ข่าว:

SMF - Just Installed!

Main Menu
Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - faruq

#1
บทสรุป –
หากบุคคลใดก็ตามมีอีหม่านและปฏิบัติอิบาดัตตามที่กล่าวมา เขาก็คือ " มุสลิม "

ผู้ปฏิบัติตามอะฮ์ลุลบัยต์ไม่ควรไปฮุก่มบุคคลดังกล่าวด้วยคำว่า " กาเฟร " เพราะความคลั่งใคล้ในมัซฮับของตนเหมือนที่พวกวาฮาบีปฏิบัติกันมาจนเป็นประเพณี

และชีอะฮ์ก็ไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบกับชีอะฮ์ทั่วไปหรือระดับอุละมาอ์ประเภทสุดโต่งที่เที่ยวไปฮุก่มมุสลิมด้วยกันว่าเป็นกาเฟร
เพราะคำพูดของท่านนบีมุฮัมมัดและอะฮ์ลุลบัยต์ได้ระบุชัดเจนว่าเงื่อนไขความเป็นมุสลิมคืออะไร


ทางเวปมาสเตอร์จึงขอตอบว่า

วาฮาบีและอะชาอิเราะฮ์ ไม่ใช่กาเฟร

***********************************************************************************

อัลฮัมดุลลิลละฮฺ


แต่หากชาววาฮาบีและชาวอะชาอิเราะฮ์  จะใช้นัฟซูและคามตะอัซซุบของตนเองประณามชีอะฮ์ต่างๆนานา ก็เชิญเลยหากไม่กลัวอัลลอฮ์


อัลฮัมดุลลิลละฮฺ
#2
อัสลามมูอาลัยกุม คุณ l-umar

ท่านอบูบักร อุมัร อุษมาน ท่านหญิงอาอิชะฮฺ เป็นกาเฟรตามทัศนะชีอะฮฺหรือเปล่าครับ
แค่สี่คนนี้พอ ผมจะไม่ถามถึงซอฮาบะฮฺท่านอื่น
#3
หนึ่ง - ชีอะฮ์ ฮุก่มชาวซุนนะฮ์เป็นกาเฟร ความจริงเราว่า ท่านคงเข้าใจผิดแน่ ขอให้ท่านกลับไปตรวจสอบตำราเก่าที่สุดของท่านให้ดีว่า นับจากวันที่ท่านรอซูล(ศ)วะฟาต ชีอะฮ์ในสายตาของซุนนี่คือ พวกนอกรีต พวกกาเฟร พวกคนเถื่อนมาโดยตลอดทุกยุคทุกสมัย ดังนั้นซุนนี่คือฝ่ายแรกที่มองว่าชีอะฮ์คือ กาเฟ็ร


สอง - เรื่องที่คุณกล่าวหาว่า ชีอะฮ์ฮุก่มซอฮาบะฮ์ทั้งหมดและภรรยานะบีบางคน เป็นกาเฟ็ร อันนี้ก็คือ การใส่ร้าย ซึ่งมีเหตุมาจากการอ่านหะดีษหรือตัฟซีรชีอะฮืที่พวกคุณไม่เข้าใจอย่างแท้จริง


ฉะนั้นเราขอเสนอต่อคุณฟารูกว่า หากเรื่องใดคุณรู้ไม่จริง หรือมีหลักฐานไม่ชัดเจนมาแสดง เราถือว่า คุณหมิ่นประมาทเรา


ส่วนถ้าคุณนำหลักฐานใดมาแสดง เราก็พร้อมชี้แจงเพื่อสร้างความกระจ่างแก่คุณ ส่วนคุณจะรับไม่รับ อันนั้นสิทธิของคุณ


ผมหามาตามที่คุณบอกครับ เพราะคุณบอกว่าหมิ่นประมาท แต่คุณบอกว่ามีคำตอบสำหรับทุกอย่างผมขอบคุณมากครับและจะรอคำตอบของคุณ
ผมขอโทษในสิ่งที่ผมพลาดในเรื่องมารยาทในการสนทนา เชิญคุณว่าต่อเรื่องบิดาของอิหม่ามมะดิย์ครับ
#4
จากที่คุณกล่าวมา ผมเริ่มมีความหวังว่า ชีอะฮฺไม่ได้ฮูก่มว่า ท่านอบูบักร อุมัร อุษมาน ท่านคอลิดบินวาลิด ฯลฯ และท่านหญิงอาอิชะฮฺเป็นกาเฟร และหากเป็นเช่นนั้นจริงๆจะเป็นความรู้ใหม่ที่ผมยินดีเป็นที่สุด
#5
ผมขออภัยต่อคุณ l-umar หากมีสิ่งใดที่ทำให้คุณขุ่นข้องหมองใจ
แต่นี่คือสิ่งที่ผมขุ่นข้องหมองใจยิ่งกว่า
อธิบายสิ่งเหล่านี้แก่ผมด้วยครับ

เชื่ออย่างชีอะฮฺ กับตายอย่างญาฮิลียะฮฺ http://www.yomyai.com/index.php?mo=3&art=429659

ผมจะอธิบายคำว่าตายอย่างญาฮิลียะฮฺว่ายังไงดี
แล้วฮะดิษเหล่านี้

ท่านอัล-บากิรฺ อัล-มัจญลิสีย์ ได้อ้างรายงานมาจากท่านอิมามมุหัมมัด อัล-บากิรฺ (อิมามท่านที่ 5 ของชีอะฮฺ) ว่า ........

[ عِنْدَمَا يَظْهَرُاْلإمَامُ الْمَهْدِيُّ فَاِنَّـهُ يَقُوْمُ بِالْقَضَاءِ عَلَى أَهْلِ السُّنَّةِ قَبْلَ الْكُفَّارِ، وَيَبْدَأُ عَمَلَـهُ بِقَتْلِ عُلَمَاءِ أَهْلِ السُّنَّةِ ] ........

"ตอนที่อิมามมะฮฺดีปรากฏตัวขึ้นมา ท่านจะทำการตัดสิน(ลงโทษ) ชาวอะฮฺลิซ ซุนนะฮฺก่อนพวกกาฟิรฺ, และท่านจะเริ่มต้นภารกิจของท่านด้วยการสังหารนักวิชาการอะฮฺลิซ ซุนนะฮฺ" ...(จากหนังสือ "หักกุ้ล ยะกีน" ของท่านอัล-มัจญลิสีย์, เป็นภาษาเปอร์เชียร์ หน้า 139 ... คัดมาจากหนังสือ "อัล-ชีอะฮฺ ฟี อัล-มีซาน" หน้า 82)




ท่านอับดุรฺเราะห์มาน อัล-เกาะศีรฺ ได้อ้างการรายงานมาจากท่านอิมามญะอฺฟัรฺ อัศ-ศอดิก ซึ่งกล่าวว่า .......
[ أَمَالَوْ قدْقَامَ قَائِمُنَا لَقَدْرُدَّتْ اِلَيْهِ الْحُمَيْرَاءُ حَتَّى يَجْلِدَهَاالْحَـدَّ، وَحَتَّى يَنْتَقِمَ ِلأُمِّهِ فَاطِمَةَ، قُلْتُ : جَعَلْتُ فِدَاكَ! وَلِمَ يَجْلِدُهَاالْحَـدَّ؟ .. قَالَ : لِفِرْيَتِهَا عَلَى أُمِّ اِبْرَاهِيْمَ، قُلْتُ : فَكَيْفَ أَخَّرَاللَّـهُ ذَلِكَ أِلَى اْلقَائِمِ؟ ...قَالَ : أِنَّ اللَّـهَ بَعَثَ مُحَمَّدًا رَحْمَـةً، وَبَعَثَ الْقَائِمَ نَقْمَـةً ]...

"แน่นอน! เมื่อใดก็ตามที่อัล-กออิมของพวกเราปรากฏตัวขึ้น นังแดงน้อย (หมายถึงท่านหญิงอาอิชะฮฺ ร.ฎ.) ก็จะต้องถูกให้ฟื้นขึ้นมาเพื่อให้ท่านโบยตีมันเป็นการลงโทษ, และเพื่อเป็นการแก้แค้นแทนให้แก่มารดาของท่าน คือท่านหญิงฟาฏิมะฮฺ ร.ฎ. ด้วย," ... ฉัน (อับดุรฺเราะห์มาน) กล่าวว่า .. ขอให้ฉันเป็นพลีแก่ท่านด้วย นางจะถูกลงโทษด้วยเรื่องอะไร? .. ท่านตอบว่า .. "เพราะมันปองร้ายต่อมารดาของอิบรอฮีม (หมายถึงท่านหญิงคอดีญะฮฺ)" .. ฉันจึงถามต่อไปว่า .. ก็แล้วทำไมพระองค์อัลลอฮฺ ซ.บ.จึงประวิงเรื่องนี้มาให้ท่านอัล-กออิมล่ะ? (หมายความว่า ทำไมไม่ให้ท่านนบีย์มุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัม ลงโทษด้วยตัวของท่านเอง?) .... ท่านก็ตอบว่า .. "ก็เพราะพระองค์อัลลอฮฺทรงแต่งตั้งท่านมุหัมมัดมา เพื่อความเมตตา, และแต่งตั้งท่านอัล-กออิมมา เพื่อการลงโทษ"... (จากหนังสือ "อัล-อีย์ก็อศ มินัล ฮัจญอะฮฺฯ" ของท่านอัล-หัรรุ้ล อามิลีย์ หน้า 244, และหนังสือ "บิหารุ้ล อันวารฺ" เล่มที่ 52 หน้า 314)


ท่านอัล-มัจญลิสีย์ ได้อ้างบันทึกการรายงานมาจากท่านอิมามญะอฺฟัรฺ อัศ-ศอดิก ซึ่งกล่าวว่า..

[ هَلْ تَدْرِيْ أَوَّلَ مَا يَبْدَأُبِـهِ الْقَائِمُ عَلَيْهِ السَّلاَمُ، قُلْتُ : لاَ!.. قَالَ : يُخْرِجُ هَـذَيْنِ رَطْبَيْنِ غَضَّيْن فيُحْرِقُـهُمَا وَيَذْرِيْهِمَا فِى الرِّيْحِ، وَيُكَسِّرُالْمَسْجِدَ ] .....

"ท่านรู้ไหมว่า สิ่งแรกสุดที่ท่านอัล-กออิม (อ) จะทำคืออะไร ? .. ฉัน (หมายถึงท่านบะชีรฺ อัน-นับบาล ผู้รายงานหะดีษนี้จากท่านอิมามญะอฺฟัรฺ) กล่าวว่า : ไม่ทราบครับ, ท่านญะอฺฟัรฺจึงเฉลยว่า .. คือการให้เจ้าสองคนนี้ (หมายถึงท่านอบูบักรฺและท่านอุมัรฺ) ฟื้นขึ้นมาในสภาพสดชื่นตามปกติ, แล้วท่านก็จะเผามันทั้งสอง แล้วเอา(ขี้เถ้าของ)มันทั้งสองโปรยไปในอากาศ, และท่านจะทำลายมัสญิด" (จากหนังสือ "บิหารุ้ล อันวารฺ" ของท่านอัล-มัจญลิสีย์, เล่มที่ 52 หน้า 386)

ด้วยจิตบริสุทธิ์ผมหวังว่าฮะดิษเหล่านี้จะเป็นฮะดิษเมาฎู
#6
อัสลามมูอาลัยกุมคุณ l-umar

นี่คือสื่งที่ผมได้จากการหาความรู้ในแนวทางชีอะฮฺ
มันเป็นเหมือนการสรุปเพื่อตัดบท แต่ไม่ใช่ครับ ผมรู้สึกอย่างนี้จริงๆ การคุยเรื่องละเอียดปลีกย่อยต้องใช้เวลาและหาทางจบได้ยากมากเพราะต่างคนต่างมีหลักฐาน
   จากการที่ผมได้ศึกษาแนวทางชีอะฮฺจากคุณในบางส่วน ซึ่งได้นำผมไปสู่การหาความรู้จากแหล่งอื่นด้วยเช่นเวบไซต์ต่างๆของชีอะฮฺ บอกตามตรงว่ามันทำให้ผมเกิดความหนักอึ้งในหัวใจอย่างบอกไม่ถูก ก่อนหน้านี้ผมคิดว่า ท่านและผมต่างก็เป็นมุสลิมซึ่งสามารถเดินร่วมทางกันได้ แต่ปรากฏว่ามันเป็นสิ่งที่ยากเย็นและยากลำบากกว่านั้น เพราะจากการศึกษาฮะดิษหลักๆเกี่ยวกับชีอะฮฺเรียกได้ว่า หากไม่เพื่อการประนีประนอมและเพื่อความสันติในฐานะศาสนาเดียวกันแล้ว ชาวซุนนะฮฺคือกาเฟรตามหลักการของท่านโดยแท้ เช่นเรื่องฮะดิษซะเกาะลัยน์ หรือการตามอิหม่ามทั้งสิบสองท่าน แม้ชีอะฮฺหลายท่านจะบอกว่าเราคือมุสลิมเหมือนกัน แต่จากการศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว พบว่า ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากตามชีอะฮฺหรือไม่ก็กลายเป็นกาเฟร และเช่นเดียวกับที่หลายครั้งชาวชีอะฮฺได้ประณามเราเป็นกาเฟรตามเวบบอร์ดต่างๆ
  การที่จะออกจากชีอะฮฺไปเป็นซุนนะฮฺหรือซุนนะฮฺไปเป็นชีอะฮฺจึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก ไม่เหมือนกับการที่ใครจะเปลี่ยนจาก ชาฟีอี ไปเป็น ฮานาฟี หรือ มาลีกี หากชีอะฮฺถูก แน่นอนว่า ภรรยาที่รักยิ่งของนบีก็ต้องเป็นกาเฟร ท่านอบูบักร อุมัร ตลอดจน ผู้ที่ถือตามท่านตลอดประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน ก็เช่นเดียวกัน และหากชีอะฮฺผิด หากอับดุลลอฮฺอิบนิสะบาฮฺเป็นผู้ที่ทำให้เกิดแนวทางนี้จริง หากท่านอาลีไม่ได้ถูกแต่งตั้งจากนบีจริงๆ ดังที่ท่านไม่เคยนำฮะดิษซะเกาะลัยน์มาประกาศในสิทธิ์ของท่านอย่างตรงไปตรงมา และในเรื่องประวัติศาสตร์ที่ท่านได้ทำการเกี่ยวดองกับท่าน อุมัร และบรรดาซอฮาบะฮฺในทางที่ดี แล้วสิ่งที่ชีอะฮฺบอกว่าเหล่านี้เป็นกาเฟร จะต้องเจอกับอะไรบ้าง

  ผมทำความเข้าใจได้ยากเย็น และดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้เลย ที่จะยอมรับว่านบีผู้ซึ่งเป็นมะซูม เลือกภรรยาที่ชั่วร้ายและอยู่เคียงข้างกับเพื่อนทรยศมาตลอด ทำความเข้าใจยากกับการที่ชีอะฮฺบอกว่าซอฮาบะฮฺเป็นกาเฟร แต่มะซูมและกาเฟรเป็นพ่อตากับลูกเขยกัน ซ้ำยังตั้งชื่อลูกๆด้วยบรรดาชื่อของเหล่ากาเฟร และปวดหัวอย่างยิ่งเกี่ยวกับฮะดิษซะเกาะลัยน์ ซึ่งผมคิดง่ายๆว่าหากผู้ที่ท่านนบีชูมือประกาศต่อหน้าผู้คนเป็นท่านอบูบักร เราก็ต้องเอาฮะดิษดังกล่าวมาอ้างในความชอบธรรมของท่านด้วยเช่นกัน และมันชัดเจนอยู่ทีเดียว

  ผมเหนื่อย ขอรวบรวมสมาธิและเวลาในการหาความรู้และทำความเข้าใจเรื่องต่างๆสักนิด ผมขอดุอาฮฺหากซุนนะฮฺถูกขอให้ผมอย่าหลงไปไหน หากผิดก็ขออัลลอฮฺพาผมไปในหนทางที่ถูก....อามีน

แล้วจะแวะเข้ามาอีกครับ
#7
ผม[color=]ขอยกหะดิษที่ได้ยกไปแล้วนะครับ

จากท่านอับดุลลอฮฺ บินมัสอูด ร.ฎ. ซึ่งกล่าวว่า ......

ِانَّ النَّبِيَّ صَلَّي اللَّـهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ قَالَ : لَوْلَمْ يَبْقَ مِنَ الدُّنْيَا اِلاَّيَوْمٌ لَطَوَّلَ اللَّـهُ ذَلِكَ الْيَوْمَ حَتََّي يَبْعَثَ رَجُلاً مِنِّيْ، يُوَاطِيءُاسْمُـُه اسْمِيْ، وَاسْـمُ اَبِيْهِ اسْـمَ اَبِيْ يَمْلأُ الاَرْضَ قِسْـطًاوَعَدْلاً كَمَامُلِئَتْ ظُلْمًا وَجَوْرًا ........

ท่านนบีย์ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า "สมมุติถ้าหากโลกนี้ไม่มีเวลาเหลืออยู่นอกจากแค่วันเดียว พระองค์อัลลอฮฺ ซ.บ. ก็จะทรงยืดเวลาของวันนั้นออกไป เพื่อพระองค์จะได้แต่งตั้งบุรุษหนึ่งซึ่งมาจาก(เชื้อสายของ)ฉัน, นามของเขาตรงกับนามของฉัน และนามบิดาของเขาก็ตรงกับนามบิดาของฉัน, เขาจะทำให้แผ่นดินนี้เต็มไปด้วยความยุติธรรมและความเที่ยงธรรม เหมือนอย่างที่มันเคยเต็มไปด้วยความอธรรมและความชั่วร้ายมาก่อน" (บันทึกโดย ท่านอบูดาวูด หะดีษที่ 4282, ท่านอัล-หากิม ในหนังสือ "อัล-มุสตัดร็อก" หะดีษที่ 8434 หรือเล่มที่ 4 หน้า 511, ท่านอัล-ฮัยษะมีย์ในหนังสือ "มะวาริด อัศ-ศ็อมอาน" หะดีษที่ 1878, ท่านอิบนุ อบีย์ชัยบะฮฺในหนังสือ "อัล-มุศ็อนนัฟ" เล่มที่ 8 หน้า 678, (หมายเลข 193) และท่านอบูนุอัยม์ ในหนังสือ "อัคบารฺ อัล-มะฮฺดี" ดังการอ้างอิงของท่านอัส-สะยูฏีย์ในหนังสือ "อัล-หาวีย์ ลิ้ลฟะตาวีย์" เล่มที่ 2 หน้า 133)

ชื่ออับดุลลอฮฺคือชื่อบิดาของท่านบีใช่มั้ยครับ

ส่วนที่ท่านถามรายละเอียดบิดาของอิหม่ามมะดีย์นั้น ผมคงบอกไม่ได้ครับเพราะอย่าลืมว่าเราเชื่อว่าท่านยังไม่เกิด การที่อิหม่ามมะดีย์ยังไม่เกิด
ก็อาจเพราะท่านอับดุลลอฮฺบิดาของท่านยังไม่เกิดเช่นเดียวกัน

แต่หากท่านเกิดมาแล้วเราจะรู้ได้อย่างไร ก็ด้วยกับฮะดิษที่กล่าวไว้ในเรื่องนี้

ท่านอบูอิสหาก อัส-สะบีอีย์ ได้กล่าวว่า
قَالَ عَلِيُّ رَضِيَ اللَّـهُ عَنْهُ وَنَظَرَاِلَي ابْنِهِ الْحَسَـِن ، فَقَالَ : اِنَّ ابْنِيْ هَـذَا سَيِّدٌ كَمَاسَـمَّاهُ النَّبِيُّ صَلَّي اللَّـهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ، وَسَيَخْرُجُ مِنْ صُلْبِهِ رَجُلٌ يُسَمَّي بِاسْمِ نَبِيِّكُمْ، يُشْبِهُهُ فِي الْخُلُقِ وَلاَيُشْبِهُهُ فِي الْخَلْقِ، ثُمَّ ذَكَرَاْلِقصَّـةَ، : يَمْلأُ الاََرْضَ عَدْلاً ......

ท่านอลีย์ บิน อบีย์ฏอลิบ ร.ฎ. ได้กล่าวในขณะที่ท่านมองดูบุตรชายของท่าน คือท่านอัล-หะซัน ว่า "บุตรของข้าคนนี้ คือประมุข ดังที่ท่านศาสดา ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัม ได้เคยกล่าวไว้, ในอนาคต ผู้สืบสายเลือดเขาคนหนึ่งจะเป็นบุรุษซึ่งนามของเขา ก็คือนามของท่านนบีย์ของพวกท่าน, เขาจะเหมือนกับท่านศาสดาในด้านบุคคลิกภาพ แต่จะไม่เหมือนในด้านรูปลักษณ์, .... แล้วท่านอลีย์ก็ได้เล่าถึงเรื่องอิมามมะฮฺดี, (โดยกล่าวทิ้งท้ายว่า) เขาจะทำให้แผ่นดินนี้ เต็มไปด้วยความยุติธรรม" .. บันทึกโดย ท่านอบูดาวูด, หะดีษที่ 4290

นี่เป็นส่วนหนึงครับ เราเชื่อว่า อิหม่ามมะดีย์มาจากเชื้อสายท่านฮะซัน  ฉะนั้น ท่านอับดุลลอฮฺที่จะเป็นบิดาของอิหม่ามมะดีย์จะต้องมีเชื้อสายสืบไปถึงท่านฮะซัน
#8
ขอเวลานิดนึงครับ ผมติดงานอยู่ (ทำงานบริษัทครับ) วันไหนงานว่างก็โพตส์ได้คล่อง วันไหนงานมากหรือมีเจ้านายมานั่งข้างหลังลำบากหน่อย
#9
อัสลามมูอาลัยกุมคุณ l-umar

ผมไม่สงสัยเรื่องอายุของอิหม่ามมะดีย์หรอกครับ หากว่าท่านกำเนิดมาแล้วจริงต่อให้ท่านจะมีอายุมากกว่านี้เป็นหมื่นปีก็ตาม หากท่านเป็นบุคคลที่อัลลอฮฺทรงประสงค์ท่านจะมีอายุกี่ปีก็ได้ เช่นเดียวกับที่เราเชื่อว่านบีอีซายังมีชีวิตอยู่ ณ ที่พระองค์อัลลอฮฺ

แต่ชาวซุนนะฮฺไม่ได้มีความเชื่ออย่างเดียวกับท่านเราต่างก้มีหลักฐานในการยืนยันความเชื่อของตัวเอง
อย่าง ฮะดิษบทนี้ เป็นต้น

จากท่านอับดุลลอฮฺ บินมัสอูด ร.ฎ. ซึ่งกล่าวว่า ......

ِانَّ النَّبِيَّ صَلَّي اللَّـهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ قَالَ : لَوْلَمْ يَبْقَ مِنَ الدُّنْيَا اِلاَّيَوْمٌ لَطَوَّلَ اللَّـهُ ذَلِكَ الْيَوْمَ حَتََّي يَبْعَثَ رَجُلاً مِنِّيْ، يُوَاطِيءُاسْمُـُه اسْمِيْ، وَاسْـمُ اَبِيْهِ اسْـمَ اَبِيْ يَمْلأُ الاَرْضَ قِسْـطًاوَعَدْلاً كَمَامُلِئَتْ ظُلْمًا وَجَوْرًا ........

ท่านนบีย์ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า "สมมุติถ้าหากโลกนี้ไม่มีเวลาเหลืออยู่นอกจากแค่วันเดียว พระองค์อัลลอฮฺ ซ.บ. ก็จะทรงยืดเวลาของวันนั้นออกไป เพื่อพระองค์จะได้แต่งตั้งบุรุษหนึ่งซึ่งมาจาก(เชื้อสายของ)ฉัน, นามของเขาตรงกับนามของฉัน และนามบิดาของเขาก็ตรงกับนามบิดาของฉัน, เขาจะทำให้แผ่นดินนี้เต็มไปด้วยความยุติธรรมและความเที่ยงธรรม เหมือนอย่างที่มันเคยเต็มไปด้วยความอธรรมและความชั่วร้ายมาก่อน" (บันทึกโดย ท่านอบูดาวูด หะดีษที่ 4282, ท่านอัล-หากิม ในหนังสือ "อัล-มุสตัดร็อก" หะดีษที่ 8434 หรือเล่มที่ 4 หน้า 511, ท่านอัล-ฮัยษะมีย์ในหนังสือ "มะวาริด อัศ-ศ็อมอาน" หะดีษที่ 1878, ท่านอิบนุ อบีย์ชัยบะฮฺในหนังสือ "อัล-มุศ็อนนัฟ" เล่มที่ 8 หน้า 678, (หมายเลข 193) และท่านอบูนุอัยม์ ในหนังสือ "อัคบารฺ อัล-มะฮฺดี" ดังการอ้างอิงของท่านอัส-สะยูฏีย์ในหนังสือ "อัล-หาวีย์ ลิ้ลฟะตาวีย์" เล่มที่ 2 หน้า 133) .......

ท่านอัล-อัลบานีย์ ได้กล่าวรับรองในหนังสือ "เศาะเหี๊ยะฮฺ อัล-ญาเมียะอฺ อัศ-เศาะฆีรฺ" เล่มที่ 5 หน้า 70-71 ว่า หะดีษนี้ เศาะเหี๊ยะฮฺ

เห็นชัดว่าท่านนบีระบุว่าชื่อของอิหม่ามมะดีย์ จะชื่อเหมือนนบี และชื่อบิดาก็ชื่อเดียวกับบิดานบี ดังนั้น ชื่ออิหม่ามมะดีย์ของชาวซุนนะฮฺ
จะต้องมีชื่อว่า มุหัมมัด บิน อับดุลลอฮฺ เท่านั้น ส่วนอิหม่ามมะดีย์ของท่าน คือ มุฮัมมัด บิน ฮะซัน อัล-อัซกะรี
#10
วะอาลัยกุมมุสลามคุณ l-umar
เชิญต่อเลยครับ ผมเองก็มีข้องสงสัยเกี่ยวกับอิหม่ามมะฮิดีของชีอะฮฺอยู่เยอะเหมือนกัน
#11
อัสลามมูอาลัยกุม คุณ l-umar

ขอบคุณที่ให้ความกระจ่างในระดับหนึ่งครับ สรุปว่าอะลุลบัยต์ที่อยู่คู่กับอัลกุรอานคืออิหม่ามมะดีย์ใช่มั้ยครับตามความเชื่อของชีอะฮฺ หากแต่ว่าตอนี้ท่านเร้นกายอยู่ที่ใดที่หนึ่ง การตัดสินปัญหาในเรื่องของหลักการปฏิบัติต่างๆจึงต้องอาศัยฮะดิษและสายรายงานที่ผู้รู้ของท่านตัดสินว่าเชื่อถือได้
ซึ่งก็ไม่อาจแน่ใจได้ 100 เปอร์เซนต์ จึงได้มี หะดิษอ่อนหลักฐาน หะดิษปลอมอยู่มากมาย ซึ่งก็ไม่แตกต่างจากชาวซุนนะฮฺเท่าใดนัก

ตรงนี้ผมขอกลับมาเรื่องอัลกาฟีอีกนิดเดียวครับ

สืบเนื่องจากผมได้อ่านกระทู้ในเรื่อง หนังสืออัลกาฟี กับปัญหาหะดีษ 13 อิม่าม

ผมได้อ่านข้อความดังต่อไปนี้

คุณ l-umar กล่าวถึงคุณ ชัยฟุรดีน อามิลี ว่า

คุณชัรฟุดดีนอามิลี จึงถามคำถามแบบโง่เขลาว่า
เชคญะอ์ฟัร ซุบฮานี(นักวิชาการชีอะฮ์ที่เชี่ยวชาญด้านหะดีษคนหนึ่งในยุคปัจจุบัน)เป็นใคร มีสิทธิอะไรมาวิจารณ์หะดีษในอัลกาฟีว่า " ดออีฟ " ในเมื่อเชคกุลัยนีมีสมญานามว่า ผู้ได้รับการเชื่อถือ ?

[color=]เพื่อความกระจ่าง เราขอยกตัวอย่างแบบเดียวกันกับคุณชัรฟุดดีน มาถามพวกเขาบ้างว่า

อุละมาอ์ซุนนี่ผู้โด่งดังชื่อ ท่านอิหม่ามซะฮะบีได้วิจารณ์สถานะของนักรายงานหะดีษคนหนึ่งคือ

الطبراني هو الامام، الحافظ، الثقة، محدث الاسلام،
سير أعلام النبلاء ج 16 ص 119 رقم 86
ท่านอัตต็อบรอนี เขาคืออิหม่าม อัลฮาฟิซ(นักท่องจำ) ษิเกาะฮ์คือเชื่อถือได้ในการรายงานหะดีษ เป็นมุฮัดดิษแห่งอิสลาม
ดูสิยัร อะอ์ลามุนนุบะลาอ์ อันดับที่ 86

ยกตัวอย่างเช่น ท่านอัตต็อบรอนีได้รายงานหะดีษบทหนึ่งจากบุคคลดังต่อไปนี้

حَدَّثَنَا مُحَمَّدُ بْنُ مُوسَى ، ثَنَا الْحَسَنُ بْنُ كَثِيرٍ ، ثَنَا سَلْمَى بِنْ عُقْبَةَ الْحَنَفِيُّ الْيَمَامِيُّ ، ثَنَا عِكْرِمَةُ بْنُ عَمَّارٍ ، عَنْ يَحْيَى بْنِ أَبِي كَثِيرٍ ، عَنْ أَبِي سَلَمَةَ ، عَنْ أَبِي هُرَيْرَةَ قَالَ: قَالَ عَلِيُّ بْنُ أَبِي طَالِبٍ: يَا رَسُولَ اللَّهِ ، أَيُّمَا أَحَبُّ إِلَيْكَ: أنا أم فاطمة ؟ قال : « فاطمة أحب إلي منك ، وأنت أعز علي منها ،


ดูมุอ์ญัมเอาซัฏ โดยอัฏฏ็อบรอนี (260 – 360 ฮ.ศ.) เล่ม 7 : 343 หะดีษที่ 7675
[/color]

คำถามสำหรับคุณชัรฟุดดีนคือ

เชคอัลบานี(นักวิชาการซุนนี่ที่เชี่ยวชาญด้านหะดีษคนหนึ่งในยุคปัจจุบัน)เป็นใคร มีสิทธิอะไรมาวิจารณ์หะดีษของท่านต็อบรอนีว่า " ดออีฟ " เนื่องจากท่านซะฮะบีผู้เชี่ยวชาญด้านนักรายงานหะดีษได้ฟันธงไปแล้วว่า ท่านต็อบรอนี มีความเชื่อถือได้ในการรายงานหะดีษ ?



ตรงนี้ผมพอเข้าใจ หากไม่มาฟังการถกกันระหว่าง ท่านซัยยิดสุลัยมาน กับ อาจารย์อับดุลเราะห์มาน ที่สตูล ในเรื่อง ฮะดิษ  มันซีละห์

ท่านซัยยิดสุลัยมานบอกว่า ท่าน อ.อับดุลเราะห์มานไม่มีสิทธิ์เอาคำตัดสินของ อิบนิเยาซี ซึงซัยยิดถือว่าโนเนม มาเหนือคำตัดสิน ของ อิหม่ามติรมีซี นอกเสียจากว่าต้องเอา ฮะดิษ บุคอรี หรือ มุสลิมมาลบล้างเท่านั้น ท่านถึงจะยอมรับ (เท่ากับตรงนี้ซัยยิดสุลัยมานใช้มาตรฐานเดียวกับคุณชัยฟุรดีน)

จริงๆแล้วผมเองก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรเยอะแยะกับตรงนี้ แต่ทราบข่าวแว่วๆมาว่าตอนนี้มีการติดต่อประสานงานในการเสวนาระหว่างทางชีอะฮฺและซุนนะฮฺ จึงน่าจะมีมาตรฐานเดียวกันในการตัดสินเรื่องต่างๆ การถกกันจึงจะได้ประโยชน์กับผู้ฟังอย่างแท้จริง
#12
หากคุณ l-umar ว่างจากภารกิจช่วยนำเสนอเรื่องอะลุลบัยต์ที่ผมถามไปต่อด้วยครับ
#13
ตอนแรกผมคิดว่าน่าจะมีอยู่เพราะตามฮะดิษบอกว่า ทั้งสองจะไม่แยกจากกัน หมายถึงอัลกุรอานและอะลุลบัยต์ ผมเข้าใจว่าเมื่อมีอัลกุรอานอยู่ตอนนี้ อะลุลบัยต์ก็ต้องมีอยู่ด้วย หากคุณจำได้ครั้งแรกที่ผมเข้ามาผมถามชื่ออะลุลบัยต์ที่มีชีวิตในปัจจุบันกับคุณ l-umar แต่อาจเป็นเพราะคุณไม่เข้าใจเจตนาผมเลยไม่ได้ตอบสิ่งที่ผมถาม แต่จากที่คุณอธิบายผมเรื่องอัลกาฟีในกระทู้ก่อนหน้าว่า

ชีอะฮ์ในสมัยก่อนๆ หมายถึงชีอะฮ์ที่มีชีวิตอยู่ในสมัยของอิม่ามแต่ละยุค พวกเขาสามารถเดินทางไปพบอะฮ์ลุลบัยต์ได้ด้วยตัวเอง หรือไม่ก็ส่งตัวแทนไปพบอิม่ามของพวกเขา เพื่อสอบถามถึงความถูกต้องของหะดีษที่พวกเขาได้ยินได้ฟังมา แต่หลังจากฮิจเราะฮ์ศักราชที่ 260 ชาวชีอะฮ์ไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ ยิ่งสมัยของเรากับอะฮ์ลุลบัยต์ห่างกันออกไปนานๆ จนมาถึงปัจุบัน คนบอกเล่าหะดีษของอะฮ์ลุลบัยต์ก็มีทุกยุค ดังนั้นทางออกของเราก็ต้องย้อนกลับไปทำตามคำแนะของอะฮ์ลุลบัยต์เกี่ยวกับยึดถือเรื่องหะดีษ

ตรงที่เป็นสีแดงทำให้ผมสับสน จึงได้ถามคุณอีกครั้ง


วันนี้ผมมีงานต้องทำอาจไม่ได้เข้ามาอ่านตลอด ผมจะแวะเข้ามาเป็นช่วงๆครับ
#14
วะอาลัยกุมมุสลาม คุณ l-umar

จากคำถามของคุณนั่นเป็นเหตุผลหนึ่งที่ผมไม่ฮุก่มพวกคุณว่าเป็นกาเฟรเหมือนคนอื่นๆ เพราะผมเชื่อว่าพวกคุณบริสุทธิ์ใจในการทำตามหลักการทางศาสนาซึ่งอาศัยหลักฐานตามฝ่ายของคุณซึ่งแน่นอนว่ามันมีน้ำหนักพอที่จะทำให้ชีอะฮฺและซุนนะฮฺถกเถียงกันไม่เคยจบและคงจะเป็นเช่นนี้ไปจนวันกิยามัต ซึ่งแน่นอนว่าหากมันเป็นการอ้างอิงลอยๆ ไม่มีที่มาที่ไปอย่างบางมัซฮับการถกกันระหว่างชีอะฮฺและซุนนะฮฺคงไม่ยืดเยื้อมาจนถึงทุกวันนี้ และเช่นเดียวกันหลายสิ่งหลายอย่างจากชีอะฮฺมันไม่ตรงกับความเข้าใจของผม และไม่มีประโยชน์ที่ผมจะไปถามสิ่งเหล่านี้จากผู้ที่ไม่ใช่ชีอะฮฺผมจึงพยายามเสมอในการที่จะคุยกับชีอะฮฺด้วยดีเพื่อหวังจะได้คำตอบจริงๆ จากพวกท่าน
#15
ผมต้องขอบคุณ คุณ l-umar ,มากในการตอบข้อสงสัยซึ่งก่อนหน้านี้ผมไม่คิดว่าจะได้ นึกว่าจะมีแต่การเสียดสี เยาะเย้ยอย่างการสนทนาในกระดานสนทนาทั่วไป ขอขอบคุณอีกครั้งครับ

จากที่คุณว่ามา ผมมีข้อสงสัยนิดนึงครับ ซึ่งอาจเกิดจากการผมตีความตัวบททางฝ่ายคุณผิดไป หากไม่รบกวนขอให้คุณชี้แจงผมหน่อย
จากฮะดิษที่คุณยกมา


แท้จริงฉันได้มอบสิ่งหนักสองสิ่งไว้ในหมู่พวกท่านสิ่งแรกคือคัมภีร์ของอัลลอฮ์และอิตเราะฮ์ของฉัน,(ว่า) ใครคืออิตเราะฮ์ ? ท่านอิม่ามอาลีตอบว่า :

คือฉัน,ฮาซัน,ฮูเซนและบรรดาอิม่ามผู้นำอีก 9 คนที่สืบเชื้อสายจากลูกหลานของฮูเซน คนที่ 9 คือมะฮ์ดีของพวกเขา

และคือกออิมของพวกเขา พวกเขาจะไม่แยกจากคัมภีร์ของอัลลอฮ์ และคัมภีร์ของอัลลอฮ์จะไม่แยกจากพวกเขา จนทั้งสองจะกลับคืนมายังท่านรอซูลุลลอฮ์ที่สระอัลเฮาฎ์ของท่าน



และตรงนี้ที่ท่านบอกว่า

ชีอะฮ์ในสมัยก่อนๆ หมายถึงชีอะฮ์ที่มีชีวิตอยู่ในสมัยของอิม่ามแต่ละยุค   พวกเขาสามารถเดินทางไปพบอะฮ์ลุลบัยต์ได้ด้วยตัวเอง หรือไม่ก็ส่งตัวแทนไปพบอิม่ามของพวกเขา  เพื่อสอบถามถึงความถูกต้องของหะดีษที่พวกเขาได้ยินได้ฟังมา     แต่หลังจากฮิจเราะฮ์ศักราชที่  260  ชาวชีอะฮ์ไม่สามารถทำเช่นนั้นได้   ยิ่งสมัยของเรากับอะฮ์ลุลบัยต์ห่างกันออกไปนานๆ จนมาถึงปัจุบัน    คนบอกเล่าหะดีษของอะฮ์ลุลบัยต์ก็มีทุกยุค  ดังนั้นทางออกของเราก็ต้องย้อนกลับไปทำตามคำแนะของอะฮ์ลุลบัยต์เกี่ยวกับยึดถือเรื่องหะดีษ


ตอนแรกผมคืดว่า จากฮะดิษข้างต้น หมายถึงอะลุลบัยต์จะมีอยู่ตลอดไป จนถึงวันกิยามัตแม้กระทั่งปัจจุบันก็ยังมีอะลุลบัยต์คอยสาธยายเรื่องราวศาสนาให้พวกท่านอยู่ แต่พอเมื่อท่านบอกว่าสมัยของเราห่างจากอะลุลบัยต์ ก็ทำให้ผมรู้ว่าอะลุลบัยต์ไม่ได้มีอยู่แล้วในปัจจุบันนี้ จากตรงนี้ขอให้คุณอธิบายความหมายของฮะดิษ ประโยคที่ว่า

\\\"พวกเขาจะไม่แยกจากคัมภีร์ของอัลลอฮ์ และคัมภีร์ของอัลลอฮ์จะไม่แยกจากพวกเขา จนทั้งสองจะกลับคืนมายังท่านรอซูลุลลอฮ์ที่สระอัลเฮาฎ์ของท่าน\\\"  ให้ผมเข้าใจได้ถูกต้องหน่อยได้มั้ยครับ