1 – คำถามสำหรับวาฮาบี
จงยกกุรอ่านและหะดีษที่กล่าวคำ อะฮ์ลุสสุนนะฮ์ วัลญะมาอะฮ์ มาอย่างละหนึ่ง
2 – คำถามสำหรับวาฮาบี
จงยกหะดีษกิตาบุลเลาะฮ์วะซุนนะฮ์ จากกุตุบสิตตะฮ์ มาหนึ่งบท
3 - คำถามสำหรับวาฮาบี
ทำไมอีหม่านจึงมีแค่ 6 ข้อ
เฉลยคำถามที่ 1
พวกวาฮาบี จะหมดปัญญาที่จะค้นหา คำ อะฮ์ลุสสุนนะฮ์ วัลญะมาอะฮ์ ในหนังสือหะดีษดังต่อไปนี้
หนึ่ง - ซอฮี๊ฮฺบุคอรี
สอง - ซอฮี๊ฮฺมุสลิม
สาม - สุนัน อบีดาวูด
สี่ - สุนัน ติรมิซี
ห้า - สุนัน นะซาอี
หก - สุนัน อิบนิมาญะฮ์
เพราะหาจนวันกิยามัต ก็ไม่พบ น่าแปลกใจไหมครับ
แล้วถ้าถามกับวาฮาบีต่อว่า ช่วยยกหะดีษคำอะฮ์ลุสสุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์จากตำราหะดีษเล่มใดก็ได้มาแสดง
พวกวาฮาบีก็จะจนปัญญาอยู่ดี น่าแปลกใจไหมครับ
ถ้าท่านถามพวกวาฮาบี อีกว่า
หาก กลุ่มอะฮ์ลุสสุนนะฮ์ วัลญะมาอะฮ์ คือชาวสวรรค์จริงๆตามมที่พวกท่านชอบอ้าง
แล้วทำไมท่านนบีมุฮัมมัด (ศ) จึงไม่เคยบอกกล่าวกับประชาชาติมุสลิมเอาไว้ถึงเรื่องราวของคนกลุ่มนี้บ้างแม้หะดีษสักบทหนึ่ง
ท่านแปลกใจไหมครับ
ทีนี้ หากเราใจดีลดให้ครึ่งหนึ่ง
โดยจะถามพวกวาฮาบีอีกครั้งว่าคำ อะฮ์ลุสสุนนะฮ์ ในหนังสือหะดีษดังต่อไปนี้มีไหม
หนึ่ง - ซอฮี๊ฮฺบุคอรี
สอง - ซอฮี๊ฮฺมุสลิม
สาม - สุนัน อบีดาวูด
สี่ - สุนัน ติรมิซี
ห้า - สุนัน นะซาอี
หก - สุนัน อิบนิมาญะฮ์
พวกวาฮาบีก็จนปัญญาอยู่ดี เพราะหาจนวันกิยามัต ก็ไม่พบ น่าแปลกใจไหมครับ
แล้วถ้าถามกับวาฮาบีต่อว่า ช่วยยกหะดีษคำ อะฮ์ลุสสุนนะฮ์ จากตำราหะดีษเล่มใดก็ได้มาแสดง
พวกวาฮาบีก็จะจนปัญญาอยู่ดี น่าแปลกใจไหมครับ
แต่สิ่งที่น่าแปลกใจยิ่งกว่านั้นคือ
ทั้งๆที่พวกเขาหาหลักฐานอ้างอิงสัจธรรมของกลุ่มตนเอง แม้หะดีษสักหนึ่งบทไม่ได้ แต่พวกเขามักอ้างเสมอว่า
อะฮ์ลุสสุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ ชื่อกลุ่มอันยาวเยียดนี้คือ มัซฮับ ฮั๊ก ???
นั่นแสดงว่า เป็นคำพูดที่อ้างลอยๆ เพราะหากุรอ่านและหะดีษมาสนับสนุนไม่ได้
สมจริงแล้วที่อัลเลาะฮ์ ตะอาลาตรัสว่า
قُلْ هَاتُوا بُرْهَانَكُمْ إِنْ كُنْتُمْ صَادِقِينَ
จงกล่าวเถิดว่า พวกท่านจงนำหลักฐานของพวกท่าน(มาแสดง) หากพวกท่านเป็นผู้สัจจริง
หากวาฮาบีถามสั้นๆว่า
มีหะดีษที่กล่าวถึง ชีอะฮ์อะลี ไหม ?
ตอบ
หนังสือหะดีษฝ่ายอะฮ์ลุสสุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์
عِكْرِمَةُ بْنُ عَمَّارٍ عَنْ يَحْيَى بْنِ أَبِي كَثِيرٍ عَنْ أَبِي سَلَمَةَ عَنْ أَبِي هُرَيْرَةَ قَالَ قَالَ عَلِيُّ بْنُ أَبِيْ طَالِبٍ
قَالَ (رَسُوْلُ اللهِ صلى الله عليه و سلم لِعَلِيٍّ) : أَنْتَ مَعِيْ وَشِيْعَتُكَ فِي الْجَنَّةِ
ท่านรอซูลุลลอฮฺ(ศ)กล่าวกับท่านอะลีว่า :
ท่านกับฉันและชีอะฮ์ของท่านจะได้อยู่ในสวรรค์
ดูอัลมุอ์ญะมุลเอาซัฏ โดยอัฏ-ฏ็อบรอนี เล่ม 7 : 343 หะดีษ 7675
หนังสือหะดีษฝ่ายชีอะฮ์
عَنْ جَعْفَرِ بْنِ مُحَمَّدٍ ، عن أبيه مُحَمَّدِ بْنِ عَلِيِّ ، عن أبيه عَلِيِّ بْنِ الْحُسَيْنِ ، عن أبيه الْحُسَيْنِ ، عن أبيه عَلِيِّ بْنِ أَبِي طَالِبٍ عليهِمُ السلام قاَلَ : قاَلَ رَسُوْلُ اللهِ صلى الله عليه واله : ياَ عَلِيُّ بَشِّـرْ شِيْعَتَكَ...
ท่านอะลี บินอบีตอลิบกล่าวว่า
ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)กล่าวว่า โอ้อะลีเอ๋ย จงบอกข่าวดีกับชีอะฮ์ของเจ้า...
ดูหนังสืออัลคิศ็อล เชคศอดูก เล่ม 1 หน้า 444 หะดีษ 10
นี่คือสัจธรรม เราสามารถอ้างอิงกลุ่มชีอะฮ์อะลีได้ทั้งจากตำราของอะฮ์ลุสสุนนะฮ์และจากตำราชีอะฮ์เอง
เฉลยคำถามที่ 2
หากถามพวกวาฮาบีว่า หะดีษกิตาบุลเลาะฮ์วะซุนนะฮ์ ในกุตุบสิตตะฮ์ คือ
ในซอฮีฮุบุคอรี มุสลิม และสุนันอบีดาวูด ติรมิซี นะซาอี อิบนิมาญะฮฺ
มีสักหนึ่งบทไหม
คำตอบคือ (( ไม่มี )) หาจนวันกิยามัต หะดีษที่นบีมุฮัมมัด(ศ)กล่าวว่า
ฉันได้ทิ้งกิตาบุลเลาะฮ์และซุนนะฮ์ของฉันไว้ให้พวกท่าน
แต่พวกวาฮาบี ชอบอ้างหะดีษนี้ น่าแปลกไหมครับ
ได้ความรู้มากมาย เอาใจช่วย วมต. นะครับ
เฉลยคำถามที่ 2 ( ต่อ )
แต่หากถามพวกชีอะฮ์ว่า หะดีษกิตาบุลเลาะฮ์วะอิตเราะฮ์ ในกุตุบสิตตะฮ์ คือ
ในซอฮีฮุบุคอรี มุสลิม และสุนันอบีดาวูด ติรมิซี นะซาอี อิบนิมาญะฮฺ
มีสักหนึ่งบทไหม
คำตอบคือ (( มี )) เช่น
عَنْ جَعْفَرِ بْنِ مُحَمَّدٍ عَنْ أَبِيهِ عَنْ جَابِرِ بْنِ عَبْدِ اللَّهِ قَالَ :
رَأَيْتُ رَسُولَ اللَّهِ -صلى الله عليه وسلم- فِى حَجَّتِهِ يَوْمَ عَرَفَةَ وَهُوَ عَلَى نَاقَتِهِ الْقَصْوَاءِ يَخْطُبُ فَسَمِعْتُهُ يَقُولُ « يَا أَيُّهَا النَّاسُ إِنِّى قَدْ تَرَكْتُ فِيكُمْ مَا إِنْ أَخَذْتُمْ بِهِ لَنْ تَضِلُّوا كِتَابَ اللَّهِ وَعِتْرَتِى أَهْلَ بَيْتِى ».
ญะอ์ฟัร บินมุฮัมมัด จากบิดาเขา(มุฮัมมัดบินอะลี)จากญาบิร บินอับดุลลอฮฺ รายงาน :
ฉันได้เห็นท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ็อลฯ)ในการประกอบพิธีฮัจญ์ของท่านในวันอะเราะฟะฮ์ ซึ่งท่านอยู่บนหลังอูฐกำลังปราศรัย
แล้วฉันได้ยินท่านกล่าวว่า
โอ้ประชาชนทั้งหลาย แท้จริงฉัน ทิ้งไว้ให้แก่พวกท่านถึงสิ่งซึ่งหากพวกท่านยึดมั่นต่อสิ่งนั้น พวกท่านจะไม่หลงทางโดยเด็ดขาด
สิ่งนั้นคือ
1. คัมภีร์ของอัลลอฮฺ(อัลกุรอาน) และ
2. อิตเราะตี คืออะฮ์ลุลบัยต์ของฉัน
สถานะหะดีษ : เศาะหิ๊หฺ
ดูซอฮีฮุต-ติรมีซี หะดีษที่ 2978 ตรวจทานโดยเชคอัลบานี
แต่พวกวาฮาบี ไม่ชอบอ้างหะดีษนี้ น่าแปลกไหมครับ
แล้วถ้าพวกวาฮาบี ถามว่า หะดีษนี้ ชีอะฮ์มีไหม ???
ตอบ มี เช่น
قال رسول الله صلى الله عليه وآله في آخر خطبته يوم قبضه الله عزوجل إليه: إني قد تركت فيكم أمرين لن تضلوا بعدي ما إن تمسكتم بهما: كتاب الله وعترتي أهل بيتي، فإن اللطيف الخبير قد عهد إلي أنهما لن يفترقا حتى يردا علي الحوض
ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)กล่าวในคุฏบะฮ์สุดท้ายของท่านในวันที่อัลลอฮ์ทรงรับท่านกลับไปหาพระองค์ว่า
แท้จริงฉันได้ทิ้งไว้ให้พวกท่าน สองประการ พวกท่านจะไม่หลงทางหลังจากฉันอย่างเด็ดขาด หากพวกท่านยึดมั่นต่อสองสิ่งนั้นคือ
กิตาบุลเลาะฮ์ และอิตเราะตี คืออะฮ์ลุลบัยต์ของฉัน
เพราะแท้จริงอัลลอฮ์ทรงสั่งเสียไว้กับฉันว่า ทั้งสองสิ่งนั้นจะไม่แยกจากันเด็ดขาด จนกว่าทั้งสองจะกลับไปพบฉันที่อัลเฮาฎ์ (สระเกาษัร)
อัลกาฟี โดยเชคกุลัยนี เล่ม 2 : 571 หะดีษ 1
วาฮาบีชอบอ้างหะดีษ กิตาบุลเลาะฮ์วะซุนนะฮ์ แต่พอขอให้ยกมาหะดีษนี้จากกุตุบสิตตะฮ์ดังกล่าวมาแสดง
คำตอบคือ ไม่มี
ในกุตบสิตตะฮ์มีแต่หะดีษ กิตาบุลเลาะฮ์วะอิตเราะตี แต่พวกวาฮาบี ไม่เอา
นี่ก็เป็น อีกหนึ่งสัจธธรรม ที่เห็นได้ง่ายๆ และชัดเจน
เฉลยคำถามที่ 3
ทำไมวาฮาบี จึงมีอีหม่าน แค่ 6 ข้อ
นานมาแล้วที่วาฮาบี เที่ยวโปรยหว่านไปทั่วดินแดนว่า อีหม่านของมุสลิมที่ถูกต้องมีเพียง (( 6 )) ข้อเท่านั้น
มีน้อยกว่านี้ ก็ไม่ได้
มีมากกว่านี้ ก็ไม่ได้
มันผู้ใดมีอีหม่าน น้อยกว่า หรือมากกว่า มันผู้นั้น ก็ไม่ใช่ผู้ศรัทธาอย่างแท้จริง
มีอุละมาอ์ วาฮาบี ชนิดสุดโต่งในคำพูดเลยเถิดไปถึงขั้น ฮุก่มว่า เป็น กาเฟ็ร ไปเลยด้วยซ้ำ
คำถามคือ บรรดา เศาะหาบะฮ์ มีอีหม่าน หก ข้อ เหมือนกันหมดทุกคนตามที่พวกวาฮาบี ว่าไว้หรือปล่าว ???
ถ้าเราไปถาม ท่านอบูฮุร็อยเราะฮ์ ว่า อีหม่าน มีกี่ข้อ ???
ท่านอบูฮุร็อยเราะฮ์ จะตอบว่า
عَنْ أَبِى هُرَيْرَةَ قَالَ كَانَ النَّبِىُّ - صلى الله عليه وسلم - بَارِزًا يَوْمًا لِلنَّاسِ
فَأَتَاهُ جِبْرِيلُ فَقَالَ مَا الإِيمَانُ قَالَ « الإِيمَانُ أَنْ تُؤْمِنَ بِاللَّهِ وَمَلاَئِكَتِهِ وَبِلِقَائِهِ وَرُسُلِهِ ، وَتُؤْمِنَ بِالْبَعْثِ
แท้จริงท่านรอซูลุลเลาะฮ์ มีวันหนึ่งท่านได้ปรากฏตัวต่อประชาชน
ทันใดนั้นท่านญิบรีลได้มาหาท่าน แล้วเขาถาม อีหม่านคืออะไร ?
ท่าน(รอซูล)ตอบว่า อีหม่านคือท่านต้องศรัทธา
1.ต่ออัลเลาะฮ์
2,ต่อบรรดามลาอิกะฮ์ของพระองค์
3,ต่อบรรดารอสูลของพระองค์
4,ต่อการพบกับพระองค์
5,ต่อการฟื้นขึ้นมาในวันอาคิเราะฮ์
เศาะหี๊หฺบุคอรี หะดีษที่ 50
คำถามสำหรับวาฮาบี
ทำไมท่านอบูฮุร็อยเราะฮ์ รายงานว่า อีหม่านมีแค่ 5 ข้อ ?
หากท่านอบูฮุร็อยเราะฮ์ มีอีหม่านแค่ห้าข้อ ท่านเป็นกาเฟ็ร หรือป่าวครับ ?
ถ้าเราไปถาม ท่านอิบนุอับบาส ว่า อีหม่าน มีกี่ข้อ ???
ท่านอิบนุอับบาส จะตอบว่า
قَالَ يَا رَسُولَ اللَّهِ فَحَدِّثْنِي مَا الْإِيمَانُ قَالَ الْإِيمَانُ أَنْ تُؤْمِنَ بِاللَّهِ وَالْيَوْمِ الْآخِرِ وَالْمَلَائِكَةِ وَالْكِتَابِ وَالنَّبِيِّينَ وَتُؤْمِنَ بِالْمَوْتِ وَبِالْحَيَاةِ بَعْدَ الْمَوْتِ وَتُؤْمِنَ بِالْجَنَّةِ وَالنَّارِ وَالْحِسَابِ وَالْمِيزَانِ وَتُؤْمِنَ بِالْقَدَرِ كُلِّهِ خَيْرِهِ وَشَرِّهِ
تعليق شعيب الأرنؤوط : حديث حسن
الكتاب : مسند الإمام أحمد بن حنبل المؤلف : أحمد بن حنبل أبو عبدالله الشيباني
الناشر : مؤسسة قرطبة – القاهرة عدد الأجزاء : 6 الأحاديث مذيلة بأحكام شعيب الأرنؤوط عليها
ท่านญิบรีล (อะลัยฮิสลาม) กล่าวถามท่านรอซูลุลลอฮฺ (ศ) ว่า :
จงบอกฉันว่า อีหม่านคืออะไร?
ท่านนบี (ศ) ตอบว่า อีหม่าน คือการที่ท่านต้องอีหม่าน
1. ต่ออัลลอฮฺ
2. ต่อวันอาคิเราะฮฺ
3. ต่อมลาอิกะฮฺ
4. ต่อบรรดาคัมภีร์และ
5. ต่อบรรดานบีของอัลลอฮฺ
6. อีหม่านต่อความตายและ
7. ต่อชีวิตหลังความตายและ
8. อีหม่านต่อสวรรค์
9. และ(อีหม่าน)ต่อนรกและ
10. ต่อการสอบสวนและ
11. ต่อตราชั่งอาม้าลและ
12. และต้องอีหม่านต่อการลิขิตความดีและความชั่ว
ท่านญิบรีล (อะลัยฮิสลาม) ถามว่า : หากฉันอีหม่านต่อสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด ฉันจะเป็นผู้ที่มีอีหม่านหรือไม่?
ท่านรอซูลุลลอฮฺ(ศ)ตอบว่า : เมื่อท่านอีหม่านต่อสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด ท่านก็เป็นผู้มีอีหม่านแล้ว
สถานะหะดีษ : หะสัน ดูมุสนัดอะหมัด หะดีษที่ 2926
ตรวจทานโดยเชคชุเอบ อัลอัรนะอูฏี
คำถามสำหรับวาฮาบี
ทำไมท่านอิบนุอับบาส จึงกล่าวว่า อีหม่าน มี 12 ข้อ
ท่านอิบนุอับบาสมีอีหม่านมากกว่า (หกข้อ) อย่างนี้ ถือว่า ท่านเป็น กาเฟ็ร หรือป่าวครับ ?
เมื่อเราไปถาม ท่านอุมัร บินคอตตอบ ว่า อีหม่านมีกี่ข้อ
ท่านอุมัรจะตอบว่า
فَأَخْبِرْنِى عَنِ الإِيمَانِ. قَالَ « أَنْ تُؤْمِنَ بِاللَّهِ وَمَلاَئِكَتِهِ وَكُتُبِهِ وَرُسُلِهِ وَالْيَوْمِ الآخِرِ وَتُؤْمِنَ بِالْقَدَرِ خَيْرِهِ وَشَرِّهِ
(ท่านญิบรออีลได้กล่าวกับท่านนบีมุหัมมัดว่า) : จงบอกฉันถึงอีหม่าน
ท่านนบีตอบว่า : คือท่านจะต้องศรัทธา
1.ต่ออัลเลาะฮ์
2,ต่อบรรดามลาอิกะฮ์
3,ต่อบรรดาคัมภีร์
4,ต่อบรรดารอซูลของพระองค์
5,ต่อวันอาคิเราะฮ์
6,และต้องศรัทธาต่อการกำหนดความดีและความชั่วของพระองค์(ที่ทรงกำหนดไว้)
เศาะหี๊หฺมุสลิม หะดีษที่ 9
คำถามคือ ทำไมพวกวาฮาบี จึงเจาะจงยึดหะดีษนี้ แล้วทิ้งหะดีษของท่านอบูฮุร็อยเราะฮ์กับหะดีษของท่านอิบนุอับบาส ???
ท่านลองนำสามคำถามนี้ ไปถามพวกวาฮาบีดู จะพบว่า พวกเขาไม่สามารถให้คำตอบที่ถูกต้องได้ ?
หนทางของพวกเขาคือ
- ตอบแบบเลี่ยงบาลี
- แก้เกี้ยวไปแบบน้ำขุ่นๆ
- นิ่งเงียบ
วาฮาบี ชอบอ้างว่า พวกตนคือ ชาวสวรรค์ (เทียม) ตนเหมาสัมปะทานไปแล้วว่า ตยเป็นฝ่าย ถูก
ดังนั้น จงอธิบาย ความถูกต้องของตนเถิด อย่ามัวไปถามถึง ความผิดของคนอื่นเลย
สโลกแกนวาฮาบีคือ ทุกเรื่องต้องมาจาก กิตาบและซุนนะฮ์เท่านั้น นอกนั้นถือว่า บิดอะฮ์
พวกวาฮาบีมีความเชื่อในเรื่องเตาฮีดว่า แบ่งออกเป็น 3 ประเภทคือ
1. เตาฮีด อุลูฮียะฮ์ ( พระเจ้ามีเพียงหนึ่ง )
2. เตาฮีด รุบูบียะฮ์ ( พระเจ้าคือผู้ทำนุ บำรุงดูแล )
3. เตาฮีด อัสมาอ์ วัซ-ซิฟาต ( พระนามและพระคุณลักษณะของอัลลอฮ์)
คำถามสำหรับวาฮาบี
ในกิตาบและซุนนะฮ์ แบ่งเตาฮีดออกเป็น อุลูฮียะฮ์ รูบูบียะฮ์ และอัสมาวัซซิฟาต แบบนี้หรือ ?
กรุณา ยกอายะฮ์กุรอ่านหรือหะดีษสักบทหนึ่งที่กล่าวเรียงกันแบบนี้มาแสดงด้วย
ท่านเชื่อไหมว่า แม้แต่ระดับโต๊ะครูวาฮาบีก็หมดปัญญาจะยกกุรอ่านหรือหะดีษมาแสดง ไม่เชื่อลองไปถามดู
วาฮาบี เชื่อว่า อัลเลาะฮ์ มี ใบหน้า ฝ่ามือ ฝ่าเท้าและลำตัว
วาฮาบีเชื่อว่า โองการและหะดีษต่างๆที่กล่าวถึง ซิฟาต - คุณลักษณะของอัลเลาะฮ์ (ซบ.) เช่น
فَأَيْنَمَا تُوَلُّوا فَثَمَّ وَجْهُ اللَّهِ
ดังนั้นพวกเจ้าจะผินไปทางไหน ที่นั่นแหล่ะคือ พระพักตร์ของอัลเลาะฮ์
( 2 : 115 )
يَدُ اللَّهِ فَوْقَ أَيْدِيهِمْ
" พระหัตถ์ของอัลลอฮ์ "ทรงอยู่เหนือมือของพวกเขา
( 40 : 10 )
بَلْ يَدَاهُ مَبْسُوطَتَانِ
แต่ทว่า " พระหัตถ์ทั้งสองของพระองค์ " ถูกแบออกต่างหาก
( 5 : 64 )
يَوْمَ يُكْشَفُ عَنْ سَاقٍ
วัน(กิยามะฮ์) ที่ " หน้าแข้ง(ของอัลลอฮ์) " จะถูกเลิกขึ้น
( 68 : 42 )
ท่านนบี(ศ)กล่าวว่า
لاَ تَزَالُ جَهَنَّمُ تَقُولُ هَلْ مِنْ مَزِيدٍ حَتَّى يَضَعَ رَبُّ الْعِزَّةِ فِيهَا قَدَمَهُ فَتَقُولُ قَطْ قَطْ
นรกญะฮันนัมยังคงถูกโยนลงในมันอยู่ตลอดในขณะที่มันกล่าวว่า ยังมีอีกหรือไม่ ?
จนกระทั่งพระผู้อภิบาลผู้เกรียงไกรได้วาง " เท้าของพระองค์ " ลงบนมัน
ดังนั้นส่วนหนึ่งของมัน(นรก)ก็เบียดเข้าใกล้อีกส่วนหนึ่ง และมันจะกล่าวว่า พอแล้ว พอแล้ว
เศาะหิ๊หฺ บุคอรี หะดีษ 6661
ท่านอิบนุอับดุลบิรริ กล่าวว่า
أهل السنة مجمعون على الإقرار بالصفات الواردة كلها في القرآن والسنة والإيمان بها وحملها على الحقيقة لا على المجاز إلا أنهم لا يكيفون شيئا من ذلك ولا يحدون فيه صفة محصورة وأما أهل البدع والجهمية والمعتزلة كلها والخوارج فكلهم ينكرها ولا يحمل شيئا منها على الحقيقة ويزعمون أن من أقر بها مشبه وهم عند من أثبتها نافون للمعبود والحق فيما قاله القائلون بما نطق به كتاب الله وسنة رسوله وهم أئمة الجماعة والحمد لله
التمهيد لما في الموطأ من المعاني والأسانيد ج 7 / ص 145
อะฮ์ลุสสุนนะฮ์ มีมติเห็นพ้องกัน ในการยอมรับบรรดาคุณลักษณะ(ซิฟาต) ทั้งหมดที่ปรากฏในอัลกุรอ่านและซุนนะฮ์ และศรัทธาต่อมัน และถือมันตามความหมายจริง(ฮะกีกัต) ไม่ใช่ตามความหมายในเชิงอุปมาอุปมัย นอกจากว่า แท้จริงพวกเขา ไม่ได้อธิบายวิธีการว่าเป็นอย่างไรจากซิฟัตดังกล่าวเลย และพวกเขาไม่ได้จำกัดในนั้น เป็นคุณลักษณะหนึ่งลักษณะที่เฉพาะ
และสำหรับ พวกบิดอะฮ์ พวกญะฮ์มียะฮ และพวกมุอฺตะซิละฮ์ พวกเขาทั้งหมดนั้น และพวกเคาะวาริจญ์ ทั้งหมด ปฏิเสธมัน และไม่ได้ถือตามความหมายฮะกีกัตจากมัน(บรรดาซิฟาตดังกล่าว)
พวกเขาอ้างว่า ผู้ที่ยอมรับมัน(ตามความหมายฮะกีกัต)นั้นเป็นพวกมุชับบะฮะฮ์ ( คือเป็นผู้ที่นำอัลลอฮ์ไปเทียบกับมัคลู๊ก )และในทัศนะของพวกเขาถือว่า ผู้ที่ยอมรับมัน เป็นผู้ที่ปฏิเสธพระเจ้าผู้ควรเคารพภักดี และความถูกต้องนั้น มันอยู่ในสิ่งที่บรรดาผู้ที่มีทัศนะตามที่กิตาบุลเลาะฮ์และซุนนะฮ์ของรอซูลของพระองค์ได้กล่าวเอาไว้ พวกเขาคือ ผู้นำแห่งอัลญะมาอะฮ์ อัลฮัมดุลิ้ลละฮ์
สรุป :
วาฮาบีได้ยืนยันเองว่า อัลลอฮ์ทรงมีใบหน้า ฝ่ามือ หน้าแข้ง ฝ่าเท้าที่เป็นอวัยวะจริงๆ
แต่เป็นการรับรองซิฟัตของอัลลอฮ์ด้วยสิ่งที่เหมาะสมกับพระองค์โดยไม่มีการเปรียบเทียบ และไม่มีการอธิบายวิธีการว่าเป็นอย่างไร
เมื่อวาฮาบีห้ามตีความหมายคำเหล่านี้เป็นอื่น ก็ดีแล้วล่ะและถัดจากนี้ไป ก็ขอให้ท่านจงอย่าเล่นลิ้นก็แล้วกัน เพราะปัญหามันอยู่ที่ว่า ท่านจะอธิบายโองการนี้อย่างไร
كُلُّ شَيْءٍ هَالِكٌ إِلَّا وَجْهَهُ
ทุกสรรพสิ่ง ย่อมพินาศ ยกเว้น " พระพักตร์ " ของพระองค์ (อัลลอฮ์)
( 28 : 88 )
คำถามสำหรับวาฮาบี
ในวันกิยามะฮ์เรือนร่างอวัยวะของอัลเลาะฮ์ ตั้งแต่ฝ่าพระบาท(ฝ่าเท้า) จนถึงพระศอ(ต้นคอ) ของพระองค์ นั้นจะต้องพินาศหมดกระนั้นหรือ ???
كُلُّ مَنْ عَلَيْهَا فَانٍ وَيَبْقَى وَجْهُ رَبِّكَ
ทุกๆสิ่งที่อยู่บนแผ่นดิน ย่อมแตกดับ และ " พระพักตร์ของพระเจ้า " ของเจ้าเท่านั้น ที่จะยังคงเหลืออยู่
( 55 : 26-27 )
วันกิยามะฮ์ อัลลอฮ์จะเหลือแค่ใบหน้า ( วัจญะฮุน- وَجْهٌ ) เท่านั้นจริงหรือ ?
อัลลอฮ์ ตะอาลาตรัสว่า
وَمَنْ لَمْ يَحْكُمْ بِمَا أَنْزَلَ اللَّهُ فَأُولَئِكَ هُمُ الْفَاسِقُونَ
บุคคลใดที่มิได้ทำการตัดสินปกครอง ตามสิ่งที่อัลลอฮ์ได้ประทานลงมา พวกเขาเหล่านั้นคือ พวกฟาซิก
อัลมาอิดะฮ์ : 47
وَمَنْ لَمْ يَحْكُمْ بِمَا أَنْزَلَ اللَّهُ فَأُولَئِكَ هُمُ الظَّالِمُونَ
บุคคลใดที่มิได้ทำการตัดสินปกครอง ตามสิ่งที่อัลลอฮ์ได้ประทานลงมา พวกเขาเหล่านั้นคือ พวกซอเล่ม
อัลมาอิดะฮ์ : 45
وَمَنْ لَمْ يَحْكُمْ بِمَا أَنْزَلَ اللَّهُ فَأُولَئِكَ هُمُ الْكَافِرُونَ
บุคคลใดที่มิได้ทำการตัดสินปกครอง ตามสิ่งที่อัลลอฮ์ได้ประทานลงมา พวกเขาเหล่านั้นคือ พวกกาเฟ็ร
อัลมาอิดะฮ์ : 44
ท่านศาสดามุฮัมมัด(ศ)ได้จัดตั้งรัฐอิสลามขึ้นที่ประเทศซาอุดิอาระเบียเมื่อ1,400 ปีที่แล้ว
อีก 700 ปีต่อกำเนิดอิบนิตัยมียะฮ์ผู้อ้างว่าเราต้องตามกิตาบกับซุนนะฮ์เท่านั้น
ถัดมามี มุฮัมมัด บินอับดุลวาฮาบ ได้สานต่อคำว่าเราต้องตามกิตาบกับซุนนะฮ์
และต้องต่อต้านบิดอะฮ์กับชีรีก
ฉะนั้นวาฮาบีถือกำเนิดขึ้นที่ประเทศซาอุดิอาระเบีย
ปัจจุบันประเทศซาอุดิอาระเบียปกครองด้วยระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช โดยพระราชาธิบดีฯ มีอำนาจสูงสุดเป็นผู้แต่งตั้งและเพิกถอนครม. และสภาที่ปรึกษาชูรอ
คำถามสำหรับวาฮาบี
ทำไมประเทศวาฮาบีที่อ้างว่าต้องตามกิตาบกับซุนนะฮ์จึงปกครองด้วยระบอบกษัตริย์
ระบอบกษัตริย์เป็นบิดอะฮ์ใช่ไหม ทำไมวาฮาบี ไม่ทำลายบิดอะฮ์
ทำไมวาฮาบีบอกว่า ชีอะฮ์อิหร่านเป็นกาเฟ็ร แต่ประเทศอิหร่านปกครองด้วยระบอบอิสลาม
วาฮาบีบอกว่า อิหร่านหลอกมุสลิมว่า ปกครองระบอบอิสลาม วาฮาบีจึงต้องต่อต้าน
แต่ราชวงศ์ซาอู๊ด ปกครองวาฮาบีด้วยระบอบกษัตริย์ แต่วาฮาบีไม่กล้าต่อต้าน
หลักฐานการเป็นคอลีฟะฮ์ของท่านอบูบักร
คำถามสำหรับวาฮาบี
กรุณาแสดงหลักฐานจาก กิตาบและซุนนะฮ์ ที่ระบุเรื่องการแต่งตั้งท่านอบูบักรเป็นคอลีฟะฮ์ ?
ถ้ามี ตอบ มี ถ้าไม่มี โปรดตอบ ไม่มี
คำอะไรเอ่ย ที่ซุนนี่รักที่สุด แต่หาหะดีษสักบทไม่เจอ ?
คำอะไรเอ่ย ที่ซุนนี่เกลียดที่สุด แต่ท่านรอซูล(ศ) ตั้งให้ไว้ ?
:woohoo: