Q4wahabi.com (Question for Wahabi)
หมวดหมู่ทั่วไป => อัลกุรอานในทัศนะของวาฮาบี ซุนนี่ และชีอะฮ์ => หัวข้อที่ตั้งโดย: L-umar เมื่อ สิงหาคม 17, 2009, 12:24:00 หลังเที่ยง
หลักฐานที่ระบุว่า คัมภีร์กุรอ่านสมบูรณ์
بسم الله الرحمن الرحيم
الحمد لله ربّ العالمين ، والصلاة والسلام على محمّد وآله الطيّبين الطاهرين ، ولعنة الله على أعدائهم أجمعين ، من الأوّلين والآخرين . اما بعد :
อัลเลาะฮ์ (ซ.บ.)ได้ส่งศาสดามุฮัมมัด(ศ)มาพร้อมกับ
بِالْهُدَى وَدِينِ الْحَقِّ لِيُظْهِرَهُ عَلَى الدِّينِ كُلِّهِ وَلَوْ كَرِهَ الْمُشْرِكُونَ
ทางนำและศาสนาแห่งสัจธรรม เพื่อที่จะทรงให้ศาสนาแห่งสัจจะนั้นประจักษ์เหนือศาสนาทุกศาสนา และแม้ว่าบรรดามุชริกจะชิงชังก็ตาม ( 9 : 33 )
อัลลอฮ์ทรงประทานคัมภีร์อัลกุรอ่านลงแก่นบีมุฮัมมัด เพื่อเป็นหลักฐานต่อปวงบ่าวของพระองค์ และอัลลอฮฺทรงทำให้ดีนของพระองค์สมบูรณ์ด้วยคัมภีร์ฉบับนี้ตราบจนถึงวันสิ้นโลก เนื่องจากอิสลามเป็นดีน(ศาสนา)อันประเสริฐสุดและสมบูรณ์สุด ดังที่อัลลอฮฺตรัสว่า
وَمَنْ يَبْتَغِ غَيْرَ الْإِسْلَامِ دِينًا فَلَنْ يُقْبَلَ مِنْهُ وَهُوَ فِي الْآَخِرَةِ مِنَ الْخَاسِرِينَ
และผู้ใดแสวงหาศาสนาหนึ่งศาสนาใดอื่นจากอิสลามแล้ว ศาสนานั้นก็จะไม่ถูกรับจากเขาเป็นอันขาด และในวันสิ้นโลกเขาจะอยู่ในหมู่ผู้ขาดทุน ( 3 : 85 )
เช่นเดียวกันอัลลอฮฺทรงประทานอัลกุรอ่าน ซึ่งเป็นคัมภีร์ฉบับสุดท้ายของพระองค์ ซึ่งจะไม่มีใครสามารถเรียบเรียงได้เหมือนเช่นคัมภีร์ฉบับนี้ดังที่อัลลอฮฺตรัสว่า
قُل لَّئِنِ اجْتَمَعَتِ الإِنسُ وَالْجِنُّ عَلَى أَن يَأْتُواْ بِمِثْلِ هَذَا الْقُرْآنِ لاَ يَأْتُونَ بِمِثْلِهِ وَلَوْ كَانَ بَعْضُهُمْ لِبَعْضٍ ظَهِيرًا
จงกล่าวเถิด ( มุฮัมมัด ) แน่นอนหากมนุษย์และญินรวมกันที่จะนำมาเช่นคัมภีร์อัลกุรอานฉบับนี้ พวกเขาไม่อาจจะนำมาเช่นนั้นได้ และแม้ว่าบางคนในหมู่พวกเขาเป็นผู้ช่วยเหลือแก่อีกบางคนก็ตาม อัลอิสรอ : 88
ท่านศาสดามุฮัมมัด(ศ)ได้ถ่ายทอดโองการกุรอ่านแก่ประชาชน ตามที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากท่านญิบรออีล(อ) เมื่อใดก็ตามที่มีวะหฺยูได้ประทานลงมายังท่าน ท่านจะท่องจำโองการ(อายะฮ์)นั้นหรือบท(ซูเราะฮ์)นั้นไว้ จากนั้นท่าน(ศ)จะสั่งให้นักบันทึกกุรอ่านทั้งหลายจดอายะฮ์หรือซูเราะฮ์เหล่านั้นไว้ ต่อจากนั้นท่านจึงนำโองการกุรอ่านไปประกาศแก่ประชาชน
บรรดานักอ่าน(กุรรออ์) และนักท่องจำ(ฮาฟิซ)ได้ท่องและจดจำโองการกุรอ่าน พวกเขาได้ทำหน้าที่เผยแผ่สิ่งที่พวกเขาจดจำ และสอนอัลกุรอานแก่บรรดามุสลิม แม้กระทั้งสตรีและเด็กๆ
โองการกุรอ่านเหล่านั้นจึงได้รับการรักษาทั้ง " ถ้อยคำและความหมาย " ของอัลกุรอ่านไว้ เนเพราะคัมภีร์กุรอ่านคือรัฐธรรมนูญสูงสุดที่ประมวลไว้ทุกเรื่องราวสำหรับมุสลิมให้นำมาปฏิบัตินั่นเอง.
คัมภีร์กุรอ่านเป็นสิ่งที่อยู่เหนือความสามารถของมนุษย์และญิน ที่คิดจะเลียนแบบ ต่อเติม ตัดทอน และบิดเบือน ได้มีความพยายามของมนุษย์ตั้งแต่ยุคแรกจนกระทั่งถึงปัจจุบัน เพื่อกระทำการดังกล่าว ถึงแม้จะมีมนุษย์บางคนหลงผิดเชื่อฟังไปบ้างก็ตาม แต่อัลลอฮ์จะทรงคุ้มครองปกป้องรักษาคัมภีร์ของพระองค์ ให้พ้นจากการกระทำดังกล่าว จวบจนกระทั่งถึงวันกิยามะฮอย่างแน่นอน
ปัญหาเรื่องการตะห์รีฟกุรอ่าน (شبهة تحريف القرآن )
ปัญหาเรื่องคัมภีร์กุรอ่านถูกบิดเบือนยังคงหมุนเวียนเป็นวัฏจักรอยู่ในหมู่นักเขียนที่แสดงตนว่าเป็นมุสลิมเรื่อยมา
นักวิชาการรับจ้างเหล่านั้นมุ่งโจมตีคัมภีร์กุรอ่าน โดยมีจุดประสงค์เพื่อสร้างความวุ่นวายในสังคมมุสลิม
โดยเน้นให้มุสลิมเกิดความชิงชังต่ออะฮ์ลุลบัยต์นบี ต่อมัซฮับชีอะฮ์ และต่อบรรดาชีอะฮ์มาโดยตลอด
บทความนี้ผมเขียนขึ้นเพื่อชี้แจงให้ท่านทั้งหลายได้ทราบว่า พระมหาคัมภีร์อัลกุรอานฉบับนี้ ยังคงความสมบูรณ์ไปตลอดกาลและจะไม่มีวันถูกกล้ำกรายด้วยการตะห์รีฟอย่างแท้จริงได้เลย
ขอวิงวอนต่ออัลลอฮ์ ทรงดลบันดาลให้เราทุกคนเป็นบุคคลหนึ่งที่ทำหน้าที่รับใช้คัมภีร์อัลกุรอ่านและอะฮ์ลุลบัยต์และผู้ปฏิบัติตามสองสิ่งนี้ และทรงดลบันดาลให้อามั้ลของเรามีความอิคลาศ และทรงโปรดประทานเตาฟีกแก่เราในสิ่งที่เรารักและพอใจ แท้จริงพระองค์ทรงเป็นผู้ทรงได้ยิน และผู้ทรงตอบรับเสมอ.
เหตุผลที่พิสูจน์ว่า คัมภีร์อัลกุรอ่านได้รับการพิทักษ์
อัลลอฮ์ ตะอาลาตรัสว่า
إِنَّا نَحْنُ نَزَّلْنَا الذِّكْرَ وَإِنَّا لَهُ لَحَافِظُونَ
แท้จริงเรา เราได้ประทานอัซ-ซิกรุ ( อัลกุรอ่าน)ลงมา และแท้จริงเราคือผู้รักษามัน อย่างแน่นอน
ซูเราะฮ์อัลหิจญ์รุ : 9
นักอรรถาธิบายคัมภีร์กุรอ่านมีทัศนะแตกต่างกันไปในการให้ความหมายคำว่า " การรักษาอัลกุรอ่าน - حفظ القرآن " ในอายะฮ์นี้คือ
1. อัลฮิฟซุ หมายถึง การรักษาคัมภีร์กุรอ่านให้พ้นจากการตะห์รีฟ(บิดเบือน) และเปลี่ยนแปลง จะเป็นการเพิ่มเติมหรือตัดทอน(ซิยาดะฮฺ วะนุกศอน) ก็ตาม
2. อัลฮิฟซุ หมายถึง การรักษาคัมภีร์กุรอ่านมิให้สูญหาย ตราบจนถึงวันสิ้นโลก
3. อัลฮิฟซุ หมายถึง การปกป้องคัมภีร์กุรอ่านให้พ้นจากความเชื่อที่หลงทางและขัดแย้งต่อคัมภีร์กุรอ่าน
อย่างไรก็ตามคำอธิบายของมุฟัสสิรูนเหล่านั้น มิได้มีความขัดแย้งกันเลย เพราะเป็นคำอธิบายแบบครอบคลุมกว้างๆสำหรับวรรคที่ตรัสว่า " แท้จริงเราคือผู้รักษามัน - إِنَّا لَهُ لَحَافِظُونَ " ซึ่งไม่มีสิ่งใดบ่งชี้ว่าจะต้องไปจำกัดประโยคนี้ไว้เพียงหนึ่งความหมายเท่านั้น โดยเฉพาะถ้าสังเกตถ้อยคำที่อัลลอฮฺตรัสว่า " เราคือผู้รักษา - حَافِظُونَ" ซึ่งเป็นรูปคำที่เรียกว่า " มุฏลัก " คือคำที่กล่าวอย่างกว้างๆ ไม่ได้จำกัดความไว้.
เพราะฉะนั้นความหมายที่ถูกต้องและสอดคล้องต่อ " ซอเฮ็ร- ความหมายตามหลักภาษา " ของอายะฮ์ดังกล่าวคือ อัลลอฮ์ ตะอาลาทรงให้สัญญาว่า จะทรงปกปักษ์รักษาคัมภีร์กุรอ่านฉบับนี้ไว้ในทุกด้านและทุกเรื่องให้พ้นจากการบิดเบือนทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการถูกทำลายหรือสูญหาย และจากศัตรูอิสลามที่คอยสร้างข้อคลุมเครือต่างๆก็ตาม
หะดีษที่รายงานว่า มีบางอายะฮ์กุรอ่านสูญหาย
เราจะพบว่ามีหะดีษส่วนหนึ่งจากตำราของชีอะฮ์และซุนนี่ที่กล่าวว่า โองการกุรอ่านบางส่วนถูกตะห์รีฟ
ตัวอย่างตะห์รีฟจากตำราชีอะฮฺ
عَلِيُّ بْنُ الْحَكَمِ عَنْ هِشَامِ بْنِ سَالِمٍ عَنْ أَبِي عَبْدِ اللَّهِ ع قَالَ إِنَّ الْقُرْآنَ الَّذِي جَاءَ بِهِ جَبْرَئِيلُ ع إِلَى مُحَمَّدٍ ص سَبْعَةَ عَشَرَ أَلْفَ آيَةٍ
อะลี บินหะกัม จากฮิชาม บินซาลิม จากท่านอบีญะอ์ฟัร(อ) กล่าวว่า :
แท้จริงอัลกุรอานที่ญิบรออีล(อ)นำมายังท่านนบีมุฮัมมัด(ศ) มีจำนวน 17,000 อายะฮ์
สถานะหะดีษ : ดออีฟ
ดูอัลกาฟี เล่ม 2 หน้า 634 หะดีษที่ 28 บาบอัน-นะวาดิร
ทำไมเราจึงฮุก่มว่าหะดีษข้างต้นนี้ " ดออีฟ " ?
วิธีตรวจสอบหะดีษนี้มีสองวิธีคือ
หนึ่ง- ท่านอิม่ามศอดิก (อิม่ามที่ 6 แห่งอะฮ์ลุลบัยต์นบี) กล่าวว่า :
كُلُّ حَدِيثٍ لَا يُوَافِقُ كِتَابَ اللَّهِ فَهُوَ زُخْرُف
ทุกหะดีษที่ไม่ตรงกับคัมภีร์ของอัลลอฮ์ ดังนั้นมันคือ(หะดีษ)ที่ใช้ไม่ได้
สถานะหะดีษ : ซอฮิ๊ฮฺ ดูอัลกาฟี เล่ม 1 : 69 หะดีษที่ 3
ตรวจทานโดยมัรกะซุล บุฮูซ คอมพิวเตอร์ ลิลอุลูมิลอิสลามียะฮ์ เมืองกุม อิหร่าน
สอง- เชคกุลัยนีได้บันทึกหะดีษบทนี้ไว้ในบทชื่อ " บาบ อันนะวาดิร " เอกพจน์คือ " นาดิร " คือหะดีษช๊าซ ( الشاذ - แหวกแนว ) มีเพียงหนึ่งหะดีษเท่านั้นในหนังสืออัลกาฟี โดยที่เราไม่เคยพบหะดีษนี้ในหนังสือชีอะฮ์เล่มอื่นๆอีก ส่วนสะนัดหะดีษ มีผู้รายงานเพียงคนเดียวคือ : ฮิชาม บินซาลิม หะดีษบทนี้จึงเป็นหะดีษประเภทอาฮ๊าด(آحاد) หรือค่อบัรวาฮิด(خبرالواحد) และยังเป็นหะดีษที่ไม่มัชฮูร (ไม่เป็นที่รู้จัก) จะยึดถือเป็นบรรทัดฐานทางอะกีดะฮ์และอะห์กามมิได้ทั้งสิ้น เพราะหลักการชีอะฮ์คือ ต้องเชื่อเรื่องที่เป็นมติของอุละมาอ์ (เรียกว่าอิจญ์ติม๊าอ์) เท่านั้น
ตัวอย่างตะห์รีฟจากตำราซุนนี่
หากย้อนกลับไปดูตำราหะดีษของพี่น้องซุนนี่ก็จะพบว่า มีหะดีษส่วนหนึ่งเช่นกันที่รายงานว่า โองการกุรอ่านบางส่วนนั้นถูกตัดออกไปหรือสูญหายไป ซึ่งหะดีษเหล่านั้นได้รับการตรวจสอบว่าเป็นหะดีษซอฮิ๊ฮฺเช่น
عن عَاصِمِ بْنِ أَبِي النَّجُودِ عَنْ زِرٍّ (يَعْنِي ابْنَ حُبَيْشٍ) عن أبي بن كعب قال : كَانَتْ سُورَةُ الأَحْزَابِ تُوَازِي سُورَةَ الْبَقَرَةِ ،...
อาศิม บินอบิน-นะญูด จากท่านอุบัย บินกะอับเล่าว่า :
เดิมซูเราะฮ์อัลอะห์ซาบมี(จำนวน)เท่าซูเราะฮ์อัลบะเกาะเราะฮ์...
สถานะหะดีษ : ซอฮี๊ฮฺ
ดูซอฮี๊ฮฺ อิบนุหิบบาน หะดีษที่ 4428
ตรวจทานโดยเชคชุเอบ อัลอัรนะอูฏี
อธิบาย - ซูเราะฮ์อัลอะห์ซาบในปัจจุบันมี 73 อายะฮ์ หะดีษข้างต้นรายงานว่า แต่ก่อนซูเราะฮ์อัลอะห์ซาบมีจำนวนเท่ากับซูเราะฮ์อัลบะเกาะเราะฮ์คือ 286 อายะฮ์นั่นแสดงว่า มี 127 อายะฮ์สูญหายไปจากซูเราะฮ์อัลอะห์ซาบ แม้ว่าหะดีษนี้จะมีสถานะถูกต้อง แต่มันก็ขัดกับโองการที่อัลลอฮ์ตรัสว่า " พระองค์คือผู้พิทักษ์มันให้พ้นจากการตะห์รีฟ " ดังนั้นหะดีษทำนองนี้จึงยึดเป็นหลักฐานไม่ได้
หนังสือตะห์รีฟกุรอ่าน
นักวิชาการฝ่ายซุนนี่ชาวอียิปต์คนหนึ่งชื่อ มุฮัมมัด มุฮัมมัด อับดุลละตีฟ อิบนิคอตีบ ได้แต่งหนังสือชื่อ " อัลฟุรกอน " ตีพิมพ์ที่ดารุลกุตุบ อัลมิศรี่ ไคโร ปีฮ.ศ. 1367 หนังสือเล่มนี้ได้รวบรวมหะดีษเรื่องกุรอ่านถูกตะห์รีฟที่บันทึกอยู่ในตำราซอฮิ๊ฮฺ มุสนัด ตัฟสีร ฟิกฮฺ และตารีคต่างๆ
ต่อมาอีก 47 ปี เราพบนักเขียนชีอะฮ์คนหนึ่งชื่อเชคมีรซาฮูเซน นูรี อัตต็อบรอซี มรณะฮศ.1320 ได้แต่งหนังสือชื่อ " ฟัศลุลคิตอบ " ซึ่งมีซูเราะฮ์อัลวิลายะฮ์ที่บันทึกอยู่ในหนังสือดังกล่าว แต่เชคนูรีเจ้าของหนังสือฟัศลุลคิตอบได้อธิบายว่า เขาได้พบซูเราะฮ์วิลายะฮ์นี้ในหนังสือ " ดะบิสตอน มะซาฮิบ " ตีพิมพ์ที่บอมเบย์ประเทศอินเดีย โดยอ้างแหล่งอ้างอิงของซูเราะฮ์นี้ว่าได้มาจากหนังสืออัลมะษาลิบของอิบนิชะรอชูบแต่หนังสือเล่มนี้กลับหาต้นฉบับไม่พบ
ถาม เราได้รับประโยชน์อะไรจากการนำหะดีษหรือหนังสือทั้งสองเล่มดังกล่าวออกมาตีแผ่ในสังคมมุสลิม ?
ตอบ ทั้งพี่น้องซุนนี่และชีอะฮ์ไม่ได้รับประโยชน์อันใดเลยในการที่พยายามหยิบยกหะดีษหรือหนังสือทั้งสองเล่มดังกล่าวนำมามุ่งโจมตีว่า คัมภีร์กุรอ่านถูกบิดเบือนด้วยหะดีษหรือหนังสือดังกล่าว
เพราะผลเสียย่อมเกิดขึ้นกับศาสนาอัลอิสลามและความเชื่อของพี่น้องมุสลิมนั่นเอง เนื่องจากมุสลิมเชื่อว่า อัลกุรอานเป็นคัมภีร์เล่มเดียวในโลกที่ไม่เคยถูกสังคายนา
ท่านจะพบว่า คัมภีร์อัลกุรอานฉบับที่กษัตริย์ฟาฮัดแห่งประเทศซาอุดิอารเบียพิมพ์แจกจ่ายทั่วโลก มีจำนวน 6,236 อายะฮ์ มัสญิดชีอะฮ์และมัสญิดซุนนี่ รวมทั้งบ้านชีอะฮ์และบ้านซุนนี่ทุกหลัง ล้วนมีคัมภีร์กุรอ่านฉบับคิงฟาฮัดนี้ใช้อ่านกันอยู่ทุกวัน
ฟัตวาอุละมาอ์ชีอะฮ์เรื่อง ตะห์รีฟกุรอ่าน
เชคศอดูก (เกิดฮ.ศ. 305 มรณะ 381) อุละมาอ์ชีอะฮ์ระดับสูงสุด และเป็นหัวหน้านักรายงานหะดีษชีอะฮ์ทั้งหลาย ผู้มีความเชี่ยวชาญวิชาการอิสลามสูงสุดในยุคที่ท่านมีชีวิตได้กล่าวว่า :
อะกีดะฮ์ของเรา(ชีอะฮ์)คือ แท้จริงคัมภีร์กุรอ่าน ที่อัลลอฮ์ ตะอาลาประทานลงมาแก่ท่านนบีมุฮัมมัด(ศ) ที่อยู่ในมือประชาชน ไม่ได้มีจำนวนมากไปกว่านั้น จำนวนซูเราะฮ์ทั้งหมดที่อยู่กับผู้คนคือ 114 บท
อ้างอิงจากหนังสืออัลอิ๊อฺติกอด๊าต โดยเชคศอดูก หน้า 84
ชีอะฮ์เชื่อว่าคัมภีร์กุรอ่านไม่สมบูรณ์จริงหรือ ?
ด้วยฟัตวาของเชคศอดูก มัรญิอฺตักลีดและมุหัดดิษสูงสุดของชีอะฮ์ในยุคศตวรรษที่สามร้อยแห่งฮิจเราะฮ์ศักราชคือ หลักฐานหักล้างคำครหาดังกล่าว ตามที่ท่านอิม่ามมะฮ์ดี อะลัยฮิสลามได้สั่งเสียว่า :
وَ أَمَّا الْحَوَادِثُ الْوَاقِعَةُ فَارْجِعُوا فِيهَا إِلَى رُوَاةِ حَدِيثِنَا فَإِنَّهُمْ حُجَّتِي عَلَيْكُمْ وَ أَنَا حُجَّةُ اللَّهِ
ส่วนกรณีเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น(ในยุคที่ฉันยังไม่ปรากฏตัว) พวกเจ้าจงย้อนกลับไปยังบรรดานักรายงานฮะดีษของเรา เกี่ยวปัญหาเหล่านั้น เพราะพวกเขาคือหลักฐานของฉันที่มีต่อพวกเจ้า และฉันคือหลักฐานของอัลลอฮ์
อ้างอิงจากหนังสือวะซาอิลุชชีอะฮ์ โดยอัลฮุรรุลอามีลี เล่ม 27 : 140 ฮะดีษที่ 33424
และท่านอิม่ามฮาซันอัสการีบิดาของท่านอิม่ามมะฮ์ดี(อ)ได้กล่าวว่า :
فَأَمَّا مَنْ كَانَ مِنَ الْفُقَهَاءِ صَائِناً لِنَفْسِهِ حَافِظاً لِدِينِهِ مُخَالِفاً عَلَى هَوَاهُ مُطِيعاً لِأَمْرِ مَوْلَاهُ فَلِلْعَوَامِّ أَنْ يُقَلِّدُوهُ
ส่วนหนึ่งจากบรรดาฟะกีฮ์ ( ที่มีคุณสมบัติดังนี้ )
1,เป็นผู้รักษาตัวเอง(มิให้มีมลทิน)
2,ปกป้องรักษาศาสนาของเขา
3,ไม่คล้อยตามอารมณ์ต่ำของตัวเอง
4,ปฏิบัติตามคำสั่งอิม่ามผู้นำของเขา(อย่างเคร่งครัด)
ดังนั้นจำเป็นสำหรับประชาชนจะต้องปฏิบัติตามเขา (เรียกว่า การตักลีด)
สถานะฮะดีษ : ซอฮี๊ฮฺ ดูวะซาอิลุช-ชีอะฮ์ โดยอัลฮุรรุล อามิลี
เล่ม 27 : 131 ฮะดีษที่ 33401
ตรวจทานโดยมัรกะซุล บุฮูซ คอมพิวเตอร์ ลิลอุลูมิลอิสลามียะฮ์ เมืองกุม อิหร่าน
โอ้วาฮาบีทั้งหลาย มาตรแม้นว่าท่านจะไปค้นเจอหะดีษชีอะฮ์สักหนึ่งล้านบทเพื่อนำมาบอกชาวโลกว่า
ชีอะฮ์เชื่อว่า คัมภีร์กุรอ่านไม่สมบูรณ์ มันก็ไร้ประโยชน์ เพราะชีอะฮ์ระดับเอาวาม ต้องเชื่อฟังตามคำฟัตวาของบรรดามัรญิ์ตักลีด ตามที่อิม่ามฮาซันอัสการีและอิม่ามะฮ์ดี (อ) ได้สั่งเสียไว้
นักวิชาการมีสิทธิพูด มีสิทธิคิดและมีสิทธินำเสนอวิชาการได้อิสระ แต่พวกเขาไม่ใช่ผู้รู้สุงสุดในระดับที่จะออกฟัตวาได้ กรุณาอย่าสับสน
แต่สิทธิสูงสุดอยู่ที่ฟัตวาของบรรดามัรญิอฺตักลีด ไม่ใช่อุละมาอ์นะครับ มัรญิอฺเท่านั้นที่จะเป็นคนฟันธงว่า อะไรที่ควรเชื่อ และความเชื่ออะไรที่ค้านต่อกิตาบและหะดีษของอะฮ์ลุลบัยต์ นี่คือ บรรทัดฐานชีอะฮ์ครับ
คำถามสำหรับวาฮาบี
ช่วยหาฟัตวาของมัรญิอฺชีอะฮ์ สักสิบคนมาแสดงสิว่า พวกเขาออกฟัตวาว่า คัมภีร์กุรอ่านฉบับอุษมานียะฮ์นี้ไม่สมบูรณ์ มีไหม ?
قُلْ هَاتُوا بُرْهَانَكُمْ إِنْ كُنْتُمْ صَادِقِينَ
คำถามสำหรับวาฮาบี
ปัจจุบันคัมภีร์กุรอ่านมี 114 ซูเราะฮ์(บท) แต่เราพบชื่อสองซูเราะฮ์ที่ไม่มีปรากฏอยู่ในคัมภีร์ฉบับปัจจุบันคือ
ซูเราะฮ์ อัลค็อลอุ และซูเราะฮ์ อัลหัฟดุ สองซูเราะฮ์นี้ได้ปรากฏรายงานอยู่ในตัฟสีรดุรรุลมันษูร โดยญะลาลุดดีน สิยูตี ดังนี้
ذكر ما ورد في سورة الخلع وسورة الحفد
قال ابن الضريس في فضائله : أخبرنا موسى بن اسمعيل ، أنبأنا حماد قال : قرأنا في مصحف أبي بن كعب :
اللهم إنا نستعينك ونستغفرك ونثني عليك الخير ، ولا نكفرك ، ونخلع ونترك من يفجرك قال حماد : هذه الآن سورة ، وأحسبه قال : اللهم إياك نعبد ، ولك نصلي ونسجد ، وإليك نسعى ونحفد ، نخشى عذابك ، ونرجو رحمتك ، إن عذابك بالكفار ملحق
الدر المنثور ج 10 / ص 403
ดูตัฟสีรดุรรุลมันษูร เล่ม 10 หน้า 403 ตรงซูเราะฮ์ที่ 114
คำถามคือ
หนึ่ง - สองซูเราะฮ์นี้หายไปไหน
สอง - หากท่านอ้างว่า สองซูเราะฮ์นี้ถูกมันซูค(ยกเลิก) ทำไมมันจึงถูกยกเลิก และมันถูกยกเลิกในสมัยใด