Q4wahabi.com (Question for Wahabi)
หมวดหมู่ทั่วไป => ไม่เข้าหมวด => หัวข้อที่ตั้งโดย: L-umar เมื่อ มกราคม 11, 2010, 06:25:33 หลังเที่ยง
۞ โปรดอ่าน สำคัญมากสำหรับทุกท่าน
นี่คือสารสำหรับชีอะฮ์ทุกท่าน ไม่ว่าท่านจะตักลีด(ปฏิบัติตาม)สัยยิดสิสตานี หรือ
สัยยิดศอดิกศ็อดร์ หรือ
สัยยิดชีรอซี หรือ
สัยยิดอาลีคาเมเนอี หรือ
มัรญิ๊อฺท่านอื่นๆ...
จงระวังฟิตนะฮ์(การก่อสถานการณ์ความไม่สงบ)ในทุกรูปแบบ เพราะท่านอาจตกเป็นเครื่องมือของพวกอเมริกา ที่ต่อต้านชีอะฮ์อย่างไม่รู้ตัว
จงอย่าประณามชีอะฮ์ด้วยกัน ที่คิดทำไม่เหมือนกับท่านว่า เขาไม่ใช่ชีอะฮ์
จงพยายามสร้างเอกภาพ(วะห์ดัต)และภารดรภาพ(อิควะฮ์)ซึ่งกันและกันเอาไว้
เจ้าของหนังสือ มุอามะเราะตุต –ตัฟรีก บัยนัลอัดยานิล อิลาฮียะฮ์
الكتاب: مُؤاَمَرَةُ التَّفْرِيْقِ بَيْنَ الْأَدْياَنِ الْإِلَهِيَّةِ لِلْدُكتُور ماَيكِل بَراَنْت
ชื่อดร.ไมเคิล แบรนด์ต(Michael Brandt )
เป็นผู้วางแผนและดำเนินการสอนโปรแกรมแก่บรรดาสายลับ C.I.A อเมริกาที่ใช้นำมาโจมตีแนวทางชีอะฮ์และพวกชีอะฮ์ ได้กล่าวว่า :
ประเทศมุสลิมตกอยู่ภายใต้การปกครองของชาวตะวันตกมาหลายศตวรรษ ทั้งๆที่ประเทศมุสลิมหลายประเทศได้รับเอกราชไปแล้วก็ตาม
แต่ระบบการปกครองและเศรษฐกิจของพวกเขา โดยเฉพาะวัฒนธรรมของพวกเขายังตกอยู่ภายใต้พวกตะวันตกและนิยมชมชอบไปกับมัน
Θ ในปีคริสต์ศักราชที่ 1978
การปฏิวัติอิสลามในประเทศอิหร่านได้รับชัยชนะ เป็นเหตุทำให้ผู้กดขี่อย่างอเมริกาประสบความเสียหายขาดทุน
ดร.ไมเคิล แบรนด์ตกล่าวว่า :
ทีแรกเราคาดคิดว่า การปฏิวัติอิสลามนั้นได้เข้ามาตอบสนองต่อพวกเคร่งครัดศาสนาและพวกผู้นำศาสนาได้ฉกฉวยโอกาสและแสวงหาผลประโยชน์ในช่วงเวลานั้นเท่านั้น การล่มสลายอำนาจของกษัตริย์ชาฮ์แห่งอิหร่าน(คงไม่มีผลกระทบอะไร) มันยังคงจะทำให้เราสามารถดำเนินงานในทางการเมืองของเรากับกลุ่มที่ยังเข้ากับเราได้ต่อไป
แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไป ความเข้าใจและวัฒนธรรมแห่งการปฏิวัติอิสลามเริ่มขยายตัวกว้างขึ้นเรื่อยๆต่อประเทศและดินแดนต่างๆ โดยเฉพาะที่ประเทศอิรัก ปากีสถาน เลบานอน คูเวตและประเทศอื่นๆ
เราผิดพลาดมากจริงๆต่อการวิจัยที่ผ่านมาของเรา ในที่ประชุมของสายลับ C.I.A ต่อหน้าเจ้าหน้าที่ระดับหัวหน้าและสายลับของพวกอังกฤษ ( ด้วยสาเหตุที่ได้ประกอบธุรกิจอยู่ในประเทศมุสลิมมาอย่างยาวนาน ) จนนำพาเราไปสู่ผลลัพท์ โดยสรุปได้ดังนี้ :
การปฏิวัติอิสลามในอิหร่านมิใช่ได้ชัยชนะมาจากความล้มเหลวในการปกครองของกษัตริย์ชาฮ์เท่านั้น แต่ทว่า มันยังมีปัจจัยอื่นๆอีกเช่น
☺ ชาวอิหร่าน มีผู้นำศาสนาที่เข้มแข็งและน่าเกรงขามอย่างอยาตุลลาฮ์โคมัยนี่ และการฉกฉวยนำวัฒนธรรมชะฮาดะฮ์(การต่อสู้จนตายในหนทางของอัลลอฮ์)มาใช้
ซึ่งรากเหง้าของมันย้อนกลับไปสู่การเป็นชะฮีดของท่านอิม่ามฮูเซน หลานชายของท่านศาสดามุฮัมมัด(ศ)เมื่อ1,400 ปีที่ผานมา
☻ ขบวนการชะฮีดนี้ เริ่มแพร่หลายและขยายความลึกซึ้งออกไปเรื่อยๆทุกปีในช่วงเดือนมุหัรรอม ในงานรำลึกถึงโศกนาฏกรรมของอิหม่ามฮูเซน
♦ เช่นเดียวกัน มันได้พาเราไปสู่ผลลัพท์ที่ว่า
ชีอะฮ์เป็นกลุ่มชนเดียวที่สามารถก่อเอฟเฟ็ค(ปฏิกิริยาความสำเร็จ)ได้มากที่สุดกว่ากลุ่มอื่นๆในโลกมุสลิม
♂ ด้วยเหตุนี้ในที่ประชุมจึงมีมติเห็นพ้องต้องกันว่า จะต้องสร้างงานวิจัยแนวทางชีอะฮ์ให้มากขึ้นกว่าเก่า หลังจากนั้นค่อยวางแผนการให้สอดคล้องต่อผลงานวิจัยเหล่านั้น
Х เราได้ทุ่มเม็ดเงินลงไปเพื่องานนี้ประมาณ 40 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ ซึ่งการจัดลำดับงานวิจัยได้เสร็จสิ้นสมบูรณ์ลงเป็น 3 ขั้นตอนหรือสามระดับดังนี้
→ หนึ่ง-
จัดรวมข้อมูลข่าวสารและสำรวจสิ่งที่จำเป็นต่างๆ
→ สอง –
กำหนดเป้าหมายในระยะสั้น เช่นโปรแกรมโฆษณาต่อต้านโจมตีชีอะฮ์ และสร้างความขัดแย้งขึ้นระหว่างชีอะฮ์กับมัซฮับอื่นๆในอิสลาม
→ สาม –
กำหนดเป้าหมายในระยะยาว คือการถอนรากถอนโคนชีอะฮ์ออกจากรากฐานของมัน
۞ แผนปฏิบัติการในขั้นที่ หนึ่ง
คือส่งนักวิจัยและสายลับไปสืบเสาะหาคำตอบต่างๆดังต่อไปนี้
Y หนึ่ง –
มีประเทศและสถานที่ใดบ้างในโลก ที่พวกชีอะฮ์มีอิทธิพลที่นั่น รวมทั้งมีชีอะฮ์อยู่ที่ใดบ้าง
Y สอง –
เราจะใช้วิธีการใดและอย่างไร ที่สามารถทำให้พวกชีอะฮ์เกิดความขัดแย้งกันเองภายในหมู่พวกเขา
Y สาม –
เราจะใช้วิธีการใด ที่สามารถทำให้เกิดความขัดแย้งขึ้นระหว่างชีอะฮ์กับซุนนี่ และเราจะคอยฉกฉวยจากความขัดแย้งนั้นอย่างไร เพื่อผลประโยชน์สำหรับพวกเรา
หลังจากที่ได้รวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่างๆในโลก และหลังการค้นคว้าวิจัยและรับเอาทัศนะต่างๆมาแล้ว เราได้ผลลัพท์เป็นคำตอบสำคัญที่ทำให้เราบรรลุสู่เป้าหมายได้
พวกเรารู้แล้วว่า
แท้จริงพาวเวอร์และอำนาจของมัซฮับชีอะฮ์ตกอยู่ในมือของบรรดามัรญิ๊อฺตักลีดและบรรดานักวิชาการชีอะฮ์ เพราะคนกลุ่มนี้ทำหน้าที่พิทักษ์ดูแลมัซฮับชีอะฮ์
บรรดามัรญิ๊อฺชีอะฮ์ ตลอดหน้าประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาในอดีต พวกเขาไม่เคยปฏิบัติตามผู้ปกครองผู้ไร้ศรัทธาหรือผู้ปกครองที่อธรรมกดขี่คนใดทั้งสิ้น รวมทั้งพวกเขาไม่เคยให้ความช่วยเหลือสนับสนุนต่อทรราชย์เหล่านั้นด้วย
Ľ ที่ประเทศอิหร่าน
การปกครองของกษัตริย์ชาฮ์ สมุนรับใช้อเมริกาถูกโค่นล้มลงโดยท่านอิหม่ามโคมัยนี่ และพวกอังกฤษต้องพบกับความล้มเหลวต่อคำฟัตวาของท่านอะยาตุลเลาะฮ์ชีรอซี่
Ľ ที่ประเทศอิรัก
ซัดดัมฮุสเซนไม่สามารถใช้กำลังบังคับเฮาซะฮ์อิลมียะฮ์ ซึ่งเป็นสถาบันวิชาการทางศาสนาของชีอะฮ์ในเมืองนะญัฟอัชรัฟ ให้ยอมจำนนสิโรราบต่อเขาได้
ทำให้ซัดดัมจำต้องจัดการกับมัรญิ๊อฺชีอะฮ์ ด้วยวิธีบีบคั้นและจำกัดพื้นกับพวกเขาไว้หลายสิบปี
Ľ ที่ประเทศเลบานอน
ท่านอะยาตุลเลาะฮ์มูซา ศ็อดร์ ได้บีบให้กองทัพอังกฤษ ฝรั่งเศสและอิสราเอลจำต้องร่นถอยหนีไป และเช่นเดียวกัน
พรรคฮิซบุลเลาะฮ์แห่งเลบานอนนำโดยท่านสัยยิดฮาซันนัซรุลเลาะฮ์ ได้สร้างความเจ็บปวดให้กับกองทัพอิสราเอล พร้อมกับความสูญเสียของผู้กดขี่
Ľ ที่ประเทศบาห์เรน
พวกชีอะฮ์ทั้งๆที่มีอิทธิพลไม่มากนักในประเทศนี้ แต่พวกเขาก็สร้างเหตุการณ์ยิ่งใหญ่ขึ้นด้วยการต่อต้านรัฐบาล และบังคับให้รัฐบาลต้องดำเนินตามสนธิสัญญาและเหตุการณ์นี้ยังคงดำเนินอยู่ในรูปสงครามเย็น ซึ่งมีผลมาจากการที่รัฐบาลไม่ขานรับต่อเสียงเรียกร้องของประชาชน
۩ ทั้งหมดนี้คือผลงานวิจัยของเราในเรื่องราวของชีอะฮ์และนำพาเราไปสู่ผลลัพท์คือ
เราไม่สามารถเผชิญหน้าหรือสู้รบกับพวกชีอะฮ์ด้วยรูปแบบซึ่งๆหน้าได้ ไม่ว่าจะในรูปแบบใดๆก็ตาม
เพราะการทำให้พวกชีอะฮ์ได้รับความพ่ายแพ้นั้น นับได้ว่า เป็นเรื่องค่อนข้างยาก แต่เราจำเป็นต้องจัดการกับพวกเขาจากทางด้านหลังม่าน ( คือใช้วิธีแบบลอบกัด )
Ω เราเคยใช้ระบบวิธีการบริหารแบบ " แบ่งแยก แล้ว ปกครอง " มาแล้ว แต่ต่อไปนี้เราจำเป็นต้องใช้แผนของอังกฤษอีกแบบหนึ่งคือ " แบ่งแยก แล้ว ปิดกั้น " Ω
จากนั้นเราจึงเริ่มวางแผนการ และจัดโปรแกรมอย่างละเอียดอีกทั้งให้ครอบคลุมในระยะยาวด้วย หนึ่งในแผนการที่วางไว้คือ
► ให้การสนับสนุนบุคคลหรือกลุ่มที่ต่อต้านพวกชีอะฮ์
► พยายามโปรโมท แพร่สำหรับคำพูดที่ว่า " ชีอะฮ์ คือ กาเฟ็ร " โดยอาศัยวิธีการออกคำฟัตวาของนักวิชาการจากมัซฮับต่างๆในอิสลาม โดยให้คนในสังกัดนั้นทำการญิฮ๊าดต่อต้านพวกชีอะฮ์ ในวาระโอกาสอันเหมาะสม
► สร้างความเสื่อมเสียชื่อเสียงให้กับบรรดามัรญิ๊อฺตักลีดและนักวิชาการชีอะฮ์ ด้วยสื่อการเผยแพร่หรือในทำนองนั้นๆ เพื่อสถานะภาพ(อันเป็นที่เคารพนับถือ)ของพวกเขาในหมู่ประชาชนจะได้หมดไป และอิทธิของพวกเขาจะได้มลายหายไปด้วย
Х หนึ่งจากอุปสรรคปัญหาต่างๆที่ควรใส่ใจและให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งคือ
ปัญหาเรื่องประเพณีและวัฒนธรรมอาชูรอ การแสดงความพร้อมที่จะยอมเป็นชะฮีดในหนทางของอัลลอฮ์
ซึ่งษะกอฟะฮ์ ثَقاَفة วัฒนธรรมประเพณีนี้ ยังคงดำรงอยู่กับชาวชีอะฮ์ จากการจัดมัจลิสอาชูรอเป็นประจำในทุกๆปี
۩ ด้วยเหตุนี้เราจึงกำหนดนโยบายว่า
►เราจำเป็นต้องทำให้หลักความเชื่อ(อะกีดะฮ์)ของชีอะฮ์อ่อนแอและทำให้มันเสียหาย
►เราต้องทำให้มุสลิมถือว่า วัฒนธรรมการเป็นชะฮีดหรือชะฮาดะฮ์ในหนทางของพระเจ้าเป็นเรื่องไร้สาระ
۩ อันการที่จะบิดเบือนความเข้าใจเหล่านี้ให้สำเร็จลงได้ ก็ต้องแสดงให้ผู้ที่เป็นมุสลิมและไม่ใช่มุสลิมได้มองเห็นว่า พวกชีอะฮ์ คือกลุ่มชนที่โง่เขลา และชักนำไปสู่ความงมงาย
และสิ่งนี้จะต้องมีการผ่านขบวนการสนับสนุนทางทรัพย์สินแก่คนบางส่วนเช่น
แก่คอเตบ(นักปราศรัย นักบรรยายธรรม) มัดดาฮีน(นักอ่านกลอนและบทกวีไว้อาลัย) เจ้าของมูลนิธิ(มุอัสสะซะฮ์) หัวหน้าของมัจลิสอาชูรอ เพราะว่าในหมู่คนเหล่านี้มีพวกหาผลประโยชน์และพวกที่ชอบโอ้อวดอยู่ด้วย
۞ แผนปฏิบัติการและดำเนินการในขั้นที่สองคือ
ต้องพยายามรวบรวมและจัดเตรียมสิ่งต่างๆมากมาย ที่จะทำให้บรรดามัรญิ๊อฺตกอับ และทำการเผยแพร่สิ่งนั้นด้วยคำพูดและปากกาของนักเขียนที่หาผลประโยชน์
۞ดังนั้น ในปีค.ศ. 2010 ความหวังที่เราตั้งเป้าเอาไว้คือ สร้างความอ่อนแอให้กับบรรดามัรญิ๊อฺชีอะฮ์ ต่อจากนั้นบรรดามัรญิ๊อฺชีอะฮืทั้งหลายจะโดนด่าประณาม ถูกบดขยี้ด้วยน้ำมือชีอะฮ์ขงพวกเขาเอง โดยที่อุละมาอ์มัซฮับอื่นยังคงอยู่ปกติ
และสุดท้ายเราจึงค่อยเก็บมัซฮับนี้และวัฒนธรรมของพวกเขาในตอนจบ
♥ เพราะฉะนั้น หากท่านเป็นชีอะฮ์ จงเผยแพร่บทความนี้ ด้วยความรักที่มีต่ออิม่ามมะฮ์ดี(อ)ของท่านด้วย
ให้ชีอะฮ์ทุกคนในโลกได้รับรู้
โอ้ชีอะฮ์ผู้มีความรักต่อฮูเซนทั้งหลาย ท่านพอใจหรือที่จะให้เขาลบชื่อของอิม่ามฮูเซน ?
โอ้ชีอะฮ์ทั้งหลาย ท่านพอใจหรือที่จะให้เขามาทำลายกลุ่มของท่านและศาสนาอิสลามของท่าน ?
และเท่าที่เห็น พวกวาฮาบีก็กำลังทำงานเข้าทาง ยิว อเมริกา อังกฤษ มากที่สุดในปัจจุบัน นั่นคือ ทำทุกวิถีทาง เพื่อสร้างความเสื่อมเสียให้กับมัซฮับชีอะฮ์ทุกรูปแบบ และอ้างว่าทำเพื่อปกป้องอิสลาม