Q4wahabi.com (Question for Wahabi)

หมวดหมู่ทั่วไป => อะลุ้ลบัยต์ อ. ในทัศนะของวาฮาบี ซุนนี่ และชีอะฮ์ => หัวข้อที่ตั้งโดย: L-umar เมื่อ พฤศจิกายน 19, 2009, 12:11:57 หลังเที่ยง

ชื่อ: 1 มุหัรรอม ฮ.ศ.1431 รำลึกโศกนาฎกรรมในวันอาชูรอ
โดย: L-umar เมื่อ พฤศจิกายน 19, 2009, 12:11:57 หลังเที่ยง


1 มุหัรรอม  ฮ.ศ.1431 รำลึกโศกนาฎกรรมในวันอาชูรอ
ชื่อ: Re:1 มุหัรรอม ฮ.ศ.1431 รำลึกโศกนาฎกรรมในวันอาชูรอ
โดย: L-umar เมื่อ พฤศจิกายน 19, 2009, 04:59:00 หลังเที่ยง


มุหัรร็อม ตอน 1 :  

เดือนมุหัรร็อมจากอัลกุรอานและหะดีษ

بِسْمِ اللّـــــهِ الرَّحْمَنِ الرَّحِيْمِ
الحَمْدُ لِلهِ رَبِّ الْعَالَمِيْنَ
وَصَلَّي اللهُ عَلَى مُحَمَّدٍ وَآلِ مُحَمَّدٍ وَأَصْحَابِهِ الْمُنْتَجَبِيْنَ  وَالْعَنْ عَدُوَّ مُحَمَّدٍ وَآلَ مُحَمَّدٍ
أَمَّا بَعْدُ

ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ผู้ทรงกรุณาปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ บรรดาการสรรเสริญเป็นสิทธิของอัลลอฮฺ พระผู้อภิบาลแห่งสากลโลก  ขอพรและสันติพึงมีแด่ท่านนบีมุฮัมมัด วงศ์วานของท่านและซอฮาบะฮ์ของท่าน  ขออัลลอฮฺโปรดละอ์นัดศัตรูของท่านนบีมุฮัมมัด และวงศ์วานของท่าน


شَهْرُ مُحَرَّم مِنَ الْقُرْآنِ وَالْحَدِيْثِ

เดือนมุหัรร็อมจากอัลกุรอานและหะดีษ

อัลลอฮฺ ตะอาลาทรงตรัสว่า

إِنَّ عِدَّةَ الشُّهُورِ عِنْدَ اللَّهِ اثْنَا عَشَرَ شَهْراً فِي كِتَابِ اللَّهِ يَوْمَ خَلَقَ السَّمَاوَاتِ وَالْأَرْضَ مِنْهَا أَرْبَعَةٌ حُرُمٌ ذَلِكَ الدِّينُ الْقَيِّمُ فَلا تَظْلِمُوا فِيهِنَّ أَنْفُسَكُمْ
 
แท้จริงจำนวนเดือน(ในปีหนึ่ง) ณ อัลลอฮ์นั้นมี 12 เดือน ในคัมภีร์ของอัลลอฮ์ตั้งแต่วันที่พระองค์ทรงสร้างบรรดาชั้นฟ้าและแผ่นดินจากเดือนเหล่านั้นมี 4 เดือนซึ่งเป็นเดือนที่ต้องห้าม ( คือซุลกิ๊อ์ดะฮ์ ซุลฮิจญะฮ์ มุหัรร็อมและรอญับ )  นั่นคือบัญญัติอันเที่ยงตรง ดังนั้นพวกเจ้าจงอย่าอธรรมแก่ตัวของพวกเจ้าเองในเดือนเหล่านั้น
ซูเราะฮ์อัต-เตาบะฮ์  : 36


ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลฯกล่าวว่า

السَّنَةُ اثْنَا عَشَرَ شَهْراً مِنْهَا أَرْبَعَةُ حُرُمٌ ، ثَلَاثَ مُتَوَالِيَّات : ذُو الْقِعْدَة ، وَذُو الْحِجَّة ، وَالْمُحَرَّمُ ، وَرَجَب
 
หนึ่งปีนั้นมี  12 เดือน มี 4 เดือนที่เป็นเดือนอันศักดิ์สิทธิ์  มี 3 เดือนที่อยู่ติดกันคือซุลกิ๊อ์ดะฮ์,ซุลฮิจญะฮ์และมุหัรร็อมและเดือนรอญับ      
 
ซอฮีฮุลบุคอรี  หะดีษที่ 4662  และซอฮี๊ฮฺมุสลิม หะดีษที่ 1679

รายชื่อเดือนในอิสลาม

1,มุหัรร็อม  2,ซอฟัร  3,รอบีอุล เอาวัล  4,รอบีอุล อาเค็ร  5,ญุมาดิล อูลา  6,ญุมาดิษ ษานี
7,รอญับ   8,ชะอ์บาน   9,รอมะฎอน   10,เชาวาล   11,ซุลกิอ์ดะฮ์     12,ซุลฮิจญะฮ์  



นิยามมุหัรร็อม    

سُمِّيَ هذا الشَّهْرَ مُحَرَّمًا لِتَحْرِيْمِ الْقِتِالِ فِيْهِ

เหตุที่ตั้งชื่อเดือนนี้ว่า " มุหัรร็อม " เพราะการทะเลาะวิวาท การต่อสู้ การหลั่งเลือดในเดือนนี้เป็นสิ่งต้องห้าม


ความสำคัญของสิบคืนแรกในเดือนมุหัรร็อม

อัลลอฮ์ตะอาลาทรงตรัสว่า

وَلَيَالٍ  عَشْرٍ

ฃขอสาบานต่อสืบคืน   บทฟัจญ์รุ : 2

قَالَ يَمانُ بْنُ رَبَاب : اَلْعَشْرُ الْأُوْلَى مِنَ الْمُحَرَّمِ الَّتِيْ عَاشِرُهَا يَوْمَ عَاشُوْرَاء

ยะมาน บินรอบาบกล่าวว่า : คือสิบคืนแรกของเดือนมุหัรร็อม วันที่สิบของมันคือ วันอาชูรอ
ตัฟสีรอัษ-ษะอ์ละบี  เล่ม 14  หน้า 86  ซูเราะฮ์อัลฟัจญ์รุ : 2


ความสำคัญของวันอาชูรอ

ท่านรอซูลุลลอฮ์ ศ็อลฯกล่าวว่า

إِنَّ عَاشُورَاءَ يَوْمٌ مِنْ أَيَّامِ اللَّهِ تَعَالَى

แท้จริงวันอาชูรอวันหนึ่งจากอัยยามุลเลาะฮ์ ตะอาลา

สถานะหะดีษ : ซอฮี๊ฮฺ ดูมุสนัดอะหมัด หะดีษที่ 6292  ตรวจทานโดยเชคชุเอบ อัลอัรนะอูฏ

จากอัลกุรอานและหะดีษดังกล่าว จึงนับได้ว่าเดือนมุหัรร็อมนั้นเป็นเดือนอันศักดิ์สิทธิ์ยิ่ง และท่านรอซูลเรียกวันอาชูรอคือวันที่สิบของเดือนมุหัรร็อมว่า

"เยามุลเลาะฮ์ "    แปลว่า  วันแห่งอัลลอฮ์  

แน่นอนการพาดพิงสิ่งหนึ่งไปยังพระนามของอัลลอฮ์ สิ่งนั้นย่อมมีความสำคัญและศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างยิ่งในทัศนะของอัลลอฮ์และรอซูล เหมือนที่ท่านได้เรียก อัลกะอ์บะฮ์ว่า " บัยตุลเลาะฮ์ "   แปลว่า บ้านของอัลลอฮ์  
   
เมื่อเดือนมุหัรร็อมและวันอาชูรอมีทั้งความสำคัญและความศักดิ์สิทธิ์ อยากถามว่า เราเคยมองย้อนกลับไปยังประวัติศาสตร์อิสลามบ้างไหมว่า เกิดเหตุการณ์อะไรบ้างในเดือนมุหัรร็อมที่ผ่านมาในอดีต โดยเฉพาะในวันอาชูรอ ???
ชื่อ: Re:1 มุหัรรอม ฮ.ศ.1431 รำลึกโศกนาฎกรรมในวันอาชูรอ
โดย: L-umar เมื่อ พฤศจิกายน 19, 2009, 05:03:51 หลังเที่ยง


มุหัรร็อม ตอน 2  :


วันที่ 1 เดือนมุหัรร็อมไม่ใช่วันขึ้นปีใหม่ของชาวมุสลิม

بِسْمِ اللّـــــهِ الرَّحْمَنِ الرَّحِيْمِ

ไม่มีหลักฐานใดบ่งบอกว่าวันที่ 1 เดือนมุหัรร็อม คือวันขึ้นปีใหม่ของมุสลิมที่ต้องเฉลิมฉลอง

ยกเว้นมุสลิมบางกลุ่มที่ได้รับอิทธิพลจากราชวงศ์อุมัยยะฮ์และพวกบิดอะฮ์ที่ถือว่า 1 มุหัรร็อมคือวันรื่นเริง


เกิดอะไรขึ้นในวันอาชูรอ

วันศุกร์ที่ 10 เดือนมุหัรร็อม ปีที่ 61 ฮิจเราะฮ์ศักราช กษัตริย์ยะซีด บุตรมุอาวียะฮ์ ( บุตรอบูสุฟยาน บุตรหัรบ์ บุตรอุมัยยะฮ์ ) ได้ส่งกองทัพไปล้อมท่านอิม่ามฮูเซนหลานชายท่านนบีมุฮัมมัดที่แผ่นดินกัรบาลา ประเทศอิรัก และกองทัพยะซีดได้ลงมือสังหารท่านฮูเซนอย่างโหดเหี้ยมในสภาพกระหายน้ำ


ทำไมจึงต้องลงมือสังหารชีวิตของฮูเซน บุตรท่านหญิงฟาติมะฮ์บุตรีท่านรอซูลุลลอฮ์ ?

ยะซีดและพวกที่มีความคิดเห็นเดียวกันกับยะซีดทั้งในอดีตและปัจจุบันกล่าวว่า ข้อหาเดียวที่ฮูเซนหลานชายท่านนบีฯต้องตายคือ เขาไม่ยอมมอบสัตยาบันให้กับกษัติรย์ยะซีดแห่งราชวงศ์อุมัยยะฮ์

ทำไมฮูเซนจึงไม่ยอมมอบสัตยาบันให้กับยะซีด ?

قَالَ الْحُسَيْنُ : أَيُّهَا الْوَلِيْدُ: إِنَّكَ تَعْلَمُ  اِنَّا أهلُ بيتٍ بِنَا فَتَحَ اللهُ وَبِنَا يَخْتَمُ، وَمِثْلِيْ لاَ يُبَايِعُ لِيَزِيْدٍ شَارِبُ الْخُمُوْرِ وَرَاكِبُ الْفُجُوْرِ وَقَاتِلُ النَّفْسِ الْمَحْتَرَمَةِ

ท่านฮูเซนกล่าวว่า :

โอ้วะลีด(ผู้ปกครองมะดีนะฮ์) ท่านรู้ดีว่า เราคืออะฮ์ลุลบัยต์ อัลลอฮ์ทรงเปิดและปิดกิจการเพราะเรา และคนอย่างฉันจะไม่มีวันมอบสัตยาบันให้กับคนเช่นยะซีด (เพราะเขาคือ)คนดื่มสุรา คนทำบาป และสังหารผู้บริสุทธิ์

ดูหนังสือฟาญิอะตุต-ต็อฟ โดยสัยยิดมุฮัมมัด กาซิม อัลก็อซวีนี เล่ม 1 หน้า 2  

หลังจากฮูเซนถูกสังหาร กองทัพยะซีดได้ปฏิบัติเช่นไรกับอะฮ์ลุลบัยต์นบี ?
ครอบครัวของฮูเซนซึ่งเป็นอะฮ์ลุลบัยต์นบีที่รอดชีวิต ถูกทหารยะซีดคุมตัวเป็นเชลยส่งไปยังกษัตริย์ยะซีดที่กรุงดามัสกัส ประเทศซีเรีย

หลักฐาน

عَنِ السُّدِيِّ، عَنْ أَبِي الدَّيْلَم قَالَ : لَمَّا جِيْءَ بِعَلِيِّ بْنِ الْحُسَيْنِ رَضِيَ اللهُ عَنْهُ أَسِيْراً، فَأُقِيْمَ عَلَى دَرَجِ دِمَشْق، قَامَ رَجُلٌ مِنْ أَهْلِ الشَّامِ فَقَالَ : اَلْحَمْدُ لِلَّهِ الَّذِيْ قَتَلَكُمْ وَاسْتَأْصَلَكُمْ، وَقَطَعَ قَرْنَ الْفِتْنَةِ، فَقَالَ لَهُ عَلِيُّ بْنُ الْحُسَيْنِ رَضِيَ اللهُ عَنْهُ : أَقَرَأْتَ الْقُرْآنَ ؟  قَالَ: نَعَمْ، قَالَ: أَقَرَأْتَ آلَ حم ؟  قَالَ : قَرَأْتُ الْقُرْآنَ وَلَمْ أَقْرَأْ آلَ حم ؟   قَالَ : مَا قَرَأْتَ : { قُل لاَّ أَسْـئَلُكُمْ عَلَيْهِ أَجْراً إِلاَّ ٱلْمَوَدَّةَ فِى ٱلْقُرْبَىٰ }  قَالَ : وَإِنَّكُمْ لَأَنْتُمْ هُمْ ؟   قَالَ : نَعَمْ .

อัซ-ซุดดีรายงานจากท่านอบี อัด-ดัยลัมเล่าว่า :  

ตอนที่ท่านอะลี บุตรชายของท่านฮูเซนถูกคุมตัวเป็นเชลยมายืนอยู่ที่ถนนเมืองดามัสกัส  มีชายชาวเมืองช่าม(ซีเรีย)คนหนึ่งด่าท่านว่า :

ขอบคุณอัลลอฮ์ที่ทรงสังหารพวกเจ้าและตัดเขาแห่งความวุ่นวาย

ท่านอะลี บุตรฮูเซนได้ถามชายชาวเมืองช่ามคนนั้นว่า   :  ท่านเคยอ่านอัลกุรอ่านบ้างไหม ?  

ชายชาวเมืองช่าม  :  เคยอ่านสิ
   
ท่านอะลีบุตรฮูเซน : แล้วท่านเคยอ่านซูเราะฮ์อัชชูรอ(บทที่43)บ้างไหม

ชายชาวเมืองช่าม   :  ฉันเคยอ่านอัลกุรอ่าน แต่ไม่เคยอ่านซูเราะฮ์อัชชูรอ

ท่านอะลี บุตรฮูเซน  : ท่านคงไม่เคยอ่านโองการที่อัลลอฮฺทรงตรัสว่า  

จงกล่าวเถิด(มุฮัมมัดต่อมุสลิมทั้งหลายว่า) ฉันไม่ขอค่าตอบแทนใด ๆ เพื่อการประกาศอิสลามนี้ ยกเว้น ให้แสดงความรักต่อญาติสนิท ) นี้ใช่ไหม ?  

ชายชาวเมืองช่ามถามว่า   :  
พวกท่านคืออัลกุรบา(ญาติสนิท)ของท่านนบีมุฮัมมัดกระนั้นหรือ ?

ท่านอะลี บุตรฮูเซน ตอบว่า  :  ใช่แล้ว          

สถานะหะดีษ : สายรายงานเชื่อถือได้
ดูตัฟสีรอิบนุกะษีร   เล่ม 7 : 200  บทอัช-ชูรอ : 23  


วิเคราะห์สายรายงานหะดีษ

ท่านอิบนุหะญัรกล่าวว่า  :
อิสมาอีล บิน อับดุลเราะห์มาน อัซ-ซุดดี ชาวกูฟะฮ์  การรายงานเชื่อถือได้ แต่เขาถูกกล่าวหาว่าเป็นชีอะฮ์
ตักรีบุต-ตะห์ซีบ โดยอิบนุ หะญัร เล่ม1 : 108 อันดับที่ 463

ท่านอิบนุ หิบบานกล่าวว่า :  
อบี อัด-ดัยลัม อัลยะมานี เป็นนักรายงานที่เชื่อถือได้
อัษ-ษิกอต เล่ม 7 : 499 อันดับที่ 11158

นี่คือโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นกับเดือนอันศักด์สิทธิ์ณ.อัลลอฮ์ และวันที่ท่านรอซูลเรียกว่า เยามุลเลาะฮ์


ใครคือคนแรกที่จัดพิธีมุหัรร็อมหรือมัจญ์ลิสอาชูรอขึ้นในอิสลาม ?

ต่อมาเมื่อยะซีดส่งตัวอะฮ์ลุลบัยต์ที่รอดชีวิตกลับมายังเมืองมะดีนะฮ์อันเป็นบ้านเกิดของพวกเขา ท่านอิม่ามอะลีซัยนุลอาบิดีน(บุตรชายอิม่ามฮูเซน) และท่านหญิงซัยนับ(น้องสาวของอิม่ามฮูเซน) ได้ทำการบรรยายเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับท่านอิม่ามฮูเซนให้ชาวเมืองมะดีนะฮ์ได้รับรู้ความจริง
 
عَنْ عَلِيِّ بْنِ الْحُسَيْنِ : أَنَّهُمْ حِيْنَ قَدَمُوْا الْمَدِيْنَةَ مِنْ عِنْدَ يَزِيْدِ بْنِ مُعَاوِيَّة مَقْتَلِ الْحُسَيْنِ ابْنِ عَلِيٍّ رَضِيَ اللهُ عنهما لَقِِيَهُ الْمِسْوَرُ بْنُ مَخْرَمَةَ فَقَالَ لَهُ هَلْ لَكَ إِلَيَّ مِنْ حَاجَةٍ تَأْمُرُنِيْ بِهَا قَالَ فَقُلْتُ لَهُ لاَ

ท่านอิม่ามอะลี(ซัยนุลอาบิดีน) บุตรท่านอิม่ามฮูเซนเล่าว่า  :
เมื่อพวกท่านเข้ามาที่เมืองมะดีนะฮ์ หลังจากที่กษัตริย์ยะซีด(ส่งตัวกลับมาหลังจากที่)ท่านฮูเซนบุตรอะลีถูกสังหาร    
อัลมิสวัร บินมัคร่อมะฮ์(ตาบิอี)ได้เข้ามาพบท่าน(อะลีซัยนุลอาบิดีน)แล้วกล่าวกับท่านว่า : ท่านมีความเดือดร้อนอันใดที่จะให้ข้าพเจ้าช่วยเหลือไหม โปรดสั่งข้าพเจ้าให้ทำสิ่งนั้นเถิด   ท่านอะลี(ซัยนุลอาบิดีน) กล่าวกับเขาว่า : ไม่มี....

สถานะหะดีษ : ซอฮี๊ฮฺ  
ดูซอฮีฮุอบีดาวูด  หะดีษที่ 1821 ตรวจทานโดยเชคอัลบานี


สรุปว่า
หลังจากที่ท่านอิม่ามฮูเซนถูกสังหารที่กัรบาลา  บุคคลที่จัดเวทีปราศัยบรรยายที่การเสียชีวิตในหนทางแห่งอัลลอฮ์ของท่านอิม่ามฮูเซนคือ

1.   ท่านอะลี ซัยนุลอาบิดีน บุตรชายท่านอิม่ามฮูเซน
2.   ท่านหญิงซัยนับ น้องสาวของท่านอิม่ามฮูเซน
3.   อะฮ์ลุลบัยต์ที่รอดชีวิตจากเหตุการณ์ที่กัรบาลา

นับจากนั้นมา
ผู้ที่มีความรักต่ออะฮ์ลุลบัยต์นบีจึงได้จัดการบรรยายเรื่องราวของอิม่ามฮูเซนในเดือนมุหัรร็อมมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน อันเป็นที่รู้จักกันในนาม


มัจญ์ลิสอาชูรอ

ชะอาเอ็ร ฮูซัยนียะฮ์  

หรือที่ชาวไทยเรียกกันว่า  

"  พิธีมุหัรร็อม  "
ชื่อ: Re:1 มุหัรรอม ฮ.ศ.1431 รำลึกโศกนาฎกรรมในวันอาชูรอ
โดย: L-umar เมื่อ พฤศจิกายน 19, 2009, 05:11:24 หลังเที่ยง

มุหัรร็อม ตอน 3  :  


การจัดพิธีมุหัรร็อม เป็นปัญหาฟิกฮ์  คำถามคือเป็น  ซุนนะฮ์ หรือ บิดอะฮ์  ?



بِسْمِ اللّـــــهِ الرَّحْمَنِ الرَّحِيْمِ

ซุนนะฮฺ

ในทางภาษาศาสตร์หมายถึง แนวทางหรือวิธีการ ซุนนะฮฺมาจากคำว่า"ซันนะ- سَنَّ"  หมายถึงวิถีหรือแนวทาง

หะดีษที่อะฮ์ลุสซุนนะฮ์รายงาน

مَنْ سَنَّ فِى الإِسْلاَمِ سُنَّةً حَسَنَةً فَلَهُ أَجْرُهَا وَأَجْرُ مَنْ عَمِلَ بِهَا بَعْدَهُ مِنْ غَيْرِ أَنْ يَنْقُصَ مِنْ أُجُورِهِمْ شَىْءٌ وَمَنْ سَنَّ فِى الإِسْلاَمِ سُنَّةً سَيِّئَةً كَانَ عَلَيْهِ وِزْرُهَا وَوِزْرُ مَنْ عَمِلَ بِهَا مِنْ بَعْدِهِ مِنْ غَيْرِ أَنْ يَنْقُصَ مِنْ أَوْزَارِهِمْ شَىْءٌ

ท่านรอซูลุลลอฮ์ ศ็อลฯกล่าวว่า :  
ผู้ใด ที่ได้ทำแบบอย่างที่ดีในอิสลาม แน่นอน เขาจะได้รับผลตอบแทนของมัน และผลตอบแทนของผู้ที่ได้ปฏิบัติด้วยกับมัน หลังจากเขา(เสียชีวิตไปแล้วก็ได้กับเขา) โดยไม่มีสิ่งใดลดลงไปเลย จากผลการตอบแทนของพวกเขา และผู้ใด ทีได้ทำแบบอย่างที่เลว ในอิสลาม แน่นอน บาปของมันก็ตกบนเขา และบาปของผู้ที่ปฏิบัติมัน หลังจากเขา(เสียชีวิตไปแล้วก็ตกบนเขา)โดยไม่มีสิ่งใดบกพร่องลงไปเลยจากบรรดาบาปของพวกเขา

ดูซอฮี๊ฮฺมุสลิม หะดีษที่ 1017          



หะดีษที่อะฮ์ลุบัยต์รายงาน

قَالَ رَسُولُ اللَّهِ صلي الله عليه وآله :  مَنْ سَنَّ سُنَّةً حَسَنَةً فَلَهُ أَجْرُهَا وَ أَجْرُ مَنْ عَمِلَ بِهَا إِلَى يَوْمِ الْقِيَامَةِ مِنْ غَيْرِ أَنْ يُنْقَصَ مِنْ أُجُورِهِمْ شَيْ‏ءٌ

ท่านรอซูลุลลอฮ์ ศ็อลฯกล่าวว่า :  
ผู้ใด ที่ได้ทำแบบอย่างที่ดี ดังนั้นสำหรับเขาจะได้รับผลตอบแทนของมัน และผลตอบแทนของผู้ที่ได้ปฏิบัติด้วยมันจนถึงวันกิยามะฮ์ โดยไม่มีสิ่งใดลดลงไปเลยจากผลการตอบแทนของพวกเขา

อัลกาฟี เชคกุลัยนี เล่ม 5 : 9-10 หะดีษที่ 1


นักวิชาการได้ให้นิยามซุนนะฮฺว่า
สิ่งใดก็ตามที่รายงานมาจากสิ่งที่ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลฯ ได้พูด กระทำ หรือยอมรับในการกระทำนั้นๆ



ท่านรอซูลุลลอฮ์กับเรื่องราวของท่านอิม่ามฮูเซน


ตัวอย่างจากสิ่งเป็นคำพูด  ได้แก่หะดีษที่ท่านรอซูลกล่าวถึงการถูกสังหารของท่านฮูเซน

ตัวอย่างจากการกระทำของท่านรอซูล ได้แก่การที่ท่านนั่งโศกเศร้าร้องไห้ให้กับการถูกสังหารของท่านฮูเซน
ตัวอย่างจากการยอมรับของท่าน ได้แก่เมื่อท่านนิ่งเฉยเมื่อเห็นเศาะฮาบะฮฺคือท่านหญิงอุมมุสะละมะฮ์ร้องไห้เมื่อนางได้ยินท่านเล่าว่า ฮูเซนหลานชายจะถูกสังหาร การนิ่งเฉยในกรณีนี้ถือว่าเป็นการยอมรับ
จะทยอยนำเสนอหะดีษต่อไปอินชาอัลลอฮ์

คำว่าซุนนะฮฺยังถูกนิยามอีกว่าหมายถึงกฏเกณฑ์ทางศาสนาที่วางอยู่บนหลักฐานตามนิตินัยไม่ว่า อัลกุรอาน คำพูดของท่านนบี  รวมทั้งคำพูดและการกระทำของอะฮ์ลุลบัยต์  ด้วย

ตรงข้ามกับซุนนะฮฺคือบิดอะฮฺ(การอุตริกรรม)ในทางศาสนา ท่านนบีกล่าวไว้อย่างชัดเจนว่า

عَلَيْكُمْ بِسُنَّتِيْ وَ سُنَّةِ الْخُلَفَاءِ الرَّاشِدِيْنَ الْمَهْدِيِّيْنَ بَعْدِيْ

พวกท่านจงยึดแบบอย่างของฉันและแบบอย่างของบรรดาเคาะลีฟะฮฺผู้ทรงธรรมหลังจากฉัน

ซิลซิละตุซ-ซอฮีฮะฮ์ เล่ม 6 : 234  หะดีษที่ 26 ตรวจทานโดยเชคอัลบานี


โดยทั่วไปเราสามารถนิยามซุนนะฮ์ว่าเป็นสิ่งที่ท่านรอซูลได้พูด หรือได้กระทำเพื่อเป็นแบบอย่างชีวิตสำหรับพวกเรา



บิดอะฮ์

ในทางศาสนาหมายถึง อุตริกรรมอันเป็นสิ่งที่ท่านรอซูลุลลอฮ์และบรรดาอิม่ามแห่งอะฮ์ลุลบัยต์มิได้กระทำไว้  

ดังที่มีหะดีษรายงานว่า

قَالَ رَسُوْلُ الله صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ  : فَإِنَّ خَيْرَ الْحَدِيْثِ كِتَابُ الله وَخَيْرَ الْهَدْيِ هَدْيُ مُحَمَّدٍ وَشَرَّ الْأُمُوْرِ مُحْدَثَاتُهَا وَكُلُّ مُحْدَثَةٍ  بِدْعَةٌ وَكُلُّ بِدْعَةٍ ضَلاَلَةٌ
 
ท่านรอซูลุลลอฮ์ ศ็อลฯกล่าวว่า :
แท้จริงถ้อยคำที่ดีที่สุดคือ คัมภีร์ของอัลลอฮ์ แต่ทางนำที่ดีที่สุดคือ ทางนำของมุหัมมัด และบรรดาการงานที่ชั่วที่สุดคือ บรรดาสิ่งที่อุตริทำขึ้นมาใหม่(ไม่มีในบทบัญญัติ) และทุกสิ่งที่อุตริทำขึ้นมาใหม่นั้น เป็นบิดอะฮ์ และทุกๆ บิดอะฮ์นั้น หลงทาง

ซอฮีฮุลบุคอรี หะดีษที่ 6735 และซอฮี๊ฮฺมุสลิม หะดีษที่ 1435


พิธีมุหัรร็อมมิได้เป็นงานกราบไหว้บูชาอิม่ามฮูเซน แต่เป็นงานยกย่องสัญลักษณ์ของอัลลอฮ์

อัลลอฮ์ตะอาลาทรงตรัสว่า

وَمَن يُعَظِّمْ شَعَائِرَ اللَّهِ فَإِنَّهَا مِن تَقْوَى الْقُلُوبِ
 
ผู้ใดยกย่องให้เกียรติสัญลักษณ์ต่างๆของอัลลอฮ์  แท้จริงสิ่งนั้น(การยกย่องต่อสัญลักษณ์ของอัลลอฮ์ ) จะทำให้หัวใจมีความยำเกรงมากขึ้น  

ซูเราะฮ์อัลฮัจญ์  : 32

สัญลักษณ์ شَعَائِرٌ แห่งการเคารพเชื่อฟังอัลลอฮ์มีมากมายเช่น ทำนมาซ ถือศีลอด ทำฮัจญ์ ขอดุอา อ่านกุรอ่าน และสิ่งอื่นๆที่ถูกนับว่าเป็นอิบาดะฮ์(การเคารพสักการะต่ออัลลอฮฺ)

قالَ أميرُ المُؤْمِنِيِْن (ع) : نَحْـنُ الشَّعائِرُ

ท่านอมีรุลมุอ์มินีน อะลัยฮิสสลามกล่าวว่า  : พวกเราคือสัญลักษณ์ ( หนึ่งของอัลลอฮ์ )

ดูมุสตัดเราะกุสะฟีนะตุลบิฮาร เล่ม 5 : 1 และ
ยะนาบีอุลมะวัดดะฮ์  โดยเชคก็อนดูซี  อัลฮานาฟี เล่ม 3 : 471


นักวิชาการในแนวทางอะฮ์ลุลบัยต์
ได้ให้ความสำคัญต่อมัจญ์ลิสอาชูรอเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในช่วงเดือนมุหัรร็อมและซอฟัร

เพราะเป็นเดือนแห่งการฟื้นฟูอิสลามที่แท้จริงและชี้นำมุสลิมและผู้ที่มิใช่มุสลิม ให้รู้จักแยกความจริงออกจากความเท็จ
ชื่อ: Re:1 มุหัรรอม ฮ.ศ.1431 รำลึกโศกนาฎกรรมในวันอาชูรอ
โดย: L-umar เมื่อ พฤศจิกายน 19, 2009, 05:14:04 หลังเที่ยง

มุหัรร็อม ตอน 4  :  


พิธีมุหัรร็อม คือ ซุนนะฮ์ หรือ บิดอะฮ์ ?


بِسْمِ اللّـــــهِ الرَّحْمَنِ الرَّحِيْمِ

มุสลิมบางท่านที่มิเคยเข้าร่วมพิธีมุหัรร็อมหรือมัจญ์ลิสอาชูรออาจสงสัยว่า

ในงานรำลึกดังกล่าวมีกิจกรรมอะไรบ้าง ?


โปรแกรมหลักของพิธีมุหัรร็อมคือ

1 – จัดบรรยายหลักการอิสลามและความสูงส่งของอะฮ์ลุลบัยต์นบี

2 – บรรยายถึงมุซีบัต คือโศกนาฎกรรมของท่านอิม่ามฮูเซนประสบจากกองทัพยะซีด

3 – อ่านซิยารัต(ให้สลาม) และอ่านฟาติหะฮ์อุทิศษะวาบให้กับรู๊ห์ของอิม่ามฮูเซนและบรรดาชุฮะดาอ์ที่ถูกสังหารณ.แผ่นดินกัรบาลา ประเทศอิรัก


หากท่านอยากทราบว่า พิธีมุหัรร็อมเป็นซุนนะฮ์หรือบิดอะฮ์ ?

เราคงต้องมาทำความเข้าใจกันก่อนว่า การปฏิบัติต่อมุสลิมที่เสียชีวิต(มัยยิตมุสลิมที่ซอและห์)ดังต่อไปนี้เป็นซุนนะฮ์หรือบิดอะฮ์  ?
 
1.   การบรรยายหรือพูดถึงความดีและมุซีบัต(ความทุกข์ยาก)ของคนตาย

2. การนั่งเศร้าไว้อาลัยถึงคนตายเนื่องจากนึกถึงความหลังเก่าๆและสำนึกในบุญคุณของคนตาย

3 .  การร้องไห้ให้คนตาย

4 .  การอ่านมะระเซี่ย(บทกลอน)รำพึงรำพันถึงคนตาย

5. การแจกจ่ายเพื่อคนตายในด้านความดี ( เช่นอุทิศส่วนกุศลให้คนตายด้วยการเลี้ยงอาหาร )



เราจะพิสูจน์ให้ท่านทราบว่าเรื่องทั้ง 5 นี้คือ


"ซุนนะฮ์ที่ดีงามในอิสลาม " ด้วยหลักฐานจาก



1.   คัมภีร์อัลกุรอาน

2.   หะดีษที่อะฮ์ลุสซุนนะฮ์รายงาน

3.   ชีวประวัติของนบีมุฮัมมัดและบรรดาซอฮาบะฮ์

4.   หะดีษที่บรรดาอิม่ามแห่งอะฮ์ลุลบัยต์รายงาน
ชื่อ: Re:1 มุหัรรอม ฮ.ศ.1431 รำลึกโศกนาฎกรรมในวันอาชูรอ
โดย: L-umar เมื่อ พฤศจิกายน 19, 2009, 05:16:29 หลังเที่ยง

มุหัรร็อม ตอน 5  :  


การบรรยายหรือพูดถึงความดีและมุซีบัตของมัยยิตซอและห์


بِسْمِ اللّـــــهِ الرَّحْمَنِ الرَّحِيْمِ


เรื่องที่ 1  -

การบรรยายหรือพูดถึงความดีและมุซีบัต(ความทุกข์ยาก)ของคนตาย

อิสลามถือว่า
การเล่าถึงเรื่องราวของคนดีที่เสียชีวิตแล้วคือ " บทเรียน " คือเป็นอุทาหรณ์สอนใจ    


อัลลอฮ์ตะอาลาทรงตรัสว่า

لَقَدْ كَانَ فِي قَصَصِهِمْ عِبْرَةٌ لِّأُوْلِي الأَلْبَابِ

โดยแน่นอนยิ่ง ในเรื่องราวของพวกเขา คือบทเรียนสำหรับบรรดาผู้มีวิจารณญาณ  
 
ซูเราะฮ์ยูซุฟ  : 111


อธิบาย :


เรื่องราวของพวกเขา - قِصَصِهِمْ  คือ
เรื่องของนบียูสุฟและบรรดานบีกับประชาชาติของพวกเขา

บทเรียน ( عِبْرَةٌ) หมายถึง  
ข้อคิด- فِكْرَةٌ  ข้อเตือนสติ- تَذْكِرَةٌ  อุธาหรณ์หรือคำสอน- عِظَةٌ  

อูลิล อัลบาบ -  أُوْلِي الْأَلْبَابِ หมายถึง
ปัญญาชน , ผู้มีวิจารณญาณ  


ถ้าหากเรื่องของบรรดานบีที่ล่วงลับไปแล้วในอดีตคือ " บทเรียนสอนใจ "  

แล้วทำไมเรื่องของท่านฮูเซนหลานตาท่านนบีมุฮัมมัด ผู้เป็นศาสดาคนสุดท้ายของโลกจะไม่เป็นบทเรียนสอนใจสำหรับมุสลิมกระนั้นหรือ  ?


คำถามสำคัญคือ มีสักครั้งหนึ่งในชีวิตไหม ที่ท่านเคยศึกษาชีวประวัติของบุคคลที่ชื่อ


ฮูเซน บุตร ฟาติมะฮ์  บุตรีนบีมุฮัมมัด ???
ชื่อ: Re:1 มุหัรรอม ฮ.ศ.1431 รำลึกโศกนาฎกรรมในวันอาชูรอ
โดย: L-umar เมื่อ พฤศจิกายน 20, 2009, 08:43:54 ก่อนเที่ยง

มุหัรร็อม ตอน 6  :  

การบรรยายหรือพูดถึงความดีและมุซีบัตของมัยยิตซอและห์


بِسْمِ اللّـــــهِ الرَّحْمَنِ الرَّحِيْمِ

ซอฮาบะฮ์กับการพูดหรือเล่าถึงเรื่องราวของคนตาย

อิสลามอนุญาติให้บรรยายถึงเรื่องคนตายที่ซอและห์ได้ หลักฐานคือแบบอย่างของซอฮาบะฮ์


ท่านหญิงฟาติมะฮ์ บุตรีนบีมุฮัมมัด หลังฝังบิดาเสร็จนางรำพันว่า :  

فَلَمَّا مَاتَ قَالَتْ :
يَا أَبَتَاهْ ، أَجَابَ رَبًّا دَعَاهُ ،      يَا أَبَتَاهْ ، مَنْ جَنَّةُ الْفِرْدَوْسِ مَأْوَاهُ ،     يَا أَبَتَاهْ ، إِلَى جِبْرِيلَ نَنْعَاهْ  

โอ้พ่อจ๋า !  ท่านได้ตอบรับอัลลอฮ์แล้ว เมื่อทรงเรียกหา  
   
โอ้พ่อจ๋า   ผู้ที่สวรรค์ฟิรเดาส์คือที่พำนักของท่าน

โอ้พ่อจ๋า   เราขอสดุดีเกียรติคุณท่านยังญิบรออีล  

ซอฮีฮุลบุคอรี   หะดีษที่ 4103


ท่านหญิงฟาติมะฮ์ได้พรรณนาถึงบิดาหลังจากเสียชีวิตต่อหน้าซอฮาบะฮ์ทั้งหลาย นางร้องไห้และทำให้ซอฮาบะฮ์ร้องไห้ตาม
หากการกระทำนี้เป็นบิดอะฮ์(อุตริกรรมทางศาสนา) คงต้องมีซอฮาบะฮ์ตักเตือนนางว่า นี่คือบิดอะฮ์ ขอจงอย่าทำเลย  เพราะบิดานางจะถูกลงโทษในหลุมด้วยน้ำตานาง

ดังนั้นการกระทำของท่านหญิงฟาติมะฮ์บ่งบอกว่า อิสลามอนุญาติ
ชื่อ: Re:1 มุหัรรอม ฮ.ศ.1431 รำลึกโศกนาฎกรรมในวันอาชูรอ
โดย: L-umar เมื่อ พฤศจิกายน 20, 2009, 08:46:42 ก่อนเที่ยง

มุหัรร็อม ตอน 7 :  


การบรรยายหรือพูดถึงความดีและมุซีบัตของมัยยิตซอและห์


بِسْمِ اللّـــــهِ الرَّحْمَنِ الرَّحِيْمِ

ซอฮาบะฮ์กับการพูดหรือเล่าถึงเรื่องราวของคนตาย


ท่านหญิงอาอิชะฮ์ บุตรีท่านอบูบักร

นางได้รำพึงรำพันถึงบิดาตอนที่บิดาเสียชีวิตและหลังจากนั้น แม้เวลาจะผ่านมานานแล้ว  

عَنِ الْقَاسِمِ بْنِ مُحَمَّدٍ عَنْ عَائِشَة أَنَّهَا مَرَّتْ عَلَى قَبْرِ أَبِيْهَا فَقَالَتْ :
فَلَقَدْ كُنْتَ لِلدُّنْيَا مُذِلاًّ بِإِعْرَاضِكَ عَنْهَا
وَلِلْآخِرَةِ مُعِزًّا بِإِقْبَالِكَ عَلَيْهَاَ
وَلَئِنْ كَانَ أَجَلُّ بَعْدَ رَسُوْلِ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّم رُزْؤَكَ وَأَعْظَمُهَا فُقْدَكَ

อัลกอซิม บินมุฮัมมัดเล่าว่า :
 
แท้จริงท่านหญิงอาอิชะฮ์ได้เดินผ่านมาที่หลุมศพของบิดานาง  แล้วนางได้รำพันว่า :  

แน่แท้สำหรับดุนยาต่ำต้อยเมื่อท่านจากไป

และสำหรับอาคิเราะฮ์นั้นเป็นเกียรติต่อการมาของท่าน

มหาวิปโยคหลังจากท่านรอซูลุลลอฮฺจากไป     คือวิปโยคที่สูญเสียท่าน

มุซีบัตที่ยิ่งใหญ่ที่สุดหลังจากท่านรอซูลฯ         คือการจากไปของท่าน


อ้างอิงจากหนังสือ
ตารีคดามัสกัส โดยอิบนุอะซากิร  เล่ม 30 หน้า 443
อัลริยาฎุน-นัฎเราะฮ์ ฟีมะนากิบิลอะชะเราะฮ์ โดยมุฮิบบุดดีน อัฏ-ฏ็อบรี เล่ม 1 หน้า 129  


การกระทำของท่านหญิงอาอิชะฮ์บ่งบอกว่า อิสลามอนุญาติ
ชื่อ: Re:1 มุหัรรอม ฮ.ศ.1431 รำลึกโศกนาฎกรรมในวันอาชูรอ
โดย: L-umar เมื่อ พฤศจิกายน 20, 2009, 08:52:14 ก่อนเที่ยง

มุหัรร็อม ตอน 8 :  

การบรรยายหรือพูดถึงความดีและมุซีบัตของมัยยิตซอและห์

بِسْمِ اللّـــــهِ الرَّحْمَنِ الرَّحِيْمِ

ซอฮาบะฮ์กับการพูดหรือเล่าถึงเรื่องราวของคนตาย


ท่านอะลี บินอบีตอลิบ

ท่านเซด บินวะฮับเล่าว่า  : พวกเราเดินมากับท่านอะลี ขณะที่กลับจากสงครามซิฟฟีน จนมาถึงประตูเมืองกูฟะฮ์ (ประเทศอิรัก) ทันใดนั้นเราพบสุสานเจ็ดหลุมอยู่ทางด้านขวาของเรา
ท่านอะลีกล่าวว่า  : นี่เป็นสุสานของใครกัน ?
พวกเขากล่าวว่า :  โอ้ท่านอมีรุลมุอ์มินีน  แท้จริงท่านค็อบบาบ บินอัลอะร็อตติได้เสียชีวิตหลังจากที่ท่านออกไปที่ซิฟฟีน   เขาได้สั่งเสียว่า ให้ฝังเขาไว้ที่ใจกลางผู้คน  


ท่านอะลี เราะฎิยัลลอฮุอันฮุกล่าวว่า :


رَحِمَ اللهُ خَبَّاباً،  لَقَدْ أَسْلَمَ رَاغِباً،
وَهَاجَرَ طَائِعاً،    وَعَاشَ مُجَاهِداً،
وَابْتَلَى فِيْ جِسْمِهِ أَحْوَالاً،
وَلَنْ يُضَيِّعَ اللهُ أَجْرَ مَنْ أَحْسَنَ عَمَلاً

ขออัลลอฮ์ทรงเมตตาคอบบาบด้วยเถิด     แน่นอนเขาเข้ารับอิสลามด้วยความมุ่งหวัง  

เขาอพยพมาด้วยความภักดี         เขาใช้ชีวิตด้วยความต่อสู้เสียสละ  

ร่างเขาถูกทดสอบหลายเหตุการณ์  และอัลลอฮ์จะไม่ทรงบั่นทอนรางวัลของผู้ประกอบการงานที่ดีงาม


อ้างอิงจากหนังสือ
อัลมุอ์ญะมุลกะบีร โดยอัฏ-ฏ็อบรอนี เล่ม 4 หะดีษที่ 3618
อุสดุลฆอบะฮ์ โดยอิบนุลอะษีร  เล่ม 1 หน้า 316
ฮิลยะตุลเอาลิยาอ์  อบูนุอัยมฺ อัลอัศบะฮานี เล่ม 1 : 147


การกระทำของท่านอะลีบ่งบอกว่า อิสลามอนุญาติ
ชื่อ: Re:1 มุหัรรอม ฮ.ศ.1431 รำลึกโศกนาฎกรรมในวันอาชูรอ
โดย: L-umar เมื่อ พฤศจิกายน 20, 2009, 08:55:56 ก่อนเที่ยง

มุหัรร็อม ตอน 9 :  

การบรรยายหรือพูดถึงความดีและมุซีบัตของมัยยิตซอและห์

بِسْمِ اللّـــــهِ الرَّحْمَنِ الرَّحِيْمِ

ซอฮาบะฮ์กับการพูดหรือเล่าถึงเรื่องราวของคนตาย


ท่านฮาซัน บินอะลี บินอบีตอลิบ

เมื่อท่านอะลี บินอบีตอลิบเสียชีวิต ท่านฮาซันบุตรชายได้ออกมาปราศรัยถึงบิดาที่หน้ามัสญิดกูฟะฮ์ว่า

وَاللهِ لَقَدْ قَتَلْتُمُ الْلَيْلَةَ رَجُلاً فِيْ لَيْلَةٍ نُزِلَ فِيْهَا الْقُرْآنُ
وَفِيْهَا قُتِلَ يُوْشَعُ بْنُ نُوْن فَتَى مُوْسَى
وَفِيْهَا رُفِعَ عِيْسَى بْنُ مَرْيَم مَا سَبَقَهُ أَحَدٌ مِنْ قَبْلِهِ وَلاَ لَحِقَهُ أَحَدٌ كَانَ بَعْدَهُ

ขอสาบานต่ออัลลอฮ์ว่า แน่นอนพวกเจ้าได้สังหารชายคนหนึ่งในค่ำคืนที่คัมภีร์อัลกุรอานถูกประทานลงมา

เป็นคืนที่ยูชะอ์ บินนูนวะซีของนบีมูซาถูกสังหาร

และ(เป็นคืนที่)นบีอีซา บุตรมัรยัมถูกยกขึ้นฟ้า

ไม่เคยมีใครล้ำหน้าเขามาก่อนเลย  และจะไม่มีใครเทียบเขาได้ หลังจากเขาจากไป  

อ้างอิงจาก
อัลมุอ์ญะมุลเอาซัฏ  โดยอัฏ-ฏ็อบรอนี  เล่ม 8 หะดีษที่ 8469

คำพรรณนาถึงคนตายเช่นนี้มีมากมาย แต่เท่านี้คงเป็นหลักฐานเพียงพอแล้ว

หากท่านแย้งว่า การรื้อฟื้นเรื่องคนตายขึ้นมาใหม่เป็นเรื่องฮะร่าม (คือศาสนาห้ามกระทำ)  

ตอบ ถ้าเชื่อแบบนี้ก็หมายความว่า  การศึกษาเรียนรู้ชีวประวัติของบรรดาศาสดาและซอฮาบะฮ์ก็ต้องห้ามด้วยเช่นกัน  
และยังส่งผลให้ห้ามศึกษาเรื่องราวจากคัมภีร์อัลกุรอานและหะดีษอีกด้วย  เพราะเนื้อหาบางส่วนในอัลกุรอานและหะดีษกอรปไปด้วยเรื่องความดีงามและโศฏนาฏกรรมต่างๆของบรรดานบีและคนซอและห์ทั้งสิ้น
มีมุสลิมคนใดบ้างที่พอใจกับตัวเองต่อความโง่เขลาที่มีความเชื่อเช่นนี้ หรือจะเลือกเป็นคนตาบอดเช่นนี้ เราขอความคุ้มครองต่ออัลลอฮ์ให้พ้นจากความโง่เขลาของคนเบาปัญญาที่คิดเช่นนี้ด้วยเถิด  


สรุป -

การพูดหรือบรรยายถึงคนตายที่เป็นคนดี ด้วยการเผยแผ่ความดีงามและรำลึกถึงมุซีบัตของเขา เป็นสิ่งที่อะฮ์ลุลบัยต์และซอฮาบะฮ์ได้กระทำไว้เป็นแบบอย่าง
ชื่อ: Re:1 มุหัรรอม ฮ.ศ.1431 รำลึกโศกนาฎกรรมในวันอาชูรอ
โดย: L-umar เมื่อ พฤศจิกายน 20, 2009, 09:00:10 ก่อนเที่ยง

มุหัรร็อม ตอน 10 :  

การนั่งเศร้าไว้อาลัยให้มัยยิต(คนตาย) เนื่องจากนึกถึงความหลังเก่าๆและสำนึกในบุญคุณของคนตาย

بِسْمِ اللّـــــهِ الرَّحْمَنِ الرَّحِيْمِ



เรื่องที่ 2  -

การนั่งเศร้าไว้อาลัยให้มัยยิต(คนตาย) เนื่องจากนึกถึงความหลังเก่าๆและสำนึกในบุญคุณของคนตาย



หลักฐานที่มีน้ำหนักมากที่สุดเรื่องอนุญาติให้กระทำเช่นนี้ได้คือ หะดีษมุตะวาติรที่รายงานว่า ท่านนบีมุฮัมมัดมีความเศร้าใจมากที่สุดเมื่อต้องสูญเสียลุงอบูตอลิบและภรรยาชื่อคอดีญะฮ์บุคคลอันเป็นสุดที่รักยิ่งไปในภายปีเดียวกันคือปีที่ 10 ฮิจเราะฮ์ศักราช จนท่านนบีฯตั้งชื่อปีนั้นว่า عَامُ الْحُزْنِ – แปลว่า ปีแห่งความเศร้า


หะดีษที่รายงานเรื่องท่านนบีนั่งเศร้านึกถึงคนตาย


عن عَائِشَةَ - رضى الله عنها - تَقُولُ لَمَّا جَاءَ قَتْلُ ابْنِ حَارِثَةَ وَجَعْفَرِ بْنِ أَبِى طَالِبٍ وَعَبْدِ اللَّهِ بْنِ رَوَاحَةَ - رضى الله عنهم - جَلَسَ رَسُولُ اللَّهِ - صلى الله عليه وسلم - يُعْرَفُ فِيهِ الْحُزْنُ


ท่านหญิงอาอิชะฮ์เล่าว่า :

เมื่อ(เซด) อิบนุฮาริษะฮ์, ญะอ์ฟัร บินอบีตอลิบและอับดุลลอฮ์ บิน ร่อวาฮะฮ์ถูกสังหาร ( ที่สงครามมุอ์ตะฮ์ เมืองช่าม )  ท่านรอซูลุลลอฮ์นั่ง(อยู่ในมัสญิด ที่ใบหน้าท่าน) เป็นที่รู้ดีว่ามีความเศร้าเสียใจ

ซอฮีฮุลบุคอรี  หะดีษที่ 4263 และซอฮี๊ฮฺมุสลิม หะดีษที่ 2204

عَنْ عَائِشَةَ قَالَتْ لَمَّا قُتِلَ زَيْدُ بْنُ حَارِثَةَ وَجَعْفَرٌ وَعَبْدُ اللَّهِ بْنُ رَوَاحَةَ جَلَسَ رَسُولُ اللَّهِ -صلى الله عليه وسلم- فِى الْمَسْجِدِ يُعْرَفُ فِى وَجْهِهِ الْحُزْنُ وَذَكَرَ الْقِصَّةَ.

ท่านหญิงอาอิชะฮ์เล่าว่า :

เมื่อ(เซด)อิบนุ ฮาริษะฮ์, ญะอ์ฟัร บิน อบีตอลิบและอับดุลลอฮ์ บิน ร่อวาฮะฮ์ถูกสังหาร(ที่สงครามมุอ์ตะฮ์ เมืองช่าม )   ท่านรอซูลุลลอฮ์นั่งอยู่ในมัสญิด ที่ใบหน้าท่านเป็นที่รู้ว่ามีความเศร้าโศกเสียใจ

สถานะหะดีษ : เศาะหิ๊หฺ  

ดูซอฮีฮุอบีดาวูด หะดีษที่ 2678  ตรวจทานโดยเชคอัลบานี


عَنْ أَنَسٍ - رضى الله عنه - قَالَ قَنَتَ رَسُولُ اللَّهِ - صلى الله عليه وسلم - شَهْرًا حِينَ قُتِلَ الْقُرَّاءُ ، فَمَا رَأَيْتُ رَسُولَ اللَّهِ - صلى الله عليه وسلم - حَزِنَ حُزْنًا قَطُّ أَشَدَّ مِنْهُ

ท่านอะนัสเล่าว่า  :  

ท่านรอซูลุลลอฮฺ(ศ)อ่านดุอากุนูตประมาณ 1 เดือน (สาเหตุเนื่องจาก) นักท่องจำอัลกุรฺอานถูกสังหาร ซึ่งฉัน(ผู้เล่า) ไม่เคยเห็นท่านรอซูลุลลอฮ์โศกเศร้าเสียใจครั้งใดที่รุนแรงมากไปกว่าครั้งนั้นเลย      

ซอฮีฮุลบุคอรี  หะดีษที่ 1300


หะดีษเช่นนี้มีมากมาย หากมีผู้แย้งว่า การพรรณาเศร้าโศกถึงคนตายมันก็ดีอยู่ แต่ไม่ควรพร่ำพรื่อบ่อยครั้ง หากผู้ตายนั้นเสียชีวิตไปนานแล้ว  
 
ตอบ –
ไม่ว่าจะพึ่งตายหรือตายนานแล้ว ก็ไม่แตกต่างกัน เพราะเมื่อใดที่นึกถึงเขา ก็ย่อมเกิดความรู้สึกเศร้าเสียใจได้เสมอ
ชื่อ: Re:1 มุหัรรอม ฮ.ศ.1431 รำลึกโศกนาฎกรรมในวันอาชูรอ
โดย: L-umar เมื่อ พฤศจิกายน 23, 2009, 01:55:01 หลังเที่ยง

มุหัรร็อม ตอน 11 :  

การนั่งเศร้าไว้อาลัยให้มัยยิต(คนตาย)
เนื่องจากนึกถึงความหลังเก่าๆและสำนึกในบุญคุณของคนตาย

بِسْمِ اللّـــــهِ الرَّحْمَنِ الرَّحِيْمِ

ประเพณีของชาวเมืองมะดีนะฮ์

ชาวมะดีนะฮ์มีประเพณีหนึ่งคือ  เมื่อมีการตายเกิดขึ้นและมีการร่ำไห้แก่มัยยิต  พวกเขาจะไว้ทุกข์ให้กับท่านฮัมซะฮ์ก่อน จนเป็นประเพณีที่ทำกันเรื่อยมา  แต่เราพบว่าหะดีษที่บันทึกเรื่องนี้มีรายงานไว้หลายลักษณะ ที่ต้องอาศัยคำอธิบายจากนักวิชาการในแต่ละหะดีษดังนี้

عَنِ إبْنِ عَبَّاس قَالَ : لَمَّا رَجَعَ رَسُولُ الله صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ مِنْ أُحُد بَكَتْ نِسَاءُ الْأَنْصَارِ عَلَي شُهَدَائِهِمْ فَبَلَغَ ذلِكَ النَّبِيُّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ فَقَالَ : لَكِنْ حَمْزَةُ لاَ بَوَاكِيَ لَهُ  فَرَجَعَتِ الْأَنْصَارُ فَقَالُوْا لِنِسَائِهِمْ لاَ تَبْكِيْنَ أَحَدًا  حَتَّي تَبْدَأْنَ بِحَمْزَة   قَالَ : فَذَاكَ فِيْهِمْ إِلَي الْيَوْمِ لاَ يَبْكِيْنَ مَيِّتًا إِلاَّ بَدَأْنَ بِحَمْزَة

ท่านอิบนุ อับบาสเล่าว่า :

เมื่อท่านรอซูลุลลอฮฺกลับจากสงครามอุฮุด  พวกสตรีชาวอันศ็อรได้ร้องไห้ให้กับบรรดาชะฮีด(ที่เป็นญาติพี่น้อง)ของพวกนาง เมื่อท่านนบีได้ทราบเรื่อง  ท่านกล่าวว่า : แต่ฮัมซะฮ์ล่ะ ไม่มีใครร้องไห้ให้เขาเลย   ชาวอันศ็อรจึงกลับไปบอกกับพวกผู้หญิงของพวกเขาว่า  พวกเธอจงอย่าร้องไห้ให้กับผู้ตายคนใด จนกว่าจะร้องไห้ให้กับท่านฮัมซะฮ์เสียก่อน
ท่านอิบนุอับบาสเล่าว่า : สิ่งนั้น(การร้องไห้ให้กับท่านฮัมซะฮ์)ได้กระทำกัน(เป็นประเพณี)ในหมู่พวกเขาจนมาถึงวันนี้  พวกนางจะไม่ร้องไห้ให้มัยยิตใด นอกจากจะเริ่มต้นด้วยการร้องไห้ให้กับท่านฮัมซะฮ์ก่อน
อ้างอิงจากหนังสือ
มัจญ์มะอุซ-ซะวาอิด  เล่ม 6 หะดีษที่ 10110  รายงานโดยอัฏ-ฏ็อบรอนี
สถานะหะดีษ : นักรายงานทั้งหมดเชื่อถือได้ ยกเว้นยะห์ยา บินมุฏี๊อฺ อัชชัยบานีนั้นไม่รู้จักเขา


จะเห็นได้ว่า ท่านนบีมุฮัมมัดได้ตำหนิเหล่าซอฮาบียะฮ์ว่า ทำไมไม่มีใครร้องไห้ให้กับหัวหน้าของชะฮีดทั้งหลายบ้างล่ะ  ดังนั้นบรรดาซอฮาบียะฮ์จึงร้องไห้ให้กับท่านฮัมซะฮ์จนกลายเป็นประเพณีเรื่อยมา
ชื่อ: Re:1 มุหัรรอม ฮ.ศ.1431 รำลึกโศกนาฎกรรมในวันอาชูรอ
โดย: L-umar เมื่อ พฤศจิกายน 23, 2009, 01:59:32 หลังเที่ยง

มุหัรร็อม ตอน 12 :  

การนั่งเศร้าไว้อาลัยให้มัยยิต(คนตาย)
เนื่องจากนึกถึงความหลังเก่าๆและสำนึกในบุญคุณของคนตาย


بِسْمِ اللّـــــهِ الرَّحْمَنِ الرَّحِيْمِ

عَنِ ابْنِ عُمَر رضي الله عنهما قَالَ : رَجَعَ رَسُوْلُ الله صلى الله عليه و سلم يَوْمَ أُحُد فَسَمِعَ نِسَاءَ بَنِيْ عَبْدِ الْأَشْهَلِ يَبْكِيْنَ عَلَى هَلْكَاهُنَّ فَقَالَ : لَكِنَّ حَمْزَة لَا بَوَاكِيَ لَهُ

ท่านอิบนุอุมัรเล่าว่า :

เมื่อท่านรอซูลุลลอฮ์กลับจากสงครามอุฮุด ท่านได้ยินเสียงของสตรีเผ่าอับดุลอัชฮัลกำลังร้องไห้ให้กับ(ญาติพี่น้องที่)ถูกสังหารของพวกนาง ท่านจึงกล่าวว่า " แต่ฮัมซะฮ์ล่ะ ไม่มีใครร้องไห้ให้เขาเลย "

สถานะหะดีษ : ฮาซัน
ดูอัลมุสตัดร็อก อัลฮากิม เล่ม 3 หะดีษที่ 4891 ฉบับตรวจทานโดยท่านอัซซะฮะบี
และซอฮีฮุอิบนิมาญะฮ์ หะดีษที่ 1293 ตรวจทานโดยเชคอัลบานี


قَوْلُهُ  - صَلَّى اللهُ عليه وسلم - :  « لَكِنَّ حَمْزْةَ لاَ بَوَاكِىَ لَهُ » ، فَدَلَّ عَلَى جَوَازِ الْبُكاَءِ عَلَى الْمَيِّتِ بَعْدَ مَوْتِهِ.    الكتاب : شرح البخاري لابن بطال ج 5 ص 323


ท่านเชค อิบนุบัฏฏ็อลกล่าวว่า :

จากคำที่ท่านนบีฯกล่าวว่า  " แต่ฮัมซะฮ์ล่ะ ไม่มีใครร้องไห้ให้เขาเลย " คือหลักฐานแสดงว่า อนุญาติให้ร้องไห้แก่มัยยิตได้
     
ดูชัรฮุลบุคอรี โดยอิบนุ บัฏฏ็อล เล่ม 5 หน้า 323 หะดีษที่ 48


عَنْ ابْنِ عُمَر \\\" أَنَّ رَسُول اللَّه صَلَّى اللَّه عَلَيْهِ وَسَلَّمَ مَرَّ بِنِسَاءِ بَنِي عَبْد الْأَشْهَل يَبْكِينَ هَلْكَاهُنَّ يَوْم أُحُد فَقَالَ : لَكِنَّ حَمْزَة لَا بَوَاكِيَ لَهُ . فَجَاءَ نِسَاء الْأَنْصَار يَبْكِينَ حَمْزَة ،
فَاسْتَيْقَظَ رَسُول اللَّه صَلَّى اللَّه عَلَيْهِ وَسَلَّمَ فَقَالَ : وَيْحهنَّ ، مَا اِنْقَلَبْنَ بَعْدُ ، مُرُوهُنَّ فَلْيَنْقَلِبْنَ ، وَلَا يَبْكِينَ عَلَى هَالِك بَعْد الْيَوْم \\\"  ( حسن صحيح )      صحيح ابن ماجة - (ج 1 / ص ُ  


ท่านอิบนุ อุมัรเล่าว่า :

แท้จริงท่านรอซูลุลลอฮ์(กลับจากสงครามอุฮุด) ท่านเดินผ่านพวกสตรีของ(เผ่า)อับดุลอัชฮัลซึ่งกำลังร้องไห้ให้กับ(ญาติพี่น้องที่)ถูกสังหารของพวกนางในวันอุฮุด ท่านรอซูลุลลอฮฺจึงกล่าวว่า " แต่ฮัมซะฮ์ล่ะ ไม่มีใครร้องไห้ให้เขาเลย " สตรีชาวอัน  ศ็อรจึงมาร้องไห้ให้กับท่านฮัมซะฮ์
ท่านรอซูลุลลอฮ์ได้ตื่นขึ้นมาแล้วกล่าวว่า โอ้อนิจจาพวกนางเอ๋ย จะเป็นอะไรหากพวกนางต้องเปลี่ยนไปหลังจากนี้  พวกท่านจงสั่งให้พวกนางเปลี่ยน พวกนางจะต้องไม่ร้องไห้แก่คนตายหลังจากวันนี้อีก  

สถานะหะดีษ : ซอฮี๊ฮฺ
ดูซอฮีฮุอิบนิ มาญะฮ์ เล่ม 1 หะดีษที่ 1293  ตรวจทานโดยเชคอัลบานี


ท่านอัลบัยฮะกีกล่าวว่า :

คิดว่า ผู้ตายในที่นี้หมายถึง บรรดาผู้ตายชะฮีดในสงครามอุฮุด อย่างกับท่านนบีฯต้องการบอกกับสตรีชาวอันศ็อรเหล่านั้นว่า พวกเธอหยุดร้องไห้ให้กับบรรดาชะฮีดได้แล้ว และมีรายงานว่า อนุญาติให้ร้องไห้แก่ผู้ล่วงลับไปแล้วด้วยน้ำตา ด้วยจิตใจทุกข์ระทม ซึ่งเป็นหะดีษของญาบิร บินอะตี๊ก  วัลลอฮุ อะอ์ลัม  

อ้างอิงจากหนังสือสุนัน อัลบัยฮะกี เล่ม 2 หน้า  412


จะไม่เหมาะสมสำหรับมวลมุสลิมหรือ  ที่จะปลอบใจท่านนบีมุฮัมมัดด้วยการแสดงความเสียใจให้กับหลานรักของท่านคืออิม่ามฮูเซน อะลัยฮิสลาม

หากผู้ใดได้ศึกษาถ้อยคำของบรรดาอิม่ามแห่งอะฮ์ลุลบัยต์ในเรื่องนี้  เขาจะพบว่าบรรดาอิม่ามได้กล่าว,ได้กระทำและให้การยอมรับสิ่งนี้มาโดยตลอด  เพียงแต่เราต้องการชี้แจงให้หมู่ชนที่ไม่เข้าใจซุนนะฮ์อย่างแท้จริงได้รับฟังเท่านั้นเอง
ชื่อ: Re:1 มุหัรรอม ฮ.ศ.1431 รำลึกโศกนาฎกรรมในวันอาชูรอ
โดย: L-umar เมื่อ พฤศจิกายน 23, 2009, 02:03:38 หลังเที่ยง


มุหัรร็อม ตอน 13 :  


การร้องไห้ให้คนตาย

بِسْمِ اللّـــــهِ الرَّحْمَنِ الرَّحِيْمِ

เรื่องที่ 3  - การร้องไห้ให้คนตาย(ที่ซอและห์)


ท่านนบียะอ์กูบ อะลัยฮิสสลามร้องไห้ต่อการสูญเสียยูสุฟบุตรชายจนตาบอด และอัลลอฮ์มิทรงตำหนิความเศร้าของท่าน  

อัลลอฮ์ ตะอาลาทรงตรัสว่า


وَتَوَلَّى عَنْهُمْ وَقَالَ يَا أَسَفَى عَلَى يُوسُفَ وَابْيَضَّتْ عَيْنَاهُ مِنَ الْحُزْنِ فَهُوَ كَظِيمٌ

และยะอ์กูบได้ผินหลังให้พวกลูกๆ (พวกพี่ของยูสุฟ) และเขากล่าวว่า  โอ้อนิจจา ยูสุฟเอ๋ย !  และตาทั้งสองข้างของเขา ขุ่นมัวเนื่องจากความเศร้าโศกและเขาเป็นผู้อดกลั้น  

ซูเราะฮฺ ยูสุฟ : 84


عَنِ الْحَسَنِ - رَضِيَ اللهُ عَنْهُ – قَالَ : كَانَ مُنْذُ خَرَجَ يُوْسُفُ (ع) مِنْ عَنْدَ يَعْقُوْب (ع) إِلَى يَوْمِ رَجَعَ، ثَمَانُوْنَ سَنَةً لَمْ يُفَارِق الْحُزْنُ قَلْبَهُ، وَدُمُوْعَهُ تَجْرِيْ عَلَى خَدَّيْهِ. وَلَمْ يَزِلْ يَبْكِيْ حَتَّى ذَهَبَ بَصَرُهُ  
تفسير الدر المنثور للسيوطي  ج 5  ص 437

ท่านฮาซัน บินอะลีเล่าว่า :
นับตั้งแต่นบียูสุฟจากนบียะอ์กูบไป จนได้กลับมาพบกันอีกเป็นระยะเวลาถึง 80 ปี จิตใจของนบียะอ์กูบไม่เคยว่างเว้นจากความทุกข์ระทมเลย เขามีน้ำตาไหลอาบแก้มทั้งสอง และเขายังคงร่ำไห้จนตาบอด  
 
ดูตัฟสีรอัด-ดุรรุล มันษูร  ซูเราะฮ์ยุสุฟ : 84  โดยสิยูตี เล่ม 5 หน้า  437


{ وَتَرَكْنَا يُوسُفَ عِنْدَ مَتَاعِنَا فَأَكَلَهُ الذِّئْبُ } فَلَمَّا قَالُوْا هَذَا الْقَوْلَ : بَكَى يَعْقُوْبُ ، وَصَاحَ بِأَعْلَى صَوْتَهُ : ثُمَّ قَالَ : أَيْنَ قَمِيْصُهُ ؟ فَأَخَذَ الْقَمِيْصَ وَبَكَى  ...وَرَوَى سِمَاك ، عَنْ عَامِر.

อัลลอฮ์ทรงตรัสเล่าว่า เมื่อพวกพี่ของนบียูสุฟเล่าให้บิดาฟังว่า ( พวกเราปล่อยยูสุฟไว้ที่สิ่งของของเรา แล้วสุนัขป่าได้มากินเขา ) พอพวกเขาพูดคำพูดนี้ออกมา นบียะอ์กู๊บก็ร้องไห้เสียงดังลั่น ท่านถามว่า :  เสื้อยูสุฟอยู่ไหน ? ท่านจับเสื้อนั้นแล้วก็ร้องไห้....

ดูตัฟสีรบะห์รุลอุลูม  อัส-สะมัรก็อนดี เล่ม 2 หน้า 369  ซูเราะฮ์ยูสุฟ โองการ 17


ท่านบัยฎอวีอธิบายโองการ

 " ดวงตาทั้งสองของยะอ์กูบขาวพร่ามัวเนื่องจากเศร้านั้น " เนื่อจากท่านร้องไห้มากเพราะความทุกข์ นี่คือหลักฐานแสดงว่า อนุญาติให้เสียใจและร้องไห้ได้เมื่อต้องเผชิญกับความเจ็บปวด(เช่นสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักยิ่ง)


ท่านยะอ์กูบเป็นศาสดา ท่านย่อมไม่ทำสิ่งฮะร่าม นี่คือหลักฐานจากอัลกุรอานที่แสดงว่า อัลลอฮ์ทรงอนุญาติให้ร้องไห้ได้เมื่อต้องสูญเสียคนที่เรารัก
ชื่อ: Re:1 มุหัรรอม ฮ.ศ.1431 รำลึกโศกนาฎกรรมในวันอาชูรอ
โดย: L-umar เมื่อ พฤศจิกายน 23, 2009, 02:06:50 หลังเที่ยง

มุหัรร็อม ตอน 14 :  

การร้องไห้ให้คนตาย

بِسْمِ اللّـــــهِ الرَّحْمَنِ الرَّحِيْمِ

เรื่องที่ 3  - การร้องไห้ให้คนตาย(ที่ซอและห์)


ท่านนบีมุฮัมมัดกับการร้องไห้ให้มัยยิต โดยเฉพาะผู้ตายที่เรียกว่า ชะฮีด


หะดีษมุตะวาติรรายงานว่า ท่านนบี ฯได้ร้องไห้ให้มัยยิตและชะฮีดหลายครั้งหลายหนด้วยกันดังนี้


1 –  ท่านนบีมุฮัมมัดร้องไห้ให้กับท่านอบู ตอลิบ

أَخْبَرَنَا مُحَمَّدُ بْنُ عُمَرَ قَالَ : حَدَّثَنِيْ مُعَاوِيَّةُ بْنُ عَبْدِ اللهِ بْنِ عُبَيْدِ اللهِ بْنِ أَبِيْ رَافِعٍ عَنْ أَبِيْهِ عَنْ جَدِّهِ عَنْ عَلِيٍّ قَالَ : أُخْبِرَتْ رَسُوْلُ اللهِ، صَلَّى الله عليه وسلم، بِمَوْتِ أَبِيْ طَالِبٍ فَبَكَى ثُمَّ قَالَ: اِذْهَبْ فَاغْسِلْهُ وَكَفَّنْهُ وَوَارِهِ، غَفَرَ اللهُ لَهُ وَرَحِمَهُ! قَالَ: فَفَعَلْتُ مَا قَالَ...


ท่านอะลีเล่าว่า :


พอท่านนบีรู้ข่าวการตายของลุง ท่านร้องไห้และบอก(กับท่านอะลี)ว่า จงไปอาบน้ำฆุซุ่ลให้เขา  กะฝั่น(ห่อศพ)ให้เขาและจัดการฝังเขาเสีย  

ขออัลลอฮ์ทรงอภัยแก่เขาและทรงเมตตาเขาด้วย ท่านอะลีเล่าว่า แล้วฉันได้จัดการตามที่ท่านกล่าว...  

อ้างอิงจากหนังสือ

ฏ็อบกอตุลกุบรอ  โดยอิบนุ สะอัด เล่ม  1 : 123  
ชื่อ: Re:1 มุหัรรอม ฮ.ศ.1431 รำลึกโศกนาฎกรรมในวันอาชูรอ
โดย: L-umar เมื่อ พฤศจิกายน 23, 2009, 02:08:34 หลังเที่ยง

มุหัรร็อม ตอน 15 :  

การร้องไห้ให้คนตาย

بِسْمِ اللّـــــهِ الرَّحْمَنِ الرَّحِيْمِ

เรื่องที่ 3  - การร้องไห้ให้คนตาย(ที่ซอและห์)


2 –  ท่านนบีมุฮัมมัดร้องไห้ให้กับท่านญะอ์ฟัรฏ็อยย้าร,เซด บินฮาริษะฮ์และอับดุลเลาะฮ์ บินร่อวาฮะฮ์


عَنْ أَنَس : أَنَّ النَّبِيَّ (ص) نَعَى زَيْدًا ، وَجَعْفَرًا ، وَابْنَ رَوَاحَةَ ، لِلنَّاسِ ، قَبْلَ أَنْ يَأْتِيَهُمْ خَبَرُهُمْ ، فَقَالَ : أَخَذَ الرَّايَةَ زَيْدٌ فَأُصِيبَ ، ثُمَّ أَخَذَ جَعْفَرٌ فَأُصِيبَ ، ثُمَّ أَخَذَ ابْنُ رَوَاحَةَ فَأُصِيبَ ، وَعَيْنَاهُ تَذْرِفَانِ ، حَتَّى أَخَذَهَا سَيْفٌ مِنْ سُيُوفِ اللهِ ، حَتَّى فَتَحَ اللهُ عَلَيْهِمْ

ท่านอะนัสเล่าว่า :

แท้จริงท่านนบีได้แจ้งข่าวการเสียชีวิตของเซด(บินฮาริษะฮ์),ญะอ์ฟัร(ต็อยยาร)และ(อับดุลลอฮ์) อิบนุ ร่อวาฮะฮ์ต่อหน้าประชาชน ก่อนที่ข่าวจะมาถึงพวกเขา โดยท่านกล่าวว่า เซดนำธงออกไปรบแล้วก็ถูกสังหาร ต่อมาญะอ์ฟัรถือธงออกไปรบแล้วก็ถูกสังหาร แล้วอิบนุร่อวาฮะฮ์ถือธงออกไปรบก็ถูกสังหาร (ในขณะเล่า) ท่านก็มีน้ำตาไหลออกมาจากดวงตาทั้งสอง    
 
ดูซอฮีฮุลบุคอรี  หะดีษที่ 1246
ชื่อ: Re:1 มุหัรรอม ฮ.ศ.1431 รำลึกโศกนาฎกรรมในวันอาชูรอ
โดย: L-umar เมื่อ พฤศจิกายน 25, 2009, 08:54:20 ก่อนเที่ยง

มุหัรร็อม ตอน 16 :  

การร้องไห้ให้คนตาย

بِسْمِ اللّـــــهِ الرَّحْمَنِ الرَّحِيْمِ

เรื่องที่ 3  - การร้องไห้ให้คนตาย(ที่ซอและห์)

3 – ท่านนบีมุฮัมมัด(ศ)ร้องไห้ให้กับอิบรอฮีมบุตรชาย

عَنْ أَنَسِ بْنِ مَالِكٍ - رضى الله عنه - ...فَقَالَ لَهُ عَبْدُ الرَّحْمَنِ بْنُ عَوْفٍ - رضى الله عنه - وَأَنْتَ يَا رَسُولَ اللَّهِ فَقَالَ « يَا ابْنَ عَوْفٍ إِنَّهَا رَحْمَةٌ » . ثُمَّ أَتْبَعَهَا بِأُخْرَى فَقَالَ - صلى الله عليه وسلم - « إِنَّ الْعَيْنَ تَدْمَعُ ، وَالْقَلْبَ يَحْزَنُ ، وَلاَ نَقُولُ إِلاَّ مَا يَرْضَى رَبُّنَا ، وَإِنَّا بِفِرَاقِكَ يَا إِبْرَاهِيمُ لَمَحْزُونُونَ »


ท่านอับดุลเราะห์มาน บินเอาฟ์กล่าวกับท่านนบี(ศ)ว่า :

โอ้ท่านรอซูลุลลอฮ์ (ท่านร้องไห้ด้วยหรือ ) ?  

ท่านตอบว่า :  โอ้อิบนุเอาฟ์ น้ำตาคือเราะห์มัต  แล้วท่าน(ศ)กล่าวว่า : แท้จริงดวงตานั้นร่ำไห้  จิตใจก็อาดูร   และเราจะไม่กล่าวสิ่งใดนอกจากสิ่งที่อัลลอฮ์พึงพอพระทัย  แน่นอนโอ้อิบรอฮีมเอ๋ย  การจากไปของเจ้า ช่างทำให้เราทุกข์ระทมยิ่งนัก

ดูซอฮีฮุลบุคอรี  หะดีษที่ 1303


จะเห็นได้ว่า หะดีษนี้ ท่านนบี (ศ) ได้เรียกน้ำตาว่า " เราะห์มะฮ์ - ความเมตตาสงสาร "  นั่นคือหลักฐานแสดงว่า การร้องไห้แก่คนตายเป็นสิ่งดี
แต่จะเป็นสิ่งฮะร่ามก็ต่อเมื่อ  เรากล่าวสิ่งที่ทำให้อัลลอฮ์ไม่ทรงพอพระทัย

และนี่คือคำพูดและการกระทำของท่านนบีมุฮัมมัด (ศ)
ชื่อ: Re:1 มุหัรรอม ฮ.ศ.1431 รำลึกโศกนาฎกรรมในวันอาชูรอ
โดย: L-umar เมื่อ พฤศจิกายน 25, 2009, 09:00:21 ก่อนเที่ยง

มุหัรร็อม ตอน 17 :  

การร้องไห้ให้คนตาย

بِسْمِ اللّـــــهِ الرَّحْمَنِ الرَّحِيْمِ

เรื่องที่ 3  - การร้องไห้ให้คนตาย(ที่ซอและห์)

4- ท่านนบีมุฮัมมัดไปเยี่ยมสุสานมารดา และร้องไห้ทั้งๆที่มารดาเสียชีวิตไปนานแล้ว

عَنْ أَبِى هُرَيْرَةَ قَالَ زَارَ النَّبِىُّ -صلى الله عليه وسلم- قَبْرَ أُمِّهِ فَبَكَى وَأَبْكَى مَنْ حَوْلَهُ

ท่านอบูฮุร็อยเราะฮ์เล่าว่า :

ท่านรอซูลุลลอฮ์ (ศ) ได้ไปเยี่ยมสุสานมารดาของท่าน (คือท่านหญิงอามินะฮ์ ) ท่านได้ร้องไห้และทำให้ผู้คนที่อยู่รายรอบท่านร้องไห้ตามไปด้วย

ดูซอฮี๊ฮฺมุสลิม  หะดีษที่ 2304


หะดีษนี้เป็นหลักฐานถึงสองประการคือ

หนึ่ง-   ท่านนบี(ศ)ร้องไห้ให้กับมารดาที่เสียชีวิตไปตอนท่านมีอายุหกขวบ
สอง-   เมื่อซอฮาบะฮ์ร้องไห้ตามท่าน  ท่านกลับไม่ห้ามปรามพวกเขา

และที่สำคัญฝ่ายอะฮ์ลุสซุนนะฮ์เชื่อว่า มารดาของท่านนบีนั้นเป็นมุชริก(ไม่ใช่มุสลิม) นั่นหมายความว่าท่านนบี(ศปได้ร้องไห้ให้กับมุชริก

(ขออัลลอฮ์โปรดให้อภัยแก่เราด้วยที่ยกตัวอย่างเช่นนี้ เพราะผู้ยึดมั่นในแนวทางอะฮ์ลุลบัยต์นบีมีความเชื่อว่า  มารดาของท่านนบี(ศ)นั้นเป็นผู้ศรัทธาในดีนฮะนีฟียะฮ์ มิใช่กาเฟ็ร.)
ชื่อ: Re:1 มุหัรรอม ฮ.ศ.1431 รำลึกโศกนาฎกรรมในวันอาชูรอ
โดย: L-umar เมื่อ พฤศจิกายน 25, 2009, 09:09:37 ก่อนเที่ยง

มุหัรร็อม ตอน 18 :  

การร้องไห้ให้คนตาย

بِسْمِ اللّـــــهِ الرَّحْمَنِ الرَّحِيْمِ

เรื่องที่ 3  - การร้องไห้ให้คนตาย(ที่ซอและห์)

5- ซอฮาบะฮ์ร้องไห้ให้กับการเสียชีวิตของครอบครัวท่านนบีมุฮัมมัด(ศ)


أَخْبَرَنَا عَلِىُّ بْنُ حُجْرٍ قَالَ حَدَّثَنَا إِسْمَاعِيلُ (ابْنُ جَعْفَرٍ ) عَنْ مُحَمَّدِ بْنِ عَمْرِو بْنِ حَلْحَلَةَ عَنْ مُحَمَّدِ بْنِ عَمْرِو بْنِ عَطَاءٍ أَنَّ سَلَمَةَ بْنَ الأَزْرَقِ قَالَ سَمِعْتُ أَبَا هُرَيْرَةَ قَالَ  : مَاتَ مَيِّتٌ مِنْ آلِ رَسُولِ اللَّهِ -صلى الله عليه وسلم- فَاجْتَمَعَ النِّسَاءُ يَبْكِينَ عَلَيْهِ فَقَامَ عُمَرُ يَنْهَاهُنَّ وَيَطْرُدُهُنَّ فَقَالَ رَسُولُ اللَّهِ -صلى الله عليه وسلم- « دَعْهُنَّ يَا عُمَرُ فَإِنَّ الْعَيْنَ دَامِعَةٌ وَالْقَلْبَ مُصَابٌ وَالْعَهْدَ قَرِيبٌ ».


ท่านอบูฮุร็อยเราะฮ์เล่าว่า :

มีมัยยิตจากครอบครัวของท่านรอซูลุลลอฮ์คนหนึ่งเสียชีวิต บรรดาสตรี(ซอฮาบะฮ์หญิง)ได้ร่วมกันร้องไห้ให้เขา  ท่านอุมัรจึงลุกขึ้นไปห้ามปรามพวกนางและไล่พวกนาง  

ท่านรอซูล(ศ)กล่าวว่า :
โอ้อุมัร  จงปล่อยพวกนางเถิด เพราะดวงตานั้นร่ำไห้ ส่วนดวงใจก็รู้สึกอาดูร และเวลาเพิ่งเกิดขึ้นหมาดๆ

ดูสุนัน-นะซาอี หะดีษที่ 1870  



เมื่อท่านได้ศึกษาหะดีษทั้งหมดที่ผ่านมาจึงขอถามว่า ยังจะมีมุสลิมคนใดที่ไม่ยอมรับเรื่องการร้องไห้ให้กับคนตายอีกไหม หลังจากที่พบหลักฐานยืนยันทั้งคำพูดและการกระทำของท่านนบีมุฮัมมัด(ศ)แล้ว ดังที่อัลลอฮ์ ตะอาลาทรงตรัสว่า

وَمَن يَرْغَبُ عَن مِّلَّةِ إِبْرَاهِيمَ إِلاَّ مَن سَفِهَ نَفْسَهُ

และใครเล่าจะไม่พึงปรารถนาในแนวทางของอิบรอฮีม นอกจากผู้ที่ทำตัวเองโง่เขลาเท่านั้น  
ซูเราะฮ์อัลบะเก็าะเราะฮ์  : 130



สรุป เรื่องร้องไห้ให้มัยยิตมุสลิม

1 - อัลลอฮ์ทรงอนุญาติให้มุสลิมร้องไห้ได้ เพราะนบียะอ์กูบร้องไห้และอัลลอฮ์มิทรงบัญญัติห้ามไว้

2 – การร้องไห้ให้คนตายเป็นซุนนะฮ์ของท่านนบี(ศ)และซอฮาบะฮ์  ผู้ใดไม่เห็นด้วย ก็เท่ากับผู้นั้นไม่ยอมรับการกระทำของท่านนบี(ศ)และซอฮาบะฮ์  และเขาได้ฝ่าฝืนธรรมชาติความเป็นมนุษย์สู่ความเป็นสัตว์ดุร้ายที่มีจิตใจป่าเถื่อนไร้เมตตา

3 – เมื่ออิสลามอนุญาติให้ร้องไห้แก่มัยยิตธรรมดาได้ อิสลามก็ต้องอนุญาตให้ร้องไห้แก่ผู้ตายชะ ฮีดอย่างท่านอิม่ามฮูเซนได้ เพราะท่านคือหัวหน้าแห่งมวลผู้ศรัทธาและบรรดาชายหนุ่มในสวรรค์ ยิ่งกว่านั้น การร้องไห้ให้ท่านอิม่ามฮูเซนยังเป็นการแสวงหาความใกล้ชิดกับอัลลอฮ์อีกหนทางหนึ่งด้วย  

4 -  บรรดาอิม่ามแห่งอะฮ์ลุลบัยต์ต่างไว้ทุกข์และร่ำไห้ให้กับท่านอิม่ามฮูเซน และพวกท่านได้สั่งให้ผู้มีความรักต่ออะฮ์ลุลบัยต์จัดมัจลิสในเดือนมุหัรร็อมเพื่อรำลึกถึงโศฏนาฏกรรมของท่านอิม่ามฮูเซน มาทุกยุคทุกสมัย และให้การสนับสนุนมาโดยตลอด.
ชื่อ: Re:1 มุหัรรอม ฮ.ศ.1431 รำลึกโศกนาฎกรรมในวันอาชูรอ
โดย: L-umar เมื่อ พฤศจิกายน 25, 2009, 09:21:26 ก่อนเที่ยง

มุหัรร็อม ตอน 19 :  

เรื่องที่ 4  - มะระเซี่ย  (บทกลอนรำพันถึงคนตาย)

بِسْمِ اللّـــــهِ الرَّحْمَنِ الرَّحِيْمِ

ชาวอาหรับเรียกกลอนที่แต่งไว้อาลัยแก่คนตายว่า  

ริซาอ์    رِثَاءٌ    หรือ   มะระเซี่ย   مَرَثِـيْه


เรื่องมะระเซี่ย ฝ่ายอะฮ์ลุสซุนนะฮ์แบ่งออกเป็น 2 ทัศนะคือ

1.   ถ้ามะระเซี่ยกระตุ้นให้เกิดความเศร้าและเจ็บปวดใจ ถือว่าฮะร่าม

2.   ถ้าไม่เป็นเหตุดังข้อหนึ่ง  อนุญาติให้แต่งมะระเซี่ยแก่มัยยิตได้


แต่ที่ถูกต้องคือ การแต่งมะระเซี่ยเป็นเรื่องที่อิสลามอนุญาติโดยไม่มีขอบเขตจำกัด  เพราะไม่มีหลักฐานใดมาจำกัด   มะระเซี่ยมีมาแต่โบราณแต่น่าแปลกที่ฝ่ายอะฮ์ลุสซุนนะฮ์กลับไม่ค่อยรู้จัก  

   
ประวัติศาสตร์อิสลามเล่าว่า

นบีอาดัมร้องไห้ให้กับการตายของบุตรชายชื่อฮาบีล   จนลูกหลานอาดัมยังร้องไห้เรื่อยมาจนถึงปัจจุบันโดยไม่มีใครกล้าปฏิเสธ

ท่านรอซูลุลลอฮ์ (ศ)ยังคงทำให้ซอฮาบะฮ์ร้องไห้ بُكاَءٌ และรู้สึกเศร้าเสียใจ حُزْنٌ ด้วยวิธีอ่านมะระเซี่ยอันเป็นกลอนสดุดีอาลัยถึงคนตาย  


อัลบุคอรีได้บันทึกบทมะระเซี่ยของท่านรอซูล(ศ)เอาไว้

 
باب رِثَاءِ النَّبِىِّ - صلى الله عليه وسلم - سَعْدَ ابْنَ خَوْلَةَ  ح : 1295

บทว่าด้วย  มะระเซี่ยของท่านนบี(ศ)  ซอฮีฮุลบุคอรี  หะดีษที่ 1295


บทมะระเซี่ย   ถูกบันทึกไว้ในตำราต่างๆมากมายเช่น
 
หนังสืออัลอิสตีอาบ  โดยอิบนุอับดุลบัรริ  

อัลอิซอบะฮ์ ฟีตัมยีซิส ซอฮาบะฮ์  โดยอิบนุหะญัร  

หนังสืออัลอุกดุลฟะรีด ทั้งหมดที่อ้างอิงถึงมิใช่อื่นใดเลย นอกจากต้องการชี้ให้พี่น้องมุสลิมทราบว่า  


มะระเซี่ยของซอฮาบะฮ์และตาบิอีน ล้วนแล้วแต่ทำให้เกิดความรู้สึกโศกเศร้าเสียใจขึ้นมาใหม่ทันทีเมื่อได้อ่านหรือได้ฟัง โดยเฉพาะช่วงที่ท่านนบีมุฮัมมัด(ศ)พึ่งเสียชีวิตใหม่ๆ ซอฮาบะฮ์ทั้งหลายต่างอ่านบทมะระเซี่ย(กลอน)ไว้อาลัยแด่ท่านนบี(ศ)  

ท่านหญิงฟาติมะฮ์ได้อ่านมะระเซี่ยให้บิดาหลายบท ซึ่งในเนื้อหาล้วนแต่ทำให้เกิดความรู้สึกเศร้าสลดเสียใจทั้งสิ้น


มะระเซี่ยของท่านหญิงฟาติมะฮ์

يَا أَبَتَاهْ ، أَجَابَ رَبًّا دَعَاهُ ،   يَا أَبَتَاهْ ، مَنْ جَنَّةُ الْفِرْدَوْسِ مَأْوَاهُ ،  يَا أَبَتَاهْ ، إِلَى جِبْرِيلَ نَنْعَاهْ

โอ้พ่อจ๋า !  ท่านได้ตอบรับอัลลอฮ์แล้ว เมื่อทรงเรียกหา      

โอ้พ่อจ๋า ผู้ที่สวรรค์ฟิรเดาส์คือที่พำนักของท่าน โอ้พ่อจ๋า เราขอสดุดีเกียรติคุณท่านยังญิบรออีล  

ดูซอฮีฮุลบุคอรี   หะดีษที่ 4103  และซอฮี๊ฮฺมุสลิม  หะดีษที่ 2450


ท่านหญิงฟาติมะฮ์ได้พรรณนาถึงบิดาหลังจากวะฟาตต่อหน้าซอฮาบะฮ์ทั้งหลาย นางร้องไห้และทำให้บรรดาซอฮาบะฮ์ร้องไห้ตาม  

หากมะระเซี่ยนี้เป็นบิดอะฮ์ จะต้องมีซอฮาบะฮ์บอกนางว่า นี่คือบิดอะฮ์จงอย่าทำเลย

บรรดาซอฮาบะฮ์ได้แต่งมะระเซี่ยไว้อาลัยแด่การจากไปของท่านนบีมุฮัมมัดมากมาย ถ้าจะทำการรวบรวมมะระเซี่ยจากหนังสืออัลอิสตีอาบ,อัลอิซอบะฮ์,อุสดุลฆอบะฮ์และตำราหะดีษต่างๆจะพบว่าบทมะระเซี่ยของซอฮาบะฮ์ล้วนแล้วแต่มีเนื้อหาทำให้เกิดความโศกเศร้าเสียใจ ด้วยวิธีรำพันถึงความดีของผู้ตายมากมายนับไม่ถ้วน  

ถ้าบทมะระเซี่ยเป็นบิดอะฮ์ ซอฮาบะฮ์ย่อมไม่แต่งมันขึ้นมา
ชื่อ: Re:1 มุหัรรอม ฮ.ศ.1431 รำลึกโศกนาฎกรรมในวันอาชูรอ
โดย: L-umar เมื่อ พฤศจิกายน 25, 2009, 09:31:07 ก่อนเที่ยง

มุหัรร็อม ตอน 20 :  

มะระเซี่ย  (บทกลอนรำพันถึงคนตาย)

بِسْمِ اللّـــــهِ الرَّحْمَنِ الرَّحِيْمِ


มะระเซี่ย ไว้อาลัยแด่ซอฮาบะฮ์ชื่อมาลิก บินนุวัยเราะฮ์


มุตัมมิม บิน นุวัยเราะฮ์

เป็นอีกคนหนึ่งที่แต่งมะระเซี่ยอันน่าเศร้าอาลัยแด่พี่ชายไว้มากมาย  ครั้งหนึ่งที่มัสญิดหลังจากนมาซซุบฮ์เสร็จ เขายืนค้ำคันถนูและอ่านมะระเซี่ยต่อหน้าท่านอบูบักรว่า :

نِعمَ القَتِيلُ إِذاً الرياحُ تَنَوحَت ... خَلفَ البُيُوتِ قَتلتَ يابْنَ الأزْوَرِ

ผู้ถูกสังหารช่างดีกระไร เมื่อสายลมสะอื้นไห้

อยู่หลังบ้านเรือน  ว่าโอ้บุตรของอัซวัร(คอลิดบินวะลีด)เจ้าได้สังหารเขา(มาลิก)แล้วเอย

จากนั้นมุตัมมิมชี้ไปที่ท่านอบูบักร   และอ่านมะระเซี่ยตำหนิท่านอบูบักรว่า

وَدَعَوتَهُ بِاللّه ثُم غَدَرتَهُ ... لَو هُوْ دَعاكَ بِذِمَة لَمْ يَغْدرِ

ท่านชวนเขา(ให้วางอาวุธ)ด้วยนามอัลลอฮ์  แล้วท่านได้หักหลังเขา

หากเขาชวนท่านด้วยความเป็นมุสลิม  เขาจะไม่หักหลังท่านได้เลย

فَقَالَ أَبُوْ بَكْرٍ: وَاللهِ مَا دَعَوْتُهُ وَلاَ غَدَرْتُهُ

ท่านอบูบักรได้ตอบว่า ด้วยนามอัลลอฮ์ ฉันไม่เคยชวนเขาและมิเคยหักหลังเขา


อ้างอิงจากหนังสือ

วะฟะยาตุล อะอ์ยาน เล่ม 6 หน้า 15ท่านมุตัมมิมได้อ่านมะระเซี่ยไปร้องไห้ไปจนล้มคว้ำลงไปกับพื้น  แต่เขาก็ยังไม่หยุดร้องไห้ ไม่มีซอฮาบะฮ์คนใดห้ามปรามเขาให้หยุดร้องหรือหยุดอ่านมะระเซี่ยเลย ยิ่งกว่านั้นท่านอุมัรได้บอกกับเขาว่า  ฉันอยากให้ท่านแต่งมะระเซี่ยให้พี่ชายฉัน(คือเซด) เหมือนที่ท่านแต่งให้พี่ชายท่านจังเลย    เมื่อเซด บิน ค็อฏฏ็อบตาย  มุตัมมิมได้แต่งมะระเซี่ยให้ แต่ไม่กินใจเหมือนที่แต่งให้พี่ชายเขา  ท่านอุมัรจึงถามว่า  ทำไมท่านจึงแต่งมะระเซี่ยให้พี่ชายฉันไม่ซึ้งเหมือนที่แต่งให้พี่ชายท่าน ? มุตัมมิมตอบว่า  ขอสาบานต่ออัลลอฮฺว่า การตายของมาลิกทำให้ฉันแต่งได้เช่นนั้น แต่การตายของเซดไม่มีแรงบันดาลใจต่อฉันเท่าไร่นัก  

ซอฮาบะฮ์ยุคต่อมายอมรับว่ามะระเซี่ยของมุตัมมิมที่แต่งให้มาลิก บินนุวัยเราะฮ์เป็นสิ่งดี(อิสติ๊ห์ซาน)   ท่านหญิงอาอิชะฮ์ เองยังแต่งมะระเซี่ยให้พี่ชาย ตอนที่นางยืนร้องไห้อยู่หน้าสุสานอับดุลเราะห์มาน บุตรอบูบักรฺ ซึ่งมะระเซี่ยของนางถูกบันทึกอยู่ในหนังสืออัลอิสตีอาบ ตัรญุมะฮ์อาอิชะฮ์


มะระเซี่ยยังเป็นที่แพร่หลายในสังคมมุสลิมและสังคมอื่นทุกยุคทุกสมัย ทุกประเทศ โดยที่ไม่มีใครปฏิเสธมัน  

ในเมื่อมะระเซี่ยที่แต่งให้ซอฮาบะฮ์อาทิเช่น ท่านมาลิกบินนุวัยเราะฮ์,เซดบินคอฏฏ็อบ,อับดุลเราะห์มาน บินอบูบักร ไม่ถูกนับว่าเป็นบิดอะฮ์
 
แล้วทำไมมะระเซี่ยที่แต่งให้กับอิม่ามฮูเซนจึงเป็นบิดอะฮ์ ?  

หรือว่า มันคือความอคติส่วนบุคคลของคนบางกลุ่มที่ไม่มีความรักต่อลูกหลานนบีมุฮัมมัด ?
ชื่อ: Re:1 มุหัรรอม ฮ.ศ.1431 รำลึกโศกนาฎกรรมในวันอาชูรอ
โดย: L-umar เมื่อ พฤศจิกายน 30, 2009, 09:29:07 ก่อนเที่ยง

มุหัรร็อม ตอน 21 :  


เรื่องที่ 5 - การแจกจ่ายเพื่อคนตายในด้านความดี ( เช่นอุทิศส่วนกุศลให้คนตายด้วยการเลี้ยงอาหาร )

بِسْمِ اللّـــــهِ الرَّحْمَنِ الرَّحِيْمِ


เรื่องการทำบุญเลี้ยงอาหารแทนมัยยิตเป็นซุนนะฮ์ เพียงพอแล้วด้วยหะดีษของท่านหญิงอาอิชะฮ์ :


عَنْ عَائِشَةَ - رضى الله عنها - قَالَتْ مَا غِرْتُ عَلَى أَحَدٍ مِنْ نِسَاءِ النَّبِىِّ - صلى الله عليه وسلم - مَا غِرْتُ عَلَى خَدِيجَةَ ، وَمَا رَأَيْتُهَا ، وَلَكِنْ كَانَ النَّبِىُّ - صلى الله عليه وسلم - يُكْثِرُ ذِكْرَهَا ، وَرُبَّمَا ذَبَحَ الشَّاةَ ، ثُمَّ يُقَطِّعُهَا أَعْضَاءً ، ثُمَّ يَبْعَثُهَا فِى صَدَائِقِ خَدِيجَةَ

ท่านหญิงอาอิชะฮ์เล่าว่า :

ฉันไม่เคยหึงหวงภรรยาของท่านนบีมุฮัมมัด(ศ)คนใดเท่ากับท่านหญิงคอดีญะฮ์เลย ทั้งๆที่ฉันก็ไม่เคยพบเห็นนางมาก่อน แต่ว่าท่านนบีจะเอ่ยถึงนางบ่อยมาก  และบางครั้งท่านเชือดแกะและสับมันเป็นชิ้นๆจากนั้นท่านได้นำมันไปแจกจ่ายให้กับเพื่อนๆของท่านหญิงคอดีญะฮ์

ดูซอฮีฮุลบุคอรี  หะดีษที่ 3818


สิ่งที่ได้รับจากหะดีษนี้คือ อิสลามส่งเสริมให้เชื่อมโยงคนรักและมิตรสหายของผู้ตายในหนทางของอัลลอฮ์ด้วยวิธีการหนึ่งคือ เลี้ยงอาหารแทนผู้ตาย   ยังมีหะดีษอื่นสนับสนุนถึงเรื่องนี้อีกคือ

عَنْ عَائِشَةَ أَنَّ رَجُلاً أَتَى النَّبِىَّ -صلى الله عليه وسلم- فَقَالَ يَا رَسُولَ اللَّهِ إِنَّ أُمِّىَ افْتُلِتَتْ نَفْسَهَا وَلَمْ تُوصِ وَأَظُنُّهَا لَوْ تَكَلَّمَتْ تَصَدَّقَتْ أَفَلَهَا أَجْرٌ إِنْ تَصَدَّقْتُ عَنْهَا قَالَ « نَعَمْ ».


ท่านหญิงอาอิชะฮ์เล่าว่า :

มีชายคนหนึ่งมาพบท่านนบี(ศ) เขากล่าวว่า : โอ้ท่านรอซูล บังเอิญมารดาฉันเสียชีวิตกะทันหันและนางไม่ทันได้สั่งเสียสิ่งใดไว้ และฉันคิดว่า หากนางจะบอกกล่าวไว้ นางคงให้ทำซอดะเกาะฮ์    แม่ฉันจะได้รับผลบุญไหม หากฉันจะทำซอดะเกาะฮ์แทนนาง     ท่าน(ศ)ตอบว่า : ได้ซิ

ดูซอฮี๊ฮฺมุสลิม หะดีษที่ 2373


عَنْ عَائِشَةَ أَنَّ امْرَأَةً قَالَتْ يَا رَسُولَ اللَّهِ إِنَّ أُمِّىَ افْتُلِتَتْ نَفْسُهَا وَلَوْلاَ ذَلِكَ لَتَصَدَّقَتْ وَأَعْطَتْ أَفَيُجْزِئُ أَنْ أَتَصَدَّقَ عَنْهَا فَقَالَ النَّبِىُّ -صلى الله عليه وسلم- « نَعَمْ فَتَصَدَّقِى عَنْهَا ».


ท่านหญิงอาอิชะฮ์เล่าว่า :

มีสตรีนางหนึ่งกล่าวว่า โอ้ท่านรอซูลุลลอฮ์ แท้จริงมารดาฉัน เสียชีวิตกะทันหัน หากนางยังไม่เสียชีวิต ท่านจะทำทานซอดะเกาะฮ์และให้แจกจ่ายแน่ จะแทนกันได้ไหม โดยฉันจะทำซอดาเกาะฮ์แทนนาง  ท่านนบี(ศ)กล่าวว่า ได้ซิ เธอจงทำซอดาเกาะฮ์แทนนางเถิด  

สถานะหะดีษ : เศาะหิ๊หฺ   ดูซอฮีฮุ อบีดาวูด  หะดีษที่ 2505  ตรวจทานโดยเชคอัลบานี


หากท่านนบีมุฮัมมัดแจกจ่ายอาหารเลี้ยงผู้คน แทนท่านหญิงคอดีญะฮ์คือซุนนะฮ์

ในทำนองเดียวกัน หากมีมุสลิมทำอาหารเลี้ยงผู้คน แทนอิม่ามฮูเซน ท่านจะบอกว่า มันฮะร่ามกระนั้นหรือ ?
ชื่อ: Re:1 มุหัรรอม ฮ.ศ.1431 รำลึกโศกนาฎกรรมในวันอาชูรอ
โดย: L-umar เมื่อ พฤศจิกายน 30, 2009, 09:30:48 ก่อนเที่ยง

มุหัรร็อม ตอน 22 :  

การแจกจ่ายเพื่อคนตายในด้านความดี

بِسْمِ اللّـــــهِ الرَّحْمَنِ الرَّحِيْمِ


ตระกูลฮาชิม(ตระกูลของนบีมุฮัมมัด)จัดงานไว้ทุกข์ให้กับอิม่ามฮาซัน 1 เดือนเต็ม

عَنْ أُمِّ بَكْرٍ بِنْتِ الْمِسْوَرِ قَالَتْ : « كَانَ الْحَسَنُ بْنُ عَلِيٍّ سُمَّ مِرَارًا كُلُّ ذَلِكَ يَفْلِتُ حَتَّى كَانَتِ الْمَرَّةَ الْأَخِيْرَةَ الَّتِيْ مَاتَ فِيْهَا ، فَإِنَّهُ كاَنَ يَخْتَلِفُ كَبْدُهُ ، فَلَمَّا مَاتَ أَقَامَ نِسَاءُ بَنِيْ هَاشِمٍ النُوْحَ عَلَيْهِ شَـهْرًا »    

ท่านหญิงอุมมุบักรฺ บินติ อัลมิสวัรเล่าว่า :

ท่านฮาซัน บุตร อะลี ถูกวางยาพิษหลายครั้ง แต่ก็รอดมาทุกครั้ง จนกระทั่งครั้งสุดท้ายที่ท่านเสียชีวิตนั้นยาพิษได้ทำให้ตับท่านฉีกขาด เมื่อท่านเสียชีวิต พวกสตรีแห่งตระกูลฮาชิมได้จัดงานไว้ทุกข์ร้องไห้ให้กับท่านฮาซันหนึ่งเดือน    

สถานะหะดีษ : เศาะหิ๊หฺ  ดูอัลมุสตัดร็อกอัลฮากิม หะดีษที่ 4787 ตามเงื่อนไขของบุคอรีและมุสลิม


หากตระกูลฮาชิมซึ่งพวกเขาเป็นทั้งอะฮ์ลุลบัยต์นบีและเป็นซอฮาบะฮ์ทำเรื่องบิดอะฮ์   แน่นอนจะต้องมีซอฮาบะฮ์ห้ามปรามพวกเขามิให้จัดงานไว้ทุกข์ให้กับอิม่ามฮาซันที่จัดขึ้นในเมืองมะดีนะฮ์ถึงหนึ่งเดือนเต็ม แน่นอนคนในตระกูลนบี(ศ) ย่อมรู้ดีว่า มันเป็น ซุนนะฮ์  ไม่ใช่ บิดอะฮ์  


สรุป  

หากว่าการปฏิบัติต่อผู้ตายมุสลิมทั้งห้าคือ

1  การบรรยายหรือพูดถึงความดีและมุซีบัตของมัยยิต

2  การนั่งเศร้าไว้อาลัยถึงมัยยิตเนื่องจากนึกถึงความหลังเก่าๆและสำนึกในบุญคุณของมัยยิต

3  การร้องไห้ให้มัยยิตที่เป็นคนดี หรือตายชะฮีด

4  การอ่านมะระเซี่ยถึงมัยยิต

5 การแจกจ่ายเพื่อมัยยิตในด้านความดี  เช่นเลี้ยงอาหารแทนมัยยิต


มีหลักฐานจากอัลกุรอานและหะดีษของฝ่ายอะฮ์ลุสซุนนะฮ์เองกำกับไว้ว่าเป็นสิ่งที่อิสลามอนุญาตให้กระทำได้และเป็นซุนนะฮ์  

รูปแบบของพิธีมุหัรร็อมก็ไม่ได้แตกต่างอะไรไปจากห้าเรื่องดังกล่าว

เพราะฉะนั้นการจัดพิธีมุหัรร็อม  ก็ย่อมเป็นสิ่งที่อิสลามอนุญาติให้กระทำได้เช่นเดียวกัน  

หากพี่น้องอะฮ์ลุสซุนนะฮ์คนใดไม่ยอมรับ ก็เท่ากับเขาได้ปฏิเสธซุนนะฮ์ของท่านนบีมุฮัมมัด(ศ)
ชื่อ: Re:1 มุหัรรอม ฮ.ศ.1431 รำลึกโศกนาฎกรรมในวันอาชูรอ
โดย: L-umar เมื่อ พฤศจิกายน 30, 2009, 09:33:19 ก่อนเที่ยง


มุหัรร็อม ตอน 23 :  

การจัดงานมัจญ์ลิสอาชูรอให้กับอิม่ามฮูเซนโดยเฉพาะ


بِسْمِ اللّـــــهِ الرَّحْمَنِ الرَّحِيْمِ

เราไม่ทราบว่า ทำไมมุสลิมบางส่วนจึงต้องมีอคติต่อพิธีมุหัรร็อม ทั้งๆที่มูลเหตุของงานนี้มีที่มาจากความเสียใจของท่านนบีมุฮัมมัด(ศ)  ตัวท่านเองได้เคยร้องไห้ล่วงหน้าให้กับหลานรักก่อนที่โศกนาฏกรรมนั้นจะเกิดขึ้น


ท่านนบีมุฮัมมัด(ศ)กล่าวว่า  ในอนาคตอะฮ์ลุลบัยต์ของท่านจะถูกทำร้าย

อะฮ์ลุสซุนนะฮ์รายงาน

عَنْ عَبْدِ اللهِ بْنِ مَسْعُوْد قَالَ بَيْنَمَا نَحْنُ عِنْدَ رَسُوْلِ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّم اِذًا أَقْبَلَتْ فَتِيْةٌ مِنْ بَنِيْ هَاشِمٍ فَلَمَّا رَآهُمْ اِغْرَوْرَقَتْ عَيْنَاهُ وَتَغَيَّرَ لَوْنُهُ قَالَ فَقُلْتُ يَا رَسُوْلَ اللهِ مَا نَزَالُ نَرَى فِيْ وَجْهِكَ شَيْئًا نَكْرَهُهُ فَقَالَ إِنَّا أَهْلُ بَيْتٍ اِخْتَارَ اللهُ لَنَا الْآخِرَةَ عَلَى الدُّنْيَا وَإِنَّ أَهْلَ بَيْتِيْ سَيُلْقُوْنَ بَعْدِيْ بَلاَءً وَتَشْرِيْدًا وَتَطْرِيْدًا        

ท่านอิบนุมัสอูดเล่าว่า :

ขณะที่พวกเราอยู่กับท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ) ทันใดนั้นมีชายหนุ่มกลุ่มหนึ่งจากตระกูลฮาชิมตรงเข้ามาหา  พอท่านแลเห็นพวกเขา ดวงตาทั้งสองของท่านก็มีน้ำตานองหน้า ผิวท่านเปลี่ยนสี  

อิบนุมัสอูดเล่าว่า :  

พวกเรากล่าวว่า : โอ้ท่านรอซูลุลลอฮ์ พวกเราสังเกตเห็นที่ใบหน้าท่านมีบางสิ่งที่เราไม่ชอบเลย  ท่านกล่าวว่า : แท้จริงพวกเราคืออะฮ์ลุลบัยต์ที่อัลลอฮ์ได้เลือกอาคิเราะฮ์แทนดุนยานี้ให้สำหรับเรา และแท้จริงอะฮ์ลุลบัยต์ของฉัน ในอนาคตหลังจากฉันจากไป พวกเขาจะต้องเผชิญกับภัยบาลา ถูกขับไล่และถูกเนรเทศกระจัดกระจายไปทั่ว

สถานะหะดีษ : เศาะหิ๊หฺ  ดูซิลาลุล ญันนะฮ์ เล่ม2    หะดีษที่ 1499  ตรวจทานโดยเชคอัลบานี



عن عَبْدِ اللَّهِ بْنِ مَسْعُودٍ رَضِىَ اللهُ تَعَالَى عَنْهُ قَالَ أَتَيْنَا رَسُوْلَ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّم فَخَرَجَ إِلَيْنَا مُسْتَبْشِرًا يُعْرَفُ السُّرُوْرُ فِيْ وَجْهِهِ فَمَا سَأَلْنَاهُ عَنْ شَيْءٍ إِلاَّ أَخْبَرَنَا بِهِ وَلاَ سَكَتْنَا إِلاَّ إِبْتَدَأْنَا حَتَّى مَرَّتْ فَتِيْةٌ مِنْ بَنِيْ هَاشِمٍ فِيْهِمِ الْحَسَنُ وَالْحُسَيْنُ فَلَمَّا رَآهُمْ اِلْتَزَمَهُمْ وَانْهَمَلَتْ عَيْنَاهُ فَقُلْنَا يَا رَسُوْلَ اللهِ مَا نَزَالُ نَرَىْ فِيْ وَجْهِكَ شَيْئًا نَكْرَهُهُ فَقَالَ إِنَّا أَهْلُ بَيْتٍ اِخْتَارَ اللهُ لَنَا الْآخِرَةَ عَلَى الدُّنْيَا وَأَنَّهُ سَيَلْقَى أَهْلُ بَيْتِيْ مِنْ بَعْدِيْ تَطْرِيْدًا وَتَشْرِيْدًا فِي الْبِلاَدِ

ท่านอิบนุมัสอูดเล่าว่า :

พวกเราได้มาหาท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ) ท่านออกมาพบพวกเราด้วยใบหน้าสุขใจ  เราถามท่านด้วยสิ่งใด ท่านก็ให้คำตอบ และเราไม่หยุด(สนทนา)เว้นแต่เราเริ่ม(สนทนาไปเรื่อยๆ) จนกระทั่งมีชายหนุ่มกลุ่มหนึ่งจากตระกูลฮาชิมซึ่งในนั้นมี " ท่านฮาซันและฮูเซน " รวมอยู่ด้วยเดินผ่านมา พอท่านแลเห็นพวกเขา ดวงตาทั้งสองของท่านก็หลั่งน้ำตาออกมา  
พวกเรากล่าวว่า : โอ้ท่านรอซูลุลลอฮ์ พวกเราสังเกตเห็นที่ใบหน้าท่านมีบางสิ่งที่เราไม่ชอบเลย
ท่านกล่าวว่า : แท้จริงพวกเราคืออะฮ์ลุลบัยต์ที่อัลลอฮ์ได้เลือกอาคิเราะฮ์แทนดุนยานี้ให้สำหรับเรา และแท้จริงอะฮ์ลุลบัยต์ของฉัน ในอนาคตหลังจากฉันจากไป พวกเขาจะต้องเผชิญกับการถูกขับไล่ถูกเนรเทศ กระจัดกระจายไปทั่วเมือง

สถานะหะดีษ :  เศาะหิ๊หฺ  ดูอัลมุสตัดร็อกอัลฮากิม  หะดีษที่ 8434  


หะดีษข้างต้น ท่านนบี(ศ)ได้กล่าวอย่างกว้างๆว่า  อะฮ์ลุลบัยต์ของท่านจะถูกทำร้าย ถูกขับไล่และท่านได้หลั่งน้ำตาออกมาด้วยความเสียใจให้กับหลานรักทั้งสอง  ท่านจึงย้ำเตือนสติประชาชาติของท่านว่า อะฮ์ลุลบัยต์ของท่านคือ ผู้นำทางพวกเขาสู่สวรรค์

قَالَ رَسُوْلُ اللهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ : أَيُّهَا النَّاسِ قَدْ تَرَكْتُ فِيْكُمْ مَا إِنْ أَخَذْتُمْ بِهِ لَنْ تَضِلُوْا : كِتَابَ اللهِ وَ عِتْرَتِيْ أَهْلَ بَيْتِيْ

ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)กล่าวว่า :

โอ้ประชาชนทั้งหลาย ! แท้จริงฉันได้ทิ้งไว้ให้แก่พวกท่านถึงสิ่งซึ่งหากพวกท่านยึดมั่นต่อสิ่งนั้นแล้ว  พวกท่านจะไม่หลงทางโดยเด็ดขาด สิ่งนั้นคือคัมภีร์ของอัลลอฮฺ และอิตเราะฮ์ของฉัน คืออะฮ์ลุลบัยต์ของฉัน

สถานะของหะดีษ : เศาะหิ๊หฺ  ดูซอฮีฮุลญามิอิซ-ซ่อฆีร วะซิยาดะฮ์   โดยเชคอัลบานี   หะดีษที่ 4514  
ชื่อ: Re:1 มุหัรรอม ฮ.ศ.1431 รำลึกโศกนาฎกรรมในวันอาชูรอ
โดย: L-umar เมื่อ พฤศจิกายน 30, 2009, 09:36:19 ก่อนเที่ยง

มุหัรร็อม ตอน 24 :  

การจัดงานมัจญ์ลิสอาชูรอให้กับอิม่ามฮูเซนโดยเฉพาะ


بِسْمِ اللّـــــهِ الرَّحْمَنِ الرَّحِيْمِ

ท่านนบีมุฮัมมัดกล่าวว่า กลุ่มชนที่ชิงชังอาฆาตอะฮ์ลุลบัยต์ของท่านมากที่สุดคือ ตระกูลอุมัยยะฮ์


قَالَ أَبُو سَعِيدٍ الْخُدْرِيُّ رَضِىَ اللهُ تَعَالَى عَنْهُ قَالَ رَسُوْلُ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ إِنَّ أَهْلَ بَيْتِيْ سَيَلْقَوْنَ مِنْ بَعْدِيْ مِنْ أُمَّتِيْ قَتْلاً وَتَشْرِيْدًا وَإِنَّ أَشَدَّ قَوْمِنَا لَنَا بُغْضًا بَنُوْ أُمَيَّة وَبَنُوْ الْمُغِيْرَةِ وَبَنُوْ مَخْزُوْمٍ
هَذَا حَدِيْثٌ صَحِيْحُ الْإِسْنَادِ وَلَمْ يُخْرِجَاهُ

ท่านอบูสะอีด อัลคุดรีเล่าว่า :

ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)กล่าวว่า :

แท้จริงอะฮ์ลุลบัยต์ของฉันจะต้องเผชิญกับการถูกสังหารและถูกขับไล่ภายหลังจากฉันจากไป และแท้จริงหมู่ชนที่ชิงชังอาฆาตพวกเรามากที่สุดคือ ตระกูลอุมัยยะฮ์ ตระกูลมุฆีเราะฮ์และตระกูลมัคซูม

สถานะหะดีษ : เศาะหิ๊หฺ ดูอัลมุสตัดร็อก อัลฮากิม  หะดีษที่ 8638   ตามเงื่อนไขของท่านบุคอรีและมุสลิม


แม้ท่านนบีมุฮัมมัด (ศ) ได้เตือนสติคนในตระกูลอุมัยยะฮ์เป็นพิเศษว่า จงระวังเรื่องสิทธิที่มีต่ออะฮ์ลุลบัยต์ของท่าน   แต่ประวัติศาสตร์อิสลามได้ระบุชัดว่า คนในตระกูลอุมัยย์ได้แสดงตนเป็นปรปักษ์ศัตรูต่ออะฮ์ลุลบัยต์มาโดยตลอด
เราจะพบว่าตระกูลอุมัยยะฮ์มีปัญหาขัดแย้งกับท่านอะลีและบุตรชายทั้งสองของท่านคือท่านฮาซันและฮูเซน รวมทั้งตระกูลอะลาวี(ลูกหลานของท่านอะลี)  หรือว่า พวกตระกูลอุมัยยะฮ์ไม่เคยได้ยินหะดีษบทนี้

قَالَ رَسُوْلُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ مَنْ أَحَبَّهُمَا فَقَدْ أَحَبَّنِي وَمَنْ أَبْغَضَهُمَا فَقَدْ أَبْغَضَنِي يَعْنِي حَسَنًا وَحُسَيْنًا
تعليق شعيب الأرنؤوط : إسناده قوي رجاله ثقات رجال الشيخين

ท่านรอซูลุลลอฮ์ (ศ)กล่าวว่า :

บุคคลใดให้ความรักต่อเขาทั้งสอง เท่ากับเขามีความรักต่อฉัน และบุคคลใดชิงชังเป็นศัตรูกับเขาทั้งสอง ก็เท่ากับเขาแสดงความเป็นศัตรูกับฉัน หมายถึงฮาซันและฮูเซน

สถานะหะดีษ : เศาะหิ๊หฺ ดูมุสนัดอะหมัด หะดีษที่ 7863 ตรวจทานโดยเชคชุเอบ อัลอัรนะอูฏ


หากมุอาวียะฮ์มีความรักต่อท่านนบีมุฮัมมัด(ศ)จริง   เขาคงไม่ยกทัพไปรบกับท่านอิม่ามอะลีและอิม่ามฮาซัน

หากยะซีดบุตรมุอาวียะฮ์มีความรักต่อท่านนบีมุฮัมมัด(ศ)จริง เขาคงไม่ส่งคนไปบังคับอิม่ามฮูเซนให้มอบสัตยาบันแก่เขาและจบลงด้วยการที่กองทหารยะซีดได้ปลิดชีวิตอิม่ามฮูเซนลงเพียงเหตุผลประการเดียวคือ อิม่ามฮูเซนไม่ยอมมอบบัยอะฮ์ให้กับเขา

จากพฤติกรรมของมุอาวียะฮ์และยะซีด ย่อมแสดงว่า เขาทั้งสองไม่ได้รักท่านนบีมุฮัมมัดจริง


สิ่งที่น่าแปลกใจยิ่งกว่านั้นคือ

เราพบมุสลิมมากมายพยายามหาเหตุผลต่างๆนานามาปกป้องมุอาวียะฮ์และยะซีด  นั่นย่อมแสดงให้เห็นชัดว่า พวกเขามิได้มีความรักให้กับท่านฮาซันและฮูเซนเลย นอกจากเพียงลมปากเท่านั้นเอง  แล้วบุคคลเหล่านี้จะมาสนใจอะไรกับการจัดงานรำลึกนึกถึงฮูเซน บุคคลที่ท่านนบีมีความรักต่อเขา  
ชื่อ: Re:1 มุหัรรอม ฮ.ศ.1431 รำลึกโศกนาฎกรรมในวันอาชูรอ
โดย: L-umar เมื่อ พฤศจิกายน 30, 2009, 09:38:21 ก่อนเที่ยง

มุหัรร็อม ตอน 25 :  

คนแรกที่ร้องไห้แสดงความเสียใจ ให้กับอิม่ามฮูเซนคือใคร ?

بِسْمِ اللّـــــهِ الرَّحْمَنِ الرَّحِيْمِ


ตอบ
 
ท่านนบีมุฮัมมัดคือบุคคลแรกที่ร้องไห้และแสดงความเสียใจให้กับอิม่ามฮูเซน



ด้วยเหตุนี้เราจึงถือว่ามัจญ์ลิสอาชูรอนั้นเป็นซุนนะฮ์ที่ท่านนบีมุฮัมมัดทำไว้เป็นแบบอย่างแก่ประชาชาติอิสลาม


อะฮ์ลุสซุนนะฮ์รายงาน

قَالَ  : \\\" أَتَانِيْ جِبْرِيْلُ عَلَيْهِ الصَّلاَةُ وَ السَّلاَمُ , فَأَخْبَرَنِيْ أَنَّ أُمَّتِيْ سَتَقْتُلُ ابْنِيْ هَذَا( يَعْنِي الْحُسَيْن ) , فَقُلْتُ : هَذَا ? فَقَالَ : نَعَمْ , وَ أَتَانِيْ بِتُرْبَةٍ مِنْ تُرْبَتِهِ حَمْرَاء \\\"

ท่าน(นบีมุฮัมมัด)กล่าวว่า :

ท่านญิบรออีลได้มาหาฉัน เขาได้แจ้งข่าวกับฉันว่า แท้จริงประชาชาติของฉัน จะสังหารหลานชายของฉันคนนี้(หมายถึงฮูเซน) ฉันจึงถามว่า : เด็กคนนี้นะหรือ ? ท่านตอบว่า : ใช่แล้ว  และท่านได้มอบดินสีแดงให้กับฉัน(อุมมุลฟัฎลฺ)

สถานะหะดีษ : เศาะหิ๊หฺ ดูซิลซิละตุลอะฮาดีษิซ-ซอฮีฮะฮ์  หะดีษที่ 821  ตรวจทานโดยเชคอัลบานี


ท่านต้องทราบก่อนว่า

เรื่องที่ท่านนบีมุฮัมมัดร้องไห้ให้กับการที่ฮูเซนจะถูกสังหารนั้นเป็นหะดีษมุตะวาติร  ซึ่งต่างกรรมต่างวาระด้วยกัน เริ่มตั้งแต่

วันแรกที่อิม่ามฮูเซนเกิด

หลังจากท่านฮูเซนเกิดครบเจ็ดวัน

ที่บ้านของท่านหญิงฟาติมะฮ์

ที่ห้องของท่าน

บนมิมบัร

และในระหว่างที่ท่านกำลังเดินทาง
 
บางครั้งท่านนบี(ศ)ร้องไห้อยู่คนเดียวและจุมพิตที่ลูกกระเดือกของท่านฮูเซน บางครั้งท่านจูบที่ริมฝีปากของท่านฮูเซน  คราใดที่ท่านนบีเห็นท่านฮูเซนดีใจ ท่านนบีจะร้องไห้ ยิ่งเมื่อท่านเห็นท่านฮูเซนเสียใจ ท่านนบีก็จะยิ่งร้องไห้หนักกว่าเดิมอีก
ชื่อ: Re:1 มุหัรรอม ฮ.ศ.1431 รำลึกโศกนาฎกรรมในวันอาชูรอ
โดย: L-umar เมื่อ พฤศจิกายน 30, 2009, 04:23:14 หลังเที่ยง

มุหัรร็อม ตอน 26 :  

คนแรกที่ร้องไห้เสียใจให้กับอิม่ามฮูเซนคือใคร

بِسْمِ اللّـــــهِ الرَّحْمَنِ الرَّحِيْمِ

อะฮ์ลุสซุนนะฮ์รายงาน

عَنْ اُمِّ سَلَمَة أَنَّ رَسُوْلَ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّم قَالَ لَهَا : \\\" لَقَدْ دَخَلَ عَلَيَّ الْبَيْتَ مَلَكٌ لَمْ يَدْخُلْ عَلَيَّ قَبْلَهَا , فَقَالَ لَيْ : إِنَّ ابْنَكَ هَذَا : حُسَيْنٌ  مَقْتُوْلٌ وَ إِنْ شِئْتَ أَرَيْتُكَ مِنْ تُرْبَةِ الْأَرْضِ الَّتِيْ يُقْتَلُ بِهَا \\\" .

ท่านหญิงอุมมุสะละมะฮ์เล่าว่า :

แท้จริงท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)ได้เล่าให้นางฟังว่า : มี มลาอิกะฮ์ท่านหนึ่งได้เข้ามาพบฉัน ซึ่งท่านไม่เคยเข้ามาหาฉันมาก่อนเลย ท่านกล่าวกับฉันว่า :  แท้จริงฮูเซนหลานชายท่านคนนี้ จะถูกสังหาร  และหากท่านต้องการ(เห็น) ฉันจะให้ท่านได้เห็นดินจากแผ่นดินที่เขาจะถูกสังหาร

สถานะหะดีษ : เศาะหิ๊หฺ  ดูซิลซิละตุซ-ซอฮีฮะฮ์   หะดีษที่  822  ตรวจทานโดยเชคอัลบานี


วิเคราะห์สายรายงาน

เชคอัลบานีกล่าวว่า : สายรายงานหะดีษนี้ ซอฮี๊ฮฺ(ถูกต้อง)ตามเงื่อนไขของท่านเชคทั้งสอง(บุคอรีและมุสลิม) และท่านอัลฮัยษะมีกล่าวไว้ในมัจญ์มะอุซะวาอิด เล่ม 9 : 187  
ท่านอิม่ามอะหฺมัดก็ได้รายงานไว้ นักรายงานหะดีษนี้เป็นบุคคลที่ถูกต้อง หะดีษนี้ยังมีพยานอื่นอีกจากรายงานของท่านอะนัสเป็นต้น ซึ่งบันทึกอยู่ในมุสนัดอะหมัดเล่ม 3 หน้า 242 และ 265 รายงานอิมาเราะฮ์ บิน ซาดาน จากษาบิตได้เล่าให้เราฟัง อิมาเราะฮ์คนนี้เป็นคนเชื่อถือได้ ผิดพลาดมาก ตามที่กล่าวไว้ในหนังสือตักรีบุต-ตะฮ์ซีบ

ยังมีพยานหลักฐานอื่นๆอีกซึ่งเป็นรายงานของท่านอับดุลลอฮฺ  บินนุญัยย์ จากบิดาเขาเล่าว่า :
เขาได้ร่วมเดินทางมากับท่านอิม่ามอะลี... ท่านอะลีเล่าว่า วันหนึ่ง ฉันได้เข้ามาพบท่านนบีมุฮัมมัด(ศ)  ในขณะที่ดวงตาทั้งสองของท่านมีน้ำตาเอ่อล้น ฉันจึงถามว่า โอ้ท่านนบีแห่งอัลลอฮ์ ใครทำให้ท่านโกรธ แล้วมีเรื่องอะไรดวงตาทั้งสองของท่านจึงหลั่งน้ำตาออกมา  ท่านกล่าวว่า หามิได้ แต่ก่อนหน้านี้ท่านญิบรีลพึ่งลุกออกไปจากฉัน เขาได้เล่าให้ฉันฟังว่า แท้จริงอัลฮูเซนนั้นจะถูกสังหารที่ริมฝั่งน้ำฟูรอต  สถานะหะดีษ : ฮาซัน (ดี) ดูมุสนัดอะหมัด หะดีษที่  613  เป็นหะดีษเดียวกับหะดีษของท่านหญิงอุมมุลฟัฏลฺ บินติหาริษได้เล่าไว้

เชคอัลบานีกล่าวว่า : ผู้รายงานหะดีษนี้ เชื่อถือได้ ยกเว้นนุญัย  อิบนุหะญัรกล่าวว่า : รายงานเขาถูกยอมรับ คือมันเป็นรายงานที่ติดต่อกันมา และอัลฮัยษะมียังกล่าวไว้ในมัจญ์มะอุซ-ซะวาอิด เล่ม 7 หน้า187 รายงานหะดีษนี้โดยอะหมัด,อบู ยะอ์ลา,อัลบัซซ้ารและอัต-ต็อบรอนี  ผู้รายงานหะดีษนี้ เชื่อถือได้ นุญัยไม่ได้รายงานหะดีษนี้เพียงคนเดียว จากนั้นหะดีษนี้ยังมีรายงานที่มาจากท่านหญิงอุมมุสะละมะฮ์และท่านอบูตุเฟล ซึ่งสายรายงานหะดีษนี้ ดี


อ้างอิงจากหนังสือ

ซิลซิละตุซ-ซอฮีฮะฮ์ เล่ม 2 หะดีษที่ 822 เชคอัลบานีกล่าวว่าเป็นหะดีษเศาะหิ๊หฺ
ชื่อ: Re:1 มุหัรรอม ฮ.ศ.1431 รำลึกโศกนาฎกรรมในวันอาชูรอ
โดย: L-umar เมื่อ พฤศจิกายน 30, 2009, 04:24:55 หลังเที่ยง

มุหัรร็อม ตอน 27 :  

คนแรกที่ร้องไห้เสียใจให้กับอิม่ามฮูเซนคือใคร

بِسْمِ اللّـــــهِ الرَّحْمَنِ الرَّحِيْمِ

อะฮ์ลุสซุนนะฮ์รายงาน

عَنْ أُمِّ الْفَضْلِ بِنْتِ الْحَارِثِ : أَنَّهَا دَخَلَتْ عَلَى رَسُوْلِ اللهِ (ص) فَقَالَتْ يَا رَسُوْلَ اللهِ إِنِّيْ رَأَيْتُ حِلْمًا مُنْكَرًا الْلَيْلَةَ قَالَ مَا هُوَ قَالَتْ إِنَّهُ شَدِيْدٌ قَالَ مَا هُوَ قَالَتْ رَأَيْتُ كَأَنَّ قِطْعَةً مِنْ جَسَدِكَ قُطِعَتْ وَوُضِعَتْ فِيْ حِجْرِيْ فَقَالَ رَسُوْلُ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّم رَأَيْتِ خَيْرًا تَلِدُ فَاطِمَةُ إِنْ شَاءَ اللهُ غُلاَمًا فَيَكُوْنُ فِيْ حِجْرِكِ فَوَلَدَتْ فَاطِمَةُ الْحُسَيْنَ فَكَانَ فِيْ حِجْرِيْ كَمَا قَالَ رَسُوْلُ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّم فَدَخَلْتُ يَوْمًا إِلَى رَسُوْلِ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّم فَوَضَعْتُهُ فِيْ حِجْرِهِ ثُمَّ حَانَتْ مِنِّيْ اِلْتِفَاتَة فَإِذَا عَيْنَا رَسُوْلِ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّم تَهْرِيْقَانِ مِنَ الدُّمُوْعِ
قَالَتْ فَقُلْتُ يَا نَبِيَّ اللهِ بِأَبِيْ أَنْتَ وَأُمِّيْ مَالَكَ قاَلَ أَتَانِيْ جِبْرِيْلُ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّم فَأَخْبَرَنِيْ أَنَّ أُمَّتِيْ سَتَقْتُلُ ابْنِيْ هَذَا فَقُلْتُ هَذَا فَقَالَ نَعَمْ وَأَتَانِيْ بِتُرْبَةٍ مِنْ تُرْبَتِهِ حَمْرَاءَ
المُسْتَدْرَك الحاكم  حديث : 4818    هذا حديث صحيح على شرط الشيخين ولم يخرجاه


ท่านหญิงอุมมุลฟัฎลิ บินติลฮาริษเล่าว่า  :

นางได้เข้ามาพบท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ) นางกล่าวว่า : โอ้ท่านรอซูลุลลอฮ์ เมื่อคืนฉันฝันไม่ค่อยดีเลย  
ท่านถามว่า : อะไรหรือ ?   นางบอกว่า มันรุนแรงมาก
ท่านถามว่า : อะไรล่ะ ?  นางจึงเล่าว่า : อย่างกับเนื้อส่วนหนึ่งหลุดออกมาจากร่างท่าน ฉันจึงเก็บมาวางไว้ที่ตักฉัน

ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)กล่าวว่า :  เธอฝันดี  ฟาติมะฮ์จะได้บุตรชาย อินชาอัลลอฮ์ เด็กคนนั้นจะอยู่ในตักเธอ   ต่อมาเมื่อท่านหญิงฟาติมะฮ์ได้คลอดออกมาเป็นท่านฮูเซน  ปรากฏว่าเขาอยู่ในตักฉันจริงดังที่ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)ทำนายไว้  
แล้ววันหนึ่งฉันเข้ามาหาท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ) ฉันนำฮูเซนวางไว้บนตักท่าน  แล้วท่านได้ผิน ออกไปจากฉัน  ดวงตาทั้งสองของท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)มีน้ำตาเอ่อล้นออกมา
ฉันจึงถามว่า : โอ้ท่านนบีแห่งอัลลอฮ์ ฉันขอเอาบิดามารดาฉันไถ่แทนท่าน เกิดอะไรขึ้นกับท่านกระนั้นหรือ ?    
ท่านตอบว่า : ท่านญิบรีลมาหาฉัน เขาบอกกับฉันว่า แท้จริงประชาชาติของฉัน  จะสังหารหลานชายของฉันคนนี้  
ฉันจึงถามว่า : เด็กคนนี้หรือ ?   ท่านตอบว่า : ใช่แล้ว   แล้วท่านได้มอบดินสีแดงก้อนหนึ่งให้กับฉัน


สถานะหะดีษ : ซอฮี๊ฮฺ
ดูอัลมุสตัดร็อกอัลฮากิม หะดีษที่ 4818   ตามเงื่อนไขของบุคอรีและมุสลิม
หนังสือและซิลซิละตุลอะฮาดีษิซ-ซอฮีฮะฮ์  หะดีษที่ 821  ตรวจทานโดยเชคอัลบานี
ชื่อ: Re:1 มุหัรรอม ฮ.ศ.1431 รำลึกโศกนาฎกรรมในวันอาชูรอ
โดย: L-umar เมื่อ พฤศจิกายน 30, 2009, 04:26:37 หลังเที่ยง

มุหัรร็อม ตอน 28 :  

คนแรกที่ร้องไห้เสียใจให้กับอิม่ามฮูเซนคือใคร

بِسْمِ اللّـــــهِ الرَّحْمَنِ الرَّحِيْمِ

อะฮ์ลุสซุนนะฮ์รายงาน

أَخْبَرَنِيْ أَبُو الْقَاسِمِ الْحَسَنُ بْنُ مُحَمَّدٍ السُّكُوْنِيّ ، باِلْكُوْفَةِ ، ثَنَا مُحَمَّدُ بْنُ عَبْدِ اللهِ الْحَضْرَمِيّ ، ثَنَا أَبُو كُرَيْبٍ ، ثَنَا أَبُو خَالِدٍ الْأَحْمَرُ ، حَدَّثَنِيْ رَزِيْنٌ ، حَدَّثَتْنِيْ سَلْمَى . قَالَتْ : دَخَلْتُ عَلَى أم سَلَمَةَ وَهِيَ تَبْكِي . فَقُلْتُ : مَايُبْكِيكِ ؟ قَالَتْ : (( رَايْتُ رَسُولَ اللهِِ - صلى الله عليه وسلم - ، تَعْنِي فِي الْمَنَامِ ، وَعَلَى رَاْسِهِ وَلْحِيَتِهِ التُّرَابُ . فَقُلْتُ : مَالَكَ يَارَسُولَ اللهِِ ؟ قَالَ : شَهِدْتُ قَتْلَ الْحُسَيْنِ انِفًا.)).

นางซัลมาเล่าว่า :

ฉันเข้ามาหาท่านหญิงอุมมุสะละมะฮ์ ซึ่งท่านกำลังร้องไห้อยู่ ท่านจึงถามว่าอะไรทำให้ท่านร้องไห้หรือ ?
นางเล่าว่า : ฉันฝันเห็นท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ) ที่ศรีษะและเคราของท่านมีดิน  ฉันจึงถามว่า โอ้ท่านรอซูลุลลอฮ์ เกิดอะไรขึ้น  ?
ท่านตอบว่า : ฉันได้เห็นการตายของฮูเซนเมื่อสักครู่นี้      

สุนันติรมิซี  หะดีษที่ 3771, 4140  และอัลมุสตัดร็อก อัลฮากิม หะดีษที่ 6848  


عَنْ عَبْدِ اللَّهِ بْنِ نُجَيٍّ عَنْ أَبِيهِ أَنَّهُ سَارَ مَعَ عَلِيٍّ رَضِيَ اللَّهُ عَنْهُ وَكَانَ صَاحِبَ مِطْهَرَتِهِ فَلَمَّا حَاذَى نِينَوَى وَهُوَ مُنْطَلِقٌ إِلَى صِفِّينَ فَنَادَى عَلِيٌّ رَضِيَ اللَّهُ عَنْهُ اصْبِرْ أَبَا عَبْدِ اللَّهِ اصْبِرْ أَبَا عَبْدِ اللَّهِ بِشَطِّ الْفُرَاتِ قُلْتُ وَمَاذَا قَالَ قَالَ دَخَلْتُ عَلَى النَّبِيِّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ ذَاتَ يَوْمٍ وَعَيْنَاهُ تَفِيضَانِ قُلْتُ يَا نَبِيَّ اللَّهِ أَغْضَبَكَ أَحَدٌ مَا شَأْنُ عَيْنَيْكَ تَفِيضَانِ قَالَ بَلْ قَامَ مِنْ عِنْدِي جِبْرِيلُ قَبْلُ فَحَدَّثَنِي أَنَّ الْحُسَيْنَ يُقْتَلُ بِشَطِّ الْفُرَاتِ قَالَ فَقَالَ هَلْ لَكَ إِلَى أَنْ أُشِمَّكَ مِنْ تُرْبَتِهِ قَالَ قُلْتُ نَعَمْ فَمَدَّ يَدَهُ فَقَبَضَ قَبْضَةً مِنْ تُرَابٍ فَأَعْطَانِيهَا فَلَمْ أَمْلِكْ عَيْنَيَّ أَنْ فَاضَتَا

ท่านอับดุลลอฮ์ บินนุญัยย์จากบิดาเขาเล่าว่า :

เขาได้ร่วมเดินทางมากับท่านอิม่ามอะลี... เมื่อท่านมาถึงนัยนะวา (ชื่อหนึ่งของแผ่นดินกัรบาลา) ขณะที่ท่านกำลังมุ่งไปที่ซิฟฟีน ท่านอะลี เราะฎิยัลลอฮุอันฮุได้กล่าวด้วยเสียงอันดังว่า จงอดทนเถิด โอ้ อบาอับดิลลาฮ์ๆ(เป็นฉายาของท่านฮูเซน) ณ.ที่ริมฝั่งน้ำยูเฟรติส
ฉันถาม(บิดา)ว่า ท่านอะลีกล่าวสิ่งใด ?  (บิดาฉันกล่าวว่า ท่านอะลี) เล่าว่า วันหนึ่ง ฉันได้เข้ามาพบท่านนบี(ศ)   ในขณะที่ดวงตาทั้งสองของท่านมีน้ำตาเอ่อล้น ฉันจึงถามว่า โอ้ท่านนบีแห่งอัลลอฮ์ ใครทำให้ท่านโกรธ แล้วมีเรื่องอะไรดวงตาทั้งสองของท่านจึงหลั่งน้ำตาออกมา ?  
ท่านกล่าวว่า : หามิได้ แต่ก่อนหน้านี้ท่านญิบรีลพึ่งลุกออกไปจากฉัน เขาได้เล่าให้ฉันฟังว่า แท้จริงอัลฮูเซนนั้นจะถูกสังหารที่ริมฝั่งน้ำฟูรอต ท่านกล่าวว่า เอาไหมฉันจะให้ท่านได้ดมกลิ่นจากดินที่เขา(จะถูกสังหาร) ?  ท่านอะลีกล่าวว่า เอาครับ แล้วท่านได้ยื่นมือของท่านออกมาให้ ซึ่งท่านได้เก็บดินไว้กำหนึ่ง ท่านมอบดินนั้นให้ฉัน  ฉันจึงมิอาจสกัดกั้นน้ำตาเอาไว้ได้

มุสนัดอิหม่ามอะหมัด หะดีษที่  613

สถานะหะดีษ : เศาะหิ๊หฺ  
ดูซิลซิละตุซ-ซอฮีฮะฮ์  หะดีษที่  1171  ตรวจทานโดยเชคอัลบานี
ชื่อ: Re:1 มุหัรรอม ฮ.ศ.1431 รำลึกโศกนาฎกรรมในวันอาชูรอ
โดย: L-umar เมื่อ พฤศจิกายน 30, 2009, 04:29:39 หลังเที่ยง


มุหัรร็อม ตอน 29 :  

คนแรกที่ร้องไห้เสียใจให้กับอิม่ามฮูเซนคือใคร

بِسْمِ اللّـــــهِ الرَّحْمَنِ الرَّحِيْمِ

หะดีษที่อะฮ์ลุสซุนนะฮ์รายงาน

عَنْ عُرْوَةَ عَنْ عَائِشَةَ  قَالَتْ: دَخَلَ الْحُسَيْنُ بْنُ عَلِيٍّ عَلَى رَسُوْلِ اللهِ (ص) وَهُوَ يُوْحَى إِلَيْهِ، فَقَالَ جَبْرَائِيْلُ : إِنَّ أُمَّتَكَ سَتُفْتَتَنَّ بَعْدَكَ وَتَقْتُلُ ابْنَكَ هَذَا مِنْ بَعْدِكَ، وَمَدَّ يَدَهُ فَأَتَاهُ بِتُرْبَةٍ بَيْضَاء، وَقَالَ : فِيْ هَذِهِ يُقْتَلُ ابْنُكَ، اِسُمُهَا الطَّفُّ، قَالَ : فَلَمَّا ذَهَبَ جَبْرَائِيْلُ، خَرَجَ رَسُوْلُ اللهِ (ص) إِلَى أَصْحَابِهِ وَالتُّرْبَةُ بِيَدِهِ ـ وَفِيْهِمْ : أَبُوْ بَكْرٍ، وَعُمَر، وَعَلِيٌّ، وَحُذَيْفَة، وَعُثْمَان، وَأَبُوْ ذَر ـ وَهُوَ يِبْكِي، فَقَالُوْا: مَا يَبْكِيْكَ يَا رَسُوْلَ اللهِ ؟ فَقَالَ : «أَخْبَرَنِيْ جَبْرَائِيْلُ : أَنَّ ابْنِي الْحُسَيْنَ يُقْتَلُ بَعْدِيْ بِأَرْضِ الطَّفِّ، وَجَاءَنِيْ بِهَذِهِ التُّرْبَةِ، فَأَخْبَرَنِيْ أَنَّ فِيْهَا مَضْجَعَهُ ».  

كتاب : أَعْلاَمُ النُّبُوَّةِ  الباب الثاني عشر ص : 23  


ท่านหญิงอาอิชะฮ์เล่าว่า :

ท่านฮูเซน บุตรอะลีได้เข้ามาหาท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ) ในขณะนั้นมีวะห์ยูมายังท่าน,  ท่านญิบรออีลกล่าวว่า : แท้จริงประชาชาติของท่านจะสร้างฟิตนะฮ์หลังจากท่านจากไป และพวกเขาจะสังหารหลานชายท่านคนนี้หลังจากท่านจากไป  ท่านญิบรออีลได้ยื่นดินสีขาวให้ท่านนบี และกล่าวว่า :

หลานชายของท่านจะถูกสังหารที่แผ่นดินนี้ มันมีชื่อว่า อัต-ต็อฟ  

เมื่อท่านญิบรออีลจากไป ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)ได้ออกมาพบกับซอฮาบะฮ์ของท่าน ตอนนั้นมีท่านอบูบักร  อุมัร  อาลี  ฮุซัยฟะฮ์  อุษมาน  อบูซัร  มีดินอยู่ในมือท่านและท่านอยู่ในสภาพร้องไห้  บรรดาซอฮาบะฮ์จึงถามว่า โอ้ท่านรอซูลุลลอฮ์อะไรทำให้ท่านร้องไห้หรือ ?  ท่านตอบว่า : ท่านญิบรออีลได้แจ้งให้ฉันทราบว่า : แท้จริงฮูเซนหลานชายของฉันนั้น จะถูกสังหารหลังจากฉันจากไปที่แผ่นดินชื่อต็อฟ  แล้วท่านยังนำดินที่นั่นมาให้ฉันด้วย ท่านบอกว่า ณ.ที่นั่นคือที่ตายของเขา(ฮูเซน)

อ้างอิงจากหนังสือ
อะอ์ลามุน-นุบูวะฮ์ โดยอัลมาวัรดี  บาบที่  12 หน้า 23
ชื่อ: Re:1 มุหัรรอม ฮ.ศ.1431 รำลึกโศกนาฎกรรมในวันอาชูรอ
โดย: L-umar เมื่อ พฤศจิกายน 30, 2009, 04:32:52 หลังเที่ยง

มุหัรร็อม ตอน 30 :  

คนแรกที่ร้องไห้เสียใจให้กับอิม่ามฮูเซนคือใคร

بِسْمِ اللّـــــهِ الرَّحْمَنِ الرَّحِيْمِ

อะฮ์ลุสซุนนะฮ์รายงาน

حَدَّثَنَا مُؤَمَّلٌ حَدَّثَنَا عُمَارَةُ بْنُ زَاذَانَ حَدَّثَنَا ثَابِتٌ عَنْ أَنَسِ بْنِ مَالِكٍ
أَنَّ مَلَكَ الْمَطَرِ اسْتَأْذَنَ رَبَّهُ أَنْ يَأْتِيَ النَّبِيَّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ فَأَذِنَ لَهُ فَقَالَ لِأُمِّ سَلَمَةَ امْلِكِي عَلَيْنَا الْبَابَ لَا يَدْخُلْ عَلَيْنَا أَحَدٌ قَالَ وَجَاءَ الْحُسَيْنُ لِيَدْخُلَ فَمَنَعَتْهُ فَوَثَبَ فَدَخَلَ فَجَعَلَ يَقْعُدُ عَلَى ظَهَرِ النَّبِيَّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ وَعَلَى مَنْكِبِهِ وَعَلَى عَاتِقِهِ قَالَ فَقَالَ الْمَلَكُ لِلنَّبِيِّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ أَتُحِبُّهُ قَالَ نَعَمْ قَالَ أَمَا إِنَّ أُمَّتَكَ سَتَقْتُلُهُ وَإِنْ شِئْتَ أَرَيْتُكَ الْمَكَانَ الَّذِي يُقْتَلُ فِيهِ فَضَرَبَ بِيَدِهِ فَجَاءَ بِطِينَةٍ حَمْرَاءَ فَأَخَذَتْهَا أُمُّ سَلَمَةَ فَصَرَّتْهَا فِي خِمَارِهَا    قَالَ قَالَ ثَابِتٌ بَلَغَنَا أَنَّهَا كَرْبَلَاءُ

ท่านอนัส บินมาลิกเล่าว่า :

มลาอิกะฮ์ฝนขออนุญาติต่ออัลลอฮ์ที่จะพบท่านนบี(ศ) พระองค์ทรงอนุญาตแก่เขา
ท่านนบีกล่าวกับท่านหญิงอุมมุ สะละมะฮ์ว่า :  เธอจงเฝ้าประตูให้เราที อย่าให้ใครเข้ามาหาเรา  

ท่านอนัสเล่าว่า : ท่านฮูเซนได้มา นางได้กันเขาไว้ ท่านฮูเซนได้พรวดพราดเข้ามาอย่างกะทันหัน แล้วก็โผขึ้นไปนั่งบนหลังท่านนบี(ศ)บนบ่าและไหล่ของท่าน  ท่านมลาอิกะฮ์กล่าวกับท่านนบีว่า  : ท่านรักหลานชายคนนี้ไหม ?  นบีตอบว่า รักสิ

มลาอิกะฮ์กล่าวว่า  :
ในอนาคตประชาชาติของท่าน จะสังหารเขา    หากท่านอยากเห็น ฉันจะให้ท่านดูสถานที่ ที่เขาจะถูกสังหาร  แล้วมลาอิกะฮ์ได้ตบมือของเขา แล้วเขาได้นำดินสีแดงมา  ท่านหญิงอุมมุ สะละมะฮ์ได้รับดินนั้นมาไว้ในฮิญาบนาง  
ท่านอนัสกล่าวว่า :  แน่นอนมันได้มาถึงเราว่า   ดินนั้นคือ กัรบาลา


อ้างอิงจากหนังสือ

มุสนัดอะหฺมัด  เล่ม 27 : 97   หะดีษที่ 13050
มุสนัด อบียะอ์ลา  เล่ม  7: 422   หะดีษที่  3380
ซอฮีฮุอิบนิ ฮิบบาน  เล่ม  28 : 25  หะดีษที่  6866
อัลมุอ์ญัม อัลกะบีร  เล่ม 3 : 106  หะดีษที่ 2813
ชื่อ: Re:1 มุหัรรอม ฮ.ศ.1431 รำลึกโศกนาฎกรรมในวันอาชูรอ
โดย: L-umar เมื่อ พฤศจิกายน 30, 2009, 04:45:09 หลังเที่ยง

มุหัรร็อม ตอน 31 :  

คนแรกที่ร้องไห้เสียใจให้กับอิม่ามฮูเซนคือใคร

بِسْمِ اللّـــــهِ الرَّحْمَنِ الرَّحِيْمِ

หากถามว่า  เรื่องที่ท่านนบีมุฮัมมัด(ศ)ร้องไห้เสียใจให้กับการที่อิม่ามฮูเซนจะถูกสังหารนั้น  มีรายงานจากอะฮ์ลุลบัยต์หรือไม่   ?    

คำตอบคือ   มีรายงาน ดังต่อไปนี้


อะฮ์ลุลบัยต์รายงาน

مُحَمَّدُ بْنُ يَحْيَى عَنْ أَحْمَدَ بْنِ مُحَمَّدٍ عَنِ الْوَشَّاءِ وَ الْحُسَيْنُ بْنُ مُحَمَّدٍ عَنْ مُعَلَّى بْنِ مُحَمَّدٍ عَنِ الْوَشَّاءِ عَنْ أَحْمَدَ بْنِ عَائِذٍ عَنْ أَبِي خَدِيجَةَ عَنْ أَبِي عَبْدِ اللَّهِ ( عليه السلام ) قَالَ لَمَّا حَمَلَتْ فَاطِمَةُ ( عليها السلام ) بِالْحُسَيْنِ جَاءَ جَبْرَئِيلُ إِلَى رَسُولِ اللَّهِ ( صلى الله عليه وآله ) فَقَالَ إِنَّ فَاطِمَةَ ( عليها السلام ) سَتَلِدُ غُلَاماً تَقْتُلُهُ أُمَّتُكَ مِنْ بَعْدِكَ
فَلَمَّا حَمَلَتْ فَاطِمَةُ بِالْحُسَيْنِ ( عليه السلام ) كَرِهَتْ حَمْلَهُ وَ حِينَ وَضَعَتْهُ كَرِهَتْ وَضْعَهُ ثُمَّ قَالَ أَبُو عَبْدِ اللَّهِ ( عليه السلام ) لَمْ تُرَ فِي الدُّنْيَا أُمٌّ تَلِدُ غُلَاماً تَكْرَهُهُ وَ لَكِنَّهَا كَرِهَتْهُ لِمَا عَلِمَتْ أَنَّهُ سَيُقْتَلُ قَالَ وَ فِيهِ نَزَلَتْ هَذِهِ الْآيَةُ وَ وَصَّيْنَا الْإِنْسانَ بِوالِدَيْهِ حُسْناً حَمَلَتْهُ أُمُّهُ كُرْهاً وَ وَضَعَتْهُ كُرْهاً وَ حَمْلُهُ وَ فِصالُهُ ثَلاثُونَ شَهْراً .


ท่านอิม่ามศอดิก อะลัยฮิสสลามเล่าว่า :

ตอนที่ท่านหญิงฟาติมะฮ์ตั้งครรถ์ท่านอิม่ามฮูเซน  ท่านญับรออีลได้มาหาท่านรอซูลุลลอฮฺ(ศ)  
ท่านญับรออีลกล่าวว่า  : แท้จริงฟาติมะฮ์(บุตรีท่าน)จะคลอดบุตรชาย  ประชาชาติของท่านจะสังหารเขา หลังจากท่านจากไปแล้ว  
เมื่อท่านหญิงฟาติมะฮ์ตั้งครรถ์ทารกน้อยฮูเซน  นางได้อุ้มครรถ์บุตรด้วยความเหนื่อยยาก และได้คลอดบุตรออกมาด้วยความทุกข์ระทม
ท่านอิม่ามศอดิกเล่าว่า : ไม่เคยเห็นมารดาคนใดในโลกที่ให้กำเนิดบุตรชายโดยนางไม่ปรารถนาที่จะได้เขา  แต่ท่านหญิงฟาติมะฮ์ได้ทุกข์ระทมต่อบุตรคนนี้ เนื่องจากนางได้รู้มาว่า แท้จริงเขาจะต้องถูกสังหารในอนาคต  
ท่านอิม่ามศอดิกกล่าวว่า  : และได้มีโองการกุรอ่านประทานลงมาเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า

( และเราได้สั่งเสียมนุษย์ให้ทำดีต่อบิดามารดาของเขา  มารดาเขาได้อุ้มครรถ์เขาด้วยความเหนื่อยาก และได้คลอดเขาด้วยความเจ็บปวดทุกข์ระทม และการอุ้มครรถ์เขา และการหย่านมของเขาในระยะเวลาสามเดือน )  

ซูเราะฮ์อัลอะห์กอฟ : 15

สถานะหะดีษ : ซอฮี๊ฮฺ
ดูอัลกาฟี  เชคกุลัยนี  เล่ม  1  หน้า 464 หะดีษที่ 3
ตรวจทานโดยมัรกะซุล บุฮูซ คอมพิวเตอร์ ลิลอุลูมิลอิสลามียะฮ์ เมืองกุม อิหร่าน
ชื่อ: Re:1 มุหัรรอม ฮ.ศ.1431 รำลึกโศกนาฎกรรมในวันอาชูรอ
โดย: L-umar เมื่อ ธันวาคม 01, 2009, 09:14:46 ก่อนเที่ยง


มุหัรร็อม ตอน 32 :  

คนแรกที่ร้องไห้เสียใจให้กับอิม่ามฮูเซนคือใครبِسْمِ اللّـــــهِ الرَّحْمَنِ الرَّحِيْمِ


อะฮ์ลุลบัยต์รายงาน


حَدَّثَنِيْ أَبِيْ ـ رَحِمَهُ اللهُ تَعَالى ـ قَالَ : حَدَّثَنِيْ سَعْدُ بْنُ عَبْدِاللهِ بْنِ أَبِيْ خَلَفٍ ، عَنْ أَحْمَدَ بْنِ مُحَمَّدِ بْنِ عِيْسَى ، عَنِ الْحُسَيْنِ بْنِ سَعِيْدٍ ، عَنِ النَّضْرِ بْنِ سُوَيْدٍ ، عَنْ يَحْيَى اَلْحَلَبِيّ ، عَنْ هَارُوْنَ بْنِ خَارِجَةَ ، عَنْ أَبِيْ بَصِيْرٍ ، عَنْ أَبِيْ عَبْدِاللهِ عَلَيْهِ السَّلاَمِ « قَالَ : إِنَّ جَبْرَئِيْلَ أَتَى رَسُوْلَ الله صلّى الله عليه وآله وسلّم ـ وَالْحُسَيْنُ يَلْعَبُ بَيْنَ يَدَيْهِ ـ فَأَخْبَرَهُ أَنَّ اُمَّتَهُ سَتَقْتُلُهُ ، قَالَ : فَجَزَعَ رَسُوْلُ الله صلى الله عليه وآله وسلم

ท่านอิม่ามศอดิก(อ)เล่าว่า :

แท้จริงท่านญิบรออีลได้มาพบท่านรอซูลุลลอฮ์ (ศ) ( ขณะนั้นมีท่านฮูเซนกำลังเล่นอยู่ตรงหน้าท่าน ) ท่านญิบรออีลได้แจ้งข่าวกับท่านรอซูลฯว่า

แท้จริงประชาชาติของเขาจะสังหารเขา  

อิม่ามศอดิกเล่าว่า :   ท่านรอซูลุลลอฮ์ (ศ) จึงโศกเศร้าทุกข์ระทมใจเป็นอย่างยิ่ง  


สถานะหะดีษ : เศาะหิ๊หฺ

ดูกามิลุต-ซิยารอต โดยอิบนุ กูละวัยฮฺ  มรณะฮ.ศ. 367 หน้า 57 บาบที่ 17  หะดีษที่ 1  
และบิฮารุลอันวาร โดยอัลลามะฮ์มัจญ์ลิซี เล่ม 44  หน้า  235



วิเคราะห์สายรายงาน

อิบนุ กูละวัยฮฺ ► สะอัด บินอับดุลลอฮฺ บินอบีค่อลัฟ ► อะหมัด บินมุฮัมมัด บินอีซา► อัลฮูเซน บินสะอีด ► อันนัฎรุ บินสุวัยดฺ ► ยะห์ยา อัลหะละบี ► ฮารูน บินคอริญะฮ์ ►  อบูบะศีร ► อิม่ามอบี อับดิลละฮ์  คืออิม่ามศอดิก(อ)


อิบนุ กูละวัยฮฺ

เชคอับบาส อัลกุมมีกล่าวว่า อบุลกอสิม ญะอ์ฟัร บิน มุฮัมมัด บิน ญะอ์ฟัร บิน มูซา อิบนิ กูละวัยฮฺ อัลกุมมี คือชัยคุลฟะกีฮ์  มุฮัดดิษ  การรายงานเชื่อถือได้ ผู้ทรงคุณวุฒิ  มีวาจาสัตย์ หนึ่งจากตำราของเขาคือ หนังสือ กามิลุซ-ซิยารอต อันเป็นตำราที่มีค่ายิ่ง
หนังสือ อัลกุนา วัลอัลกอบ โดยเชคอับบาส กุมมี  เล่ม 49 หน้า 10


สะอัด บิน อับดุลลอฮฺ บิน อบี ค่อลัฟ

ท่านอัลลามะฮ์ อัลฮิลลีกล่าวว่า : สะอัด บิน อับดุลลอฮฺ บิน อบี ค่อลัฟ อัลอัชอะรี อัลกุมมี  การรายงานเชื่อถือได้ เขาได้พบกับท่านอิม่ามฮาซัน อัสการี (อ)
หนังสือ คุลาเศาะตุล อักวาล  เล่ม  16 หน้า 2  อันดับที่ 3


อะหมัด บิน มุฮัมมัด บิน อีซา นั้นการรายงานเชื่อถือได้

หนังสือ มะชายิค อัษ-ษิกอต  ฆุล่าม ริฎอ อิรฟานียาน เล่ม  1 หน้า 50  อันดับที่ 19
ท่านเชคตูซีกล่าวว่า : อะหมัด บิน มุฮัมมัด บิน อีซา อัลอัชอะรี อัลกุมมี  การรายงานเชื่อถือได้
หนังสือ ริญาล อัต-ตูซี  เล่ม 1 หน้า 164 อันดับที่ 3 - 5197
ท่านอัลลามะฮ์ อัลฮิลลีกล่าวว่า : (อะหมัด บิน มุฮัมมัด บิน อีซา  )ในทัศนะของข้าพเจ้านั้น หะดีษเขาถูกยอมรับ
หนังสือ คุลาเศาะตุล อักวาล  เล่ม  5 หน้า 10  อันดับที่ 3


อัลฮูเซน บิน สะอีด

ท่านอัลลามะฮ์ อัลฮิลลีกล่าวว่า : อัลฮูเซน บิน สะอีด การรายงานเชื่อถือได้ รายงานหะดีษจากอิม่ามริฎอ ,อิม่ามอบู ญะอ์ฟัร และอิม่ามอบุลฮาซัน ที่ 3 (อ)
หนังสือ คุลาเศาะตุล อักวาล  เล่ม  1 หน้า 104  อันดับที่ 4


อัน-นัฎรฺ บิน สุวัยดฺ

ท่านเชคตูซีกล่าวว่า : อัน-นัฎรฺ บิน สุวัยดฺ  การรายงานเชื่อถือได้
หนังสือ ริญาล อัต-ตูซี  เล่ม 1 หน้า 162 อันดับที่ 2 - 5147


ยะห์ยา ( บิน อิมรอน ) อัลหะละบี

ท่านสัยยิดมุฮัมมัด อะลี อัลอัฟต่อฮีกล่าวว่า :  ในหนังสือมิ๊กลาศ บิน อบิล ค็อตตอบ มีสายรายงานที่ซอฮี๊ฮฺจากยะห์ยา อัลหะละบีจากบิดาเขา ซึ่งรายงานหะดีษจากรอวีที่เชื่อถือได้กลุ่มหนึ่ง
หนังสือ ตะฮ์ซีบุล มะกอล เล่ม 4 หน้า 2 อันดับที่ 13 - 190


ฮารูน บิน คอริญะฮ์

ท่านนะญาชีกล่าวว่า :  ฮารูน บิน คอริญะฮ์ ชาวกูฟะฮ์  การรายงานเชื่อถือได้
หนังสือ ตะฮ์ซีบุล มะกอล เล่ม 1 หน้า 312 อันดับที่ 1176


อบู บะศีร  ชื่อจริงคือ ลัยษ์ บิน อัลบัคตะรี อัลมุรอดี ฉายาอบู มุฮัมมัด

อบู บะศีร คือนักรายงานหะดีษที่น่าเชื่อถืออย่างยิ่งเป็นซอฮาบะฮ์ของท่านอิม่ามบาเก็ร,อิม่ามศอดิกและอิม่ามมูซา กาซิม (อ)
ท่านเชค อิบนุ ดาวูด อัลฮิลลี กล่าวว่า อบูบะศีร  การรายงานเชื่อถือได้อย่างมั่นใจยิ่ง
ท่านชะฮีด ษานี กล่าวว่า อบูบะศีร  เป็นที่รู้กันว่า การรายงานของเขาเชื่อถือได้
ท่านอิบนุ เฆาะฎออิรี กล่าวว่า :  อบูบะศีร ในทัศนะของฉัน การรายงานเชื่อถือได้
หนังสือ ริญาล อิบนุ เฆาะฎออิรี เล่ม 8 หน้า 2 อันดับที่ 6-6


สรุป

นักรายงานหะดีษ ทุกคน   เชื่อถือได้   จึงหะดีษมีสถานะ เศาะหิ๊หฺ
ชื่อ: Re:1 มุหัรรอม ฮ.ศ.1431 รำลึกโศกนาฎกรรมในวันอาชูรอ
โดย: L-umar เมื่อ ธันวาคม 01, 2009, 09:20:37 ก่อนเที่ยง

มุหัรร็อม ตอน 33 :  

คนแรกที่ร้องไห้เสียใจให้กับอิม่ามฮูเซนคือใคร

بِسْمِ اللّـــــهِ الرَّحْمَنِ الرَّحِيْمِ

อะฮ์ลุลบัยต์รายงาน

حَدَّثَنِيْ أَبِيْ ـ رَحِمَهُ اللهُ ـ عَنْ سَعْدِ بْنِ عَبْدِاللهِ ، عَنْ مُحَمَّدِ بْنِ عِيْسَى بْنِ عُبَيْدٍ الْيَقْطِيْنِيِّ ، عَنْ مُحَمَّدِ بْنِ سِنَانٍ ، عَنْ أَبِيْ سَعِيْدٍ القَمَّاط عَنِ ابْنِ أَبِي يَعْفُوْر ، عَنْ أَبِيْ عَبْدِاللهِ عَلَيْهِ السَّلاَم «قَالَ : بَيْنَمَا رَسُوْلُ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَآلِهِ وَسَلَّم فِيْ مَنْزِلِ فَاطِمَةَ عَلَيْهَا السَّلاَم وَالْحُسَيْنُ فِي حِجْرِهِ إِذْ بَكَى وَخَرَّ سَاجِداً ، ثُمَّ قَالَ : يَا فَاطِمَةَ بِنْتِ مُحَمَّدٍ ! إنَّ الْعَلِيَّ الْأَعْلَى تُرَائِي لِي فِي بَيْتِكِ هَذَا فِي سَاعَتِيْ هَذِهِ فِي أَحْسَنِ صُوْرَةٍ وَأَهْيَأَ هَيْئَةٍ ، وَقَالَ لِي : يَامُحَمَّدُ أَتُحِبُّ الْحُسَيْنَ ؟ فَقَالَ : نَعَمْ ؛ قُرَّةُ عَيْنِيْ وَرَيْحَانَتِيْ وَثَمَرَةُ فُؤَادِيْ ؛ وَجِلْدَةُ مَا بَيْنَ عَيْنَيَّ ، فَقَالَ لِي : يَا مُحَمَّدُ ـ وَوَضَعَ يَدَهُ عَلَى رَأْسِ الْحُسَيْنِ عَلَيْهِ السَّلاَم ـ بُوْرَكَ مِنْ مَوْلُوْدٍ عَلَيْهِ بَرَكَاتِيْ وَصَلَوَاتِيْ وَرَحْمَتِيْ وَرِضْوَانِيْ ؛ وَلَعْنَتِيْ وَسَخَطِيْ وَعَذَابِيْ وَخِزْيِيْ وَنَكَالِيْ عَلَى مَن قَتَلَهُ وَنَاصَبَهُ وَنَاوَأَهُ وَنَازَعَهُ ، أَمَّا إِنَّهُ سَيِّّدُ الشُّهَدَاءِ مِنَ الاُوَّلينَ وَالآخِرِيْنَ فِي الدُّنْيَا وَالْآخِرَةِ ـ وذكر الحديث ـ »


ท่านอิม่ามศอดิกเล่าว่า  :  

ตอนที่ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ็อลฯ)อยู่ในบ้านของท่านหญิงฟาติมะฮ์ มีท่านฮูเซนอยู่บนตักของท่าน   ทันใดท่านได้ร้องไห้ออกมาและทรุดตัวลงสุญูด แล้วกล่าวว่า  โอ้ฟาติมะฮ์ บุตรีของมุฮัมมัด  แท้จริงอัลลอฮ์ผู้ทรงสูงส่งยิ่งได้ส่งญิบรออีลลงมาสำแดงแก่ฉันในบ้านของเธอ ณ.บัดนี้ในรูปร่างและภาพลักษณ์ที่งดงามที่สุด  และเขาได้ถามฉันว่า : โอ้มุฮัมมัด ท่านรักฮูเซนไหม ?    ฉันตอบว่า รักซิ  เขาคือแก้วตาดวงใจของฉัน คือต้นไม้กลิ่นหอมของฉัน คือผลไม้ดวงใจของฉันและคือหนังผืนหนึ่งที่อยู่ระหว่างดวงตาทั้งสองของฉัน   ท่านญิบรออีลจึงวางมือไว้บนศรีษะของฮูเซน  และกล่าวกับท่านรอซูลฯว่า  
โอ้มุฮัมมัด ( อัลลอฮ์ทรงตรัสว่า ) ข้าได้ประทานให้เด็กน้อยคนนี้ได้รับบะร่อกัต,ซอละวาต,เราะห์มัตและความพึงพอใจของข้า  และการละอ์นัตสาปแช่ง,ความพิโรธ,การลงโทษ,ความอัปยศตกต่ำของข้าจงมีแก่ผู้ที่สังหารเด็กน้อยคนนี้ ผู้ตั้งตนเป็นศัตรูต่อเขา  ผู้ที่ชิงดีชิงเด่นกับเขาและต่อสู้กับเขา เขา(ฮูเซน)คือหัวหน้าแห่งบรรดาชะฮีดของชนรุ่นก่อนและรุ่นหลังทั้งในดุนยาและอาคิเราะฮ์    



สถานะหะดีษ :  เศาะหิ๊หฺ

ดูกามิลุต-ซิยารอต โดยอิบนุ กูละวัยฮฺ หน้า 65-66 บาบที่ 21  หะดีษที่ 1



ขอให้พี่น้องมุสลิมทั้งหลายลองตรองดูเถิดว่า

หากท่านนบีมุฮัมมัด(ศ)ยังมีชีวิตอยู่จนถึงวันที่อท่านฮูเซนถูกกองทัพยะซีดสังหาร ท่านนบีฯก็ต้องร้องไห้และจัดงานไว้ทุกข์นี้ให้กับหลานชายท่านอย่างแน่นอน
 
แล้วทำไมมุสลิมจึงไม่ร้องไห้ให้กับอิม่ามฮูเซนหลังจากเขาถูกสังหารเล่า ?  

ความโศกเศร้าและน้ำตามันทำให้มุสลิมเฉไฉออกไปจากซุนนะฮ์ที่ท่านนบีมุฮัมมัด(ศ)เคยกระทำไว้กระนั้นหรือ ?
ชื่อ: Re:1 มุหัรรอม ฮ.ศ.1431 รำลึกโศกนาฎกรรมในวันอาชูรอ
โดย: L-umar เมื่อ ธันวาคม 02, 2009, 06:05:06 หลังเที่ยง

มุหัรร็อม ตอน 34 :  

อะฮ์ลุลบัยต์กับพิธีมุหัรร็อม

بِسْمِ اللّـــــهِ الرَّحْمَنِ الرَّحِيْمِ

บรรดาอิม่ามแห่งอะฮ์ลุลบัยต์ได้จัดการบรรยายเหตุการณ์วันอาชูรอและส่งเสริมให้กระทำเช่นนั้น


ในฐานะที่บรรดาอิม่ามแห่งอะฮ์ลุลบัยต์คืออัษ-ษะก่อลัยน์ (สิ่งหนักประการที่สอง) ที่ท่าน นบีมุฮัมมัด(ศ)สั่งเสียมุสลิมให้ปฏิบัติตาม มุสลิมจะไม่หลงทางหากปฏิบัติตามพวกเขา และผู้ใดฝ่าฝืนจะไม่มีวันได้รับการชี้นำจากอัลลอฮ์  แน่นอนในวิถีชีวิตของบรรดาอิม่ามแห่งอะฮ์ลุลบัยต์ได้สนับสนุนการจัดมัจญ์ลิสอาชูรอมาโดยตลอด อีกทั้งยังกำชับให้มุสลิมจัดงานนี้มาโดยตลอดเช่นกันทุกยุคและทุกสมัย


อะฮ์ลุลบัยต์กับการร้องไห้ให้กับท่านอิม่ามฮูเซน


حَدَّثَنِيْ مُحَمَّدُ بْنُ الْحَسَنِ ، عَنْ مُحَمَّدِ بْنِ الْحَسَنِ الصَّفَّارِ ، عَنْ أَحْمَدَ بْنِ مُحَمَّدِ بْنِ عِيْسَى ، عَنْ مُحَمَّدِ بْنِ خَالِدٍ اَلْبَرْقِيِّ ، عَنْ أَبَانِ الْأَحْمَرِ ، عَنْ مُحَمَّدِ بْنِ الْحُسَيْنِ الْخَزَّازِ ، عَنْ هَارُوْنَ بْنَ خَارِجَةِ ، عَنْ أَبِيْ عَبْدِاللهِ عَلَيْهِ السَّلاَمِ « قَالَ : كُنَّا عِنْدَهُ فَذَكَرْنَا الْحُسَيْنَ (عَلَيْهِ السَّلاَم)، فَبَكَى أَبُوْ عَبْدِ اللهِ (عَلَيْهِ السَّلاَم) وَبَكَيْنَا، قَالَ: ثُمَّ رَفَعَ رَأْسَهُ، فَقَالَ: قَالَ الْحُسَيْنُ (عَلَيْهِ السَّلاَم): أَنَا قَتِيْلُ الْعِبْرَةِ لاَ يَذْكُرُنَيْ مُؤْمِنٌ اِلاَّ بَكَى ».

ท่านอิม่ามฮูเซน บินอะลี (อ) กล่าวว่า :

ความตายของฉันคือ "อุทาหรณ์ " อันแสนเศร้า ไม่มีมุอ์มิน(ผู้ศรัทธา)คนใดกล่าวถึงเรื่องราวของฉัน

เว้นแต่เขาต้องร่ำไห้ ( เพราะเศร้าใจต่อโศกนาฏกรรมที่เกิดกับฉัน)สถานะหะดีษ : เศาะหิ๊หฺ

ดูกามิลุต-ซิยารอต  โดยอิบนุ กูละวัยฮฺ หน้า 117 บาบที่ 36  หะดีษที่ 6


ในเมื่อท่านนบีมุฮัมมัด(ศ็อลฯ)ยังบอกกับประชาชาติของท่านว่า ฮูเซนหลานชายจะถูกอุมมะฮ์ของท่านสังหารเขา  

แน่นอนท่านย่อมต้องบอกให้หลานชาย(ฮูเซน)รับรู้ก่อนใครๆ

มันจะไม่เศร้าสลดใจได้อย่างไร ในเมื่อคนลงมือสังหารฮูเซน คือ ประชาชาติของท่านเอง

และท่านอิม่ามฮูเซนกล่าวย้ำว่า "ความตายของฉันคืออุทาหรณ์อันแสนเศร้า "


ดังที่อัลลอฮ์ตะอาลาทรงตรัสว่า

لَقَدْ كَانَ فِي قَصَصِهِمْ عِبْرَةٌ لِّأُوْلِي الأَلْبَابِ


โดยแน่นอนยิ่ง ในเรื่องราวของพวกเขาคือ"อุทาหรณ์ "สำหรับบรรดาผู้มีวิจารณญาณ    

ซูเราะฮ์ยูซุฟ  : 111


แต่บนโลกใบนี้จะมีผู้มีวิจารณญาณสักกี่คนที่ใคร่ครวญว่า ฮูเซน ยอมตายเพื่ออะไร ?
ชื่อ: Re:1 มุหัรรอม ฮ.ศ.1431 รำลึกโศกนาฎกรรมในวันอาชูรอ
โดย: L-umar เมื่อ ธันวาคม 04, 2009, 09:00:02 ก่อนเที่ยง

มุหัรร็อม ตอน 35 :  

อะฮ์ลุลบัยต์กับพิธีมุหัรร็อม


بِسْمِ اللّـــــهِ الرَّحْمَنِ الرَّحِيْمِ

حَدَّثَنِي الْحَسَنُ بْنُ عَبْدِ اللهِ بْنِ مُحَمَّدِ بْنِ عِيْسَى، عَنْ أَبِيْهِ، عَنِ الْحَسَنِ بْنِ مَحْبُوْبٍ، عَنِ الْعَلاَ بْنِ رَزِيْن، عَنْ مُحَمَّدِ بْنِ مُسْلِم، عَن أَبِيْ جَعْفَرٍ (عَلَيْهِ السَّلاَم)، قَالَ : كَانَ عَلِيُّ بْنُ الْحُسَيْنِ (عَلَيْهِمَا السَّلاَم) يَقُوْلُ : أَيُّمَا مُؤْمِنٍ دَمَعَتْ عَيْنَاهُ لِقَتْلِ الْحُسَيْنِ بْنِ عَلِيٍّ (عليهما السلام) دَمْعَةً حَتَّى تَسِيْلَ عَلَى خَدِّهِ بَوَّأَهُ اللهُ بِهَا فِي الْجَنَّةِ غُرَفًا يَسْكُنُهَا أَحْقَابًا، وَأَيُّمَا مُؤْمِنٍ دَمَعَتْ عَيْنَاهُ حَتَّى تَسِيْلَ عَلَى خَدِّهِ فِيْنَا لِاَذَي مَسَّنَا مِنْ عَدُوِّنَا فِي الدُّنْيَا بَوَّأَهُ اللهُ بِهَا فِي الْجَنَّةِ مَبَوَّأَ صِدْقٍ، وَأَيُّمَا مُؤْمِنٍ مَسَّهُ أَذَى فِيْنَا فَدَمَعَتْ عَيْنَاهُ حَتَّى تَسِيْلَ عَلَى خَدِّهِ مِنْ مَضَاضَةٍ  مَا اُوْذِيَ فِيْنَا صَرَّفَ اللهُ، عَنْ وَجْهِهِ الْاَذَى وَآمَنَهُ يَوْمَ الْقِيَامَةِ مِنْ سَخَطِهِ وَالنَّارِ


ท่านอิม่ามอะลี บินฮูเซน(อ)กล่าวว่า  :  

มุอ์มิน(ผู้ศรัทธา)คนใดที่ดวงตาทั้งสองของเขาหลั่งน้ำตาเพราะเรื่องที่ฮูเซนบุตรอะลีถูกสังหาร จนไหลอาบแก้มเขา  อัลลอฮ์จะทรงมอบห้องหนึ่งในสวรรค์ให้เขาเพราะน้ำตานั้น เขาจะได้พำนักที่นั่นไปอย่างยาวนานหลายหุกุ๊บ(หนึ่งหุกุ๊บ = 80 ปี )  

มุอ์มินคนใดที่ดวงตาทั้งสองของเขาหลั่งน้ำตาจนไหลอาบแก้มเขาเกี่ยวกับเรื่องราวของเรา เนื่องจากเราโดนทำร้ายจากศัตรูเราในดุนยา  อัลลอฮ์จะทรงจัดสถานที่แห่งสัจจะในสวรรค์ให้เขาเพราะน้ำตานั้น

มุอ์มินคนใดโดนทำร้าย(หรือได้รับความเดือดร้อน)เพราะเรื่องราวของเรา แล้วดวงตาทั้งสองของเขาหลั่งน้ำตาจนไหลอาบแก้มเขา เนื่องจากความเจ็บปวด(และความเดือดร้อน)ที่ได้รับเพราะเรื่องราวของเรา  อัลลอฮ์จะทรงปัดเป่าความเจ็บปวดเดือดร้อนนั้นออกไปจากใบหน้าเขาและคุ้มครองเขาให้พ้นจากความพิโรธของพระองค์และพ้นจากไฟนรกในวันกิยามะฮ์


สถานะหะดีษ : เศาะหิ๊หฺ

ดูกามิลุต-ซิยารอต โดยอิบนุ กูละวัยฮฺ  หน้า 106 บาบที่ 32  หะดีษที่ 1
ชื่อ: Re:1 มุหัรรอม ฮ.ศ.1431 รำลึกโศกนาฎกรรมในวันอาชูรอ
โดย: L-umar เมื่อ ธันวาคม 08, 2009, 12:03:03 หลังเที่ยง


มุหัรร็อม ตอน 36 :  

อะฮ์ลุลบัยต์กับพิธีมุหัรร็อม


بِسْمِ اللّـــــهِ الرَّحْمَنِ الرَّحِيْمِ

 عَنْ أَبِيْ عَبْدِالله عَلَيْهِ السَّلاَم  قَالَ  : إنَّ الْبُكَاءَ وَالْجَزَعَ مَكْرُوْهٌ لِلْعَبْدِ فِيْ كُلِّ مَا جَزَعَ مَا خَلاَ الْبُكَاءُ وَالْجَزَعُ عَلَى الْحُسَـيْنِ بْنِ عَلِيٍّ عَلَيْهِمَا السَّلاَم ، فَإنَّـهُ فِـيْهِ مَأْجُوْرٌ


ท่านอิม่ามศอดิก(อ)กล่าวว่า :  

แท้จริงการร้องไห้และการเศร้าโศกเสียใจอย่างรุนแรงเป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำสำหรับบ่าว(ของอัลลอฮ์)ในทุกสิ่งที่เขาได้เสียใจมาก  

ยกเว้น การร้องไห้และเสียใจอย่างรุนแรงให้กับอิม่ามฮูเซน บินอะลี

เพราะแท้จริงในการกระทำสิ่งนั้นจะได้รับรางวัลตอบแทน


สถานะหะดีษ : เศาะหิ๊หฺ

ดูกามิลุต-ซิยารอต โดยอิบนุ กูละวัยฮฺ  หน้า 107 บาบที่ 32  หะดีษที่ 2




หะดีษทั้งหมดที่พี่น้องอะฮ์ลุสซุนนะฮ์และอิม่ามแห่งอะฮ์ลุลบัยต์รายงาน คือ


หลักฐานพิสูจน์ว่า   " พิธีมุหัรร็อม " เป็นสิ่งที่อิสลามอนุญาติ  

และสามารถกล่าวได้อย่างมั่นใจว่า  การไว้ทุกข์ให้กับอิม่ามฮูเซนคือ  

สิ่งที่ท่านนบีมุฮัมมัด(ศ)และอิม่ามแห่งอะฮ์ลุลบัยต์(อ)ได้กระทำและส่งเสริมให้กระทำ มันจึงเป็น " ซุนนะฮ์ "



หากบุคคลใดปฏิเสธหลักฐานเปรียบเทียบดังที่กล่าวมา

เราต้องขอจบการสนทนาทางวิชาการนี้ด้วยพระดำรัสของอัลลอฮ์ที่ตรัสว่า

وَإِذَا خَاطَبَهُمُ الْجَاهِلُوْنَ قَالُوْا سَلاَماً

เมื่อผู้ไร้ความรู้ทั้งหลายได้สนทนากับพวกเขา(ผู้ศรัทธา)

พวกเขาจะกล่าวว่า ขอสันติพึง(มีแด่พวกท่าน )  

ซูเราะฮ์อัลฟุรกอน : 63


ให้ท่านได้อ่านอัลฟาติหะฮ์ให้กับท่านอิม่ามฮูเซนและบรรดาชุฮะดาอ์ด้วย

بِسْمِ اللَّهِ الرَّحْمَنِ الرَّحِيمِ (1) الْحَمْدُ لِلَّهِ رَبِّ الْعَالَمِينَ (2) الرَّحْمَنِ الرَّحِيمِ (3) مَالِكِ يَوْمِ الدِّينِ (4) إِيَّاكَ نَعْبُدُ وَإِيَّاكَ نَسْتَعِينُ (5) اهْدِنَا الصِّرَاطَ الْمُسْتَقِيمَ (6) صِرَاطَ الَّذِينَ أَنْعَمْتَ عَلَيْهِمْ غَيْرِ الْمَغْضُوبِ عَلَيْهِمْ وَلَا الضَّالِّينَ (7)
بسم الله الرحمن الرحيم
قُلْ هُوَ اللَّهُ أَحَدٌ (1) اللَّهُ الصَّمَدُ (2) لَمْ يَلِدْ وَلَمْ يُولَدْ (3) وَلَمْ يَكُنْ لَهُ كُفُوًا أَحَدٌ (4)
سُبْحَانَ رَبِّكَ رَبِّ الْعِزَّةِ عَمَّا يَصِفُونَ  وَسَلَامٌ عَلَى الْمُرْسَلِينَ وَالْحَمْدُ لِلَّهِ رَبِّ الْعَالَمِينَ (الصفات : 180-183)     اللَّهُمَّ صَلِّ عَلَى مُحَمَّدٍ وَ آلِ مُحَمَّدٍ

ขอสันติจงมีแด่ผู้ปฏิบัติตามทางนำ
وَالسَّلاَمُ عَلَي مَنِ اتَّبَعَ الْهُدَي

((( จบ )))
ชื่อ: Re:1 มุหัรรอม ฮ.ศ.1431 รำลึกโศกนาฎกรรมในวันอาชูรอ
โดย: L-umar เมื่อ ธันวาคม 16, 2009, 11:58:08 ก่อนเที่ยง

คนตระกูลอุมัยยะฮ์คือ  ผู้เปลี่ยนแปลงซุนนะฮ์ของท่านนบีมุฮัมมัด(ศ)


قَالَ رَسُوْلُ الله (ص) : أوَّلُ مَنْ يُغَيِّرُ سُنَّتِيْ رَجُلٌ مِنْ بَنِيْ أُمَيَّة

ท่านรอซูลุลลอฮ์กล่าวว่า :

บุคคลแรกที่จะทำการเปลี่ยนแปลงซุนนะฮ์(แบบอย่าง)ของฉัน คือชายที่มาจากตระกูลอุมัยยะฮ์


สถานะหะดีษ  : เศาะหิ๊หฺ  

ดูซิลซิละตุล อะฮาดีษ อัซ-ซอฮีฮะฮ์ เล่ม 4 หน้า 329   หะดีษ1749  
ชื่อ: Re:1 มุหัรรอม ฮ.ศ.1431 รำลึกโศกนาฎกรรมในวันอาชูรอ
โดย: L-umar เมื่อ ธันวาคม 22, 2009, 09:17:09 ก่อนเที่ยง

หะดีษยะซีดชายจากตระกูลอุมัยยะฮ์

حَدَّثَنَا الْحَكَمُ بْنُ مُوسَى ، حَدَّثَنَا الْوَلِيدُ بْنُ مُسْلِمٍ ، عَنِ الأَوْزَاعِيِّ عَنْ مَكْحُولٍ ، عَنْ أَبِي عُبَيْدَةَ بْنِ الْجَرَّاحِ قَالَ :

قَالَ رَسُولُ اللهِ صلى الله عليه وسلم : لاَ يَزَالُ أَمْرُ أُمَّتِي قَائِمًا بِالْقِسْطِ حَتَّى يَكُونَ أَوَّلَ مَنْ يَثْلَمُهُ رَجُلٌ مِنْ بَنِي أُمَيَّةَ يُقَالُ لَهُ يَزِيدُ

อัลฮะกัม บินมูซาเล่าให้เราฟัง อัลวะลีด บินมุสลิมเล่าให้เราฟัง จากอัลเอาซาอี จากมักฮู้ล จากท่านอบีอุบัยดะฮ์ บินอัลญัรร๊อห์เล่าว่า


ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)กล่าวว่า กิจการ(อิสลาม)ของประชาชาติของฉันจะยังคงดำรงอยู่ด้วยความยุติธรรม

จนกระทั่งจะมีคนแรกเป็นผู้ทำลายมัน คือชายคนหนึ่งจากตระกูลอุมัยยะฮ์ เขามีนามว่า ยะซีด (บุตรมุอาวียะฮ์)

قال حسين سليم أسد : رجاله ثقات غير أنه منقطع

ดูมุสนัดอบียะอ์ลา  หะดีษที่ 871 ฉบับตรวจทานโดยฮูเซนสุลัยม์อะซัด
ฮูเซนสุลัยม์อะซัดกล่าวว่า

قال حسين سليم أسد : رجاله ثقات غير أنه منقطع

บรรดานักรายงานของหะดีษนี้  เชื่อถือได้  นอกจากว่าสะนัดของหะดีษนี้มุงก่อเตี๊ยะอ์(ขาดตอน)


ท่านญะลาลุดดีน อัสซิยูตี อธิบายศัพท์ในหะดีษบทนี้ว่า  

((يَثْلَمُهُ)) : أَىْ يُكَسِّرُ قَوَاعِدَهُ وَيَتَعَدَّى حُدُوْدَهُ

ยัษลุมมุฮู หมายถึง  เขาทำให้รากฐานของมันแตกเสียหาย และเขาจะเมิดขอบเขตของมัน

ดูญัมอุลญะวามิ๊อฺ   เล่ม  1 : 19447 หะดีษ  1869
ชื่อ: Re:1 มุหัรรอม ฮ.ศ.1431 รำลึกโศกนาฎกรรมในวันอาชูรอ
โดย: L-umar เมื่อ ธันวาคม 22, 2009, 09:24:23 ก่อนเที่ยง

ชีอะฮ์ หรือ ซุนนี่  ที่เป็นคนตัดศรีษะ ท่านฮูเซน บุตรอะลี


อุละมาอ์ซุนนี่ระบุว่า  คนที่ลงมือตัดศรีษะท่านฮูเซน บุตรฟาตมะฮ์มีชื่อว่า  

ชิมร์  บุตร ซิล เญาชัน

หลักฐาน

قال إبن حبان : والذي تولى في ذلك اليوم حز رأس الحسين بن على بن أبى طالب شمر بن ذي الجوشن
ثقات لابن حبان ج 2 ص 312

ในวันนั้น(วันอาชูรอ) ผู้ที่ตัดศรีษะท่านฮูเซนบุตรอะลีคือชิมร์ บินซิลเญาชัน

อ้างอิงจากหนังสือ      อัษ-ษิกอต โดยอิบนุ หิบบาน เล่ม 2 : 312  


คำถามที่สำคัญคือ   ชิมร์  บินซิลเญาชัน เป็นชีอะฮ์  หรือซุนนี่ ?

จากตำราหะดีษของซุนนี่บันทึกว่า

شمر بن ذي الجوشن أبو السابغة الضبابي:
عن أبيه وعنه أبو إسحاق السبيعي ليس بأهل للرواية فإنه أحد قتلة الحسين رضي الله عنه وقد قتله أعوان المختار روى أبو بكر بن عياش عن أبي إسحاق قال كان شمر يصلي معنا
ثم يقول : اللهم  إنك تعلم  إني شريف فاغفر لي  
قُلْتُ : كيف يغفر الله لك وقد أعنت على قتل بن رسول الله صلى الله عليه وسلم
قال : ويحك فَكَيْفَ نَصْنَعُ أَنَّ أُمَرَاءَنَا هؤلاء أَمَرُوْنَا بِأَمْرٍ فَلَمْ نُخَالِفْهُمْ وَلَوْ خَالَفْنَاهُمْ كُنَّا شَرًّا مِنْ هَذِهِ الْحمر الشقاء.
قُلْتُ : إن هذا لعذر قبيح فإنما الطاعة في المعروف انتهى.
الكتاب :
لسان الميزان  لابن حجر العسقلاني  ج 3 ص 152 رقم : 546


อิบนุหะญัร อัลอัสเกาะลานีกล่าวว่า  

ชิมร์ บินซิลเญาชัน  อบู ซาบิเฆาะฮ์ อัฎ-ฏ็อบาบี  

ชิมร์ รายงานหะดีษจากบิดาเขา(คือซิลเญาชัน)

ผู้ที่รายงานหะดีษจากชิมร์คือ  อบู อิสฮาก อัส-สุบัยอี  

ชิมร์ไม่คู่ควรสำหรับการรายงานหะดีษเลย  เพราะเขาคือบุคคลหนึ่งที่สังหารท่านฮูเซน(รฎ.)

พวกของมุคต้ารได้ฆ่าชิมร์

อบูบักร บินอัยย๊าชรายงานจาก อบีอิสฮ๊ากได้เล่าว่า :

ชิมร์เคยร่วมนมาซอยู่กับพวกเรา  จากนั้นชิมร์กล่าวว่า :  โอ้อัลลอฮ์ แท้จริงพระองค์ทรงรู้ว่า ฉันนั้นมีเกียรติ ดังนั้นโปรดยกโทษให้ฉันด้วยเถิด

อบูอิสฮ๊ากจึงกล่าวว่า :

อัลลอฮ์จะยกโทษให้ท่านได้อย่างไร ในเมื่อท่านให้ความช่วยเหลือในการสังหารหลานชายของท่านรอซูลุลเลาะฮ์(ศ)

ชิมร์กล่าวว่า  :  

วิบัติจงมีแด่เจ้า  แล้วจะให้เราทำอย่างไร แท้จริงผู้ปกครองของเราเหล่านี้ได้สั่งเราให้ทำ  เราจึงไม่อาจฝ่าฝืน(คำสั่งของ)พวกเขา  และถ้า

หากเราฝ่าฝืนคำสั่งของพวกเขา  พวกเราก็จะเป็นคนเลวยิ่งกว่าฝูงลาเหล่านี้อีก


อิบนุหะญัรกล่าวว่า :

นี่เป็นคำแก้ตัวที่เลวทรามยิ่ง เพราะการเชื่อฟังนั้น จะต้องอยู่ในเรื่องความดีเท่านั้น จบ.


อ้างอิงจากหนังสือ

ลิซานุล มีซาน โดยอิบนุหะญัร เล่ม 3 : 152 อันดับที่ 546

มีซานุลออิ๊อฺติดาล  โดยอัซซะฮะบี  เล่ม 2 : 280  อันดับที่ 3742

ตารีค ดามัสกัส  โดยอิบนุอะซากิร เล่ม 23 : 189

ตารีคุลอิสลาม  โดยอัซซะฮะบี  เล่ม 2 : 87



ขอให้ท่านอ่านหะดีษที่อบูอิสฮ๊ากรายงาน คำพูดของชิมร์ บินซิลเญาชันอีกครั้ง


((( แท้จริงผู้ปกครองของเราเหล่านี้  ได้สั่งเราให้ทำ  )))

อะกีดะฮ์ของชิมร์ ก็บอกชัดว่า ยะซีด ,อุบัยดุลเลาะฮ์และอุมัรบินสะอัดคือ หัวหน้าของเขา ไม่ใช่ท่านฮูเซน

เพราะฉะนั้น  คนตัดศรีษะท่านฮูเซน คือ ซุนนี่

อะกีดะฮ์ของชีอะฮ์คือ  ท่านฮูเซนคืออิหม่ามที่สามและเป็นหัวหน้าของพวกเขา

ส่วนยะซีด ,อุบัยดุลเลาะฮ์,อุมัรบินสะอัดและทหารไม่ยอมรับว่า ฮูเซนเป็นอิหม่ามของพวกเขา

ดังนั้น คนปัญญาอ่อนเท่านั้น ที่พยายามหยิบยกคำพูด  มาบอกกับชาวโลกว่า
ชีอะฮ์คือพวกที่สังหารอิหม่ามฮูเซน มันช่างเป็นคำพูดที่โง่เขลามาก

หากพวกเขามีปัญญาคิดสักนิดว่า ชีอะฮ์คือผู้ตามอิหม่ามฮูเซนน แล้วจะจับดาบมาฆ่าอิหม่ามของพวกเขาได้อย่างไร หากกล่าวแบบนั้น  เราก็สามารถกล่าวได้ว่า  พวกอาหรับในเมืองมักกะฮ์คือคนชั่วที่สุดบนโลก เพราะเดิมพวกเขาคือผู้ที่ต่อต้านและทำร้ายท่านนบีมุฮัมมัดมากที่สุด

เชคอุษมาน คอมีส กล่าวว่า

أنا لم أقل حسب ما أذكر أن عبيد الله بن زياد لم يكن ناقما على الحسين بل عبيد الله من النواصب
الكتاب :  فتاوى الشيخ عثمان الخميس  ج 127  ص 1

ข้าพเจ้าไม่เคยพูดตามที่กล่าวมาว่า แท้จริงอุบัยดุลเลาะฮ์ บินซิยาดมิได้แค่เป็นผู้แก้แค้นต่อท่านฮูเซนเท่านั้น ยิ่งกว่านั้นอุบัยดุลเลาะฮ์ยังเป็นพวกนาศิบ(ชิงชังอะฮ์ลุลบัยต์)อีกด้วย

อ้างอิงจาก  : ฟะตาวา  อัช-ชัยคุ อุษมาน อัลคอมีส  เล่ม 127  : 1
ดูเวป    www.almanhaj.net
 

คำถามสำหรับซุนนี่

เมื่อนายชิมร์ บินซิลเญาชัน บอกว่ายะซีดกับอุบัยดุลเลาะฮ์คือ ผู้นำของเขา  แล้วท่านยังคิดว่า

ชิมร์ผู้นี้เป็นชีอะฮ์ อีกหรือ
ชื่อ: Re:1 มุหัรรอม ฮ.ศ.1431 รำลึกโศกนาฎกรรมในวันอาชูรอ
โดย: L-umar เมื่อ ธันวาคม 23, 2009, 09:08:02 ก่อนเที่ยง

คำ กัรบาลา ชาวอาหรับในอดีตมิเคยได้ยินมาก่อน  แต่ชื่อนี้มาจากลิซานุลเฆบ(ฟากฟ้า) ชาวอาหรับได้ยินชื่อนี้เป็นครั้งแรก คือ

สะอีด บินญุฮ์มานเล่าว่า  :

إِنَّ جَبْرَئِيلَ أَتَى النَّبِيَّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ واَلِهِ وَسَلَّمَ بِتُراَبٍ مِنْ تُرْبَةِ الْقَرْيَةِ الَّتِيْ يُقْتَلُ فِيْهاَ الْحُسَيْنُ , وَقِيْلَ : اُسْمُهاَ كَرْبَلاَءُ !

แท้จริงท่านญิบรออีลได้มาหาท่านนบี(ศ)พร้อมด้วยดินจากตำบลหนึ่ง ซึ่งฮูเซนจะถูกสังหารที่นั่น มันมีชื่อว่า กัรบาลา

ดูหนังสืออัลฮูเซน สิมาตุฮู วะซีเราะตุฮู โดยสัยยิดมุฮัมมัดเรซ่า อัลฮูซัยนีอัลญะลาลี เล่ม 1 : 99


ท่านอะนัสบินมาลิกเล่าว่า  

أَنَّ مَلَكَ الْمَطَرِ اسْتَأْذَنَ رَبَّهُ أَنْ يَأْتِيَ النَّبِيَّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ فَأَذِنَ لَهُ فَقَالَ لِأُمِّ سَلَمَةَ امْلِكِي عَلَيْنَا الْبَابَ لَا يَدْخُلْ عَلَيْنَا أَحَدٌ قَالَ وَجَاءَ الْحُسَيْنُ لِيَدْخُلَ فَمَنَعَتْهُ فَوَثَبَ فَدَخَلَ فَجَعَلَ يَقْعُدُ عَلَى ظَهَرِ النَّبِيَّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ وَعَلَى مَنْكِبِهِ وَعَلَى عَاتِقِهِ قَالَ فَقَالَ الْمَلَكُ لِلنَّبِيِّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ أَتُحِبُّهُ قَالَ نَعَمْ قَالَ أَمَا إِنَّ أُمَّتَكَ سَتَقْتُلُهُ وَإِنْ شِئْتَ أَرَيْتُكَ الْمَكَانَ الَّذِي يُقْتَلُ فِيهِ فَضَرَبَ بِيَدِهِ فَجَاءَ بِطِينَةٍ حَمْرَاءَ فَأَخَذَتْهَا أُمُّ سَلَمَةَ فَصَرَّتْهَا فِي خِمَارِهَا
قَالَ قَالَ ثَابِتٌ بَلَغَنَا أَنَّهَا كَرْبَلَاءُ

มลาอิกะฮ์ฝนได้ขออนุญาตต่อพระเจ้าของเขาลงมาพบท่านนบีมุฮัมมัด(ศ) พระองค์ทรงอนุญาตแก่เขา

ท่านนบี(ศ)จึงกล่าวกับท่านหญิงอุมมุสะละมะฮ์ว่า  เฝ้าประตูบ้านให้เราที   อย่าให้ใครเข้ามาหาเรา

อะนัสเล่าว่า  

แล้วท่านฮูเซนได้มากำลังจะเข้าไป(หาท่านนบี)  นางได้ขวางเขาไว้ แต่เขได้กระโจนเข้าไปนั่งอยู่บนหลังท่านนบี(ศ)บนบ่าบ้างบนไหล่ท่านบ้าง

มลาอิกะฮ์จึงกล่าวกับท่านนบี(ศ)ว่า  

ท่านรักเขาไหม ?  ท่านตอบว่า รักสิ  

มลาอิกะฮ์กล่าวว่า  แต่ประชาชาติของท่านจะสังหารเขา(ในอนาคต )   หากท่านต้องการ ฉันจะให้ท่านได้เห็นสถานที่ๆเขาจะถูกสังหาร  

แล้วเขาตีที่มือเขาเอง  จากนั้นเขาได้นำดินสีแดงก้อนหนึ่งมาให้  แล้วท่านหญิงอุมมุสะละมะฮ์ได้รับมันไปเก็บไว้ในฮิญาบของนาง  

อะนัสเล่าว่า  ท่านษาบิตกล่าวว่า ที่เราทราบมานั้นมันคือ  แผ่นดิน " กัรบาลา "  


ดูมุสนัดอะห์มัด หะดีษที่ 13050
ชื่อ: Re:1 มุหัรรอม ฮ.ศ.1431 รำลึกโศกนาฎกรรมในวันอาชูรอ
โดย: L-umar เมื่อ ธันวาคม 23, 2009, 09:11:40 ก่อนเที่ยง

ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)กล่าวว่า  

إِنَّ ابْنِي هَذَا يُقْتَلُ بِأَرْضٍ مِنْ أَرْضِ الْعِرَاقِ ، فَمَنْ أَدْرَكَهُ فَلْيَنْصُرْهُ

หลานชายของฉันคนนี้(หมายถึงฮูเซน) จะถูกสังหาร ณ.สถานที่แห่งในแผ่นดินอิรัก

(คือที่กัรบาลา) ดังนั้นผู้ใดในหมู่พวกท่านอยู่ถึงวันนั้น ก็จงให้ความช่วยเหลือฮูเซนเถิด  


สถานะหะดีษ – อิสนาดหะดีษ  นักรายงาน เชื่อถือได้

ดูดุรรุสสะฮาบะฮ์  โดยอัชเชากานี  หน้า  232 และมะอ์ริฟะตุส ซอฮาบะฮ์ เล่ม 2 : 447
ชื่อ: Re:1 มุหัรรอม ฮ.ศ.1431 รำลึกโศกนาฎกรรมในวันอาชูรอ
โดย: L-umar เมื่อ ธันวาคม 23, 2009, 09:58:32 ก่อนเที่ยง


นับจากวันแรกที่อิม่ามฮูเซนปฏิเสธการมอบสัตยาบัน(บัยอัต)ต่อยะซีดจนมาถึงวันที่ 10 มุหัรรอม ฮ.ศ. 61  รวมได้ 175 วัน  

12  วันท่านพำนักอยู่ที่นครมะดีนะฮ์  

4  เดือน 10 วัน ท่านพำนักอยู่ที่นครมักกะฮ์  

23  วันในระหว่างที่ท่านเดินทางออกจากมักกะฮ์ไปเมืองกูฟะฮ์

8  วันท่านถูกปิดล้อมอยู่ในแผ่นดินกัรบาลานับจากวันที่ 2 ถึงวันอาชูรอ

จากนครมักกะฮ์ถึงแผ่นดินกัรบาลา อิม่ามฮูเซนได้แวะพักตามสถานที่ต่างๆด้วยกัน 38 แห่ง

แต่ละแห่งอยู่ห่างกันประมาณ 3 ฟัรซัค บางแห่งก็ 5 ฟัรซัค (1 ฟัรซัค = 4.83กม.)

จากนครมักกะฮ์ถึงแผ่นดินกัรบาลา อิม่ามฮูเซนเดินทางบกรวมยะยะทางได้ 1,470 กม.หรือ 91,341ไมล์




ในปีฮิจเราะฮ์ศักราชที่  60 มุอาวียะฮ์บุตรอบูสุฟยานตาย ยะซีดบุตรมุอาวียะฮ์สืบราชบัลลังค์ต่อจากบิดา  

กษัตริย์ยะซีดได้ส่งจดหมายไปถึงวะลีดบินอุตบะฮ์บินอบูสุฟยาน ผู้ปกครองนครมะดีนะฮ์ว่า  จงบังคับอิม่ามฮูเซนให้บัยอัตต่อเขา หากขัดขืนให้ตัดหัวส่งมาให้เขาทันที

หลังอ่านสารยะซีด วะลีดจึงขอเชิญอิม่ามฮูเซนมาพบที่บ้านเขาตอนค่ำ   ซึ่งมีมัรวานบินฮะกัมอยู่ด้วย  

ผู้ปกครองเมืองมะดีนะฮ์ได้แจ้งความประสงค์ของยะซีดให้อิม่ามฮูเซนรับทราบ

แต่อิม่ามฮูเซนได้แสดงจุดยืนอย่างชัดเจนว่า ท่านจะไม่ยอมบัยอัตให้กับยะซีดอย่างแน่นอน  ไม่ว่ากรณีใดๆทั้งสิ้น


อิม่ามฮูเซนได้กล่าวว่า โอ้วะลีด

إِنّاَ أَهْلُ بَيْتِ النُّبُوَّةِ وَمَعْدِنُ الرِّسالَةِ وَمُخْتَلَفُ الْمَلائِكَةِ، وَ بِناَ فَتَحَ اللّهُ وَ بِناَ خَتَمَ اللّهُ

เราคืออะฮ์ลุลบัยต์นบี ต้นกำเนิดของคัมภีร์ บ้านของเราเป็นที่ขึ้นลงของมลาอิกะฮ์ อัลลอฮ์ทรงเปิดและปิดกิจการงานด้วยเรา

يَزيدُ رَجُلٌ فاسِقٌ شارِبُ الخَمرِ قاتِلُ النَّفْسِ الُمحتَرَمَةِ مُعْلِنٌ بِالفِسقِ وَ مِثْلى لا يُبايِعُ مِثْلَه

ยะซีดเป็นคนชั่ว ดื่มสุราเป็นอาจิณ ฆ่าคนบริสุทธิ์ ทำบาปอย่างเปิดเผย และคนอย่างฉันจะไม่ยอมบัยอัตให้กับคนอย่างยะซีด เราจะคอยดูกันว่า ใครคือผู้ทรงสิทธิแห่งตำแหน่งคอลีฟะฮ์มากกว่ากัน


กล่าวจบอิม่ามฮูเซนจึงรีบรุดออกจากบ้านวะลีดไปทันที  คืนนั้นอิม่ามฮูเซนเดินไปเยี่ยมกุโบร์ท่านรอซูล  และพบมัรวานกลางทาง  มัรวานได้แนะนำกับอิม่ามฮูเซนว่า ให้ยอมบัยอัตเสียเถิดมันจะเป็นผลดีทั้งดุนยาและอาคิเราะฮ์สำหรับท่าน


อิม่ามฮูเซนจึงกล่าวว่า

إِنّا للّهِِ وَإِنّا إِلَيْهِ راجِعُونَ، وَ عَلَى الاِْسْلامِ اَلسَّلامُ، إِذْ قَدْ بُلِيَتِ الْاُمَّةُ بِرَاعٍ مِثْلِ يَزيدِ، وَلَقَدْ سَمِعْتُ جَدِّىْ رَسُولَ اللّهِ (ص) يَقُولُ : اَلْخِلاَفَةُ مُحَرَّمَةٌ عَلَى آلِ أَبِىْ سُفْياَنَ

ก็คงต้องขอกล่าวอำลาต่อศาสนาอิสลามว่า วัสสลาม ถ้าหากอุมมัตอิสลามต้องถูกทดสอบด้วยผู้ปกครองเยี่ยงคนอย่างยะซีด เพราะฉันได้ยินท่านรอซูลุลลอฮ์ตาฉันกล่าวว่า  การปกครองนั้นเป็นที่ต้องห้ามสำหรับลูกหลานของอบูสุฟยาน

คืนต่อมาอิม่ามฮูเซนได้ไปเยี่ยมกุโบร์ท่านรอซูล(ศ) ท่านกล่าวว่า

اَلسَّلامُ عَلَيْكَ يا رَسُولَ للّه اَنَا الْحُسَيْنُ بْنُ فاطِمَةَ فَرْخُكَ وَابْنُ فَرْخَتِكَ وَسِبْطُكَ الَّذى خَلَّقْتَنِى فى اُمَّتِكَ  فَاشْهَدْ يانَبِىَّ اللّه اَنَّهُمْ خَذَلُونى وَلَمْ يَحْفَظُونى وَهذِهِ شَكْواىَ اِلَيْكَ حَتّى اَلْقاكَ

อัสสะลามุอะลัยก่ะ ยาร่อซูลัลลอฮ์ ฉันคือฮูเซน บุตรฟาติมะฮ์ บุตรสาวผู้เป็นที่รักของท่าน ฉันคือเชื้อสายของท่าน ซึ่งท่านได้ทิ้งไว้กับประชาชาติของท่าน  โอ้ศาสดาแห่งอัลลอฮ์  โปรดเป็นพยานด้วยว่า  พวกเขาทอดทิ้งฉันให้อยู่อย่างโดดเดี่ยว และพวกเขาไม่เคยปกป้องฉันเลย นี่คือคำร้องเรียนของฉันไปยังท่าน จนกว่าฉันจะได้พบกับท่าน  จากนั้นอิม่ามได้ทำนมาซอยู่เป็นเวลานาน จนใกล้รุ่งสาง

คืนต่อมาอิม่ามฮูเซนมาซิยารัตกุโบร์อีกและปฏิบัติเช่นเดียวกัน หลังนมาซเสร็จท่านวิงวอนต่ออัลลอฮ์ว่า

اَللّهُمَّ اِنَّ هَذَا قَبْرُ نَبِيِّكَ مُحَمَّدٍ (ص) وَاَنَا ابْنُ بِنْتِ نَبِيِّكَ وَقَدْ حَضَرَنِىْ مِنَ اْلأَمْرِ ماَ قَدْ عَلِمْتَ اَللّهُمَّ اِنِّى اُحِبُّ الْمَعْرُوفَ وَاُنْكِرُ الْمُنْكَرَ وَأَسْأَلُكَ ياَ ذَا الْجَلالِ وَالاْكْرامِ بِحَقِّ الْقَبْرِ وَمَنْ فِيْهِ اِلاَّ اخْتَرْتَ لِىْ ماَ هُوَ لَكَ رِضىً وَلِرَسُولِكَ رِضىً

โอ้อัลลอฮ์ นี่คือกุโบร์ของท่านนบีมุฮัมมัด  ส่วนฉันคือบุตรแห่งบุตรีของศาสดาของพระองค์  ฉันมีปัญหาบางอย่าง ซึ่งพระองค์ทรงรู้ดี โอ้อัลลอฮ์ แท้จริงฉันรักการทำความดีและชิงชังความชั่ว  โอ้ผู้ทรงสูงสง่และเกริกเกียรติ ฉันขอวิงวอนต่อพระองค์ด้วยสิทธิของกุโบร์นี้และผู้ที่อยู่ในหลุมนี้ ได้โปรดประทานทางเลือกสำหรับฉัน ซึ่งเป็นที่พอพระทัยสำหรับพระองค์และรอซูลของพระองค์ด้วยเถิด

จากนั้นอิม่ามฮูเซนนั่งลงข้างๆหลุมและแนบศรีษะลงบนกุโบร์ท่านรอซูล ท่านร้องไห้อยู่ตามลำพังจนหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย  

( อิม่ามฮูเซนเล่าว่า ) ในขณะหลับท่านฝันเห็นท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)ได้มาหาพร้อมด้วยมลาอิกะฮ์ รายล้อมอยู่รอบกายท่าน ท่านรอซูลทรุดกายลงจุมพิตที่ดวงตาทั้งสองของอิม่ามฮูเซน พลางกล่าวว่า

ยาฮูเซน หลานรักของตา ดูเหมือนว่า ตาจะได้เห็นเจ้าต้องเกลือกกลิ้งอยู่บนกองเลือดของตัวเอง ที่ถูกหลั่งออกมาอย่างมากมาย ณ.แผ่นดินกัรบาลา  ด้วยน้ำมือของคนกลุ่มหนึ่งจากประชาชาติของตาเอง  ในสภาพที่เจ้าจะต้องกระหายน้ำอย่างหนัก แต่ก็ไม่มีใครให้เจ้าได้ดื่ม ในสภาพที่เจ้าจะหิวกระหายอย่างอย่างแสนสาหัส แต่ก็ไม่มีใครให้เจ้ากิน บุคคลเหล่านั้นหวังในชะฟาอัตของตา แต่พวกเขาจะไม่มีโอกาสได้รับมันอย่างเด็ดขาด

حَبِيْبِِبيْ ياَ حُسَيْنُ اِنَّ اَباَكَ وَاُمَّكَ وَاَخاَكَ قَدَمُوْا عَلَيَّ وَهُمْ مُشْتاَقُوْنَ اِلَيْكَ، وَاِنَّ لَكَ فِي الْجِناَنِ لَدَرَجاَتٌ لَنْ تَنَالَهاَ اِلاَّ بِالشَهاَدَةِ

โอ้ฮูเซนหลานรัก พ่อเจ้า แม่เจ้าและพี่ชายเจ้าได้มาหาตา พวกเขาปรารถนาที่จะได้พบเจ้า แท้จริงแล้วในญันนะฮ์มีฐานันดรหนึ่งเตรียมไว้สำหรับเจ้าเป็นการเฉพาะ แต่เจ้ามิอาจจะได้รับมัน นอกเสียจากด้วยการเป็นชะฮีดเท่านั้น

ในความฝันอิม่ามฮูเซนได้กล่าวกับท่านตาว่า ท่านไม่ต้องการกลับมายังดุนยาอีกแล้วและขอให้ท่านรอซูลเอาตัวท่านไปอยู่ด้วย แต่ท่านรอซูลกล่าวว่า เจ้าต้องกลับไปยังดุนยาอีกครั้งหนึ่ง จนกว่าเจ้าจะได้รับตำแหน่งชะฮีดอันยิ่งใหญ่

เมื่ออิม่ามฮูเซนตื่นจากภวังค์ ท่านจึงตรงไปเยี่ยม(ซิยารัต)หลุมฝังศพของมารดาและพี่ชาย เพื่อกล่าวอำลา

เพราะอิม่ามฮูเซนตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่า จะไม่ยอมบัยอัตกับยะซีด และจะเดินทางออกจากนครมะดีนะฮ์ในตอนเช้ามืด


เป้าหมายการต่อสู้ของอิม่ามฮูเซน(อ)

ก่อนเดินทางออกจากนครมะดีนะฮ์ไปยังนครมักกะฮ์   อิม่ามฮูเซนได้ชี้แจงจุดประสงค์ของท่านว่า

إِنِّيْ لَمْ اَخْرُجْ اَشِرا وَلا بَطِراً وَلا مُفْسِداً وَلا ظالِماً

แท้จริงฉันมิได้ออกมาต่อสู้(กับยะซีด)เพราะความเห็นแก่ตัว หรือทรงตนว่าสูงศักด์ หรือเป็นผู้สร้างความเสียหาย หรือเป็นผู้กดขี่

وَاِنَّماَ خَرَجْتُ لِطَلَبِ اْلا صْلاحِ فِى اُمَّةِ جَدِّى صَلَّى اللّهُ عَلَيْهِ وَآلِهِ

แท้จริงที่ฉันต้องออก(เดินทางในครั้งนี้) ก็เพื่อต้องการปรับปรุงความเสียหายในอุมมัตท่านตาของฉัน(นบีมุฮัมมัด ศ.)

أُرِيْدُ اَنْ آمُرَ بِالْمَعْرُوفِ وَاَنْهَى عَنِ الْمُنْكَرِ

ฉันต้องการกำชับ(พวกเขา)ให้กระทำดี และห้ามปรามมิให้กระทำชั่ว

وَاَسيرَ بِسِيْرَةِ جَدِّىْ وَاَبِيْ عِلِىِّ بْنِ اَبِىْ طالِبٍ

โดยฉันจะดำเนินตามแนวทางของท่านตาของฉันและท่านอะลีบินอบีตอลิบบิดาของฉัน

فَمَنْ قَبِلَنِىْ بِقَبُوْلِ الْحَقِّ فَاللّهُ اَوْلَى بِالْحَقِّ

ดังนั้นผู้ใดยอมรับ(และดำเนินตามแนวทางของ)ฉัน  ก็ถือว่าเขายอมรับความถูกต้อง ซึ่ง(แนวทางของ)อัลลอฮ์ ย่อมถูกต้องที่สุด

وَمَنْ رَدَّ عَلَىَّ هَذاَ اَصْبِرُ حَتَّى يَقْضِيَ اللّهُ بَيْنِىْ وَبَيْنَ الْقَوْمِ  وَهُوَ خَيْرُالْحاَكِمِيْنَ  وَهذِهِ وَصِيَّتِىْ

แต่หากผู้ใดปฏิเสธ(แนวทางของ)ฉันนี้ ฉันก็จะอดทนรอจนกว่าอัลลอฮ์จะเป็นผู้ทรงตัดสินระหว่างฉันกับหมู่ชนนั้น และพระองค์คือผู้ทรงเป็นเลิศในการตัดสิน และนี่คือวะซียัตของฉัน

ดูหนังสือละวาอิญุล อัชญาน โดยสัยยิดมุห์ซิน อัลอะมีน เล่ม 1 : 28



มุฮัมมัดอิบนิฮานาฟียะฮ์

น้องชายต่างมารดาเห็นอิม่ามฮูเซนพาครอบครัวญาติสนิทติดตามไปด้วยจึงถามว่า  

ทำไมท่านต้องพาอะฮ์ลุลบัยต์ไปด้วย ???

อิม่ามฮูเซนตอบว่า

لَقَدْ شاَءَ اللهُ اَنْ يَرَانِيْ قَتِيْلاً وَشاَءَ اَنْ يَرَى حَرَمِيْ وَعِياَلِيْ سَباَياَ

อัลลอฮ์ทรงประสงค์จะเห็นฉันถูกสังหาร(ในหนทางของพระองค์) และประสงค์จะเห็นครอบครัวฉันตกเป็นเชลย(เพื่อรับษะวาบในการต่อสู้ครั้งนี้ด้วยเช่นกัน)


จากนั้นอิม่ามฮูเซนได้กล่าวคำอำลาต่อท่านหญิงอุมมุสะละมะฮ์และชาวมะดีนะฮ์ทั้งมวล และสั่งกองคาราวานเคลื่อนขบวน ท่ามกลางเสียงร่ำไห้ระงม

   ในระหว่างที่กำลังออกเดินทางนั้น ม้าของอิม่ามฮูเซนได้หยุดชะงัก ไม่ยอมเดินท่านจึงมองดู จึงเห็นฟาติมะฮ์บุตรสาวท่านยืนขวางอยู่ น้ำตานางไหลพราก จนอิม่ามฮูเซนต้องเบือนหน้าหนีไปจากภาพที่อยู่ตรงหน้าเพราะความเจ็บปวดรวดร้าวในอก
แม้อิม่ามฮูเซนจะเข้มแข้งสักปานใด แต่นี่คือบุตรสาวของท่าน ดวงตาที่อ้อนวอนร้องขอที่จะเดินทางไปด้วย

ฟาติมะฮ์กล่าวว่า  พ่อคะ พ่อจะทิ้งหนูไว้ที่นี่ตามลำพังหรือ ? ทำไมไม่ให้หนูไปด้วย  นางกล่าวอ้อนวอนทั้งน้ำตา

ในขณะที่อิม่ามฮูเซนยังคงนิ่งเฉย ไม่อาจแม้แต่จะสบตาลูกสาวได้ ทุกสิ่งทุกอย่างดูเหมือนจะหยุดนิ่ง

ฟาติมะฮ์กล่าวว่า  พ่อจ๋า ถ้าพ่อไม่ให้หนูไป  หนูขอน้องอาลีอัซฆัรไว้ให้อยู่กับหนูจะได้ไหม  

หนูสัญญาว่า จะดูแลน้องให้ดีที่สุด จนกว่าพ่อจะกลับมา น้ำตาของผู้เป็นพ่อไหลรินออกมา โอ้ฟาติมะฮ์ของพ่อ  เจ้าคงไม่รู้หรอกว่า นี่คือวันสุดท้ายที่เจ้าจะได้เห็นหน้าพ่อและน้องชายของเจ้า

ระหว่างนั้นท่านหญิงอุมมุสะละมะฮ์ได้เข้ามารวบตัวฟาติมะฮ์บุตรีฮูเซนไว้ในอ้อมกอด พลางปลอบว่า  เจ้าอยู่กับยายก็ได้ ไม่เป็นไรหรอก  แล้วนางส่งสัญญาณให้อิม่ามฮูเซนออกเดินทางต่อไป  

ทิ้งสตรีในวัยชรากับลูกสาวซึ่งกำลังป่วยอยู่ ที่กอดกันร่ำไห้ปริ่มว่า น้ำตาแทบเป็นสายเลือด และทัศนียภาพอันเศร้าหมองของนครมะดีนะฮ์ไว้เบื้องหลังเป็นครั้งสุดท้าย.....

อิม่ามฮูเซนพำนักอยู่ที่นครมักกะฮ์ได้ 4 เดือน 10 วัน หลังจากนั้นท่านก็ออกจากมักกะมุ่งหน้าสู่กูฟะฮ์  อิบนุซิยาดรู้ข่าวการมากูฟะฮ์ของอิม่าม จึงสั่งปิดทางที่จะเข้าสู่กูฟะฮ์ทุกเส้นทาง ชนิดที่คนในไม่ให้ออก คนนอกไม่ให้เข้า และส่งทหารม้าหนึ่งพันนายติดอาวุธครบมือออกไปสกัดคาราวานอิม่ามฮูเซน  ให้อยู่ในสภาพที่ห่างไกลจากแหล่งน้ำและทุ่งหญ้า

แม่ทัพโฮ้ร บุตรยะซีด อัลริยาฮีพร้อมทหารม้าจึงได้มาเผชิญหน้ากับอิม่ามท่ามกลางทะเลทรายอันร้อนระอุที่เนินชะรอฟ  

เมื่อแม่ทัพโฮ้รได้ให้สลามแก่อิม่ามฮูเซน และขอน้ำดื่มจากอิม่าม  อิม่ามฮูเซนได้คนของท่านนำน้ำมาให้โฮ้รรวมทั้งทหารและม้าของพวกเขาดื่ม  

พอถึงเวลาซุฮ์ริทั้งสองฝ่ายได้นมาซญะมาอัตร่วมกันโดยอิม่ามฮูเซนเป็นอิม่ามญะมาอัต  หลังนมาซเสร็จ

อิม่ามฮูเซนได้ปราศรัยต่อหน้ากองทหารว่า  

โอ้ท่านทั้งหลาย  ฉันขอปราศรัยเพื่อทำให้หลักฐานจบสิ้นต่ออัลลอฮ์และต่อพวกท่านว่า   ฉันไม่เคยหาพวกท่าน จนพวกท่านที่ส่งจดหมายและตัวแทนของพวกท่านมาหาฉัน  ให้ฉันเดินทางมาหาพวกท่าน โดยกล่าวว่า พวกเรานั้นไม่มีอิม่ามผู้นำ หวังว่าอัลลอฮ์จะทรงรวมพวกเราไว้กับท่านบนทางนำ  ถ้าหากพวกท่านยังคงตั้งอยู่บนสิ่งนั้น  ฉันได้มาหาพวกท่านแล้ว ดังนั้นพวกทานจงมอบสัญญาให้ฉันมั่นใจเถิด แต่ถ้าหากพวกท่านไม่พอใจต่อการมาของฉัน  ฉันก็จะขอกลับไปยังที่เดิมที่ฉันจากมา

เมื่ออิม่ามฮูเซนกล่าวจบ แม่ทัพโฮ้รได้ตอบว่า วัลลอฮิ ผมไม่เคยทราบเรื่องนี้มาก่อนเลย  อิม่ามฮูเซนจึงสั่งให้อุกบะฮ์นำจดหมายเป็นหมื่นๆฉบับออกมาเทให้แม่ทัพโฮ้รอ่านดู  

แมทัพโฮ้รตอบว่า  ตัวผมได้รับบัญชาให้มาปิดล้อมพวกท่านและคุมตัวท่านไปส่งให้ท่านอุบัยดุลเลาะฮ์ บุตรซิยาด
   
เมื่ออิม่ามฮูเซนต้องการจะเดินทาต่อง แม่ทัพโฮ้รก็ทำการขัดขวางคาราวานอย่างเข้มแข้ง  

แม่ทัพโฮ้รกล่าวว่า ผมไม่มีวันปล่อยท่านไปอย่างเด็ดขาด  หากท่านปฏิเสธที่จะไปกับเรา ก็ขอให้ท่านเลือกเส้นทางอื่น ที่จะไม่เข้าสู่เมืองกูฟะฮ์และก็ไม่กลับสู่นครมะดีนะฮ์เช่นกัน   ผมจะได้มีข้อแก้ตัวกับท่านอุบัยดุลเลาะฮ์ บุตรซิยาด

อิม่ามฮูเซนจึงบอกกับคนของท่านว่า ให้นำคาราวานเดินทางออกจากเส้นทางหลัก  โดยมีทหารหนึ่งพันนายขนาบไปตลอดทาง  

คาราวานอิม่ามฮูเซนเคลื่อนมาจนถึงนัยนาวา(สถานที่หนึ่ง)   ม้าที่อิม่ามฮูเซนขี่ก็หยุดอยู่กับที่  
ท่านจึงเปลี่ยนไปขี่ม้าอีกตัวหนึ่ง  ท่านกระตุกอย่างไรมันก็ไม่ยอมเดิน ท่านก็เปลี่ยนไปขี่ตัวที่สามมันก็ไม่ยอมก้าวขา จนท่านเปลี่ยนม้าไปหกเจ็ดตัว ก็เป็นเหมือนกันหมดคือไม่ยอมเดิน
 
เมื่ออิม่ามฮูเซนเล็งเห็นสัญญาณ)อะลามัต)อันยิ่งใหญ่เช่นนั้น  วันนั้นตรงกับวันที่ 2 มุหัรรอม  

อิม่ามฮูเซนจึงเอ่ยถามญาติและมิตรสหายของท่านว่า
 
مَا اسْمُ هذِهِ الاَْرْضِ ؟  แผ่นดินนี้มีชื่อเรียกว่าอะไร ?

พวกเขาตอบว่า  ตุซัมมา นัยนะวา  ( เรียกกันว่า นัยนาวา )

ท่านถามว่า  มันยังมีชื่ออื่นอีกไหม
พวกเขาตอบว่า  ตุซัมมา  อันดุล-ตุฟู๊ฟ  (เรียกกันว่า  แผ่นดิน ตุฟูฟ)

ท่านถามว่า  มันยังมีชื่ออื่นอีกไหม

พวกเขาตอบว่า  ตุซัมมา  อัลฆอฎิรีย๊าต (เรียกกันว่า  ฆอดิรียะฮ์)

ท่านถามว่า  มันยังมีชื่ออื่นอีกไหม

พวกเขาตอบว่า  ชาตีอุล ฟูรอต  ( ริมฝั่งแม่น้ำยูเฟรติส )

ท่านถามว่า  มันยังมีชื่ออื่นอีกไหม

พวกเขาตอบว่า  ตุซัมมา  อัลอักรุ

อิม่ามกล่าวว่า  أَعُوْذُ بِاللهِ مِنَ الْعَقْرِ

ขอความคุ้มครองจากอัลลอฮ์ให้พ้นจากบาดแผล

ท่านถามว่า  แล้วมันยังมีชื่ออื่นอีกไหม

พวกเขาตอบว่า   เรียกกันว่า    กัรบาลา


เมื่ออิม่ามฮูเซนได้สดับฟังชื่อนี้   ท่านก็ถอนหายใจยาว  ด้วยใบหน้าที่เศร้าหมอง พลางกล่าวว่า
 
اَللّهُمَّ اَعُوذُبِكَ مِنَ الْكَرْبِ وَالْبَلاءِ

โอ้อัลเลาะฮ์  ฉันขอความคุ้มครองต่อพระองค์ให้พ้นจากความทุกข์โศกและภัยบาลาด้วยเถิด
 
هاهُنا مَحَطُّ رحالِنا وهاهُنا وَاللّهِ مَحَلُّ قُبُورِنا

นี่คือสถานที่ๆอูฐของเราจะหยุดพักอย่างถาวร  ขอสาบานต่ออัลลอฮ์ว่า ที่นี่คือสุสานของพวกเรา
 
وَبِهَذاَ وَعَدَنِىْ جَدِّىْ رَسُوْلُ اللّهِ صَلَّى اللّهُ عَلَيْهِ وَ آلِهِ


และนี่คือสิ่งที่ท่านรอซูลุลเลาะฮ์(ศ) ตาของฉันได้ให้สัญญาไว้กับฉัน

ท่านหญิงอุมมุสะละฮ์เล่าว่า  วันหนึ่งท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)นั่งอยู่ในบ้านฉัน  โดยท่านญิบรีลได้มาหาท่าน  (และมีฮูเซนหลานท่านรอซูลฯอยู่ด้วย )


ท่านญิบรีลได้กล่าวกับท่านรอซูล(ศ)ว่า

إِنَّ أُمَّتَكَ سَتَقْتُلُ هَذاَ بِأَرْضِ يُقاَلُ لَهاَ كَرْبَلاَءُ فََتَناَوَلَ جَبْرِيْلُ عَلَيْهِ السَّلاَمُ مِنْ تُرْبَتِهاَ فَأَراَهاَ النَّبِيَّ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَآلِهِ  فَلَماَّ أُحِيْطَ بِحُسَيْنٌ حِيْنَ قُتِلَ
قاَلَ : ماَ اسْمُ هَذِهِ الْأَرْضُ ؟
قاَلُوْا : كَرْبَلاَءُ قاَلَ : صَدَقَ اللهُ وَرَسُوْلُهُ أَرْضُ كَرْبُ وَبَلاَءُ

แท้จริงอุมมะฮ์(ประชาชาติ)ท่าน  จะสังหารเด็กคนนี้(ฮูเซน) ณ.แผ่นดินที่มันมีชื่อว่า  กัรบาลา

ท่านญับริล(อ)ได้เอาดินที่นั่นมาให้ท่านนบี(ศ)ได้เห็นมัน

เมื่อมาถึงตอนที่ฮูเซนถูกปิดล้อม ในตอนที่เขาถูกสังหาร   เขาจึงถามว่า  แผ่นดินมีชื่อว่าอะไร ?

พวกเขาตอบว่า  กัรบาลา

ฮูเซนกล่าวว่า   อัลเลาะฮ์และรอซูลของพระองค์ได้ตรัสสมจริงแล้วว่า  มันคือแผ่นดินแห่งความทุกข์โศกและภัยพิบัติ


ดูมุอ์ญัม กะบีร โดยฏ็อบรอนี  หะดีษที่  2819


اَلسَّلامُ عَلَيْكَ يا اَبا عَبْدِاللهِ وَعَلَى الاَْرْواحِ الَّتي حَلَّتْ بِفِنائِكَ عَلَيْكَ مِنّي سَلامُ اللهِ اَبَداً ما بَقيتُ وَبَقِيَ اللَّيْلُ وَالنَّهارُ وَلا جَعَلَهُ اللهُ آخِرَ الْعَهْدِ مِنّي لِزِيارَتِكُمْ،
اَلسَّلامُ عَلَى الْحُسَيْنِ وَعَلى عَلِيِّ بْنِ الْحُسَيْنِ وَعَلى اَوْلادِ الْحُسَيْنِ وَعَلى اَصْحابِ الْحُسَيْنِ
اَلسَّلامُ عَلَيْكُمْ جَمِيْعَ الشُّهَداَءِ كَرْبَلاَءَ وَرَحْمَةُ اللهِ وَبَرَكاتُهُ
إِنَّا لِلَّهِ وَإِنَّا إِلَيْهِ رَاجِعُونَ
ชื่อ: Re:1 มุหัรรอม ฮ.ศ.1431 รำลึกโศกนาฎกรรมในวันอาชูรอ
โดย: L-umar เมื่อ ธันวาคม 30, 2009, 05:53:58 หลังเที่ยง

عَنْ جَعْفَرِ بْنِ مُحَمَّدٍ (عَلَيْهِمَا السَّلَام)، قاَلَ :

نَظَرَ النَّبِيُّ  (صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَ آلِهِ) إِلِى الْحُسَيْنِ بْنِ عَلِيٍّ (عَلَيْهِمَا السَّلَام) وَ هُوَ مُقْبِلٌ، فَأَجْلَسَهُ فِيْ حِجْرِهِ وَ قاَلَ :

اِنَّ لِقَتْلِ الْحُسَيْنِ حَراَرَةً فِىْ قُلُوْبِ الْمُؤْمِنِيْنَ لاَ تَبْرَدُ اَبَداً

كتاب : مستدرك الوسائل : ج 10، ص 233 ح 48021

อิม่ามญะอ์ฟัร บุตรอิม่ามมุฮัมมัด บาเก็ร (อ) เล่าว่า  :

ท่านนบีมุฮัมมัด(ศ) จ้องมองไปยังฮูเซน บุตรอะลี  (อ) ขณะที่(เพิ่งคลอดใหม่ๆแล้วมีคนอุ้มเขา ) มุ่งตรงมาหาท่าน  แล้วท่านได้ให้เขานั่งในตักท่าน พลางว่า :

แท้จริงสำหรับการสังหารฮูเซน มันจะยังร้อนรุ่มอยู่ในหัวใจของบรรดาผู้ศรัทธา ที่จะไม่มีวันเย็นลงได้ตลอดกาล


อ้างอิงจากหนังสือ  มุสตัดร่อกุล วะซาอิล  เล่ม  10 : 233 หะดีษ  48021
ชื่อ: Re:1 มุหัรรอม ฮ.ศ.1431 รำลึกโศกนาฎกรรมในวันอาชูรอ
โดย: L-umar เมื่อ มกราคม 19, 2010, 10:14:57 ก่อนเที่ยง


۩     มารยาทในการเข้าร่วมมัจลิสอาชูรอ


การจัดมัจลิสอาชูรอนั้นจะต้องควบคู่ไปกับอะห์กามและอัคล๊ากที่เราสมควรเรียนรู้ต่อไปนี้คือมารยาทในการเข้าร่วมมัจลิส

1- ความอิคล๊าศ  ผู้มาร่วมมัจลิส ควรมีเจตนาแสวงหาความใกล้ชิดต่ออัลลอฮ์ ด้วยความอิคลาศ(บริสุทธิ์ใจ) และห่างไกลจากชีรีกค่อฟี(ที่ซ่อนเร้นอยู่ในใจ)ทุกรูปแบบ  สัญลักษณ์ชีรีกค่อฟีเช่น เจ้าของมัจลิสไม่ค่อยให้ความสำคัญต่อแขกที่มาร่วม และผู้ที่มาร่วมก็มาแบบงานสังคม เป็นต้น
ความอิคลาศคือ รากฐานของทุกอามั้ล  

ท่านอิม่ามอาลี(อ)กล่าวว่า

طُوبَى لِمَنْ أَخْلَصَ لِلَّهِ الْعِبَادَةَ وَ الدُّعَاءَ

ตูบา (ขอจงประสบสความดี คือขอให้เข้าสวรรค์) สำหรับผู้ที่ให้ความอิคล๊าศในการทำอิบาดะอ์และการดุอาอ์ต่ออัลลอฮ์

สถานะหะดีษ  : มุวัษษัก(เชื่อได้)  ดูวะซาอิลุชชีอะฮ์  เล่ม 1 : 60 หะดีษที่ 125
ตรวจทานโดยมัรกะซุล บุฮูซ คอมพิวเตอร์ ลิลอุลูมิลอิสลามียะฮ์ เมืองกุม อิหร่าน


มีรายงานกล่าวว่า  อิม่ามมะฮ์ดี(อ)จะมาร่วมมัจลิสวิลาดัตและชะฮาดัต บนเงื่อนไขที่ว่ามัจลิสนั้นต้องมีความ " อิคล๊าศ "

2- แก่นแท้(ฮะกีกัต)ของมัจลิสคือ  ซิกรุลเลาะฮ์ – การรำลึกถึงอัลลอฮ์ ตะอาลา  เพราะเรากำลังรำลึกถึงบุคคลที่พยายามทำตัวเองให้เป็นบ่าวที่แท้จริงต่ออัลลอฮ์  ซึ่งนั่นคือ การเสียสละในหนทางอัลลอฮ์ด้วยการพลีชีพ
ฉะนั้นเราควรอิหฺติรอม ให้เกียรติต่อมัจลิส โดยเข้าสู่มัจลิสด้วยกล่าวบิสมิลาฮ์ มีวุฎุอ์ แต่งกายสะอาดและสุภาพเรียบร้อย

3- ก่อนเข้ามัจลิส  ควรมีความเตรียมพร้อมเช่น  ทำการอิสติฆฟ้าร , ซิกรุลเลาะฮ์ ,ซอละวาตและสร้างจิตวิญญาณเพื่อแสวงหาเราะมะตุลเลาะฮ์ เพราะความเมตตาจากอัลลอฮ์จะลงมาที่มัจลิสนี้อย่างไม่ต้องสงสัย

4- หากจัดมัจลิสนี้จัดขึ้นในมัสยิด ควรนมาซตะฮียะตุลมัสยิดสองร่อกะอัต และควรให้ความสำคัญต่ออะห์กามอิสลามอย่างเคร่งครัด

5- ควรตั้งใจฟังการบรรยาย ไม่ควรไปสนใจว่าคนบรรยายเป็นใคร   เพราะเราคือผู้ร่วมรับฟังคนหนึ่ง  และไม่ควรลืมว่า อัลกุรอ่านและหะดีษมะอ์ซูมเตือนสติมนุษย์ทุกคน ไม่ใช่เฉพาะบางคน

6- สร้างบรรยากาศให้กับตัวเองเช่น นึกถึงภาพเหตุการณ์มุซีบัตที่เกิดขึ้นกับอิม่ามฮูเซนและครอบครัวที่กัรบาลา จนทำให้ตัวเองเกิดความเศร้าและหลั่งน้ำตาได้ ให้นึกถึงคำพูดของ

อิม่ามฮูเซน(อ)ที่กล่าวว่า

اَنَا قَتيلُ العَبْرَة لاَ يَذْكُرُنِىْ مُؤْمِنٌ اِلاَّ بَكَي

ความตายของฉันคืออุทาหรณ์แห่งน้ำตา จะไม่มีมุอ์มินคนใดที่รำลึกถึงฉัน  เว้นแต่เขาจะต้องร่ำไห้(เศร้าใจต่อมุซีบัตของฉัน)

อ้างอิงจากหนังสือบิฮารุลอันวาร  โดยอัลลามะฮ์มัจญ์ลีซี  เล่ม 44 : 279 หะดีษ 5

อิม่ามริฎอ(อ) กล่าวว่า

فَعَلَى مِثْلِ الْحُسَيْنِ فَلْيَبْكِ الْبَاكُونَ فَإِنَّ الْبُكَاءَ عَلَيْهِ يَحُطُّ الذُّنُوبَ الْعِظَامَ

สำหรับอุทาหรณ์เยี่ยงอิม่ามฮูเซน  ผู้ร้องไห้ทั้งหลายจงร่ำไห้ออกมาเถิด เพราะน้ำตาที่หลั่งออกมาให้เขา มันจะลบล้างความผิดมหันต์ต่างๆได้

สถานะหะดีษ  :  ซอฮิ๊ฮฺ  ดูวะซาอิลุชชีอะฮ์  เล่ม 14 :505 หะดีษที่ 19697
ตรวจทานโดยมัรกะซุล บุฮูซ คอมพิวเตอร์ ลิลอุลูมิลอิสลามียะฮ์ เมืองกุม อิหร่าน

แต่เราจะได้รับเตาฟีกตรงนี้ได้ ก็ต่อเมื่อต้องพอรู้ชีวประวัติของอิม่ามฮูเซน(อ)อยู่บ้าง

7-  ถ้าท่านร้องไห้ไม่ออก  ก็ให้แสดงออกถึงความเสียใจต่อมุซีบัต  แต่หากจิตใจท่านแข็งกระด้าง จนไม่เกิดความเสียใจเลยตลอดเวลาที่นั่งอยู่ในมัจลิส ท่านควรสำรวจตัวเองว่า  มีปัจจัยใดทำให้ท่านเป็นเช่นนั้น  

อิม่ามอะลีกล่าวว่า

مَا جَفَّتِ الدُّمُوعُ إِلَّا لِقَسْوَةِ الْقُلُوبِ وَ مَا قَسَتِ الْقُلُوبُ إِلَّا لِكَثْرَةِ الذُّنُوبِ

น้ำตาจะไม่เหือดแห้ง ยกเว้นสำหรับ(คนที่)มีจิตใจแข็งกระด้างเท่านั้น  และจิตใจทั้งหลายจะไม่แข็งกระด้าง ยกเว้นสำหรับ(คนที่)มีบาปหนามาก
สถานะหะดีษ  :  ซอฮิ๊ฮฺ  ดูวะซาอิลุชชีอะฮ์  เล่ม 16 : 46 หะดีษที่ 20938
ตรวจทานโดยมัรกะซุล บุฮูซ คอมพิวเตอร์ ลิลอุลูมิลอิสลามียะฮ์ เมืองกุม อิหร่าน

8- หลังจบมัจลิสคือ ควรร่วมกันขอดุอาอ์ เพราะตอนนั้นเป็นช่วงเวลาที่ดุอาอ์มุสตะญับ

9- ควรสำรวมกายวาจา ไม่ควรหยอกล้อกันหลังจบมัจลิส  

10- พยายามหาเวลาว่างให้กับตัวเองในอัยยามอาชูรอ  เช่น การงาน การเรียน การค้าขาย อย่าให้ธุระเหล่านี้มาตรงกับวันอาชูรอ   จนทำให้เราไม่มีส่วนร่วมแสดงความเสียใจร่วมกับอิม่ามมะดี(อ) ดังที่

อิม่ามมะฮ์ดี(อ)กล่าวว่า

فَلَأَنْدُبَنَّك َ صَباَحاً وَ مَسآءً ، وَ لََأَبْكِيَنَّ لَك َ بَدَلَ الدُّمُوعِ دَماً

ฉันจะไว้อาลัยให้กับท่านทั้งยามเช้ายามเย็น  และฉันจะร่ำไห้เป็นสายเลือดให้กับท่านแทนน้ำตา

อ้างอิงจากหนังสือซิยาเราะตุน-นาฮิยะติลมุก็อดดะซะฮ์  เล่ม 1 : 8
ดังนั้นผลของอามั้ลที่ออกมามันขึ้นอยู่ที่การมุญาฮะดะฮ์(ความเพียงพยายาม)

11- เครื่องหมายที่บ่งบอกว่า อามั้ลที่ท่านทำถูกยอมรับคือ การเดินออกจากมัจลิสไปด้วยการเตาบะฮ์(สำนึกผิด)ต่อบาปอย่างแท้จริง

12- ควรพยายามพาครอบครัว มิตรสหายไปมัจลิสด้วย เหมือนที่อิม่ามฮูเซน(อ)พาครอบครัวท่านไปกัรบาลา เพื่อมีส่วนได้รับษะวาบ

13- บุคคลแรกที่สมควรได้รับปลอบประโลมใจ تَسْـلِيَّة ในมัจลิสคือ ท่านอิม่ามมะฮ์ดี(อ)   ดังนั้น ถ้าเรามามัจลิสแต่ใจเรามิสามารถแสดงความเสียใจออกมาได้ ก็เท่ากับเรามิได้มีหัวอกเดียวกันกับอิม่ามมะฮ์ดี(อ)


14- ผู้ที่มีส่วนร่วมในโศกนาฎกรรมที่กัรบาลามีทั้ง คนชราอาทิเช่น ฮาบีบ บินมะซอเฮ็ร  ทารกน้อยอาลีอัซฆัร  หนุ่มน้อยกอซิมและอาลีอักบัร  ญูนทาสผิวดำ และบรรดาเด็กกับสตรี  
อุทาหรณ์สำหรับเราในเรื่องนี้ก็คือ หน้าที่การปกป้องดีนอิสลามนั้นมิใช่เป็นของใครคนใดคนหนึ่ง หรือคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งโดยเฉพาะ แต่เป็นหน้าที่(ตักลีฟ)ของเราทุกคน.
ชื่อ: Re:1 มุหัรรอม ฮ.ศ.1431 รำลึกโศกนาฎกรรมในวันอาชูรอ
โดย: L-umar เมื่อ มกราคม 25, 2010, 11:56:29 ก่อนเที่ยง

۩ การต่อสู้ระหว่าง  ฮูเซน บุตรอาลี   กับ ยะซีด บุตรมุอาวียะฮ์

ในปีฮิจเราะฮ์ศักราชที่  61 หลายคนสงสัยว่า  

ใครเป็นฝ่ายถูก   และ   ใครเป็นฝ่ายผิด



อัลลอฮ์  ตะอาลาตรัสว่า

قَدْ كَانَ لَكُمْ آَيَةٌ فِي فِئَتَيْنِ الْتَقَتَا فِئَةٌ تُقَاتِلُ فِي سَبِيلِ اللَّهِ وَأُخْرَى كَافِرَةٌ يَرَوْنَهُمْ مِثْلَيْهِمْ رَأْيَ الْعَيْنِ وَاللَّهُ يُؤَيِّدُ بِنَصْرِهِ مَنْ يَشَاءُ إِنَّ فِي ذَلِكَ لَعِبْرَةً لِأُولِي الْأَبْصَارِ

แน่นอนได้มีสัญญาณหนึ่งปรากฏแก่พวกเจ้าแล้ว ซึ่งอยู่ในสองฝ่ายที่เผชิญหน้ากัน ฝ่ายหนึ่งต่อสู้ในทางของอัลลอฮ์(เป็นมุสลิม) และอีกฝ่ายหนึ่งเป็นกาเฟ็ร (ผู้ปฏิเสธศรัทธา)  ซึ่งเห็นเขาเหล่านั้นด้วยตาตนเองเป็นสองเท่าของพวกเขา และอัลลอฮ์นั้นจะทรงสนับสนุนผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ด้วยการช่วยเหลือของพระองค์ แท้จริงในสิ่งที่กล่าวมานั้นย่อมเป็นข้อเตือนสติแก่ผู้มีดวงตาทั้งหลาย

ซูเราะฮ์  อาลิ อิมรอน   : 13


۞ ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)กล่าวถึง ฮูเซน บินอาลีว่า

الْحَسَنُ وَالْحُسَيْنُ سَيِّدَا شَبَابِ أَهْلِ الْجَنَّةِ

อัลฮาซันและอัลฮูเซน คือ  หัวหน้าของบรรดาชายหนุ่มแห่งสรวงสวรรค์

http://www.dorar.net/enc/hadith/سيدا/+yj&page=1

►สถานะหะดีษ  :  ซอฮิ๊ฮฺ  ดูหนังสือต่อไปนี้

ซอฮิ๊ฮฺ  ติรมิซี   หะดีษที่  2965   ฉบับตรวจทานโดยอัลบานี
ซอฮิ๊ฮฺ  อิบนิมาญะฮ์   หะดีษที่  96  ฉบับตรวจทานโดยอัลบานี
มุสนัด อะหมัด  หะดีษ  11012  ฉบับตรวจทานโดยอัลอัรนะอูฏี
สุนัน กุบรอ ของนะซาอี  หะดีษที่  8515
อัลมุสตัดร็อก อัลฮากิม  หะดีษที่  4762, 4763
มุอ์ญัม กะบีร  ของต็อบรอนี   หะดีษที่   2598,2599,2600


۞ ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)กล่าวถึง ยะซีด บินมุอาวียะฮ์ว่า

لا يَزَالُ أَمْرُ أُمَّتي قَائِمًا بِالْقِسْطِ حَتَّى يَثْلِمَهُ رَجُلٌ مِنْ بَنِي أُمَيَّةَ ، يُقالُ لَهُ : يَزِيدُ

กิจการ(อิสลาม) ยังคงดำรงอยู่ด้วยความยุติธรรม  จนชายคนหนึ่งจากตระกูลอุมัยยะฮ์จะทำลายมัน เขามีชื่อว่า  ยะซีด


http://www.dorar.net/enc/hadith/%D9%8A%D8%AB%D9%84%D9%85%D9%87/yj

►สถานะหะดีษ   : เชื่อถือได้    ดูหนังสือ
มุสนัดบัซซ้าร  หะดีษที่ 1284
มุสนัด อบียะอ์ลา  หะดีษที่  871
قال حسين سليم أسد : رجاله ثقات غير أنه منقطع
ฮูเซน สุลัยม์ อะซัด กล่าวว่า  บรรดานักรายงานหะดีษนี้  เชื่อถือได้หมดทุกคน ยกเว้นเป็นหะดีษมุงก่อเตี๊ยะอ์
มัจญ์มะอุซ ซะวาอิด  หะดีษที่  9236
อัลฮัยษะมีกล่าวว่า  บรรดานักรายงาน  ถูกต้อง ยกเว้นมักฮู้ลไม่ได้เจอกับท่านอบูอุบัยดะฮ์


Θ สิยูตีกล่าวว่า   يَثْلِـمَهُ  หมายถึงأى يكسر قواعده ويتعدى حدوده

เขาทำลายโครงสร้างอิสลาม และเขาละเมิดขอบเขตของอิสลาม

ดูญัมอุลญะวามิ๊อฺ   หะดีษที่  1869


☻หากใช้หะดีษสองบทข้างต้นเป็นตัวตัดสินว่า  ใครคือชาวสวรรค์  ใครคือชาวนรก    แน่นอนเราจะได้คำตอบอย่างชัดเจนว่า

อิม่ามฮูเซนเป็นฝ่ายถูกต้องชอบธรรม   ส่วน

ยะซีดเป็นฝ่ายผิด และได้แสดงความอธรรมกดขี่ต่ออิม่ามฮูเซน  
ชื่อ: Re:1 มุหัรรอม ฮ.ศ.1431 รำลึกโศกนาฎกรรมในวันอาชูรอ
โดย: L-umar เมื่อ มกราคม 25, 2010, 07:03:19 หลังเที่ยง

۞  อุดมการณ์ต่อสู้ของอิม่ามฮูเซน บินอาลี อะลัยฮิสสลาม



ก่อนอิม่ามฮูเซนจะเดินทางออกจากนครมะดีนะฮ์ มุ่งหน้าสู่นครมักกะฮ์ จนไปถูกสังหารที่กัรบาลา ประเทศอิรัก   ท่านอิม่ามฮูเซนได้ปราศรัยต่อหน้าชาวมะดีนะฮ์ว่า

وَاِنّى لَمْ اَخْرُجْ اَشِراً وَلا بَطِراً وَلا مُفْسِداً وَلا ظالِماً

แท้จริง ข้าพเจ้ามิได้ออกมา(ต่อสู้เพื่อ) สร้างความชั่วร้าย  มิได้ยิ่งทะนงตน(ว่าสูงศักดิ์) มิได้สร้างความเสีย(บนหน้าแผ่นดิน) และมิได้เป็นผู้อธรรมกดขี่(ผู้ใด)
 

وَاِنَّما خَرَجْتُ لِطَلَبِ الاِْصْلاحِ فِى اُمَّةِ جَدّى صلّى اللّه عليه و آله

แต่ที่จริงแล้วข้าพเจ้า ได้ออกมา(ต่อสู้ในครั้งนี้) เพื่อ(ต้องการ) ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงประชาชาติของท่านตาของของข้าพเจ้า (ศ)

اُريدُ اَنْ امُرَ بِالْمَعْرُوفِ وَاَنْهى عَنِ الْمُنْكَرِ

ข้าพเจ้าต้องการกำชับ(ประชาชน)ให้กระทำดี  และห้ามปรามมิให้กระทำชั่ว

وَاَسِيرَ بِسيِرةِ جَدّى وَاَبى عَلىّ بْنِ اَبي طالِبٍ

ข้าพเจ้าจะดำเนินตามแบบอย่างของท่านตา(ศาสดามุฮัมมัด)ของข้าพเจ้า และบิดาของข้าพเจ้า  อิม่ามอาลี บินอบีตอลิบ

อ้างอิงจากหนังสือ

มักตัล ฮูเซน  โดยมุกัรริม  หน้า 139

มักตัล คอรัซมี  เล่ม  1 : 188

كتاب : مقتل الحسين لمقرّم ص 139
كتاب : مقتل الخوارزمي  ج  1 : 188



จากคำปราศรัยของอิม่ามฮูเซน อะลัยฮิสลาม จึงทำให้เราเข้าใจได้ว่า

อิม่ามฮูเซนได้ออกมาต่อสู้กับผู้ปกครองที่ทอดทิ้งซุนนะฮ์ของท่านศาสดามุฮัมมัด(ศ)และนำพาประชาชนไปสู่ความหายนะ.
ชื่อ: Re:1 มุหัรรอม ฮ.ศ.1431 รำลึกโศกนาฎกรรมในวันอาชูรอ
โดย: L-umar เมื่อ กุมภาพันธ์ 04, 2010, 11:04:18 ก่อนเที่ยง
บะนี   อุมัยยะฮ์    คือตระกูลที่ศาสดามุฮัมมัด (ศ) ชิงชังมากที่สุด


อ่าน

http://www.q4sunni.com/believe/index.php?option=com_kunena&Itemid=71&func=view&catid=2&id=83
ชื่อ: Re:1 มุหัรรอม ฮ.ศ.1431 รำลึกโศกนาฎกรรมในวันอาชูรอ
โดย: L-umar เมื่อ ตุลาคม 26, 2010, 11:24:02 ก่อนเที่ยง
:(
ชื่อ: Re:1 มุหัรรอม ฮ.ศ.1431 รำลึกโศกนาฎกรรมในวันอาชูรอ
โดย: L-umar เมื่อ ธันวาคม 06, 2010, 04:44:25 หลังเที่ยง
:( :( :(
ชื่อ: Re:1 มุหัรรอม ฮ.ศ.1431 รำลึกโศกนาฎกรรมในวันอาชูรอ
โดย: L-umar เมื่อ ธันวาคม 06, 2010, 07:26:33 หลังเที่ยง
:(