่กับท่าน และฉันเองก็อยู่ในกลุ่มคนเหล่านั้น แต่ฉันเป็นเด็กกว่าพวกเขา ท่านนบี ศ ได้กล่าว ในขณะนั้นว่า

  من كذب على متعمداً فليتبوأ مقعده من النار . فلما خرج القوم قلت:كيف تحدثون عن رسول الله(ص)وقد سمعتم ما قال ! وأنتم تنهمكون في الحديث عن رسول الله(ص)؟! فضحكوا فقالوا: يا ابن أخينا إن كل ما سمعنا منه عندنا في كتاب !

ผู้ใดกล่างเท็จใส่ฉันโดยเจตนา ก็ให้เขาเตรียมที่นั่งของเขาไว้ที่นรก ครั้นเมื่อคนพวกนั้นออกมา ฉันได้กล่าวว่า \\\"พวกท่านพูดเกี่ยวกับท่านรอซูลุลอฮ์ ศ อย่างไร แล้วพวกท่านได้ยินท่านพูดว่าอย่างไร ? ขณะที่พวกท่านกล่าวเท็จในฮะดีษจากท่านรอซูลุลลอฮ์ ศ ?แล้วพวกเขาก็หัวเราะ พลางกล่าวว่า :  โอ้ บุตรของพี่น้องของเราเอ๋ย ทุกเรื่องที่เราได้ยินมาจากท่าน ก็มีอยู่ในหนังสือสำหรับเราอยู่แล้ว!\\\"

รายงานนี้ มีความหมายว่า บรรดาพวกกุเรชเหล่านั้นเอง ที่เป็นพวกกล่าวความเท็จใส่ท่านนบี ศ จนทำให้ท่านนบี ศ เผยวจนะออกมาว่า ใหพวกเขาเตรียมที่นั่งไว้ในนรก

เพราะเหตุว่า เมื่อพวกเขาออกมาข้างนอกแล้ว อับดุลลอฮ์ อัลอาศ ได้เข้าไปพูดเตือนสติพวกเขาทันที เพื่อให้พวกเขาเกิดความรู้สึกหวาดกลัว

ในทำนองว่า พวกท่านได้ยินแล้วหรือยัง ว่าท่านรอซูลุลลอฮ์ พูดอย่างไรกับการที่พวกท่านโกหกใส่ท่าน ? คือท่านกล่าวว่า ใครก็ตามที่กล่าวความเท็จใส่ท่าน เขาผู้นั้นจะต้องถูกลงโทษในนรกญะฮันนัม เพราะเท่าที่ผ่านมา ฉันรู้ว่าพวกท่านโกหกใส่ท่านนบี ศ

แต่คนเหล่านั้นก็เย้ยหยัน และหัวเราะใส่หน้าอับดุลลอฮ์ อัลอาศ พร้อมกับกล่าวอย่างไม่แยแส ในทำนองว่า โอ้เด็กน้อย ทุกเรื่องที่เราได้ยินมาจากท่าน เราก็บันทึกคำพูดของท่านเหมือนเจ้านั่นแหละ นั่นก็คือ เราได้เล่าฮะดีษ จากที่มีบันทึกอยู่ที่เรา\\\"      



http://yomyai.igetweb.com/index.php
#75
ไม่เข้าหมวด / ถอดรหัสลับหมายเลข 12
เมษายน 21, 2010, 09:46:38 ก่อนเที่ยง
ถอดรหัสลับหมายเลข  12

 بِسْمِ الله الْرَحْمَنْ الْرَحِيمْ
 الْلهُمَّ صَلِّ عَلَى مُحَمَدٍ وَآلِّ مُحَمَدْ وَعَجِلْ فَرَجَهُمْ
  تَحِيَاتِـــــي للْجَمِيعْ  


นับเป็นความมหัศจรรย์อย่างยิ่งที่ถ้อยคำเหล่านี้ ล้วนประกอบไปด้วยอักษรอาหรับซึ่งรวมกันได้  12  อักษรทั้งสิ้นคือ


لَا إِلَهَ إِلَّا اللَّهُ
มี  12  อักษร

مُحَمَّدٌ رَسُولُ اللَّهِ
มี  12  อักษร

النَّبِيُّ الْمُصْطَفَى
มี  12  อักษร

الصَّادِقُ الْأَمِينُ
มี  12  อักษร
أَئِمَّةُ أَهْلِ الْبَيْتِ
ประโยค อะอิมมะตุ อะฮ์ลุลบัยติ   มี  12  อักษร   และพวกเขาคือ  12  อิม่าม

أَمِيرُ الْمُؤْمِنِينَ
มี  12  อักษร

فاَطِمَةُ الزَّهْراَءُ
มี  12  อักษร

الْحَسَنُ وَالْحُسَيْنُ
มี  12  อักษร

اَوَّلُ الْاَئِمَّةِ عَلِيٌّ
มี  12  อักษร

= عَلِيُّ بْنُ أَبِي طَالِبٍ
มี  12  อักษร

الإمامُ الثاَّنِيُّ
มี  12  อักษร

=  الحَسَنُ الْمُجْـتَبَى
มี  12  อักษร

الإمامُ الثاَّلِثُ
มี  12  อักษร

=  الْحُسَيْنُ الشَّهِيْدُ
มี  12  อักษร

الإمامُ الراَّبِعُ
มี  12  อักษร

=  الإمامُ السَّجَّادُ

มี  12  อักษร

الإمامُ الْخاَمِسُ
มี  12  อักษร

=  الإمامُ الباَقِـرُ
มี  12  อักษร

الإمامُ الساَّدِسُ
มี  12  อักษร

= الإمامُ الصاَّدِقُ
มี  12  อักษร

الإمامُ الساَّبِعُ
มี  12  อักษร

=  الإمامُ الْكاَظِمُ
มี  12  อักษร

الإمامُ الثاَّمِنُ
มี  12  อักษร

=  الإمامُ الرِّضاَ
มี  12  อักษร

الإمامُ التاَّسِعُ
มี  12  อักษร

=  الإمامُ الْجَـوَادُ
มี  12  อักษร

الإمامُ العاَشِـرُ
มี  12  อักษร

=  الإمامُ الْهاَدِيُّ
มี  12  อักษร

إمامُ الْمُسْلِمِيْنَ
มี  12  อักษร

=  الْحَسَنُ الْعَسْكَرِيُّ
มี  12  อักษร

الإمامُ الْخَاتَمُ
มี  12  อักษร

=  القاَئِمُ الْمَهْدِيُّ
มี  12  อักษร

خَلِيْفَةُ النَّبِيِّيْنَ
มี  12  อักษร

=  خاَتَمُ الْوَصِيِّيْنَ
มี  12  อักษร
هَؤُلاَءِ الْاَطْهاَرُ
มี  12  อักษร

سَـادَةُ أَهْلِ الْجَـنَّةِ
มี  12  อักษร

مُحِبُّهُمْ مُؤْمِنٌ تَقِيٌّ
มี  12  อักษร

عَدُوُّهُمْ كاَفِرٌ شَـقِيٌّ
มี  12  อักษร

عَدَدُ الْعُيُوْنِ الَّتِيْ فَجَرَهاَ النَّبِيُّ مُوْسَى لِقَوْمِهِ
จำนวนตาน้ำที่นะบีมูซา(อ)ได้ฟาดมันพุ่งออกมาให้ชนชาติของท่านดื่มก็มี 12 ตาน้ำ

ชูฮูร(เดือน)มี  12
อัสบ๊าฏ(กลุ่มลูกหลานยิว)มี  12
นุเกาะบาอ์(เผ่ายิว)มี  12
บูรูจญ์(จักราศี) มี  12
ฮะวารียูน(สาวกของนะบีอีซา)มี  12

وَأَناَ وَ أَنْتَ اِثْناَ عَشَرِيَّة
ผมและท่านก็มีศรัทธาในอิษนาอะชะรียะฮ์อิม่าม  คือสิบสองอิม่าม



۩  หะดีษ  12 ผู้นำ

قَالَ رَسُولُ اللَّهِ (ص) : الْأَئِمَّةُ بَعْدِي اثْنَا عَشَرَ أَوَّلُهُمْ عَلِيُّ بْنُ أَبِي طَالِبٍ وَ آخِرُهُمُ الْقَائِمُ فَهُمْ خُلَفَائِي وَ أَوْصِيَائِي وَ أَوْلِيَائِي وَ حُجَجُ اللَّهِ عَلَى أُمَّتِي بَعْدِي

مَنْ ‏لاَيَحْضُرُهُ‏ الْفَقِيْهُ لِلشَيْخِ الصَّدُوْقِ (305-381 هـ)  ج 4  ص 180 ح 5406  

ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)กล่าวว่า  :  ผู้นำหลังจากฉันนั้นมี 12 คน
คนแรกคือ  อาลี บินอะบีตอลิบ และคนสุดท้ายคืออัลกออิม
พวกเขาคือผู้สืบทอดตำแหน่งผู้ปกครองต่อจากฉัน  คือทายาทของฉัน  คือคนที่ฉันรัก และคือหลักฐานของอัลลอฮ์บนประชาชาติของฉันภายหลังจากฉัน


ดูหนังสือ มันลายะห์ฎุรุฮุลฟะกีฮ์   โดยเชคศ่อดูก   เกิด 305 มรณะ 381 ฮ.ศ.  
เล่ม  4 หน้า  180 หะดีษที่ 5406  
#76

ชนชาติอิหร่านในมุมมองจากกิตาบและซุนนะฮ์

ก่อนที่จะเข้าไปในรายละเอียดของเรื่อง  อันดับแรกขอเกริ่นให้ท่านได้ทราบเป็นสังเขปถึงความเป็นมาของชนชาติเปอร์เซียซึ่งต่อมาได้เปลี่ยนชื่อใหม่ว่า  ชาวอิหร่าน  


ประเทศอิหร่าน
(ภาษาเปอร์เซีย: Īrān, ایران) เป็นประเทศในตะวันออกกลาง ตั้งอยู่ในเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งช่วงก่อนปี พ.ศ. 2478 ชาวตะวันตกเรียกว่า เปอร์เซีย

อิหร่านมีพรมแดนทางทิศตะวันออกติดต่อกับปากีสถาน (909 กิโลเมตร) และอัฟกานิสถาน (936 กิโลเมตร) ทิศตะวันออกเฉียงเหนือติดต่อกับเติร์กเมนิสถาน (1,000 กิโลเมตร) ทิศเหนือจรดทะเลแคสเปียน ทิศตะวันตกเฉียงเหนือติดต่อกับอาเซอร์ไบจาน (500 กิโลเมตร) และอาร์เมเนีย (35 กิโลเมตร) ตุรกี (500 กิโลเมตร) และอิรัก (1,458 กิโลเมตร) ส่วนทิศใต้จรดอ่าวเปอร์เซีย (ทิศตะวันตกเฉียงใต้และทิศใต้) และ อ่าวโอมาน (ทิศตะวันออกเฉียงใต้)
ในปี พ.ศ. 2522 การปฏิวัตินำโดยอายะตุลลอห์ โคไมนี (Ayatollah Khomeini) ทำให้มีการก่อตั้งเป็น สาธารณรัฐอิสลามโดยโค่นล้มราชวงศ์ปาห์เลวีที่ปกครองภายใต้สาธารณรัฐอิสลามเทวาธิปไตย (theocratic Islamic republic) ทำให้ชื่อเต็มของประเทศนี้ในปัจจุบันคือ สาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน (Islamic Republic of Iran, جمهوری اسلامی ایران)


การเมือง
ตามรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ซึ่งประกาศใช้เมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2522 (ค.ศ. 1979) และแก้ไขเพิ่มเติมเมื่อปี พ.ศ. 2532 (ค.ศ. 1989) กำหนดให้อิหร่านเป็นสาธารณรัฐอิสลาม โดยมีโครงสร้างดังนี้


ประมุขสูงสุด (Rahbar)

ประมุขสูงสุดของอิหร่านคนปัจจุบันคือ อาลี คาเมเนอี (เกิดเมื่อ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2482) เป็นผู้นำสูงสุดทั้งฝ่ายศาสนาจักรและ
อาณาจักร


ประธานาธิบดี (Ra\\\'is-e Jomhoor) เป็นตำแหน่งที่ได้รับเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชนทุก ๆ 4 ปี และจะได้รับเลือกตั้งได้ไม่เกิน 2 สมัย ทำหน้าที่หัวหน้าฝ่ายบริหาร ถึงแม้ประธานาธิบดีจะได้รับเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชนก็ตาม แต่อาจถูกถอดถอนจากตำแหน่งโดยประมุขสูงสุดได้
รองประธานาธิบดี
มีตำแหน่งรองประธานาธิบดี 6 คน และคณะรัฐมนตรี 20 คน ที่ได้รับความเห็นชอบจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (Majlis)
ประกอบด้วยสมาชิกที่ได้รับเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชนทุก ๆ 4 ปี จำนวน 290 คน ทำหน้าที่ออกกฎหมายและควบคุมฝ่ายบริหาร

อ้างอิงจากเวบ
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%99
#77

เชิญชมภาพสุสานอิม่ามฮูเซน ในปีค.ศ. 1810 และค.ศ. 1909


ได้ที่เวบ


http://14noor.com/forum/forum_posts_smp.asp?TID=160666
#78
วาฮาบีไม่ได้เผยแพร่ตามกิตาบและซุนนะฮ์


อัลลอฮ์ตะอาลาทรงรับสั่งท่านนะบีมุฮัมมัด(ศ)ว่า  

قُلْ يَا أَهْلَ الْكِتَابِ تَعَالَوْا إِلَى كَلِمَةٍ سَوَاءٍ بَيْنَنَا وَبَيْنَكُمْ أَلَّا نَعْبُدَ إِلَّا اللَّهَ وَلَا نُشْرِكَ بِهِ شَيْئًا وَلَا يَتَّخِذَ بَعْضُنَا بَعْضًا أَرْبَابًا مِنْ دُونِ اللَّهِ فَإِنْ تَوَلَّوْا فَقُولُوا اشْهَدُوْا بِأَنَّا مُسْلِمُونَ

จงกล่าวเถิด(มุฮัมมัด)ว่า โอ้อะฮ์ลุลกิตาบ จงมายังถ้อยคำหนึ่งที่เท่าเทียมกันระหว่างเรากับพวกท่านนั่นคือ เราจะไม่อิบาดะฮ์สิ่งใดอื่นใดนอกจากอัลลอฮ์ และเราจะไม่นำสิ่งหนึ่งสิ่งใดมาตั้งภาคีต่อพระองค์ และเราบางคนจะไม่ยึดถืออีกบางคนเป็นพระเจ้าอื่นจากอัลลอฮ์    หากพวกเขาหันหลังให้ก็จงกล่าวเถิดว่า พวกท่านจงเป็นพยานด้วยว่า แท้จริงพวกเราเป็นมุสลิม  

ซูเราะฮ์อาลิอิมรอน : 64




► โองการข้างต้น อัลลอฮ์ทรงถือว่า การมีเตาฮีดในการทำอิบาดะฮ์ต่อพระองค์คือ  รากฐานหลักที่มีส่วนร่วมกันในศาสนาที่ได้รับคัมภีร์มาจากฟากฟ้า  และศาสนาอิสลามมิได้เรียกร้องสิ่งใดจากอะฮ์ลุลกิตาบ(ชาวคัมภีร์) นอกจากการอิบาดัตต่ออัลลอฮ์เพียงองค์เดียวเท่านั้น   หมายถึงความเห็นพ้องที่สำคัญระหว่างชาวคัมภีร์นั่นคือ จะต้องเคารพสักการะต่ออัลลอฮ์เพียงองค์เดียวก่อน  แล้วต่อจากนั้นจึงเริ่มต้นสนทนากับพวกเขาในรายละเอียดทีหลัง   นั่นคือการสร้างสมานฉันท์สู่ความใกล้ชิดสนิทสนมและพูดคุยกันได้

อิสลามได้ประกาศศาสนาด้วยความรัก ในขณะที่อิสลามเชิญชวนผู้อื่น อัลลอฮ์ตะอาลาทรงใช้ถ้อยคำว่า  (( ตะอาเลา อิลา - พวกท่านจงมายังถ้อยคำหนึ่ง )) นั่นเพราะอิสลามต้องการสร้างความผูกพันธ์กับชนต่างศาสนิกโดยตั้งอยู่บนความรัก  โดยนำความดีมามอบให้เขา ไม่มีการบังคับเขาในเรื่องศาสนาและอิสลามจะไม่คิดร้ายต่อชนต่างศาสนิก

เพราะฉะนั้นพวกวาฮาบีที่พยายามสร้างกระแสต่อต้านการสร้างวะห์ดัตในหมู่มุสลิมจึงถูกตำหนิ    

ทำไมเพราะพวกเขาทราบดีว่า อัลลอฮ์ตะอาลาทรงรับสั่งท่านนะบีมุฮัมมัด(ศ)ให้ประกาศซูเราะฮ์อาลิอิมรอน : 64

หากวาฮาบีคิดว่า พวกตนเป็นฝ่ายถูก ก็ควรเชิญชวนพี่น้องชีอะฮ์หรือมุสลิมมัซฮับอื่นๆไปสู่ถ้อยคำที่เท่าเทียมกันระหว่างพวกเขา

ในเมื่ออิสลามยังเชิญชวนชาวยิวและชาวคริสต์ไปสู่ถ้อยคำที่เหมือนกันเพื่อสร้างความเข้าใจและความเป็นภราดรภาพซึ่งกันและกัน

แล้วจะเป็นอย่างไรเล่า  กับชีอะฮ์ผู้ที่อิบาดัตต่อพระเจ้าองค์เดียวกับพวกเขา  มีนะบีคนเดียวกับพวกเขา มีคัมภีร์เล่มเดียวกับพวกเขา  มีกิบลัตเดียวกับพวกเขา  และบั้นปลายสุดท้ายต้องกลับคืนสู่อัลลอฮ์เหมือนพวกเขา

ทำไมอุละมาอ์วาฮาบีไม่เชิญอุละมาฮ์ฝ่ายชีอะมานั่งคุยกัน โต้เถียงกันด้วยดี  ปรับปรุงอะกีดะชีอะฮ์ให้ถูกต้อง หากเชื่อว่าชีอะฮ์ไม่ถูกต้องตามที่วาฮาบีอ้าง

ทำไมวาฮาบีไม่จัดการประชุมขึ้น รวบรวมนักวิชาการทั้งสองฝ่ายมาแล้วนำเสนอปัญหาที่ขัดแย้งกันออกตีแผ่สู่สายตาประชาชน  เพื่อมุสลิมจะได้เข้าใจแง่มุมที่ถูกต้อง จะได้แยกถูกออกจากผิดได้  ทั้งๆที่วาฮาบีมีจำนวนประชากรมากกว่าชีอะฮ์หลายเท่านัก
ซ้ำฝ่ายวาฮาบียังมีทุนทรัพย์และอิทธิพล  ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องง่ายสำหรับพวกเขาที่จะทำ  พวกเขายังเป็นเจ้าของรายการทีวีหลายช่อง

แต่วาฮาบีจะไม่มีวันทำเช่นนั้นเด็ดขาด   พวกเขาไม่ต้องการเผชิญหน้าในเชิงวิชาการอย่างแท้จริง    ตามที่คัมภีร์กุรอ่านได้กล่าวว่า

قُلْ هاتُوا بُرهَانَكُم إنْ كُنْتُم صَادِقِينَ

จงกล่าวเถิด (มูฮัมมัด) ว่า พวกท่านจงนำหลักฐานของพวกท่านมา ถ้าพวกท่านเป็นผู้พูดจริง   ซูเราะฮ์อัลบะเกาะเราะฮ์  : 111

قُلْ هَلْ عِنْدَكُم مِن عِلْم فَتُخْرِجُوهُ لَنَا إنْ تَتَّبِعُونَ إلاّ الظَنَّ وإنْ أَنْتُم إلاّ تَخرُصُونَ

จงกล่าวเถิด(มุฮัมมัด)ว่า ที่พวกท่านนั้นมีความรู้อันใดกระนั้นหรือ ฉะนั้นพวกเจ้าจงจะต้องนำมันออกมาให้แก่เรา พวกท่านจะไม่ปฏิบัติตามสิ่งใด นอกจากการคาดคิดเอาเท่านั้น และพวกท่านไม่มีอื่นใด นอกจากจะกล่าวเท็จเท่านั้น   ซูเราะฮ์อัลอันอาม  : 148

ด้วยเหตุนี้ท่านจะพบเห็นพวกวาฮาบี  ใช้วิธีการอันต่ำทรามกับชีอะฮ์เสมอเช่น ด่าทอชีอะฮ์   ประณามสาปแช่งชีอะฮ์   ฮุก่มชีอะเป็นกาเฟร  โกหกให้ร้ายชีอะฮ์ต่างๆนานา


เป็นที่ประจักษ์ว่า   การคลั่งใคล้ฝักใฝ่ในพวกพ้องหมู่ชนของตนเองหรือที่เรียกว่าตะอัซซุบก็สากรรจ์อยู่แล้ว  ถ้ายิ่งได้รับข้อมูลในเชิงลบหรือขาดความเข้าใจที่ถูกต้อง  ก็เป็นเหตุสกัดกั้นในการที่จะสร้างวะห์ดัตให้เกิดขึ้นเป็นจริงได้ในสังคมมนุษย์
เมื่อขาดวะห์ดัตท่านก็จะพบเห็นเสมอ  ต่อการจุดไฟสงครามระหว่างคนกลุ่มต่างๆที่มีความขัดแย้งกัน

อิสลามถือว่า การสร้างวะห์ดัตในสังคมคือสิ่งที่สำคัญ ดังที่อัลลอฮ์ได้ทรงตรัสกับยะฮูดี มะยูซีและนัซรอนีว่าจงกล่าวเถิด(มุฮัมมัด)ว่า โอ้อะฮ์ลุลกิตาบ จงมายังถ้อยคำหนึ่งที่เท่าเทียมกันระหว่างเรากับพวกท่านนั่นคือ เราจะไม่อิบาดะฮ์สิ่งใดอื่นใดนอกจากอัลลอฮ์ และเราจะไม่นำสิ่งหนึ่งสิ่งใดมาตั้งภาคีต่อพระองค์ และเราบางคนจะไม่ยึดถืออีกบางคนเป็นพระเจ้าอื่นจากอัลลอฮ์    หากพวกเขาหันหลังให้ก็จงกล่าวเถิดว่า พวกท่านจงเป็นพยานด้วยว่า แท้จริงพวกเราเป็นมุสลิม  ซูเราะฮ์อาลิอิมรอน : 64


อิสลามส่งเสริมให้เชิญชวนสู่อัลลอฮ์ด้วยมันติก(ตรรกะและเหตุผล)และอักล์(ใช้สติปัญญา) โดยมีบรรทัดฐานเหมือนกันก่อนคือเตาฮีด ดังที่กุรอ่านกล่าวว่า  จงกล่าวเถิด(มุฮัมมัด)ว่า โอ้อะฮ์ลุลกิตาบ จงมายังถ้อยคำหนึ่งที่เท่าเทียมกันระหว่างเรากับพวกท่านนั่นคือ เราจะไม่อิบาดะฮ์สิ่งใดอื่นใดนอกจากอัลลอฮ์ และเราจะไม่นำสิ่งหนึ่งสิ่งใดมาตั้งภาคีต่อพระองค์ และเราบางคนจะไม่ยึดถืออีกบางคนเป็นพระเจ้าอื่นจากอัลลอฮ์    หากพวกเขาหันหลังให้ก็จงกล่าวเถิดว่า พวกท่านจงเป็นพยานด้วยว่า แท้จริงพวกเราเป็นมุสลิม  
ซูเราะฮ์อาลิอิมรอน : 64

กุรอ่านยังกำชับท่านรอซูล(ศ)ให้เชิญชวนผผู้คนแบบมีฮิกมัต ดังที่กล่าวว่า

ادْعُ إِلَى سَبِيلِ رَبِّكَ بِالْحِكْمَةِ وَالْمَوْعِظَةِ الْحَسَنَةِ وَجَادِلْهُمْ بِالَّتِي هِيَ أَحْسَنُ إِنَّ رَبَّكَ هُوَ أَعْلَمُ بِمَنْ ضَلَّ عَنْ سَبِيلِهِ وَهُوَ أَعْلَمُ بِالْمُهْتَدِينَ

จงเรียกร้องสู่แนวทางแห่งพระเจ้าของสูเจ้าโดยสุขุม และการตักเตือนที่ดี และจงโต้แย้งพวกเขาด้วยสิ่งที่ดีกว่า(ด้วยเหตุผลและหลักฐาน ด้วยความอ่อนโยนและสุภาพ) แท้จริงพระเจ้าของพระองค์และพระองค์ทรงรู้ดียิ่งถึงบรรดาผู้ที่อยู่ในทางที่ถูกต้อง
ซูเราะฮ์ อันนะห์ลุ  : 125

ท่านนะบี(ศ)อพยพไปอยู่ที่นครมะดีนะฮ์ท่านได้ทำสนธิสัญญาข้อตกลงระหว่างมุสลิมกับชาวยิว และชนกลุ่มต่างๆที่อาศัยรอบๆเมืองเพื่อความสงบสุข  และนี่คือสิ่งที่กิตาบุลลอฮ์และซุนนะฮ์ได้วางไว้สำหรับเรา


คำถามสำหรับวาฮาบี

ทำไมท่านจึงไม่เชิญชวนสู่อิสลามตามกิตาบและซุนนะฮ์ดังกล่าวล่ะ
#79

قاَلَ إبْلِيْسُ
الْعَجَبُ لِبَنِي آدَمَ ! يُحِبُّوْنَ اللهَ وَيَعْصَوْنَهُ ، ويبغضونني ويطيعونني

อิบลีส(หัวหน้าชัยตอน)กล่าวว่า  :

น่าแปลกใจยิ่งต่อลูกหลานของอาดัม  พวกเขารักอัลเลาะฮ์และพวกเขาฝ่าฝืนพระองค์
พวกเขาชิงชังข้าและพวกเขาเชื่อฟังข้า




۩  เราขอรบกวนเวลาท่านเพียง   หนึ่งนาทีเท่านั้น ช่วยกรุณาเผยแพร่บทความนี้

เพื่อเราจะมาพิสูจน์กัน   หากว่าชัยตอนขัดขวางท่านมิให้ได้รับรางวัล  หรือท่านจะขัดขวางการงานของมันได้สำเร็จ




سُبْحَانَ اللَّهِ وَالْحَمْدُ لِلَّهِ وَلَا إِلَهَ إِلَّا اللَّهُ وَاللَّهُ أَكْبَرُ


وَلَا حَوْلَ وَلَا قُوَّةَ إِلَّا بِاللَّهِ
 

اللَّهُمَّ صَلِّ وَسَلِّمْ وَباَرِكْ

عَلَى نَبِيِّناَ وَحَبِيْبِناَ مُحَمَّدٍ وَعَلَى أَهْلِ بَيْتِهِ الطاَّهِرِيْنَ
 

لَا إِلَهَ إِلَّا اللَّهُ

مُحَمَّدٌ رَسُولُ اللَّهِ

عَلِيٌّ وَلِيُّ اللهِ

فاَطِمَةُ بِنْتِ رَسُوْلِ اللهِ

الْحَسَنُ بْنُ عَلِيٍّ الْمَسْمُوْمُ

الْحُسَيْنُ بْنُ عَلِيٍّ الشَّهِيْدُ

عَلِيُّ بْنُ الْحُسَيْنِ السَّجاَّدُ

مُحَمَّدُ بْنُ عَلِيٍّ الباَقِرُ

جَعْفَرُ بْنُ مُحَمَّدٍ الصاَّدِقُ

مُوسَى بْنُ جَعْفَرٍ الكاَظِمُ

عَلِيُّ بْنُ مُوسَى الرِّضاَ

مُحَمَّدُ بْنُ عَلِيٍّ الْجَواَدُ

عَلِىُّ بْنُ مُحَمَّدٍ الهاَدِيُّ

الْحَسَنُ بْنُ عَلِيٍّ العَسْكَرِيُّ

مُحَمَّدُ بْنُ الْحَسَنِ الْمَهْدِيُّ

صَلَواَتُ اللهِ عَلَيْهِ أَجْمَعِيْنَ

اللَّهُمَّ ثَبَّتْناَ عَلَى وِلاَيَتِهِمْ وَ مَحَبَّتِهِمْ
 
سُبْحَانَ اللَّهِ وَ بِحَمْدِهِ عَدَدَ خَلْقِهِ وَ رِضَا نَفْسِهِ وَ زِنَةَ عَرْشِهِ وَ مِدَادَ كَلِمَاتِهِ

 
☺☺☺     โปรดทำหน้าที่ส่งบทความนี้ต่อๆไปด้วยเถิด   ☺☺☺
#80


วาฮาบีโปรโมทข่าวเท็จมาโดยตลอดว่า     รัฐบาลอิหร่านกดขี่พี่น้องซุนนี่ในอิหร่านเช่นนั้นเช่นนี้



ทีนี้ขอให้ท่านลองชมภาพชีอะฮ์ในประเทศซาอุดิอารเบียบ้างว่า


รัฐบาลวาฮาบี  ได้กดขี่ชาวชีอะฮ์  โดยปิดกั้นขัดขวางพวกเขามิให้เข้าไปนมาซในมัสยิดและมุศ็อลลาของพวกเขา


จนในที่สุดพวกเขาต้องออกมานมาซรวมกันบนถนนสาธารณะ   ชมภาพและข่าวได้ที่เวบ


http://arabic.irib.ir/Pages/news/detailnews.asp?idn=51785


http://www.watan.com/news/35-news-extra/19268-2010-01-23-18-11-56.html


http://burathanews.com/news_article_90972.html



http://www.rasid.com/artc.php?id=36751