ไม่ปฏิเสธครับสำหรับหลักฐานที่ท่านได้นำเสนอ
และผมก็ขอยืนยันว่ามันมีอยู่จริง
โดยเฉพาะหลักฐานที่มาจากแหล่งอ้างอิงทีเป็นที่ยอมรับได้ตามหลักวิชาการอิสลาม
อย่างเช่น เศาะหีหฺมุสลิม และอื่นๆ
กระนั้นก็ตาม...ท่านน่าจะนำเสนอตัวบทหะดีษดังกล่าวให้สมบูรณ์ด้วยนะครับ
ว่ารายละเอียดที่สมบูรณ์ของตัวบทดังกล่าวนั้นมีรายละเอียดอย่างไร
พี่น้องทีเขามาอ่านจะได้มีความเข้าใจที่มากขึ้นว่าใครคืออะฮฺลุลบัยตฺที่แท้จริง
ที่เราสมควรที่จะยึดมั่นตามที่ตัวบทหะดีษได้กำชับไว้
ไม่เป็นไรครับ ผมจะขอเชื่อว่าท่านอาจจะไม่ได้ตั้งใจที่จะปกปิดหรือปิดบังหลักฐานแต่อย่างใด
อาจเป็นเพราะความไม่รู้หรือความผิดพลาดของท่านก็อาจเป็นไปได้
ซึ่งคุณลักษณะดังกล่าวย่อมเกิดขึ้นได้ในตัวของมนุษย์
ก็สำหรับตัวบทหะดีษที่สมบูรณ์นั้นได้มีรายงานจากท่านซัยดฺ อิบนุอัรฺกอม เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ได้กล่าวว่า
قَامَ رَسُولُ اللَّهِ - صلى الله عليه وسلم - يَخْطُبُنَا بِمَاءٍ يُدْعَى خُمٌّ بَيْنَ مَكَّةَ وَالْمَدِينَةِ ، فَحَمِدَ اللَّهَ وَأَثْنَى عَلَيْهِ ، وَوَعَظَ ، وَذَكَرَ ثُمَّ قَالَ : أَمَّا بَعْدُ ، أَلا أَيُّهَا النَّاسُ ، إِنَّمَا أَنَا بَشَرٌ يُوشِكُ أَنْ يَأْتِيَنِي رَسُولُ رَبِّي فَأُجِيبَهُ ، وَإِنِّي تَارِكٌ فِيكُمُ الثَّقَلَيْنِ ، أَحَدُهُمَا : كِتَابُ اللَّهِ ، فِيهِ الْهُدَى وَالنُّورُ ، فَتَمَسِّكُوا بِكِتَابِ اللَّهِ وَخُذُوا بِهِ ، فَرَغَّبَ فِي كِتَابِ اللَّهِ وَحَثَّ عَلَيْهِ ، ثُمَّ قَالَ : وَأَهْلُ بَيْتِي أُذَكِّرُكُمُ اللَّهَ فِي أَهْلِ بَيْتِي ثَلاثَ مَرَّاتٍ فَقَالَ لَهُ زَيْدٌ وَحُصَيْنٌ : مَنْ أَهْلُ بَيْتِهِ ؟ أَلَيْسَ نِسَاؤُهُ مِنْ أَهْلِ بَيْتِهِ ؟ قَالَ : بَلَى إِنَّ نِسَاءَهُ مِنْ أَهْلِ بَيْتِهِ ، وَلَكِنَّ أَهْلَ بَيْتِهِ مَنْ حُرِمَ الصَّدَقَةَ قَالَ : وَمَنْ هُمْ ؟ قَالَ : آلُ عَلِيٍّ وَآلُ الْعَبَّاسِ ، قَالَ : كُلُّ هَؤُلاءِ حُرِمَ الصَّدَقَةَ ، قَالَ : نَعَمْ
ความว่า "ภายหลังจากนั้น(ท่านซัยดฺ อิบนุอัรฺกอม)ได้กล่าวว่า มีวันหนึ่งท่าน เราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ยืนขึ้นอ่านคุฏบะฮฺในหมู่พวกเราที่แอ่งน้ำแห่งหนึ่ง ซึ่งมีชื่อเรียกกันว่า "คุม\\\" อันเป็นชื่อสถานที่แห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ระหว่างนครมักกะฮฺกับนครมะดีนะฮฺ (เรียกว่า เฆาะดีรฺ คุม) ดังนั้น ท่านก็กล่าวคำสรรเสริญอัลลอฮฺและชมเชยต่อพระองค์ สั่งสอนและตักเตือน แล้วกล่าวว่า \\\"ต่อไปนี้โปรดเข้าใจเถิดว่า โอ้ท่านทั้งหลาย! ฉันนี้ไม่มีอื่นใดนอกจากเป็นมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง ซึ่งทูตของพระเจ้าของฉันใกล้จะมาหา แล้วฉันจะตอบว่า ฉันได้ละทิ้งไว้ในหมู่พวกท่านสิ่งหนักสองอย่าง หนึ่งในสองคือ กิตาบุลลอฮฺ ในนั้นมีทางนำและแสงสว่าง ดังนั้นท่านทั้งหลายจงรับเอาคัมภีร์ของอัลลอฮฺ\\\" และท่านได้กระตุ้นให้ยึดมั่นในสิ่งที่มีอยู่ในกิตาบุลลอฮฺ แล้วท่านก็กล่าวอีกว่า \\\"และจงเอาใจใส่ต่ออะฮฺลุลบัยตฺของฉัน ฉันขอเตือนพวกท่านให้ยำเกรงต่ออัลลอฮฺในเรื่องอะฮฺลุลบัยตฺของฉัน ฉันขอเตือนพวกท่านทั้งหลายให้ยำเกรงต่ออัลลอฮฺในเรื่องอะฮฺลุลบัยตฺของฉัน และฉันขอเตือนพวกท่านทั้งหลายให้ยำเกรงต่ออัลลอฮฺในเรื่องอะฮฺลุลบัยตฺของฉัน"
ซึ่งตัวบทที่ท่านไม่ได้นำเสนอไว้นั้น ทั้งๆที่เป็นหะดีษตัวบทเดียวกันนั้นคือ
"แล้วท่านหุศ็อยนฺได้กล่าวแก่ท่านซัยดฺว่า "ใครคืออะฮฺลุลบัยตฺของท่านนบี ปวงภรรยาของท่านมิใช่ส่วนหนึ่งจากอะฮฺลุลบัยตฺของท่านดอกหรือ" ท่านซัยดฺตอบว่า "ใช่ ปวงภรรยาของท่านเป็นส่วนหนึ่งในอะฮฺลุลบัยตฺของท่าน แต่อะฮฺลุลบัยตฺของท่าน(ยังมีอีก) คือผู้ที่ถูกห้ามกินซะกาตหลังจากท่าน(นบีจากไป)" เขาถามต่อไปว่า "เขาเหล่านั้นคือใคร" ท่านซัยดฺตอบว่า \\\"พวกเขาคือวงศ์วานของท่านอลี วงศ์วานของท่านอะกีล วงศ์วานของท่านญะอฺฟัรฺ วงศ์วานของท่านอับบาส" และเขาถามต่อไปว่า "พวกเขาเหล่านี้คือผู้ที่ถูกห้ามกินซะกาตหรือ" ท่านตอบว่า "ใช่แล้ว"
((มุสลิม, เศาะหีหฺ, หมวดฟะฎออิลิศเศาะหาบะฮฺ, บรรพฟะฎออิลิ อลี อิบนุอบีฏอลิบ, หมายเลขหะดีษ : 6378))
ขอต่ออัลลอฮฺทรงประทานทางนำแก่ข้าพเจ้าและท่านเจ้าของเว็บ รวมทั้งพี่น้องทุกท่าน
อามีน ยาร็อบบัลอาละมีน
และผมก็ขอยืนยันว่ามันมีอยู่จริง
โดยเฉพาะหลักฐานที่มาจากแหล่งอ้างอิงทีเป็นที่ยอมรับได้ตามหลักวิชาการอิสลาม
อย่างเช่น เศาะหีหฺมุสลิม และอื่นๆ
กระนั้นก็ตาม...ท่านน่าจะนำเสนอตัวบทหะดีษดังกล่าวให้สมบูรณ์ด้วยนะครับ
ว่ารายละเอียดที่สมบูรณ์ของตัวบทดังกล่าวนั้นมีรายละเอียดอย่างไร
พี่น้องทีเขามาอ่านจะได้มีความเข้าใจที่มากขึ้นว่าใครคืออะฮฺลุลบัยตฺที่แท้จริง
ที่เราสมควรที่จะยึดมั่นตามที่ตัวบทหะดีษได้กำชับไว้
ไม่เป็นไรครับ ผมจะขอเชื่อว่าท่านอาจจะไม่ได้ตั้งใจที่จะปกปิดหรือปิดบังหลักฐานแต่อย่างใด
อาจเป็นเพราะความไม่รู้หรือความผิดพลาดของท่านก็อาจเป็นไปได้
ซึ่งคุณลักษณะดังกล่าวย่อมเกิดขึ้นได้ในตัวของมนุษย์
ก็สำหรับตัวบทหะดีษที่สมบูรณ์นั้นได้มีรายงานจากท่านซัยดฺ อิบนุอัรฺกอม เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ได้กล่าวว่า
قَامَ رَسُولُ اللَّهِ - صلى الله عليه وسلم - يَخْطُبُنَا بِمَاءٍ يُدْعَى خُمٌّ بَيْنَ مَكَّةَ وَالْمَدِينَةِ ، فَحَمِدَ اللَّهَ وَأَثْنَى عَلَيْهِ ، وَوَعَظَ ، وَذَكَرَ ثُمَّ قَالَ : أَمَّا بَعْدُ ، أَلا أَيُّهَا النَّاسُ ، إِنَّمَا أَنَا بَشَرٌ يُوشِكُ أَنْ يَأْتِيَنِي رَسُولُ رَبِّي فَأُجِيبَهُ ، وَإِنِّي تَارِكٌ فِيكُمُ الثَّقَلَيْنِ ، أَحَدُهُمَا : كِتَابُ اللَّهِ ، فِيهِ الْهُدَى وَالنُّورُ ، فَتَمَسِّكُوا بِكِتَابِ اللَّهِ وَخُذُوا بِهِ ، فَرَغَّبَ فِي كِتَابِ اللَّهِ وَحَثَّ عَلَيْهِ ، ثُمَّ قَالَ : وَأَهْلُ بَيْتِي أُذَكِّرُكُمُ اللَّهَ فِي أَهْلِ بَيْتِي ثَلاثَ مَرَّاتٍ فَقَالَ لَهُ زَيْدٌ وَحُصَيْنٌ : مَنْ أَهْلُ بَيْتِهِ ؟ أَلَيْسَ نِسَاؤُهُ مِنْ أَهْلِ بَيْتِهِ ؟ قَالَ : بَلَى إِنَّ نِسَاءَهُ مِنْ أَهْلِ بَيْتِهِ ، وَلَكِنَّ أَهْلَ بَيْتِهِ مَنْ حُرِمَ الصَّدَقَةَ قَالَ : وَمَنْ هُمْ ؟ قَالَ : آلُ عَلِيٍّ وَآلُ الْعَبَّاسِ ، قَالَ : كُلُّ هَؤُلاءِ حُرِمَ الصَّدَقَةَ ، قَالَ : نَعَمْ
ความว่า "ภายหลังจากนั้น(ท่านซัยดฺ อิบนุอัรฺกอม)ได้กล่าวว่า มีวันหนึ่งท่าน เราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ยืนขึ้นอ่านคุฏบะฮฺในหมู่พวกเราที่แอ่งน้ำแห่งหนึ่ง ซึ่งมีชื่อเรียกกันว่า "คุม\\\" อันเป็นชื่อสถานที่แห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ระหว่างนครมักกะฮฺกับนครมะดีนะฮฺ (เรียกว่า เฆาะดีรฺ คุม) ดังนั้น ท่านก็กล่าวคำสรรเสริญอัลลอฮฺและชมเชยต่อพระองค์ สั่งสอนและตักเตือน แล้วกล่าวว่า \\\"ต่อไปนี้โปรดเข้าใจเถิดว่า โอ้ท่านทั้งหลาย! ฉันนี้ไม่มีอื่นใดนอกจากเป็นมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง ซึ่งทูตของพระเจ้าของฉันใกล้จะมาหา แล้วฉันจะตอบว่า ฉันได้ละทิ้งไว้ในหมู่พวกท่านสิ่งหนักสองอย่าง หนึ่งในสองคือ กิตาบุลลอฮฺ ในนั้นมีทางนำและแสงสว่าง ดังนั้นท่านทั้งหลายจงรับเอาคัมภีร์ของอัลลอฮฺ\\\" และท่านได้กระตุ้นให้ยึดมั่นในสิ่งที่มีอยู่ในกิตาบุลลอฮฺ แล้วท่านก็กล่าวอีกว่า \\\"และจงเอาใจใส่ต่ออะฮฺลุลบัยตฺของฉัน ฉันขอเตือนพวกท่านให้ยำเกรงต่ออัลลอฮฺในเรื่องอะฮฺลุลบัยตฺของฉัน ฉันขอเตือนพวกท่านทั้งหลายให้ยำเกรงต่ออัลลอฮฺในเรื่องอะฮฺลุลบัยตฺของฉัน และฉันขอเตือนพวกท่านทั้งหลายให้ยำเกรงต่ออัลลอฮฺในเรื่องอะฮฺลุลบัยตฺของฉัน"
ซึ่งตัวบทที่ท่านไม่ได้นำเสนอไว้นั้น ทั้งๆที่เป็นหะดีษตัวบทเดียวกันนั้นคือ
"แล้วท่านหุศ็อยนฺได้กล่าวแก่ท่านซัยดฺว่า "ใครคืออะฮฺลุลบัยตฺของท่านนบี ปวงภรรยาของท่านมิใช่ส่วนหนึ่งจากอะฮฺลุลบัยตฺของท่านดอกหรือ" ท่านซัยดฺตอบว่า "ใช่ ปวงภรรยาของท่านเป็นส่วนหนึ่งในอะฮฺลุลบัยตฺของท่าน แต่อะฮฺลุลบัยตฺของท่าน(ยังมีอีก) คือผู้ที่ถูกห้ามกินซะกาตหลังจากท่าน(นบีจากไป)" เขาถามต่อไปว่า "เขาเหล่านั้นคือใคร" ท่านซัยดฺตอบว่า \\\"พวกเขาคือวงศ์วานของท่านอลี วงศ์วานของท่านอะกีล วงศ์วานของท่านญะอฺฟัรฺ วงศ์วานของท่านอับบาส" และเขาถามต่อไปว่า "พวกเขาเหล่านี้คือผู้ที่ถูกห้ามกินซะกาตหรือ" ท่านตอบว่า "ใช่แล้ว"
((มุสลิม, เศาะหีหฺ, หมวดฟะฎออิลิศเศาะหาบะฮฺ, บรรพฟะฎออิลิ อลี อิบนุอบีฏอลิบ, หมายเลขหะดีษ : 6378))
ขอต่ออัลลอฮฺทรงประทานทางนำแก่ข้าพเจ้าและท่านเจ้าของเว็บ รวมทั้งพี่น้องทุกท่าน
อามีน ยาร็อบบัลอาละมีน