Q4wahabi.com (Question for Wahabi)

หมวดหมู่ทั่วไป => อะลุ้ลบัยต์ อ. ในทัศนะของวาฮาบี ซุนนี่ และชีอะฮ์ => หัวข้อที่ตั้งโดย: L-umar เมื่อ ตุลาคม 21, 2009, 01:49:31 หลังเที่ยง

ชื่อ: วิจัย มะตั่นและสะนัด วะซียะฮ์ของนบีมุฮัมมัด (ศ)
โดย: L-umar เมื่อ ตุลาคม 21, 2009, 01:49:31 หลังเที่ยง


( ( วิจัย มะตั่นและสะนัด วะซียะฮ์ของนบีมุฮัมมัด (ศ) ))


สืบเนื่องต่อจากกระทู้นี้



คิลาฟะฮ์ อิมามะฮ์ เป็นปัญหาของอัลเลาะฮ์หรือมนุษย์


ท่านใดสนใจอ่านเชิญได้ที่ หัวข้อด้านล่างนี้


http://www.q4sunni.com/believe/index.php?option=com_kunena&Itemid=71&func=view&catid=2&id=1082
ชื่อ: Re:วิจัย มะตั่นและสะนัด วะซียะฮ์ของนบีมุฮัมมัด (ศ)
โดย: L-umar เมื่อ ตุลาคม 21, 2009, 03:25:05 หลังเที่ยง


นักวิชาการฝ่ายชีอะฮ์


ได้ทำการยืนยันและให้การพิสูจน์ถึงสัจธรรมของมัซฮับอะฮ์ลุลบัยต์  อีกทั้งตอบโต้ข้อคลุมเครือต่อฝ่ายอะฮ์ลุสสุนนะฮ์ฯให้เข้าใจเสมอ

อุละมาอ์ชีอะฮ์จะยึดหลักการหนึ่งสำหรับตัวพวกเขาเองเสมอว่า

ชีอะฮ์จะไม่ยอมยกหลักฐานใดออกไปโต้แย้งกับฝ่ายอะฮ์ลุสสุนนะฮ์  ยกเว้น  สิ่งนั้นต้องมีรายงานกล่าวเอาไว้ในตำราของฝ่ายอะฮ์ลุสสุนนะฮ์ฯ และพวกเขาได้ให้การยอมรับว่าหลักฐานนั้นมีความถูกต้อง

จากนั้นชีอะฮ์จึงจะนำหลักฐานของฝ่ายชีอะฮ์เองออกมายืนยัน ผนวกกับหลักฐานที่มาจากฝ่ายอะฮ์ลุสสุนนะฮ์ฯ


ท่านจะเห็นได้ว่า  

ชีอะฮ์พยายามอย่างยิ่งที่จะทำการโต้แย้งหลักฐานต่อฝ่ายอะฮ์ลุสสุนนะฮ์   ในสิ่งที่มีรายงานมาจากซอฮีฮุลบุคอรี และซอฮีฮุลมุสลิม รวมทั้งตำราต่างๆที่พวกเขายึดถือ(มุอ์ตะบัร)เป็นหลักฐาน
ตลอดจนทัศนะหรือคำพูดจากบรรดาอุละมาอ์ของอะฮ์ลุสสุนนะฮ์เอง เท่าที่จะนำมาเสนอได้


คำถามคือ

ทำไมฝ่ายอะฮ์ลุสสุนนะฮ์ฯ  ไม่เคยนำวิธีการดังกล่าวมาใช้กับฝ่ายชีอะฮ์บ้าง

ท่านจะเห็นได้ว่า

ฝ่ายอะฮ์ลุสสุนนะฮ์  ตั้งแต่อุละมาอ์จนถึงรากหญ้า ได้พิสูจน์กับฝ่ายชีอะฮ์ว่า  

" มัซฮับอะฮ์ลุสสุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ "   มีความถูกต้องด้วยหะดีษต่างๆที่รายงานจากตำราอะฮ์ลุสสุนนะฮ์เอง  

ทั้งๆที่หลักฐานนั้นๆ  มิได้เป็นที่ยอมรับของฝ่ายตรงข้ามเลย

อะฮ์ลุสสุนนะฮ์จะโต้แย้งต่อฝ่ายชีอะฮ์ ด้วยหนังสือซอฮีฮุลบุคอรี  มุสลิม และตำราต่างๆของพวกเขาเอง  
รวมไปถึงทัศนะคำพูดของท่านอิม่ามอะหมัด บินฮัมบัล  ท่านชาฟิอี  ท่านมาลิก  ท่านอบุลฮาซัน อัชอะรี ท่านอิบนิตัยมียะฮ์ และคนอื่นๆ

เป็นเรื่องที่เราทุกคนต่างตระหนักดีว่า  
การนำหลักฐานมาโต้แย้งกับคู่กรณีที่ถูกต้องนั้น   ควรจะต้องเป็นหลักฐานที่ฝ่ายตรงข้ามให้การยอมรับต่อสิ่งนั้นด้วยถึงจะเป็นธรรมแก่ทั้งสองฝ่าย

แต่ที่เราพบเห็นเป็นประจำคือ   หลักฐานทั้งหมดของพวกเขา กลับไม่เป็นเช่นนั้น

มีอุละมาอ์ฝ่ายอะฮ์ลุสสุนนะฮ์บางคน
ทำถึงขั้นที่ว่า กล้า   ฮุก่ม(ตัดสิน)หะดีษ " เศาะหิ๊หฺ " บางบทในตำราของฝ่ายตนเอง
ให้กลายเป็นหะดีษ " ดออีฟ "    เพียงเพื่อปกป้องมัซฮับของตนเอาไว้   และเพื่อสกัดกั้นมิให้ฝ่ายชีอะฮ์เอามาหะดีษนั้นมาเป็นหลักฐานโต้แย้งกับพวกเขา  เช่น

หะดีษ  ษะเกาะลัยน์  / หะดีษเฆาะดีรคุม    /  หะดีษ  ฏ็อยร์(นก)  

ทั้งๆที่หะดีษเหล่านี้มีสายรายงานมากมายหลายกระแสจนถึงขั้น " มุตะวาติร "  
กล่าวคือสายรายงานของมันเกินกว่าที่คนเราจะคาดคิดได้ว่า บรรดานักรายงานเหล่านั้นร่วมหัวกันโกหก

มันมีเพียงเหตุผลเดียวเท่านั้นที่ส่งผลทำให้พวกเขาต้องกระทำเช่นนั้นคือ

อะฮ์ลุสสุนนะฮ์ไม่มีหลักฐานจากตำราของชีอะฮ์ ที่จะเอามาพิสูจน์ถึงความถูกต้องใน " มัซฮับ " ที่พวกตนยึดถือ  นอกจาก ตำราของตนเองเท่านั้น

ต่อจากนั้น
ท่านจะเห็นได้ว่า  อะฮ์ลุสสุนนะฮ์ไม่รู้จะค้นหาวิธีการใดมาตอบโต้กับฝ่ายชีอะฮ์  นอกจาก วิธีด่า วิธีประณามและวิธีดูหมิ่นเหยียดหยามต่อฝ่ายชีอะฮ์

ในขณะเดียวกันชาวที่อ้างตัวว่า พวกเขาดำเนินชีวิตตามกิตาบุลเลาะฮ์  ก็ไม่เคยให้ความสำคัญต่อพระพจนารถของอัลเลาะฮ์ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ที่ตรัสว่า

اُدْعُ إِلَى سَبِيلِ رَبِّكَ بِالْحِكْمَةِ وَالْمَوْعِظَةِ الْحَسَنَةِ وَجَادِلْهُمْ بِالَّتِي هِيَ أَحْسَنُ

จงเรียกร้องเชิญชวนสู่ แนวทางแห่งพระเจ้าของสูเจ้าโดยสุขุม และการตักเตือนที่ดี และจงโต้แย้งกับพวกเขาด้วยสิ่งที่ดีกว่า

ซูเราะฮ์อันนะห์ลุ  บท 16 : 125

ท่านลองไปอ่านสิ่งที่เขียนอยู่ในตำราต่างๆของพวกเขาเช่น

1.   อัศ ซ่อวาอิกุล มุห์ริเกาะฮ์   ของอิบนิหะญัร อัลฮัยตะมี
2.   อัลมิลัล วัลอะฮ์วาอฺ วัลนิฮัล  ของอิบนิหัซมิน
3.   มินฮาญุส-สุนนะฮ์  ของอิบนิตัยมียะฮ์


แนวทางของคนอ่อนแอ คนไร้ความสามารถคือ ใช้วิธีทะเลาะวิวาทมาใช้แทนการใช้หลักฐานใช้เหตุผล

เหมือนที่เราต่างทราบดี
ชื่อ: Re:วิจัย มะตั่นและสะนัด วะซียะฮ์ของนบีมุฮัมมัด (ศ)
โดย: L-umar เมื่อ ตุลาคม 21, 2009, 06:18:46 หลังเที่ยง


ตำราหะดีษของอะฮ์ลุสสุนนะฮ์ได้บันทึกหะดีษไว้บทหนึ่ง  

ซึ่งหะดีษบทนี้ได้กล่าวถึงเรื่องสำคัญเอาไว้หลายประการในหะดีษนี้เพียงบทเดียวคือ

1.   เล่าถึงเหตุการณ์หลังฮัจญะตุลวิดาอ์
2.   มีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นที่เฆาะดีรคุม
3.   กล่าวถึงวะซียัตของท่านนบี(ศ)สั่งเสียให้ปฏิบัติตามกิตาบุลเลาะฮ์และอะฮ์ลุลบัยต์
4.   กล่าวถึงเรื่องที่ท่านนบี(ศ)ประกาศแต่งตั้งท่านอะลีเป็นผู้ปกครองต่อจากท่าน


สุนันกุบรอ  โดยอัน นะซาอี  หะดีษที่  8148


أَخْبَرَناَ مُحَمَّدُ بْنُ الْمُثَنَّى قاَلَ ثَناَ يَحْيَى بْنُ حَمَّادٍ قاَلَ ثَناَ أَبُو عَوَانَةَ عَنْ سُلَيْمَانَ قاَلَ ثَناَ حَبِيبُ بْنُ أَبِي ثَابِتٍ عَنْ أَبِي الطُّفَيْلِ عَنْ زَيْدِ بْنِ أَرْقَمَ قَالَ لَمَّا رَجَعَ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ عَنْ حَجَّةِ الْوَدَاعِ وَنَزَلَ غَدِيْرَ خُمٍّ أَمَرَ بِدَوْحَاتٍ فَقُمِمْنَ ثُمَّ قَالَ : كَأَنِّيْ دُعِيْتُ فَأَجِبْتُ وَإِنِّيْ تَرِكْتُ فِيْكُمُ الثَّقَلَيْنِ أَحَدَهُمَا أَكْبَرُ مِنَ الْآخَرِ : كِتَابُ اللهِ وَعِتْرَتِيْ أَهْلُ بَيْتِيْ فَانْظُرُوْا كَيْفَ تُخْلِفُوْنِيْ فِيْهِمَا  فَإِنَّهُمَا لَنْ يَتَفَرَقَا حَتَّي يَرِدَا عَلَيَّ الْحَوْضَ  ثُمَّ قَالَ : إِنَّ اللهَ مَوْلاَيَ وَأَنَا وَلِيُّ كُلِّ مُؤْمِنٍ  ثُمَّ إِنَّهُ أَخَذَ بِيَدِ عَلِيٍّ فَقَالَ : مَنْ كُنْتُ وَلِيَّهُ فَهَذَا وَلِيَّهُ  اللّهُمَّ وَالِ مَنْ وَالاَهُ وَعَادِ مَنْ عَادَاهُ
فَقُلْتُ لِزَيْدٍ سَمِعْتَهُ مِنْ رَسُولِ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ قاَلَ ماَ كاَنَ فِي الدَّوْحاَتِ رَجُلٌ إِلاَّ رَآهُ بِعَيْنِهِ وَسَمِعَ بِأُذُنِهِ
السنن الكبرى للنسائي   ج 5 / ص 45


มุฮัมมัด บินอัลมุษันนาเล่าให้เราฟัง  เขากล่าวว่า  ยะห์ยา บินหัมมาดเล่าให้เราฟัง เขากล่าวว่า อบูอิวานะฮ์เล่าให้เราฟัง จากสุลัยมานกล่าวว่า  หะบีบ บินอบีษาบิตเล่าให้เราฟัง จากอบิต-ตุฟัยล์ จากเซดบินอัรก็อมเล่าว่า :  

เมื่อท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)กลับจากการทำฮัจญ์ครั้งสุดท้าย และท่านได้แวะพักที่เฆาะดีรคุม ท่านสั่งให้(พักตรง)ต้นไม้ใหญ่ แล้วสั่งให้กวาด(ลานให้สะอาด)  แล้วท่านได้ปราศัยว่า :  ดูเหมือนว่าฉันถูกเรียก(กลับแล้ว) และฉันได้ตอบรับแล้ว แท้จริงฉันได้มอบไว้แก่พวกท่านสิ่งหนักสองสิ่ง สิ่งแรกใหญ่กว่าอีกสิ่งหนึ่งคือ

(1) กิตาบุลเลาะฮ์ (อัลกุรอาน) และ (2) อิตเราะตี คืออะฮ์ลุลบัยต์ของฉัน  

ดังนั้นพวกท่านจงดูเถิดว่า พวกท่านจะขัดแย้งกับฉันในสองสิ่งนี้อย่างไร เพราะแท้จริงสองสิ่งนี้จะไม่แยกจากกัน จนกว่าทั้งสองจะกลับมาหาฉันที่อัลเฮาฎ์(สระเกาษัร)

จากนั้นท่าน (ศ)ได้กล่าวว่า :  แท้จริงอัลลอฮ์ทรงเป็นผู้คุ้มครองของฉัน  และฉันเป็นผู้ปกครองของผู้ศรัทธาทุกคน  จากนั้น ท่าน(ศ)ได้จับมือท่านอะลี(ชูขึ้นเหนือศรีษะ) แล้วกล่าวว่า :

บุคคลใดก็ตามที่ฉันเป็นผู้ปกครองของเขา  ดังนั้นอะลีก็เป็นผู้ปกครองของเขา
 
โอ้อัลลอฮ์โปรดรักผู้ที่เป็นมิตรต่อเขา และโปรดชิงชังผู้ที่เป็นศัตรูต่อเขา


ฉัน(อบีตุฟัยล์)จึงพูดกับเซดว่า ท่านได้ยินมันจากท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)หรือ  เขากล่าวว่า ไม่มีคนใดอยู่ในบริเวณต้นไม้นั้น นอกจากเขาได้เห็นมันด้วยตาของเขาและได้ยินด้วยหูของเขาเอง  
ชื่อ: Re:วิจัย มะตั่นและสะนัด วะซียะฮ์ของนบีมุฮัมมัด (ศ)
โดย: L-umar เมื่อ ตุลาคม 22, 2009, 10:44:44 ก่อนเที่ยง

ท่านนะซาอี ได้บันทึกไว้อีหนึ่งบทคือ  


أَخْبَرَناَ مُحَمَّدُ بْنُ الْمُثَنَّى قاَلَ حَدَّثَنِيْ يَحْيَى بْنُ حَمَّادٍ قاَلَ حَدَّثَناَ أَبُو عَوَانَةَ عَنْ سُلَيْمَانَ قاَلَ حَدَّثَناَ حَبِيبُ بْنُ أَبِي ثَابِتٍ عَنْ أَبِي الطُّفَيْلِ عَنْ زَيْدِ بْنِ أَرْقَمَ قَالَ :


لَمَّا رَجَعَ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ عَنْ حَجَّةِ الْوَدَاعِ وَنَزَلَ غَدِيْرَ خُمٍّ أَمَرَ بِدَوْحَاتٍ فَقُمِمْنَ
 
ثُمَّ قَالَ : كَأَنِّيْ دُعِيْتُ فَأَجِبْتُ وَإِنِّيْ تَرِكْتُ فِيْكُمُ الثَّقَلَيْنِ أَحَدَهُمَا أَكْبَرُ مِنَ الْآخَرِ :

كِتَابُ اللهِ وَعِتْرَتِيْ أَهْلُ بَيْتِيْ فَانْظُرُوْا كَيْفَ تُخْلِفُوْنِيْ فِيْهِمَا  فَإِنَّهُمَا لَنْ يَتَفَرَقَا حَتَّي يَرِدَا عَلَيَّ الْحَوْضَ  
ثُمَّ قَالَ : إِنَّ اللهَ مَوْلاَيَ وَأَنَا وَلِيُّ كُلِّ مُؤْمِنٍ  ثُمَّ أَخَذَ بِيَدِ عَلِيٍّ فَقَالَ :

مَنْ كُنْتُ وَلِيَّهُ فَهَذَا وَلِيَّهُ  اللّهُمَّ وَالِ مَنْ وَالاَهُ وَعَادِ مَنْ عَادَاهُ
 
فَقُلْتُ لِزَيْدٍ سَمِعْتَهُ مِنْ رَسُولِ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ فَقاَلَ ماَ كاَنَ فِي الدَّوْحاَتِ أَحَدٌ إِلاَّ رَآهُ بِعَيْنَيْهِ وَسَمِعَهُ بِأُذُنَيْهِ
السنن الكبرى للنسائي  ج 5 / ص 130




มุฮัมมัด บินอัลมุษันนาเล่าให้เราฟัง  เขากล่าวว่า  ยะห์ยา บินหัมมาดเล่าให้เราฟัง เขากล่าวว่า อบูอิวานะฮ์เล่าให้เราฟัง จากสุลัยมานกล่าวว่า  หะบีบ บินอบีษาบิตเล่าให้เราฟัง จากอบิต-ตุฟัยล์ จากเซดบินอัรก็อมเล่าว่า :  

เมื่อท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)กลับจากการทำฮัจญ์ครั้งสุดท้าย และท่านได้แวะพักที่เฆาะดีรคุม ท่านสั่งให้(พักตรง)ต้นไม้ใหญ่ แล้วสั่งให้กวาด(ลานให้สะอาด)  แล้วท่านได้ปราศัยว่า :  

ดูเหมือนว่าฉันถูกเรียก(กลับแล้ว) และฉันได้ตอบรับแล้ว แท้จริงฉันได้มอบไว้แก่พวกท่านสิ่งหนักสองสิ่ง สิ่งแรกใหญ่กว่าอีกสิ่งหนึ่งคือ

(1) กิตาบุลเลาะฮ์ (อัลกุรอาน) และ (2) อิตเราะตี คืออะฮ์ลุลบัยต์ของฉัน  

ดังนั้นพวกท่านจงดูเถิดว่า พวกท่านจะขัดแย้งกับฉันในสองสิ่งนี้อย่างไร เพราะแท้จริงสองสิ่งนี้จะไม่แยกจากกัน จนกว่าทั้งสองจะกลับมาหาฉันที่อัลเฮาฎ์(สระเกาษัร)

จากนั้นท่าน (ศ)ได้กล่าวว่า :  แท้จริงอัลลอฮ์ทรงเป็นผู้คุ้มครองของฉัน  และฉันเป็นผู้ปกครองของผู้ศรัทธาทุกคน  จากนั้น ท่าน(ศ)ได้จับมือท่านอะลี(ชูขึ้นเหนือศรีษะ) แล้วกล่าวว่า :
 
บุคคลใดก็ตามที่ฉันเป็นผู้ปกครองของเขา  ดังนั้นอะลีก็เป็นผู้ปกครองของเขา  

โอ้อัลลอฮ์โปรดรักผู้ที่เป็นมิตรต่อเขา และโปรดชิงชังผู้ที่เป็นศัตรูต่อเขา


ฉัน(อบีตุฟัยล์)จึงพูดกับเซดว่า ท่านได้ยินมันจากท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)หรือ  เขากล่าวว่า ไม่มีคนใดอยู่ในบริเวณต้นไม้นั้น นอกจากเขาได้เห็นมันด้วยตาของเขาและได้ยินด้วยหูของเขาเอง  

ดูสุนันกุบรอ  โดยอัน นะซาอี  หะดีษที่  8464


ถ้าท่านอ่านดีๆ จะพบว่าหะดีษบทที่สองนี้มีรายละเอียดในตัวบทอาหรับค่อนข้างสมบูรณ์กว่า หะดีษบทแรก  ด้วยเหตุนี้ท่านนะซาอีจึงต้องบันทึกเอาไว้อีกหนึ่งบท
ชื่อ: Re:วิจัย มะตั่นและสะนัด วะซียะฮ์ของนบีมุฮัมมัด (ศ)
โดย: L-umar เมื่อ ตุลาคม 22, 2009, 12:14:59 หลังเที่ยง


ท่านนะซาอียังได้บันทึกหะดีษนี้ไว้ในหนังสือของเขาชื่อ  


ค่อซออิซ อมีรุลมุอ์มินีน  หรือค่อซออิซ อะลี    

 
أَخْبَرَناَ مُحَمَّدُ بْنُ الْمُثَنَّى قاَلَ حَدَّثَنِيْ يَحْيَى بْنُ حَمَّادٍ قاَلَ حَدَّثَناَ أَبُو عَوَانَةَ عَنْ سُلَيْمَانَ قاَلَ حَدَّثَناَ حَبِيبُ بْنُ أَبِي ثَابِتٍ عَنْ أَبِي الطُّفَيْلِ عَنْ زَيْدِ بْنِ أَرْقَمَ قَالَ :

لَمَّا رَجَعَ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ عَنْ حَجَّةِ الْوَدَاعِ وَنَزَلَ غَدِيْرَ خُمٍّ أَمَرَ بِدَوْحَاتٍ فَقُمِمْنَ
 
ثُمَّ قَالَ : كَأَنِّيْ دُعِيْتُ فَأَجِبْتُ وَإِنِّيْ تَرِكْتُ فِيْكُمُ الثَّقَلَيْنِ أَحَدَهُمَا أَكْبَرُ مِنَ الْآخَرِ :

كِتَابُ اللهِ وَعِتْرَتِيْ أَهْلُ بَيْتِيْ فَانْظُرُوْا كَيْفَ تُخْلِفُوْنِيْ فِيْهِمَا  فَإِنَّهُمَا لَنْ يَتَفَرَقَا حَتَّي يَرِدَا عَلَيَّ الْحَوْضَ  
ثُمَّ قَالَ : إِنَّ اللهَ مَوْلاَيَ وَأَنَا وَلِيُّ كُلِّ مُؤْمِنٍ  ثُمَّ أَخَذَ بِيَدِ عَلِيٍّ فَقَالَ :

مَنْ كُنْتُ وَلِيَّهُ فَهَذَا وَلِيَّهُ  اللّهُمَّ وَالِ مَنْ وَالاَهُ وَعَادِ مَنْ عَادَاهُ
 
فَقُلْتُ لِزَيْدٍ سَمِعْتَهُ مِنْ رَسُولِ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ فَقاَلَ ماَ كاَنَ فِي الدَّوْحاَتِ أَحَدٌ إِلاَّ رَآهُ بِعَيْنَيْهِ وَسَمِعَهُ بِأُذُنَيْهِ
السنن
خصائص علي  ج 1 / ص 96    باب قول النبي من كنت وليه فعلي وليه


มุฮัมมัด บินอัลมุษันนาเล่าให้เราฟัง  เขากล่าวว่า  ยะห์ยา บินหัมมาดเล่าให้เราฟัง เขากล่าวว่า อบูอิวานะฮ์เล่าให้เราฟัง จากสุลัยมานกล่าวว่า  หะบีบ บินอบีษาบิตเล่าให้เราฟัง จากอบิต-ตุฟัยล์ จากเซดบินอัรก็อมเล่าว่า :  


เมื่อท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)กลับจากการทำฮัจญ์ครั้งสุดท้าย และท่านได้แวะพักที่เฆาะดีรคุม ท่านสั่งให้(พักตรง)ต้นไม้ใหญ่ แล้วสั่งให้กวาด(ลานให้สะอาด)  แล้วท่านได้ปราศัยว่า :  ดูเหมือนว่าฉันถูกเรียก(กลับแล้ว) และฉันได้ตอบรับแล้ว แท้จริงฉันได้มอบไว้แก่พวกท่านสิ่งหนักสองสิ่ง สิ่งแรกใหญ่กว่าอีกสิ่งหนึ่งคือ
(1) กิตาบุลเลาะฮ์ (อัลกุรอาน) และ (2) อิตเราะตี คืออะฮ์ลุลบัยต์ของฉัน  
ดังนั้นพวกท่านจงดูเถิดว่า พวกท่านจะขัดแย้งกับฉันในสองสิ่งนี้อย่างไร เพราะแท้จริงสองสิ่งนี้จะไม่แยกจากกัน จนกว่าทั้งสองจะกลับมาหาฉันที่อัลเฮาฎ์(สระเกาษัร)
จากนั้นท่าน (ศ)ได้กล่าวว่า :  แท้จริงอัลลอฮ์ทรงเป็นผู้คุ้มครองของฉัน  และฉันเป็นผู้ปกครองของผู้ศรัทธาทุกคน  จากนั้น ท่าน(ศ)ได้จับมือท่านอะลี(ชูขึ้นเหนือศรีษะ) แล้วกล่าวว่า :
บุคคลใดก็ตามที่ฉันเป็นผู้ปกครองของเขา  ดังนั้นอะลีก็เป็นผู้ปกครองของเขา  
โอ้อัลลอฮ์โปรดรักผู้ที่เป็นมิตรต่อเขา และโปรดชิงชังผู้ที่เป็นศัตรูต่อเขา

ฉัน(อบีตุฟัยล์)จึงพูดกับเซดว่า ท่านได้ยินมันจากท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)หรือ  เขากล่าวว่า ไม่มีคนใดอยู่ในบริเวณต้นไม้นั้น นอกจากเขาได้เห็นมันด้วยตาของเขาและได้ยินด้วยหูของเขาเอง  


อ้างอิงจากหนังสือ

ค่อซออิซ อะลี  โดยนะซาอี  เล่ม 1 : 96 หะดีษที่  79



อะหมัด บินชุเอบ อัน-นะซาอี(ฮ.ศ. 215 - 303 )

ผู้นี้ถือมัซฮับชาฟิอี ท่านตาญุดดีนอัซซุบกีได้จัดลำดับเขาไว้ในชั้นที่สามของอุละมาอ์สังกัดมัซฮับชาฟิอี ดูฏ็อบกอตุช ชาฟิอี อัลกุบรอ เล่ม 2 : 73  

มีอุละมาอ์ซุนนี่บางคนใส่ร้ายท่านนะซาอีว่าเป็น  ชีอะฮ์ (ตะชัยยุ๊อฺ) หรือนิยมฝักใฝ่ในมัซฮับชีอะฮ์  

ทำไมกล่าวหาว่า ท่านนะซาอีเป็นชีอะฮ์  สาเหตุเพราะเขาได้แต่งหนังสือค่อซออิซนี้ขึ้นมานั่นเอง   เรามาฟังเหตุผลของเจ้าตัวกันดีกว่า ว่าทำไมเขาจึงแต่งหนังสือเล่มนี้ขึ้นมา

قال النسائي : دخلت دمشق والمنحرف عن علي بها كثير ، فأردت أن يهديهم الله تعالى بهذا الكتاب.

อันนะซาอีเล่าว่า :  

ผมเข้ามาที่เมืองดามัสกัส (ซีเรีย)  ที่นี่มีผู้คนมากมายที่มุนฮะริฟออกไปจากท่านอะลี (คือไม่ยกย่องไม่ให้การยอมรับฐานะของท่านอะลีตามที่อัลลอฮ์และรอซูลกล่าวไว้ ผู้แปล.) ดังนั้นผมจึงต้องการที่จะให้อัลลออ์ทรงนำทางพวกเขาด้วยหนังสือเล่มนี้


อบูอับดุลลอฮ์ บินมุนดะฮ์ จากฮัมซะฮ์ อัลอุกบา อัลมิศรี่และท่านอัดดาร่อกุฏนีเล่าว่า :

ท่านนะซาอี เป็นผู้มีความรู้มากที่สุดในบรรดาเชคทั้งหลายแห่งเมืองมิศรี่(อียิปต์)ในยุคของเขา  และเขายังมีความรู้มากที่สุดต่อเรื่องหะดีษเศาะหิ๊หฺและไม่เศาะห์   เขายังเชี่ยวชาญมากที่สุดต่อเรื่องริญาล(นักรายงานหะดีษ)
เมื่อความรู้ของนะซาอีบรรลุถึงขั้นนี้  ชาวเมืองมิศร์ได้มีความอิจฉาเขา ดังนั้นเขาในวัยชราอายุ80ปีกว่า จึงตัดสินใจออกจากเมืองมิศรี่ เขาตั้งใจจะไปทำหัจญ์ที่เมืองมักกะฮ์
อัน-นะซาอีได้เดินทางผ่านเข้ามาที่เมืองดามัสกัส    เขาถูกชาวเมืองซีเรียถามถึงเรื่องมุอาวียะฮ์ และหะดีษที่รายงานถึงความประเสริฐของมุอาวียะฮ์  แต่ท่านนะซาอีได้ตอบว่า ฉันไม่พอใจการเป็นผู้นำของหัวหน้าคนนี้  แล้วจะให้เขาเล่าถึงหะดีษที่ยกย่องมุอาวียะฮ์ได้อย่างไร    ชาวเมืองจึงรุมทุบตีเขาที่ลูกอัณฑะทั้งสอง แล้วก็ขับเขาออกจากมัสญิด  จากนั้นมีคนนำเขาในสภาพเจ็บหนักไปยังเมืองมักกะฮ์  และเขาได้เสียชีวิตที่นั่นด้วยการเป็นชะฮีด ร่างเขาถูกฝังอยู่ที่ระหว่างภูเขาซ่อฟาและมัรวะฮ์  

ดูเวบอัลอีหม่านประกอบ
http://www.al-eman.com/monwat/Ozamaa/Nesaey.asp#5


ท่านจะเห็นได้ว่า  


ความโหดร้ายป่าเถื่อนของชาวซุนนี่ในยุคนั้นเป็นอย่างไร  ขนาดอุละมาอ์ซุนนี่ระดับสูงของพวกเขาเอง ยังถูกรุมทำร้ายจนตายได้  ด้วยความผิดฐานที่ อันนะซาอีเขียนหนังสือรวบรวมสิ่งที่ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)กล่าวถึงฟะดีลัตของท่านอะลี

ที่ผมเล่าเรื่องนี้ให้ท่านผู้อ่านฟัง ก็เพื่อให้เราและท่านได้เปรียบเทียบกับนักวิชาการอะฮ์ลุสสุนนะฮ์บางคนในยุคปัจจุบันที่ขาดคุณธรรม พยายามทุกวิถีทางที่จะลบล้างความประเสริฐของท่านอะลี ด้วยการฮุก่มหะดีษเศาะหิ๊หฺมากมายเกี่ยวกับท่านอะลีว่า  ดออีฟ  

หากถามว่า  พวกเขาทำเพื่ออะไร  ตอบเพื่อชีอะฮ์จะได้เสียเวลาไปกับการตรวจสอบหาความถูกต้องของสายรายงานหะดีษ   ชีอะฮ์จะได้ไม่มีเวลาเอาหะดีษเหล่านั้นมาอ้างอิงเป็นหลักฐานตอบโต้กับฝ่ายซุนนี่ได้ง่ายๆไงครับ  
พอชีอะฮ์พบว่า สะนัดเชื่อถือได้  พวกเขาก็จะไปเล่นลิ้นต่ออีกที่มะตั่น(ความหมายหะดีษ)

พูดกันง่ายๆว่า   ทั้งๆที่หะดีษษะก่อลัยน์และหะดีษมันกุนตุเมาลาฮุ ฟะฮาซาอะลียุนเมาลาฮุ นั้นมีความหมายชัดเจนดียิ่งกว่าแสงอาทิตย์ตอนเที่ยงตรง โดยไม่ต้องอาศัยการตีความอะไรอีก  แต่สุดท้ายก็อย่างว่าครับ  บังเอิญหะดีษบทนี้มันดันไปขัดกับความเชื่อของพวกเขาเข้า  เขาก็ต้องทำทุกอย่างเพื่อเบียดหะดีษบทนี้ออกไปจากเส้นทางอะกีดะฮ์ที่พวกเขาได้วางเอาไว้

والحمد لله  وصلي الله علي محمد وآله وسلم


มีต่อ...  
ชื่อ: Re:วิจัย มะตั่นและสะนัด วะซียะฮ์ของนบีมุฮัมมัด (ศ)
โดย: L-umar เมื่อ ตุลาคม 22, 2009, 02:00:58 หลังเที่ยง

มุฮัมมัด บินอับดุลลอฮ์  อัลฮากิม อัน –นัยซาบูรี  (เกิด ฮ.ศ. 321 – 405 ) รายงานว่า


حدثنا أبو الحسين محمد بن أحمد بن تميم الحنظلي ، ببغداد ، ثنا أبو قلابة عبد الملك بن محمد الرقاشي ، ثنا يحيى بن حماد ، وحدثني أبو بكر محمد بن بالويه ، وأبو بكر أحمد بن جعفر البزار قالا : ثنا عبد الله بن أحمد بن حنبل ، حدثني أبي ، ثنا يحيى بن حماد ، وثنا أبو نصر أحمد بن سهل الفقيه ، ببخارى ، ثنا صالح بن محمد الحافظ البغدادي ، ثنا خلف بن سالم المخرمي ، ثنا يحيى بن حماد ، ثنا أبو عوانة ، عن سليمان الأعمش قال : ثنا حبيب بن أبي ثابت ، عن أبي الطفيل ، عن زيد بن أرقم رضي الله عنه قال :
لَمَّا رَجَعَ رَسُولُ اللهِ صلى الله عليه وسلم مِنْ حَجَّةِ الْوَدَاعِ ، وَنَزَلَ غَدِيرَ خُمٍّ ، أَمَرَ بِدَوْحَاتٍ فَقُمنَ ، فَقَالَ : كَأَنِّي قَدْ دُعِيتُ فَأَجَبْتُ ، إِنِّي قَدْ تَرَكْتُ فِيكُمُ الثَّقَلَيْنِ ، أَحَدُهُمَا أَكْبَرُ مِنَ الآخَرِ : كِتَابُ اللهِ ، وَعِتْرَتِي أَهْلُ بَيْتِي ، فَانْظُرُوا كَيْفَ تَخْلُفُونِي فِيهِمَا ، فَإِنَّهُمَا لَنْ يَتَفَرَّقَا ، حَتَى يَرِدَا عَلَيَّ الْحَوْضَ ،
المستدرك على الصحيحين للحاكم  ج 10 / ص 377

ثُمَّ قَالَ : إِنَّ اللهَ عَزَّوَجَلَّ مَوْلاَيَ ، وَأَنَا مَوْلي كُلِّ مُؤْمِنٍ ، ثُمَّ أَخَذَ بِيَدِ عَلِيٍّ رضي الله عنه، فَقَالَ : مَنْ كُنْتُ مَوْلاَهُ ، فَهَذَا وَلِيُّهُ ، اللَّهُمَّ وَالِ مَنْ وَالاهُ ، وَعَادِ مَنْ عَادَاهُ.
« وذكر الحديث بطوله . هذا حديث صحيح على شرط الشيخين ، ولم يخرجاه بطوله ، شاهده حديث سلمة بن كهيل ، عن أبي الطفيل أيضا صحيح على شرطهما »

المستدرك على الصحيحين للحاكم  ج 10 / ص 377

อบุลฮูเซน มุฮัมมัด บินอะหมัด บินตะมีม อัลฮันซ่อลีเล่าให้เราฟัง ที่เมืองแบกแดด
อบูกิลาบะฮ์ อับดุลมะลิก บินมุฮัมมัด อัลเราะกอชี เล่าให้เราฟัง
ยะห์ยา บินฮัมมาด เล่าให้เราฟัง  อบูบักร  มุฮัมมัด บินบาละวัยฮฺ กับอบูบักร อะหมัด บินญะอ์ฟัร อัลบัซซ้าร ทั้งสอง ได้เล่าให้ฉันฟัง
อับดุลลอฮ์ บินอะหมัด บินฮัมบัล เล่าให้เราฟังว่า บิดาฉัน(อิม่ามอะหมัด) เล่าให้ฉันฟังว่า
ยะห์ยา บินฮัมมาด เล่าให้เราฟัง  และอบูนัศร์ อะหมัด บินสะฮ์ลฺ อัลฟะกีฮฺ เล่าให้เราฟัง ที่เมืองบุคอรอ    ศอและห์ บินมุฮัมมัด อัลฮาฟิซ อัลบัฆดาดี เล่าให้เราฟัง  เคาะลัฟ บินสาลิม อัลมัคร่อมี เล่าให้เราฟัง ยะห์ยา บินฮัมมาด เล่าให้เราฟัง  อบูอิวานะฮ์เล่าให้เราฟัง  จากสุลัยมาน อัลอะอ์มัช เขากล่าวว่า หะบีบ บินอบีษาบิต เล่าให้เราฟัง

จากท่านอบิต ตุฟัยล์ จาก ท่านเซดบินอัรก็อมเล่าว่า :  

เมื่อท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)กลับจากการทำฮัจญ์ครั้งสุดท้าย และท่านได้แวะพักที่เฆาะดีรคุม ท่านสั่งให้(พักตรง)ต้นไม้ใหญ่ แล้วสั่งให้กวาด(ลานให้สะอาด)  แล้วท่านได้ปราศัยว่า :  ดูเหมือนว่าฉันถูกเรียก(กลับแล้ว) และฉันได้ตอบรับแล้ว แท้จริงฉันได้มอบไว้แก่พวกท่านสิ่งหนักสองสิ่ง สิ่งแรกใหญ่กว่าอีกสิ่งหนึ่งคือ

(1) กิตาบุลเลาะฮ์ (อัลกุรอาน) และ (2) อิตเราะตี คืออะฮ์ลุลบัยต์ของฉัน  

ดังนั้นพวกท่านจงดูเถิดว่า พวกท่านจะขัดแย้งกับฉันในสองสิ่งนี้อย่างไร เพราะแท้จริงสองสิ่งนี้จะไม่แยกจากกัน จนกว่าทั้งสองจะกลับมาหาฉันที่อัลเฮาฎ์(สระเกาษัร)
จากนั้นท่าน (ศ)ได้กล่าวว่า :  แท้จริงอัลลอฮ์ทรงเป็นผู้คุ้มครองของฉัน  และฉันเป็นผู้ปกครองของผู้ศรัทธาทุกคน  จากนั้น ท่าน(ศ)ได้จับมือท่านอะลี(ชูขึ้นเหนือศรีษะ) แล้วกล่าวว่า :

บุคคลใดก็ตามที่ฉันเป็นผู้ปกครองของเขา  ดังนั้นอะลีก็เป็นผู้ปกครองของเขา  

โอ้อัลลอฮ์โปรดรักผู้ที่เป็นมิตรต่อเขา และโปรดชิงชังผู้ที่เป็นศัตรูต่อเขา


ดูหนังสือ

อัลมุสตัดร็อก อะลัซ ซ่อฮีฮัยนิ  เล่ม 10 : 377 หะดีษที่ 4553  , 4554



อัลฮากิมได้กล่าวว่า :

หะดีษนี้  เศาะหิ๊หฺ บนเงื่อนไขของเชคทั้งสอง (คือบุคอรีและมุสลิม)  

والحمد لله وصلي الله علي محمد وآله وسلم
ชื่อ: Re:วิจัย มะตั่นและสะนัด วะซียะฮ์ของนบีมุฮัมมัด (ศ)
โดย: L-umar เมื่อ ตุลาคม 22, 2009, 04:12:54 หลังเที่ยง


อบุลกอสิม อัฏ ฏ็อบรอนี  ( เกิด ฮ.ศ. 260 - 360) รายงานว่า


حَدَّثَنَا مُحَمَّدُ بْنُ حَياَّنَ الْماَزِنِيُّ حَدَّثَناَ كَثِيرُ بْنُ يَحْيَى ثَناَ أَبُو كَثِيرُ بْنُ يَحْيَى ثَناَ أَبُو عَوَانَةَ وَ سَعِيدُ بْنُ عَبْدِ الْكَرِيمِ بْنِ سُلَيْطٍ الحنفي عَنِ الْأَعْمَشِ عَنْ حَبِيبِ بْنِ أَبِي ثَابِتٍ عَنْ عَامِرِ بْنِ وَاثِلَةَ عن زيد بن أرقم قال :
لَماَّ رَجَعَ رَسولُ الله صلى الله عليه و سلم مِنْ حَجَّةِ الوِداَعِ وَنَزَلَ غَدِيرَ خُم أَمَرَ بِدَوحاَت فَقَمَتَّ ثُمَّ قاَلَ فَقاَلَ : كَأَنِّي قَد دُعِيتُ فَأَجِبتُ إِنِّي تاَرِكٌ فِيكُمُ الثَّقَلَيْنِ أَحَدُهُمَا أَكْبَرُ مِنَ الآخَرِ كِتَابُ اللهِ ، وَعِتْرَتِي أَهْلُ بَيْتِي فَانْظُرُوا كَيْفَ تَخْلُفُونِي فِيهِمَا ؟ فَإِنَّهُمَا لَنْ يَتَفَرَّعاَ حَتَى يَرِدَا عَلَيَّ الْحَوْضَ ثُمَّ قاَلَ : إِنَّ اللهَ مَوْلاَيَ ، وَأَنَا وَلِيُّ كُلِّ مُؤْمِنٍ ثُمَّ أَخَذَ بِيَدِ عَلِيٍّ ، فَقَالَ: مَنْ كُنْتُ مَوْلَاهُ فَهَذَا مَوْلَاهُ اللَّهُمَّ وَالِ مَنْ وَالَاهُ وَعَادِ مَنْ عَادَاهُ

فَقُلْتُ لِزَيْدٍ سَمِعْتَهُ مِنْ رَسُولِ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ فَقاَلَ ماَ كاَنَ فِي الدَّوْحاَتِ أَحَدٌ إِلاَّ رَآهُ بِعَيْنَيْهِ وَسَمِعَهُ بِأُذُنَيْهِ
المعجم الكبير  للطبراني   ج 5 / ص 166


มุฮัมมัด บินฮัยยาน อัลมาซินี เล่าให้เราฟัง  กะษีร บินยะห์ยาเล่าให้เราฟัง อบูอิวานะฮ์ เล่าให้เราฟัง  และสะอีด บินอับดุลกะรีม บินสะลีฏ อัลฮะนะฟี  จาก(สุลัยมาน) อัลอะอ์มัช จากหะบีบ  บินอบีษาบิต  จากอามิร บินวาษิละฮ์(อบูตุฟัยล์) จาก

ท่านเซด บินอัรก็อม เล่าว่า :

เมื่อท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)กลับจากการทำฮัจญ์ครั้งสุดท้าย และท่านได้แวะพักที่เฆาะดีรคุม ท่านสั่งให้(พักตรง)ต้นไม้ใหญ่ แล้วสั่งให้กวาด(ลานให้สะอาด)  แล้วท่านได้ปราศัยว่า :  ดูเหมือนว่าฉันถูกเรียก(กลับแล้ว) และฉันได้ตอบรับแล้ว แท้จริงฉันได้มอบไว้แก่พวกท่านสิ่งหนักสองสิ่ง สิ่งแรกใหญ่กว่าอีกสิ่งหนึ่งคือ

(1) กิตาบุลเลาะฮ์ (อัลกุรอาน) และ (2) อิตเราะตี คืออะฮ์ลุลบัยต์ของฉัน  

ดังนั้นพวกท่านจงดูเถิดว่า พวกท่านจะขัดแย้งกับฉันในสองสิ่งนี้อย่างไร เพราะแท้จริงสองสิ่งนี้จะไม่แยกจากกัน จนกว่าทั้งสองจะกลับมาหาฉันที่อัลเฮาฎ์(สระเกาษัร)
จากนั้นท่าน (ศ)ได้กล่าวว่า :  แท้จริงอัลลอฮ์ทรงเป็นผู้คุ้มครองของฉัน  และฉันเป็นผู้ปกครองของผู้ศรัทธาทุกคน  จากนั้น ท่าน(ศ)ได้จับมือท่านอะลี(ชูขึ้นเหนือศรีษะ) แล้วกล่าวว่า :

บุคคลใดก็ตามที่ฉันเป็นผู้ปกครองของเขา  ดังนั้นอะลีก็เป็นผู้ปกครองของเขา  

โอ้อัลลอฮ์โปรดรักผู้ที่เป็นมิตรต่อเขา และโปรดชิงชังผู้ที่เป็นศัตรูต่อเขา


ฉัน(อบีตุฟัยล์)จึงพูดกับเซดว่า ท่านได้ยินมันจากท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)หรือ  เขากล่าวว่า ไม่มีคนใดอยู่ในบริเวณต้นไม้นั้น นอกจากเขาได้เห็นมันด้วยตาของเขาและได้ยินด้วยหูของเขาเอง  


ดูหนังสือ

อัลมุอ์ญัม อัลกะบีร  โดยอัฏ ฏ็อบรอนี  หะดีษที่ 4969



วิจารณ์สะนัดหะดีษ

อุละมาอ์ซุนนี่ ได้ตรวจสอบสะนัดหะดีษบทที่ 4969 และวิจารณ์ไว้ดังนี้คือ

وفي رواية : لما رجع رسول الله صلى الله عليه و سلم من حجة الوداع ونزل غدير خم أمر بدوحات فقممن ثم قام فقال : \\\" كأني قد دعيت فأجبت \\\"
 وقال في آخره : فقلت لزيد : أنت سمعته من رسول الله صلى الله عليه و سلم ؟ فقال : ما كان في الدوحات أحد إلا رآه بعينيه وسمعه بأذنيه صلى الله عليه و سلم
 
قُلْتُ : فِي الصحيح طرف منه وفي الترمذي منه : \\\" من كنت مولاه فعلي مولاه \\\"
رواه الطبراني . وفي سند الأول والثاني : حَكِيمُ بْنُ جُبَيْرٍ وهو ضعيف
مجمع الزوائد ومنبع الفوائد  لنور الدين علي بن أبي بكر الهيثمي  ج 9  ص 258 ح 14965


อัลฮัยษะมีกล่าวในหนังสือมัจญ์มะอุซ-ซะวาอิด เล่ม 9 : 258 หะดีษ 14965 ว่า

رواه الطبراني . وفي سند الأول والثاني : حَكِيمُ بْنُ جُبَيْرٍ وهو ضعيف

อัฏ ฏ็อบรอนีรายงานหะดีษนี้ และในสะนัดของหะดีษที่หนึ่ง(คือที่ 4969 ) และหะดีษที่สอง มันมีสถานะ  " ดออีฟ "

เพราะ ฮะกีม บินญูเบร  เขามีสถานะ ดออีฟ (ในการรายงาน)


เรามาทบทวนด้วยการอ่านสะนัดหะดีษที่ 4969 พร้อมกันอีกครั้งหนึ่งดังนี้

มุฮัมมัด บินฮัยยาน อัลมาซินี เล่าให้เราฟัง  กะษีร บินยะห์ยาเล่าให้เราฟัง อบูอิวานะฮ์ เล่าให้เราฟัง  

และสะอีด บินอับดุลกะรีม บินสะลีฏ อัลฮะนะฟี  จาก(สุลัยมาน) อัลอะอ์มัช จากหะบีบ  บินอบีษาบิต  จากอามิร บินวาษิละฮ์(อบูตุฟัยล์)

จาก ท่านเซด บินอัรก็อม เล่าว่า :


สะนัดข้างบนนี้ ไม่มีนักรายงานชื่อ  " ฮะกีม บินญุบัยร์ -  حَكِيمُ بْنُ جُبَيْرٍ "  ใช่ไหมครับ ?



แต่นักรายงานชื่อ ฮะกีม บินญุเบร คนนี้ไปปรากฏอยู่ในหะดีษที่ 4971 นี้

حدثنا محمد بن عبد الله الحضرمي ثنا جعفر بن حميد ( ح ) وحدثنا محمد بن عثمان بن أبي شيبة حدثنا النضر بن سعيد أبو صهيب قالا ثنا عبد الله بن بكير عن حَكِيمِ بْنِ جُبَيْرٍ عن أبي الطفيل عن زيد بن أرقم قال : نزل النبي صلى الله عليه و سلم يوم الجحفة...
المعجم الكبير  ج 5 / ص 166

มุฮัมมัด บินอับดุลลอฮ์ อัลฮัฎร่อมีเล่าให้เราฟัง  ญะอ์ฟัร บินหุมัยดฺเล่าให้เราฟัง  มุฮัมมัด บินอุษมาน บินอบีชัยบะฮ์เล่าให้เราฟัง  

อันนัฎรุ บินสะอีด อบูศุฮัยบฺ ทั้งสองเล่าว่า  อับดุลลอฮ์ บินบุกัยรฺเล่าให้เราฟัง  จาก " ฮะกีม บินญุเบร "  

จากอบิต ตุฟัยลฺ จากเซด บินอัรก็อม เล่าว่า...



เราจึงพอจับใจความได้ว่า

เหตุผลเดียวที่อัลฮัยษะมี ตัดสินว่า  หะดีษที่ 4969  มีสถานะ " ดออีฟ "

เพราะมีนักรายชื่อ " ฮะกีม บินญุเบร "    


แต่ว่าในหะดีษที่ 4969  ไม่มีคนชื่อ " ฮะกีม "  ดังนั้นหะดีษที่ 4969 จึงไม่อยู่ในสถานะ ดออีฟ  

แล้วทำไมอัลฮัยษะมีจึงบอกว่า ดออีฟ  เรามองได้สองด้านคือ

1.   อัลฮัยษะมี  ตรวจพลาด
2.   อัลฮัยษะมี  คงเข้าใจผิดคิดว่าสะนัดหะดีษที่ 4969 นั้นเป็นสะนัดเดียวกันกลับหะดีษที่ 4971


บทสรุปคือ  

หะดีษที่ 4969 ในหนังสืออัลมุอ์ญัม อัลกะบีร ที่ท่านฏ็อบรอนีบันทึกนั้น  " ไม่ดออีฟ "

والحمد لله وصلي الله علي محمد وآله وسلم
ชื่อ: Re:วิจัย มะตั่นและสะนัด วะซียะฮ์ของนบีมุฮัมมัด (ศ)
โดย: L-umar เมื่อ ตุลาคม 22, 2009, 05:15:56 หลังเที่ยง

อัลอาญุรรี  คนหมู่บ้านอาญูรแห่งเมืองแบกแดด  มรณะฮ.ศ. 360  ได้บันทึกว่า


حَدَّثَنَا أَبُو بَكْرِ بْنُ أبي داود قال : حَدَّثَنِي عَمِّي مُحَمَّدُ بْنُ الْأَشْعَثِ قاَلَ : حدثنا زَيْدُ بْن عَوْف قال : حَدَّثَنَا أَبُو عَوَانَةَ ، عَنِ الْأَعْمَشِ قَالَ: حَدَّثَنَا حَبِيبُ بْنُ أَبِي ثَابِتٍ ، عَنْ عَامِرِ بْنِ وَاثِلَةَ ، عَنْ زَيْدِ بْنِ أَرْقَمَ قاَلَ :
لما رجع رسول الله صلى الله عليه وسلم من حجة الوداع ونزل غدير خم ، وأمر بدوحات فقممن ، ثم قام فقال : « كأني قد دعيت فأجبت ، وإني قد تركت فيكم الثقلين ، أحدهما كتاب الله عز وجل ، وعترتي أهل بيتي ، انظروا كيف تخلفونني فيهما ، إنهما لن يفترقا حتى يردا علي الحوض » ثم قال : « إن الله عز وجل مولاي ، وأنا مولى كل مؤمن » ثم أخذ بيد علي بن أبي طالب رضي الله عنه فقال : « من كنت وليه فهذا وليه اللهم وال من والاه وعاد من عاداه » قال : فقلت لزيد بن أرقم : أنت سمعت هذا من رسول الله صلى الله عليه وسلم ؟ قال : ما كان في الدوحات أحد إلا قد رآه بعينه وسمعه بأذنه
الشريعة للآجري   ج 4 / ص 393


อบูบักร บินอบีดาวูด เล่าให้เราฟัง เขากล่าวว่า มุฮัมมัด บินอัลอัชอัษ ลุงของฉันเล่าให้ฉันฟัง เขากล่าวว่า เซด บินเอาฟ์ เล่าให้เราฟัง เขากล่าวว่า อบูอิวานะฮ์เล่าให้เราฟัง จาก(สุลัยมาน)อัลอะอ์มัช เขากล่าวว่า  หะบีบ บินอบีษาบิต เล่าให้เราฟัง  จากอามิร บินวาษิละฮ์(อบูตุฟัยล์) จากท่านเซด บินอัรก็อม เล่าว่า :

เมื่อท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)กลับจากการทำฮัจญ์ครั้งสุดท้าย และท่านได้แวะพักที่เฆาะดีรคุม ท่านสั่งให้(พักตรง)ต้นไม้ใหญ่ แล้วสั่งให้กวาด(ลานให้สะอาด)  แล้วท่านได้ปราศัยว่า :  ดูเหมือนว่าฉันถูกเรียก(กลับแล้ว) และฉันได้ตอบรับแล้ว แท้จริงฉันได้มอบไว้แก่พวกท่านสิ่งหนักสองสิ่ง สิ่งแรกใหญ่กว่าอีกสิ่งหนึ่งคือ

(1) กิตาบุลเลาะฮ์ (อัลกุรอาน) และ (2) อิตเราะตี คืออะฮ์ลุลบัยต์ของฉัน  
ดังนั้นพวกท่านจงดูเถิดว่า พวกท่านจะขัดแย้งกับฉันในสองสิ่งนี้อย่างไร เพราะแท้จริงสองสิ่งนี้จะไม่แยกจากกัน จนกว่าทั้งสองจะกลับมาหาฉันที่อัลเฮาฎ์(สระเกาษัร)
จากนั้นท่าน (ศ)ได้กล่าวว่า :  แท้จริงอัลลอฮ์ทรงเป็นผู้คุ้มครองของฉัน  และฉันเป็นผู้ปกครองของผู้ศรัทธาทุกคน  จากนั้น ท่าน(ศ)ได้จับมือท่านอะลี(ชูขึ้นเหนือศรีษะ) แล้วกล่าวว่า :

บุคคลใดก็ตามที่ฉันเป็นผู้ปกครองของเขา  ดังนั้นอะลีก็เป็นผู้ปกครองของเขา  

โอ้อัลลอฮ์โปรดรักผู้ที่เป็นมิตรต่อเขา และโปรดชิงชังผู้ที่เป็นศัตรูต่อเขา


ฉัน(อบีตุฟัยล์)จึงพูดกับเซดว่า ท่านได้ยินมันจากท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)หรือ  เขากล่าวว่า ไม่มีคนใดอยู่ในบริเวณต้นไม้นั้น นอกจากเขาได้เห็นมันด้วยตาของเขาและได้ยินด้วยหูของเขาเอง  

ดูกิตาบ อัช ชะรีอะฮ์  โดยอัลอาญุรรี  เล่ม 4 : 393  หะดีษ 1659


อัลอาญุรรี อาเล่มแห่งอะฮ์ลุสสุสนะฮ์คนนี้ยังกล่าวในตอนท้ายๆหะดีษนี้ว่า

فيدل على أن خطبة النبي صلى الله عليه وسلم في حجة الوداع بمنى ، وأمر أمته بالتمسك بكتاب الله عز وجل وبسنته صلى الله عليه وسلم ، وفي رجوعه من هذه الحجة بغدير خم فأمر أمته بكتاب الله والتمسك به وبمحبة أهل بيته ، وبموالاة علي بن أبي طالب رضي الله عنه ،
الشريعة للآجري  ج 4 / ص 393


[color=](หะดีษนี้)แสดงว่า แท้จริงคำปราศรัยของท่านนบี(ศ)ในหัจญะตุลวิดาอ์ที่มินาคือ  ท่านได้สั่งประชาชาติของท่าน ด้วยการยึดมั่นต่อกิตาบุลเลาะฮ์  และต่อซุนนะฮ์ของท่าน
และในตอนขากลับของท่านจากการประกอบพิธีหัจญ์ครั้งนี้  ณ.ที่เฆาะดีรคุม  ท่านก็ได้สั่งประชาชาติของท่านต่อกิตาบุลเลาะฮ์ และให้ยึดมั่นต่อคัมภีร์นั้น และให้มีความรักต่ออะฮ์ลุลบัยต์ของท่าน และมีมุวาล๊าต(มีความรัก)ต่อท่านอะลี บินอบีตอลิบ

อ้างอิงจากหนังสือ
อัช ชะรีอะฮ์  โดยอัลอาญุรรี  เล่ม 4 : 393  [/color]


วิจารณ์

หนึ่ง-
ท่านรอซูล(ศ)กล่าวว่า แท้จริงฉันได้มอบไว้แก่พวกท่านสิ่งหนักสองสิ่ง...
(1) กิตาบุลเลาะฮ์ (2) อิตเราะตี คืออะฮ์ลุลบัยต์ของฉัน  
จงดูเถิดว่า พวกท่านจะขัดแย้งกับฉันในสองสิ่งนี้อย่างไร เพราะแท้จริงสองสิ่งนี้จะไม่แยกจากกัน

ผมแปลกใจคำอธิบายของท่านอาญุรรีจริงๆ  หะดีษระบุว่า " สองสิ่งคือกิตาบกับอะฮ์ลุลบัยต์จะไม่แยกจากกันเด็ดขาด "  แต่ท่านอาญุรรีแยกออกเฉยเลยคือ
ท่านอธิบายว่า
ให้ยึดมั่นปฏิบัติตามกิตาบุลเลาะฮ์
แต่ให้แสดงความรักต่ออะฮ์ลุลบัยต์

ทั้งๆที่ท่านรอซูล(ศ)อุตส่าห์ย้ำว่า สองสิ่งนี้จะไม่แยกจากกัน  
ท่านทราบไหมว่า ทำไมอุละมาอ์ซุนนี่ต้องอธิบายความหมายออกมาแบบนี้  ?
คำตอบคือ หากอธิบายว่า จำเป็นต้องปฏิบัติตามกิตาบและอะฮ์ลุลบัยต์  ก็คงไม่มีมัซฮับอะฮ์ลุลสุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ โผล่ออกมาหรอกครับ

คงจะมีก็แต่มัซฮับกิตาบวะอะฮ์ลุลบัยต์เท่านั้น...

สอง-
]อัลอาญุรรี ไม่ได้วิจารณ์ว่า หะดีษนี้ ดออีฟ แต่กลับนำมันมาอ้างอิง เพียงแค่นี้ก็พอแล้วครับ

والحمد لله وصلي الله علي محمد وآله وسلم
ชื่อ: Re:วิจัย มะตั่นและสะนัด วะซียะฮ์ของนบีมุฮัมมัด (ศ)
โดย: L-umar เมื่อ ตุลาคม 22, 2009, 05:41:11 หลังเที่ยง


ตอนต่อไป  เราจะนำเสนอหะดีษนี้จาก



ตัฟสีรของอะฮ์ลุสสุนนะฮ์


หนังสือประวัติศาสตร์ของอะฮ์ลุสสุนนะฮ์


และปิดท้ายด้วยการสรุปถึง  คำวิจารณ์ต่างๆของบรรดาอุละมาอ์ซุนนี่   ที่ระบุว่า



หะดีษ  กิตาบวะอะฮ์ลุลบัยต์  + หะดีษมันกุนตุเมาลาฮุ ฟะอะลียุนเมาลาฮุ  เป็นหะดีษ เศาะหิ๊ห์


อินชาอัลลอฮ์....
ชื่อ: Re:วิจัย มะตั่นและสะนัด วะซียะฮ์ของนบีมุฮัมมัด (ศ)
โดย: L-umar เมื่อ ตุลาคม 26, 2009, 08:43:02 ก่อนเที่ยง

อัลอะลูซี

ท่านอะลูซี มุฟัสสิรซุนนี่เจ้าของตัฟสีรรูฮุลมะอานี ได้ยกหะดีษเฆาะดีรมากล่าวในวาระที่เขาอรรถาธิบายอายะฮ์นี้

يَا أَيُّهَا الرَّسُولُ بَلِّغْ مَا أُنْزِلَ إِلَيْكَ مِنْ رَبِّكَ وَإِنْ لَمْ تَفْعَلْ فَمَا بَلَّغْتَ رِسَالَتَهُ وَاللَّهُ يَعْصِمُكَ مِنَ النَّاسِ إِنَّ اللَّهَ لَا يَهْدِي الْقَوْمَ الْكَافِرِينَ

ซูเราะฮ์อัลมาอิดะฮ์ อายะฮ์  67 หะดีษที่ว่าคือ

قاَلَ الذَّهَبِيُّ : إِنَّهُ صَحِيْحٌ عَنْ زَيْدِ بْنِ أَرْقَمَ قاَلَ :

لَمَّا رَجَعَ رَسُولُ اللهِ صلى الله عليه وسلم مِنْ حَجَّةِ الْوَدَاعِ ، وَنَزَلَ غَدِيرَ خُمٍّ ، أَمَرَ بِدَوْحَاتٍ فَقُمِمْنَ ، ثُمَّ قاَلَ :\\\" كأني قد دعيت فأجبت إني قد تركت فيكم الثقلين كتاب الله تعالى وعترتي أهل بيتي ، فانظروا كيف تخلفوني فيهما فإنهما لن يفترقا حتى يردا عليَّ الحوض ، الله تعالى مولاي وأنا ولي كل مؤمن ، ثم أخذ بيد علي كرم الله تعالى وجهه فقال : من كنت مولاه فهذا وليه اللهم وال من والاه وعاد من عاداه \\\" ،

فما كان في الدوحات أحد إلا رآه بعينيه وسمعه بأذنيه .

تفسير الألوسي  ج 5 ص 68 انظر سورة المائدة  الآية 67


ท่านเซด บินอัรก็อมเล่าว่า :

เมื่อท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)กลับจากการทำฮัจญ์ครั้งสุดท้าย และท่านได้แวะพักที่เฆาะดีรคุม ท่านสั่งให้(พักตรง)ต้นไม้ใหญ่ แล้วสั่งให้กวาด(ลานให้สะอาด)  แล้วท่านได้ปราศัยว่า :  ดูเหมือนว่าฉันถูกเรียก(กลับแล้ว) และฉันได้ตอบรับแล้ว แท้จริงฉันได้มอบไว้แก่พวกท่านสิ่งหนักสองสิ่ง สิ่งแรกใหญ่กว่าอีกสิ่งหนึ่งคือ
(1) กิตาบุลเลาะฮ์ (อัลกุรอาน) และ (2) อิตเราะตี คืออะฮ์ลุลบัยต์ของฉัน  
ดังนั้นพวกท่านจงดูเถิดว่า พวกท่านจะขัดแย้งกับฉันในสองสิ่งนี้อย่างไร เพราะแท้จริงสองสิ่งนี้จะไม่แยกจากกัน จนกว่าทั้งสองจะกลับมาหาฉันที่อัลเฮาฎ์(สระเกาษัร)
จากนั้นท่าน (ศ)ได้กล่าวว่า :  แท้จริงอัลลอฮ์ทรงเป็นผู้คุ้มครองของฉัน  และฉันเป็นผู้ปกครองของผู้ศรัทธาทุกคน  จากนั้น ท่าน(ศ)ได้จับมือท่านอะลี(ชูขึ้นเหนือศรีษะ) แล้วกล่าวว่า :
บุคคลใดก็ตามที่ฉันเป็นผู้ปกครองของเขา  ดังนั้นอะลีก็เป็นผู้ปกครองของเขา  
โอ้อัลลอฮ์โปรดรักผู้ที่เป็นมิตรต่อเขา และโปรดชิงชังผู้ที่เป็นศัตรูต่อเขา

ฉัน(อบีตุฟัยล์)จึงพูดกับเซดว่า ท่านได้ยินมันจากท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)หรือ  เขากล่าวว่า ไม่มีคนใดอยู่ในบริเวณต้นไม้นั้น นอกจากเขาได้เห็นมันด้วยตาของเขาและได้ยินด้วยหูของเขาเอง  


อ้างอิงจาก

ตัฟสีรรูฮุลบะยาน  เล่ม 5 : 68 ดูซูเราะฮ์อัลมาอิดะฮ์  อายะฮ์ 67


ท่านอะลูซีได้ถ่ายทอดคำพูดของท่านซะฮะบีที่รับรองว่า หะดีษนี้ " เศาะหิ๊หฺ "  

ปัญหาของนักตัฟสีรซุนนี่คนนี้คือ  เขาไม่ยอมรับว่าคำ " เมาลา " ในหะดีษนี้แปลว่า ผู้ปกครอง

ซึ่งเราจะได้อธิบายกันต่อไป  
ชื่อ: Re:วิจัย มะตั่นและสะนัด วะซียะฮ์ของนบีมุฮัมมัด (ศ)
โดย: L-umar เมื่อ ตุลาคม 26, 2009, 08:47:17 ก่อนเที่ยง

อิบนุกะษีร

เขาได้เล่าว่า อันนะซาอีได้รายงานไว้ในตำราสุนันของเขา  (อันมีสายรายงานมา)จาก มุฮัมมัด บินอัลมุษันนา จากยะห์ยา บินหัมมาด จากอบีมุอาวียะฮ์ จากอัลอะอ์มัช จากหะบีบ บินอบีษาบิต จากอบิต ตุฟัยล์

وقد روى النسائي في سننه عن محمد بن المثنى عن يحيى بن حماد عن أبي معاوية عن الأعمش عن حبيب بن ابي ثابت عن أبي الطفيل

عن زيد بن ارقم قال : لما رجع رسول الله من حجة الوداع ونزل غدير حم أمر بدوحات فقممن
ثم قال كأني قد دعيت فأجبت اني قد تركت فيكم الثقلين كتاب الله وعترتي أهل بيتي فانظروا كيف تخلفوني فيهما فانهما لن يفترقا حتى يردا علي الحوض ثم قال الله مولاي وأنا ولي كل مؤمن ثم أخذ بيد علي فقال من كنت مولاه فهذا وليه اللهم وال من والاه وعاد من عاداه فقلت لزيد سمعته من رسول الله صلى الله عليه و سلم

فقال ما كان في الدوحات أحد إلا رآه بعينيه وسمعه بأذنيه تفرد به النسائي من هذا الوجه

قال شيخنا أبو عبد الله الذهبي وهذا حديث صحيح

كتاب : البداية والنهاية لابن كثير  ج 5  ص 209


จากท่านเซด บินอัรก็อมเล่าว่า :

เมื่อท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)กลับจากการทำฮัจญ์ครั้งสุดท้าย และท่านได้แวะพักที่เฆาะดีรคุม ท่านสั่งให้(พักตรง)ต้นไม้ใหญ่ แล้วสั่งให้กวาด(ลานให้สะอาด)  แล้วท่านได้ปราศัยว่า :  ดูเหมือนว่าฉันถูกเรียก(กลับแล้ว) และฉันได้ตอบรับแล้ว แท้จริงฉันได้มอบไว้แก่พวกท่านสิ่งหนักสองสิ่ง สิ่งแรกใหญ่กว่าอีกสิ่งหนึ่งคือ

(1) กิตาบุลเลาะฮ์ (อัลกุรอาน) และ (2) อิตเราะตี คืออะฮ์ลุลบัยต์ของฉัน  

ดังนั้นพวกท่านจงดูเถิดว่า พวกท่านจะขัดแย้งกับฉันในสองสิ่งนี้อย่างไร เพราะแท้จริงสองสิ่งนี้จะไม่แยกจากกัน จนกว่าทั้งสองจะกลับมาหาฉันที่อัลเฮาฎ์(สระเกาษัร)
จากนั้นท่าน (ศ)ได้กล่าวว่า :  แท้จริงอัลลอฮ์ทรงเป็นผู้คุ้มครองของฉัน  และฉันเป็นผู้ปกครองของผู้ศรัทธาทุกคน  จากนั้น ท่าน(ศ)ได้จับมือท่านอะลี(ชูขึ้นเหนือศรีษะ) แล้วกล่าวว่า :

บุคคลใดก็ตามที่ฉันเป็นผู้ปกครองของเขา  ดังนั้นอะลีก็เป็นผู้ปกครองของเขา  
โอ้อัลลอฮ์โปรดรักผู้ที่เป็นมิตรต่อเขา และโปรดชิงชังผู้ที่เป็นศัตรูต่อเขา

ฉัน(อบีตุฟัยล์)จึงพูดกับเซดว่า ท่านได้ยินมันจากท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)หรือ  เขากล่าวว่า ไม่มีคนใดอยู่ในบริเวณต้นไม้นั้น นอกจากเขาได้เห็นมันด้วยตาของเขาและได้ยินด้วยหูของเขาเอง  


อ้างอิงจาก

อัลบิดายะฮ์ วันนิฮายะฮ์ เล่ม 5 : 209


อิบนุกะษีรยังได้กล่าวว่า
 
قال شيخنا أبو عبد الله الذهبي وهذا حديث صحيح

ท่านเชคของเรา คืออบูอับดุลลอฮ์ อัซ ซะฮะบีได้กล่าวว่า หะดีษนี้ " เศาะหิ๊หฺ "
ชื่อ: Re:วิจัย มะตั่นและสะนัด วะซียะฮ์ของนบีมุฮัมมัด (ศ)
โดย: L-umar เมื่อ ตุลาคม 26, 2009, 08:55:55 ก่อนเที่ยง

อัซ – ซะฮะบี กับหะดีษษะเกาะลัยน์ + หะดีษเฆาะดีร  

عن زيد بن أرقم قال : لمّا رجع رسول الله صلّى الله عليه وسلّم من حجّة الوداع، ونزل غدير خمّ، أمر بدوحات فقممن، ثم قال :كأنّي دعيت فأجبت، إنّي قد تركت فيكم الثقلين : كتاب الله وعترتي أهل بيتي، فانظروا كيف تخلفوني فيهما، فإنّهما لن يفترقا حتّى يردا عليَّ الحوض.
ثم قال : إنّ الله مولاي وأنا وليّ كلّ مؤمن، ثم أخذ بيد عليّ فقال : من كنت مولاه فهذا وليه، اللّهم وال من والاه، وعاد من عاداه.
فقلت لزيد بن أرقم : سمعته من رسول الله ؟! فقال : ما كان في الدوحات أحد الاّ رآه بعينيه وسمعه باُذنيه.
(قال الذهبي) هذا إسناد قوي،

رسالة طرق حديث من كنت مولاه فهذا علي مولاه للإمام الذهبي  ج 1 ص 15 ح 65


ท่านอบุต ตุฟัยล์เล่าว่า :

เมื่อท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)กลับจากการทำฮัจญ์ครั้งสุดท้าย และท่านได้แวะพักที่เฆาะดีรคุม ท่านสั่งให้(พักตรง)ต้นไม้ใหญ่ แล้วสั่งให้กวาด(ลานให้สะอาด)  แล้วท่านได้ปราศัยว่า :  ดูเหมือนว่าฉันถูกเรียก(กลับแล้ว) และฉันได้ตอบรับแล้ว แท้จริงฉันได้มอบไว้แก่พวกท่านสิ่งหนักสองสิ่ง สิ่งแรกใหญ่กว่าอีกสิ่งหนึ่งคือ
(1) กิตาบุลเลาะฮ์ (อัลกุรอาน) และ (2) อิตเราะตี คืออะฮ์ลุลบัยต์ของฉัน  
ดังนั้นพวกท่านจงดูเถิดว่า พวกท่านจะขัดแย้งกับฉันในสองสิ่งนี้อย่างไร เพราะแท้จริงสองสิ่งนี้จะไม่แยกจากกัน จนกว่าทั้งสองจะกลับมาหาฉันที่อัลเฮาฎ์(สระเกาษัร)
จากนั้นท่าน (ศ)ได้กล่าวว่า :  แท้จริงอัลลอฮ์ทรงเป็นผู้คุ้มครองของฉัน  และฉันเป็นผู้ปกครองของผู้ศรัทธาทุกคน  จากนั้น ท่าน(ศ)ได้จับมือท่านอะลี(ชูขึ้นเหนือศรีษะ) แล้วกล่าวว่า :
บุคคลใดก็ตามที่ฉันเป็นผู้ปกครองของเขา  ดังนั้นอะลีก็เป็นผู้ปกครองของเขา  
โอ้อัลลอฮ์โปรดรักผู้ที่เป็นมิตรต่อเขา และโปรดชิงชังผู้ที่เป็นศัตรูต่อเขา

ฉัน(อบีตุฟัยล์)จึงพูดกับเซดว่า ท่านได้ยินมันจากท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)หรือ  เขากล่าวว่า ไม่มีคนใดอยู่ในบริเวณต้นไม้นั้น นอกจากเขาได้เห็นมันด้วยตาของเขาและได้ยินด้วยหูของเขาเอง  


อ้างอิงจาก

ริซาละฮ์  ตุรุก หะดีษ มันกุนตุเมาลาฮุ ฟะฮาซาอะลียุน เมาลาฮุ  

โดยอัซซะฮะบี  เล่ม 1 : 15 หะดีษ 65


และหะดีษที่  66  อัซ ซะฮะบีกล่าวว่า เป็นหะดีษ ฮาซัน (ดี)

عن زيد بن أرقم قال : قام فينا رسول الله صلّى الله عليه وسلّم، فحمد الله وأثنى عليه، ثم قال : ألستم تعلمون «أنّي» أولى بكم بكل مؤمن ومؤمنة من نفسه ؟ فأي من كنت مولاه فهذا مولاه، وأخذ بيد عليّ.
زاد شعبة، عن ميمون قال : فحدّثني بعض القوم، عن زيد أنّ رسول الله صلّى الله عليه وسلّم قال : اللّهم وال من والاه وعاد من عاداه.
هذا حديث حسن.
رسالة طرق حديث من كنت مولاه فهذا علي مولاه للإمام الذهبي  ج 1 ص 16 ح 66

อบุต ตุฟัยล์เล่าว่า :
เมื่อท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)กลับจากการทำฮัจญ์ครั้งสุดท้าย และท่านได้แวะพักที่เฆาะดีรคุม ท่านสั่งให้(พักตรง)ต้นไม้ใหญ่ แล้วสั่งให้กวาด(ลานให้สะอาด)  แล้วท่านได้ปราศัยว่า :  ดูเหมือนว่าฉันถูกเรียก(กลับแล้ว) และฉันได้ตอบรับแล้ว แท้จริงฉันได้มอบไว้แก่พวกท่านสิ่งหนักสองสิ่ง สิ่งแรกใหญ่กว่าอีกสิ่งหนึ่งคือ
(1) กิตาบุลเลาะฮ์ (อัลกุรอาน) และ (2) อิตเราะตี คืออะฮ์ลุลบัยต์ของฉัน  
ดังนั้นพวกท่านจงดูเถิดว่า พวกท่านจะขัดแย้งกับฉันในสองสิ่งนี้อย่างไร เพราะแท้จริงสองสิ่งนี้จะไม่แยกจากกัน จนกว่าทั้งสองจะกลับมาหาฉันที่อัลเฮาฎ์(สระเกาษัร)
จากนั้นท่าน (ศ)ได้กล่าวว่า :  แท้จริงอัลลอฮ์ทรงเป็นผู้คุ้มครองของฉัน  และฉันเป็นผู้ปกครองของผู้ศรัทธาทุกคน  จากนั้น ท่าน(ศ)ได้จับมือท่านอะลี(ชูขึ้นเหนือศรีษะ) แล้วกล่าวว่า :
บุคคลใดก็ตามที่ฉันเป็นผู้ปกครองของเขา  ดังนั้นอะลีก็เป็นผู้ปกครองของเขา  
โอ้อัลลอฮ์โปรดรักผู้ที่เป็นมิตรต่อเขา และโปรดชิงชังผู้ที่เป็นศัตรูต่อเขา

ฉัน(อบีตุฟัยล์)จึงพูดกับเซดว่า ท่านได้ยินมันจากท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)หรือ  เขากล่าวว่า ไม่มีคนใดอยู่ในบริเวณต้นไม้นั้น นอกจากเขาได้เห็นมันด้วยตาของเขาและได้ยินด้วยหูของเขาเอง.



จะเห็นได้ว่า อัซ-ซะฮะบี รับรองว่า หะดีษษะเกาะลัยน์กับหะดีษเฆาะดีรนั้น ถูกต้อง

เพราะฉะนั้นปัญหาเหลืออยู่ที่คำ " เมาลา " ว่าควรแปลว่าอะไร ?
ซึ่งเราจะได้อธิบายกันต่อไป  
ชื่อ: Re:วิจัย มะตั่นและสะนัด วะซียะฮ์ของนบีมุฮัมมัด (ศ)
โดย: L-umar เมื่อ ตุลาคม 26, 2009, 09:01:36 ก่อนเที่ยง
เชคมุฮัมมัด นาศิรุดดีนอัลบานี  กับหะดีษษะเกาะลัยน์ + หะดีษเฆาะดีร

 
عَنْ أَبِي الطُّفَيْلِ رَضِيَ اللهُ عَنْهُ قَالَ :
لَمَّا دَفَعَ النَّبِيُّ صَلَّي اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّم مِنْ حَجَّةِ الْوِدَاعِ وَنَزَلَ غَدِيْرَ خُمٍّ أَمَرَ بِدَوْحَاتٍ فَقُمِمْنَ ثُمَّ قَالَ : كَأَنِّيْ دُعِيْتُ فَأَجِبْتُ وَإِنِّيْ تَارِكٌ فِيْكُمُ الثَّقَلَيْنِ أَحَدَهُمَا أَكْبَرُ مِنَ الْآخَرِ : كِتَابُ اللهِ وَعِتْرَتِيْ أَهْلُ بَيْتِيْ فَانْظُرُوْا كَيْفَ تُخْلِفُوْنِيْ فِيْهِمَا  فَإِنَّهُمَا لَنْ يَتَفَرَقَا حَتَّي يَرِدَا عَلَيَّ الْحَوْضَ     ثُمَّ قَالَ : إِنَّ اللهَ مَوْلاَيَ وَأَنَا وَلِيُّ كُلِّ مُؤْمِنٍ  ثُمَّ إِنَّهُ أَخَذَ بِيَدِ عَلِيٍّ رَضِيَ اللهُ عَنْهُ فَقَالَ : مَنْ كُنْتُ وَلِيَّهُ فَهَذَا وَلِيَّهُ  اللّهُمَّ وَالِ مَنْ وَالاَهُ وَعَادِ مَنْ عَادَاهُ

كتاب : سِلْسِلَةُ الْأَحَادِيْثِ الصَّحِيْحَةِ
 
ج : 4 ص: 330  ح : 1750  

مُحَمَّد نَاصِرُ الدِّيْنِ الأَلْبَانِيّ نَوْعُ الْحَدِيْثِ : صَحِيْح


อบุต ตุฟัยล์เล่าว่า :

เมื่อท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)กลับจากการทำฮัจญ์ครั้งสุดท้าย และท่านได้แวะพักที่เฆาะดีรคุม ท่านสั่งให้(พักตรง)ต้นไม้ใหญ่ แล้วสั่งให้กวาด(ลานให้สะอาด)  แล้วท่านได้ปราศัยว่า :  ดูเหมือนว่าฉันถูกเรียก(กลับแล้ว) และฉันได้ตอบรับแล้ว แท้จริงฉันได้มอบไว้แก่พวกท่านสิ่งหนักสองสิ่ง สิ่งแรกใหญ่กว่าอีกสิ่งหนึ่งคือ

(1) กิตาบุลเลาะฮ์ (อัลกุรอาน) และ (2) อิตเราะตี คืออะฮ์ลุลบัยต์ของฉัน  

ดังนั้นพวกท่านจงดูเถิดว่า พวกท่านจะขัดแย้งกับฉันในสองสิ่งนี้อย่างไร เพราะแท้จริงสองสิ่งนี้จะไม่แยกจากกัน จนกว่าทั้งสองจะกลับมาหาฉันที่อัลเฮาฎ์(สระเกาษัร)
จากนั้นท่าน (ศ)ได้กล่าวว่า :  แท้จริงอัลลอฮ์ทรงเป็นผู้คุ้มครองของฉัน  และฉันเป็นผู้ปกครองของผู้ศรัทธาทุกคน  จากนั้น ท่าน(ศ)ได้จับมือท่านอะลี(ชูขึ้นเหนือศรีษะ) แล้วกล่าวว่า :

บุคคลใดก็ตามที่ฉันเป็นผู้ปกครองของเขา  ดังนั้นอะลีก็เป็นผู้ปกครองของเขา  

โอ้อัลลอฮ์โปรดรักผู้ที่เป็นมิตรต่อเขา และโปรดชิงชังผู้ที่เป็นศัตรูต่อเขา

ฉัน(อบีตุฟัยล์)จึงพูดกับเซดว่า ท่านได้ยินมันจากท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)หรือ  เขากล่าวว่า ไม่มีคนใดอยู่ในบริเวณต้นไม้นั้น นอกจากเขาได้เห็นมันด้วยตาของเขาและได้ยินด้วยหูของเขาเอง  


สถานะหะดีษ : ซอฮี๊ฮฺ  

ดูซิลซิละตุลอะฮาดีษิซ-ซอฮีฮะฮ์ เล่ม 4 : 330  

หะดีษที่ 1750   ตรวจทานโดยเชคอัลบานี


เชคอัลบานีก็ให้การรับรองว่า หะดีษบทนี้  ถูกต้อง  

แต่ปัญหาของเขาคือคำ  \\\"  เมาลา \\\" ไม่ได้แปลว่า  ผู้ปกครอง

ซึ่งเราจะได้อธิบายกันต่อไป
ชื่อ: Re:วิจัย มะตั่นและสะนัด วะซียะฮ์ของนบีมุฮัมมัด (ศ)
โดย: L-umar เมื่อ ตุลาคม 26, 2009, 11:40:06 ก่อนเที่ยง

ในปีฮ.ศ.ที่ 35

ช่วงที่ท่านอมีรุลมุอ์มีนีน อะลี บินอบีตอลิบ อะลัยฮิสสลามเข้ารับตำแหน่งคอลีฟะฮ์ใหม่ๆนั้น

มีวันหนึ่ง ประชาชนได้รวมตัวกันมาแสดงความยินดีกับท่านในมัสญิดกูฟะฮ์ ซึ่งท่านอะลีได้ยืนอยู่บนมิมบัร  โดยมีซอฮาบะฮ์ส่วนหนึ่งรวมอยู่ด้วย

ท่านอะลีได้ขอให้ซอฮาบะฮ์เหล่านั้นให้คำสาบานต่ออัลลอฮ์โดยช่วยเป็นพยานว่า  พวกเขาเคยได้ยินท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)กล่าวถึงการแต่งตั้งท่านเป็นอะลีเป็นคอลีฟะฮ์ในวันที่อยู่กันณ.เฆาะดีรคุม ปรากฏว่ามีซอฮาบะฮ์ 12 คนลุกขึ้นเป็นพยานว่า พวกเขาได้ยินเรื่องนั้นจริงๆ  

รายชื่อซอฮาบะฮ์ที่เป็นพยานในมัสญิดคือ

1.   อบูอัยยูบ อัลอันศอรี
2.   อบูอัมเราะฮ์ บินอัมรฺ บินมิ๊หฺศิน
3.   อบูซัยนับ อิบนิ เอาฟ์
4.   สะฮัล บินหุนัยฟ์
5.   คุษัยมะฮ์ บินษาบิต
6.   อับดุลลอฮ์ บินษาบิต อัลอันศอรี
7.   หุบชี บินญุนาดะฮ์ อัลส สะลูลี
8.   อุบัยดฺ บินอาซิบ อัลอันศอรี
9.   อัน นุอ์มาน บินอัจญ์ลาน อัลอันศอรี
10.   ษาบิต บินวะดีอะฮ์ อัลอันศอรี
11.   อบู ฟะดอละฮ์ อัลอันศอรี
12.   อับดุลเราะห์มาน บินอับดุ ร็อบ อัลอันศอรี


บรรดาซอฮาบะฮ์เหล่านี้ได้กล่าวว่า พวกเราเคยได้ยินท่านรอซูลุลอฮ์(ศ)กล่าวว่า

บุคคลใดก็ตามที่ฉันเป็นผู้ปกครองของเขา  ดังนั้นอะลีก็เป็นผู้ปกครองของเขา  


มีซอฮาบะฮ์อีกส่วนหนึ่งในมัสญิดกูฟะฮ์ ที่อยู่ในเหตุการณ์วันเฆาะดีรคุม  แต่พวกเขานั่งนิ่งไม่ยอมลุกขึ้นเป็นพยาน ดังรายชื่อต่อไปนี้

1.   อะนัส บินมาลิก เขาอ้างว่าเขาแก่แล้ว จำไม่ค่อยได้
2.   เซด บินอัรก็อม ต่อมาในช่วงวัยชราตาบอดเขาก็รายงานหะดีษนี้อย่างละเอียด
3.   อัลบัรรอ บินอาซิบ ซึ่งต่อมาก็ได้รายงาน
4.   ญะรีร บินอับดุลลอฮ์ อัลบะญะลี
5.   อับดุลเราะห์มาน บินมุดลิจญ์
6.   ยะซีด บินวะดีอะฮ์
ชื่อ: Re:วิจัย มะตั่นและสะนัด วะซียะฮ์ของนบีมุฮัมมัด (ศ)
โดย: L-umar เมื่อ ตุลาคม 26, 2009, 11:42:48 ก่อนเที่ยง

อิหม่ามอะหมัด บินฮัมบัล
 
ได้บันทึกไว้ในตำรามุสนัดของเขาดังนี้

عَنْ زَاذَانَ أَبِي عُمَرَ قَالَ سَمِعْتُ عَلِيًّا فِي الرَّحْبَةِ وَهُوَ يَنْشُدُ النَّاسَ مَنْ شَهِدَ رَسُولَ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ يَوْمَ غَدِيرِ خُمٍّ وَهُوَ يَقُولُ مَا قَالَ فَقَامَ ثَلَاثَةَ عَشَرَ رَجُلًا فَشَهِدُوا أَنَّهُمْ سَمِعُوا رَسُولَ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ وَهُوَ يَقُولُ مَنْ كُنْتُ مَوْلَاهُ فَعَلِيٌّ مَوْلَاهُ
تعليق شعيب الأرنؤوط : صحيح لغيره

ซาซาน อบีอุมัรเล่าว่า  :

ฉันได้ยินท่านอะลีในวันเราะห์บะฮ์ (แสดงความยินดีต่อท่านอะลีในการเข้าดำรงตำแหน่งคอลีฟะฮ์)  ท่านอะลีให้ประชาชนสาบาน ผู้ที่อยู่เห็นท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)ในวันเฆาะดีรคุม และท่านกล่าวในสิ่งที่เขากล่าว   มีชาย 13 คนยืนขึ้น  แล้วพวกเขาได้ให้การเป็นพยานว่า แท้จริงพวกเขาได้ยินท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)กล่าวว่า

บุคคลใดก็ตามที่ฉันเป็นผู้ปกครองของเขา  ดังนั้นอะลีก็เป็นผู้ปกครองของเขา  


สถานะหะดีษ  : เศาะหิ๊หฺ ลิฆ็อยริฮี ดูมุสนัดอะหมัด  หะดีษที่  641

ฉบับตรวจทานโดยเชคชุเอบ อัลอัรนะอูฏี
ชื่อ: Re:วิจัย มะตั่นและสะนัด วะซียะฮ์ของนบีมุฮัมมัด (ศ)
โดย: L-umar เมื่อ ตุลาคม 26, 2009, 11:44:09 ก่อนเที่ยง


عَنِ الْبَرَاءِ بْنِ عَازِبٍ قَالَ
كُنَّا مَعَ رَسُولِ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ فِي سَفَرٍ فَنَزَلْنَا بِغَدِيرِ خُمٍّ فَنُودِيَ فِينَا الصَّلَاةُ جَامِعَةٌ وَكُسِحَ لِرَسُولِ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ تَحْتَ شَجَرَتَيْنِ فَصَلَّى الظُّهْرَ وَأَخَذَ بِيَدِ عَلِيٍّ رَضِيَ اللَّهُ تَعَالَى عَنْهُ فَقَالَ أَلَسْتُمْ تَعْلَمُونَ أَنِّي أَوْلَى بِالْمُؤْمِنِينَ مِنْ أَنْفُسِهِمْ قَالُوا بَلَى قَالَ أَلَسْتُمْ تَعْلَمُونَ أَنِّي أَوْلَى بِكُلِّ مُؤْمِنٍ مِنْ نَفْسِهِ قَالُوا بَلَى قَالَ فَأَخَذَ بِيَدِ عَلِيٍّ فَقَالَ مَنْ كُنْتُ مَوْلَاهُ فَعَلِيٌّ مَوْلَاهُ اللَّهُمَّ وَالِ مَنْ وَالَاهُ وَعَادِ مَنْ عَادَاهُ
قَالَ فَلَقِيَهُ عُمَرُ بَعْدَ ذَلِكَ فَقَالَ هَنِيئًا يَا ابْنَ أَبِي طَالِبٍ أَصْبَحْتَ وَأَمْسَيْتَ مَوْلَى كُلِّ مُؤْمِنٍ وَمُؤْمِنَةٍ
تعليق شعيب الأرنؤوط : صحيح لغيره


อัลบัรรอ บินอาซิบเล่าว่า

พวกเราเคยอยู่กับท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)ในการเดินทางครั้งหนึ่ง  แล้วพวกเราได้แวะพักที่เฆาะดีรคุม  มีการประกาศให้นมาซญะมาอะฮ์ในหมู่พวกเรา  ถูกกวาดสำหรับท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ) ที่ใต้ต้นไม้สองต้น  แล้วท่านได้นมาซซุฮ์ริเสร็จ   แล้วท่านก้ได้จับมือท่านอะลี(ชูขึ้น) พลางกล่าวว่า พวกท่านมิรู้ดอกหรือว่า แท้จริงฉันมีสิทธิต่อบรรดาผู้ศรัทธา มากยิ่งกว่าตัวของพวกเขาเอง   พวกเขากล่าวว่า  ใช่แล้วครับ  ท่านกล่าวว่า พวกท่านมิรู้ดอกหรือว่า แท้จริงฉันนี้มีสิทธิมากที่สุดต่อผู้ศรัทธาทุกคน ยิ่งกว่าตัวของเขาเอง พวกเขากล่าวว่า ใช่แล้วครับ  เขา(อัลบัรรอ)เล่าว่า ท่านได้จับมือท่านอะลีชูขึ้นแล้วกล่าวว่า

บุคคลใดก็ตามที่ฉันเป็นผู้ปกครองของเขา  ดังนั้นอะลีก็เป็นผู้ปกครองของเขา  
โอ้อัลลอฮ์โปรดรักผู้ที่เป็นมิตรต่อเขา และโปรดชิงชังผู้ที่เป็นศัตรูต่อเขา

อัลบัรรอเล่าว่า  ท่านอุมัรได้เข้ามาพบเขาผอะลี)หลังจากนั้น แล้วท่านอุมัรกล่าวว่า โอ้บุตรของอบูตอลิบ ทั้งยามเช้ายามเย็นท่านได้กลายเป็นเมาลา(ผู้ปกครอง)ของบรรดามุอ์มินทั้งชายและหญิงแล้ว


สถานะหะดีษ  : เศาะหิ๊หฺ ลิฆ็อยริฮี  ดูมุสนัดอะหมัด  หะดีษที่  18502

ฉบับตรวจทานโดยเชคชุเอบ อัลอัรนะอูฏี
ชื่อ: Re:วิจัย มะตั่นและสะนัด วะซียะฮ์ของนบีมุฮัมมัด (ศ)
โดย: L-umar เมื่อ ตุลาคม 26, 2009, 11:46:02 ก่อนเที่ยง


عَنْ أَبِي الطُّفَيْلِ قَالَ جَمَعَ عَلِيٌّ رَضِيَ اللَّهُ تَعَالَى عَنْهُ النَّاسَ فِي الرَّحَبَةِ ثُمَّ قَالَ لَهُمْ أَنْشُدُ اللَّهَ كُلَّ امْرِئٍ مُسْلِمٍ سَمِعَ رَسُولَ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ يَقُولُ يَوْمَ غَدِيرِ خُمٍّ مَا سَمِعَ لَمَّا قَامَ فَقَامَ ثَلَاثُونَ مِنْ النَّاسِ وَقَالَ أَبُو نُعَيْمٍ فَقَامَ نَاسٌ كَثِيرٌ فَشَهِدُوا حِينَ أَخَذَهُ بِيَدِهِ فَقَالَ لِلنَّاسِ أَتَعْلَمُونَ أَنِّي أَوْلَى بِالْمُؤْمِنِينَ مِنْ أَنْفُسِهِمْ قَالُوا نَعَمْ يَا رَسُولَ اللَّهِ قَالَ مَنْ كُنْتُ مَوْلَاهُ فَهَذَا مَوْلَاهُ اللَّهُمَّ وَالِ مَنْ وَالَاهُ وَعَادِ مَنْ عَادَاهُ
قَالَ فَخَرَجْتُ وَكَأَنَّ فِي نَفْسِي شَيْئًا فَلَقِيتُ زَيْدَ بْنَ أَرْقَمَ فَقُلْتُ لَهُ إِنِّي سَمِعْتُ عَلِيًّا رَضِيَ اللَّهُ تَعَالَى عَنْهُ يَقُولُ كَذَا وَكَذَا قَالَ فَمَا تُنْكِرُ قَدْ سَمِعْتُ رَسُولَ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ يَقُولُ ذَلِكَ لَهُ

تعليق شعيب الأرنؤوط : إسناده صحيح رجاله ثقات رجال الشيخين غير فطر بن خليفة فمن رجال أصحاب السنن وروى له البخاري مقرونا


อบุต ตุฟัยล์ (อามิร บินวาษิละฮ์) เล่าว่า  :

ท่านอะลีได้รวบรวมประชาชนในวันเราะห์บะฮ์  จากนั้นท่านกล่าวต่อพวกเขาว่า  ขอให้มุสลิมทุกๆคนโปรดสาบานต่ออัลลอฮ์ว่า เขาได้ยินท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)กล่าวในวันเฆาะดีรคุมตามที่เขาได้ยินมา เมื่อเขาได้ลุกขึ้น  ดังนั้นมีประชาชน 30 คนได้ลุกขึ้น(ให้การยืนยัน)

และอบูนุอัยม์กล่าวว่า

มีประชาชนมากมายที่ลุกขึ้นยืน(เพื่อเป็นพยาน) แล้วพวกเขาได้ให้การเป็นพยานขณะที่ ท่าน(รอซูล ศ.)ได้จับมือเขา(อะลีชูขึ้น) พลางกล่าวกับประชาชนว่า พวกท่านรู้ดีใช่ไหมว่า แท้จริงฉันมีสิทธิต่อบรรดามุอ์มินมากยิ่งกว่าตัวของพวกเขาเอง   พวกเขากล่าวว่า ใช่แล้วครับ โอ้ท่านรอซูลุลลอฮ์  ท่านได้กล่าวว่า

บุคคลใดก็ตามที่ฉันเป็นผู้ปกครองของเขา  ดังนั้นอะลีก็เป็นผู้ปกครองของเขา  
โอ้อัลลอฮ์โปรดรักผู้ที่เป็นมิตรต่อเขา และโปรดชิงชังผู้ที่เป็นศัตรูต่อเขา

อัลบัรรอเล่าว่า  

แล้วฉันได้ออกมาข้างนอก อย่างกับว่าในตัวฉันนั้นมีบางสิ่ง แล้วฉันก็ได้เจอกับเซด บินอัรกอม ฉันจึงกล่าวกับเขาว่า แท้จริงฉันได้ยินท่านอะลีกล่าวเช่นนั้นเช่นนี้  เซดกล่าวว่า แล้วอะไรจะทำให้ท่านต้องปฏิเสธ แน่นอนฉันได้ยินท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)กล่าวสิ่งนั้นต่อเขา(อะลี)จริง


สถานะหะดีษ  : เศาะหิ๊หฺ  ดูมุสนัดอะหมัด  หะดีษที่  19321

ฉบับตรวจทานโดยเชคชุเอบ อัลอัรนะอูฏี
ชื่อ: Re:วิจัย มะตั่นและสะนัด วะซียะฮ์ของนบีมุฮัมมัด (ศ)
โดย: L-umar เมื่อ ตุลาคม 26, 2009, 11:52:05 ก่อนเที่ยง



สรุปรายชื่ออุละมาอ์อะฮ์ลุสสุนนะฮ์

ที่บันทึกหะดีษษะเกาะลัยน์ + หะดีษเฆาะดีร ไว้ในตำราของพวกเขาคือ

 
หนึ่ง –
อัน นะซาอี  (ฮ.ศ. 215 - 303 ) ใน สุนัน อัลกุบรอ   หะดีษที่ 8148, 8464

สอง-
อัฏ ฏ็อบรอนี ( เกิด ฮ.ศ. 260 - 360) ในอัลมุอ์ญัม อัลกะบีร หะดีษที่ 4969

สาม-
อัลฮากิม (ฮ.ศ. 321 – 405 ) ในอัลมุสตัดร็อก เล่ม 10 : 377 หะดีษที่ 4553 , 4554

สี่-
อัลฮัยษะมีกล่าวในหนังสือมัจญ์มะอุซ-ซะวาอิด เล่ม 9 : 258 หะดีษ 14965

ห้า-
อัลอาญุรรี มรณะฮ.ศ. 360 ในกิตาบ อัช ชะรีอะฮ์   เล่ม 4 : 393 หะดีษ 1659

หก-
อัลอะลูซี ในตัฟสีรรูฮุลบะยาน เล่ม 5 : 68 ดูซูเราะฮ์อัลมาอิดะฮ์ อายะฮ์ 67

เจ็ด-
อิบนิกะษีร ในอัลบิดายะฮ์ วันนิฮายะฮ์ เล่ม 5 : 209

แปด-
อัซซะฮะบี ในริซาละฮ์ ตุรุก หะดีษ มันกุนตุเมาลาฮุ  เล่ม 1 : 15 หะดีษ 65

เก้า-
เชคอัลบานี ในกิตาบซิลซิละตุลอะฮาดีษิซ-ซอฮีฮะฮ์ เล่ม 4 : 330 หะดีษที่ 1750

สิบ –
เชคชุเอบ อัลอัรนะอูฏี ในมุสนัดอะหมัด  หะดีษที่  641 , 18502 , 19321


หมายเหตุ -

ความจริงอุละมาอ์ซุนนี่ที่รายงานหะดีษเฆาะดีรนี้น มีมากกว่านี้  แต่เราคิดว่า  แค่นี้คงเพียงพอแล้ว
ชื่อ: Re:วิจัย มะตั่นและสะนัด วะซียะฮ์ของนบีมุฮัมมัด (ศ)
โดย: L-umar เมื่อ ตุลาคม 26, 2009, 11:53:40 ก่อนเที่ยง

ส่วนผู้ที่ให้การรับรองหะดีษษะเกาะลัยน์ + หะดีษเฆาะดีรนี้ว่าเป็นหะดีษที่มีสายรายงานถูกต้องคือ


1.   อัลฮากิม อัน –นัยซาบูรี

2.   อัซ – ซะฮะบี

3.   เชคมุฮัมมัด นาศิรุดดีนอัลบานี

4.   เชคชุเอบ อัลอัรนะอูฏี

บทสรุปสำหรับเรื่องสายรายงานหะดีษ

1.   หะดีษเรื่องการแต่งตั้งท่านอะลีเป็นคอลีฟะฮ์ ในตำราอะฮ์ลุสสุนนะฮ์  มีจริง

2.   นักวิชาการอะฮ์ลุสสุนนะฮ์ ได้ให้การรับรองว่า หะดีษดังกล่าว มีสายรายงานเชื่อถือได้



والحمد لله وصلي الله علي محمد وآله وسلم
ชื่อ: Re:วิจัย มะตั่นและสะนัด วะซียะฮ์ของนบีมุฮัมมัด (ศ)
โดย: L-umar เมื่อ ตุลาคม 26, 2009, 12:03:11 หลังเที่ยง


หลังจากที่เราได้พิสูจน์เรื่องสะนัด (สายรายงานหะดีษ) ไปแล้ว


ประเด็นต่อมา  เราจะมา  พิจารณา ความหมายของมะตั่น (ตัวบทหะดีษ )



อะฮ์ลุสสุนนะฮ์ อาจมีข้อโต้แย้งดังนี้


1- หะดีษเฆาะดีร เช่นเดียวกันนี้  มีบันทึกอยู่ในตำราชีอะฮ์หรือไม่


2- คำว่า " เมาลา "  และ " วะลี "  ไม่ได้แปลว่า  ผู้ปกครอง


3- วะซียัตที่ท่านนบี(ศ)สั่งเสียให้ปฏิบัติตามอัลกุรอ่านนั้นเป็นวาญิบ แต่ในส่วนของอะฮ์ลุลบัยต์ หมายถึงให้แสดงความรักและยกย่องพวกเขา


4- อะฮ์ลุลบัยต์นบี มิได้ถูกจำกัดอยู่แค่ อะลี,ฟาติมะฮ์,ฮาซันและฮูเซนเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงภรรยานบีและวงศาคณาญาติท่านนบี(ศ)คนอื่นๆอีกด้วย


เราจะทยอย  ชี้แจงให้ท่านพิจารณา เป็นข้อๆไป  อินชาอัลลอฮ์
ชื่อ: Re:วิจัย มะตั่นและสะนัด วะซียะฮ์ของนบีมุฮัมมัด (ศ)
โดย: L-umar เมื่อ ตุลาคม 26, 2009, 02:45:07 หลังเที่ยง


1- หะดีษเฆาะดีร เช่นเดียวกันนี้  มีบันทึกอยู่ในตำราชีอะฮ์หรือไม่ ?


ตอบ  มีครับ  


หะดีษเฆาะดีรฝ่ายชีอะฮ์


หะดีษที่  1



حَدَّثَنَا مُحَمَّدُ بْنُ الْحَسَنِ بْنِ أَحْمَدَ بْنِ الْوَلِيدِ رضي الله عنه قاَلَ :
حَدَّثَنَا مُحَمَّدُ بْنُ الْحَسَنِ الصَّفَّارُ ، عَنْ مُحَمَّدِ بْنِ الْحُسَيْنِ بْنِ أَبِي الْخَطَّابِ ، وَيَعْقُوْبِ بْنِ يَزِيْدَ جَمِيْعاً ، عَنْ مُحَمَّدِ بْنِ أَبِي عُمَيْرٍ ، عَنْ عَبْدِ اللَّهِ بْنِ سِنَانٍ ، عَنْ مَعْرُوفِ بْنِ خَرَّبُوذٍ

عَنْ أَبِى الطُّفَيْلِ عَامِرِ بْنِ وَاثِلَةَ ، عَنْ حُذَيْفَةَ بْنِ أَسِيدٍ الْغِفَارِيِّ قَالَ :

لَماَّ رَجَعَ رَسُوْلُ اللهِ صَلَّى اللهُ عليه وآلِهِ مِنْ حَجَّةِ الْوِداَعِ وَنَحْنُ مَعَهُ أَقْبَلَ حَتىَّ انْتَهَى إِلَى الْجُحْفَةِ فَأَمَرَ أَصْحاَبَهُ بِالنُّزُولِ فَنَزَلَ الْقَوْمُ مَنَازِلَهُمْ ، ثُمَّ نُودِيَ بِالصَّلَاةِ فَصَلَّى بِأَصْحَابِهِ رَكَعَتَيْنِ ، ثُمَّ أَقْبَلَ بِوَجْهِهِ إِلَيْهِمْ فَقاَلَ لَهُمْ : إِنَّهُ قَدْ نَبَّأَنِي اللَّطِيفُ الْخَبِيرُ أَنِّيْ مَيِّتٌ وَأَنَّكُمْ مَيِّتُوْنَ ، وَكَأَنِّيْ قَدْ دُعِيْتُ فاَجِبْتُ وَأَنِّيْ مَسْؤُوْلٌ عَماَّ اُرْسِلْتُ بِهِ إِلَيْكُمْ ، وَعَماَّ خَلَّفْتُ فِيْكُمْ مِنْ كِتاَبِ اللهِ وََحُجَّتِهِ وَأَنَّكُمْ مَسْؤُوْلُوْنَ ، فَماَ أَنْتُمْ قاَئِلُوْنَ لِرَبِّكُمْ ؟ قاَلُوْا : نَقُوْلُ : قَدْ بَلَّغْتَ وَنَصَحْتَ وَجاَهَدْتَ فَجَزَاكَ اللهُ عَناَّ أَفْضَلَ الْجَزَاءِ
ثُمَّ قاَلَ لَهُمْ : أَلَسْتُمْ تَشْهَدُوْنَ أَنْ لَا إِلَهَ إِلَّا اللَّهُ وَأَنِّي رَسُولُ اللَّهِ إِلَيْكُمْ وَأَنَّ الْجَنَّةَ حَقٌّ ؟ وَأَنَّ الناَّرَ حَقٌّ ؟ وَأَنَّ الْبَعْثَ بَعْدَ الْمَوْتِ حَقٌّ ؟ فَقاَلُوْا : نَشْهَدُ بِذَلِكَ ، قاَلَ : اللَّهُمَّ اشْهَدْ عَلَى مَا يَقُولُونَ ، أَلاَ وَإِنِّي أُشْهِدُكُمْ أَنِّي أَشْهَدُ أَنَّ اللهَ مَوْلاَيَ ، وَأَناَ مَوْلَى كُلِّ مُسْلِمٍ ، وَأَناَ أَوْلَى بِالْمُؤْمِنِينَ مِنْ أَنْفُسِهِمْ ، فَهَلْ تُقِرِّوْنَ لِيْ بِذَلِكَ ، وَتَشْهَدُوْنَ لِيْ بِهِ ؟ فَقاَلُوْا : نَعَمْ نَشْهَدُ لَكَ بِذَلِكَ ، فَقاَلَ : أَلاَ مَنْ كُنْتُ مَوْلَاهُ فَإِنَ عَلِياًّ مَوْلاَهُ  وَهُوَ هَذَا ، ثُمَّ أَخَذَ بِيَدِ عَلِيٍّ عَلَيْهِ السَّلاَمِ فَرَفَعَهاَ مَعَ يَدِهِ حَتَّى بَدَتْ آباَطِهِماَ : ثُمَّ : قاَلَ : اللَّهُمَّ وَالِ مَنْ وَالَاهُ وَعَادِ مَنْ عَادَاهُ ، وَانْصُرْ مَنْ نَصَرَهُ وَاخْذُلْ مَنْ خَذَلَهُ ، أَلاَ وَإِنِّيْ فَرْطُكُمْ  وَأَنْتُمْ وَارِدُوْنَ عَلَيَّ الْحَوْضَ ، حَوْضِيْ غَداً وَهُوَ حَوْضٌ عَرْضُهُ ماَ بَيْنَ بَصَرِىْ وَصَنْعاَءَ  فِيْهِ أَقْدَاحٌ مِنْ فِضَّةٍ عَدَدَ نُجُومِ السَّمَاءِ ، أَلاَ وَإِنِّيْ ساَئِلُكُم غَداً ماَذاَ صَنَعْتُمْ فِيْماَ أَشْهَدْتُ اللهَ بِهِ عَلَيْكُمْ فِي يَوْمِكُمْ هَذَا إِذَا وَرَدْتُمْ عَلَيَّ حَوْضِيْ ، وَماَذاَ صَنَعْتُمْ بِالثَّقَلَيْنِ  مِنْ بَعْدِيْ فاَنْظُرُوْا كَيْفَ تَكُوْنُوْنَ خَلَّفْتُمُوْنِيْ فِيْهِماَ حِيْنَ تَلْقَوْنِي ؟ قاَلُوْا : وَماَ هَذَانِ الثَّقَلاَنِ ياَ رَسُوْلَ اللهِ ؟ قاَلَ : أَماَّ الثِّقْلُ الْأَكْبَرُ فَكِتاَبُ اللهِ عَزَّوَجَلَّ ، سَبَبٌ مَمْدُوْدٌ مِنَ اللهِ وَمِنِّيْ فِيْ أَيْدِيْكُمْ ، طَرَفُهُ بِيَدِ اللهِ وَالطَرَفُ الْآخَرُ بِأَيْدِيْكُمْ ، فِيْهِ عِلْمٌ ماَ مَضَى وَماَ بَقَي إِلَى أَن تَقُوْمَ السَّاعَةُ ، وَأَمَّا الثِّقْلُ الْأَصْغَرُ فَهُوَ حَلِيْفُ الْقُرْآنِ  وَهُوَ عَلِيُّ بْنُ أَبِيْ طاَلِبٍ وَعِتْرَتُهُ عَلَيْهِمُ السَّلاَمِ ، وَإِنَّهُماَ لَنْ يَفْتَرِقاَ حَتَّى يَرِدَا عَلَيَّ الْحَوْضَ .

كتاب : الخصال للشيخ الصدوق  ج 1 / ص 74  ح 98




เชคศอดูก (ฮ.ศ. 305 – 381 )รายงานว่า

มุฮัมมัด บินอัลฮาซัน บินอะหมัด บินอัลวะลีด เล่าให้เราฟัง เขากล่าวว่า
มุฮัมมัด บินอัลฮาซัน อัศ - ศ็อฟฟ้าร  เล่าให้เราฟัง เขากล่าวว่า
จากมุฮัมมัด บินอัลฮูเซน บินอบิลค็อตต็อบ และยะอ์กูบ บินยะซีด ทั้งหมด(รายงาน)จากมุฮัมมัด บินอบี อุมัยร์  จากอับดุลลอฮ์ บินสินาน จากมะอ์รูฟ บินค็อรบูซ

จากอบิต ตุฟัยล์ อามิร บินวาษิละฮ์ จากหุซัยฟะฮ์ บินอะสีด อัลฆิฟารี เล่าว่า :

เมื่อท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)กลับจากฮัจญะตุลวิดาอ์(การทำฮัจญ์ครั้งสุดท้าย) และพวกเราได้มุ่งหน้ากลับจนมาถึงที่ตำบลญุฮ์ฟะฮ์  ท่านได้สั่งซอฮาบะฮ์ของท่านให้แวะพัก  แล้วหมู่ชนนั้นได้แวะพักตามสถานที่ต่างๆของพวกเขา  ต่อจากนั้นได้มีเสียงประกาศ(อะซาน)ให้นมาซ แล้วท่านได้นมาซ(ซุฮ์ริย่อ)สองร่อกะอะฮ์พร้อมกับบรรดาซอฮาบะฮ์ของท่าน  เสร็จแล้วท่านหันใบหน้าท่านมายังพวกเขา แล้วกล่าวกับพวกเขาว่า : แท้จริง(อัลเลาะฮ์)ผู้ทรงปรานี ผู้ทรงรอบรู้อย่างถี่ถ้วน ได้แจ้งให้ฉันทราบว่า  แท้จริงต้องตายและพวกท่านก็ต้องตาย และดูเหมือนว่าฉันถูกเรียก(กลับแล้ว) และฉันได้ตอบรับแล้ว และแท้จริงตัวฉันต้องถูกสอบถามจากสิ่งที่ฉันถูกส่งมายังพวกท่านต่อสิ่งนั้น   และจากสิ่งที่ฉันได้ทิ้งไว้ในหมู่พวกท่านจากคัมภีร์ของอัลเลาะฮ์ และฮุจญัต(หลักฐาน)ของพระองค์ และแท้จริงพวกท่านจะต้องถูกสอบสวน แล้วพวกท่านจะตอบอะไรต่อพระผู้อภิบาลของพวกท่าน ?  พวกเขากล่าวว่า  : พวกเราก็จะกล่าวว่า แท้จริงท่านได้ประกาศแล้ว ได้ตักเตือนแล้ว  และท่านได้ทำการญิฮ๊าดต่อสู้แล้ว  ดังนั้นขออัลลอฮ์โปรดตอบแทนรางวัลที่ดีที่สุดแก่ท่านแทนพวกเราด้วยเถิด  จากนั้นท่านได้กล่าวกับพวกเขาว่า  : พวกท่านมิได้ปฏิญาณดอกหรือว่า  ไม่มีพระเจ้าอื่นใด นอกจากอัลเลาะฮ์ และแท้จริงฉันคือศาสนทูตของอัลลอฮ์ที่(ถูกส่ง)มายังพวกท่าน  แท้จริงสวรรค์มีจริง  นรกมีจริง และการฟื้นคืนชีพนั้นมีจริงใช่ไหม ?  พวกเขากล่าวว่า : พวกเราขอเป็นพยานต่อสิ่งนั้น(ว่ามีจริง)   ท่านจึงกล่าวว่า : โอ้อัลลอฮ์ ขอทรงเป็นสักขีพยานต่อสิ่งที่พวกเขากล่าวด้วยเถิด  พึงทราบเถิดว่า แท้จริงฉันก็ขอให้พวกท่านจงเป็นสักขีพยานด้วยเถิดว่า แท้จริงฉันขอปฏิญาณว่า แท้จริงอัลเลาะฮ์คือเมาลา(ผู้คุ้มครองปของฉัน  และฉันคือวะลี(ผู้ปกครอง)ของมุสลิมทุกคน  และฉันมีสิทธิต่อปวงผู้ศรัทธามากยิ่งกว่าตัวของพวกเขาเอง  แล้วพวกท่านจะให้คำรับรองต่อฉันในสิ่งนั้นหรือไม่ และพวกท่านจะเป็นพยานยืนยันแก่ฉันต่อสิ่งนั้นหรือไม่ ?    พวกเขากล่าวว่า : ใช่แล้วครับ พวกเราขอยืนยันให้กับท่านต่อสิ่งนั้น   แล้วท่านได้กล่าวว่า :  

พึงรู้เถิดว่า  บุคคลใดก็ตามที่ฉันเป็นผู้ปกครองของเขา  ดังนั้นแท้จริงอะลีนั้นก็เป็นผู้ปกครองของเขา และเขาคือชายคนนี้

จากนั้นท่านได้จับมือท่านอะลีชูขึ้นสูงพร้อมกับมือของท่านเอง จนเห็นรักแร้ของทั้งสอง แล้วท่านกล่าวว่า :

โอ้อัลลอฮ์โปรดรักผู้ที่เป็นมิตรต่อเขา และโปรดชิงชังผู้ที่เป็นศัตรูต่อเขา
โปรดช่วยเหลือผู้ที่ให้การช่วยเหลือเขา และโปรดทอดทิ้ง ผู้ที่ทอดทิ้งเขา  

พึงรู้เถิดว่า ฉันจะล่วงหน้าไปก่อนพวกท่าน  และพวกท่านจะเข้ามาหาฉันที่สระน้ำนั้น  สระน้ำของฉันในวันพรุ่งนี้ และมันคือสระน้ำที่ความกว้างของมันอยู่ระหว่างเมืองบัศเราะฮ์(อิรัก)กับเมืองศ็อนอาอ์(ซีเรีย) ในสระน้ำนั้นมีแก้วน้ำจำนวน(มากมาย)เท่ากับดวงดาวในท้องฟ้า
พึงรู้เถิดว่า แท้จริงฉันจะเป็นผู้ถามพวกท่านในวันพรุ่งนี้ว่า  พวกท่านได้ทำอะไรไป ในสิ่งที่ฉันได้ขอให้อัลลอฮ์ทรงเป็นพยานรับรู้แล้วบนพวกท่านต่อสิ่งนั้นในวันของพวกท่านนี้ เมื่อพวกท่านได้เข้ามาพบฉันที่สระน้ำของฉัน   พวกท่านได้ทำอะไรกับ อัษ-ษะเกาะลัยน์ (คือกิตาบและอะฮ์ลุลบัยต์ของฉัน) ภายหลังจากฉัน
ดังนั้นจงดูเถิดว่า พวกท่านจะเป็นอย่างไร (ในการ)ได้รับทอดต่อจากฉันในสองสิ่งนั้น ขณะที่พวกท่านจะมาพบกับฉัน ?

พวกเขากล่าวว่า  : สองสิ่งหนักที่ว่านี้คืออะไรหรือ โอ้ท่านรอซูลุลลอฮ์ ?  ท่านกล่าวว่า :

สิ่งหนักอันใหญ่ที่สุดคือ คัมภีร์ของอัลเลาะฮ์ อัซซะวะญัล เป็นสาเหตุที่ทอดมาจากอัลลอฮ์และจากฉันอยู่ในมือพวกท่าน ด้านหนึ่งของคัมภีร์อยู่ในพระหัตถ์ของอัลลอฮ์ ส่วนอีกด้านหนึ่งอยู่ในมือของพวกท่าน ในคัมภีร์นั้นมีความรู้ในสิ่งที่ผ่านมาในอดีตและสิ่งที่ยังคงอยู่ตราบจนถึงวันกิยามะฮ์

ส่วนสิ่งหนักอันรอง อันเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับคัมภีร์อัลกุรอ่าน เขาคือ อะลี บินอบีตอลิบและอิตเราะฮ์(วงศ์วาน)ของเขา  และแท้จริงทั้งสองสิ่งนี้จะไม่แยกจากกันเด็ดขาด จนกว่าทั้งสองจะกลับมาหาฉันที่อัลเฮาฎ์(สระเกาษัร)


อ้างอิงจากหนังสือ

อัลคิศ็อล  โดยเชคศอดูก  เล่ม  1 : 74 หะดีษ  98



ทีนี้ท่านคงได้อ่านรายงานหะดีษเฆาะดีรคุม จากตำราชีอะฮ์แล้วนะครับ

อย่างที่ผมเรียนให้ท่านได้ทราบแต่แรกว่า  ไม่มีความเชื่อชีอะฮ์เรื่องใด เว้นเสียแต่ว่า ความเชื่อนั้นจะต้องมีกล่าวไว้ทั้งในตำราของซุนนี่และตำราของชีอะฮ์ อย่างนี้สิเขาถึงจะเรียกว่า มาตรฐานสากล  ไม่ใช่อ้างอิงแต่หลักฐานของตนเพียงฝ่ายเดียวแล้วเอาไปบีบบังคับผู้อื่นให้ยอมรับ  อย่างนี้เรียกว่า  ไม่มีความแฟร์  

والحمد لله وصلي الله علي محمد وآله وسلم
ชื่อ: Re:วิจัย มะตั่นและสะนัด วะซียะฮ์ของนบีมุฮัมมัด (ศ)
โดย: L-umar เมื่อ ตุลาคม 26, 2009, 03:10:13 หลังเที่ยง

อิตเราะฮ์นบีเป็นใคร ???


เมื่อเอ่ยถึงคำ  " อิตเราะฮ์นบี "  ในฐานะผู้นำสืบต่อจากศาสดามุฮัมมัด(ศ)  

เราชีอะฮ์มีความเข้าใจชัดเจนว่าเป็นใครบ้าง   เพราะเรื่องนี้เรามีหะดีษกำกับไว้ชัดเช่น


หะดีษที่  2

رَوَي أَبُوْ جَعْفَرٍ مُحَمَّدُ بْنُ عَلِيِّ بْنِ الْحُسَيْنِ بْنِ بَابَوَيْهِ الْقُمِّيّ 305-381هـ. هو الشَّيْخُ الصَّدُوْق  :
حَدَّثَنَا ْ أَحْمَدُ بْنُ زِيَادِ بْنِ جَعْفَرٍ الْهَمَذَانِي‏ قَالَ : حَدَّثَنَا عَلِىُّ بْنُ اِبْرَاهِيْمَ بْنِ هَاشِمٍ عَنْ أَبِيْهِ عَنْ مُحَمَّدِ بْنِ أَبِي عُمَيْر عَنْ غِيَاثِ بْنِ إِبْرَاهِيْمَ

عَنِ الصَّادِقِ جَعْفَرِ بْنِ مُحَمَّدٍ عَنْ أَبِيْهِ مُحَمَّدِ بْنِ عَلِىٍ عَنْ أَبِيْهِ عَلِىِّ بْنِ الْحُسَيْنِ عَنْ أَبِيْهِ الْحُسَيْنِ بْنِ عَلِىٍّ عَلَيْهِ السَّلاَمِ قَالَ:

سُئِلَ أَمِيْرُ الْمُؤْمِنِيْنَ عَلَيْهِ السَّلاَمِ عَنْ مَعْنَى قَوْلِ رَسُوْلِ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَآلِهِ إِنِّىْ مُخَلِّفٌ فِيْكُمُ الثَّقَلَيْنِ كِتَابُ اللهِ وَعِتْرَتِيْ مَنِ الْعِتْرَةُ ؟ فَقَالَ : أَنَا وَالْحَسَنُ وَالْحُسَيْنُ وَالْأَئِمَّةُ التِّسْعَةُ مِنْ وُلْدِ الْحُسَيْنِ تَاسِعُهُمْ مَهْدِيُّهُمْ وَقَائِمُهُمْ لاَ يُفَارِقُوْنَ كِتَابَ اللهِ وَلاَ يُفَارِقُهُمْ حَتَّى يَرِدوا عَلَى رَسُوْلِ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَآلِهِ حَوْضَـهُ.

كتاب :  عيون أخبار الرضا (ع) للشيخ الصدوق  ج 2  ص 58 ح 25
باب النصوص على الرضا(ع) بالإمامة في جملةالأئمة الإثنى عشر(ع)


เชคศอดูกรายงาน :
 
อะหมัด บินซิยาด บินญะอ์ฟัร อัลฮะมะดานีเล่าให้เราฟัง จากอะลี บินอิบรอฮีม บินฮาชิมจากบิดาเขา จากมุฮัมมัด บินอบีอุมัยรฺ จากฆิยาษ บินอิบรอฮีม(เล่าว่า ) :  จากอัศ-ศอดิก ญะอ์ฟัร บินมุฮัมมัด จากบิดาเขาคือมุฮัมมัด บินอะลี จากบิดาเขาคืออะลี บินฮูเซน จากบิดาเขาคือฮูเซน บินอะลีเล่าว่า :  

ท่านอมีรุลมุอ์มินีน (อะลี บินอบีตอลิบ) ถูกถามถึงความหมายวจนะของท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)ที่กล่าวว่า :  แท้จริง

ข้าพเจ้าได้มอบสิ่งหนักสองสิ่งไว้ในหมู่พวกท่าน  สิ่งแรกคือคัมภีร์ของอัลลอฮ์และอิตเราะฮ์ของข้าพเจ้า, (ว่า)

ใครคืออิตเราะฮ์ ?

ท่านอิม่ามอะลีตอบว่า :

คือ ฉัน,ฮาซัน,ฮูเซนและบรรดาอิม่ามผู้นำอีก 9 คนที่สืบเชื้อสายจากลูกหลานของฮูเซน คนที่ 9 คือมะฮ์ดีและคือกออิมของพวกเขา  

พวกเขาจะไม่แยกจากคัมภีร์ของอัลลอฮ์ และคัมภีร์ของอัลลอฮฺจะไม่แยกจากพวกเขา จนทั้งสองจะกลับคืนมายังท่านรอซูลุลลอฮ์ที่สระอัลเฮาฎ์ของท่าน.


สถานะหะดีษ :  เศาะหิ๊หฺ  

ดูหนังสืออุยูนุล อัคบาร อัลริฎอ โดยเชคศอดูก เล่ม 1 : 57  หะดีษ 25


ท่านจะเห็นได้ว่า  

หะดีษนี้ระบุชัดว่า อิตเราะฮ์ ในฐานะ อิม่ามผู้นำคนแรกคือ  ท่านอิม่ามอะลี , ฮาซัน ฮูเซนและบุตรหลานของอิม่ามฮูเซนอีกเก้าคน รวมเป็น 12 ท่าน ซึ่งอิม่ามคนสุดท้ายมีชื่อว่า อิม่าม มะฮ์ดี
อะลัยฮิมุสสลาม  
ชื่อ: Re:วิจัย มะตั่นและสะนัด วะซียะฮ์ของนบีมุฮัมมัด (ศ)
โดย: L-umar เมื่อ ตุลาคม 26, 2009, 03:12:59 หลังเที่ยง

จากสองหะดีษดังกล่าว มันคงเหลือคำถามเดียวสำหรับอะฮ์ลุสสุนนะฮ์ที่จะถามคือ


สายรายงานหะดีษมัน  " ซอแฮะฮ์ "  หรือป่าว ?




แล้วเราจะมาวิเคราะห์กันในคราวต่อไป  อินชาอัลลอฮ์
ชื่อ: Re:วิจัย มะตั่นและสะนัด วะซียะฮ์ของนบีมุฮัมมัด (ศ)
โดย: L-umar เมื่อ ตุลาคม 27, 2009, 10:56:59 ก่อนเที่ยง

วิเคราะห์สายรายงานหะดีษที่  1 -


الشيخ الصدوق← مُحَمَّدُ بْنُ الْحَسَنِ بْنِ أَحْمَدَ بْنِ الْوَلِيدِ ← مُحَمَّدُ بْنُ الْحَسَنِ الصَّفَّارُ ←مُحَمَّدِ بْنِ الْحُسَيْنِ بْنِ أَبِي الْخَطَّابِ ، وَيَعْقُوْبِ بْنِ يَزِيْدَ جَمِيْعاً ،← مُحَمَّدِ بْنِ أَبِي عُمَيْرٍ ←
عَبْدِ اللَّهِ بْنِ سِنَانٍ ← مَعْرُوفِ بْنِ خَرَّبُوذٍ ← أَبِى الطُّفَيْلِ عَامِرِ بْنِ وَاثِلَةَ  ←
حُذَيْفَةَ بْنِ أَسِيدٍ الْغِفَارِيِّ :


เชคศอดูก (ฮ.ศ. 305 – 381 ) → มุฮัมมัด บินอัลฮาซัน บินอะหมัด บินอัลวะลีด → มุฮัมมัด บินอัลฮาซัน อัศ - ศ็อฟฟ้าร→  มุฮัมมัด บินอัลฮูเซน บินอบิลค็อตต็อบ และยะอ์กูบ บินยะซีด → มุฮัมมัด บินอบี อุมัยร์  → อับดุลลอฮ์ บินสินาน →มะอ์รูฟ บินค็อรบูซ →อบิต ตุฟัยล์ อามิร บินวาษิละฮ์  → หุซัยฟะฮ์ บินอะสีด อัลฆิฟารี :

1.   เชคศอดูก (ฮ.ศ. 305 – 381 ) →
2.   มุฮัมมัด บินอัลฮาซัน บินอะหมัด บินอัลวะลีด →
3.   มุฮัมมัด บินอัลฮาซัน อัศ - ศ็อฟฟ้าร→  
4.   มุฮัมมัด บินอัลฮูเซน บินอบิลค็อตต็อบ และ
5.   ยะอ์กูบ บินยะซีด →
6.   มุฮัมมัด บินอบี อุมัยร์  →
7.   อับดุลลอฮ์ บินสินาน →
8.   มะอ์รูฟ บินค็อรบูซ →
9.   อบิต ตุฟัยล์ อามิร บินวาษิละฮ์  →
10.   หุซัยฟะฮ์ บินอะสีด อัลฆิฟารี :
ชื่อ: Re:วิจัย มะตั่นและสะนัด วะซียะฮ์ของนบีมุฮัมมัด (ศ)
โดย: L-umar เมื่อ ตุลาคม 27, 2009, 11:33:40 ก่อนเที่ยง

1- เชคศอดูก  (ฮ.ศ. 305 – 381 รวมอายุ 76 ปี)


อบูญะอ์ฟัร มุฮัมมัด บินอะลี บินอัลฮูเซน บินมูซา บินบาบะวัยฮฺ อัลกุมมี  รู้จักกันในนาม เชค ศอดูก

เกิดฮ.ศ. 305  ที่เมืองกุม ประเทศอิหร่าน โดยบะร่อกัตจากการดุอาอ์ของอิม่ามมะฮ์ดี(อ)
เชคศอดูกมรณะ ปีฮ.ศ. 381 ที่เมืองเรย์ ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเมืองเตฮฺราน อิหร่าน  ถูกฝังอยู่ใกล้กับสุสานของสัยยิดอับดุลอะซีม อัลฮาซานี


บรรดาอุละมาอ์ได้กล่าวถึงเชคศอดูกไว้ดังนี้

مُحَمَّدُ بْنُ عَلِيٍّ بْنِ الْحُسَيْنِ بْنِ مُوسَى بْنِ باَبَوَيْه الْقُمِّيّ، يُكْنَى أَبُو جَعْفَرٍ ، كاَنَ جَليِْلاً حاَفِظاً لِلْأَحاَدِيْثِ بَصِيْراً باِلرِّجاَلِ ناَقِداً لِلْأَخْباَرِ لَمْ يُرَ فِي الْقُمِّيِّيْنَ مِثْلُهُ فَي حِفْظِهِ وِ كَثْرَةِ عِلْمِهِ

เชคตูซี่กล่าวว่า  :  

มุฮัมมัด บินอะลี บินอัลฮูเซน บินมูซา บินบาบะวัยฮฺ อัลกุมมี ฉายาอบูญะอ์ฟัร  เป็นผู้ทรงคุณวุฒิ   เป็นนักจดจำหะดีษต่างๆ  มีความแตกฉานต่อชีวประวัตินักรายงานหะดีษ  เป็นนักวิจารณ์สายรายงานหะดีษต่างๆ  ไม่เคยเห็นใครในเมืองกุมเหมือนกับเขา ในความจำของเขา และความรู้อันมากมายของเขา
ดูอัลฟะฮ์ร็อส ลิต-ตูซี่  เล่ม 1 : 120 อันดับ 695

محمد بن علي بن الحسين بن موسى بن بابويه القمي أبوجعفر نزيل الري شيخنا وفقيهنا ووجه الطائفة بخراسان، ورد بغداد سنة خمس وخمسين وثلثمائة وسمع منه شيوخ الطائفة وهو حدث السن كان جليلا حافظا \\\" الاحاديث بصيرا \\\" بالرجال ناقدا \\\" للاخبار لم ير في القميين مثله في حفظه وكثرة علمه، له نحو ثلثمائة مصنف

อัลลามะฮ์ฮิลลี่กล่าวว่า :

 มุฮัมมัด บินอะลี บินอัลฮูเซน บินมูซา บินบาบะวัยฮฺ อัลกุมมี อบูญะอ์ฟัร  อาศัยอยู่ที่เมืองเรย์  เขาคือเชคและฟะกีฮฺของพวกเรา และเป็นหัวหน้ากลุ่มที่เมืองคูรอซาน เข้ามาที่เมืองแบกแดดปีฮ.ศ. 355  บรรดาเชคระดับแกนนำรับฟัง(หะดีษ)จากเขาในตอนเด็ก  เป็นผู้ทรงคุณวุฒิ   เป็นนักจดจำหะดีษต่างๆ  มีความแตกฉานต่อชีวประวัตินักรายงานหะดีษ  เป็นนักวิจารณ์สายรายงานหะดีษต่างๆ  ไม่เคยเห็นใครในเมืองกุมเหมือนกับเขา ในความจำของเขา และความรู้อันมากมายของเขา  เขาแต่งตำราไว้ 300 เล่ม
ดูคุลาเศาะตุลอักวาล   เล่ม 27 : 9 อันดับ 44

محمد بن علي بن الحسين بن موسى بن بابويه القمي، يكنى أبا جعفر. كان جليلا حافظا للاحاديث بصيرا بالرجال ناقدا للاخبار، لم ير في القميين مثله في حفظه وكثرة علمه، له نحو من ثلاثمائة مصنف

อัลฮุรรุล อามิลี  เจ้าของหนังสือวะซาอิลุชชีอะฮ์กล่าวว่า :  

มุฮัมมัด บินอะลี บินอัลฮูเซน บินมูซา บินบาบะวัยฮฺ อัลกุมมี ฉายาอบูญะอ์ฟัร   เป็นผู้ทรงคุณวุฒิ   เป็นนักจดจำหะดีษต่างๆ  มีความแตกฉานต่อชีวประวัตินักรายงานหะดีษ  เป็นนักวิจารณ์สายรายงานหะดีษต่างๆ  ไม่เคยเห็นใครในเมืองกุมเหมือนกับเขา ในความจำของเขา และความรู้อันมากมายของเขา  เขาแต่งตำราไว้ 300 เล่ม
ดูอัลอะมะลุลอามิล   เล่ม 2 : 217 อันดับ 845

(ابن بابويه) ابوجعفر محمد بن علي بن الحسين بن موسى بن بابويه القمي، شيخ الحفظة ووجه الطائفة المستحفظة رئيس المحدثين والصدوق فيما يرويه عن الائمة الطاهرين (ع) ولد بدعاء مولانا صاحب الامر(ع)...
قال ابن ادريس في حقه: انه كان ثقة جليل القدر بصيرا بالاخبار ناقدا للآثار عالما بالرجال وهو استاذ المفيد محمد بن محمد بن النعمان.

เชคอับบาส อัลกุมมีกล่าวว่า :  

อิบนุ บาบะวัยฮฺ อบูญะอ์ฟัร  มุฮัมมัด บินอะลี บินอัลฮูเซน บินมูซา บินบาบะวัยฮฺ อัลกุมมี  เชคแห่งการท่องจำ  หัวหน้ากลุ่มที่ได้รับความไว้วางใจให้ดูแล  หัวหน้าของบรรดานักรายงานหะดีษ  และมีความศอดูก(เชื่อถือได้)ในสิ่งที่เขารายงานหะดีษจากบรรดาอิม่ามผู้บริสุทธิ์ (อ) ถือกำเนิดด้วยดุอาอ์ของอิม่ามมะฮ์ดี(อ)
อิบนุอิดริสกล่าวถึงเขาว่า   :  เชคศอดูกเชื่อถือได้ในการรายงาน เป็นผู้ทรงคุณวุฒิระดับสูง   มีความแตกฉานต่อบรรดาหะดีษ  เป็นนักวิจารณ์หะดีษต่างๆ   ผู้รอบรู้ต่อชีวประวัติของบรรดานักรายงานหะดีษ
ดูอัลกุนา วัลอัลกอบ   เล่ม 33 :  1


อาจารย์ของเชคศอดูก

1.   เชคมุฮัมมัด บินอัลฮาซัน บินมุฮัมมัด อัลกุมมี
2.   เชคอะลี บินอัลฮูเซน อัลกุมมี (บิดาเชคศอดูก)
3.   เชคยะอ์กูบ บินยูสุฟ บินยะอ์กูบ
4.   เชคมุฮัมมัด บินอัลกอสิม อัลอิสติร อาบาดี
5.   เชคฮัมซะฮ์ บินมุฮัมมัด บินอะหมัด
6.   เชคมุฮัมมัด บินมูซา อัลบัรกี
7.   เชคอะหมัด บินอะสัด อัลอะสะดี
8.   เชคอะลี บินอะหมัด อัลบัรกี


ลูกศิษย์ของเชคศอดูก


1.   มุฮัมมัด บินมุฮัมมัด บินอัน-นุอ์มาน หรือที่รู้จักกันในนาม " เชคมุฟีด "
2.   สัยยิด อะลี บินอัลฮูเซน  หรือที่รู้จักกันในนาม " สัยยิด มุรตะฎอ "
3.   เชค อะลี บินมุฮัมมัด อัลค็อซซ๊าซ อัลรอซี อัลกุมมี
4.   เชค อัลฮาซัน บินอัลฮูเซน อัลกุมมี ( บุตรของพี่ชายเขา ดูอันดับ 3)
5.   เชค อัลฮูเซน บินอุบัยดุลลอฮ์ อัลเฆาะฎออิรี
6.   เชค อัลฮูเซน บินอะลี อัลกุมมี (น้องชาย อันดับ 5)


สรุป

เชคศอดูก = เชื่อถือได้ในการรายงานหะดีษ
ชื่อ: Re:วิจัย มะตั่นและสะนัด วะซียะฮ์ของนบีมุฮัมมัด (ศ)
โดย: L-umar เมื่อ ตุลาคม 27, 2009, 01:26:59 หลังเที่ยง

2. มุฮัมมัด บินอัลฮาซัน บินอะหมัด บินอัลวะลีด  มรณะฮ.ศ. 343


อิบนุดาวูดกล่าวว่า : مُحَمَّدُ بْنُ الْحَسَنِ بْنِ أَحْمَدَ بْنِ الْوَلِيدِ أبو جعفر شيخ القميين وفقيههم ومتقدمهم  يقال انه نزيل قم ولم يكن أصله منها ثقة ثقة عين.

มุฮัมมัด บินอัลฮาซัน บินอะหมัด บินอัลวะลีด อบูญะอ์ฟัร  คือเชคแห่งชาวเมืองกุม เป็นฟะกีฮฺของพวกเขา  และเป็นหัวหน้าของพวกเขา  กล่าวกันว่า เขาพำนักอยู่ที่เมืองกุม แต่เขาไม่ใช่คนที่นั่น  การรายงานเชื่อถือได้ๆ
ดูริญาล อิบนิดาวูด  เล่ม 1 : 163 อันดับ 1346

เชคตูซี่กล่าวว่า :

مُحَمَّدُ بْنُ الْحَسَنِ بْنِ أَحْمَدَ بْنِ الْوَلِيدِ القمي، جليل القدر بصير بالفقه ثقة، يروي عن الصفار وسعد،

มุฮัมมัด บินอัลฮาซัน บินอะหมัด บินอัลวะลีด อัลกุมมี เป็นผู้ทรงคุณวุฒิระดับสูง มีความเชี่ยวชาญวิชาฟิกฮ์  
การรายงานเชื่อถือได้ๆ    เขารายงานหะดีษจากอัศ ศ็อฟฟ้าร และสะอัด
ดูริญาล เชคตูซี  เล่ม 1 : 207 อันดับ 6273

อัน นะญาชีกล่าวว่า :

مُحَمَّدُ بْنُ الْحَسَنِ بْنِ أَحْمَدَ بْنِ الْوَلِيدِ  أبو جعفر شيخ القميين، وفقيههم، ومتقدمهم، ووجههم. ويقال إنه نزيل قم، وما كان أصله منها. ثقة ثقة، عين، مات أبو جعفر محمد بن الحسن بن الوليد سنة ثلاث وأربعين وثلاثمائة.

มุฮัมมัด บินอัลฮาซัน บินอะหมัด บินอัลวะลีด อบูญะอ์ฟัร  คือเชคแห่งชาวเมืองกุม เป็นฟะกีฮฺของพวกเขา  และเป็นหัวหน้าของพวกเขา  กล่าวกันว่า เขาพำนักอยู่ที่เมืองกุม แต่เขาไม่ใช่คนที่นั่น  การรายงานเชื่อถือได้ๆ  มรณะฮ.ศ. 343
ดูริญาล นะญาชี  เล่ม 1 : 272 อันดับ 1042


สรุป

มุฮัมมัด บินอัลฮาซัน บินอะหมัด บินอัลวะลีด = เชื่อถือได้ในการรายงาน
ชื่อ: Re:วิจัย มะตั่นและสะนัด วะซียะฮ์ของนบีมุฮัมมัด (ศ)
โดย: L-umar เมื่อ ตุลาคม 27, 2009, 01:29:01 หลังเที่ยง

3. มุฮัมมัด บินอัลฮาซัน อัศ – ศ็อฟฟ้าร   มรณะ ฮ.ศ. 290  



อิบนุดาวูดกล่าวว่า :

مُحَمَّدُ بْنُ الْحَسَنِ بْنِ فَرُّوْخَ الصَّفَّارُ ، مولى عيسى بن موسى ...كان وجها في أصحابنا القميين ثقة عظيم القدر راجحاقليل السقط في الرواية، توفى بقم سنة تسعين ومائتين.

มุฮัมมัด บินอัลฮาซัน บินฟัรรู๊ค อัศ ศ็อฟฟ้าร  คนรับใช้ของอีซา บินมูซา
เป็นหัวหน้าในบรรดาอัศฮาบของเราแห่งชาวเมืองกุม   การรายงานเชื่อถือได้   มรณะฮ.ศ. 290  
ดูริญาล อิบนิดาวูด  เล่ม 1 : 165 อันดับ 1359

อัน นะญาชี กล่าวว่า :

محمد بن الحسن بن فروخ الصفار...  كان وجها في أصحابنا القميين، ثقة عظيم القدر راجحا قليل السقط في الرواية.

มุฮัมมัด บินอัลฮาซัน บินฟัรรู๊ค อัศ ศ็อฟฟ้าร  เป็นหัวหน้าในบรรดาอัศฮาบของเราแห่งชาวเมืองกุม   การรายงานเชื่อถือได้  
ดูริญาล นะญาชี  เล่ม 1 : 251 อันดับ 948

อัลลามะฮ์ฮิลลี กล่าวว่า :

محمد بن الحسن بن فروخ الصفار ...كان وجها في أصحابنا القميين ثقة عظيم القدر راجحا \\\" قليل السقط في الرواية،

มุฮัมมัด บินอัลฮาซัน บินฟัรรู๊ค อัศ ศ็อฟฟ้าร  เป็นหัวหน้าในบรรดาอัศฮาบของเราแห่งชาวเมืองกุม   การรายงานเชื่อถือได้  
ดูคุลาเศาะตุลอักวาล  เล่ม 27 : 18 อันดับ 112


สรุป

มุฮัมมัด บินอัลฮาซัน อัศ ศ็อฟฟ้าร เจ้าของหนังสือบะซออิรุด ดะร่อญ๊าต = เชื่อถือได้ในการรายงาน
ชื่อ: Re:วิจัย มะตั่นและสะนัด วะซียะฮ์ของนบีมุฮัมมัด (ศ)
โดย: L-umar เมื่อ ตุลาคม 27, 2009, 01:32:38 หลังเที่ยง

4. มุฮัมมัด บินอัลฮูเซน บินอบิลค็อตต็อบ   มรณะ ฮ.ศ. 262  


อิบนุดาวูดกล่าวว่า :

مُحَمَّدِ بْنِ الْحُسَيْنِ بْنِ أَبِي الْخَطَّابِ أبو جعفر الزَّيَّات‏ ، واسم أبي الخطاب زيد الهمداني  ثقة.

มุฮัมมัด บินอัลฮูเซน บินอบิลคอตตอบ  อบูญะอ์ฟัร อัซ-ซัยย๊าต  ชื่อของอบุลคอตตอบคือ เซด อัลฮัมดานี  การรายงานเชื่อถือได้
ดูริญาล อิบนิดาวูด  เล่ม 1 : 163 อันดับ 1345

เชคตูซี กล่าวว่า :

محمد بن الحسين بن أبي الخطاب الزيات الكوفي، ثقة، من أصحاب أبي جعفر الثاني(الجواد).

มุฮัมมัด บินอัลฮูเซน บินอบิลคอตตอบ  อัซ-ซัยย๊าต ชาวเมืองกูฟะฮ์  เป็นซอฮาบะฮ์คนหนึ่งของท่านอบูญะอ์ฟัร อัษษานี ( อิม่ามที่ 9  อัลญะวาด )
ดูริญาล เชคตูซี  เล่ม 1 : 180 อันดับ 5771

อัน นะญาชี กล่าวว่า :

محمد بن الحسين بن أبي الخطاب أبو جعفر الزيات الهمداني ... عظيم القدر، كثير الرواية، ثقة، عين، حسن التصانيف،...ومات محمد بن الحسين سنة اثنتين وستين ومائتين.

มุฮัมมัด บินอัลฮูเซน บินอบิลคอตตอบ  อบูญะอ์ฟัร อัซ-ซัยย๊าต  อัลฮัมดานี
อะซีมุลก็อดรฺ  รายงานหะดีษมากมาย   เชื่อถือได้ในการรายงาน  มรณะฮฺ.ศ 262  
ดูริญาล นะญาชี  เล่ม 1 : 235 อันดับ 897

محمد بن الحسين بن أبي الخطاب وإسم أبي الخطاب زيد ويكنى محمد بأبي جعفر الزيات الهمداني جليل من أصحابنا عظيم القدر كثير الرواية ثقة عين حسن التصانيف مسكون إلى روايته، ...من أصحاب الجواد عليه السلام.
خلاصة الاقوال - (ج 27 / ص 4)

อัลลามะฮ์ฮิลลี กล่าวว่า :
มุฮัมมัด บินอัลฮูเซน บินอบิลคอตตอบ  ชื่ออบุลคอตตอบคือ เซด ฉายาคืออบูญะอ์ฟัร อัซซัยยาต อัลฮะมะดานี เป็นซอฮาบะฮ์ผู้สุงส่งคนหนึ่งของพวกเรา  อะซีมุลก็อดร์  รายงานหะดีษมากมาย  เชื่อถือได้ในการรายงาน  เป็นซอฮาบะฮ์คนหนึ่งของอิม่ามญะวาด (อ)
ดูคุลาเศาะตุลอักวาล  เล่ม 27 : 4 อันดับ 19


สรุป

มุฮัมมัด บินอัลฮูเซน บินอบิลคอตตอบ  = เชื่อถือได้ในการรายงาน
ชื่อ: Re:วิจัย มะตั่นและสะนัด วะซียะฮ์ของนบีมุฮัมมัด (ศ)
โดย: L-umar เมื่อ ตุลาคม 27, 2009, 02:52:45 หลังเที่ยง


5. ยะอ์กูบ   บินยะซีด


อิบนุดาวูดกล่าวว่า :

يَعْقُوْبِ بْنِ يَزِيْدَ بن حماد الانباري السلمي أبو يوسف القمي  انتقل إلى بغداد وكان ثقة صدوقا

ยะอ์กูบ บินยะซีด บินฮัมมาด อัลอันบารี อัสสุละมี  อบูยูสุฟ อัลกุมมี เขาย้ายไปอยู่ที่เมืองแบกแดด เขาเป็นผู้ที่เชื่อถือได้ มีวาจาสัตย์
ดูริญาล อิบนิดาวูด  เล่ม 1 : 201 อันดับ 1735

เชคตูซี กล่าวว่า :

يعقوب بن يزيد الكاتب  يزيد أبوه ثقتان

ยะอ์กูบ บินยะซีด อัลกาติบ และบิดาของเขา ยะซีด บินฮัมมาด ทั้งสอง เชื่อถือได้ในการรายงาน
ดูริญาล เชคตูซี  เล่ม 1 : 172 อันดับ 5488

อัน นะญาชี กล่าวว่า :

يعقوب بن يزيد بن حماد الأنباري السلمي أبو يوسف، من كتاب المنتصر، روى عن أبي جعفر الثاني عليه السلام، وانتقل إلى بغداد، وكان ثقة صدوقا

ยะอ์กูบ บินยะซีด บินฮัมมาด อัลอันบารี อัสสุละมี  อบูยูสุฟ อัลกุมมี รายงานหะดีษจากอิม่ามอบูญะอ์ฟัร (อิม่ามญะวาด) เขาย้ายไปอยู่ที่เมืองแบกแดด  และเขาเป็นผู้ที่เชื่อถือได้ มีวาจาสัตย์
ดูริญาล นะญาชี  เล่ม 1 : 321 อันดับ 1215

อัลลามะฮ์ฮิลลี กล่าวว่า :

يَعْقُوْبِ بْنِ يَزِيْدَ بن حماد الانباري السلمي أبويوسف الكاتب من كتاب المنتصر
وقال الكشي عن ابن مسعود عن الحسن بن علي بن فضال انه كان كاتبا \\\" لابي دلف القاسم وكان يعقوب من أصحاب الرضا عليه السلام وروى يعقوب عن أبي جعفر الثاني عليه السلام وانتقل إلى بغداد وكان ثقة صدوقا \\\"

ยะอ์กูบ  บินยะซีด... อบูยูสุฟ  และอัลกัชชีเล่าจากอิบนิมัสอูด จากอัลฮาซัน บินอะลี บินฟัฎฎอลว่า เขา(ยะอ์กูบ)เป็นนักจดบันทึกประจำตัวของอบู ดุลัฟ อัลกอสิม  และยะอ์กูบนั้นเป็นซอฮาบะฮ์คนหนึ่งของอิม่ามริฎอ(อิม่ามที่ 8 )
ยะอ์กูบ รายงานหะดีษจากอิม่ามอบีญะอ์ฟัร ษานี(อิม่ามที่ 9 )  เขาย้ายไปอยู่ที่แบกแดด  เป็นคนที่เชื่อถือได้ในการรายงาน มีวาจาสัตย์  
ดูคุลาเศาะตุลอักวาล  เล่ม 31 : 4


สรุป

ยะอ์กูบ บินยะซีด   = เชื่อถือได้ในการรายงาน
ชื่อ: Re:วิจัย มะตั่นและสะนัด วะซียะฮ์ของนบีมุฮัมมัด (ศ)
โดย: L-umar เมื่อ ตุลาคม 28, 2009, 11:52:09 ก่อนเที่ยง


6. มุฮัมมัด บินอบี อุมัยร์  มรณะ ฮ.ศ. 217


เชคตูซี กล่าวว่า :

مُحَمَّدُ بْنُ أَبِي عُمَيْرٍ يكنى أبا أحمد، من موالي الأزد، و اسم أبي عمير زياد، و كان من أوثق الناس عند الخاصة و العامة،

มุฮัมมัด บิน อบีอุเมร  ฉายา อบูมุฮัมมัด คนรับใช้คนหนึ่งของอัลอัซดุ ชื่อของอบูอุเมรคือ ซิยาด  

เขาคือบุคคลหนึ่ง " ที่มีความน่าเชื่อถือในการรายงานหะดีษมากที่สุด "  ของชีอะฮ์และซุนนี่


ดูอัลฟะฮ์ร็อส เชคตูซี  เล่ม 1 : 109 อันดับ 607


อัลฮาซัน บินฟัฎฎอลกล่าวว่า  

قال الحسن بن فضال: انه كان افقه من يونس، واصلح، وافضل

เขา(อิบนิอบีอุเมร) มีความรู้มากกว่ายูนุส (บินอัลดุลเราะห์มาน ) เขาดีกว่าและประเสริฐกว่า

ดู ริญาล นะญาชี  อันดับที่ 326

وعده الكشي من الذين اجمع اصحابنا على تصحيح ما يصح عنهم، وتصديقهم، واقروا لهم بالفقه والعلم

อัลกัชชี นับว่าเขา(อิบนิอบีอุเมร) คือบุคคลหนึ่งที่บรรดาอัศฮาบของพวกเรามีมติว่า รายงานหะดีษของเขานั้น เศาะหิ๊หฺ และพวกเขาให้ความเชื่อถือ อีกทั้งยังให้การรับรองต่อเรื่องฟิกฮ์และความรู้ของเขา

ดูริซาละฮ์ อบีฆอลิบ อัซ ซะรอรี  หน้า 136


อิบนุดาวูด กล่าวว่า  :

มุฮัมมัด บิน อบีอุมัยรฺ อัลบัซซ้าร  ฉายา อบูอะหมัด ชื่อของอบูอุเมรคือ ซิย๊าด บินอีซา  คือบุคคลหนึ่งที่มีความน่าเชื่อเป็นอย่างมากสำหรับชีอะฮ์และซุนนี่

กล่าวกันว่า เขามีเตาฮีดมากที่สุด (และมีความเคร่งครัดในศาสนามากที่สุดในยุคของเขาในทุกๆสิ่ง)


อิบนิอบีอุเมร มีชีวิตอยู่ทันถึงสามอิม่ามแห่งอะฮ์ลุลบัยต์คือ

1.   อิม่ามมูซา กาซิม ( 7 ) แต่เขาไม่เคยรายงานหะดีษจากอิม่ามกาซิม
2.   อิม่ามอะลี ริฎอ ( 8 ) และรายงานหะดีษจากท่าน
3.   อิม่ามมุฮัมมัด ญะวาด (9 )



และอิบนิอบีอุเมร มีชีวิตอยู่ในการปกครองสองกษัตริย์แห่งราชวงศ์อับบาซียะฮ์คือ
1.   ฮารูน  รอชีด
2.   มะอ์มูน อับบาซี


ผู้ที่รายงานหะดีษจากเขาคือ  อะหมัด บินมุฮัมมัด บินอีซา  

อิบนิอบีอุเมรได้บันทึกรายชื่อผู้ที่รายงานหะดีษจากอิม่ามศอดิก(อ)ไว้ได้ถึง 100 คน และแต่งตำราไว้มากมายถึง 94 เล่ม

หลังจากอิม่ามริฎอ(อ) เสียชีวิต  เขาถูกคุมขัง ถูกริบทรัพย์สิน ตำราของเขาสูญหายไปหมด(เพราะถูกทำลาย) แต่เขาสามารถท่องจำไว้ได้ถึงสี่สิบเล่ม  ด้วยเหตุนี้สายรายงานหะดีษของอิบนิ อบีอุเมร จึงเป็นหะดีษชนิด " มุรซัล "  (คือมีสายรายงานที่ขาดตอน)

เขามีความพยายามเป็นอย่างยิ่งในการศึกษารายชื่อของบรรดานักรายงานหะดีษชีอะฮ์และสถานะภาพของพวกเขา   จนกาหลิบฮารูนรอชีดออกคำสั่งให้เขาแจ้งรายชื่อนักรายงานหะดีษชีอะฮ์เหล่านั้น(ซึ่งเป็นซอฮาบะฮ์ของอิม่ามมูซากาซิม)  แต่เขาปฏิเสธ จึงถูกโบยอย่างหนักถึง 100 ที

คืนที่อิบนิอบีอุเมรโดนทำโทษ เขาเล่าว่า เมื่อข่าวการโดนโบยมาถึงฉัน  ฉันเกือบจะยอมบอกรายชื่อนักรายงานหะดีษชีอะฮ์  แต่ฉันได้ยินเสียงของมุฮัมมัด บินยูนุส บินอับดุลเราะห์มาน(ซอฮาบะฮ์ของอิม่ามกาซิม)กล่าวเตือนสติว่า  โอ้มุฮัมมัด บินอบีอุเมรเอ๋ย  จงนึกถึงจุดยืนของท่านต่อหน้าอัลลอฮ์ให้ดีเถิด คำพูดของเขาจึงทำให้ฉันเข้มแข็งและอดทน  และฉันไม่เคยแจ้งเบาะแสเกี่ยวกับรายชื่อนักรายงานหะดีษชีอะฮ์ออกไปเลย  ขอขอบคุณอัลลอฮ์
เล่ากันว่า  มีคนจ่ายเงินจำนวนสองหมื่นหนึ่งพันดิรฮัมให้เขารอดตัวออกมาจากที่คุมขัง


อิบนิอบีอุเมรเดิมเป็นคนชาวเมืองแบกแดด เขาได้พบกับอิม่ามมูซากาซิม ได้สดับฟังหะดีษมากมายจากท่าน  อิม่ามกาซิมตั้งฉายาให้เขาว่า โอ้ อบามุฮัมมัด ยิ่งใหญ่เหลือเกินสำหรับเขา ขออัลลอฮ์ทรงเมตตาเขาด้วยเถิด  

ดูริญาล อิบนิดาวูด  เล่ม 1 : 154 อันดับ 1272


อัน นะญาชีกล่าวว่า :

มุฮัมมัด บิน อบีอุมัยรฺ รายงานหะดีษจากอิม่ามริฎอ(อ)

جَلِيْلُ الْقَدْرِ عَظِيْمُ الْمَنْزِلَةِ فِيْناَ

ญะลีลุลก็อดริ อะซีมุลมันซิละฮ์  - เป็นผู้ทรงคุณวุฒิระดับสูง มีสถานะสูงในหมู่พวกเรา(คือชีอะฮ์)

เป็นแกนนำคนหนึ่งของชีอะฮ์  
อิบนิอบีอุเมรถูกคุมขังในช่วงการปกครองของกาหลิบฮารูนรอชีด  เพื่อให้เขาแจ้งเบาะแสเกี่ยวกับที่อยู่ของพวกชีอะฮ์ และบรรดาซอฮาบะฮ์ของอิม่ามมูซา กาซิม(อ)  เขาโดนโบยถึงหนึ่งร้อยที จนเกือบยอมสารภาพเพราะเจ็บมาก แต่เขาได้ยินมุฮัมมัด บินยูนุส(ซอฮาบะฮ์ของอิม่ามกาซิม) เตือนสติว่า

اتَّقِ اللَّهَ يَا مُحَمَّدَ بْنَ أَبِيْ عُمَيْرٍ، فَصَبَرَ فَفَرَّجَ اللهُ

ท่านจงเกรงกลัวอัลลออ์เถิด โอ้มุฮัมมัด บินอบีอุเมร เขาจึงอดทน แล้วอัลลอฮ์ทรงทำให้เขาได้รับความบรรเทา

มีรายงานว่า  กาหลิบมะอ์มูนจับเขาขังคุก จนกระทั่งได้แต่งตั้งเขาให้ไปเป็นผู้พิพากษาบางเมือง  กล่าวกันว่า น้องสาวของอิบนิอบีอุเมรได้แอบเอาตำราต่างๆของเขาไปฝังไว้ ตอนที่เขาติดคุกนานถึงสี่ปี จนตำราของเขาได้รับความเสียหาย  
บ้างก็เล่าว่า เขาตั้งตำราของเขาไว้ในห้อง จนฝนตกลงมาทำให้ตำราเสียหายหมด
เขาจึงต้องรายงานหะดีษจากความจดจำของเขาเอง  ด้วยเหตุนี้บรรดาอัศฮาบของพวกเราจึงมีความเชื่อมั่นต่อหะดีษมุรซัลต่างๆที่เขารายงาน

ดูริญาล นะญาชี  เล่ม 1 : 227 อันดับ 887



วิเคราะห์ -

เมื่อท่านได้อ่านชีวประวัติโดยย่อของนักรายงานหะดีษชีอะฮ์ที่ชื่อ มุฮัมมัด อิบนิอบีอุเมร ซึ่งท่านผู้นี้เป็นซอฮาบะฮ์ของท่านอิม่ามมูซากาซิม ,อิม่ามอะลีริฎอ และอิม่ามมุฮัมมัดญะวาด (คืออิม่ามที่ 7,8,9 )

จะสังเกตุได้ว่า    การถ่ายทอดหะดีษของอะฮ์ลุลบัยต์นบี(อ)สู่ประชาชนในยุคการปกครองของราชวงศ์อุมัยยะฮ์และอับบาซียะฮ์นั้น  นับได้ว่าไม่ใช่เรื่องง่ายๆสำหรับซอฮาบะฮ์ของบรรดาอิม่าม หรือนักรายงานชีอะฮ์ที่จะกระทำได้อย่างเสรี เหมือนพี่น้องอะฮ์ลุสสุนนะฮ์ในยุคนั้นที่สามารถรายงานหะดีษของซอฮาบะฮ์ได้อย่างสบายๆ

รอวีชีอะฮ์โดยส่วนมากต้องใช้ชีวิตอยู่อย่างยากลำบาก  คราใดที่ผู้ปกครองสืบได้ว่า เขาคือบุคคลหนึ่งที่จดจำหะดีษของอะฮ์ลุลบัยต์และทำการถ่ายทอดหะดีษนั้นสู่ประชาชน  รอวี(นักรายงาน)คนนั้นจะถูกตามจับคุมตัวมาขัง มาลงโทษ

ฉะนั้นการบันทึก จดจำหะดีษของบรรดาอิม่าม(อ) จึงเป็นไปด้วยความยากลำบาก  กว่าจะถ่ายทอดจากชนรุ่นก่อน สู่ชนรุ่นต่อๆมา จนมาถึงมือพวกเราในยุคปัจจุบัน

รอวีชีอะฮ์บางคนต้องปิดบัง อำพรางรายชื่อของตัวเองและสายรายงานบางส่วนและบางคนเอาไว้ เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพวกเขา  จนทำให้หะดีษในตำราชีอะฮ์ที่ทรงคุณค่า ต้องประสบปัญหากับหะดีษประเภท " มุรซัล "   คือมีสายรายงานขาดตอน ไม่สมบูรณ์ไปบ้าง

จากปัญหานี้ ทำให้นักวิชาการซุนนี่ ชอบหยิบยกอุปสรรคที่รอวีชีอะฮ์เผชิญในอดีตมาโจมตีว่า  

หะดีษชีอะฮ์ไม่ค่อยมีความถูกต้องในด้านสายรายงาน หรือที่เรียกว่า อิสนาด

ทั้งๆที่พวกเขารู้ดีว่า ปัญหาที่แท้จริงของรอวีชีอะฮ์ในประวัติศาสตร์คืออะไร  แต่พวกเขาแสแสร้งทำเป็นไม่ยอมรับรู้  

หากชาวซุนนี่ได้อ่านหะดีษของอะฮ์ลุลบัยต์นบี(อ)อย่างพินิจพิเคราะห์  ก็จะทราบว่า เนื้อหาสาระของหะดีษเหล่านั้นมีคุณค่ามากมายเพียงใด แต่ก็นั่นแหล่ะครับ   เป็นเพราะพวกเขาขาดความรักอย่างแท้จริงที่มีต่อลูกหลานของท่านศาสดามุฮัมมัด(ศ) จึงทำให้พวกเขามีอคติกับหะดีษของลูกหลานนบี เช่น หะดีษในตำราอัลกาฟี  เป็นต้น


กรณีนักรายงานหะดีษที่ชื่อ " มุฮัมมัด อิบนิอบีอุเมร " คือตัวอย่างหนึ่ง  เขาได้รับฟังหะดีษจากท่านอิม่ามที่ 7,8,9  เขาได้จดจำและบันทึกเอาไว้เป็นตำราอย่างดี  
แต่เมื่อเขาต้องถูกผู้ปกครองรุกรานชีวิต  ถูกจำคุก ถูกโบย ถูกทรมานให้เขาบอกรายชื่อและที่อยู่ของบรรดาชีอะฮ์ของอิม่ามมูซากาซิม ที่หลบซ่อนตัว

ผลคือตำราหะดีษของอะฮ์ลุลุบัยต์นบี(อ)ที่เขาบันทึกไว้ต้องได้รับความเสียหายและสูญหายไปมากมาย สิ่งที่หลงเหลืออยู่สำหรับอิบนิอบีอุเมรคือ ความทรงจดจำเพียงว่า  บรรดาอิม่ามแห่งอะฮ์ลุลบัยต์(อ)ได้สอนสั่งอะไรไว้เท่านั้น  โดยเขาไม่สามารถประติดประต่อสายรายงานหะดีษอันมากมายเหล่านั้นได้เหมือนที่เขาเคยบันทึกไว้เป็นอย่างดีและสมบูรณ์ ซึ่งเป็นสาเหตุมาจากผู้ปกครองที่ทำร้ายเขา  

ตรงนี้ต่างไปจากสภาพชีวิตของรอวีฝ่ายซุนนี่ เพราะส่วนมากพวกเขาไม่ต้องเผชิญชะตากรรมเหมือนกับรอวีชีอะฮ์  พวกเขาจึงสามารถรวบรวม จัดวางระบบหะดีษได้อย่างอิสระเสรี


ความผิดของ \\\" รอวีชีอะฮ์  \\\" ในอดีตมีเพียงโทษฐานเดียวคือ  ถ่ายทอดคำพูดของลูกหลานนบี.  


สรุป


มุฮัมมัด  บิน อบีอุเมร   =  เชื่อถือได้ในการายงาน
ชื่อ: Re:วิจัย มะตั่นและสะนัด วะซียะฮ์ของนบีมุฮัมมัด (ศ)
โดย: L-umar เมื่อ ตุลาคม 28, 2009, 02:23:36 หลังเที่ยง

7. อับดุลลอฮ์ บินสินาน บินเฏาะรีฟ อัลกูฟี


(ท่านต้องสังเกตให้ดีเพราะรอวี ที่ใช้ชื่อนี้ มีหลายคนด้วยกันและมีอยู่หลายยุค)


อับดุลลอฮ์ บินสินาน บินเฏาะรีฟ มีชีวิตอยู่ทัน สามอิม่ามด้วยกันคือ

1.   อิมาม มุฮัมมัด บาเก็ร
2.   อิมามญะอ์ฟัร ศอดิก
3.   อิมามมูซา กาซิม


และอยู่ในสมัยการปกครองของราชวงศ์อับบาซียะฮ์ดังนี้

1.   มันซูร
2.   มะฮ์ดี
3.   ฮาดี
4.   ฮารูน รอชีด


เขารายงานหะดีษจากอิม่ามศอดิก(อ) บ้างกล่าวว่า เขารายงานหะดีษจากอิม่ามกาซิมเช่นกัน ซึ่งไม่ห่างไกลนัก เพราะเขามีชีวิตอยู่ในสมัยเดียวกับท่าน

เขาเป็นเจ้าหน้าที่คุมคลังของกาหลิบมันซูร, มะฮ์ดี,ฮาดีและฮารูนรอชีด ในขณะเดียวกันเขาก็เป็นชีอะฮ์ของอะฮ์ลุลบัยต์  เป็นฟะกีฮฺชีอะฮ์  และเป็นนักรายงานหะดีษที่น่าเชื่อถือด้วย   ไม่มีข้อตำหนิในตัวเขา  

อิม่ามศอดิก(อ)กล่าวเกี่ยวกับเขาว่า

«أما أنه يزيد على السنّ خيراً».

แท้จริงเขานั้น ขอให้ได้เพิ่มความดีงามต่ออายุขัยของเขาด้วย


เขาได้พบเห็นความกะรอมัตจากอิม่ามศอดิก(อ)อันเป้นหลักฐานแสดงถึงความเป็นอิมามัตของท่าน และเป็นผู้หนึ่งที่แบกความลับต่างๆของท่านเอาไว้  เขามีตำรามากมาย ซึ่งนักรายงานมากมายได้รายงานหะดีษเอาไปจากเขา



อัน นะญาชีกล่าวว่า :

عَبْدِ اللَّهِ بْنِ سِنَانٍ بن طريف  مولى بني هاشم، يقال مولى بني أبي طالب، ويقال مولى بني العباس. كان خازنا للمنصور والمهدي والهادي والرشيد، كوفي، ثقة، من أصحابنا، جليل، لا يطعن عليه في شي ء، روى عن أبي عبد الله عليه السلام،

อับดุลลอฮ์ บินสินาน  คือคนรับใช้ของตระกูลฮาชิม บ้างกล่าวว่าตระกูลอบูตอลิบ บ้างกล่าวว่าตระกูลอับบาส(ลุงของนบี ศ.)
เขาเป็นเจ้าหน้าที่คุมกองคลังของกาหลิบมันซูร  , อัลมะฮ์ดี , อัลฮาดีและฮารูนรอชีด (แห่งราชวงศ์อับบาซียะฮ์)  

เขาเป็นชาวเมืองกูฟะฮ์    เชื่อถือได้ในการรายงาน เป็นอัศฮาบคนหนึ่งของพวกเรา   เป็นคนสูงส่ง ไม่โดนตำหนิสิ่งใด  

อับดุลลอฮ์ บิสินาน รายงานหะดีษจากอิม่ามศอดิก(อ)
ดูริญาล นะญาชี  เล่ม 1 : 147 อันดับ 558


เชคตูซี กล่าวว่า :  

عَبْدِ اللَّهِ بْنِ سِنَانٍ   ثِقَةٌ،

อับดุลลอฮ์ บินสินาน   เชื่อถือได้ในการรายงาน

ดูอัลฟะฮ์ร็อส เชคตูซี  เล่ม 1 : 80  อันดับ 423


สรุป

อับดุลลอฮ์ บินสินาน บินเฏาะรีฟ   =  เชื่อถือได้ในการรายงาน
ชื่อ: Re:วิจัย มะตั่นและสะนัด วะซียะฮ์ของนบีมุฮัมมัด (ศ)
โดย: L-umar เมื่อ ตุลาคม 28, 2009, 03:52:55 หลังเที่ยง


8. มะอ์รูฟ บินค็อรบูซ อัลมักกี เป็นตาบีอี ระดับอาวุโส


เขาเป็นคนรับใช้ของตระกูลท่านอุษมาน บินอัฟฟาน

รายงานหะดีษจาก  : อบู ตุฟัยล์ อามิร บินวาษิละฮ์ , บะชีร บินตัยม์ ซอฮาบะฮ์นบี, อัลฮะกัม บินอัลมุสเตาริด , มุฮัมมัด บินอัมรู บินอุตบะฮ์ บินอบีละฮับและคนอื่นๆ

ผู้ที่รายงานหะดีษจากเขา  : อบูดาวูด อัฏเฏาะยาลิซี , อุบัยดฺ บินมะอาซ อัลฮะนะฟี , หะนาน บินสุดัยรฺ , วะกี๊อฺ บินอัลณัรร๊อหฺ  , อับดุลลอฮ์ บินสินาน   และคนอื่นๆ

เขาถูกนับว่าเป็นซอฮาบะฮ์คนหนึ่งของอิมามอะลี บินฮูเซน และอิม่ามบาเก็ร (อ) และเขาได้รายงานหะดีษจากบุคคลทั้งสอง


อัลกัชชี กล่าวว่า

وذكر الكشي اجماع علماء الشيعة على تصديق جماعة من أصحاب أبي جعفر الباقر وأبي عبد اللّه الصادق - عليهما السّلام- ، وانقيادهم لهم بالفقه، وعدّ منهم معروف بن خرّبوذ.
موسوعة أصحاب الفقهاء  ج 28  ص 9 رقم 260

อุละมาอ์ชีอะฮ์มีมติต่อการให้ความเชื่อถือในการรายงานจากบรรดาซอฮาบะฮ์ของอิม่ามบาเก็รและอิม่ามศอดิก(อ) และให้การยอมรับต่อพวกเขาในเรื่องฟิกฮ์
และ" มะอ์รูฟ บินค็อรบูซ " ถูกนับให้เป็นหนึ่งจากบุคคลเหล่านั้นด้วย

ดูเมาซูอะฮ์ อัซฮาบุลฟุเกาะฮาอ์  เล่ม 28 : 9 อันดับ 260


อิบนุดาวูดกล่าวว่า :

مَعْرُوفِ بْنِ خَرَّبُوذٍ،  ممدوح أورد الكشي فيه مدحا وقدحا وثقته أصح

มะอ์รูฟ บินค็อรบูซ  ได้รับการยกย่อง อัลกัชชีกลาวเกี่ยวกับเขาไว้ทั้งคำชมเชยและคำตำหนิ และที่ถูกต้องที่สุดคือ เชาเชื่อถือได้ในการรายงาน  
ดูริญาล อิบนิดาวูด  เล่ม 1 : 185 อันดับ 1576

อัซ ซะฮะบีกล่าวว่า :

معروف بن خربوذ  عن أبى الطفيل     صدوق شيعي

มะอ์รูฟ บินค็อรบูซ  รายงานหะดีษจาก อบี ตุฟัยล์   เชื่อถือได้ เป็นชีอะฮ์
ดูมีซานุลอิ๊อฺติดาล   เล่ม 4 : 144 อันดับ 8655


อิบนุหิบบาน นับว่า  เขาเป็นนักรายงานที่เชื่อถือได้คนหนึ่ง
   
معروف بن خربوذ يروى عن أبى الطفيل

มะอ์รูฟ บินค็อรบูซ รายงานหะดีษจากอบูตุฟัยล์
ดูอัษ ษิกอต ของอิบนิหิบบาน   อันดับ 5603


รายงานของมะอ์รูฟ บินค็อรบูซ ในตำราหะดีษเศาะหิ๊หฺของอะฮ์ลุสสุนนะฮ์

เศาะหิ๊หฺบุคอรี

وَقَالَ عَلِىٌّ حَدِّثُوا النَّاسَ بِمَا يَعْرِفُونَ ، أَتُحِبُّونَ أَنْ يُكَذَّبَ اللَّهُ وَرَسُولُهُ حَدَّثَنَا عُبَيْدُ اللَّهِ بْنُ مُوسَى عَنْ مَعْرُوفِ بْنِ خَرَّبُوذٍ عَنْ أَبِى الطُّفَيْلِ عَنْ عَلِىٍّ بِذَلِكَ

มะอ์รูฟ บินค็อรบูซ จากอบีตุฟัยล์ จากท่านอะลีกล่าวว่า
พวกท่านจงรายงานหะดีษแก่ประชาชนตามสิ่งที่พวกเขารู้และเข้าใจ...
หะดีษที่ 127

เศาะหิ๊หฺมุสลิม

حَدَّثَنَا مَعْرُوفُ بْنُ خَرَّبُوذَ قَالَ سَمِعْتُ أَبَا الطُّفَيْلِ يَقُولُ رَأَيْتُ رَسُولَ اللَّهِ -صلى الله عليه وسلم- يَطُوفُ بِالْبَيْتِ وَيَسْتَلِمُ الرُّكْنَ بِمِحْجَنٍ مَعَهُ وَيُقَبِّلُ الْمِحْجَنَ.

มะอ์รูฟ บินค็อรบูซ กล่าวว่า ฉันได้ยินท่านอบูตุฟัยล์กล่าวว่า ฉันเห็นท่านรอซูล(ศ)...
หะดีษที่ 3136


สรุป

มะอ์รูฟ บินค็อรบูซ  = เชื่อถือได้ในการรายงาน  
ชื่อ: Re:วิจัย มะตั่นและสะนัด วะซียะฮ์ของนบีมุฮัมมัด (ศ)
โดย: L-umar เมื่อ ตุลาคม 28, 2009, 04:00:04 หลังเที่ยง

9. อบู ตุฟัยล์   อามิร บินวาษิละฮ์ เป็นซอฮาบะฮ์นบี  มรณะ ฮ.ศ. 107


อิบนุดาวูดกล่าวว่า :

عَامِرِ بْنِ وَاثِلَةَ الكنانى يكنى أَبا الطُّفَيْلِ أدرك ثمانى سنين من حياة النبي صلى الله عليه وآله ولدعام احد من خواصه - عليه السلام -

อามิร บินวาษิละฮ์  ฉายา อบูตุฟัยล์   เขาอยู่ทันแปดปี จากการมีชีวิตของท่านนบี(ศ) เกิดในปีสงครามอุฮูด  เป็นหนึ่งจากคนสนิทของท่านอะลี (อ)

ดูริญาล อิบนิดาวูด  เล่ม 1 : 109 อันดับ 806
และริญาลเชคตูซี   เล่ม 1 : 22 อันดับ 646

อิบนุหิบบาน กล่าวว่า :

عَامِرِ بْنِ وَاثِلَةَ أبو الطفيل المكى أدرك ثمان سنين من حياة رسول الله صلى الله عليه و سلم ومات بمكة سنة سبع ومائة وهو آخر من مات من أصحاب رسول الله صلى الله عليه و سلم بمكة وهو من بنى كنانة
อามิร บินวาษิละฮ์ อบูตุฟัยล์ ชาวเมืองมักกะฮ์
เขาอยู่ทันแปดปี จากการมีชีวิตของท่านนบี(ศ) เกิดในปีสงครามอุฮูด และเสียชีวิตฮ.ศ. 107 และเขาเป็นซอฮาบะฮ์คนสุดท้ายที่เสียชีวิตที่เมืองมักกะฮ์ เขามาจากเผ่าบนีกินานะฮ์

ดูอัษ ษิกอต ของอิบนนิหิบบาน   อันดับ 940

อัลอิจญ์ลี กล่าวว่า :

عَامِرِ بْنِ وَاثِلَةَ أبو الطفيل مكي ثقة نزل الكوفة مع علي وكان من كبار التابعين

อามิร บินวาษิละฮ์ อบูตุฟัยล์ ชาวเมืองมักกะฮ์  เชื่อถือได้ในการรายงาน  
พำนักอยู่ที่เมืองกูฟะฮ์กับท่านอะลี เป็นตาบิอีนอาวุโสคนหนึ่ง และเขาได้พบเห็นท่านนบี(ศ)

ดูอัษ ษิกอต ของอิจญ์ลี   อันดับ 830

อิบนุอบีหาติม กล่าวว่า :

عَامِرِ بْنِ وَاثِلَةَ أبو الطفيل الليثي المكى البكري أدرك من حياة النبي صلى الله عليه و سلم ثمان سنين ولد عام أحد
روى عنه الزهرى ومعروف بن خربوذ ويزيد بن مليك والجريري وعبيد الله بن أبى زياد وعمارة بن ثوبان

อามิร บินวาษิละฮ์ อบูตุฟัยล์ อัลลัยษี ชาวเมืองมักกะฮ์  
เขาอยู่ทันช่วงที่ท่านนบี(ศ)ยังมีชีวิตอยู่ได้แปดปี  เกิดในปีสงครามอุฮุด
ผู้ที่รายงานหะดีษจากเขา อัซ ซุฮ์รี , มะอืรูฟ บินค็อรบูซ , ยะซีด บินมะลีก, อัลญะรีร, อุบัยดุลลอฮ์ บินอบีซิยาด , อิมาเราะฮ์

ดูอัลญัรฮุ วัต ตะอ์ดีล   อันดับ 1829



สรุป

อบูตุฟัยล์ อามิร บินวาษิละฮ์  ซอฮาบะฮ์นบี   =  เชื่อถือได้ในการรายงาน  
ชื่อ: Re:วิจัย มะตั่นและสะนัด วะซียะฮ์ของนบีมุฮัมมัด (ศ)
โดย: L-umar เมื่อ ตุลาคม 28, 2009, 04:32:08 หลังเที่ยง


10. หุซัยฟะฮ์ บินอะสีด อัลฆิฟารี  เป็นซอฮาบะฮ์  มรณะ ฮ.ศ. 42  



เชคตูซี กล่าวว่า :

حُذَيْفَةَ بْنِ أَسِيدٍ الْغِفَارِيِّ أبو سريحة، صاحب النبي صلى الله عليه وآله وسلم،

หุซัยฟะฮ์ บินอะสีด อัลฆิฟารี อบูสะรีหะฮ์  คือซอฮาบะฮ์ของท่านนบี(ศ)

ดูริญาล เชคตูซี  เล่ม 1 : 9 อันดับ 179


อัลอิจญ์ลี กล่าวว่า :

حذيفة بن أسيد الغفاري يكنى أبو سريحة من أصحاب النبي صلى الله عليه و سلم

หุซัยฟะฮ์ บินอะสีด อัลฆิฟารี ฉายา อบูสะรีหะฮ์  คือซอฮาบะฮ์ของท่านนบี(ศ)

ดูอัษ ษิกอต ของอัลอิจญ์ลี อันดับที่ 277



อิบนุหะญัร กล่าวว่า

حذيفة بن أسيد  ويقال ابن أمية بن أسيد أبو سريحة الغفاري.
شهد الحديبية وقيل انه بايع تحت الشجرة.
وروى عن النبي صلى الله عليه وسلم وعن أبي بكر وعلي وأبي ذر.
وعنه أبو الطفيل والشعبي و مَعْبَدُ بْنُ خَالِدٍ وهِلال بن أَبِي حَصِينٍ وغيرهم.

หุซัยฟะฮ์ บินอะสีด  กล่าวกันว่าเขาคือ บุตรของอุมัยยะฮ์ บินอะสีด  ฉายาอบูสะรีหะฮ์ อัลฆิฟารี
อยู่ร่วมในเหตุการณ์ฮุดัยบียะฮ์ กล่าวกันว่า เขาคือหนึ่งจากผู้ให้สัตยาบันใต้ต้นไม้
รายงานหะดีษจาก  : ท่านนบี(ศ), ท่านอบูบักร , ท่านอะลี และท่านอบูษัร
ผู้ที่รายงานจากเขา  : อบู ตุฟัยล์ ,อัชชะอ์บี , มะอ์บัด บินคอลิด, ฮิล้าล บินอบีหะศีน และคนอื่นๆ  

ดูตะฮ์ซีบุต ตะฮ์ซีบ อันดับที่ 403



สรุป

หุซัยฟะฮ์ บินอะสีด อัลฆิฟารี อบูสะรีหะฮ์  คือซอฮาบะฮ์คนหนึ่งของท่านนบีมุฮัมมัด(ศ)



บทสรุป สำหรับสายรายงานหะดีษบทที่  1  

ท่านคงได้อ่านคำวิจารณ์ของอุละมาอ์สาขาริญาลเกี่ยวกับ สถานะของนักรายงานทั้งสิบคนแล้วนะครับว่า   พวกเขาอยู่ในสถานะที่ เชื่อถือได้  

ดังนั้น สะนัดหะดีษ นี้จึง  เชื่อถือได้    เมื่อสะนัดหะดีษถูกต้อง  ความหมายหะดีษย่อมถูกต้อง

ส่วนความหมายหะดีษนี้  อุละมาอ์ชีอะฮ์ทั้งหมดล้วนแปลคำว่า  เมาลา  หรือ วะลี ว่าหมายถึง ผู้ปกครอง   อยู่แล้วเพราะมันคือ อะกีดะฮ์ของชีอะฮ์ที่ว่า  ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)ได้แต่งตั้งท่านอะลีเป็นคอลีฟะฮืที่เฆาะดีรคุม


หมายเหตุ

อาจพี่น้องซุนนี่บางท่านแย้งว่า หะดีษบทนี้ในทัศนะของเชคอัลบานีนั้น  ดออีฟ

อินชาอัลลอฮ์  เราจะอธิบายให้ท่านทราบรายละเอียดต่อไป

 
والحمد لله وصلي الله علي محمد وآله وسلم
ชื่อ: Re:วิจัย มะตั่นและสะนัด วะซียะฮ์ของนบีมุฮัมมัด (ศ)
โดย: L-umar เมื่อ ตุลาคม 30, 2009, 03:34:49 หลังเที่ยง


เราพบหะดีษ เฆาะดีร ทำนองเดียวกับตำราชีอะฮ์ถูกบันทึกอยู่ในตำราฝ่ายซุนนี่ดังนี้คือ


อัฏ ฏ็อบรอนี (ฮ.ศ. 260-360 ) บันทึกไว้สองบทคือ


حَدَّثَنَا مُحَمَّدُ بْنُ الْفَضْلِ السَّقْطِىُّ ثَنَا سَعِيدُ بْنُ سُلَيْمَانَ  وَحَدَّثَنَا مُحَمَّدُ بْنُ عَبْدِ اللَّهِ الْحَضْرَمِيِّ و زَكَرِيَّا بْنُ يَحْيَى الساجي قالا ثنا نَصْرُ بْنُ عَبْدِ الرَّحْمَنِ الوَشاَّءُ ثنا زَيْدُ بْنُ الْحَسَنِ الْأَنْمَاطِيُّ ثَنَا مَعْرُوفُ بْنُ خَرَّبُوذَ: عَنْ أَبِي الطُّفَيْلِ عَنْ حُذَيْفَةَ بْنِ أَسِيدٍ الْغِفَارِيِّ أَنَّ رَسُولَ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ قَالَ: أيها الناس إني فرط لكم واردون علي الحوض حوض أعرض ما بين صنعاء وبصرى فيه عدد النجوم قدحان من فضة وإني سائلكم حين تردون علي عن الثقلين فانظروا كيف تخلفوني فيهما السبب الأكبر كتاب الله عز و جل سبب طرفه بيد الله وطرفه بأيديكم فاستمسكوا به ولا تضلوا ولا تبدلوا وعترتي أهل بيتي فإنه قد نبأني اللطيف الخبير أنهما لن ينقضيا حتى يردا علي الحوض
المعجم الكبير  ج 3 / ص 180  ح 2683

มุฮัมมัด บินอัลฟัฎลิ อัส สักฏีเล่าให้เราฟัง  สะอีด บินสุลัยมานเล่าให้เราฟัง และมุฮัมมัด บินอับดุลลอฮ์ อัลหัฎร่อมีกับซะกะรียา บินยะห์ยา อัส สาญี เล่าให้เราฟัง เขาทั้สองกล่าวว่า  นัศรุ บินอับดุลเราะห์มาน อัลวัชชาอฺ เซด บินอัลฮาซัน อัลอันมาฏีเล่าให้เราฟัง  มะอ์รูฟ บินค็อรบูซ เล่าให้เราฟัง จากอบี ตุฟัยล์  จากหุซัยฟะฮ์ บินอะสีด อัลฆิฟารี  แท้จริงท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)กล่าวว่า

โอ้ประชาชนทั้งหลาย ฉันจะล่วงหน้าไปก่อนพวกท่าน และ(พวกท่าน)จะเข้ามาหาฉันที่สระน้ำนั้น สระน้ำนั้น มีความกว้างของมันอยู่ระหว่างเมืองศ็อนอาอ์(ซีเรีย) กับเมืองบัศเราะฮ์(อิรัก) ในสระน้ำนั้นมีแก้วทำจากเงินจำนวน(มากมาย)เท่ากับดวงดาว(ในท้องฟ้า)และฉันจะเป็นผู้ถามพวกท่าน ตอนที่พวกท่านเข้ามาพบฉัน(ที่สระน้ำ) เกี่ยวกับ อัษ-ษะเกาะลัยน์ (คือกิตาบและอะฮ์ลุลบัยต์ของฉัน)  ดังนั้นจงดูเถิดว่า พวกท่านจะรับทอดต่อจากฉันในสองสิ่งนั้นไปอย่างไร  ?
สะบับอันใหญ่ที่สุดคือ คัมภีร์ของอัลเลาะฮ์ อัซซะวะญัล สาเหตุด้านหนึ่งของคัมภีร์อยู่ในพระหัตถ์ของอัลลอฮ์ ส่วนอีกด้านหนึ่งอยู่ในมือของพวกท่าน  เพราะฉะนั้นขอให้พวกท่านยึดมั่นต่อคัมภีร์นั้นให้เหนี่ยวแน่น และจงอย่าหลงทาง และอย่าดัดแปลง
(ส่วนสิ่งหนักอันรองคือ) อิตเราะฮ์ของฉัน คืออะฮ์ลุลบัยต์ของฉัน  
เพราะแท้จริง(อัลเลาะฮ์)ผู้ทรงปรานี ผู้ทรงรอบรู้อย่างถี่ถ้วน ได้แจ้งให้ฉันทราบว่า ทั้งสองสิ่งนี้ จะไม่สูญสิ้นอย่างเด็ดขาดจนกว่าทั้งสองจะกลับมาหาฉันที่อัลเฮาฎ์(สระเกาษัร)

อ้างอิงจาก
อัลมุอ์ญัม อัลกะบีร โดยอัฏ ฏ็อบรอนี  เล่ม 3 : 180 หะดีษ 2683


และ


مُحَمَّدُ بْنُ عَبْدِ اللَّهِ الْحَضْرَمِيِّ و زَكَرِيَّا بْنُ يَحْيَى الساَّجِيّ قاَلاَ ثَناَ نَصْرُ بْنُ عَبْدِ الرَّحْمَنِ الوَشاَّءُ  و حَدَّثَنَا أَحْمَدُ بْنُ الْقَاسِمِ بْنِ مُسَاوِرٍ الجوهري ثَنَا سَعِيدُ بْنُ سُلَيْمَانَ الواسطي قاَلاَ ثَناَ زَيْدُ بْنُ الْحَسَنِ الْأَنْمَاطِيُّ ثَنَا مَعْرُوفُ بْنُ خَرَّبُوذَ: عَنْ أَبِي الطُّفَيْلِ عَنْ حُذَيْفَةَ بْنِ أَسِيدٍ الْغِفَارِيِّ قاَلَ :
لما صدر رسول الله صلى الله عليه و سلم من حجة الوداع نهى أصحابه عن شجرات بالبطحاء متقاربات أن ينزلوا تحتهن ثم بعث إليهن فقم ما تحتهن من الشوك وعمد إليهن فصلى تحتهن ثم قام فقال : يا أيها الناس إني قد نبأني اللطيف الخبير أنه لم يعمر نبي إلا نصف عمر الذي يليه من قبله وإني لأظن أني يوشك أن أدعى فأجيب وإني مسؤول وإنكم مسؤولون فماذا أنتم قائلون ؟ قالو : نشهد أنك قد بلغت وجهدت ونصحت فجزاك الله خيرا فقال : أليس تشهدون أن لا إله إلا الله وأن محمدا عبده ورسوله وأن جنته حق وناره حق وأن الموت حق وأن البعث بعد الموت حق وأن الساعة آتية لا ريب فيها وأن الله يبعث من في القبور قالوا : بلى نشهد بذلك قال : اللهم اشهد ثم قال أيها الناس إن الله مولاي وأنا مولى المؤمنين وأنا أولى بهم من أنفسهم فمن كنت مولاه - يعني عليا - اللهم وال من والاه وعاد من عاداه ثم قال : يا أيها الناس إني فرطكم وإنكم واردون علي الحوض حوض أعرض ما بين بصرى وصنعاء فيه عدد النجوم قدحان من فضة وإني سائلكم حين تردون علي عن الثقلين فانظروا كيف تخلفوني فيهما الثقل الأكبر كتاب الله عز و جل سبب طرفه بيد الله وطرفه بأيديكم فاستمسكوا به لا تضلوا ولا تبدلوا وعترتي أهل بيتي فإنه نبأني اللطيف الخبير أنهما لن ينقضيا حتى يردا علي الحوض
المعجم الكبير  ج 3 / ص 180  ح 3052


มุฮัมมัด บินอับดุลลอฮ์ อัลหัฎร่อมี( ตายฮ.ศ.297) กับซะกะรียา อัส สาญี( ตายฮ.ศ.307)  ทั้งสองกล่าวว่า นัศรุ บินอับดุลเราะห์มาน อัลวัชชาอฺ( ตายฮ.ศ.248)  เล่าให้เราฟัง และอะหมัด บินอัลกอสิม บินมุสาวิร อัลเญาฮะรี( ตายฮ.ศ.293)  กับสะอีด บินสุลัยมาน อัลวาสิฏี( ตายฮ.ศ.225)  เล่าให้เราฟัง ทั้งสองกล่าวว่า เซด บินอัลฮาซัน อัลอันมาฏี เล่าให้เราฟัง มะอ์รูฟ บินค็อรบูซ เล่าให้เราฟัง จากอบี ตุฟัยล์ จากหุซัยฟะฮ์ บินอะสีด อัลฆิฟารี กล่าวว่า  

เมื่อท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ) ออกมาจากการประกอบพิธีหัจญะตุลวิดาอ์ ท่านได้ห้ามบรรดาซอฮาบะฮ์ของท่าน จากพุ่มไม้ใหญ่ที่บัฏฮาอ์ (ระหว่างมักกะฮ์กับมะดีนะฮ์ ) มิให้แวะพักที่ใต้พุ่มต้นไม้นั้น  จากนั้นท่านได้ส่งคนไปยังพวกเขา แล้วเขาได้ปัดกวาดหนามออกไปจากบริเวณใต้พุ่มไม้นั้น แล้วท่านได้เอาสถานที่ตรงนั้น แล้วท่านได้นมาซใต้พุ่มไม้นั้น  จากนั้นท่านได้ลุกขึ้นปราศัยว่า
โอ้ประชาชนทั้งหลาย แท้จริง(อัลเลาะฮ์)ผู้ทรงปรานี ผู้ทรงรอบรู้อย่างถี่ถ้วน ได้แจ้งให้ฉันทราบว่า ไม่เคยมีนบีคนใด(มีอายุยืนยาว) นอกจากเพียงครึ่งหนึ่งของคนที่อยู่มาแล้วก่อนหน้าเขา  และตัวฉันคิดว่า ฉันก็ใกล้จะถูกเรียกกลับแล้ว แล้วฉันก็ตอบรับ  และแท้จริงฉันต้องถูกสอบถาม และพวกท่านก็ต้องถูกสอบถาม  นั้นพวกท่านจะว่าอย่างไร ? พวกเขากล่าวว่า  เราขอเป็นพยานยืนยันว่า แท้จริงท่านได้ทำหน้าที่ประกาศแล้ว ได้ต่อสู้เสียสละแล้ว  และได้ตักเตือนแล้ว ขออัลลอฮ์ทรงตอบแทนความดีงามแก่ท่านด้วย
ท่านกล่าวว่า  ก็พวกท่านได้ปฏิญาณตนมิใช่ดอกหรือว่า ไม่ไม่พระเจ้าอื่นใด นอกจากอัลลอฮ์ และแท้จริงมุฮัมมัดเป็นบ่าวของพระองค์และคือรอซูลของพระองค์ และแท้จริง สวรรค์ของพระองค์  นรกของพระองค์  ความตาย การฟื้นคืนชีพ นั้นมีจริง และแท้จริงวันอวสานนั้นต้องเกิดแน่ อย่างไม่ต้องสงสัยในมัน และอัลลอฮ์จะทำให้คนที่อยู่ในสุสานทั้งหลายฟื้นคืนชีพขึ้นมา พวกเขากล่าวว่า  ใช่แล้วครับ พวกเราขอให้การยืนยันต่อสิ่งเหล่านั้น(ว่าเป็นความจริง) ท่านกล่าวว่า โอ้อัลลอฮ์ โปรดเป็นพยานด้วย  จากนั้นท่านกล่าวว่า  โอ้ประชาชนทั้งหลาย แท้จริงอัลลอฮ์คือผู้คุ้มครองฉัน และฉันคือผู้ปกครองของมุอ์มินทั้งหลาย  และฉันยังมีสิทธิต่อพวกเขามากกว่าตัวของพวกเขาเอง  ฉะนั้นบุคคลใดก็ตามที่ฉันเป็นผู้ปกครองของเขา ดังนั้นอะลีก็เป็นผู้ปกครองของเขา   โอ้อัลลอฮ์โปรดรักผู้ที่เป็นมิตรต่อเขา และโปรดชิงชังผู้ที่เป็นศัตรูต่อเขา  จากนั้นท่านกล่าวว่า
โอ้ประชาชนทั้งหลาย ฉันจะล่วงหน้าไปก่อนพวกท่าน และพวกท่านจะเข้ามาหาฉันที่สระน้ำนั้น สระน้ำนั้น มีความกว้างของมันอยู่ระหว่างเมืองบัศเราะฮ์(อิรัก) กับเมืองศ็อนอาอ์(ซีเรีย) ในสระน้ำนั้นมีแก้วทำจากเงินจำนวน(มากมาย)เท่ากับดวงดาว(ในท้องฟ้า)และฉันจะเป็นผู้ถามพวกท่าน ตอนที่พวกท่านเข้ามาพบฉัน(ที่สระน้ำ) เกี่ยวกับ อัษ-ษะเกาะลัยน์  ดังนั้นจงดูเถิดว่า พวกท่านจะรับทอดต่อจากฉันในสองสิ่งนั้นไปอย่างไร
สิ่งหนักที่สุดคือ คัมภีร์ของอัลเลาะฮ์ อัซซะวะญัล สาเหตุด้านหนึ่งของคัมภีร์อยู่ในพระหัตถ์ของอัลลอฮ์ ส่วนอีกด้านหนึ่งอยู่ในมือของพวกท่าน  ดังนั้นขอให้พวกท่านยึดมั่นต่อคัมภีร์นั้นให้เหนี่ยวแน่น และจงอย่าหลงทาง และอย่าดัดแปลง (ส่วนสิ่งหนักอันรองคือ) อิตเราะฮ์ของฉัน คืออะฮ์ลุลบัยต์ของฉัน   เพราะแท้จริง(อัลเลาะฮ์)ผู้ทรงปรานี ผู้ทรงรอบรู้อย่างถี่ถ้วน ได้แจ้งให้ฉันทราบว่า ทั้งสองสิ่งนี้ จะไม่สูญสิ้นอย่างเด็ดขาดจนกว่าทั้งสองจะกลับมาหาฉันที่อัลเฮาฎ์(สระเกาษัร)

อ้างอิงจาก
อัลมุอ์ญัม อัลกะบีร โดยอัฏ ฏ็อบรอนี  เล่ม 3 : 180 หะดีษ 3052


แต่พี่น้องซุนนี่อาจแย้งว่า หะดีษเฆาะดีรทั้งสองบทดังกล่าว  

มีการตรวจทานสายรายงานไว้หนังสือ  อัส ซิลซิละตุฏ เฎาะอีฟะตุ วัลเมาฎูอะฮ์  

เล่ม  10 : 679 หะดีษ 4961

السلسلة الضعيفة والموضوعة  ج 10 ص 679 ح 4961

ท่านเชคอัลบานีกล่าวว่า

قُلْتُ : وهذا إسناد ضعيف ؛ من أجل الأنماطي هذا ؛

อิสนาดนี้ คือสายรายงานหะดีษนี้   " ดออีฟ "   อันเนื่องมาจากนักรายงานที่ชื่อ  อัลอันมาฏี



วิจารณ์

หะดีษเฆาะดีรทั้งสองในหนังสือมุอ์ญัมกะบีร  หะดีษที่ 2683 และ 3052  ถูกวิจารณ์ว่า  " ดออีฟ "  

เนื่องจากพบว่าทั้งสองสะนัด(สายการรายงาน)ดังกล่าวปรากฏนักรายงานชื่อ " เซด บินฮาซัน อัลอันมาฏี "    

โปรดทราบว่า อบูฮาติมเพียงคนเดียวที่วิจารณ์ว่า  เซด บินฮาซัน อัลอันมาฏี  เชื่อถือไม่ได้

และอุละมาอ์ซุนนี่คนอื่นๆก็ยึดตามคำวิจารณ์นี้เช่น ท่านฮัยษะมี  ท่านสิยูตี ดังนี้


قال الهيثمي  :  رواه الطَّبَرَانِيُّ وَفِيهِ زَيْدُ بْنُ الْحَسَنِ الْأَنْمَاطِيُّ ، قَالَ أَبُو حَاتِمٍ مُنْكَرُ الْحَدِيثِ وَوَثَّقَهُ اِبْنُ حِبَّانَ وَبَقِيَّةُ رِجَالِ أَحَدِ الْإِسْنَادَيْنِ ثِقَاتٌ   كتاب : مجمع الزوائد ومنبع الفوائد  ج 9 ص 259 ح 14966

อัลฮัยษะมี กล่าวว่า : เซด บินฮาซัน อัลอันมาฏีในทัศนะของอบูฮาติม   มุงกัร หะดีษ ส่วนอิบนิฮิบบาน กล่าวว่าเขาเชื่อถือได้  และนักรายงานที่เหลือทั้งสองสะนัด  เชื่อถือได้ทั้งหมด
ดูมัจญ์มะอุซ ซะวาอิด หะดีษที่ 14966

قال السيوطي : زَيْدُ بْنُ الْحَسَنِ الْأَنْمَاطِيُّ ، قَالَ أَبُو حَاتِمٍ مُنْكَرُ الْحَدِيثِ وَوَثَّقَهُ اِبْنُ حِبَّانَ وَبَقِيَّةُ رِجَالِ أَحَدِ الْإِسْنَادَيْنِ ثِقَاتٌ   كتاب : جامع الأحاديث  ج 10 ص 464  ح 10039

สิยูตี กล่าวว่า : เซด บินฮาซัน อัลอันมาฏีในทัศนะของอบูฮาติม   มุงกัร หะดีษ ส่วนอิบนิฮิบบาน กล่าวว่าเขาเชื่อถือได้  และนักรายงานที่เหลือทั้งสองสะนัด  เชื่อถือได้ทั้งหมด
ดูญามิอุล อะฮาดีษ หะดีษที่ 10039

เพราะฉะนั้นคำวิจารณ์ของ" อบูฮาติม " คือ หลักฐานอ้างอิงของเชคอัลบานี  ,อัลฮัยษะมี และสิยูตีและของคนอื่นๆด้วย



ขอแย้งว่า คำวิจารณ์นี้ใช่ไม่ได้ และไม่ถูกต้อง  ด้วยเหตุผลดังนี้

หนึ่ง –
หะดีษเรื่องแต่งตั้งท่านอะลีที่เฆาะดีร เราถือว่าเพียงพอแล้วด้วยหะดีษเฆาะดีรจากสายรายงานอื่นๆ ที่อุละมาอ์ซุนนี่ให้การรับรองว่า สะนัดของมัน  ถูกต้อง เชื่อถือได้ ตามที่เราแสดงไปแล้วแต่ต้น โปรดย้อนกลับไปดูหะดีษก่อนหน้านี้

สอง -  ท่านติรมิซี หนึ่งในอัศฮาบุส-สุนันวิจารณ์หะดีษของเซด บินฮาซัน อัลอันมาฏี อยู่ในสถานะ " ฮาซัน "  

حَدَّثَنَا نَصْرُ بْنُ عَبْدِ الرَّحْمَنِ الْكُوفِىُّ حَدَّثَنَا زَيْدُ بْنُ الْحَسَنِ هُوَ الأَنْمَاطِىُّ عَنْ جَعْفَرِ بْنِ مُحَمَّدٍ عَنْ أَبِيهِ عَنْ جَابِرِ بْنِ عَبْدِ اللَّهِ قَالَ رَأَيْتُ رَسُولَ اللَّهِ -صلى الله عليه وسلم- فِى حَجَّتِهِ يَوْمَ عَرَفَةَ وَهُوَ عَلَى نَاقَتِهِ الْقَصْوَاءِ يَخْطُبُ فَسَمِعْتُهُ يَقُولُ « يَا أَيُّهَا النَّاسُ إِنِّى قَدْ تَرَكْتُ فِيكُمْ مَا إِنْ أَخَذْتُمْ بِهِ لَنْ تَضِلُّوا كِتَابَ اللَّهِ وَعِتْرَتِى أَهْلَ بَيْتِى ».
قَالَ وَفِى الْبَابِ عَنْ أَبِى ذَرٍّ وَأَبِى سَعِيدٍ وَزَيْدِ بْنِ أَرْقَمَ وَحُذَيْفَةَ بْنِ أَسِيدٍ.
قَالَ وَهَذَا حَدِيثٌ حَسَنٌ غَرِيبٌ مِنْ هَذَا الْوَجْهِ. قَالَ وَزَيْدُ بْنُ الْحَسَنِ قَدْ رَوَى عَنْهُ سَعِيدُ بْنُ سُلَيْمَانَ وَغَيْرُ وَاحِدٍ مِنْ أَهْلِ الْعِلْمِ.   كتاب : سنن الترمذي  ح : 4155

นัศรุ บินอับดุลเราะห์มานอัลกูฟีเล่าให้เราฟัง เซดบินอัลฮาซัน คืออัลอันมาฎีเล่าให้เราฟัง จากญะอ์ฟัร บินมุฮัมมัด จากบิดาเขา(มุฮัมมัดบินอะลี) จากญาบิร บินอับดุลลอฮฺ เล่าว่า : ฉันเห็นท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)ในการประกอบพิธีฮัจญ์ของท่านในวันอะเราะฟะฮ์ ซึ่งท่านอยู่บนหลังอูฐกำลังปราศรัย แล้วฉันได้ยินท่านกล่าวว่า  โอ้ประชาชนทั้งหลาย แท้จริงฉัน ทิ้งไว้ให้แก่พวกท่านถึงสิ่งซึ่งหากพวกท่านยึดมั่นต่อสิ่งนั้น  พวกท่านจะไม่หลงทางโดยเด็ดขาด สิ่งนั้นคือ คัมภีร์ของอัลเลาะฮ์ และอิตเราะตีคืออะฮ์ลุลบัยต์ของฉัน
อัตติรมิซีกล่าวว่า ในบาบนี้ยังมีรายงานมาจากท่านอบูษัร , อบูสะอีด ,เซดบินอัรกอมและหุซัยฟะฮ์
อัตติรมิซีกล่าวว่า  หะดีษบทนี้ (มีสถานะ) ฮาซัน เฆาะรีบ จากทางด้านนี้

สาม-  
อบูฮาติมกล่าวว่า เซด บินฮาซัน อัลอันมาฏี  การรายงานถูกปฏิเสธ (มุงกัร)  
อิบนุฮิบบานกล่าวว่า   เซด บินฮาซัน อัลอันมาฏี  การรายงานเชื่อถือได้  ดูอัษษิกอต เล่ม 6 : 314  
อัตติรมิซีกล่าวว่า  หะดีษของเซด บินฮาซัน อัลอันมาฏี  มีสถานะ ฮาซัน เฆาะรีบ
อย่างน้อยหะดีษของเซด บินฮาซัน อัลอันมาฏี  ก็น่าจะอยู่ในสถานะ " ฮาซัน  " มิใช่หรือ

สี่-
หะดีษเฆาะดีรในทำนองนี้ยังมีสายรายงานที่อยู่ในระดับเศาะหิ๊หฺ จนถึงระดับมุตะวาติร มาค้ำประกันอีก ยังไม่พออีกหรือ
ห้า –
การที่อบูอาติมและอุละมาอ์ซุนนี่คนอื่นๆวิจารณ์ เซด บินฮาซัน อัลอันมาฏี ว่า " มุงกัร หะดีษ " คงมีสาเหตุดังนี้ 1,ตะอัซซุบในมัซฮับของตน 2,ขาดความเที่ยงธรรมในการวิจารณ์ 3,ไม่สามารถยอมรับหะดีษฟะฎออิลของอะฮ์ลุลบัยต์นบีได้  4,ชิงชังท่านอะลีแบบหลบใน



เราขอฝากหะดีษบทนหนึ่งสำหรับบุคคลเหล่านั้นคือ     ท่านนบี(ศ)กล่าวกับท่านอะลีว่า

لَا يُحِبُّكَ إِلَّا مُؤْمِنٌ وَلَا يُبْغِضُكَ إِلَّا مُنَافِقٌ

จะไม่มีใครรักเจ้า นอกจาก มุอ์มิน และจะไม่มีใครชิงชังเจ้า นอกจาก มุนาฟิก


สถานะหะดีษ  : เศาะหิ๊หฺ  ดูหนังสือ

มุสนัดอะหมัด  ฉบับตรวจทานโดยเชคชุเอบอัลอัรนะอูฏี หะดีษ 1062
ซอฮีฮุต – ติรมิซี   ฉบับตรวจทานโดยเชคอัลบานี  หะดีษ 2938


والحمد لله وصلي الله علي محمد وآله وسلم
ชื่อ: Re:วิจัย มะตั่นและสะนัด วะซียะฮ์ของนบีมุฮัมมัด (ศ)
โดย: L-umar เมื่อ ตุลาคม 30, 2009, 03:48:26 หลังเที่ยง


วิเคราะห์สายรายงานที่   2


1,มุฮัมมัด บินอะลี→2,อะหมัด บินซิยาด บินญะอ์ฟัร อัลฮะมะดานี→3,อะลี บินอิบรอฮีม บินฮาชิม→4,มุฮัมมัด อิบนิ อบีอุมัยรฺ→5,ฆิยาษ บินอิบรอฮีม→6,ญะอ์ฟัร บินมุฮัมมัด อัศ-ศอดิก→7,มุฮัมมัด บินอะลี อัลบาเก็ร→8,อะลี บินฮูเซน  ซัยนุลอาบิดีน→9,ฮูเซน บินอะลี→10,อมีรุลมุอ์มินีน  อะลี บินอบีตอลิบ



1,มุฮัมมัด บินอะลี :
คืออบูญะอ์ฟัร มุฮัมมัด บินอะลี บินฮูเซน บินบาบะวัยฮฺ อัลกุมมี รู้จักกันในนามเชคศอดูก อยู่ในยุคตัวแทนพิเศษคนสุดท้ายของอิม่ามมะฮ์ดี = การรายงานเชื่อถือได้    

เชคศอดูกรายงานหะดีษจากบิดาเขาชื่อ
อะลี บินฮูเซน บินบาบะวัยฮฺ อัลกุมมี บิดาเชคศอดูกเคยเข้าพบอิม่ามท่านที่ 11 และอยู่จนถึงยุคฆ็อยบะฮ์ของอิม่ามท่านที่ 12   = การรายงานเชื่อถือได้    

2,อะหมัด บินซิยาด บินญะอ์ฟัร อัลฮะมะดานี  :
ซอฮาบะฮ์ของอิม่ามท่านที่ 10 อัลฮาดี = การรายงานเชื่อถือได้    

3,อะลี บินอิบรอฮีม บินฮาชิม
รายงานจากบิดาเขา  : ซอฮาบะฮ์ของอิม่ามท่านที่ 9 อัลญะวาด   อะลีรายงานหะดีษนี้จากบิดาเขาคืออิบรอฮีม อยู่ในยุคของอิม่ามท่านที่ 8 อัลริฎอ = การรายงานของทั้งสองเชื่อถือได้

4,มุฮัมมัด อิบนิ อบีอุมัยรฺ  :
ซอฮาบะฮ์ของอิม่ามท่านที่ 7 อัลกาซิม  = การรายงานเชื่อถือได้    

5,ฆิยาษ บินอิบรอฮีม :
ซอฮาบะฮ์ของอิม่ามท่านที่ 6 อัศศอดิก  = การรายงานเชื่อถือได้    

6,ญะอ์ฟัร บินมุฮัมมัด อัศ-ศอดิก อิม่ามท่านที่ 6  เป็นตาบิ๊อฺ - ตาบิอีน

7,มุฮัมมัด บินอะลี อัลบาเก็ร อิม่ามท่านที่ 5  เป็นตาบิอี

8,อะลี บินฮูเซน  ซัยนุลอาบิดีน อิม่ามท่านที่ 4   เป็นตาบิอี

9,ฮูเซน บินอะลี  อิม่ามท่านที่ 3  น้องชายอิม่ามท่านที่ 2 ฮาซัน  อิม่ามฮูเซนรายงานหะดีษจากบิดา  ทั้งสองเป็นซอฮาบะฮ์

10,อมีรุลมุอ์มินีน  อะลี บินอบีตอลิบ อิม่ามท่านที่ 1  เป็นซอฮาบะฮ์



สรุป:

นักรายงานหะดีษทุกคน " ษิเกาะฮ์ "  คือ " เชื่อถือได้ "  
 
เพราะฉะนั้นสะนัดของหะดีษที่สอง จึงมีสถานะ :  เศาะหิ๊หฺ



อ้างอิงจากหนังสือ  

มุอ์ญัม อัษ-ษิกอต โดยเชคอบูตอลิบ อัตตัจญ์ลีล อัต-ตับรีซี  
สนพ. มุอัสสะซะฮ์ อัน-นัชรุลอิสลามี  เมืองกุม อิหร่าน  ปีพิมพ์เดือนญุมาดิษ-ษานี ฮศ. 1404


والحمد لله وصلي الله علي محمد وآله وسلم
ชื่อ: Re:วิจัย มะตั่นและสะนัด วะซียะฮ์ของนบีมุฮัมมัด (ศ)
โดย: L-umar เมื่อ ตุลาคม 30, 2009, 03:56:33 หลังเที่ยง


เรามาถึงคำถามที่   2



คำว่า  " เมาลา   "    และ   " วะลี "     ไม่ได้แปลว่า    ผู้ปกครอง  ?



โปรดอ่านต่อ ที่กระทู้นี้  


http://www.q4sunni.com/believe/index.php?option=com_kunena&Itemid=71&func=view&catid=2&id=1174
ชื่อ: Re:วิจัย มะตั่นและสะนัด วะซียะฮ์ของนบีมุฮัมมัด (ศ)
โดย: L-umar เมื่อ พฤศจิกายน 25, 2009, 09:39:35 ก่อนเที่ยง

เรามาถึงคำถามที่ 2



คำว่า " เมาลา " และ " วะลี " ไม่ได้แปลว่า ผู้ปกครอง ?



โปรดอ่านต่อ ที่กระทู้นี้


www.q4sunni.com/believe/index.php?option...;catid=2&id=1174