Welcome to Q4wahabi.com (Question for Wahabi). Please login or sign up.

พฤษภาคม 07, 2024, 04:21:24 หลังเที่ยง

Login with username, password and session length
สมาชิก
Stats
  • กระทู้ทั้งหมด: 2,660
  • หัวข้อทั้งหมด: 651
  • Online today: 126
  • Online ever: 153
  • (เมษายน 26, 2024, 05:40:09 ก่อนเที่ยง)
ผู้ใช้ออนไลน์
Users: 0
Guests: 102
Total: 102

ทำไม อ.อาลีเสือสมิง จึงโจมตีชีอะฮ์

เริ่มโดย L-umar, ตุลาคม 08, 2009, 06:10:59 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

L-umar



อ้างอิงจากเวบมุสลิมไทย

http://www.muslimthai.com/mnet/content.php?bNo=49&qNo=3678&kword=



บิสมิลลา ฮิรเราะหฺมา นิรเราะฮีม

คำถามสำคัญ

ทำไม  อาจารย์  อาลี  เสือสมิง  จึงโจมตี  ชีอะฮ์  ???

 

 

สิบกว่าปีที่ผ่าน    มีเรื่องหนึ่งเกิดขึ้น

ณ. มัสญิด นูรุลอิสลาม  บ้านป่า  ซอยสวนหลวง  ถ.พัฒนาการ

 

ตอนนั้น อาจารย์ อาลี เสือสมิงกำลังศึกษาอยู่ที่ มหาลัยไคโร   ท่านกลับมาเยี่ยมบ้านอยู่บริเวณโค้งโรงเรียนสวนรัฐ

 

บังเอิญท่าน ได้ข่าวว่า ญาติห่างๆของท่านคนหนึ่งชื่อ (( ปุ้ย  ))  หรือ

นายฮูเซน  นรฮีม  บุตรฮัจยีชาฟีอี เปลี่ยนไปเป็น \\\" ชีอะฮ์ \\\"

นายปุ้ยอาศัยอยู่ริมคลองสะแก

 

อาจารย์อาลีเสือสมิง ได้สืบสาวราวเรื่องจนรู้ว่า  ญาติที่ชื่อ นายปุ้ย เปลี่ยนเป็นชีอะฮ์

สาเหตุเพราะมีเพื่อนสนิทคนหนึ่งชื่อ   นาย \\\" ญะวาด \\\"  

นายญะวาดผู้นี้  มีสกุลสืบเชื้อมาจากลูกหลานของท่านเชคอหมัดกุมมี

ปฐมจุฬาราชมนตรีคนแรกของประเทศไทย

ครอบครัวนายญะวาด ได้ย้ายบ้านจากอำเภอบางกอกน้อย มาเช่าบ้านของฮัจยียูนุส ปากซอยสวนหลวง

 

นายญะวาดผู้นี้  ครอบครัวมีฐานะยากจน เพราะบิดากับมารดาได้เตาะล๊ากหย่าล้างกัน ตั้งแต่เขาอายุได้ สามขวบ

นายญะวาด เดิมเป็นคนมัสญิด กุฏีหลวง ที่กษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรีให้การอุปถัมป์มัสญฺดแห่งนี้มาโดยตลอด จึงได้ชื่อว่า  \\\" กุฎี หลวง \\\"

มัรฮูมฆุล่ามมุฮัมมัด อา คนที่ 1 (น้องชายบิดา)ของนายญะวาด ดำรงตำแหน่งโต๊ะอิหม่ามมัสญิด

อาคนที่ 2  ของนายญะวาด ดำรงตำแหน่งคอเตบ

ส่วนบิดา(ฆุล่ามฮูเซนเป็นมัรฮูมแล้ว)ของนายญะวาด เป็นคณะกรรมการมัสญิดคนหนึ่ง

 

นายญะวาด มีอาชีพขับรถมอเตอร์ไซด์รับจ้างอยู่ปากซอยสวนหลวง  

ตั้งแต่อายุ  สิบแปดปี หาเลี้ยงมารดามาตลอด  

 

แม้ว่าครอบครัวนายญะวาด จะมีฐานะยากจน   แต่ด้วยความเคร่งครัดศาสนา

และมุ่งมั่นใฝ่ศึกษาหาความรู้อิสลามเสมอ  นายญะวาด จึงพยายามเรียนศาสนาไป ทำงานไปพร้อมๆกัน

จนคนในซอยเรียก นายญะวาดว่า  \\\" คนอาเหล่ม \\\"

เพราะนายญะวาด จะพยายามไปละหมาดญะมาอะฮ์ที่สุเหร่าบ้านป่าเป็นประจำ

นายญะวาดมิเพียงไปละหมาดเท่านั้น เขายังพยายามไปช่วยงานบุญหรือกิจกรรมศาสนาของชุมชนเสมอ  เช่น ช่วยสอนศาสนาให้คนต่างๆศาสนิกที่บาแลซอยสะและหมัด

 

นายญะวาด เคยคอยให้การบริการกับพี่น้องญะมาอัตตับลีฆที่มาในซอย

 

กล่าวได้ว่า  ความเป็น ชีอะฮ์ ของนายญะวาด ที่คนในซอยสวนหลวงรู้จักกันในชื่อ ว่า    (( ต๋อง  )) นั้น

 

มิเคยสร้างความขัดแย้งหรือสร้างความแตกแยกขึ้นแต่อย่างใดในสังคมพี่น้องมุสลิมแห่งซอยสวนหลวงเลย

 

ในเดือนรอมฏอน  

อาจารย์อาลีเสือสมิง  นั่งอยู่ในมัสญิดนูรุลอิสลาม บ้านป่า

 

กับบรรดาสานุศิษย์แห่งโรงเรียนศรีวนาอิสลาม และผู้ใหญ่ส่วนหนึ่ง

 

และอาจารย์อาลีได้สั่งให้ นายดาวูด  ขับรถไปหานายญะวาดที่บ้าน ซึ่งเขากำลังนั่งอ่านอัลกุรอ่านอยู่ในบ้าน

 

นายดาวูดกล่าวว่า -   อาจารย์อาลี ให้มาเชิญไปพบที่มัสญิด

 

นายญะวาด  -   ไปทำไมหรือ ?

 

นายดาวูด -    ไปเพื่อพิสูจน์ว่า  ทำไมจึงเป็น ชีอะฮ์

 

นายญะวาด  -   ไม่ไปครับ  เดือนนี้  ไม่ใช่เดือน ถกเถียง เป็นเดือนถือศีลอด

 

นายดาวูดกลับไปรายงาน อาจารย์อาลี

 

อ.อาลี สั่งให้นายดาวูด ไปพบนายญะวาดอีกครั้ง

 

เมื่อนายดาวูดขับรถมาพบนายญะวาด ครั้งที่สอง

 

นายดาวูด  -   อาจารย์  อาลี  ให้มาบอกนายว่า  ถ้านายไม่ไป  แสดงว่า

นายเป็นพวก  \\\" เฎาะลาละฮ์ \\\"

 

ณ.บัดนั้น  นายญะวาด จึงลุกขึ้น และขับรถไปที่มัสญิดนูรุลอิสลาม ทันที

 

เมื่อนายญะวาดมาถึงที่  มัสญิด

 

มีอาจารย์อาลี เสือสมิง นั่งอยู่ตรงหน้ามัสญิด  มีนักเรียนโรงเรียนศรีวนาอิสลามนั่งอยู่รายล้อมตัวเขา

 

มีผุ้ใหญ่ส่วนหนึ่งคอยนั่งฟังอยู่  รวมทั้งนายปุ้ย(ฮูเซน นรฮีม)

 

พอนายญะวาดให้สลามและลงนั่งอยู่ต่อหน้าอาจารย์อาลี

อาจารย์อาลี ก็เริ่มสนทนาด้วยการโยนหนังสือเล่มหนึ่งใส่หน้านายญะวาด

 

การสนทนาเริ่มต้นหลังละหมาดซุฮ์ริ  จนถึงเวลาอาซานละหมาดอัซรี่

 

นายญะวาดจึงลุกขึ้นไปละหมาดญะมาอะฮ์  ในสถาพที่อาจารย์อาลี  นั่งคอตกสร้างความผิดหวังให้กับพรรคพวก

 

คำสุดท้าย

ที่นายญะวาดพูดกับอาจารย์อาลีก่อนจะลุกจากไปคือ

 

ไปเรียนมาใหม่ให้มาก  ( ยังอ่อนหัดนัก )

 

อาจารย์อาลีไม่ได้พูดอะไร  เพราะรู้อยู่แก่ใจว่า  เขาไม่สามารถเอาชนะนายญะวาดคนขับ วินมอเตอร์ไซด์ธรรมดาๆคนหนึ่งได้

ทั้งๆที่ตอนนั้นนายญะวาด ไม่เคยได้ไปร่ำเรียนศาสนาที่ต่างๆประเทศ

 

นับจากวันนั้น  อาจารย์อาลี ผูกใจเจ็บแค้นนายญะวาดมาโดยตลอด

 

หลายปีผ่านไปอีก   ด้วยความเตตาของอัลเลาะฮ์ นายญะวาดได้มีโอกาศไปศึกษา

ศาสนาอิสลามที่ประเทศปากีสถาน เมืองการาจี  ชื่อมหาลัยอบูบักร อิสลามิค ยูนิเวอร์ซิตี้

 

นายญะวาดมีโอกาศศึกษาอยู่ที่นั่นได้ สามปีเศษๆ  ก็ประสบปัญหาเรื่องวีซ่า

ไม่สามารถพำนักอยู่ที่การาจีได้จึงกลับเมืองไทย

 

ถึงตอนนั้น อาจารย์อาลีเสือสมิงเรียนจบจาก มหาลัยอัลอัซฮัรแล้ว

 

อาจารย์อาลี  เมื่อรู้ข่าวว่านายญะวาดกลับมาเมืองไทยจึงให้นายปุ้ย(ฮุเซน นรฮีม)

ไปเชิญนายญะวาดมาพบที่บ้านตรงบริเวณโค้งสวนรัฐ ซอบสวนหลวง

 

อาจารย์อาลี เสือสมิงเป็นคนตระกูลมีฐานะร่ำรวยมาก

 

เมื่อนายญะวาดมาพบอาจารย์อาลีเสือสมิงที่บ้านท่าน

 

อาจารย์อาลีเสือสมิงให้การต้อนรับนายญะวาดอย่างมีไมตรีจิตร

 

โดยมีนายหมัดโม้ บุตรชายฮัจยีตอฮา  (น้องชายของท่านอิหม่ามยาซีน  โต๊ะอิหม่ามมัสญิดนูรุลอิสลาม) นั่งอยู่ด้วย

และยังมีกีเฮม(อัลมัรฮูมฮัจยีอิบรอเฮม)นั่งอยู่ด้วย

 

อาจารย์อาลี กล่าวกับนายญะวาดว่า

 

ที่นี่ยินดีต้อนรับ  คุณเสมอ   หากคุณจะมาเยี่ยมผมหรือจะมาสนทนาเรื่องวิชาการ

 

นายญะวาดกล่าว  ขอบคุณในไมตรีจิตร และชมว่า รู้สึกว่าท่านอาจารย์อาลีเสือสมิง

 

มีท่านทีเปลี่ยนไป ท่านมองชีอะฮ์และนายญะวาดไปในทางที่สร้างสรร

 

มากกว่าที่จะมานั่งโจมตี ด่าว่าชีอะฮ์

 

หลังจากนั้นนายญะวาด จึงขอตัวกลับไป

 

ทั้งหมดคือสิ่งที่ผมได้ไปสอบถามจากท่านเชคญะวาดมา

 

แต่เกิดอะไรขึ้นกับอาจารย์อาลี  เสือสมิง ?

 

ทุกเวทีที่อาจารย์อาลีไปพูดไปบรรยาย   ก็จะเอาเรื่องไม่จริงมากล่าวใส่ร้ายเชคญะวาดเสมอ เช่น

 

มันขับมอเตอร์รับจ้าง

 

มันโกงวินเข้าด้วย

 

และอื่นๆอีกมากมาย

 

มีครั้งหนึ่งอาจารย์อาลีไปด่าเชคญะวาดที่มัสญิดแก้วนิมิต  คลองหนึ่งรังสิต

 

บังเอิญที่นั่น เขาเชิญอาจารย์อาลีไปบรรยายเรื่องจริยธรรม

 

แต่อาจารย์อาลี ดันไปด่าเชคญะวาด

 

ก็เลยโดนฮัจยีการีม  เด่นยิ่งโยชน์  เจ้าถิ่นตำหนิอาจารย์อาลีว่า

 

เราเชิญท่านมาสอนศาสนา ไม่ใช่มาด่าว่านินทา  คนอื่นแบบนี้

 

เรากลับมาที่คำถามที่ว่า

 

ทำไมอาจารย์ อาลี เสือสมิง จึงโจมตีชีอะฮ์ตามเวทีต่างๆ

 

คำตอบ  

 

อาจารย์อาลีเสือสมิง  มีนิสัยผู้หญิง  คือไม่กล้าถกกับเชคอับดุลญะวาด ซึ่งๆหน้า

รอยแค้นที่ฝังแน่นสิบกว่าปีที่ผ่านไม่เคยลบเลือนออกไปจากจิตใจของอาจารย์อาลีเสือสมิง ที่ไม่สามารถโค่นเชคญะวาดได้

 

อาจารย์อาลีมีฐานะร่ำรวยมากมาย แต่ชอบดูถูก เชคญะวาดว่า อดีตมันเคยขับมอเตอร์ไซดรับจ้าง

 

คำพูดนี้หเมือนที่พวกมุชริกอาหรับเคยดูถูกท่านนบีมุฮัมมัด(ศ)ว่า

 

มุฮัมมัด  จะเป็นศาสดาได้อย่างไร  ?

เพราะมุฮัมมัดเคยมีอาชีพเลี้ยงแพะเลี้ยงแกะอยู่กลางทะเลทราย และ เคยมีอาชีพรับจ้างเป็นพ่อค้า

 

เชคญะวาดอาจารย์ของผม จึงฝากเรียนไปยัง  ท่านอาจารย์ อาลีเสือสมิงว่า

 

คนจนๆอย่างเชคญะวาดคนนี้  รอวันที่อาจารย์อาลีเสือสมิงผู้ร่ำรวยท่านนี้ว่า

จงเลิกทำตัวแบบสตรีเสียเถิด  เสียชื่ออุละมาอ์แห่งอัซฮัรหมด

 

วันใดที่ท่านอาจารย์อาลี  พร้อมแสดงความรู้ (ไม่ใช่ความร่ำรวย) เมื่อไหร่

 

ก็โทรมาหาเชคญะวาดได้ ทุกเมื่อ  ที่เบอร์นี้  

 

02 234 1864

قُلْ جَاءَ الْحَقُّ وَزَهَقَ الْبَاطِلُ إِنَّ الْبَاطِلَ كَانَ زَهُوقًا

มันจะมีประโยชน์อันใดเล่า  หากอาจารย์อาลี ชิงชังอาฆาตเชคญะวาด

แล้วไปเที่ยวด่ากับชาวบ้าน  โดยที่อีกฝ่ายหนึ่งไม่มีสิทธิอธิบายสิ่งที่อาจารย์อาลีใส่ร้ายเขา

วัสสลาม
  •  

L-umar


สลามมุ้ลลอฮิอะลัยกุ้มว่ะเราะฮฺมะตุฮูวะบะร่อกาตุ้

 

นี่คือไฟล์เสียง ดังกล่าว  

 

 

http://www.alisuasaming.com/index.php/akedah-she-ah

 



 

 

ผมเข้ามา รออ่านว่า ซัยยิด สุไลมาน อัลฮุไซนี มีเชื้อสายสืบถึงท่านนบี (‏‏صلى الله عليه وسلم)  จริงๆ หรือเปล่า?

 

เพราะการอ้างนั้นใครก็อ้างได้   หามีเชื้อสายจริงๆ ก็อยากให้คุณ firdawz ยกสายตระกูลของ ซัยยิด สุไลมาน อัลฮุไซนี มาให้ดูหน่อย และมีอุละมาอฺรับรองหรือเปล่า

 

เพราะคุณบอกเองว่า "ที่จริงอาจารย์เป็นคนร่ำเรียนและสนใจศึกษาประวัติศาสตร์ มีความเชี่ยวชาญข้อมูลรอบด้านเกี่ยวกับสังคมไทย เชื้อสายของคนมุสลิมที่เข้ามาอยู่ใน เมืองไทยอย่าแตกฉาน ตั้งแต่ยุคสมัยกรุงไหนต่อกรุงไหน อาจารย์อะลี เสือสมิงสามารถอธิบายแจกแจงได้อย่างน่าทึ่ง" แล้วคุณก็กล่าวต่อมาว่าทำไม อ.อาลี ถึงไม่ศึกษา เชื้อสายของ ซัยยิด สุไลมาน อัลฮุไซนี

 

แต่ผมคิดต่างว่า อ.อาลี คงศึกษามาแล้วว่าไม่ได้สืบเชื้อสายมาจากท่านนบี (‏‏صلى الله عليه وسلم) จริงๆ

 

 

คุณ firdawz ยังกล่าวอีกว่า "สรุป จากการฟังบรรยายของอาจารย์อะลี เสือสมิง จากเว็บดังกล่าว ก็ไม่มีอะไรเป็นแก่นสาร"  

 

ดูจะเป็นคำพูดที่เกินจริง

คุณลองกลับไปฟังในไฟล์เสียง นาทีที่ 55 เป็นต้นไปว่า อ.อาลี พูดเรื่องความเชื่อของชีอะฮฺโดยอ้างจากหนังสือของชีอะฮฺ ไว้กี่เรื่อง

 

 

ส่วนเรื่องเล่าของคุณ l-umar อ่านดูแล้วก็คงจะร้าวหัวใจผู้อ่านไม่น้อย อันนี้ขอชมโดยเฉพาะการดำเนินเรื่อง

 

แต่ผมได้ฟังจากผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้น แล้วกลับได้ความว่า

 

ที่คุณ l-umar กล่าวว่า  - "สิบกว่าปีที่ผ่าน    มีเรื่องหนึ่งเกิดขึ้น ณ. มัสญิด นูรุลอิสลาม  บ้านป่า  ซอยสวนหลวง  ถ.พัฒนาการ ตอนนั้น อาจารย์ อาลี เสือสมิงกำลังศึกษาอยู่ที่ มหาลัยไคโร   ท่านกลับมาเยี่ยมบ้าน"

 

แต่จริงๆ แล้ว ตอนนั้น อ.อาลี ยังไม่ได้ไปเรียนต่อต่างประเทศ อย่างที่คุณกล่าวอ้าง ขณะนั้นยังไม่มีใครเรียกว่าอาจารย์เลย  ยังคงเรียนอยู่ที่ปอเนาะคลองสิบ และสอนเพียงแค่ ร.ร. ฟัรดูอีน (ตาดีกา) ข้างสุเหร่าบ้านป่าเท่านั้น  

 

 

ที่คุณ l-umar เล่าต่อมาว่า  -  "เพราะนายญะวาด จะพยายามไปละหมาดญะมาอะฮ์ที่สุเหร่าบ้านป่าเป็นประจำ  นายญะวาดมิเพียงไปละหมาดเท่านั้น .............................................

 

กล่าวได้ว่า  ความเป็น ชีอะฮ์ ของนายญะวาด ที่คนในซอยสวนหลวงรู้จักกันในชื่อ ว่า  (( ต๋อง  )) นั้น

 มิเคยสร้างความขัดแย้งหรือสร้างความแตกแยกขึ้นแต่อย่างใดในสังคมพี่น้องมุสลิม แห่งซอยสวนหลวงเลย"

 

ทำไมเช็คญะวาดไม่บอกด้วยล่ะว่า

มาละหมาดที่สุเหร่า แต่แยกละหมาดกันสองคนกับนายปุ้ย  ไม่ได้ละหมาดญ่ามาอะฮฺร่วมกับพี้น้องซุนนีหฺ แต่อย่างใด  

 

และที่มาของเรื่องนี้ก็คือ  เช็คญะวาด ไม่เพียงแต่พยายามจะมาละหมาดที่มัสญิดเท่านั้น  แต่ยังพยายาม ป่วน พี่น้องซุนนีหฺที่มาร่วมละหมาดญ่ามาอะฮฺด้วยการกล่าวร้าย  ต่อท่านหญิง อาอิซะฮฺ (ร.ฎ.)  ให้พี่น้องซุนนีหฺฟังในมัสยิดอีกด้วย  แล้วอย่างนี้จะเรียกว่า "กล่าวได้ว่า  ความเป็น ชีอะฮ์ ของนายญะวาด ที่คนในซอยสวนหลวงรู้จักกันในชื่อ ว่า  (( ต๋อง  )) นั้น มิเคยสร้างความขัดแย้งหรือสร้างความแตกแยกขึ้นแต่อย่างใดในสังคมพี่น้องมุสลิมแห่งซอยสวนหลวงเลย" อย่างที่คุณกล่าวอ้างได้อย่างไร

 

 

ที่คุณ l-umar เล่าอีกว่า   -  "ในเดือนรอมฏอน  อาจารย์อาลีเสือสมิง  นั่งอยู่ในมัสญิดนูรุลอิสลาม บ้านป่า  กับบรรดาสานุศิษย์แห่งโรงเรียนศรีวนาอิสลาม และผู้ใหญ่ส่วนหนึ่ง  และอาจารย์อาลีได้สั่งให้ นายดาวูด  ขับรถไปหานายญะวาดที่บ้าน............."

 

คนที่นัดสองท่านนี้มาพบกันก็คือ  นายมุร็อด กับ นายบู (หมอเหล้ง)  ซึ่งก็รู้จักกันดีทั้ง อ.อาลี และ เช็คญะวาด  และอย่างที่บอกไป ตอนนั้นทั้ง อ.อาลี และ เช็คญะวาด ยังไม่ได้ไปร่ำเรียนต่างประเทศแต่อย่างได

 

 

ส่วนที่คุณ l-umar เล่าอีกว่า   -  "เมื่อนายญะวาดมาถึงที่  มัสญิด มีอาจารย์อาลี เสือสมิง นั่งอยู่ตรงหน้ามัสญิด  มีนักเรียนโรงเรียนศรีวนาอิสลามนั่งอยู่  รายล้อมตัวเขา มีผู้ใหญ่ส่วนหนึ่งคอยนั่งฟังอยู่  รวมทั้งนายปุ้ย(ฮูเซน นรฮีม)  พอนายญะวาดให้สลามและลงนั่งอยู่ต่อหน้าอาจารย์อาลีอาจารย์อาลี ก็เริ่มสนทนาด้วยการโยนหนังสือเล่มหนึ่งใส่หน้านายญะวาด

การสนทนาเริ่มต้นหลังละหมาดซุฮ์ริ  จนถึงเวลาอาซานละหมาดอัซรี่ นายญะวาดจึงลุกขึ้นไปละหมาดญะมาอะฮ์  ในสถาพที่อาจารย์อาลี  นั่งคอตกสร้าง  ความผิดหวังให้กับพรรคพวก

 

คำสุดท้าย  ที่นายญะวาดพูดกับอาจารย์อาลีก่อนจะลุกจากไปคือ ไปเรียนมาใหม่ให้มาก  ( ยังอ่อนหัดนัก )  อาจารย์อาลีไม่ได้พูดอะไร  เพราะรู้อยู่แก่ใจว่า  เขาไม่สามารถเอาชนะนายญะวาด  คนขับ วินมอเตอร์ไซด์ธรรมดาๆคนหนึ่งได้  ทั้งๆที่ตอนนั้นนายญะวาด ไม่เคยได้ไปร่ำเรียนศาสนาที่ต่างๆประเทศ

นับจากวันนั้น  อาจารย์อาลี ผูกใจเจ็บแค้นนายญะวาดมาโดยตลอด"

 

 

เด็กนักเรียนโรงเรียนศรีวนาอิสลาม (ความจริงชื่อโรงเรียนอิสลามศรีวนา)  นั่งอยู่รายล้อมตัวเขา

 เด็กอิสลามศรีวนาจะมานั่งล้อม ครูลี ทำไม ในเมื่อตอนนั้นยังเรียนปอเนอะอยู่ และสอนอยู่ ร.ร.ฟัรดูอีน ข้างๆ สุเหร่า  ยังไม่มีใครเรียกว่า อ.อาลี เลย

 

และ อ.อาลี  ก็ไม่เคยสอนที่โรงเรียนอิสลามศรีวนาเลย  ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนหลังเล็กหรือหลังใหญ่   มั่งจริงๆ  ชื่อโรงเรียนยังพิมพ์ผิดเลย

 

 

บทละครของคุณ l-umar  อ่านแล้วเพลินจริงๆ

 

และที่คุณบอกว่า "อ.อาลี โยนหนังสือใส่หน้า นายญะวาด นั้น ช่วยบอกหน่อยว่าหนังสืออะไร แล้วจำเป็นต้องแสดงกริยาอาการขนาดนั้นเชียวหรือ"   คุณพยายามทำให้ภาพของ อ.อาลี  อ่อ ไม่ใช่ซิ ของครูลี  เป็นเหมือนมาเฟียคุมสุเหร่าที่รังแกคนของประชาชนซึ่งเป็นลูกกตัญญู ยังไงยังงั้น...

 

 

ต่อมาคุณเล่าว่า "การสนทนาเริ่มต้นหลังละหมาดซุฮ์ริ  จนถึงเวลาอาซานละหมาดอัซรี่ นายญะวาดจึงลุกขึ้นไปละหมาดญะมาอะฮ์  ในสภาพที่อาจารย์อาลี  นั่งคอตกสร้างความผิดหวังให้กับพรรคพวก"  ก็ถามคุณหน่อยว่า เช็คญะวาด จะลุกไปละหมาดอะไรอีก ก็ในเมื่อเช็คญะวาด ละหมาดรวม (ตามหลักปฏิบัติของชีอะฮฺ) กับนายปุ้ยสองคนเท่านั้น  และ อ.อาลี ไม่ไปละหมาดด้วยหรือ?  หนีออกจากสุเหร่าไปเลยหรืองัย  ทั้งๆ ที่ได้เวลาละหมาดแล้ว

 

คุณเล่าว่า ในสภาพที่ อ.อาลี นั่งคอตก  คุณอยู่ในเหตุการณ์วันนั้นด้วยหรือไม่?  ถึงได้เล่าได้เป็นฉากๆ สุดท้ายคุณฟังเขามาอีกที  

 

คำสุดท้าย เช็คญะวาดพูดอะไรกับ อ.อาลี นั้น ไม่รู้  

รู้แต่ว่าให้ ชีท อ.อาลี มา และทำไฮไลท์ในเรื่อง "อายะฮฺวิลายะฮฺ" จากตัฟซีร "อัดดุรรุ้ลมันซูร"  ทำไฮไลท์ตรงที่จะเอา แต่ก็หมกเม็ด ไม่ได้ทำไฮไลท์ตรงที่ "ถูกรายงานด้วยสายรายงานที่ฏออีฟ" มาให้ด้วย

 

 

นี่ก็เหตุที่ อ.อาลี พูดในไฟล์เสียงว่า "หากจะอ้างว่าเป็นการเอาชนะกัน ก็ว่ากันไป"

 

 

 

 

คุณ l-umar เล่าว่า   -  นายญะวาดมีโอกาศศึกษาอยู่ที่นั่นได้ สามปีเศษๆ  ก็ประสบปัญหาเรื่องวีซ่าไม่สามารถพำนักอยู่ที่การาจีได้จึงกลับเมืองไทย  ถึงตอนนั้น อาจารย์อาลีเสือสมิงเรียนจบจาก มหาลัยอัลอัซฮัรแล้ว      อาจารย์อาลี  เมื่อรู้ข่าวว่านายญะวาดกลับมาเมืองไทยจึงให้นายปุ้ย  (ฮูเซน นรฮีม)

ไปเชิญนายญะวาดมาพบที่บ้านตรงบริเวณโค้งสวนรัฐ ซอยสวนหลวง อาจารย์อาลี เสือสมิงเป็นคนตระกูลมีฐานะร่ำรวยมาก   เมื่อนายญะวาดมาพบอาจารย์อาลีเสือสมิงที่บ้านท่าน  อาจารย์อาลีเสือสมิงให้การต้อนรับนายญะวาดอย่างมีไมตรีจิตร....................."

 

 

ความจริงขณะนั้น อ.อาลี ยังเรียนไม่จบตามที่คุณอ้างมาแต่อย่างใด  แต่กลับมาเยี่ยมบ้านเท่านั้น

 

และ อ.อาลี ก็นัดเช็คญะวาดมาพบกันที่บ้านของอาจารย์จริง

เนื่องจากนายปุ้ยมาบอกว่านายญะวาดกลับมาแล้ว

(นี่คือสิ่งยืนยันที่ค้านกับคำพูดของคุณ l-umar  ที่ว่า "อาจารย์อาลีเสือสมิง  มีนิสัยผู้หญิง  คือไม่กล้าถกกับเชคอับดุลญะวาด ซึ่งๆ หน้า  รอยแค้นที่ฝังแน่นสิบกว่าปีที่ผ่านมาไม่เคยลบเลือนออกไปจากจิตใจของอาจารย์อาลีเสือสมิง ที่ไม่สามารถโค่นเชคญะวาดได้"  

 

และก็ยังมีคำยืนยันจากคุณ firdawz  ที่ค้านกับคำพูดของคุณ เพราะแม้แต่คุณ firdawz ก็ยังกล่าวว่า "โดยส่วนตัวผมเชื่อว่า อาจารย์อะลี เสือสมิง เป็นคนกล้า ไม่กลัวใครหรอก ต่อให้บุคคลเหล่านั้นนั่งอยู่ต่อหน้า"  (กระทู้ที่ 1)  )

 

 

เหตุการณ์ในวันนั้นก็ไปฟังต่อจากในไฟล์เสียง (ประมาณนาทีที่ 35 (เรื่องท่านอบีฮุรอยเราะฮฺ)   ซึ่งเช็คญะวาดก็เงียบไป  เพราะฉนั้น การกล่าวอ้างของคุณที่ว่า "นับจากวันนั้น  อาจารย์อาลี ผูกใจเจ็บแค้นนายญะวาดมาโดยตลอดที่ไม่สามารถเอาชนะนายญะวาดได้"  คงเป็นการใส่ร้ายของคุณมากกว่า  เพราะ อ.อาลี ก็ได้ทำให้ เช็คญะวาด เงียบนิ่งไปแล้วในกรณีเรื่องของท่านอบูฮุรอยเราะฮฺ  ที่พูดคุยกันที่บ้านของ อ.อาลี

 

 

ที่คุณเล่าเรื่องที่มัสยิดแก้วนิมิตร   หากเป็นอย่างที่คุณพูดจริงๆ อ.อาลี คงไม่ถูกเชิญไปพูดที่แก้วนิมิตรทุกปี ปีล่ะหลายครังหรอก และยังมีน้องๆ นักศึกษาที่ไปจัดงานที่มัญยิดแก้วนิมิตร เล่าให้ผมฟังอีกด้วยว่าพอเสนอชื่อวิทยากร ว่าเป็น อ.อาลี  ให้แก่อิหม่ามและผู้ใหญ่ที่นั้น  ก็ได้ความเห็นชอบจากอิหม่ามและผู้ใหญ่ที่นั่นว่า "เห็นด้วยอย่างยิ่ง"
  •  

L-umar


(ต่อ)

 

จะมีเรื่องเกี่ยวกับชีอะฮฺ ก็คงมีแต่ที่มัสยิด อะอฺลา (สุเหร่าบน คลองหนึ่ง)  ซึ่งงานนั้น อ.อาลี ถูกเชิญให้ไปบรรยายเรื่องชีอะอฺโดยเฉพาะ

 

 

มาถึงเรื่องวินมอร์เตอร์ไซค์ ที่คุณเอามาชี้แจง  

จากคำพูดของคุณว่า  "เรื่องที่อาจารย์อาลี เสือสมิง ใส่ร้ายเชคญะวาดว่า โกงเสื้อวิน "  ผมฟังในไฟล์เสียงก็ยังไม่เจอคำที่คุณระบุมาแต่อย่างใด  ช่วยระบุหน่อยว่าอยู่ตรงไหน

 

 

อ.อาลี เพียงแต่ตั้งข้อสังเกตุว่า "ไม่ค่อยโปรงใส่เท่าไหร่"   ไม่ได้พูดฟันธง  เพียงแต่มีคนพูดถึงกัน

ฉนั้นคำว่า "โกงเสื้อวิน"  จึงเป็นคำที่คุณสรุปเอาเอง

 

 

ถึงตรงนี้คำพูดที่ใส่ร้ายเช็คญะวาดว่า "โกงเสื้อวิน"  ก็คือคำพูดของ คุณ l-umar   เท่านั้น

 

 

ส่วนคำพูดของคุณที่บอกว่าทุกเวทีที่ อ.อาลี ไปพูดบรรยาย  ก็จะเอาเรื่องไม่จริงมากล่าวใส่ร้ายเช็คญะวาดเสมอ  เช่น "มันขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง"   "มันโกงวินเขาด้วย"  และอื่นๆ อีกมากมาย

 

 

ก็ลองช่วยเลือกดูในเว็บ อ.อาลี http://www.alisuasaming.com/index.php/lecture   มาหน่อยว่าพูดไว้ที่ไหน พูดไว้ทุกเวทีจริงหรือ?  ฟังในไฟล์เสียงก็ได้  เท่าที่รู้ อาจารย์พูดถึงเรื่องของชีอะฮฺไม่กี่ครั้ง  ไม่ถึงห้าครั้งด้วยซ้ำไป...  และใช่ว่าทุกครั้งที่พูดถึงเรื่องของชีอะฮฺ  จะต้องพูดถึงเชคญะวาดทุกครั้งไป

 

 

คุณก็ยอมรับเองไม่ใช่หรือว่าเช็คญะวาดขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง  แล้วจะว่าเอาเรื่องไม่จริงมากล่าวหาต่อเช็คญะวาดได้อย่างไร   และที่ว่าอื่นๆ อีกมากมายนั้น  น่าจะยกตัวอย่างประกอบมาด้วยนะ

 

คำพูดของคุณที่ว่า  "อ.อาลี มีฐานะร่ำรวยมากมาย  แต่ชอบดูถูกเช็คญะวาดว่า อดีตมันเคยขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง"  

 

เท่าที่รู้  อ.อาลี  เกี่ยวหญ้าเลี้ยงวัว  เลี้ยงแพะ  (เหมือนท่านนบี (‏‏صلى الله عليه وسلم)  อย่างที่คุณบอก)  จวบจนทุกวันนี้ยังขับรถมาสด้าเก่าๆ  อยู่คันเดียว  บ้านก็ยังสร้างไม่เสร็จ  มีหนี้สินอีกต่างหาก  

 

 

แล้วจะมีฐานะร่ำรวยมากมายอย่างที่คุณว่าได้อย่างไร   เช็คญะวาดเสียอีกมีมอเตอร์ไซค์ขับก่อน อ.อาลี เสียอีก...  อ.อาลี จะไปดูถูกคนขับวินมอเตอร์ไซค์ทำไม  ในเมื่อลูกศิษย์แก , ญาติ , และคนรู้จัก  ก็ขับวินมอร์เตอร์ไซค์เหมือนกัน

 

 

เรื่องเปรียบเทียบกับมุซริกฺ นั้นคุณคิดเอาเอง ได้เป็นตุเป็นตะ

 

"มันจะมีประโยชน์อันใดเล่า  หากอาจารย์อาลีชิงชังอาฆาตเช็คญะวาด  แล้วไปเที่ยวด่ากับชาวบ้าน   โดยที่อีกฝ่ายหนึ่งไม่มีสิทธิ์อธิบายสิ่งที่ อ.อาลี ใส่ร้ายเขา"   หากเป็นอย่างนั้นจริง  คุณก็ไม่ต่างอะไรกับ อ.อาลี หรอก  จริงมั๊ย?  

เพราะสิ่งที่คุณไปถ่ายทอดให้เช็คญะวาดทราบมันก็คือการใส่ร้ายอีกทอดหนึ่งนั่นเอง

 

 

และเรื่องที่เช็คญะวาดบอกว่า เป็นฮักกุ้ลอาดัม นั้น  ก็ฝากไปบอกเช็คเขาหน่อยว่า  "ฮักกุ้ลอาดัม ของท่านเช็คญะวาดต่อท่านหญิงอาอีซะฮฺ (ร.ฎ.)  นั้น มันหนักหนาสาหัสสากันกว่าเรื่องวินมอเตอร์ไซค์ไม่รู้เท่าไหร่ (ในหลักความเชื่อของพวกเราชาวอะฮฺลิซซุนนะฮฺวัลญ่ามาอะฮฺ)  เพราะอย่างน้อยก็เป็นฮักกุ้ลอาดัมกับผู้ที่เสียชีวิตไปแล้ว"

 

 

สุดท้าย   คำถามที่คุณ l-umar ถามว่า "ทำไม  อาจารย์  อาลี  เสือสมิง  จึง  โจมตี  ชีอะฮ์  ???"  และบอกว่าเป็นคำถามสำคัญนั้น

 

 

ก็คงตอบได้ไม่ยากว่า ก็เพราะ อ.อาลี ต้องปกป้องอะกีดะฮฺที่ถูกต้องตามแนวทางอะฮฺลิซซุนนะฮฺวัลญ่ามาอะฮฺ  ซึ่งเป็นหน้าที่ของผู้รู้อะฮฺลิซซุนนะฮฺวัลญ่ามาอะฮฺ ทุกคน  

 

 

หากยังขุ่นข้องใจเรื่องใดก็เข้าไปคุยกับ อ.อาลี ได้ที่เว็บของแก   www.alisuasaming.com

หรือ  ali_sour@hotmail.com

 
  •  

L-umar


อัสซะลามู้ อะลัยกุ้มฯ

 

หลังจากที่ผมได้อ่านข้อความของท่าน  ผมจึงโทรไปหาเชคญะวาด เพื่อขอสอบถามรายละเอียดดังกล่าว  

ตามที่ท่านนำมาลงเกี่ยวกับเรื่องคำพูดของท่านอาจารย์อาลี เสือสมิงกับท่านเชคญะวาด

 

ผมจึงขออธิบายดังนี้

 

อ้างอิงจากคุณdeeneeyah

ที่คุณ l-umar เล่าต่อมาว่า  -  "เพราะนายญะวาด จะพยายามไปละหมาดญะมาอะฮ์ที่สุเหร่าบ้านป่าเป็นประจำ  นายญะวาดมิเพียงไปละหมาดเท่านั้น .............................................

 

กล่าวได้ว่า  ความเป็น ชีอะฮ์ ของนายญะวาด ที่คนในซอยสวนหลวงรู้จักกันในชื่อ ว่า  (( ต๋อง  )) นั้น มิเคยสร้างความขัดแย้งหรือสร้างความแตกแยกขึ้นแต่อย่างใดในสังคมพี่น้องมุสลิม แห่งซอยสวนหลวงเลย"

 

ทำไมเช็คญะวาดไม่บอกด้วยล่ะว่า

มาละหมาดที่สุเหร่า แต่แยกละหมาดกันสองคนกับนายปุ้ย  ไม่ได้ละหมาดญ่ามาอะฮฺร่วมกับพี้น้องซุนนีหฺ แต่อย่างใด

 

ตอบ

 

เมื่อผมถามโทรไปถามเชคญะวาดว่า  จริงหรือปล่าวที่คุณไปละหมาดที่สุเหร่าเพียงสองคนกับนายปุ้ยเท่านั้น

 

เชคญะวาดตอบว่า   ผมยืนละหมาดญะมาอัตเป็นประจำ  แน่นอนต้องมีพยานในคำพูด

 

ท่านสามารถสอบถามกับคนพื้นที่ ที่มาละมาดเป็นประจำที่มัสญิดเช่น

 

1.      กียิ๊ด    ปัจจุบันยังมีชีวิตอยู่ และยังไปละหมาดญะมาอัตประจำที่มัสญิด เป็นสามีของโต๊ะจู อยู่ปากซอยสวนหลวง

2.      นายหมัด บุตรชายฮัจยีตอฮา ซึ่งปัจจุบันก็ทำหน้าที่เป็นอิหม่ามนำละหมาดเป็นประจำที่มัสญิดแห่งนั้น

3.      ท่านอาจารย์วิทยา  วิเศษรัตน์  ซึ่งส่วนมากท่านจะมาละหมาดญะมาอัตที่มัสญิดตอนซูโบ๊ะห์

4.      ท่านอาจารย์อับดุลเลาะฮ์  สาดและ

5.      ฮัจยี  อับดุลกอเด็ร  มูซอ

6.      ครู ฮาบี๊บ บ้านอยู่ติดกับโรงเรียนนาคนาวาฯ

เชคญะวาดกล่าวว่า  ท่านสามารถสอบถามบุคคลดังกล่าวได้ว่า ผมร่วมละหมาดญะมาอัตจริงหรือไม่  

 

ดังนั้นคำพูดที่ว่า ผมยืนละหมาดกับนายปุ้ยสองคนต่อสองในมัสญิดบ้านป่าตามลำพังนั้น  คงมีใครแต่งขึ้นเองแล้วล่ะ  

 

อ้างอิงจากคุณdeeneeyah

และที่มาของเรื่องนี้ก็คือ  เช็คญะวาด ไม่เพียงแต่พยายามจะมาละหมาดที่มัสญิดเท่านั้น  แต่ยังพยายาม ป่วน พี่น้องซุนนีหฺที่มาร่วมละหมาดญ่ามาอะฮฺด้วยการกล่าวร้าย  ต่อท่านหญิง อาอิซะฮฺ (ร.ฎ.)  ให้พี่น้องซุนนีหฺฟังในมัสยิดอีกด้วย  แล้วอย่างนี้จะเรียกว่า "กล่าวได้ว่า  ความเป็น ชีอะฮ์ ของนายญะวาด ที่คนในซอยสวนหลวงรู้จักกันในชื่อ ว่า  (( ต๋อง  )) นั้น มิเคยสร้างความขัดแย้งหรือสร้างความแตกแยกขึ้นแต่อย่างใดในสังคมพี่น้องมุสลิมแห่งซอยสวนหลวงเลย" อย่างที่คุณกล่าวอ้างได้อย่างไร

 

ตอบ

ผมสอบถามเชคญะวาดว่า เรื่องนี้เป็นอย่างไร   ท่านกล่าวว่า  คำพูดดังกล่าวถือว่า ใส่ร้ายผม  เพราะผมไม่เคย ป่วน พี่น้องซุนนี่ที่นั่น และไม่เคยกล่าวร้ายต่อท่านหญิงอาอิชะฮ์  (ซึ่งจะอธิบายรายละเอียดต่อไป)

บรรดาผุ้ใหญ่ในซอยสวนหลวง ไม่เคยประณามผมในเรื่องดังกล่าว

 

อ้างอิงจากคุณdeeneeyah

ที่คุณ l-umar เล่าอีกว่า   -  "ในเดือนรอมฏอน  อาจารย์อาลีเสือสมิง  นั่งอยู่ในมัสญิดนูรุลอิสลาม บ้านป่า  กับบรรดาสานุศิษย์แห่งโรงเรียนศรีวนาอิสลาม และผู้ใหญ่ส่วนหนึ่ง  และอาจารย์อาลีได้สั่งให้ นายดาวูด  ขับรถไปหานายญะวาดที่บ้าน............."

 

คนที่นัดสองท่านนี้มาพบกันก็คือ  นายมุร็อด กับ นายบู (หมอเหล้ง)  ซึ่งก็รู้จักกันดีทั้ง อ.อาลี และ เช็คญะวาด  และอย่างที่บอกไป ตอนนั้นทั้ง อ.อาลี และ เช็คญะวาด ยังไม่ได้ไปร่ำเรียนต่างประเทศแต่อย่างได

ตอบ

ผมถามเชคญะวาดว่า  ใครไปตามท่านที่บ้าน

ท่านตอบว่า  ผู้ที่มาตามท่านไปมัสญิดทั้งสองครั้งคือ  

นายดาวูด  บุตรมัรฮูมฮัจยีหวัง ทำงานอยู่โรงงานยาสูบ ปัจจุบันบ้านอยู่ซอยโรงสีบอสนี่ สุดซอย

 

อ้างอิงจากคุณdeeneeyah

ส่วนที่คุณ l-umar เล่าอีกว่า   -  "เมื่อนายญะวาดมาถึงที่  มัสญิด มีอาจารย์อาลี เสือสมิง นั่งอยู่ตรงหน้ามัสญิด  มีนักเรียนโรงเรียนศรีวนาอิสลามนั่งอยู่  รายล้อมตัวเขา มีผู้ใหญ่ส่วนหนึ่งคอยนั่งฟังอยู่  รวมทั้งนายปุ้ย(ฮูเซน นรฮีม)  พอนายญะวาดให้สลามและลงนั่งอยู่ต่อหน้าอาจารย์อาลีอาจารย์อาลี ก็เริ่มสนทนาด้วยการโยนหนังสือเล่มหนึ่งใส่หน้านายญะวาด

การสนทนาเริ่มต้นหลังละหมาดซุฮ์ริ  จนถึงเวลาอาซานละหมาดอัซรี่ นายญะวาดจึงลุกขึ้นไปละหมาดญะมาอะฮ์  ในสถาพที่อาจารย์อาลี  นั่งคอตกสร้าง  ความผิดหวังให้กับพรรคพวก.......

 

ตอบ

ผมถามเชคญะวาดว่า รายละเอียดตรงนี้เป็นอย่างไร  ท่านตอบดังนี้

1.      พอลงนั่ง  อาจารย์อาลี ก็โยนหนังสือเล่มหนึ่งมาข้างหน้าท่าน   เชคญะวาดเลยหยิงมาอ่าน  รู้สึกเป็นหนังสือโจมตีชีอะฮ์ ที่อ.ดิเรก หรืออิบรอฮีมกุเรชีเขียน ปกสีน้ำตาลเข้ม   เชคญะวาดจึงบอกอาจารย์อาลีว่า  ในหนังสือมีอายะฮ์กุรอ่านอยู่ ทำไมไม่ให้เกียรติ  ทำไมจึงโยนมาแบบนี้

2.      เมื่อเชคญะวาด  เอ่ยถึงนายอาลี เสือสมิงว่า  อาจารย์อาลี นั่นหมายถึงท่านเรียกในฐานะปัจจุบันของอาจารย์อาลี  จะให้ผมไปเรียกอาลีเฉยๆได้อย่างไร แท้ว่าตอนนั้นนายอาลีจะยังไม่ได้เป็นอาจารย์ก็ตาม  แต่อย่างน้อยคุณก้บอกเองแล้วว่า ตอนนั้นนายอาลีก็เป็นครูสอนหนังสือแล้ว

3.      ส่วนเรื่องเด็กนักเรียนนั้น  เชคญะวาดบอกว่า  ผมไม่ทราบด้วยเกล้าว่า เด็กนร.จะยึดถืออาจารย์อาลีในฐานะใด  แต่ที่แน่  มีเด็กนร.นั่งอยู่ทั้งข้างหลังและข้างอาจารย์อาลีหลายคนจริงๆ  รวมทั้งนายมูร็อดด้วย

4.      ส่วนผู้ใหญ่ที่นั่งฟัง เชคญะวาดบอกว่า  ถ้าจำไม่ผิด มีมัรฮูม ยีเซ็ม บ้านอยู่ปากซฮยสุเหร่าหนึ่งนั่งฟังจนจบอยู่ด้วย  ส่วนอื่นๆจำชื่อไม่ได้แล้ว

 

อ้างอิงจากคุณdeeneeyah

เด็กนักเรียนโรงเรียนศรีวนาอิสลาม (ความจริงชื่อโรงเรียนอิสลามศรีวนา)  นั่งอยู่รายล้อมตัวเขา

เด็กอิสลามศรีวนาจะมานั่งล้อม ครูลี ทำไม ในเมื่อตอนนั้นยังเรียนปอเนอะอยู่ และสอนอยู่ ร.ร.ฟัรดูอีน ข้างๆ สุเหร่า  ยังไม่มีใครเรียกว่า อ.อาลี เลย

 

และ อ.อาลี  ก็ไม่เคยสอนที่โรงเรียนอิสลามศรีวนาเลย  ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนหลังเล็กหรือหลังใหญ่

 

ตอบ

อันนี้ผมขอตอบเองก้ได้ว่า   ก็ต้องการเห็นอาจารย์อาลี  เชือดเชคญะวาดไง  แต่บังเอิญวันนั้นอาจารย์อาลี  ไม่สามารถทำได้สำเร็จ


อ้างอิงจากคุณdeeneeyah

และที่คุณบอกว่า "อ.อาลี โยนหนังสือใส่หน้า นายญะวาด นั้น ช่วยบอกหน่อยว่าหนังสืออะไร แล้วจำเป็นต้องแสดงกริยาอาการขนาดนั้นเชียวหรือ

ตอบ

เชคญะวาดให้ไปถามอาจารย์อาลีว่า  ท่านโยนหนังสือใส่หน้าเชคญะวาดจริงหรือปล่าว เอาแค่เท่านั้นพอ ว่าจริงหรือปล่าว

 

อ้างอิงจากคุณdeeneeyah

ต่อมาคุณเล่าว่า "การสนทนาเริ่มต้นหลังละหมาดซุฮ์ริ  จนถึงเวลาอาซานละหมาดอัซรี่ นายญะวาดจึงลุกขึ้นไปละหมาดญะมาอะฮ์  ในสภาพที่อาจารย์อาลี  นั่งคอตกสร้างความผิดหวังให้กับพรรคพวก"  

ตอบ

อันนี้ผมขอถามเองว่า  แล้วจริงหรือปล่าว ที่เด็กๆต้องผิดหวังกับอาจารย์อาลี ?

 

อ้างอิงจากคุณdeeneeyah

ก็ถามคุณหน่อยว่า เช็คญะวาด จะลุกไปละหมาดอะไรอีก ก็ในเมื่อเช็คญะวาด ละหมาดรวม (ตามหลักปฏิบัติของชีอะฮฺ) กับนายปุ้ยสองคนเท่านั้น  และ อ.อาลี ไม่ไปละหมาดด้วยหรือ?  หนีออกจากสุเหร่าไปเลยหรืองัย  ทั้งๆ ที่ได้เวลาละหมาดแล้ว

 

ตอบ

เชคญะวาดตอบว่า   เขาโกหก  ผมลุกขึ้นไปละหมาดญะมาอัตในสุเหร่า  ผมไม่ได้ไปละหมาดกับนายปุ้ยสองต่อสอง

 

อ้างอิงจากคุณdeeneeyah

คำสุดท้าย เช็คญะวาดพูดอะไรกับ อ.อาลี นั้น ไม่รู้  

รู้แต่ว่าให้ ชีท อ.อาลี มา และทำไฮไลท์ในเรื่อง "อายะฮฺวิลายะฮฺ" จากตัฟซีร "อัดดุรรุ้ลมันซูร"  ทำไฮไลท์ตรงที่จะเอา

แต่ก็หมกเม็ด ไม่ได้ทำไฮไลท์ตรงที่ "ถูกรายงานด้วยสายรายงานที่ฏออีฟ" มาให้ด้วย

ตอบ

เชคญะวาด ฝากถามว่า  ชีทที่ให้ไปนั้น  เพื่อพิสูจน์จุดยืนของตัวเองว่า สิ่งใดที่กล่าวกับอาจารย์อาลี  ไม่ใช่พูดปากเปล่า แต่มีหลักฐานยืนยัน จึงยื่นให้อาจารย์อาลีเอาไปตรวจสอบอีกที

ส่วนกรณีที่มาหาว่า ผมหมกเม็ด เรื่องหะดีษดังกล่าวเป็นสายรายงาน ดออีฟ  นั้น

อันนี้  คงต้องรอให้อาจารย์อาลีกับเชคญะวาด ได้มาพิสูจน์หลักฐานต่อหน้าสาธารณ  

 

อ้างอิงจากคุณdeeneeyah

นี่ก็เหตุที่ อ.อาลี พูดในไฟล์เสียงว่า "หากจะอ้างว่าเป็นการเอาชนะกัน ก็ว่ากันไป"

ตอบ

เชคญะวาดตอบว่า  ผมไม่เคยบอกว่า  วันนั้นผมได้ชนะท่านอาจารย์อาลี

แต่ที่ผมไปมัสญิดในวันนั้น เพราะผมถูกเรียกให้ไปพิสูจน์  อะกีดะฮ์ของผมว่า ผมเชื่อเพราะผมมีหลักฐานตามที่ผมเชื่อ  

 

ส่วนอาจารย์อาลี จะคิดอย่างไร อันเป็นสิทธิของท่าน วัลลอฮุ อะอ์ลัม

 

อ้างอิงจากคุณdeeneeyah

เรื่องท่านอบีฮุรอยเราะฮฺ   ซึ่งเช็คญะวาดก็เงียบไป  เพราะฉนั้น การกล่าวอ้างของคุณที่ว่า "นับจากวันนั้น  อาจารย์อาลี ผูกใจเจ็บแค้นนายญะวาดมาโดยตลอดที่ไม่สามารถเอาชนะนายญะวาดได้"  คงเป็นการใส่ร้ายของคุณมากกว่า  เพราะ อ.อาลี ก็ได้ทำให้ เช็คญะวาด เงียบนิ่งไปแล้วในกรณีเรื่องของท่านอบูฮุรอยเราะฮฺ  ที่พูดคุยกันที่บ้านของ อ.อาลี

ตอบ

เชคญะวาดเล่าว่า  

อาจารย์อาลีเล่าให้เชคญะวาดฟังว่า  ด็อกเตอร์ติญานีกล่าวว่า  ท่านอบูฮุร็อยเราะฮ์ นั้น วัด- ด๊ออ์   คือเป็นนักกุหะดีษ

เชคญะวาดจึงถามว่า  

ทำไมท่านอบูฮุร็อยเราะฮ์อยู่กับท่านรอซูลุลเลาะฮ์ไม่นานจึงรายงานหะดีษมากมายกว่าซอฮาบะฮ์คนอื่นๆ ?

อาจารย์อาลีก็อธิบายว่า  มันแบ่งแบบนี้คือ  ตักลีลี กับตักซีรี

ซึ่งญะวาดก็ไม่ได้โต้แย้งใดๆ เพราะไม่ได้มาถก แต่มาตามคำเชิญและเพื่อเยี่ยมเยียนอาจารย์อาลี

เชคญะวาดยังเสริมว่า  

ตัวอาจารย์อาลีเองยังกล่าวว่า  แม้แต่หะดีษในซอฮีฮุลบุคอรี ก็หะดีษบางบทที่ไม่ซอแฮะห์  เพราะอุละมาอ์บางคนกล่าวเอาไว้

ซึ่งเชคญะวาดก็นั่งฟังไปเรื่อยๆ ตามมารยาทการสนทนา

 

จนนายหมัด บุตรฮัจยีตอฮา ที่อยู่ด้วยกล่าวว่า   มึงทั้งสองคุยแต่เรื่องชื่อหนังสือและหนังสือ  เมื่อไหร่จะถกกันเสียที กูอยากฟัง

 

มีต่อ...
  •  

L-umar


อ้างอิงจากคุณdeeneeyah

ที่คุณเล่าเรื่องที่มัสยิดแก้วนิมิตร   หากเป็นอย่างที่คุณพูดจริงๆ อ.อาลี คงไม่ถูกเชิญไปพูดที่แก้วนิมิตรทุกปี ปีล่ะหลายครังหรอก และยังมีน้องๆ นักศึกษาที่ไปจัดงานที่มัญยิดแก้วนิมิตร เล่าให้ผมฟังอีกด้วยว่าพอเสนอชื่อวิทยากร ว่าเป็น อ.อาลี  ให้แก่อิหม่ามและผู้ใหญ่ที่นั้น  ก็ได้ความเห็นชอบจากอิหม่ามและผู้ใหญ่ที่นั่นว่า "เห็นด้วยอย่างยิ่ง"

 

วิจารณ์

1.      อาจารย์อาลีไปด่าเชคญะวาดจริงใช่ไหมครับ  เพราะขณะที่อาจารย์กำลังบรรยาย มีคนที่นั่นโทรมาหาเชคญะวาดว่า  ไปทำอะไรให้อาจารย์อาลีโกรธ นี่เขามาว่าเอาปาวๆ

2.      ส่วนกรณีที่อาจารย์อาลีถูกเชิญไปพูดที่มัสยิดแก้วนิมิตรบ่อยๆ  เพราะว่าอิหม่ามและผู้ใหญ่ที่นั่นคือมิตรสหายของอาจารย์อาลีไงครับ    คงไม่แปลก

3.      ถ้าถามผมว่า  ทำไมอาจารย์อาลีไปด่าเชคญะวาดที่นั่น แล้วทำไมเขายังเชิญไปอีก  ผมตอบข้อสองแล้ว แต่ผมขอถามบ้างว่า   คนที่นั่นเขาเชิญอาจารย์อาลีไปดฟิตนะฮ์เชคญะวาดหรือครับ  และถ้าคนที่นั่นเขาตำหนิอาจารย์อาลีในเรื่องนี้  แน่นอนความสัมพันธ์ก็อาจสั่นคลอนลง  อันนี้ผมวิจารณ์เล่นๆนะครับ เช่นคราวหน้าอาจารย์อาลีอาจงอนไม่ไปบรรยายให้ก็ได้

 

อ้างอิงจากคุณdeeneeyah

มาถึงเรื่องวินมอร์เตอร์ไซค์ ที่คุณเอามาชี้แจง  

จากคำพูดของคุณว่า  "เรื่องที่อาจารย์อาลี เสือสมิง ใส่ร้ายเชคญะวาดว่า โกงเสื้อวิน "  ผมฟังในไฟล์เสียงก็ยังไม่เจอคำที่คุณระบุมาแต่อย่างใด  ช่วยระบุหน่อยว่าอยู่ตรงไหน

ตอบ

เรื่องนี้ เชคญะวาดฝากถามมาว่า  อาจารย์อาลีเคยพูดจริงหรือเปล่าว่า

เชคญะวาดโกงเสื้อวินมอเตอร์ไซด์  ?    

ถ้าอาจารย์อาลี  แน่ ก็ขอให้ตอบด้วย วัลลอฮฺ  นะครับว่า ไม่เคย  ก็จบ  

 

อ้างอิงจากคุณdeeneeyah

อ.อาลี เพียงแต่ตั้งข้อสังเกตุว่า "ไม่ค่อยโปรงใส่เท่าไหร่"   ไม่ได้พูดฟันธง  เพียงแต่มีคนพูดถึงกัน    ฉนั้นคำว่า "โกงเสื้อวิน"  จึงเป็นคำที่คุณสรุปเอาเอง

ตอบ

หากอ.อาลี เพียงแต่ตั้งข้อสังเกตว่า ไม่ค่อยโปร่งใสเท่าไหร่  เพียงแต่มีคนพูดถึงกัน

เชคญะวาดฝากถามไปยังอ.อาลีด้วยอายัตที่ผมจดมาดังนี้นะครับ

 

فَلِمَ تُحَاجُّونَ فِيمَا لَيْسَ لَكُمْ بِهِ عِلْمٌ

 

บท 3 : 66

وَلَا تَقْفُ مَا لَيْسَ لَكَ بِهِ عِلْمٌ إِنَّ السَّمْعَ وَالْبَصَرَ وَالْفُؤَادَ كُلُّ أُولَئِكَ كَانَ عَنْهُ مَسْئُولًا

บท 17 : 36

 

ตอนนี้อ.อาลีคงออกตัวว่า  เพียงแต่ตั้งเป็นข้อสังเกต

เพราะท่านทราบดีว่า  ท่านพูดกับประชาชนว่า เชคญะวาดโกงเสื้อวินไปไม่รู้กี่ครั้งแล้ว

เมื่อเชคญะวาดตอบว่า ให้ไปถามเจ้าของวินชื่อ " นิด๊ะห์ " บ้านอยู่ตรงข้ามกับสน.คลองตัน

หรือสอบถามจากบังยีสามีนิดะห์ก็ได้ เพราะท่านไปละหมาดวันศุกร์เป็นประจำที่สุเหร่าบ้านป่า

 

อ.อาลีก็เลย  ต้องกลับลำ ไม่เป็นไรครับ  ปากที่อาจารย์อาลีกล่าวเท็จสิ่งใดไว้ มันจะถูกสอบถามเองในวันกิยามัต  

 

อ้างอิงจากคุณdeeneeyah

ส่วนคำพูดของคุณที่บอกว่าทุกเวทีที่ อ.อาลี ไปพูดบรรยาย  ก็จะเอาเรื่องไม่จริงมากล่าวใส่ร้ายเช็คญะวาดเสมอ  เช่น "มันขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง"   "มันโกงวินเขาด้วย"  และอื่นๆ อีกมากมาย

 

 

ก็ลองช่วยเลือกดูในเว็บ อ.อาลี http://www.alisuasaming.com/index.php/lecture   มาหน่อยว่าพูดไว้ที่ไหน พูดไว้ทุกเวทีจริงหรือ?  ฟังในไฟล์เสียงก็ได้  เท่าที่รู้ อาจารย์พูดถึงเรื่องของชีอะฮฺไม่กี่ครั้ง  ไม่ถึงห้าครั้งด้วยซ้ำไป...  และใช่ว่าทุกครั้งที่พูดถึงเรื่องของชีอะฮฺ  จะต้องพูดถึงเชคญะวาดทุกครั้งไป

 

 

คุณก็ยอมรับเองไม่ใช่หรือว่าเช็คญะวาดขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง  แล้วจะว่าเอาเรื่องไม่จริงมากล่าวหาต่อเช็คญะวาดได้อย่างไร   และที่ว่าอื่นๆ อีกมากมายนั้น  น่าจะยกตัวอย่างประกอบมาด้วยนะ

ตอบ

ผมขอตอบเองว่า  ในไฟล์เสียงจะมีหรือไม่มี  นั้นไม่เป็นไร  มันสำคัญที่ว่า  อาจารย์เคยเคยพูดจริงหรือป่าวครับ  

 

อ้างอิงจากคุณdeeneeyah

คำพูดของคุณที่ว่า  "อ.อาลี มีฐานะร่ำรวยมากมาย  แต่ชอบดูถูกเช็คญะวาดว่า อดีตมันเคยขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง"  

 

เท่าที่รู้  อ.อาลี  เกี่ยวหญ้าเลี้ยงวัว  เลี้ยงแพะ  (เหมือนท่านนบี (‏‏صلى الله عليه وسلم)  อย่างที่คุณบอก)  จวบจนทุกวันนี้ยังขับรถมาสด้าเก่าๆ  อยู่คันเดียว  บ้านก็ยังสร้างไม่เสร็จ  มีหนี้สินอีกต่างหาก

ตอบ

เชคญะวาดตอบว่า  เดิมทีพี่น้องมุสลิมชาวบ้านป่า ที่มีฐานร่ำรวยหรือทั่วไป  เขาก็เลี้ยงวัว เลี้ยงแพะ กันเป็นเรื่องปกติ  เช่นบ้านฮัจยียอ ปากซอยสวนหลวงก็เลี้ยงวัว

บ้านฮัจยีตอฮา อยู่กลางนาก็เลี้ยง  บ้านมัรฮูมครูสะมัด ก็เลี้ยง

และตัวเชคญะวาดกับนายปุ้ยและฮัจยีชาฟิอีบิดานายปุ้ยก็เคยเลี้ยงวัวเป็นฝูงอยู่กลางนา ทั้งเคยนอนเฝ้ามาแล้ว  

แต่คำพูดของ อ.อาลี มุ่งประสงค์สิ่งใด  กับอาชีพของเชคญะวาดล่ะครับ อันนี้อ.อาลีรู้ดีแก่ใจ

 

อ้างอิงจากคุณdeeneeyah

แล้วจะมีฐานะร่ำรวยมากมายอย่างที่คุณว่าได้อย่างไร   เช็คญะวาดเสียอีกมีมอเตอร์ไซค์ขับก่อน อ.อาลี เสียอีก...  อ.อาลี จะไปดูถูกคนขับวินมอเตอร์ไซค์ทำไม  ในเมื่อลูกศิษย์แก , ญาติ , และคนรู้จัก  ก็ขับวินมอร์เตอร์ไซค์เหมือนกัน

ตอบ

เอาเถอะ  คุณอาจพยายามสื่อว่า อ.อาลี  ไม่รวยไม่เป็นไร  

ส่วนเรื่องเชคญะวาดมีมอเตอร์ไซด์ขับ  

อันนี้เชคญะวาดหัวเราะใส่ผม  ท่านกล่าวว่า

ถ้าผมไม่มีมอเตอร์ไซด์แล้วผมจะเอาอะไร ทำกินเลี้ยงม๊ะ ผมล่ะครับ

คำว่า  ขับวินรับจ้าง  มันก็ต้องมีรถ   แต่รถที่ว่า  ผมผ่อนเขาเป็นรายเดือนครับ  ซึ่งมุสลิมเพื่อนๆผมทั้งจน รวยในซอยนั้น ก็ผ่อนรถกันทั้งนั้น จะมีไม่กี่คนที่ซื้อสด  

 

 

อ้างอิงจากคุณdeeneeyah

"มันจะมีประโยชน์อันใดเล่า  หากอาจารย์อาลีชิงชังอาฆาตเช็คญะวาด  แล้วไปเที่ยวด่ากับชาวบ้าน   โดยที่อีกฝ่ายหนึ่งไม่มีสิทธิ์อธิบายสิ่งที่ อ.อาลี ใส่ร้ายเขา"   หากเป็นอย่างนั้นจริง  คุณก็ไม่ต่างอะไรกับ อ.อาลี หรอก  จริงมั๊ย?  

เพราะสิ่งที่คุณไปถ่ายทอดให้เช็คญะวาดทราบมันก็คือการใส่ร้ายอีกทอดหนึ่งนั่นเอง

 

และเรื่องที่เช็คญะวาดบอกว่า เป็นฮักกุ้ลอาดัม นั้น  ก็ฝากไปบอกเช็คเขาหน่อยว่า  "ฮักกุ้ลอาดัม ของท่านเช็คญะวาดต่อท่านหญิงอาอีซะฮฺ (ร.ฎ.)  นั้น มันหนักหนาสาหัสสากันกว่าเรื่องวินมอเตอร์ไซค์ไม่รู้เท่าไหร่ (ในหลักความเชื่อของพวกเราชาวอะฮฺลิซซุนนะฮฺวัลญ่ามาอะฮฺ)  เพราะอย่างน้อยก็เป็นฮักกุ้ลอาดัมกับผู้ที่เสียชีวิตไปแล้ว"

 

ตอบ

เชคญะวาดตอบว่า  ผมก้ขอถามทั้งเจ้าของกระทู้และท่านอ.อาลีด้วยว่า

วันนั้นมิทราบว่า  ผมไปล่วงเกินอะไรกับท่านหญิงอาอิชะฮ์

เท่าที่จำได้   เราคุยกันถึงเรื่อง  สงครามญะมัล  และผมถามอาจารย์อาลีว่า

สงครามนี้ท่านหญิงอาอิชะฮ์ออกไปรบกับเขาด้วยรึเปล่า  แล้วคำพูดนี้เขาเรียกว่า ล่วงเกินหรือครับ

 

อ้างอิงจากคุณdeeneeyah

สุดท้าย   คำถามที่คุณ l-umar ถามว่า "ทำไม  อาจารย์  อาลี  เสือสมิง  จึง  โจมตี  ชีอะฮ์  ???"  และบอกว่าเป็นคำถามสำคัญนั้น

 

ก็คงตอบได้ไม่ยากว่า ก็เพราะ อ.อาลี ต้องปกป้องอะกีดะฮฺที่ถูกต้องตามแนวทางอะฮฺลิซซุนนะฮฺวัลญ่ามาอะฮฺ  ซึ่งเป็นหน้าที่ของผู้รู้อะฮฺลิซซุนนะฮฺวัลญ่ามาอะฮฺ ทุกคน  

 

 

หากยังขุ่นข้องใจเรื่องใดก็เข้าไปคุยกับ อ.อาลี ได้ที่เว็บของแก   www.alisuasaming.com

หรือ  ali_sour@hotmail.com

 

ตอบ

เชคญะวาดฝากไปบอกอาจารย์อาลีว่า

หากอ.อาลีต้องการปกป้องอะกีดะฮ์ของตนเอง  มันเป็นสิทธิของท่านที่จะนำเสนอ

 

แต่เรื่องที่อ.อาลีพูดว่า เชคญะวาดไปโกงมอเตอร์ไซด์วินของนิดะห์  ไม่รู้ว่า มันไปเกี่ยวข้องกับการตัฟสีรกุรอ่าน หรือชะเราะห์หะดีษของอาจารย์อาลีบทไหนมิทราบ

 

วิชาการคือ  วิชาการ  แต่การใส่ร้ายป้ายสีผู้อื่นทั้งๆที่ อ.อาลีเองเองยังไม่แน่ใจว่า จริงเท็จประการใด และเจ้าตัวเองก็ไม่มีสิทธิชี้แจงความบริสุทธิ์กับผู้คนที่รับฟัง และไม่ใช่จรรยาบรรณของอุละมาอ์ด้วยซ้ำ  

 

เหมือนกรณีที่นายสนธิ ผู้นำเสื้อเหลืองพูดจาหมิ่นประมาทผู้คนมากมาย จนต้องถูกนำมาดำเนินคดี

เช่นเดียวกันถ้าอาจารย์อาลี ไม่สำนึกในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่น  ก็ไม่เป็นไร

วันแห่งการพิพากษามีจริง  การตัดสินมีจริง  เราจะรอคอยความยุติธรรมจากอัลลอฮ์ ตะอาลา  ในเรื่องนี้.

 

เชคญะวาดบอกว่า

แต่ถ้าท่านอาจารย์อาลี  ต้องการขอมะอัฟ  ก็พร้อมจะให้อภัย เพราะอาจพูดจาสนุกปากเพลินไปหน่อยกับการบรรยาย   มนุษย์ย่อมมีผิดเป็นเรื่องธรรมดา

 

ติดต่อเชคญะวาดได้ที่

 

อีเมล

Javad24@hotmail.com

 

เบอร์สำนักงานดารุลกุรอ่าน

 

02 8727639


 

วัสสลาม
  •  

102 ผู้มาเยือน, 0 ผู้ใช้